มณีรัชดาอมยิ้ม สุขใจกับการได้นั่งทานอาหารกับเขา ในขณะนั้นเขาเอาแต่จ้องหล่อน จนมณีรัชดารู้สึกแปลกๆกับการลอบมองในทำนองนี้ ขณะที่วิภัสใกล้จะถึงบ้านพักของเขา และกระหยิ่มยิ้มในแผนการขั้นต่อไปเขาจะต้องทำให้หล่อนตายใจมากกว่านี้แล้วพอหล่อนลุ่มหลง ยอมพัวพันกับเขา ก็สลัดหล่อนทิ้งอย่างไม่ไยดี เป็นสิ่งที่เขาต้องการสั่งสอนผู้หญิง ที่คิดจะใช้ฐานะของผู้ชายปีนป่ายเพื่อถีบตัวเองให้อยู่สูง หวังสะดวกสบายโดยไม่ต้องทำอะไรแต่ใจหนึ่งก็คิดอีกทาง มณีรัชดา ที่เขาได้รู้จัก ดูใสซื่อมากกว่าเจนจัด หรือชาญชำนาญในการใช้เสน่ห์หว่านล่อ บางทียังไม่ถึงคราวที่หล่อนงัดมาใช้กระมังจึงไม่ได้เห็นพิษสงในเรื่องนี้ แต่เขาก็มั่นใจว่า หล่อนไม่ใช่ผู้หญิงที่ดีนักหัวใจสับสนปนเป คล้ายกับบางสิ่งบางอย่างที่ตัดสินลงไปนั้นมันถูกหรือผิดก็ยังไม่ทราบ เพราะสิ่งเหล่านี้มันคละเคล้าก้ำกึ่งกัน และในเวลาทุ่มครึ่งของวันนี้ภูวพลนั้นเมามายกลับเข้าบ้าน และเขาตีโพยตีพายใส่คุณภวานันท์ “เพราะคุณแม่นั่นแหละ ผมรู้ว่าคุณแม่กำลังทำอะไรอยู่”คือคำพูด สีหน้าที่ตึงและแดงก่ำ เหมือนคนทรงตัวไม่อยู่ “แกรู้ว่าแม่
ทีนี้จอมภูกลับเป็นฝ่ายนอนไม่หลับแทนที่ เพราะใจครุ่นคิด กลับนึกถึงแต่ใบหน้าหวานคมของสาวสวยลอยวนทั้งที่เธอไม่มีคุณสมบัติพิเศษอะไร เป็นหญิงสาวกับคนๆเดียวที่น้องชายต้องการได้มาเป็นคู่ครอง และเขาควรจะเกลียดเธอ เพราะผู้หญิงที่ทำให้ผู้ชายหลงใหลง่ายๆ มักจะเป็นผู้หญิงไม่ดี นั่นเพราะหล่อนมีจริตลีลาช่ำชองและเสแสร้ง มายาเก่ง และเป็นอีกครั้ง ที่มณีรัชดาไปทำงานตามปกติ ปรากฏว่าภูวพลขับรถคันหรูมาดักเธอ ที่หน้าป้ายรถเมล์เนื่องจากเขาเห็นท่าทีไม่พอใจของมณีรัชดาที่เกิดขึ้นเมื่อวานเขาเคยมาที่บ้านของเธอสองครั้ง แต่ว่าไม่เคยเข้าไปในบ้าน จึงมาดักรอ มณีรัชดาแต่เช้าตรู่และตั้งใจจะเข้าทำงานในช่วงสาย เนื่องจากว่าเขาเป็นหลานชายของเจ้าของบริษัท มณีรัชดายิ่งตกใจ เมื่อมองเห็นหน้าของภูวพลที่ดูเหมือนเขาจะหลับพักผ่อนไม่เพียงพอจึงเห็นหน้าตาที่สะโหลสะเหล เหมือนคนอดตาหลับขับตานอน “คุณมาทำอะไรที่ป้ายรถเมล์นี่คะ พล” มณีรัชดาซึ่งออกจากบ้านแล้ว และกำลังจะไปทำงานได้มายืนรอรถเมล์ที่ป้ายรถประจำทางช่วงนี้เช้าตรู่ ผู้คนยังไม่พลุกพล่านมากนัก “นี่ผมมารอณี ตั้งแต่ตีห้า”“อะไรนะคะ คุณข
หล่อนต้องแสดงพิรุธออกมา และทราบดีว่าธุระที่ว่านั้น ต้องพบเจอกับน้องชายเขา จึงยิ้มหยันในสีหน้า ยามเธอเผลอ “เอ้อ แฟนของคุณณีหรือเปล่าครับ”มณีรัชดาตกใจ หล่อนยังไม่มีแฟนสักหน่อย เวลานี้ก็ยังไม่กล้าคิดถึงขนาดนั้น “ปละเปล่าค่ะ เป็นเพื่อน” “เป็นเพื่อนจริงหรือครับ” เขาถามพร้อมกับเงยหน้ามองหล่อนมณีรัชดาไม่รู้ว่า ทำไมหล่อนจึงสู้แสงตาคมของเขาไม่ได้ มันมีอานุภาพ และมนต์บางอย่างสะกดหล่อนให้ติดตรึง หล่อนเป็นฝ่ายมองหน้าเขาบ้าง เมื่อทำท่าไม่เชื่อ “เพื่อนสิคะ หรือคุณวิภัสจะให้เป็นอะไร” “ปละเปล่าครับ ผมล้อเล่น” เขากลับคำได้รวดเร็ว พร้อมสีหน้าที่กรุ้มกริ่มเป็นราบเรียบปกติ มณีรัชดาใจสั่นเต้นแรงอีกครั้ง เหมือนเขาจีบเกี้ยวเธอ“คุณวิภัสนี่ชอบพูดเล่น ไม่เอาค่ะ ดิฉันต้องขอตัวเข้างานก่อน” เอ่ยเพื่อตัดบทเสียทีลงจากรถ วิภัสมองตามแล้วตัดสินใจเปิดประตูหาที่ว่างจอดใกล้ถือโอกาสเดินเข้าไป อยากทักทายเจ้าของร้าน ซึ่งไม่ค่อยได้เจอกันนาน แต่อีกใจหนึ่งกลัวความลับแตก กลัวเรียกชื่อเขาผิดเลยตัดสินใจเดินกลับมาที่รถเหมือนเดิม “อ้
มณีรัชดาเอ่ยเพียงเท่านี้ ทั้งที่วิภัสรู้มาจากเพื่อนสนิท ให้โทร.ไปถามพี่สาว เขาจึงเห็นว่า ช่วงนี้เป็นช่วงปลอด และสะดวก ทำให้เขาเข้าถึงตัวมณีรัชดา และใช้เสน่ห์ของเขาหลอกเพื่อให้หล่อนติดบ่วงรัก ซึ่งวิภัสคิดและมั่นใจว่าเขาจะทำได้ง่ายมาก เพราะในเวลานี้พอจะรู้แล้วว่ามณีรัชดาก็ติดใจ อยากจะผูกพันกับเขาไม่น้อย“คุณณีจะกลับแล้ว” เขาเอ่ยถาม “ค่ะ ณีจะกลับ เพราะว่าเลิกงานแล้วค่ะ คุณวิภัส” พร้อมยิ้มให้เขาเพราะเห็นเขาเป็นคนดี เป็นสุภาพบุรุษที่มีน้ำใจและสุภาพ “เอ้อ ถ้าไม่รังเกียจอีกครั้ง คุณณีจะให้ผมไปส่งถึงบ้านมั๊ยครับ” มณีรัชดาอึ้งและยืนแข็งชั่วขณะเมื่อเช้าเขาก็มาส่งหล่อนแล้ว นี่จะอาสาส่งอีกรอบหญิงสาวจึงปฏิเสธ “ไม่ต้องรบกวนคุณ วิภัสหรอกค่ะ ณีจะกลับเอง” เมื่อเห็นหล่อนปฏิเสธ เขาหาทางอื่น ด้วยการหว่านล้อม และพูดเพื่อ่ให้หล่อนคล้อยตาม “ไม่กลัวรถติดหรือครับ ผมว่าช่วงนี้รถคงติดมาก ถ้านั่งรถเมล์ คงอัดแน่นเป็นปลากระป๋อง ผมสงสารคุณณีนะครับ”เขาพยายามทำให้มณีรัชดาใจอ่อนซึ่งมณีรัชดาเองก็กำลังใจอ่อนจริงๆ เห็นเขาพูดอย่างนั้น เหมือนเขามีน้ำใจกับห
สายตาของหล่อน ที่มองด้วยความผิดหวังแล้วยังแค้นใจ “คุณเห็นว่าณี เป็นผู้หญิงใจแตก” “แต่ผมรักคุณณี” เขาพยายามเอาความรักมาอ้าง “ความรักไม่ใช่การแสดงออกที่เห็นแก่ตัว” หล่อนแข็งแกร่งเกินที่เขาจะต้านทาน ทั้งที่มณีรัชดาเกือบเสร็จเขาแล้ว “เอาเป็นว่าพาณีไปจากที่นี่เสียโดยเร็วเถอะค่ะ แล้วณีจะไม่แจ้งความเอาเรื่องคุณ แต่คราวหน้าคราวหลังอย่าคิดทำอย่างนี้อีก ณีไม่ใช่ของเล่นของใคร ณีขอร้องและอยากจะบอกคุณอย่างนี้ คุณวิภัส” เขาเลยจำใจต้องพาหล่อนออกไปจากสถานที่แห่งนี้ เพิ่งได้รู้ว่า มณีรัชดาเป็นคนหวงตัวไม่ใช่น้อย ผิดวิสัยของผู้หญิงที่หิวเงิน หรือว่าหล่อนอยากอัพตัวเองให้ดูมีเกรดสูง เพราะจะได้ค่าตอบแทนที่คุ้มค่า “ส่งดิฉันแค่ปากทางนี้ จะนั่งรถแท็กซี่กลับ” หล่อนเอ่ยแบบไม่แยแสเขาสักนิดไม่ปลอดภัย เพราะเขาคิดทำร้ายหล่อน มิไยที่เขาขอร้อง “ได้โปรดเถอะ คุณณี ให้ผมส่งไปถึงบ้าน” “คุกตะรางนะสิ ที่ฉันจะยื่นให้คุณ ฉันจะแจ้งความแค่นี้มันก็น้อยเกินไปกับสิ่งเลวร้ายที่คุณกำลังจะก่อ” มณีรัชดาตอบเสียงเข้ม จน
ต่อไป หล่อนคงต้องปฏิเสธ ที่จะเดินทางไปกับเขา เนื่องจากเขาทำเหมือนหล่อนเป็นผู้หญิงที่ง่าย มณีรัชดาสับสนอย่างที่สุด จะทำอย่างไรดี “อ้าว ยัยณี วันนี้กลับเสียค่ำ” น้าสาวเป็นคนทัก ขณะเสร็จจากล้างถาดขนม พ่อกับแม่ก็คงจะนวดแป้งอยู่ข้างใน “ค่ะ วันนี้รถติด ณีรู้สึกเหนียวตัวจังค่ะอยากจะอาบน้ำ”ตอบอย่างนั้น เพื่อไม่ให้ผู้เป็นน้าซักไซ้มากกว่าเดิม เข้าห้องได้ หล่อนถอนใจอยู่ในห้อง ไม่ได้ลงไปข้างล่าง เพราะไม่นึกหิวทำไมคุณวิภัสถึงมองเห็นหล่อนเป็นคนใจง่ายแบบนี้สมองครุ่นคิดอีกครั้ง กับภาพที่วนเข้ามาในความทรงจำ หล่อนไม่เคยเจอผู้ชายประเภทแบบนี้มาก่อน เลยกลัวเขาอย่างมาก หรือเขารักหล่อนอย่างที่แสดงท่าทางให้รู้ แต่ความรัก ไม่จำเป็นลงเอยด้วยความใคร่นี่? มณีรัชดาคิดสะระตะไปเรื่อย แล้วหล่อนก็รู้สึกขนลุกตั้งชัน ที่ตัวเองสามารถกล่อมให้เขาเปลี่ยนใจ นี่ถ้าหล่อนเผลอหลับ มณีรัชดาคงตกอยู่ในสภาพที่ไม่อยากเอ่ยในสถานที่ที่ หล่อนไม่เคยคิดสักนิดว่า ครั้งหนึ่งหล่อนจะได้เฉียดไป เสียงมือถือดังขึ้น หล่อนชะงักทันที เนื่องจากความกลัวมีอยู่ก่อนแล้วกลัวแต่ว่าวิภัส
แต่มณีรัชดายังตกใจและขวัญเสียอยู่มากเนื่องจากคนที่หล่อนได้มาพบเจอในเวลานี้นั้น เขาเป็นเพื่อนกับคุณวิภัส หล่อนจึงพยายามปกปิดความรู้สึก “ขึ้นรถสิครับคุณณี เดี๋ยวผมจะไปส่ง” แม้เขาจะมีน้ำใจกับหล่อนแต่มณีรัชดารีบปฏิเสธทันที เพราะภาพคืนวันก่อนยังหลอนหล่อน หล่อนไม่ยอมขึ้นรถกับเขาตามลำพังหรอก เลยต้องอ้างหน้าตาเฉย “คงไม่หรอกค่ะ ขอบคุณนะคะที่ชวน เชิญคุณจราดล เอ้อณี อยากจะเดินค่ะ” เมื่อหล่อนอยากเดิน เขาคิดว่าทางมันไกลพอสมควร “ผมว่าทางมันไกลพอสมควรนะครับ ถ้าไปรถผม นี่จะช่วยย่นระยะเวลามากกว่าเดิม หรือว่าคุณณี ยังไม่อยากถึงที่ทำงานเร็วกว่าเดิม” เมื่อเขาพูดอย่างนี้ใจหล่อนก็ยังลังเลแต่ว่ามณีรัชดาก็ทำใจแข็งขึ้นมาได้ก่อนที่หล่อนจะใจอ่อนง่าย เพราะเข็ดกับผู้ชายแล้วการกระทำของวิภัสกำลังสอนให้หล่อนระมัดระวังตัวว่าผู้ชาย ถึงแม้จะรู้จักกันแค่ไหนก็ไว้ใจยากจึงพยายามปฏิเสธ และตัดบทกับเขา “ขอบคุณคุณจราดลมากค่ะ คุณรีบไปเถอะค่ะ เดี๋ยวจะไม่ทันทำงานเอ้อ ณี มีธุระอย่างอื่นต้องทำด้วยค่ะ” ทำให้หล่อนต้องกล้าโกหกเขาโดยปริยาย ทั้งที่ไม่อยากทำ เ
เพราะเท่าที่มณีรัชดามองเห็นนั้น หล่อนไม่ได้ขยันท่องบทละครตามที่มณีรัชดาเห็นเลยเพราะเห็นหล่อนนั่งอยู่เฉยๆกับนั่งเม๊าท์คนอื่นเท่านั้นแต่พอเหลือบมาเห็นหล่อนอยู่กับชนากร หล่อนก็ออกสายตาขวางมณีรัชดาเห็นว่าเป็นอะไร และคืออะไร แต่หล่อนก็อยากจะท้าทายเหมือนกัน ที่กิ๊กหรือกาญจนรัตน์ ใช้คำพูดข่มหล่อน คิดว่า หล่อนต้องหงอ ไม่หรอก เพียงแต่มันไม่ถึงคราว นี่ถ้าเกิดหล่อนอดทนไม่ได้ และหล่อนฟิวส์ขาด จริงๆ ต่อให้กาญจนรัตน์ก็เถอะ ฮึ ก็ถูกหล่อนสาดใส่คำพูดกลับเหมือนกัน ชนากรพระเอกหนุ่มที่ได้ยินดังนั้น เขาจึงเป็นฝ่ายเอ่ยนั่นยิ่งจะทำให้กาญจนรัตน์เจ็บช้ำน้ำใจมากขึ้น เมื่อพระเอกหนุ่มนั้นหันไปเข้าข้างคอสตูมสาวยิ่งเป็นการทำให้หล่อน ยิ่งเพิ่มความจงชังรังเกียจใส่มณีรัชดามากกว่าเดิมอีกหลายเท่าทั้งที่เรื่องนี้ มณีรัชดาแทบจะไม่รู้เหมือนกัน เพราะหล่อนใสซื่อ “คุณกิ๊ก คุณพูดผิดแล้วครับ คุณณี เอ้อน้องเขาไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย และเวลานี้ก็ไม่ใช่เวลาเข้าฉากนะครับ” การที่ชนากรหันไปกล่าวแก้ให้แทนมณีรัชดา ยิ่งเพิ่มและสุมไฟแค้นให้หล่อนทำให้เนื้อตัวของหล่อนสั่น แทบพูดอะไรไม่ออก ได้เก็บคำพูดนั้น