แต่มันไม่ได้จบแบบในนวนิยาย หนังสืออ่านเล่นที่เธอชอบอ่านก่อนนอน
เจ้าชาย...ไม่มีจริงในโลกปัจจุบัน
แมทธิวเป็นเทพบุตรแค่เปลือก เนื้อในเขาเป็นจอมวายร้าย
“เอาเด็กออก!!” คำบัญชาของเขา ตอนที่เธอบอกเขาเรื่องที่เธอ ‘ท้อง’
เขาเย็นชายิ่งกว่าหิมะกลางฤดูหนาว ใจดำยิ่งกว่าสีของขนนกกา
แมทธิวให้เธอทำลายเลือดก้อนหนึ่งของเขากับเธอ...แต่ ทิพยอาภาไม่ทำ!! ...เธอหลบหน้าหลบตาเขา แอบคลอดลูกและไม่ปริปากบอกเขาสักคำ เมื่อเขาไม่ต้องการ...เธอก็จะเลี้ยงลูกด้วยตัวเอง ด้วยสองมือ สองขาของผู้หญิงคนหนึ่ง
มันไม่จบแค่นั้น...
หากจอมวายร้ายอย่างเขาจะปล่อยผ่าน เมื่อเธอหายตัวไป แมทธิวกลับตามจนเจอ!! ...เขาให้จาคอปรับตัวเธอมาที่คฤหาสน์ดีแลน เพื่อตกลงกับเธอครั้งสุดท้าย...
เมื่อแมทธิวบีบจนเธอไม่มีทางเดิน เธอก็ได้แต่หวังว่าคนในคฤหาสน์หลังนั้น จะยังพอมีความเมตตาหลงเหลืออยู่บ้าง ยังไงเสีย... แองเจลิน่าก็เป็นสายเลือดของ ดีแลน!! คนหนึ่ง...
“จะเอาไงต่อ จะกลับบ้าน หรือจะหางานทำที่นี่?” เสียงของไทรีสปลุกความคิดล่องลอยของทิพยอาภากลับมาอยู่ที่เดิม
“ฉันอยู่ที่นี่ไม่ได้หรอกไท ฉันจะกลับบ้าน”
บ้านเกิดของแม่...บ้านที่เธอเหลือแค่ความทรงจำรางๆ เพราะก่อนที่เธอจะถูกส่งไปอยู่สถานสงเคราะห์ ทิพยอาภาเคยมีมารดาเป็นหลักชัย แต่ท่านเสียชีวิตไปจากโลกนี้เสียแล้วด้วยโรคร้าย คร่าชีวิตผู้มีพระคุณคนสุดท้ายของเธอ ทิพยอาภาจึงต้องเผชิญโลกเพียงลำพัง สามีคนใหม่ของมารดา บิดาเลี้ยงของเธอ...เขาไม่ต้องการรับผิดชอบลูกที่ไม่ได้เกิดจากเขา และตัวเองคงทนไม่ได้เช่นกัน คงอดไม่ได้ที่จะไปคอยแอบมองบุตรสาว เมื่อยังอาศัยอยู่ในประเทศเดียวกัน...ทางที่ดีเธอควรไปให้ไกลที่สุด แม้หัวใจจะแหลกยับ...ก็ต้องก้มหน้าทน...มันเป็นเวรกรรมของเธอ เวรกรรมนั่นต้องไม่ตกอยู่ที่แองเจลิน่าด้วย...
“คิดดีแล้วใช่ไหม?” ไทรีสถามกลับเสียงหม่น ไม่ว่าจะทิพยอาภา หรือแมทธิว แต่ละคนมีเหตุผลของตัวเอง
“อืม...” หญิงสาวผ่อนลมหายใจยาวๆ เธอทรุดนั่งด้วยความอ่อนแรง จากนี้ไปเธอคงเหมือนซากร่างกายที่ไร้หัวใจ
หนุ่มหัวใจสีชมพูถอนใจเฮือก...ปล่อยให้เพื่อนสาวทอดอาลัยตายอยากตามลำพัง ไทรีสเดินไปนั่ง เขาเปิดคอมพิวเตอร์ส่วนตัว เขาคลิกดูนั่นนี่ท่องเที่ยวในโลกโซเซียล...ไปเรื่อย...จนกระทั่งเห็นกรอบเล็กๆ ที่เป็นประกาศหาคนทำงาน...
รับสมัครพี่เลี้ยงเด็ก!!
มันไม่น่าสนใจเลย...หากมันเป็นการประกาศหาคนเลี้ยงเด็กธรรมดา
ที่มันไม่ธรรมดาคือ...นามสกุล ดีแลน ต่างหากเล่า...
กรอบโฆษณานั่น มาจากมาดามแพซี่...
ไทรีสหยิบปากกาจดเบอร์โทรศัพท์ไว้ เขาครุ่นคิดบางอย่าง...เงียบๆ
ชายหนุ่มลุกไปชะโงกหน้ามองทิพยอาภาซ้ำ หล่อนยังจมอยู่ในห้วงทุกข์ เมื่อจำใจพรากจากลูกสาวที่เพิ่งคลอดได้ไม่นาน
“สมมุตินะทิพ หากแกได้มีโอกาสอยู่ใกล้ลูก โดยที่ไม่ให้คนอื่นรู้ รวมทั้งไอ้หมอนั่นด้วย แกจะลองทำมั้ย?”
แผนการอันแยบยลผุดขึ้นในสมองอันปราดเปรื่องของไทรีส
หญิงสาวหมุนตัวขวับ!! หันกลับมามองเพื่อนหนุ่มหัวใจสาว เธอรีบยกมือปาดน้ำตาบนผิวแก้ม และตอบกลับแบบไม่ต้องคิด
“ทำสิ!! แต่...”
หญิงสาวตอบกลับเสียงรัว แต่ก็ต้องชะงัก เมื่อนึกถึงใครบางคน ที่มีอิทธิพลกับตนเอง เธอกลัวที่สุดคือแมทธิวจับได้...และหากเขารู้ความจริง เธอคงถูกเฉดหัวออกมาจากคฤหาสน์หลังนั้นแทบไม่ทัน
ไทรีสอมยิ้ม...แค่นี้เขาก็รู้คำตอบแล้วล่ะ
“มานี่สิ ฉันมีอะไรให้แกดู”
ชายหนุ่มกวักมือเรียกทิพยอาภา เขาถอยหลังเดินกลับเข้ามาในห้อง ก่อนจะนั่งหน้าคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คที่เปิดค้างไว้
หญิงสาวเดินซอยเท้าถี่ๆ กึ่งวิ่งกึ่งเดิน เธอหยุดยืนซ้อนหลังเพื่อน มองกรอบเล็กๆ ที่ไทรีสชี้ให้ดู
น้ำตาทะลักออกมาอีกครั้ง... มือเล็กยกขึ้นปิดปาก กลั้นเสียงสะอื้นไห้ แองเจลิน่าลูกของเธอ ไม่ได้ถูกส่งไปอยู่สถานสงเคราะห์เหมือนที่กลัว...มีคนใจดีรับลูกของเธอไว้ บุคคลคนคนนั้น คือมาดามแพซี่ ภรรยารองของบิดาของแมทธิว...ลูกของเธอได้อยู่ในคฤหาสน์หลังนั้น...ในฐานะส่วนหนึ่งของ ‘ดีแลน’
“ฉันไม่กล้าหรอกไท?” หญิงสาวส่ายใบหน้า ยกมือเช็ดน้ำตาป้อยๆ แม้มันจะเป็นทางเดียวที่ทำให้เธอได้อยู่ใกล้ชิดลูก
“กว่าแกจะมาถึงตรงนี้แกผ่านความลำบากอะไรมาบ้างทิพ แกจะยอมง่ายๆ แบบนี้เหรอไง?”
ความลำบากที่ทิพยอาภาผ่านพบมาตลอดชีวิต ไทรีสรับรู้เมื่อเพื่อนสาวเล่าให้ฟังแบบหมดเปลือก ระหว่างเขากับทิพยอาภาจึงไม่เคยมีความลับต่อกัน ดังนั้น... การที่เพื่อนรักเจ็บปวด เขาเองย่อมรู้สึกไม่ต่างกัน...หากเขาจะทำให้ทิพยอาภาได้ใกล้ชิดลูก และหากสวรรค์มีตา...ทำให้หนุ่มสุดจองหองคนนั้นหันมามองผู้หญิงต้อยต่ำอย่างเพื่อนตัวเองได้บ้าง แม้โอกาสจะมีแค่1% ไทรีสก็อยากลอง...
ในความคิดของคนที่ก้ำกึ่งทางเพศ ชายหนุ่มยังไม่รู้ความต้องการของตัวเองแน่ชัด เขารู้แค่ว่าเขาไม่พิศวาสผู้หญิง เมื่อร่างกายของพวกหล่อนไม่สามารถปลุกความกำหนัดในตัวของเขาได้ เรือนกายกำยำต่างหากที่ทำให้เขาพลุ่งพล่าน แต่เขาก็รู้ดี ฤทธิ์ความรักเป็นเยี่ยงไร...หากตกลงไปในบ่วงนั่นแล้ว ชีวิตของตัวเองก็เหมือนเกาะเส้นด้ายห้อยต่องแต่งอยู่กลางเหวลึก!! หากโชคดีคู่ของตัวเองมีความรู้สึกเฉกเช่นเดียวกัน...ด้ายเส้นนั้นก็มั่นคงขึ้น และถูกดึงจนพ้นปากเหว แต่...หากคนที่ตัวเองปักใจรัก มีแค่คำลวง สักวันด้ายก็จะเปื่อยและขาด ตัวเองก็ตกลงสู่ก้นเหวที่ดำมืด จมดิ่งอยู่กับความทุกข์ระทม
มือเล็กๆ กำชายกระโปรงแน่น เรียวปากอิ่มเม้มจนเป็นเส้นตรง เธอหลุบเปลือกตาลง...และใคร่ครวญอย่างหนัก
“อืม...ฉันจะทำ!!”
ทิพยอาภาลืมตาขึ้น...ดวงตาเธอลุกโชนไปด้วยแสงแห่งความหวัง
หญิงสาวไม่ได้ต้องการกลับไปใกล้ชิดแมทธิว...สิ่งที่เธอต้องการคือการได้โอบอุ้ม ‘นางฟ้า’ ตัวน้อยไว้ในอ้อมแขนอีกครั้ง แม้จะไม่ใช่ในฐานะ ‘แม่’ ก็ตาม
“ดี!! ฉันจะเนรมิตให้แกเอง...”
ไทรีสยิ้ม เขาหยิบโทรศัพท์ส่วนตัวขึ้นมากดโทร. ออก
ตืดดดดดดดดดดดดดดด...
เสียงสัญญาณดังยาวนาน กว่าจะมีคนรับสาย...
“สวัสดีค่ะ บ้านดีแลน ไม่ทราบว่าคุณมีธุระอะไรคะ?”
ปลายสายกดรับและกรอกเสียงถามกลับมาแบบคนมืออาชีพ
“สวัสดีฮ้า...” ชายหนุ่มดัดเสียงนิดหน่อย...จากเสียงห้าวๆ เป็นเสียงแหลมที่ออกจะดีดดิ้นเกินจริง “ฮั้นเห็นประกาศหาพี่เลี้ยงเด็ก...และฮั้นมีคนงานที่ต้องการทำงานนี้อยู่ ไม่ทราบว่าเราจะพอคุยกันได้ไหมฮ้า” เขายิงตรงเป้า แจ้งความต้องการแบบไม่รอช้า
ปลายสายเงียบไปชั่วครู่...ก่อนจะมีเสียงนุ่ม ๆ ตอบกลับมา
“ไม่ทราบว่าดิฉันคุยกับใครอยู่คะ แล้วคนที่ว่า...มีความชำนาญแค่ไหนที่จะดูแลเด็กเล็กๆ สักคน”
มาดามแพชี่ขอคุยเอง เธอต้องการมืออาชีพสำหรับดูแลใกล้ชิด ‘แองเจิ้ล’
“ของอย่างนี้ต้องพิสูจน์เองฮ่ะ คนของฮั้นฝึกมาดี สามารถเอาอยู่ตั้งแต่นาทีแรก ไม่ว่าเด็กจะดื้อหรือโยเยแค่ไหน?” ไทรีสฟุ้ง!! ทิพยอาภาเลี้ยงเด็กไม่เป็นหรอก เธอเองก็เพิ่งมีลูกคนแรก แต่สัญชาตญาณของแม่กับลูก จะทำให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี
“มีคนติดต่อมาหลายเจ้าค่ะ...แต่เราจะเลือกคนที่เหมาะที่สุด สำหรับ ‘หลาน’ ดิฉัน”
มาดามแพชี่ตอบแบบไว้ท่า ใครก็ตามที่ผ่านด่านนี้มาได้ ต้องดีจริงๆ เมื่อแต่ละคนที่ส่งใบสมัครมา นางไม่เชื่อว่า ‘หล่อน’ จะอยากมาดูแลเด็ก พวกหล่อนคงใช้เป็นข้ออ้างที่จะแฝงกายเข้ามาอยู่ใต้ชายคาคฤหาสน์ดีแลน เมื่อเป้าหมายที่คนส่วนใหญ่โฟกัส...คือ แมทธิว...ลูกเลี้ยงของนาง
“ฮ้า...”
“พรุ่งนี้10:00 นาฬิกาสะดวกไหมคะ?”
ยิ่งเร็วยิ่งดี เมื่อนางเองก็ไม่มีประสบการณ์เลี้ยงเด็ก อีกอย่าง...แองเจิ้ลเริ่มซึมๆ ไม่ร่าเริงเหมือนตอนแรกที่ได้พบ บ่อยครั้งที่เด็กน้อยนิ่งเงียบจนนางใจหาย
“สะดวกฮ้า...แล้วเจอกัน”
ไทรีสจบบทสนทนา เขาเงยหน้ามองเพื่อนรักที่ยืนลุ้นอยู่ข้างๆ มีน้ำตาหยดเล็กๆ ไหลปริ่มเงียบๆ
“เอาล่ะ มาแปลงโฉมกัน แกจะไปทั้งแบบนี้ไม่ได้หรอก”
ชายหนุ่มกวาดตามองทิพยอาภาทั้งตัว...การปลอมตัวเพื่อพรางตาแมทธิว จะทำให้หญิงสาวมีโอกาสได้อยู่กับลูกนานขึ้นอีกนิด
“ผมแกยาวไปทิพ แต่หากตัดก็เสียดายแย่!!” ไทรีสยกมือเกาคาง...เขาเปรยเมื่อสะดุดตากับผมดำยาวของเพื่อน
ทิพยอาภายกมือจับปอยผม เธอทำหน้าแหย เพราะผมเป็นอีกอย่างที่เธอรัก
“วิก!! ฉันมีวิกเยอะ แกต้องทนหน่อยแล้วกัน” ชายหนุ่มดีดนิ้ว เขาลุกไปรื้อค้นตู้ข้างตัว ก้นตู้มีวิกผมหลายแบบ ที่ทิพยอาภาเห็นยังต้องอ้าปากค้าง
“มันก็มีบ้าง...ลุคแบบนี้ฉันจะจิกผู้ชายที่ไหนมากินล่ะยะ” หนุ่มหล่อหัวใจสีชมพูไหวไหล่ หล่อลำกล้ามใหญ่แบบตนเอง คงไม่มีผู้ชายคนไหนเสี่ยงลอง เขาเลยต้องปลอมตัวออกไปหาเหยื่อยามราตรี เป็น One night stand มีความสุขแบบวินๆ เช้ามาก็แยกย้ายไม่ผูกพัน
รอยยิ้มเล็ก ๆ แต้มมุมปาก...เป็นครั้งแรกหลังจากปีกหักออกมาจากคฤหาสน์ดีแลน ที่ทิพยอาภาพอจะยิ้มออกมาได้
“เสื้อผ้า หน้า ผมเปลี่ยนใหม่หมด...แกจะเข้าไปแบบอึ๋ม ๆ งี้ไม่ได้”
ไทรีสไม่ได้พูดเกินจริง ถึงทิพยอาภาจะโทรมเพราะวุ่นวายกับการเลี้ยงบุตร แต่เมื่อมองรวมๆ แล้ว ผู้หญิงหลังคลอดมีน้ำมีนวล โดยเฉพาะเนินอก
กระบวนการแปลงโฉมกว่าจะลงตัวและเป็นที่พอใจของชายหนุ่มได้
ทิพยอาภาต้องเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก...กว่าสองชั่วโมง ไทรีสจึงยอมหยุด
หญิงสาวมองตัวเองผ่านกระจกเงา วิกผมสั้นกระเซอะกระเซิงกับแว่นตาหนาเตอะบนใบหน้า เสื้อผ้าหลวมๆ กระดุมเสื้อติดทุกเม็ดถึงลำคอ กระโปรงยาวกรอมเท้ากับรองเท้าคัดชูสีดำ
“แบบนี้...ใครมองแกแล้วไม่ Sex เสื่อม ฉันให้เตะ”
สภาพนางฟ้า เปลี่ยนไปเป็นคนธรรมดา...ชายหนุ่มเปรยยิ้มๆ เขาส่ายหน้าแรงๆ เมื่อมองเพื่อนทั้งซ้าย ทั้งขวา เขามั่นใจ ไม่มีใครจำทิพยอาภาได้...แม้แต่ แมทธิว!!
“เอาล่ะ แบบนี้แกพร้อมแล้วที่จะเข้าไปที่นั่นแล้ว”
หลังจากมองจนแน่ใจ...ทิพยอาภาสามารถผ่านด่านได้แน่ จากนี้ไปคือลิขิตสวรรค์แล้วล่ะ หากได้งานนี้ เพื่อนของเขาก็สามารถอยู่ใกล้ ‘ลูก’ ได้นานอีกหน่อย...
บทที่2.คัดเลือกไทรีสพาเพื่อนรักออกเดินทางแต่เช้าตรู่ มุ่งหน้าจากแคลิฟอร์เนียไปยังวอชิงตันดี.ซี.เพื่อภารกิจสำคัญ!!ระหว่างที่รถยนต์เคลื่อนที่ไปข้างหน้า คนขับชำเลืองมองคนข้างตัวบ่อยๆ เขาปล่อยมือจากการจับพวงมาลัยรถยนต์ ยื่นมือไปกุมมือของทิพยอาภาเอาไว้หลวมๆ เมื่อเขารู้ เพื่อนกำลังตื่นเต้นและหวาดกลัว...กับการเผชิญหน้ากับคนในตระกูลนั้น...“ไม่มีอะไรต้องกลัวนี่ทิพ แกกำลังจะไปหาลูก หากพลาดงานนี้... ยังไงเสีย...แกก็ได้เจอแองเจิ้ลอีกครั้ง”ชายหนุ่มปลอบขวัญ...ทิพยอาภามีเขาทั้งคน เขาไม่ปล่อยให้เพื่อนเดียวดายเพียงคนเดียวแน่ทิพยอาภาเงยหน้าขึ้นมองเพื่อน ภายใต้กรอบแว่นหนา ๆ ดวงตาของเธอคลอขังไปด้วยน้ำร้อนๆ ที่ไหลเออขึ้นมาที่ขอบตา“ฉันรู้ แต่ฉันก็อดกลัวไม่ได้”“แกกลัวอะไร กลัวไอ้เวรนั่นเหรอ...เมื่อไรแกจะลืมมันได้สักทีหะ!!” ไทรีสกระแทกเสียงขุ่นขวาง ผู้ชายอย่าง แมทธิวไม่มีค่าควรจำ เขาเป็นอมนุษย์ หาใช่คนเหมือนคนอื่นๆ ใจเขาดำผิดกับรูปลักษณ์ภายนอก ใครๆ ก็ชื่นชม ยกย
มาดามแพชี่พูดยิ้มๆ นางกอดกระชับหลานรักแน่นขึ้น เมื่อเจ้าตัวกำลังดิ้นรนจะไปหาคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าหน้าอกทิพยอาภาปวดหนึบ...เต่งเต้าของเธอเต้นตุ๊บๆ เหมือนอยากจะกลั่นน้ำนมออกมาให้บุตรสาวได้ดื่มกิน โชคดีที่เธอรู้ทันจึงเอาทิชชูยัดใส่ไว้ ไม่อย่างนั้นน้ำนมของเธอที่ไหลออกมา คงทำให้ใครๆ ในที่นี้รู้ว่า เธอเพิ่งจะคลอดลูกไม่นาน“ขอดิฉันอุ้มคุณหนูได้ไหมคะ?”ทิพยอาภาช้อนสายตาขึ้นมองมาดามแพชี่ เสียงของเธอเกือบสั่นตอนที่ร้องขอมาดามคนที่สองตรองอย่างหนัก แต่เมื่อพิจารณาทิพยอาภาแล้ว หล่อนไม่น่ามีพิษภัย จึงยอมส่งแองเจลิน่าให้กับหญิงสาวเด็กน้อยโผเข้าใส่เมื่อได้มองสบตากับมารดา ใบหน้าเล็กซุกแนบอกอิ่ม มือป้อมๆ วางแนบเนินอก ปากอิ่มย้อยดูดจุ๊บจับ!! ก่อนที่เปลือกตาจะปิดลง...อิงใบหน้ากับอกอิ่มของคนแปลกหน้าที่เพิ่งเจอกันครั้งแรก แบบไม่หวงตัว สร้างความแปลกใจให้กับมาดามแพชี่เป็นอย่างมาก...นางมองทิพยอาภาซ้ำ...ผู้หญิงหน้าตาขี้ริ้ว ผมสั้นกุดไม่เป็นทรง แว่นตาอันใหญ่เทอะทะ...เสื้อผ้าหลวมโพลกจนไม่สามารถประเมินรูปร่างได้ แต่ผู้หญิงแบบนี้ไม่มีทางที่จะทำให้แมทธิวสนใจ
ปีกซ้ายของคฤหาสน์ดีแลน...ปีกขวาคือพื้นที่ส่วนตัวของมาดามจูเลียกับแมทธิว ดังนั้นปีกซ้ายทั้งแถบจึงเป็นพื้นที่ของอาเธอร์กับมาดามแพชี่ และเวลานี้อีกส่วนหนึ่งถูกกันเป็นของหลานสาวคนใหม่ของมาดามแพชี่...แองเจลิน่าทิพยอาภาเริ่มงานอย่างแข็งขัน เธอไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยเลยสักทีที่ต้องอยู่ใกล้ชิดกับบุตรสาวยี่สิบสี่ชั่วโมงคือความสุขของเธอ แม้จะแค่เพียงนั่งมองเงียบๆ“พักกินข้าวบ้างเถอะ เดี๋ยวจะเป็นลมไป” สวีตตี้เดินเข้ามากระซิบบอกด้วยความหวังดี หล่อนชะเง้อมองคุณหนูตัวน้อยที่หลับสนิทอยู่บนแปลนอนยิ้มๆหญิงสาวพยักหน้ารับ...เธอเอื้อมมือดึงผ้าโปร่งๆ คลุมแปลไว้อีกชั้น เพื่อป้องกันแมลงตัวเล็กๆ มากวนการนอนหลับของบุตรสาว เป็นความใส่ใจที่สวีตตี้แอบทึ่งในครัว...สถานที่พักผ่อนของสาวใช้…ทิพยอาภาก้มหน้าก้มตากินข้าวในจานเงียบๆ เธอฟังเสียงคนอื่นคุย แต่ไม่ได้คิดจะไปร่วมวงสนทนา เมื่อต้องเก็บตัวป้องกันความผิดพลาด...“คุณแมทกลับมาเมื่อสักครู่...เธอเห็นเขายัง” สาวใช้วัยรุ่นรูปร่างอวบอัดกระซิบบอกเพื่อนวัยเด
บทที่3.กลิ่นนางแมทธิวตื่นขึ้นมาในเช้าวันต่อมา...เขาหลับยาวแบบที่ไม่เคยทำ ชายหนุ่มยกมือขึ้นกดเหนือหว่างคิ้ว เขาสูดปากครางเบาๆ เพราะรู้สึกชาวาบไปทั้งท้องแขน ชายหนุ่มผงกศีรษะขึ้นมอง เขาขมวดคิ้ว ก่อนจะเอื้อมมือผลักทิพยอาภาจนกระเด็น“โอ๊ะ!!” หญิงสาวร้องเสียงหลง ความฝันแสนหวานหายวับไปกับตา เมื่อเธอฝันถึงงานวิวาห์ท่ามกลางความยินดีของคนรอบตัวทิพยอาภากอดตัวเองแน่น เธอควานมือจนพบผ้าห่มผืนใหญ่ หญิงสาวรั้งผ้าผืนนั้นมาปกปิดร่างกายเปลือยเปล่า ก่อนจะช้อนสายตาขลาดอายมอง ‘สามีทางพฤตินัย’ ของตัวเองแมทธิวจ้องคนแปลกหน้าตาถลน เขาก้มมองตัวเองก่อนจะสบถเสียงขุ่น“พระเจ้า!!”หลักฐานตรงหน้าขา...คือความอัปยศที่ชายหนุ่มแทบจะรับไม่ไหวเขาหลับนอนกับหล่อนโดยปราศจากการป้องกันตัว หลักฐานที่เห็นทนโท่ คือคราบน้ำรักที่แห้งกรังติดอยู่ตรงอวัยวะเพศของเขาเอง“เธอเป็นใคร?” ชายหนุ่มถามเสียงขุ่นเขียวทิพยอาภาก้มหน้าน้ำตาตก...เธอกัดริมฝีปากล่าง รู้สึ
โทรศัพท์บางเฉียบถูกยัดเก็บในกระเป๋าเสื้อสูทตามเดิม...เขาเดินชมธรรมชาติ เมื่อพอจะอารมณ์ดีขึ้นแมทธิวขมวดคิ้ว เขาไม่คิดว่าคฤหาสน์ดีแลนจะกว้างขวางขนาดนี้...ส่วนปีกซ้ายที่เขาไม่เคยเฉียดเข้ามาใกล้เต็มไปด้วยพรรณไม้สวยเยอะแยะไปหมด...แมทธิวจึงเปลี่ยนใจ เขาเดินตรงไปยังเรือนกระจก สถานที่โปรดปรานของมาดามแพชี่ และขณะนั้น นางกำลังนั่งจิบชาอยู่พอดี...มาดามสูงศักดิ์เลิกหัวคิ้วขึ้นสูง เมื่อมองเห็นลูกเลี้ยงหนุ่มเดินมาปรากฏกายอยู่ตรงหน้า“นั่งก่อนไหมคะ...คุณแมท?” นางผายมือให้ชายหนุ่มนั่ง พร้อมกับเอื้อมมือหยิบแก้วเซรามิกตรงหน้าเตรียมจะรินชาอุ่น ๆ ให้ชายหนุ่มทรุดนั่งแบบเสียไม่ได้...เขามองไปรอบๆ ตัว เหมือนอยากชมบรรดาพรรณไม้หนักหนาแมทธิวยกแก้วชาอุ่นๆ ขึ้นจิบ “เด็กนั่นล่ะ?” เขาถามหา ‘ลูก’ ที่ตัวเองยังไม่ยอมรับมาดามแพชี่คลี่ยิ้มอ่อนๆ แมทธิวกระด้างและเคร่งขรึม แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาเย็นชาถึงเนื้อใน“อริสกำลังพามาค่ะ...แองเจิ้ลน่ารัก...เลี้ยงง่ายนะ”นางตอบสั้นๆ เสจิ้มขนมของว่างใส่ปาก กันอาการประดักประ
“เอาสิ...ทำงานที่นี่ไม่สบายใจตรงไหน บอกฉันได้นะ”อาเธอร์ส่งหลานสาวตัวอ้วนจ้ำม่ำให้ทิพยอาภา ท่านกล่าวต่ออย่างมีเมตตา เมื่อผู้หญิงคนนี้กำลังดูแลคนในดีแลน แถมเป็นคนสำคัญเสียด้วย เพราะหากแองเจลิน่าเป็นสายเลือดของแมทธิว นั่นย่อมหมายถึง...หลานของท่านคนนี้ จะเป็นหลานคนเดียว เมื่อตลอดระยะเวลาหลายชั่วอายุ ไม่ว่าจะเพียรพยายามทุ่มเทกำลังทรัพย์มากเท่าใด...ผลคือเหลว...เหมือนเบื้องบนกำหนดไว้ ดีแลนจะมีทายาทสืบต่อ แค่1 คนเท่านั้น“ค่ะ...” ทิพยอาภาตอบรับแบบสำรวม เธอช้อนอุ้มบุตรสาวแนบอก ยกผ้าซับน้ำลายมุมปากให้แองเจลิน่าอย่างอ่อนโยน“ลูกชายฉันผีเข้าผีออก ยังไงก็ระวังไว้บ้างล่ะ” อาเธอร์ยกแก้วชาขึ้นจิบ ท่านเปรยลอยๆเรื่องนี้ไม่ต้องบอก...ทิพยอาภาก็ทำให้เป็นความเคยชิน ที่ไหนมีแมทธิว...เธอจะจะเลี่ยงออกไปห่างๆ หากเป็นความบังเอิญแบบไม่ทันคาด เผ่นได้ เธอก็รีบเผ่นแบบไม่รอช้า...เพราะหากเธอพลาด หมายถึงชั่วชีวิตนี้ คงได้แต่มองแองเจลิน่าอยู่ห่างๆ แค่นั้นเอง“แอะๆ” เด็กน้อยเริ่มโยเย เพราะใกล้ถึงเวลานอน“คงง่วงแล้ว...พาไป
บทที่4.มาดามจูเลียโรม...อิตาลี...หญิงสูงวัยอายุเกือบแปดสิบปี นั่งนิ่วหน้า นางกำลังจิบกาแฟในร้านโปรดที่กรุงโรม เป็นการมาท่องเที่ยวกึ่งทำงาน เพราะมาดามจูเลียถือโอกาสพักผ่อนหย่อนใจหลังเซ็นสัญญาการค้าจบ...มือที่ผิวหนังเหี่ยวย่นเกร็งค้าง ขยุ้มกระดาษหนังสือพิมพ์เจ้าดังจนยับคามือ...เมื่อเห็นข่าวฉาวล่าสุดของแมทธิวหลานรัก...ในรอบยี่สิบปีนับตั้งแต่หลานชายเป็นหนุ่มเต็มตัว เขามีเดทกับสาวๆ ไม่เลือกหน้า ความฮอตของแมทธิวทำให้นางปวดหัว...แต่หลานชายของนางก็ระวังตัวเป็นอย่างดี ไม่เคยมีภาพหลุด แต่ที่เห็นนี่ มาดามจูเลียรับไม่ไหว...เป็นภาพฉาวที่สุดเท่าที่นางเคยเห็น แม้จะมีสีดำๆ คาดปิดใบหน้ากึ่งหนึ่ง ให้ตายเถอะ!! แค่เส้นผม นางก็จำได้ ที่เห็นนี่คือหลานชายของนางชัดๆท่ามกลางผู้คน แมทธิวกำลัง ‘จูบ’ กับผู้หญิงคนหนึ่ง และหากไม่มีใครอยู่ในบริเวณเดียวกัน เขากับเธอคงร่วมรักกันแบบดุเดือดเพราะลักษณะการจูบที่เห็น...มันคงไม่จบแค่การแลกลิ้นกันแน่ๆ“แมท!!”นางคำราม ลดมือลง กระแทกหนังสือ
สวีตตี้เจ้าเดิม หล่อนทำตัวเหมือนเป็นผู้พิทักษ์ทิพยอาภา หากเวลาไหนก็ตามที่ไวโอเล็ตตามมาแขวะ!!สาวใช้รูปร่างสมส่วนสะบัดค้อนให้ หล่อนเดินจากไปแบบหัวฟัดหัวเหวี่ยง“ทำอะไรอะอริส?”แองเจลิน่าหลับสนิทหลังเล่นจนเหนื่อยและดื่มนมไป1ขวดใหญ่ เด็กน้อยทำปากหมุบหมับ มองหน้าอกมารดาตาปรอย แต่เพราะมีสวีตตี้อยู่ ทิพยอาภาจึงทำเป็นไม่สนใจ แม้หน้าอกเธอจะปวดแปลบหญิงสาวเงยหน้ามอง “ข้าวต้มใส่แครอทกับตับและฟักทองจ้ะ สวีตตี้” เธอตอบพร้อมกับยิ้มน้อย“น่ากินเนอะ!! ” สาวอวบมองสิ่งที่เพื่อนร่วมงานทำตามันวับ “ฉันไปเฝ้าคุณหนูดีกว่า...ว่าแต่...รู้ยังมาดามกลับมาแล้ว!! ” สวีตตี้ลดเสียงลง เมื่อพูดถึงประมุขเฒ่าทิพยอาภาพยักใบหน้าหงึกหงัก“เห้อ!! ไม่รู้ว่าคุณหนูจะโดนหางเลขบ้างหรือเปล่า ข่าวว่ากำลังฉุนจัดจากข่าวคุณแมทธิว”สาวใช้ตัวอวบบ่น เป็นทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ในเวลานี้ ทุกคนในบ้านต้องพูดถึง หลังจากเห็นข่าวเจ้านายหนุ่มขึ้นหราที่หน้าหนึ่งของสื่อสิ่งพิมพ์ยักษ์ใหญ่ทิพยอาภากะพริบเปลือกตาปริบๆ เธอยังไม่
แต่เขาก็จำหล่อนได้ แววตาภักดีของทิพยอาภานั่นไง...เป็นสิ่งเดียวที่ตราตรึงอยู่ในใจ...เขามั่นใจตนเองไม่ใช่คนเหลวไหล...เขากินเลือก...และป้องกันตัวดี...แต่เพราะอะไรไม่รู้...มันอาจจะเป็นเพราะความบริสุทธิ์ไร้เดียงสาของทิพยอาภาก็เป็นได้...เขาไม่เคยคิดถึง ‘คอนดอม’ ไม่คิดถึงสิ่งใด นอกจากครอบครองหล่อนให้ได้...แมทธิวถอนใจเฮือกใหญ่ๆ ระหว่างเขากับทิพยอาภายังไม่แน่ชัดนัก...ความรู้สึกคลุมเครือนั่น...มีเส้นใยบางๆ กั้นอยู่...ชายหนุ่มนิ่งเงียบไป เขาใช้ความคิด และกำลังตรองความรู้สึกของตัวเอง ที่มีกับผู้หญิงคนนั้น เขา รังเกียจ หล่อน หรือ รัก หล่อนกันแน่!!การเดินทางแสนยาวนานในความรู้สึกของคนใจคอไม่ดี...ถึงเวลาสิ้นสุดลง เมื่อมองเห็นประตูรั้วเหล็กยืนตระหง่านอยู่เบื้องหน้า...ประตูหน้าถูกเปิดก่อนที่รถยนต์ของเขาจะเคลื่อนที่ไปถึง มีรถยนต์ของดีแลนคันหนึ่ง วิ่งสวนออกมา...แมทธิวใจหายวูบ!! เขามั่นใจว่าตัวเองสายตาดี ผู้หญิงที่นั่งตอนหลังรถยนต์คันนั้น คือ...คนที่ให้กำเนิดแองเจลิน่า!!“เร็วหน่อย!!” เขาตบเบาะเร่ง ใจคอไม่ดี ร
บทที่12.หัวใจหล่นหาย...เป็นเช้าที่หม่นหมองที่สุดสำหรับทิพยอาภา...เมื่อเวลาของเธอหมดลงคำประกาศิตของมาดามจูเลียก้องอยู่ในหัว เธอเก็บเสื้อผ้าของใช้ใส่กระเป๋าพร้อมกับน้ำตาที่หยดริน...“ทิพต้องไปแล้วค่ะคุณผู้หญิง” แม่ลูกอ่อนสุดอาภัพอุ้มลูกน้อยวัย1ปี ไปส่งถึงมือมาดามแพชี่พร้อมกับเอ่ยลา ข้างตัวเธอมีกระเป๋าเดินทางขนาดย่อม“เธอไม่ห่วงแองเจิ้ลเหรอทิพยอาภา”มารดาเลี้ยงของแมทธิวถามย้ำ นางน้ำตาซึมกับความกดดันที่โอบล้อมอยู่รอบตัวทิพยอาภาช้อนสายตาหม่นตรมขึ้นมองมาดามแพชี่ “ห่วงยิ่งกว่าชีวิตตัวเอง แต่เวลาทิพหมดลงแล้วค่ะ”“ใครล่ะ ใครกำหนดเวลานั่นให้กับเธอ?” สาวใหญ่เค้นเสียงถาม มันแหบสั่นและแห้งแร้งเหลือทน“ฉันเอง...หล่อนมีปัญหาเหรอแม่แพชี่!!” มาดามจูเลียเดินผ่านประตูหน้าเข้ามา นางยืนค้ำศีรษะทิพยอาภา ปรายตาหยันๆ มองผู้หญิงที่อาจจะทำให้ดีแลนเสียหาย“ดิฉันไม่กล้าหรอกค่ะคุณท่าน แต่อยากถามสักนิด... ทิพยอาภาผิดมา
แมทธิวเบ้ปาก เขายกมือขึ้นหมายจะจับมืออ้วนป้อมของเด็กน้อยออกไปจากแขนแข็งแรง...เขาไม่ชอบเด็ก!!แต่...อะไรบางอย่างพุ่งปราดจากมือน้อยๆ นั่น วิ่งพล่านเข้าสู่หัวใจ เขาชะงัก จ้องมองนัยน์ตาใสแจ๋ว กับใบหน้ายิ้มแฉ่งนั่นแบบตะลึงงัน“ลองอุ้มแกดูไหมคะ?” เธอกระชับผืนผ้าให้แน่นขึ้น ขยับตัวช้อนอุ้มบุตรสาวมือของเธอจับอยู่ที่ซอกรักแร้ของแองเจลิน่า ยื่นร่างอ้วนกลมของบุตรสาวไว้ต่อหน้าแมทธิว“อย่าเลย...ฉันไม่เคย” ชายหนุ่มโบกมือปฏิเสธ เขาเสหลบตาบุตรสาวที่จ้องมองเหมือนกำลังรอความหวัง“ไม่มีใครทำเป็นตั้งแต่แรกหรอกค่ะ ทุกคนมีครั้งแรกเหมือนกันหมด ไม่ว่าจะเป็นคุณ หรือทิพ”หญิงสาวกล่าวให้กำลังใจ...เธอเองก็ร่วมลุ้น อยากให้แมทธิวทดลอง ‘อุ้ม’ แองเจลิน่าสักครั้งขาอ้วนๆ แกว่งไปมา...มือป้อมๆ ยัดใส่ปาก ดวงตาเริ่มพราวฉ่ำด้วยน้ำใสใส“ก็ได้ส่งมา หากฉันทำหลุดมืออย่ามาว่ากันนะ”ชายหนุ่มตัดใจ เขาตอบกลับเสียงห้วน...มือแข็งแรงยกขึ้นรอท่า พร้อมกับความรู้สึกตื่นเต้นที่ประเดประดังใส่“อย่าดิ้นสิ เดี๋
เป็นเรื่องน่าอายหากมีบุคคลที่สามล่วงรู้ เขาควานหาตัวทิพยอาภาเป็นบ้าเป็นหลัง แต่เมื่อเจอตัวหล่อน เขากลับไม่คิดกระโตกกระตาก ขอเก็บหล่อนไว้ลับๆ เพื่อดื่มด่ำกับรสเสน่หาที่มีหล่อนผู้เดียวที่มอบให้เขาได้“ค่ะ ทิพจะไม่บอกใคร?”เธอมีเวลาช่วงสั้น ๆ แล้วทำไมเล่าเธอจะไม่กอบโกยช่วงเวลานี้ไว้ คำประกาศิตของมาดามจูเลียยังดังก้องอยู่ในหู วันใดที่แองเจลิน่าครบ1 ปี นั่นคือเวลาสิ้นสุดของเธอ และช่วงเวลานั้นขยับเคลื่อนเข้าใกล้เต็มทน...แมทธิวจูบเร็ว ๆ ที่ริมฝีปากอิ่มเต็ม เขาเคล้นคลึงเนินอกอิ่มหนักมือขึ้น จนหญิงสาวตัวสั่นแสงไฟที่ส่องสว่างมุมห้อง ทอดแสงเรืองรองมายังร่างสูงใหญ่ของแมทธิว แสงสว่างน้อยนิดนั่นแหละ ทำให้เธอเห็นว่า ชายหนุ่มสุดกำยำ กำลังไขว่แขนเพื่อสลัดเสื้อผ้าบนร่างกายของเขาออกไป แผงอกหนาหนั่นที่เธอเคยอิงแอบแนบซบ อยู่ช่วงเวลาหนึ่ง ปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตา...ลาดไหล่แข็งแกร่ง เนินอกที่อุดมไปด้วยมัดกล้าม เสน่หาเรือนกายที่สยบเธอได้อย่างชะงัด!!ผิวแก้มทิพยอาภาผ่าวร้อน เมื่อหวนนึกถึงช่วงเวลาสุดหวามของตัวเองกับแมทธิว“หือ...” ชายหนุ่มเลิกป
บทที่11.ค่ำคืนที่เป็นแค่ความฝัน...กลางดึกสงัด ทุกอย่างรอบตัวมืดมิด...แต่ตามทางเดินรอบคฤหาสน์...ยังมีแสงไฟส่องสว่าง ดังนั้น... บุรุษหนุ่มผู้หนึ่งที่ย่องมาอย่างเงียบเชียบ...จากปีกตึกด้านขวาของดีแลน มายังปีกตึกด้านซ้ายของดีแลน จึงต้องเลี่ยงหลบ แสงไฟนั่น เพราะเผื่อจะมีคนตาดีมองเห็น เขาไม่อยากกระโตกกระตากให้คนอื่นรู้...ความลับที่กำลังทำแต่แมทธิวไม่รู้...มีสายตาคู่หนึ่งจับตามองเขา พร้อมกับอมยิ้มเจ้านายหนุ่มปีนี้อายุสามสิบห้าปี เขาเป็นถึงหัวหอกของดีแลนคอมแพล็กซ์...แต่กลับทำตัวเหมือนหนุ่มรุ่นกระทง ไม่ต่างอะไรกับโรมิโอ...ที่กำลังจะปีนหน้าต่างไปหาจูเลียต...แตกต่างกันแค่...ทิพยอาภาไม่ใช่หญิงสูงศักดิ์...หล่อนเป็นแค่ซิลเดอเรลล่า...ที่ถูกซุกอยู่ในครัว ต่ำต้อยเรี่ยดิน...แววตาคมวาว พราวระยับ เมื่อย่องตามแมทธิวมาติดๆ เขารับคำสั่งมาให้ตามดู มาดามจูเลียไม่ได้ให้ขัดขวาง...ดังนั้น แมทธิวจึงผลุบหายเข้าไปในห้องนอนของบุตรสาว...โดยไม่มีใครขัดขวาง หรือบังเอิญผ่านมาเจอ เมื่อเอ็ดมันเคลียร์เส้นทางจนปลอดโปร่ง
ทิพยอาภาส่งตะกร้าใบเล็กในมือให้การ์ดหนุ่มใหญ่โดยที่ไม่ได้พูดอะไร ที่เธอทำคือกัดกระพุ้งแก้ม เพื่อไม่ให้ตัวเองเผลอแสดงความไม่พอใจ...เวลานี้เธอยังไม่พร้อมที่จะหันหลังให้กับคนที่นี่“เอะอะอะไรกัน?”แมทธิวเดินหน้าตึงเขามาสมทบ เขาขึงตาใส่ทิพยอาภาและหล่อนก็รีบก้มหน้าหลบสายตาของเขา“คนของแม่เลี้ยงเราน่ะ...ทำเป็นอวดดี สะเออะ!! อวดรู้ หล่อนไปเก็บของพวกนั้นมาจากข้างรั้ว...คงคิดจะทำดีเสนอหน้า แต่เปล่าเลย เป็นความคิดที่แย่มาก”มาดามเปรยบอกหลานชาย นางหรี่ตาจับพิรุธแมทธิวด้วย...ระหว่างผู้หญิงตรงหน้ากับตัวหลานชาย ยังมีเยื่อใยต่อกันหรือไม่?“อะไรครับคุณย่า?” ชายหนุ่มเดินเข้าไปประคองมาดามจูเลีย เขาขึงตาปรามทิพยอาภา เป็นการข่มขวัญหล่อนไม่ให้หล่อนหือ“ช่างเถอะ...ว่าแต่วันนี้ทำไมไปสาย”นางเหลือบมองนาฬิกาที่ข้อมือ ก่อนจะย้อนถามแมทธิวเสียงเรียบชายหนุ่มสะอึก เขายังไม่ทันคิดหาข้อแก้ตัว วันนี้เขาตั้งใจเบี้ยว เพราะมีความต้องการล้นอก และกำลังหาทางมาระบายออกกับผู้หญิงที่กำลังโดนเฉ่งคนนี้ไง“ไปสา
บทที่10.หยดน้ำตาบนหมอนนุ่มเห้อ...เสียงถอนลมหายใจรอบที่ร้อยในหนึ่งวัน...เมื่อหัวใจหม่นหมอง กลัดหนองจนเกือบขาดใจตาย ความทุกข์ที่เธอแบกรับไว้ ทำให้ไม่สามารถยิ้มได้เหมือนเดิม ไม่มีใครช่วยเธอได้สักคน...มันเหมือนเชือกที่ร้อยรัดพันธนาการเธอไว้ ค่อยๆ ขยับปม มัดแน่นเข้ามาทุกที จนแทบหายใจไม่ออกแต่จะให้ทำยังไงได้ นอกจากก้มหน้าทน...และทน เมื่อหัวใจของเธอผูกพันกับคนที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นบุตรสาว หรือ แมทธิววันใดที่เดินออกจากคฤหาสน์ดีแลน...มันนั้นเธอคงเหลือแค่ซากเมื่อหัวใจทั้งดวงทิ้งไว้ที่นี่เสียแล้ว“หน้าเธอเศร้าจังเลยอริส!! ”สวีตตี้เจ้าเดิม หล่อนสนใจใคร่รู้ไปทุกเรื่อง ยิ่งคนใกล้ตัวแล้ว ยิ่งไม่มีทางคลาดสายตา“คิดถึงบ้านละสิ...ใหม่ๆ ฉันก็เป็น แต่เดี๋ยวนี้ชินแล้วล่ะ” หล่อนยังพูดเจื้อยแจ้ว...ไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าคู่สนทนาจะเป็นอย่างไรแม่ลูกอ่อนสุดอาภัพยกมือปาดน้ำตา รีบสวมรอยเพราะไม่อยากให้คนอื่นล่วงรู้ความในใจของตนเอง“อืม...คิดถึง...” ห
มาดามแพชี่ยกมือทาบอก มือข้างที่กอดหลานรักไว้ กระชับแน่นขึ้น...เมื่อผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้านั้น หาใช่ใครอื่น แม้เธอจะเคยเห็นหล่อนแค่ผ่านๆ เพียงครั้งเดียว มาดามก็แน่ใจนี่แหละคือผู้ให้กำเนิด แองเจลิน่า‘ทิพยอาภา’ผู้หญิงที่สามารถให้กำเนิดทายาทดีแลนได้...“มันเป็นความจำเป็นที่ดิฉันไม่สามารถเลี่ยงได้...ตอนนี้คุณท่านรู้แล้วว่าดิฉันเป็นใคร เธอให้ดิฉันอยู่ จนกว่าแองเจิ้ลครบหนึ่งขวบค่ะ” ทิพยอาภาเล่าให้มาดามแพชี่ฟัง ความหวังที่จะได้เห็นบุตรสาวเจริญเติบโตทีละนิด หมดลงตั้งแต่ถูกจับได้ เวลานี้ช่วงเวลาที่เธอมีความสุข หดสั้นลงทุกที“แล้วเธอก็ยอม?” เป็นคำถามที่เหมือนจะต่อว่าเธอกลายๆหญิงสาวยกมือปาดน้ำตาบนผิวแก้ม เธอยื่นมือสั่นๆ จับปลายเท้าของบุตรสาวไว้ “แล้วดิฉันจะทำอะไรได้ล่ะค่ะ หากหนี...ก็ยังไม่รู้ว่าจะไปรอดหรือเปล่า? มันจะเป็นการทำให้แองเจิ้ลลำบากเสียเปล่าๆ ลูกควรมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง หาใช่การระหกระเหินไปในที่ต่างๆ ทั้งที่เขามีที่อยู่ที่ปลอดภัยรออยู่แล้ว”หญิงผู้อาภัพกล่าวด้วยความระทมทุกข์...จะให้เธอหอบห
บทที่9.ความลับ!!ความพยายามของแมทธิวสัมฤทธิผลในเช้าวันหนึ่ง เขากระชากทิพยอาภาเข้ามาในห้องส่วนตัวจนได้“ปล่อยค่ะ คุณทำแบบนี้ต้องการให้ทุกคนรู้หรือไงคะว่าทิพเป็นใคร”หญิงสาวตะเบ็งเสียงก้อง เธอดิ้นรนเพื่อให้ตัวเองรอด ไม่อยากถูกเฉดหัวส่ง ทั้งที่เพิ่งอุ้มลูกแนบอกได้ไม่กี่เดือน“อย่ามากำแหงใส่ฉัน...ทิพยอาภา”แมทธิวตวาด...“ทิพไม่ได้กำแหงอวดเก่ง...ทิพแค่ไม่อยากให้ความลับเปิดเผย...หากมีคนรู้ คุณไม่เสียหน้าแย่เหรอคะ เมื่อให้ใครต่อใครออกควานหาตัวทิพ แต่พอเจอเข้าจริงๆ กลับพยายามรั้งไว้”หล่อนเชิดหน้าท้าทาย และสิ่งที่หล่อนพูด ดันเป็นเรื่องจริงเสียด้วย...ทำไมเขาไม่โพนทะนา แล้วเฉดหัวหล่อนออกไปจากดีแลนล่ะ!!“หุบปาก ...ออกไปซะ!! ”ชายหนุ่มกระชากทิพยอาภาเข้ามาใกล้ เขากรรโชกเสียงเคร่งๆ ใส่...ก่อนจะดันหลังหล่อนออกไปจนพ้นบานประตูปัง!! แมทธิวกระแทกประตูใส่หน้าแม่ของลูก หลังจากผลักไสหล่อนออกไปจากห้องนอน เขาหงุดหงิด และไม่มี