มณีรัชดาเริ่มอายผู้มาใช้บริการ ภูวพลทำอะไรก็ไม่รู้เขาทำให้เธอพลอยถูกมองจ้องหน้าด้วย และมณีรัชดารู้สึกกระอักกระอ่วนใจ จนต้องกระซิบบอกเขา “ถ้าทางแบ๊งค์ ไม่อนุมัติจริง ก็กลับกันเถอะคุณพล ณีต้องทำงานตอนบ่ายนะคะ” มณีรัชดาพยายามเตือนเขาครู่หนึ่งภูวพลจึงได้สติ เขาหันมายิ้มกับหล่อน “เอาล่ะ คราวนี้ผมรู้แล้ว อะไรจะเกิดก็ช่างมัน” มณีรัชดาได้ยินเขาเอ่ยรู้สึกตกใจเสียงของภูวพลขวางเหมือนคนรั้นที่จะเอาชนะ แต่มณีรัชดามอง และคิดตามด้วยความรู้สึกหวาดกังวล “คุณคิดอะไรคะ ที่บอกว่า จะเกิดก็ช่างมัน” มณีรัชดาถามไม่รู้ว่าเขาคิดจะทำอะไรต่อไป “เรื่องเงินในธนาคารสิครับ เงินของผมนี่ ถ้าไม่อยากให้เบิกก็ถอนออกมาทั้งหมด ให้เกลี้ยง ปิดบัญชีให้มันรู้แล้วรู้รอดเลย” มณีรัชดาตกใจ เพราะหล่อนไม่คิดว่าภูวพลจะใจร้อนขนาดนี้แต่สิทธิ์ของเขา มันไม่ใช่เงินของหล่อน เพราะไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เลยทำให้มณีรัชดาเงียบเขาเอ่ยถามหล่อน เหมือนขอความเห็น “จริงมั๊ยณี” “ณีไม่รู้ค่ะ” มณีรัชดาตอบเขาเสียงของหล่อนหวาด เพราะไม่ใช่เงินของหล่อน หล่
จากคนที่มีการศึกษา ถือว่าตัวเองเด่นในวงการ แต่นิสัยและมารยาทแย่ ไม่รู้จักเข้าแถวต่อคิวเหมือนคนอื่น ถ้อยคำที่มณีรัชดาเอ่ยขึ้นทำให้กาญจนรัตน์มองหล่อนตาเขม็ง แต่มณีรัชดายังคงไม่สนใจ คิดว่า หล่อนควรได้อาหารที่ป้าตักใส่จานมาให้ เพราะมาเข้าคิวก่อนนางเอกสาวและหล่อนก็ยืนคอยคิวคนอื่นเหมือนกัน ป้าสมบูรณ์และลูกมือชะงักทำอะไรไม่ถูก “ขอฉันก่อนสิป้า เดี๋ยวจะต้องรีบเข้ากอง มีถ่ายต่อบ่ายสี่โมงคนอื่นกระจอกงอกง่อย จะมาสำคัญอะไรเท่าฉัน”เสียงของนางเอกสาวที่ออกงิ้วเป็นนางมารร้าย หล่อนวีนเข้าให้แผดเสียงหน้าหงิกอย่างไม่พอใจเป็นเพราะหล่อนมาช้าเอง มัวแต่ทำธุระส่วนตัวเข้าห้องน้ำ มณีรัชดาคิดว่าไม่เป็นธรรมกับหล่อน มาก่อนต้องได้ก่อน มาหลังต้องได้หลังจึงเงยหน้าขึ้นมองนางเอกสาวอย่างไม่เกรงกลัว เพราะหล่อนก็รีบเหมือนกัน ป้าสมบูรณ์ยังไม่ตัดสินใจส่งข้าวแกงในมือให้หล่อน เพราะคำพูดของนางเอกสาว “ตามคิวสิคะคุณ มาก่อนต้องได้ก่อน มาหลังต้องได้หลัง คนอื่นเขาก็รอนานเหมือนกัน” มณีรัชดาฝีปากร้อน หล่อนชอบความเป็นธรรม ไม่เอาเปรียบ ฝ่ายนางเอกสาวก็จ้องตาใส่หล่อน พร้อมโก
กาญจนรัตน์หมดอารมณ์ที่จะถ่ายทำต่อ เพราะนังเด็กพนักงานฝ่ายเสื้อผ้าตัวดีนั่น เพราะหล่อนไม่คิดโทษตัวเองอยู่แล้ว นังเด็กสาวหน้าสวยนั้น คิดทาบรัศมีของหล่อน แต่เมื่อเห็นชนากรพูดแบบนี้ หล่อนก็ปรับเปลี่ยนสีหน้าใหม่ เพื่อเอาใจเขา แต่อันที่จริงอยากจะกลับบ้านที่สุด “ค่ะ ถ้ากิ๊กไหว กิ๊กก็จะแข็งใจถ่ายต่อ” หล่อนรู้ว่าวิธีเรียกร้องความสนใจทำยังไง เพื่อให้เขาสนใจหล่อน ชนากรพระเอกหนุ่มขมวดคิ้ว “คุณหมอบอกว่าน้องกิ๊กไม่ได้เป็นอะไรมาก สบายใจเถอะอาการแค่นี้ต้องไหวน่า”เพราะชนากรเกรงใจทุกคนที่รอเขากับกาญจนรัตน์ แต่นางเอกสาวกลับคิดตรงข้าม หล่อนไม่สนใจใคร ขอให้แต่หล่อนได้รับความสุขสบายมากกว่าคนอื่น ในที่สุดต้องยอมรับตามเขา แม้จะไม่พอใจอยู่ลึกๆ“ค่ะ กิ๊กจะเชื่อพี่แชมป์” ************** เย็นวันนั้นก็ถือว่าผ่านไปด้วยดี มณีรัชดากำลังจะกลับบ้าน วันนี้เรื่องที่ทำให้หล่อนอารมณ์เสีย มาตั้งแต่เที่ยงยันเวลานี้คือบทบาทที่นอกจอของนางเอกสาว ที่หล่อนตีบทแตกชนิดกระจุย คงคิดว่ามณีรัชดารู้ไม่ทัน แต่หล่อนรู้เท่าทัน ที่ตัวของกาญจนรัตน์นั้นรับรู้ดี ว่าทำอ
มณีรัชดาหันไปทางเขา “นิดหน่อยค่ะ แต่ไม่มีอะไรมากหรอก กลับถึงบ้านอาบน้ำเข้านอน พอตื่นเช้ามาก็คงหายค่ะ” มณีรัชดาพูดง่ายๆ เพราะอาการแบบนี้หล่อนเคยเป็นและหายเอง “แต่ปล่อยทิ้งสะสมบ่อยก็ไม่ดีนะครับ จะทำให้สุขภาพเราแย่ลงกว่าเดิม” เขามีความคิดดีที่แนะนำ ใบหน้าของหล่อนยังค้างจ้องเขา แต่ว่าเขาดีกับหล่อนจริงหรือ ในลูกตาบางอย่างบางครั้งของเขา มณีรัชดานั้นดูไม่ไว้ใจเลย แต่พยายามคิดในทางที่ดีก่อน เพราะเขาอุตส่าห์อาสาขับรถส่งหล่อน เพื่อให้ถึงบ้านพักด้วย หล่อนจึงคิดในทางที่ดี คิดว่าเขาสนใจหล่อน ได้แต่แอบคิดเข้าข้างตัวเอง เพราะผู้ชายที่พาตัวมาวนเวียนใกล้ผู้หญิง จะมีอะไร ถ้าหากเขาไม่นึกคิดปรารถนา ล้วนเป็นคำตอบที่มณีรัชดารู้อยู่ แต่หล่อนยังไม่กล้าฟันธงปักใจเชื่อแน่ว่า เขายังมีใครอยู่หรือเปล่า “ขอบคุณค่ะที่ห่วงใย แต่พนักงานเงินเดือนน้อยอย่างณี คงไม่เป็นไรหรอกค่ะ ณีชินเสียแล้ว” หล่อนตอบแล้วหันสายตาไปเบื้องหน้าไม่ทอดสบตาเขาเพราะรู้ฐานะของตัวเองดี กำลังอยากจะลองใจลองความรู้สึกของวิภัสเช่นกัน ว่าคิดกับหล่อนอย่างไรแน่ ต้องกล้า? มณีรัชดาบอกตัวเอง
เมื่อทรุดนั่งลงเคียงคู่กับเขา วิภัสยิ้มให้เขาเลื่อนเมนูมาให้หล่อนเลือก หล่อนจึงเลือกอาหารสองสามอย่างตามใจเขา ตั้งใจกลับไปถึงบ้าน หล่อนจะทานข้าวที่มารดาปรุงไว้รอแต่มื้อนี้เห็นจะต้องแขวนท้องไว้กับคุณวิภัส ที่เขาใจดีเหลือเกิน อาสามาส่งหล่อนแต่ก็ยิ่งทำให้หล่อนเกรงใจเขามากขึ้นอีก เพราะเดี๋ยวจะหาว่าหล่อนใจง่าย มณีรัชดานั่งทานอาหารกับเขาบนโต๊ะนั้น อาหารหลากหลายอย่างเต็มจานไปหมดนี่วิภัสสั่งมาเพื่อใครกัน กินกันแค่สองคน และหล่อนยิ่งไม่เข้าใจในตัวเขาเลย พร้อมกันนั้นเขาเอ่ย “ทานเยอะๆนะครับผมตั้งใจเลี้ยงเต็มที่” มณีรัชดาเงยหน้ามองเขา “คุณสั่งกับข้าวมาเยอะแยะทำไมคะ ณี คงกินได้ไม่มากหรอก เพราะต้องควบคุมน้ำหนักค่ะ” มณีรัชดาตอบตามความจริง “ผู้หญิงมักจะห่วงเรื่องนี้อยู่แล้ว กลัวจะไม่สวยหรือกลัวอ้วนใช่ไหม” มณีรัชดายิ้มอีกระหว่างตักอาหารเข้าปาก เคี้ยวจนหมดคำเอ่ย “ค่ะ คุณไม่รู้หรือที่ผู้หญิงทุกคนกลัวมากที่สุด คือโรคอ้วนค่ะ ไม่งั้นจะควบคุมลำบาก” อิ่มแล้ว เขาไม่อยากจะกลับชวนหล่อนคุย มณีรัชดารู้สึกเกรงใจเขา และติดหล่มด้วย หล่อนจึงเลยไปตามเ
มณีรัชดาอมยิ้ม สุขใจกับการได้นั่งทานอาหารกับเขา ในขณะนั้นเขาเอาแต่จ้องหล่อน จนมณีรัชดารู้สึกแปลกๆกับการลอบมองในทำนองนี้ ขณะที่วิภัสใกล้จะถึงบ้านพักของเขา และกระหยิ่มยิ้มในแผนการขั้นต่อไปเขาจะต้องทำให้หล่อนตายใจมากกว่านี้แล้วพอหล่อนลุ่มหลง ยอมพัวพันกับเขา ก็สลัดหล่อนทิ้งอย่างไม่ไยดี เป็นสิ่งที่เขาต้องการสั่งสอนผู้หญิง ที่คิดจะใช้ฐานะของผู้ชายปีนป่ายเพื่อถีบตัวเองให้อยู่สูง หวังสะดวกสบายโดยไม่ต้องทำอะไรแต่ใจหนึ่งก็คิดอีกทาง มณีรัชดา ที่เขาได้รู้จัก ดูใสซื่อมากกว่าเจนจัด หรือชาญชำนาญในการใช้เสน่ห์หว่านล่อ บางทียังไม่ถึงคราวที่หล่อนงัดมาใช้กระมังจึงไม่ได้เห็นพิษสงในเรื่องนี้ แต่เขาก็มั่นใจว่า หล่อนไม่ใช่ผู้หญิงที่ดีนักหัวใจสับสนปนเป คล้ายกับบางสิ่งบางอย่างที่ตัดสินลงไปนั้นมันถูกหรือผิดก็ยังไม่ทราบ เพราะสิ่งเหล่านี้มันคละเคล้าก้ำกึ่งกัน และในเวลาทุ่มครึ่งของวันนี้ภูวพลนั้นเมามายกลับเข้าบ้าน และเขาตีโพยตีพายใส่คุณภวานันท์ “เพราะคุณแม่นั่นแหละ ผมรู้ว่าคุณแม่กำลังทำอะไรอยู่”คือคำพูด สีหน้าที่ตึงและแดงก่ำ เหมือนคนทรงตัวไม่อยู่ “แกรู้ว่าแม่
ทีนี้จอมภูกลับเป็นฝ่ายนอนไม่หลับแทนที่ เพราะใจครุ่นคิด กลับนึกถึงแต่ใบหน้าหวานคมของสาวสวยลอยวนทั้งที่เธอไม่มีคุณสมบัติพิเศษอะไร เป็นหญิงสาวกับคนๆเดียวที่น้องชายต้องการได้มาเป็นคู่ครอง และเขาควรจะเกลียดเธอ เพราะผู้หญิงที่ทำให้ผู้ชายหลงใหลง่ายๆ มักจะเป็นผู้หญิงไม่ดี นั่นเพราะหล่อนมีจริตลีลาช่ำชองและเสแสร้ง มายาเก่ง และเป็นอีกครั้ง ที่มณีรัชดาไปทำงานตามปกติ ปรากฏว่าภูวพลขับรถคันหรูมาดักเธอ ที่หน้าป้ายรถเมล์เนื่องจากเขาเห็นท่าทีไม่พอใจของมณีรัชดาที่เกิดขึ้นเมื่อวานเขาเคยมาที่บ้านของเธอสองครั้ง แต่ว่าไม่เคยเข้าไปในบ้าน จึงมาดักรอ มณีรัชดาแต่เช้าตรู่และตั้งใจจะเข้าทำงานในช่วงสาย เนื่องจากว่าเขาเป็นหลานชายของเจ้าของบริษัท มณีรัชดายิ่งตกใจ เมื่อมองเห็นหน้าของภูวพลที่ดูเหมือนเขาจะหลับพักผ่อนไม่เพียงพอจึงเห็นหน้าตาที่สะโหลสะเหล เหมือนคนอดตาหลับขับตานอน “คุณมาทำอะไรที่ป้ายรถเมล์นี่คะ พล” มณีรัชดาซึ่งออกจากบ้านแล้ว และกำลังจะไปทำงานได้มายืนรอรถเมล์ที่ป้ายรถประจำทางช่วงนี้เช้าตรู่ ผู้คนยังไม่พลุกพล่านมากนัก “นี่ผมมารอณี ตั้งแต่ตีห้า”“อะไรนะคะ คุณข
หล่อนต้องแสดงพิรุธออกมา และทราบดีว่าธุระที่ว่านั้น ต้องพบเจอกับน้องชายเขา จึงยิ้มหยันในสีหน้า ยามเธอเผลอ “เอ้อ แฟนของคุณณีหรือเปล่าครับ”มณีรัชดาตกใจ หล่อนยังไม่มีแฟนสักหน่อย เวลานี้ก็ยังไม่กล้าคิดถึงขนาดนั้น “ปละเปล่าค่ะ เป็นเพื่อน” “เป็นเพื่อนจริงหรือครับ” เขาถามพร้อมกับเงยหน้ามองหล่อนมณีรัชดาไม่รู้ว่า ทำไมหล่อนจึงสู้แสงตาคมของเขาไม่ได้ มันมีอานุภาพ และมนต์บางอย่างสะกดหล่อนให้ติดตรึง หล่อนเป็นฝ่ายมองหน้าเขาบ้าง เมื่อทำท่าไม่เชื่อ “เพื่อนสิคะ หรือคุณวิภัสจะให้เป็นอะไร” “ปละเปล่าครับ ผมล้อเล่น” เขากลับคำได้รวดเร็ว พร้อมสีหน้าที่กรุ้มกริ่มเป็นราบเรียบปกติ มณีรัชดาใจสั่นเต้นแรงอีกครั้ง เหมือนเขาจีบเกี้ยวเธอ“คุณวิภัสนี่ชอบพูดเล่น ไม่เอาค่ะ ดิฉันต้องขอตัวเข้างานก่อน” เอ่ยเพื่อตัดบทเสียทีลงจากรถ วิภัสมองตามแล้วตัดสินใจเปิดประตูหาที่ว่างจอดใกล้ถือโอกาสเดินเข้าไป อยากทักทายเจ้าของร้าน ซึ่งไม่ค่อยได้เจอกันนาน แต่อีกใจหนึ่งกลัวความลับแตก กลัวเรียกชื่อเขาผิดเลยตัดสินใจเดินกลับมาที่รถเหมือนเดิม “อ้