กาญจนรัตน์หมดอารมณ์ที่จะถ่ายทำต่อ เพราะนังเด็กพนักงานฝ่ายเสื้อผ้าตัวดีนั่น เพราะหล่อนไม่คิดโทษตัวเองอยู่แล้ว นังเด็กสาวหน้าสวยนั้น คิดทาบรัศมีของหล่อน แต่เมื่อเห็นชนากรพูดแบบนี้ หล่อนก็ปรับเปลี่ยนสีหน้าใหม่ เพื่อเอาใจเขา แต่อันที่จริงอยากจะกลับบ้านที่สุด “ค่ะ ถ้ากิ๊กไหว กิ๊กก็จะแข็งใจถ่ายต่อ” หล่อนรู้ว่าวิธีเรียกร้องความสนใจทำยังไง เพื่อให้เขาสนใจหล่อน ชนากรพระเอกหนุ่มขมวดคิ้ว “คุณหมอบอกว่าน้องกิ๊กไม่ได้เป็นอะไรมาก สบายใจเถอะอาการแค่นี้ต้องไหวน่า”เพราะชนากรเกรงใจทุกคนที่รอเขากับกาญจนรัตน์ แต่นางเอกสาวกลับคิดตรงข้าม หล่อนไม่สนใจใคร ขอให้แต่หล่อนได้รับความสุขสบายมากกว่าคนอื่น ในที่สุดต้องยอมรับตามเขา แม้จะไม่พอใจอยู่ลึกๆ“ค่ะ กิ๊กจะเชื่อพี่แชมป์” ************** เย็นวันนั้นก็ถือว่าผ่านไปด้วยดี มณีรัชดากำลังจะกลับบ้าน วันนี้เรื่องที่ทำให้หล่อนอารมณ์เสีย มาตั้งแต่เที่ยงยันเวลานี้คือบทบาทที่นอกจอของนางเอกสาว ที่หล่อนตีบทแตกชนิดกระจุย คงคิดว่ามณีรัชดารู้ไม่ทัน แต่หล่อนรู้เท่าทัน ที่ตัวของกาญจนรัตน์นั้นรับรู้ดี ว่าทำอ
มณีรัชดาหันไปทางเขา “นิดหน่อยค่ะ แต่ไม่มีอะไรมากหรอก กลับถึงบ้านอาบน้ำเข้านอน พอตื่นเช้ามาก็คงหายค่ะ” มณีรัชดาพูดง่ายๆ เพราะอาการแบบนี้หล่อนเคยเป็นและหายเอง “แต่ปล่อยทิ้งสะสมบ่อยก็ไม่ดีนะครับ จะทำให้สุขภาพเราแย่ลงกว่าเดิม” เขามีความคิดดีที่แนะนำ ใบหน้าของหล่อนยังค้างจ้องเขา แต่ว่าเขาดีกับหล่อนจริงหรือ ในลูกตาบางอย่างบางครั้งของเขา มณีรัชดานั้นดูไม่ไว้ใจเลย แต่พยายามคิดในทางที่ดีก่อน เพราะเขาอุตส่าห์อาสาขับรถส่งหล่อน เพื่อให้ถึงบ้านพักด้วย หล่อนจึงคิดในทางที่ดี คิดว่าเขาสนใจหล่อน ได้แต่แอบคิดเข้าข้างตัวเอง เพราะผู้ชายที่พาตัวมาวนเวียนใกล้ผู้หญิง จะมีอะไร ถ้าหากเขาไม่นึกคิดปรารถนา ล้วนเป็นคำตอบที่มณีรัชดารู้อยู่ แต่หล่อนยังไม่กล้าฟันธงปักใจเชื่อแน่ว่า เขายังมีใครอยู่หรือเปล่า “ขอบคุณค่ะที่ห่วงใย แต่พนักงานเงินเดือนน้อยอย่างณี คงไม่เป็นไรหรอกค่ะ ณีชินเสียแล้ว” หล่อนตอบแล้วหันสายตาไปเบื้องหน้าไม่ทอดสบตาเขาเพราะรู้ฐานะของตัวเองดี กำลังอยากจะลองใจลองความรู้สึกของวิภัสเช่นกัน ว่าคิดกับหล่อนอย่างไรแน่ ต้องกล้า? มณีรัชดาบอกตัวเอง
เมื่อทรุดนั่งลงเคียงคู่กับเขา วิภัสยิ้มให้เขาเลื่อนเมนูมาให้หล่อนเลือก หล่อนจึงเลือกอาหารสองสามอย่างตามใจเขา ตั้งใจกลับไปถึงบ้าน หล่อนจะทานข้าวที่มารดาปรุงไว้รอแต่มื้อนี้เห็นจะต้องแขวนท้องไว้กับคุณวิภัส ที่เขาใจดีเหลือเกิน อาสามาส่งหล่อนแต่ก็ยิ่งทำให้หล่อนเกรงใจเขามากขึ้นอีก เพราะเดี๋ยวจะหาว่าหล่อนใจง่าย มณีรัชดานั่งทานอาหารกับเขาบนโต๊ะนั้น อาหารหลากหลายอย่างเต็มจานไปหมดนี่วิภัสสั่งมาเพื่อใครกัน กินกันแค่สองคน และหล่อนยิ่งไม่เข้าใจในตัวเขาเลย พร้อมกันนั้นเขาเอ่ย “ทานเยอะๆนะครับผมตั้งใจเลี้ยงเต็มที่” มณีรัชดาเงยหน้ามองเขา “คุณสั่งกับข้าวมาเยอะแยะทำไมคะ ณี คงกินได้ไม่มากหรอก เพราะต้องควบคุมน้ำหนักค่ะ” มณีรัชดาตอบตามความจริง “ผู้หญิงมักจะห่วงเรื่องนี้อยู่แล้ว กลัวจะไม่สวยหรือกลัวอ้วนใช่ไหม” มณีรัชดายิ้มอีกระหว่างตักอาหารเข้าปาก เคี้ยวจนหมดคำเอ่ย “ค่ะ คุณไม่รู้หรือที่ผู้หญิงทุกคนกลัวมากที่สุด คือโรคอ้วนค่ะ ไม่งั้นจะควบคุมลำบาก” อิ่มแล้ว เขาไม่อยากจะกลับชวนหล่อนคุย มณีรัชดารู้สึกเกรงใจเขา และติดหล่มด้วย หล่อนจึงเลยไปตามเ
มณีรัชดาอมยิ้ม สุขใจกับการได้นั่งทานอาหารกับเขา ในขณะนั้นเขาเอาแต่จ้องหล่อน จนมณีรัชดารู้สึกแปลกๆกับการลอบมองในทำนองนี้ ขณะที่วิภัสใกล้จะถึงบ้านพักของเขา และกระหยิ่มยิ้มในแผนการขั้นต่อไปเขาจะต้องทำให้หล่อนตายใจมากกว่านี้แล้วพอหล่อนลุ่มหลง ยอมพัวพันกับเขา ก็สลัดหล่อนทิ้งอย่างไม่ไยดี เป็นสิ่งที่เขาต้องการสั่งสอนผู้หญิง ที่คิดจะใช้ฐานะของผู้ชายปีนป่ายเพื่อถีบตัวเองให้อยู่สูง หวังสะดวกสบายโดยไม่ต้องทำอะไรแต่ใจหนึ่งก็คิดอีกทาง มณีรัชดา ที่เขาได้รู้จัก ดูใสซื่อมากกว่าเจนจัด หรือชาญชำนาญในการใช้เสน่ห์หว่านล่อ บางทียังไม่ถึงคราวที่หล่อนงัดมาใช้กระมังจึงไม่ได้เห็นพิษสงในเรื่องนี้ แต่เขาก็มั่นใจว่า หล่อนไม่ใช่ผู้หญิงที่ดีนักหัวใจสับสนปนเป คล้ายกับบางสิ่งบางอย่างที่ตัดสินลงไปนั้นมันถูกหรือผิดก็ยังไม่ทราบ เพราะสิ่งเหล่านี้มันคละเคล้าก้ำกึ่งกัน และในเวลาทุ่มครึ่งของวันนี้ภูวพลนั้นเมามายกลับเข้าบ้าน และเขาตีโพยตีพายใส่คุณภวานันท์ “เพราะคุณแม่นั่นแหละ ผมรู้ว่าคุณแม่กำลังทำอะไรอยู่”คือคำพูด สีหน้าที่ตึงและแดงก่ำ เหมือนคนทรงตัวไม่อยู่ “แกรู้ว่าแม่
ทีนี้จอมภูกลับเป็นฝ่ายนอนไม่หลับแทนที่ เพราะใจครุ่นคิด กลับนึกถึงแต่ใบหน้าหวานคมของสาวสวยลอยวนทั้งที่เธอไม่มีคุณสมบัติพิเศษอะไร เป็นหญิงสาวกับคนๆเดียวที่น้องชายต้องการได้มาเป็นคู่ครอง และเขาควรจะเกลียดเธอ เพราะผู้หญิงที่ทำให้ผู้ชายหลงใหลง่ายๆ มักจะเป็นผู้หญิงไม่ดี นั่นเพราะหล่อนมีจริตลีลาช่ำชองและเสแสร้ง มายาเก่ง และเป็นอีกครั้ง ที่มณีรัชดาไปทำงานตามปกติ ปรากฏว่าภูวพลขับรถคันหรูมาดักเธอ ที่หน้าป้ายรถเมล์เนื่องจากเขาเห็นท่าทีไม่พอใจของมณีรัชดาที่เกิดขึ้นเมื่อวานเขาเคยมาที่บ้านของเธอสองครั้ง แต่ว่าไม่เคยเข้าไปในบ้าน จึงมาดักรอ มณีรัชดาแต่เช้าตรู่และตั้งใจจะเข้าทำงานในช่วงสาย เนื่องจากว่าเขาเป็นหลานชายของเจ้าของบริษัท มณีรัชดายิ่งตกใจ เมื่อมองเห็นหน้าของภูวพลที่ดูเหมือนเขาจะหลับพักผ่อนไม่เพียงพอจึงเห็นหน้าตาที่สะโหลสะเหล เหมือนคนอดตาหลับขับตานอน “คุณมาทำอะไรที่ป้ายรถเมล์นี่คะ พล” มณีรัชดาซึ่งออกจากบ้านแล้ว และกำลังจะไปทำงานได้มายืนรอรถเมล์ที่ป้ายรถประจำทางช่วงนี้เช้าตรู่ ผู้คนยังไม่พลุกพล่านมากนัก “นี่ผมมารอณี ตั้งแต่ตีห้า”“อะไรนะคะ คุณข
หล่อนต้องแสดงพิรุธออกมา และทราบดีว่าธุระที่ว่านั้น ต้องพบเจอกับน้องชายเขา จึงยิ้มหยันในสีหน้า ยามเธอเผลอ “เอ้อ แฟนของคุณณีหรือเปล่าครับ”มณีรัชดาตกใจ หล่อนยังไม่มีแฟนสักหน่อย เวลานี้ก็ยังไม่กล้าคิดถึงขนาดนั้น “ปละเปล่าค่ะ เป็นเพื่อน” “เป็นเพื่อนจริงหรือครับ” เขาถามพร้อมกับเงยหน้ามองหล่อนมณีรัชดาไม่รู้ว่า ทำไมหล่อนจึงสู้แสงตาคมของเขาไม่ได้ มันมีอานุภาพ และมนต์บางอย่างสะกดหล่อนให้ติดตรึง หล่อนเป็นฝ่ายมองหน้าเขาบ้าง เมื่อทำท่าไม่เชื่อ “เพื่อนสิคะ หรือคุณวิภัสจะให้เป็นอะไร” “ปละเปล่าครับ ผมล้อเล่น” เขากลับคำได้รวดเร็ว พร้อมสีหน้าที่กรุ้มกริ่มเป็นราบเรียบปกติ มณีรัชดาใจสั่นเต้นแรงอีกครั้ง เหมือนเขาจีบเกี้ยวเธอ“คุณวิภัสนี่ชอบพูดเล่น ไม่เอาค่ะ ดิฉันต้องขอตัวเข้างานก่อน” เอ่ยเพื่อตัดบทเสียทีลงจากรถ วิภัสมองตามแล้วตัดสินใจเปิดประตูหาที่ว่างจอดใกล้ถือโอกาสเดินเข้าไป อยากทักทายเจ้าของร้าน ซึ่งไม่ค่อยได้เจอกันนาน แต่อีกใจหนึ่งกลัวความลับแตก กลัวเรียกชื่อเขาผิดเลยตัดสินใจเดินกลับมาที่รถเหมือนเดิม “อ้
มณีรัชดาเอ่ยเพียงเท่านี้ ทั้งที่วิภัสรู้มาจากเพื่อนสนิท ให้โทร.ไปถามพี่สาว เขาจึงเห็นว่า ช่วงนี้เป็นช่วงปลอด และสะดวก ทำให้เขาเข้าถึงตัวมณีรัชดา และใช้เสน่ห์ของเขาหลอกเพื่อให้หล่อนติดบ่วงรัก ซึ่งวิภัสคิดและมั่นใจว่าเขาจะทำได้ง่ายมาก เพราะในเวลานี้พอจะรู้แล้วว่ามณีรัชดาก็ติดใจ อยากจะผูกพันกับเขาไม่น้อย“คุณณีจะกลับแล้ว” เขาเอ่ยถาม “ค่ะ ณีจะกลับ เพราะว่าเลิกงานแล้วค่ะ คุณวิภัส” พร้อมยิ้มให้เขาเพราะเห็นเขาเป็นคนดี เป็นสุภาพบุรุษที่มีน้ำใจและสุภาพ “เอ้อ ถ้าไม่รังเกียจอีกครั้ง คุณณีจะให้ผมไปส่งถึงบ้านมั๊ยครับ” มณีรัชดาอึ้งและยืนแข็งชั่วขณะเมื่อเช้าเขาก็มาส่งหล่อนแล้ว นี่จะอาสาส่งอีกรอบหญิงสาวจึงปฏิเสธ “ไม่ต้องรบกวนคุณ วิภัสหรอกค่ะ ณีจะกลับเอง” เมื่อเห็นหล่อนปฏิเสธ เขาหาทางอื่น ด้วยการหว่านล้อม และพูดเพื่อ่ให้หล่อนคล้อยตาม “ไม่กลัวรถติดหรือครับ ผมว่าช่วงนี้รถคงติดมาก ถ้านั่งรถเมล์ คงอัดแน่นเป็นปลากระป๋อง ผมสงสารคุณณีนะครับ”เขาพยายามทำให้มณีรัชดาใจอ่อนซึ่งมณีรัชดาเองก็กำลังใจอ่อนจริงๆ เห็นเขาพูดอย่างนั้น เหมือนเขามีน้ำใจกับห
สายตาของหล่อน ที่มองด้วยความผิดหวังแล้วยังแค้นใจ “คุณเห็นว่าณี เป็นผู้หญิงใจแตก” “แต่ผมรักคุณณี” เขาพยายามเอาความรักมาอ้าง “ความรักไม่ใช่การแสดงออกที่เห็นแก่ตัว” หล่อนแข็งแกร่งเกินที่เขาจะต้านทาน ทั้งที่มณีรัชดาเกือบเสร็จเขาแล้ว “เอาเป็นว่าพาณีไปจากที่นี่เสียโดยเร็วเถอะค่ะ แล้วณีจะไม่แจ้งความเอาเรื่องคุณ แต่คราวหน้าคราวหลังอย่าคิดทำอย่างนี้อีก ณีไม่ใช่ของเล่นของใคร ณีขอร้องและอยากจะบอกคุณอย่างนี้ คุณวิภัส” เขาเลยจำใจต้องพาหล่อนออกไปจากสถานที่แห่งนี้ เพิ่งได้รู้ว่า มณีรัชดาเป็นคนหวงตัวไม่ใช่น้อย ผิดวิสัยของผู้หญิงที่หิวเงิน หรือว่าหล่อนอยากอัพตัวเองให้ดูมีเกรดสูง เพราะจะได้ค่าตอบแทนที่คุ้มค่า “ส่งดิฉันแค่ปากทางนี้ จะนั่งรถแท็กซี่กลับ” หล่อนเอ่ยแบบไม่แยแสเขาสักนิดไม่ปลอดภัย เพราะเขาคิดทำร้ายหล่อน มิไยที่เขาขอร้อง “ได้โปรดเถอะ คุณณี ให้ผมส่งไปถึงบ้าน” “คุกตะรางนะสิ ที่ฉันจะยื่นให้คุณ ฉันจะแจ้งความแค่นี้มันก็น้อยเกินไปกับสิ่งเลวร้ายที่คุณกำลังจะก่อ” มณีรัชดาตอบเสียงเข้ม จน