จากคนที่มีการศึกษา ถือว่าตัวเองเด่นในวงการ แต่นิสัยและมารยาทแย่ ไม่รู้จักเข้าแถวต่อคิวเหมือนคนอื่น ถ้อยคำที่มณีรัชดาเอ่ยขึ้นทำให้กาญจนรัตน์มองหล่อนตาเขม็ง แต่มณีรัชดายังคงไม่สนใจ คิดว่า หล่อนควรได้อาหารที่ป้าตักใส่จานมาให้ เพราะมาเข้าคิวก่อนนางเอกสาวและหล่อนก็ยืนคอยคิวคนอื่นเหมือนกัน ป้าสมบูรณ์และลูกมือชะงักทำอะไรไม่ถูก “ขอฉันก่อนสิป้า เดี๋ยวจะต้องรีบเข้ากอง มีถ่ายต่อบ่ายสี่โมงคนอื่นกระจอกงอกง่อย จะมาสำคัญอะไรเท่าฉัน”เสียงของนางเอกสาวที่ออกงิ้วเป็นนางมารร้าย หล่อนวีนเข้าให้แผดเสียงหน้าหงิกอย่างไม่พอใจเป็นเพราะหล่อนมาช้าเอง มัวแต่ทำธุระส่วนตัวเข้าห้องน้ำ มณีรัชดาคิดว่าไม่เป็นธรรมกับหล่อน มาก่อนต้องได้ก่อน มาหลังต้องได้หลังจึงเงยหน้าขึ้นมองนางเอกสาวอย่างไม่เกรงกลัว เพราะหล่อนก็รีบเหมือนกัน ป้าสมบูรณ์ยังไม่ตัดสินใจส่งข้าวแกงในมือให้หล่อน เพราะคำพูดของนางเอกสาว “ตามคิวสิคะคุณ มาก่อนต้องได้ก่อน มาหลังต้องได้หลัง คนอื่นเขาก็รอนานเหมือนกัน” มณีรัชดาฝีปากร้อน หล่อนชอบความเป็นธรรม ไม่เอาเปรียบ ฝ่ายนางเอกสาวก็จ้องตาใส่หล่อน พร้อมโก
กาญจนรัตน์หมดอารมณ์ที่จะถ่ายทำต่อ เพราะนังเด็กพนักงานฝ่ายเสื้อผ้าตัวดีนั่น เพราะหล่อนไม่คิดโทษตัวเองอยู่แล้ว นังเด็กสาวหน้าสวยนั้น คิดทาบรัศมีของหล่อน แต่เมื่อเห็นชนากรพูดแบบนี้ หล่อนก็ปรับเปลี่ยนสีหน้าใหม่ เพื่อเอาใจเขา แต่อันที่จริงอยากจะกลับบ้านที่สุด “ค่ะ ถ้ากิ๊กไหว กิ๊กก็จะแข็งใจถ่ายต่อ” หล่อนรู้ว่าวิธีเรียกร้องความสนใจทำยังไง เพื่อให้เขาสนใจหล่อน ชนากรพระเอกหนุ่มขมวดคิ้ว “คุณหมอบอกว่าน้องกิ๊กไม่ได้เป็นอะไรมาก สบายใจเถอะอาการแค่นี้ต้องไหวน่า”เพราะชนากรเกรงใจทุกคนที่รอเขากับกาญจนรัตน์ แต่นางเอกสาวกลับคิดตรงข้าม หล่อนไม่สนใจใคร ขอให้แต่หล่อนได้รับความสุขสบายมากกว่าคนอื่น ในที่สุดต้องยอมรับตามเขา แม้จะไม่พอใจอยู่ลึกๆ“ค่ะ กิ๊กจะเชื่อพี่แชมป์” ************** เย็นวันนั้นก็ถือว่าผ่านไปด้วยดี มณีรัชดากำลังจะกลับบ้าน วันนี้เรื่องที่ทำให้หล่อนอารมณ์เสีย มาตั้งแต่เที่ยงยันเวลานี้คือบทบาทที่นอกจอของนางเอกสาว ที่หล่อนตีบทแตกชนิดกระจุย คงคิดว่ามณีรัชดารู้ไม่ทัน แต่หล่อนรู้เท่าทัน ที่ตัวของกาญจนรัตน์นั้นรับรู้ดี ว่าทำอ
มณีรัชดาหันไปทางเขา “นิดหน่อยค่ะ แต่ไม่มีอะไรมากหรอก กลับถึงบ้านอาบน้ำเข้านอน พอตื่นเช้ามาก็คงหายค่ะ” มณีรัชดาพูดง่ายๆ เพราะอาการแบบนี้หล่อนเคยเป็นและหายเอง “แต่ปล่อยทิ้งสะสมบ่อยก็ไม่ดีนะครับ จะทำให้สุขภาพเราแย่ลงกว่าเดิม” เขามีความคิดดีที่แนะนำ ใบหน้าของหล่อนยังค้างจ้องเขา แต่ว่าเขาดีกับหล่อนจริงหรือ ในลูกตาบางอย่างบางครั้งของเขา มณีรัชดานั้นดูไม่ไว้ใจเลย แต่พยายามคิดในทางที่ดีก่อน เพราะเขาอุตส่าห์อาสาขับรถส่งหล่อน เพื่อให้ถึงบ้านพักด้วย หล่อนจึงคิดในทางที่ดี คิดว่าเขาสนใจหล่อน ได้แต่แอบคิดเข้าข้างตัวเอง เพราะผู้ชายที่พาตัวมาวนเวียนใกล้ผู้หญิง จะมีอะไร ถ้าหากเขาไม่นึกคิดปรารถนา ล้วนเป็นคำตอบที่มณีรัชดารู้อยู่ แต่หล่อนยังไม่กล้าฟันธงปักใจเชื่อแน่ว่า เขายังมีใครอยู่หรือเปล่า “ขอบคุณค่ะที่ห่วงใย แต่พนักงานเงินเดือนน้อยอย่างณี คงไม่เป็นไรหรอกค่ะ ณีชินเสียแล้ว” หล่อนตอบแล้วหันสายตาไปเบื้องหน้าไม่ทอดสบตาเขาเพราะรู้ฐานะของตัวเองดี กำลังอยากจะลองใจลองความรู้สึกของวิภัสเช่นกัน ว่าคิดกับหล่อนอย่างไรแน่ ต้องกล้า? มณีรัชดาบอกตัวเอง
เมื่อทรุดนั่งลงเคียงคู่กับเขา วิภัสยิ้มให้เขาเลื่อนเมนูมาให้หล่อนเลือก หล่อนจึงเลือกอาหารสองสามอย่างตามใจเขา ตั้งใจกลับไปถึงบ้าน หล่อนจะทานข้าวที่มารดาปรุงไว้รอแต่มื้อนี้เห็นจะต้องแขวนท้องไว้กับคุณวิภัส ที่เขาใจดีเหลือเกิน อาสามาส่งหล่อนแต่ก็ยิ่งทำให้หล่อนเกรงใจเขามากขึ้นอีก เพราะเดี๋ยวจะหาว่าหล่อนใจง่าย มณีรัชดานั่งทานอาหารกับเขาบนโต๊ะนั้น อาหารหลากหลายอย่างเต็มจานไปหมดนี่วิภัสสั่งมาเพื่อใครกัน กินกันแค่สองคน และหล่อนยิ่งไม่เข้าใจในตัวเขาเลย พร้อมกันนั้นเขาเอ่ย “ทานเยอะๆนะครับผมตั้งใจเลี้ยงเต็มที่” มณีรัชดาเงยหน้ามองเขา “คุณสั่งกับข้าวมาเยอะแยะทำไมคะ ณี คงกินได้ไม่มากหรอก เพราะต้องควบคุมน้ำหนักค่ะ” มณีรัชดาตอบตามความจริง “ผู้หญิงมักจะห่วงเรื่องนี้อยู่แล้ว กลัวจะไม่สวยหรือกลัวอ้วนใช่ไหม” มณีรัชดายิ้มอีกระหว่างตักอาหารเข้าปาก เคี้ยวจนหมดคำเอ่ย “ค่ะ คุณไม่รู้หรือที่ผู้หญิงทุกคนกลัวมากที่สุด คือโรคอ้วนค่ะ ไม่งั้นจะควบคุมลำบาก” อิ่มแล้ว เขาไม่อยากจะกลับชวนหล่อนคุย มณีรัชดารู้สึกเกรงใจเขา และติดหล่มด้วย หล่อนจึงเลยไปตามเ
มณีรัชดาอมยิ้ม สุขใจกับการได้นั่งทานอาหารกับเขา ในขณะนั้นเขาเอาแต่จ้องหล่อน จนมณีรัชดารู้สึกแปลกๆกับการลอบมองในทำนองนี้ ขณะที่วิภัสใกล้จะถึงบ้านพักของเขา และกระหยิ่มยิ้มในแผนการขั้นต่อไปเขาจะต้องทำให้หล่อนตายใจมากกว่านี้แล้วพอหล่อนลุ่มหลง ยอมพัวพันกับเขา ก็สลัดหล่อนทิ้งอย่างไม่ไยดี เป็นสิ่งที่เขาต้องการสั่งสอนผู้หญิง ที่คิดจะใช้ฐานะของผู้ชายปีนป่ายเพื่อถีบตัวเองให้อยู่สูง หวังสะดวกสบายโดยไม่ต้องทำอะไรแต่ใจหนึ่งก็คิดอีกทาง มณีรัชดา ที่เขาได้รู้จัก ดูใสซื่อมากกว่าเจนจัด หรือชาญชำนาญในการใช้เสน่ห์หว่านล่อ บางทียังไม่ถึงคราวที่หล่อนงัดมาใช้กระมังจึงไม่ได้เห็นพิษสงในเรื่องนี้ แต่เขาก็มั่นใจว่า หล่อนไม่ใช่ผู้หญิงที่ดีนักหัวใจสับสนปนเป คล้ายกับบางสิ่งบางอย่างที่ตัดสินลงไปนั้นมันถูกหรือผิดก็ยังไม่ทราบ เพราะสิ่งเหล่านี้มันคละเคล้าก้ำกึ่งกัน และในเวลาทุ่มครึ่งของวันนี้ภูวพลนั้นเมามายกลับเข้าบ้าน และเขาตีโพยตีพายใส่คุณภวานันท์ “เพราะคุณแม่นั่นแหละ ผมรู้ว่าคุณแม่กำลังทำอะไรอยู่”คือคำพูด สีหน้าที่ตึงและแดงก่ำ เหมือนคนทรงตัวไม่อยู่ “แกรู้ว่าแม่
ทีนี้จอมภูกลับเป็นฝ่ายนอนไม่หลับแทนที่ เพราะใจครุ่นคิด กลับนึกถึงแต่ใบหน้าหวานคมของสาวสวยลอยวนทั้งที่เธอไม่มีคุณสมบัติพิเศษอะไร เป็นหญิงสาวกับคนๆเดียวที่น้องชายต้องการได้มาเป็นคู่ครอง และเขาควรจะเกลียดเธอ เพราะผู้หญิงที่ทำให้ผู้ชายหลงใหลง่ายๆ มักจะเป็นผู้หญิงไม่ดี นั่นเพราะหล่อนมีจริตลีลาช่ำชองและเสแสร้ง มายาเก่ง และเป็นอีกครั้ง ที่มณีรัชดาไปทำงานตามปกติ ปรากฏว่าภูวพลขับรถคันหรูมาดักเธอ ที่หน้าป้ายรถเมล์เนื่องจากเขาเห็นท่าทีไม่พอใจของมณีรัชดาที่เกิดขึ้นเมื่อวานเขาเคยมาที่บ้านของเธอสองครั้ง แต่ว่าไม่เคยเข้าไปในบ้าน จึงมาดักรอ มณีรัชดาแต่เช้าตรู่และตั้งใจจะเข้าทำงานในช่วงสาย เนื่องจากว่าเขาเป็นหลานชายของเจ้าของบริษัท มณีรัชดายิ่งตกใจ เมื่อมองเห็นหน้าของภูวพลที่ดูเหมือนเขาจะหลับพักผ่อนไม่เพียงพอจึงเห็นหน้าตาที่สะโหลสะเหล เหมือนคนอดตาหลับขับตานอน “คุณมาทำอะไรที่ป้ายรถเมล์นี่คะ พล” มณีรัชดาซึ่งออกจากบ้านแล้ว และกำลังจะไปทำงานได้มายืนรอรถเมล์ที่ป้ายรถประจำทางช่วงนี้เช้าตรู่ ผู้คนยังไม่พลุกพล่านมากนัก “นี่ผมมารอณี ตั้งแต่ตีห้า”“อะไรนะคะ คุณข
หล่อนต้องแสดงพิรุธออกมา และทราบดีว่าธุระที่ว่านั้น ต้องพบเจอกับน้องชายเขา จึงยิ้มหยันในสีหน้า ยามเธอเผลอ “เอ้อ แฟนของคุณณีหรือเปล่าครับ”มณีรัชดาตกใจ หล่อนยังไม่มีแฟนสักหน่อย เวลานี้ก็ยังไม่กล้าคิดถึงขนาดนั้น “ปละเปล่าค่ะ เป็นเพื่อน” “เป็นเพื่อนจริงหรือครับ” เขาถามพร้อมกับเงยหน้ามองหล่อนมณีรัชดาไม่รู้ว่า ทำไมหล่อนจึงสู้แสงตาคมของเขาไม่ได้ มันมีอานุภาพ และมนต์บางอย่างสะกดหล่อนให้ติดตรึง หล่อนเป็นฝ่ายมองหน้าเขาบ้าง เมื่อทำท่าไม่เชื่อ “เพื่อนสิคะ หรือคุณวิภัสจะให้เป็นอะไร” “ปละเปล่าครับ ผมล้อเล่น” เขากลับคำได้รวดเร็ว พร้อมสีหน้าที่กรุ้มกริ่มเป็นราบเรียบปกติ มณีรัชดาใจสั่นเต้นแรงอีกครั้ง เหมือนเขาจีบเกี้ยวเธอ“คุณวิภัสนี่ชอบพูดเล่น ไม่เอาค่ะ ดิฉันต้องขอตัวเข้างานก่อน” เอ่ยเพื่อตัดบทเสียทีลงจากรถ วิภัสมองตามแล้วตัดสินใจเปิดประตูหาที่ว่างจอดใกล้ถือโอกาสเดินเข้าไป อยากทักทายเจ้าของร้าน ซึ่งไม่ค่อยได้เจอกันนาน แต่อีกใจหนึ่งกลัวความลับแตก กลัวเรียกชื่อเขาผิดเลยตัดสินใจเดินกลับมาที่รถเหมือนเดิม “อ้
มณีรัชดาเอ่ยเพียงเท่านี้ ทั้งที่วิภัสรู้มาจากเพื่อนสนิท ให้โทร.ไปถามพี่สาว เขาจึงเห็นว่า ช่วงนี้เป็นช่วงปลอด และสะดวก ทำให้เขาเข้าถึงตัวมณีรัชดา และใช้เสน่ห์ของเขาหลอกเพื่อให้หล่อนติดบ่วงรัก ซึ่งวิภัสคิดและมั่นใจว่าเขาจะทำได้ง่ายมาก เพราะในเวลานี้พอจะรู้แล้วว่ามณีรัชดาก็ติดใจ อยากจะผูกพันกับเขาไม่น้อย“คุณณีจะกลับแล้ว” เขาเอ่ยถาม “ค่ะ ณีจะกลับ เพราะว่าเลิกงานแล้วค่ะ คุณวิภัส” พร้อมยิ้มให้เขาเพราะเห็นเขาเป็นคนดี เป็นสุภาพบุรุษที่มีน้ำใจและสุภาพ “เอ้อ ถ้าไม่รังเกียจอีกครั้ง คุณณีจะให้ผมไปส่งถึงบ้านมั๊ยครับ” มณีรัชดาอึ้งและยืนแข็งชั่วขณะเมื่อเช้าเขาก็มาส่งหล่อนแล้ว นี่จะอาสาส่งอีกรอบหญิงสาวจึงปฏิเสธ “ไม่ต้องรบกวนคุณ วิภัสหรอกค่ะ ณีจะกลับเอง” เมื่อเห็นหล่อนปฏิเสธ เขาหาทางอื่น ด้วยการหว่านล้อม และพูดเพื่อ่ให้หล่อนคล้อยตาม “ไม่กลัวรถติดหรือครับ ผมว่าช่วงนี้รถคงติดมาก ถ้านั่งรถเมล์ คงอัดแน่นเป็นปลากระป๋อง ผมสงสารคุณณีนะครับ”เขาพยายามทำให้มณีรัชดาใจอ่อนซึ่งมณีรัชดาเองก็กำลังใจอ่อนจริงๆ เห็นเขาพูดอย่างนั้น เหมือนเขามีน้ำใจกับห
เขาประคองมณีรัชดาเป็นความผูกพันลึกซึ้งยามอยู่ห่างไกลบ้าน มณีรัชดาคิดถึงพ่อแม่คิดถึงกรุงเทพ แต่แน่นอนละภาวะของหล่อนคือคนมีครรภ์อดฟุ้งซ่านไม่ได้และจอมภูพยายามทำดีกับหล่อนสารพัดทุกอย่าง ที่เขาแสนจะเอาใจ จนมณีรัชดายากที่จะปฏิเสธได้ หล่อนช่วยเหลือตัวเองไม่ได้หากจอมภูถึงกับเสียสละทุกอย่าง บางทีทิฐิมันเหมือนกับน้ำกรดราดรดดวงใจตัวเองเหมือนกัน หล่อนครุ่นคิด แต่ถึงกระนั้น หล่อนก็ควรที่จะให้บทเรียนอันแสนจะเจ็บปวดให้เขาด้วยเหมือนกันจนกระทั่งมณีรัชดาคลอดบุตรที่โรงพยาบาลเป็นลูกสาวในอีกสามวันต่อมา ประเทศที่หล่อนอาศัยอยู่ณบัดนี้เข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว หนาวเหน็บจัดพร้อมด้วยหิมะโปรยปราย จอมภูพยายามใช้การกระทำของเขามากกว่าคำพูด ให้มันราดรดในดวงใจของหล่อนถึงความซื่อสัตย์และภักดีตลอดกาล เพื่อทดแทนสิ่งที่ผิดพลาด ณเสี้ยวหนึ่งของหัวใจหล่อนรับทราบแล้วว่า เขาเป็นคนที่ดีมากพอ แต่ในด้านเลวร้ายนั่นล่ะ ซาตานดีๆนี่เอง หล่อนจะไม่พยายามคิดในเมื่อความดีของเขาก็ราดรดลงไปในหัวใจของหล่อน ให้ความอบอุ่นดูแลลูกสาว ในฐานะของพ่อเกินที่มณีรัชดาจะท้วงหรือปราม เขาทำไปด้วยความสุจริตใจหล่อนรับรู้ตลอดเวลาที่มีเข
จนกระทั่งมณีรัชดาคลอดบุตรที่โรงพยาบาลเป็นลูกสาวในอีกสามวันต่อมา ประเทศที่หล่อนอาศัยอยู่ณบัดนี้เข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว หนาวเหน็บจัดพร้อมด้วยหิมะโปรยปราย จอมภูพยายามใช้การกระทำของเขามากกว่าคำพูด ให้มันราดรดในดวงใจของหล่อนถึงความซื่อสัตย์และภักดีตลอดกาล เพื่อทดแทนสิ่งที่ผิดพลาด ณเสี้ยวหนึ่งของหัวใจหล่อนรับทราบแล้วว่า เขาเป็นคนที่ดีมากพอ แต่ในด้านเลวร้ายนั่นล่ะ ซาตานดีๆนี่เอง หล่อนจะไม่พยายามคิด เมื่อเขาชี้แจงว่า “ผมมาจากเมืองไทยที่อยู่ทราบจากคุณรังสินัย” เมื่อเอ่ยอ้างถึงหลานชายของหล่อน ทำให้คุณนันทนิจรับทราบ “ผมมีปัญหาบางอย่างที่ต้องปรับใจกับณี” เขาเอ่ย ทำให้คุณนันทนิจเข้าใจทันที “มณีรัชดา” หล่อนอุทาน “ใช่ครับ ผมเป็นสามี เธอหนีจากผมมา” “หนีหรือคะ” “ผมขออนุญาตได้ไหม”เขาเอ่ยหลังจากที่ชี้แจง ไม่มีการบอกกล่าวมาล่วงหน้าเพื่อตรวจดูความผิดพลาด คุณนันทนิจขอตัวโทร.ทางไกลไปเมืองไทยเพื่อถามหลานชาย ได้รับคำตอบแบบเดียวกันคือ ยืนยันถึงความเป็นสามีของลูกจ้างสาว “ดิฉันไม่ทราบหรอกนะคะว่าเกิดอะไรขึ้น แต่หลานชายต้องการพึ่งพา ให้พา
“เขาให้แม่มาไกล่เกลี่ยหรือไงคะ”มณีรัชดาเอ่ยโดยไม่ยอมเอ่ยชื่อเขา นางรัชนีถอนใจ กับลูกสาวที่เริ่มจะทิฐิขึ้นมา“นี่แม่นะนี่แม่ของแก จะดีจะชั่วยังไงก็ยอมรับว่าแกเป็นลูก” มณีรัชดากำลังทำใจอย่างหนัก การที่มารดามาที่นี่เหมือนท่านบุกเข้ามาหาหล่อนที่คอนโดไม่เคยมีใครทราบมาก่อน และเขาคนเดียวเท่านั้นที่พามา มันเป็นเรื่อง ที่ตัดสินใจลำบากทั้งเรื่องส่วนตัวเหตุผลอีกทั้งความรัก รวมทั้งความเจ็บแค้นที่ผสมผสานกันและความผิดของเขาเกิดขึ้นมานาน และสะสมสั่งเอาไว้พอกพูนจนมันเต็มไปด้วยอัตราของความแค้นที่เหมือนไฟเผาผลาญจู่ๆหล่อน จะมาอภัยให้เขาง่ายๆในสิ่งที่เขาทำกับหล่อนอย่างเจ็บปวด “แม่ไปถามผู้ชายคนที่เขาบอกที่อยู่ของหนูสิคะว่าเขาทำอะไรลงไปบ้าง” มณีรัชดากลับตอบไปอย่างนั้นทำให้รัชนีเงียบ และเริ่มเข้าใจถึงสภาพจิตใจของบุตรสาว “ถึงอย่างไรแม่ก็ไม่อยากให้แก หนีแม่ไปอีก อย่าไปเลยนะลูก เมืองนงเมืองนอก แม่ห่วง ไปดูหมอเขาทักไว้ว่า ลูกไม่ควรเดินทางออกไปต่างประเทศ อย่าขึ้นเครื่องบิน” มณีรัชดาตกใจอย่างมากที่สุดกับคำกล่าวของมารดาไม่เคยทราบด้วยว่า ท่านจะเอาดวงของหล่อนไปให้ห
ความจริงที่ว่าคือเขารักมณีรัชดาอย่างมาก ต้องการครองคู่ อยู่กับหล่อนตลอดไปในเส้นทางอนาคต ทำให้จอมภูต้องยิ้มออกมาเมื่อเห็นสีหน้าของมารดาคลายลงจากคำพูดที่น้องชายเอ่ยออกมาพร้อมแฟนสาวช่วยสนับสนุนในรักครั้งนี้ของเขา อีกทั้งช่วยแก้ต่าง ให้กับมณีรัชดา ภรรยาของเขาให้พ้นผิดด้วย เพราะภรรยาของเขานั้น หล่อนไม่ได้เป็นอย่างที่ทุกคนกำลังกล่าวหาสักนิด หล่อนสะอาดและบริสุทธิ์เสมอ อย่างที่เขาเองก็นึกไม่ถึงเช่นกัน ในอดีตเขาเคยร่ำร้อง ที่จะเดียดฉันท์ โกรธอาฆาตแค้นหล่อนที่กลายเป็นนางแม่มดเจ้าเสน่ห์เพื่อหลอกล่อให้น้องชายของเขามาตกหลุมรักเพราะหวังในความสุขสบาย เพราะภูวพลมีฐานะร่ำรวยเป็นทายาท ของนักธุรกิจชื่อดังของเมืองไทย นี่คือความโง่เขลาอย่างมากที่สุดที่เขาได้ทำมา จนจอมภูอยากเขกหัวของตัวเอง ย้อนหลังกลับไปสองร้อยกว่าครั้งถึงจะสาสม กับความผิด และความโง่ของเขาด้วยซ้ำ เวลาเนิ่นนานที่เขามีอคติต่อหล่อน กลายเป็นคนที่โง่บรมโง่ เหลือเกิน ยอมรับว่าเขาหูตามืดมัวเพราะรักและห่วงน้องชาย คนเดียวที่กลัวจะตกเป็นเหยื่อและเป็นคำสั่งของมารดา ที่ท่านต้องการจะกีดกันทั้
“ทำไม?ผมถามคุณไม่ตอบล่ะว่าไปอยู่ที่ไหนและผมไม่ยอมให้คุณไปอยู่ที่ไหนอีกแล้วนะต้องอยู่กับผมตลอดไปจะต้องช่วยเลี้ยงลูกของเรา ให้เจริญเติบโตเป็นคนดี” “ฉันไปพักอยู่กับเพื่อนรุ่นที่ ที่เขาใจดีมากค่ะ เขาเป็นพี่ชายที่ฉันเคารพรักและมีบุญคุณเสมอมา” “แล้วเขาเป็นใครล่ะ” “เขาชื่อ คุณรังสินัยค่ะ” “คราวหลัง ถ้าผมได้เจอเขาแล้วนั้นผมจะขอบคุณเขาอย่างมากที่ช่วยดูแล เมียผมกับลูกผมให้ปลอดภัย” คราวนี้มณีรัชดาหันมามองเขาสายตาของหล่อนเงยขึ้น “คุณไม่ตะขิดตะขวงหรือยังไงคะที่ฉันไปอยู่อย่างนั้น” “คงไม่หรอก ผมรู้ว่า ผมนั้นทำผิดอะไร” จอมภูตอบเสียงนุ่มอย่างรู้ดีว่า เขาทำผิดอะไร “แล้ว ขอให้ผมได้ไถ่โทษความผิดครั้งนี้ด้วยการขอคุณแต่งงานได้ไหม ผมจะไม่รีรอเลยนะณีและต้องการให้เรื่องนี้เร็วที่สุด” มณีรัชดาถึงกับอึ้งที่เขาพูดเช่นนี้ยิ้มอย่างอายและเขิน “เอ้อ ค่ะ” “ผมดีใจที่คุณเข้าใจผมและเข้าใจความรู้สึกของเรา คงไม่โกรธใช่ไหม กับเรื่องที่ผ่านมา เอ้อที่ผมล่วงเกินคุณ ใครล่ะจะอดใจได้ ก็คุณสวยขนาดนั้น” จอมภูกระซิบพร่ำที่ริมกกหูของ
จอมภูจึงขับรถมุ่งตรงไปที่บ้านเช่าของเธอที่เคยอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับบิดามารดา และเขาเคยมาแล้วหนหนึ่งแต่ว่าไม่พบกับมณีรัชดาซึ่งบิดาและมารดาของเธอก็ไม่สามารถให้คำตอบเขาได้เช่นกัน เขามั่นใจว่ามณีรัชดาต้องอยู่ เพราะว่าเขารู้สึกไม่สบายใจเลยที่ทำแบบนี้กับหล่อน แม้แต่คาดคิดก็ตามและมณีรัชดาก็เช่นกัน เขาคิดว่าหล่อนคงจะเป็นเหมือนเขา ที่เป็นอย่างนี้เพราะเขาแน่ใจอย่างนั้นว่าเขารักหล่อนมาก มันไม่ใช่เรื่องที่หลอกลวง หรืออยากจะแก้แค้นหล่อน ความรักที่บริสุทธิ์นั้น ยากที่จะบอกได้ ซึ่งขับรถมุ่งตรงมาที่บางแค ก็ด้วยความหวัง ขณะเดียวกันนั้นมณีรัชดาลงจากรถแท็กซี่แล้วเดินเข้าไปในบ้าน ทำให้นางรัชนีกับนายมิ่งผู้เป็นบิดาต่างมองด้วยความตกใจและดีใจเช่นกันเมื่อได้มองเห็นชัดเจนว่า ลูกสาวตั้งท้อง จึงเป็นคำตอบที่ทราบดีว่าที่ลูกสาวหายไปจากบ้านเป็นเพราะสาเหตุนี้ นางรัชนีปรามผู้เป็นสามีและทั้งคู่ปรึกษากันว่าจะไม่ซักถามมณีรัชดาที่เพิ่งมาถึง เพราะกลัวว่าลูกสาวจะเตลิดไปไกลอีกนางรัชนีกับไพจิตรจึงพยายามพูดดีๆ “กลับมาแล้วเหรอเข้าไปพักผ่อนข้างในก่อนเถอะลูก มีอ
และมณีรัชดาพยายามเอ่ยกับเขาอย่างมีสติมากที่สุด และไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรของเขา ถึงได้เอาชีวิตของเขามาเสี่ยงกับหล่อน“ณี คิดว่าไม่เหมาะสม” “ไม่เหมาะสมยังไงครับ”เขาหันหน้าไปทางมณีรัชดา และหล่อนพยายามหาคำตอบให้เขา “เอ้อ คิดว่า มันเป็นไปไม่ได้ แล้วคุณก็มีพระคุณมากล้นอย่างนั้น ณี ย่อมทำไม่ได้อย่างแน่นอน” เสียงของหล่อนเข้มชัดเจน และเป้าหมายเป็นอย่างนั้นทำให้รังสินัยยิ้มออกมา “ผมเพียงแค่ลองใจคุณณีเล่นเท่านั้น แต่ไม่ทำจริงหรอกครับ เพราะรู้คำตอบดีแล้ว” ที่เขาเอ่ยทำให้หล่อนต้องตกใจ “คุณนัยลองใจณีดูหรือคะ” “ก็ใช่นะสิครับ อยากรู้ความจริง” “ความจริงเรื่องอะไรคะ” “ก็ที่คุณณีไม่ยอมบอกผมจริงๆว่าใครกันแน่ ที่เป็นพ่อของเด็กในท้องของคุณ ไม่ต้องกลัวว่าผมจะจับเขามาซ้อมหรอกครับ” ทำให้มณีรัชดาไม่ขำด้วยแต่หล่อนทำสีหน้าบึ้ง และตึงใส่เขา “คุณนัย นี่อย่าทำเล่นอย่างนี้สิคะ” “ถ้าไม่ให้ผมทำเล่น ผมทำจริงก็ได้ อ้าวคุณก็ยอมยกหน้าที่ให้ผม เป็นพ่อของลูกในท้องคุณหรือเปล่า?” เมื่อเขาถามคำนี้อีกครั้งด้วยสีหน้าที่
เมื่อปัณนชาเอ่ยเสริมและพูดแบบนี้ ทำให้มณีรัชดานิ่ง และหล่อนเริ่มสูดลมหายใจเข้าปอด “สิ่งที่พี่ปัณได้ยินหรือได้ฟังจากเขามันอาจจะเป็นแค่เรื่องจอมปลอม หรือการแสดงละครเล่นเท่านั้นแหละค่ะ”สิ่งที่มณีรัชดาเอ่ย ทำให้ปัณนชาแปลกใจเหมือนกัน เพราะเธอก็เก็บความสงสัยนี้เอาไว้นานเช่นเดียวกับเพื่อนน้องชายจอมภูที่รู้สึกแปลกใจกับการวุ่นวายเที่ยวตามหาตัวมณีรัชดา ยิ่งมณีรัชดาพูดเช่นนี้ด้วย เหมือนกับห่างเหินและปนด้วยความชิงชังลึกๆหรือว่าทั้งคู่มีอะไรที่ผิดข้องหมองใจกัน และบาดหมางหัวใจกันอย่างรุนแรง “เกิดอะไรขึ้นกันแน่จ้ะ ณีสามารถบอกกับพี่ได้หรือเปล่า” เมื่อปัณนชาถามด้วยความห่วงใยอย่างนี้ทำให้ มณีรัชดาเงียบแต่หล่อนพยายามตัดบท “เอ้อ ขอบคุณพี่ปัณ มากนะคะ ที่สนใจเป็นห่วงทุกข์สุขของณีเหลือเกินและตลอดมาด้วย” “ก็พี่เป็นห่วงณีและคิดกับณีเหมือนน้องสาวคนหนึ่งไงจ้ะ” “ขอบคุณนะคะพี่ปัณ ณีจะจดจำคำนี้และไม่ลืมเลือนเลย” มณีรัชดาตอบและรีบตัดบท เพราะกลัวจะแสดงความอ่อนแอมา รังสินัยแวะมาที่คอนโดของหล่อน หลังจากที่เขานึกเป็นห่วงหล่อนในอาการที่ไม่สบาย มณีรัชดาจึง
“งั้นเราต้องแวะเข้าไปที่บริษัทคุณปันที่คุณว่า จะได้สอบถามข่าวของคุณณีปัญหาอยู่ที่ว่าเราไม่ทราบเลยค่ะว่าคุณณี อยู่ที่ไหนกันแน่” ภูวพลถอนใจออกมาและเห็นด้วย “นั่นน่ะสิครับ” และนารถน้ำค้างนึกขึ้นมาได้ “แล้วบ้านคุณณี ล่ะคะ คุณพอจะรู้ไหมว่า อยู่แถวไหน”เมื่อแฟนสาวเอ่ยเช่นนี้ ทำให้ภูวพลขมวดคิ้ว “เคยได้ยินณี พูดเหมือนกันว่าอยู่แถวบางแค นานแล้วแต่ผมไม่รู้ว่าอยู่ซอยไหน แต่คนที่รู้ผมคิดว่าเป็นพี่ชายของผมเราต้องไปถามพี่ใหญ่ดู” “งั้นเราจะต้องไปถามพี่ชายของคุณสิคะเรื่องนี้จะปล่อยช้าไม่ได้”นารถน้ำค้างพูดด้วยความรู้สึกที่เธอเป็นห่วงหญิงสาวที่รู้จักมาไม่นานเช่นกัน เมื่อรู้ว่าเธอเป็นคนดี และไม่มีอะไรเกี่ยวพันกับชายหนุ่มที่เธอรัก รวมทั้งภูวพลก็กล้าที่จะบอกความจริงแล้วว่า เขารักแต่เธอเพียงคนเดียว เช้าต่อมามณีรัชดาตัดสินใจโทร.เข้าไปหาเจ้าของบริษัทอีกครั้งและฝ่ายปัณนชาก็ดีใจมาก เพราะไม่ได้ทราบข่าวคราวของมณีรัชดาจึงอยากรู้ “พี่ปัณคะ” “เอ้อ ณีเอง พี่ดีใจเหลือเกินที่ณี โทร.มารู้ไหม ทุกคนตามหาตัวณีกันใหญ่”เมื่อปัณนชาเอ่ยคำนี้ ทำให้หล่อนนิ่งเงี