มาดามแพชี่พูดยิ้มๆ นางกอดกระชับหลานรักแน่นขึ้น เมื่อเจ้าตัวกำลังดิ้นรนจะไปหาคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า
หน้าอกทิพยอาภาปวดหนึบ...เต่งเต้าของเธอเต้นตุ๊บๆ เหมือนอยากจะกลั่นน้ำนมออกมาให้บุตรสาวได้ดื่มกิน โชคดีที่เธอรู้ทันจึงเอาทิชชูยัดใส่ไว้ ไม่อย่างนั้นน้ำนมของเธอที่ไหลออกมา คงทำให้ใครๆ ในที่นี้รู้ว่า เธอเพิ่งจะคลอดลูกไม่นาน
“ขอดิฉันอุ้มคุณหนูได้ไหมคะ?”
ทิพยอาภาช้อนสายตาขึ้นมองมาดามแพชี่ เสียงของเธอเกือบสั่นตอนที่ร้องขอ
มาดามคนที่สองตรองอย่างหนัก แต่เมื่อพิจารณาทิพยอาภาแล้ว หล่อนไม่น่ามีพิษภัย จึงยอมส่งแองเจลิน่าให้กับหญิงสาว
เด็กน้อยโผเข้าใส่เมื่อได้มองสบตากับมารดา ใบหน้าเล็กซุกแนบอกอิ่ม มือป้อมๆ วางแนบเนินอก ปากอิ่มย้อยดูดจุ๊บจับ!! ก่อนที่เปลือกตาจะปิดลง...อิงใบหน้ากับอกอิ่มของคนแปลกหน้าที่เพิ่งเจอกันครั้งแรก แบบไม่หวงตัว สร้างความแปลกใจให้กับมาดามแพชี่เป็นอย่างมาก...
นางมองทิพยอาภาซ้ำ...ผู้หญิงหน้าตาขี้ริ้ว ผมสั้นกุดไม่เป็นทรง แว่นตาอันใหญ่เทอะทะ...เสื้อผ้าหลวมโพลกจนไม่สามารถประเมินรูปร่างได้ แต่ผู้หญิงแบบนี้ไม่มีทางที่จะทำให้แมทธิวสนใจ อย่าแค่มองเลย เดินผ่านชายหนุ่มอาจจะผลักหล่อนจนกระเด็น เมื่อไม่มีส่วนไหนเจริญตา เป็นไปไม่ได้ที่หล่อนจะมีความผูกพันกับหลานของนางมาก่อน
“เหมือนว่าหลานฉันจะเลือกแล้วนะ”
นางกล่าว กวาดตามองไปรอบๆ ตัว สีหน้าแต่ละคนที่มารอ แสดงความผิดหวังออกมาอย่างชัดเจน เพราะหากพลาดงานนี้ ก็คงไม่มีโอกาสเจาะเข้ามาในคฤหาสน์ดีแลนได้ และคงไม่มีโอกาสได้ ‘อ่อย’ แมทธิว
“เออ...” หลายคนพยายามจะท้วง แต่ก็อย่างที่เห็น
เด็กน้อยนั่นหลับสนิทอยู่ในอ้อมแขนของผู้หญิงเฉิ่มเบอะ!! ที่มองหาความงดงามไม่เจอ เอาน่าหล่อนคงเหมาะกับการเลี้ยงเด็ก แต่ไม่ใช่คู่แข่งตัวฉกาจของตัวเอง เพราะสภาพของหล่อน คงไม่ทำให้ผู้ชายสุดหยิ่งอย่างแมทธิวเหลียวมอง...
คนที่ผิดหวังทยอยออกไปทีละคน เมื่อหมดประโยชน์ที่จะอยู่ต่อ...
อีกอย่างแรงดึงดูดที่ทำให้พวกหล่อนมา...เขาไม่ได้อยู่ที่นี่
“เอาละจ้ะ เธอชื่ออะไร?” มาดามแพชี่เริ่มถาม หลังจากทิพยอาภาค่อยๆ วางเด็กหญิงในอ้อมกอดลงบนเบาะนอนที่สาวใช้คนหนึ่งวิ่งไปหยิบมาให้
“คุณหนูนอนง่ายๆ เนอะคุณท่าน เธอมีมนต์บทไหนเหรอ? ทำไมถึงกล่อมเด็กนอนหลับได้ง่ายดายจัง?” สวีทตี้ไม่ได้ดูแลแองเจลิน่าโดยตรง เธอเป็นตัวสำรองที่รับมือกับแองเจลิน่าแทบไม่ไหว เห็นเงียบๆ น่ารักน่าเอ็นดูแบบนี้ เวลาพยศขึ้นมา คุณหนูตัวน้อยก็แผดเสียงแบบไม่ยอมใครเช่นกัน...
ทิพยอาภาช้อนสายตามองไทรีส...
“อริสฮ่ะ...เธอเป็นสาวเวียดนามที่ภาษาอังกฤษใช้ได้เลย ว่าแต่... เงินเดือนของเธอได้ยังไงฮะ? กินนอนที่ไหนฮะ?” ชายหนุ่มหัวใจสีชมพูพยายามบีบเสียงและพูดจาอย่างสำรวม เขาต้องทำให้สมจริงเพราะหากมีใครสะกิดใจมันจะเป็นการเสียเปล่า ไทรีสตีหน้านิ่งๆ ทั้งๆ ที่นึกอยากจะร้องกรี๊ดๆ เมื่อส้มหล่นใส่เพื่อนแบบง่ายๆ
“เธอเป็นใครล่ะ?” มาดามแพชี่เอียงคอมอง “สามีหล่อนเหรอ?”
“ปะ เปล่าฮ่ะ...ฮั้นมีสำนักจัดหาคนงานส่งตามบ้าน และอริสเป็นหนึ่งในคนงานของฮั้น”
ไทรีสโบกมือปฏิเสธ เขาเตี๊ยมกับทิพอาภามาบ้างแล้ว เพื่อไม่ให้เป็นที่น่าสงสัย
“อ๋อ...เรื่องเงินเดือนตามสัญญานี่เลยจ้ะ เรื่องที่พักก็ตามที่ระบุ...ในสัญญา...แต่หากเธอทำงานดีฉันจะเพิ่มให้อีกนะจ๊ะ”
เพราะทิพยอาภาไม่ได้สนใจสิ่งที่ตัวเองควรได้ เธอเฝ้ามองใบหน้าเล็กๆ ของบุตรสาวที่นอนหลับสนิทในเบาะนอน
“โอ้!! เป็นเงินเดือนที่เยอะมากเลยครับ อริสคงดีใจ...บ้านเธอยากจนครับและต้องส่งเงินกลับไปเพื่อเลี้ยงน้องๆ”
เพื่อความสมจริงไทรีสจะพูดเป็นตุเป็นตะ...
“เริ่มงานเมื่อไรฮ้า?” ชายหนุ่มยิงตรงประเด็น!!
“สะดวกเริ่มตอนนี้เลยไหมล่ะจ้ะ เธอน่าจะเข้ากับหลานฉันเป็นอย่างดี...”
เป็นการตกลงเริ่มงานแบบไร้อุปสรรค ผู้ชายคนนั้นไม่เห็นแม้แต่เงา แต่ก็ทำให้ทิพอาภาพลอยโล่งใจ...
ไทรีสกลับไปหลังจากย้ำให้ทิพยอาภาอดทน...เมื่อหล่อนเลือกที่จะเป็นแบบนี้...
“สู้นะทิพ ฉันรู้ว่าแกทำได้...”
ก่อนกลับไทรีสย้ำ เขาจะเอาของใช้ส่วนตัวมาส่งให้เธออีกครั้ง พร้อมกับกำลังใจเต็มเปี่ยม
ดีแลนคอมเพล็กซ์...
เบื้องหลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ บนชั้นสูงสุดของตึกดีแลน...มีผู้ชายคนหนึ่งนั่งหน้าตึงเปลี๊ยะ!! เขายกขาขึ้นพาดขอบโต๊ะ เอนตัวพิงพนักเก้าอี้ สายตามองแชนเดอเรียกลางห้องแบบเลื่อนลอย...หัวคิ้วขมวดเป็นระยะๆ เพราะในขณะนี้สมองของแมทธิวกำลังทำงานหนัก...เขากำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ในใจ...
“เจ้านายครับ?”
จาคอปค้อมตัวลง เขายกมือกุมอยู่ที่เป้ากางเกงหลังเอ่ยเรียกเจ้านายหนุ่ม
เปลือกตาเปิดฉับ!! เหมือนกับว่าแมทธิวกำลังรอการ์ดส่วนตัวอยู่แบบตั้งตารอ...
“ว่าไง? มาดามจัดการยังไงกับ ‘เด็กนั่น’ !!” ชายหนุ่มกระเด้งตัวนั่งตรงๆ เขาวาดปลายเท้าลงมาจากขอบโต๊ะ
“มาดามประกาศหาคนเลี้ยงเด็ก และเลี้ยง ‘เธอ’ ไว้ที่ดีแลนครับ”
จาคอปตอบตามที่สืบมา...
“หึ!!” แมทธิวกระแทกลมหายใจแรงๆ คำพูดของเขาไม่มีน้ำหนัก จนแม้แต่คนหัวอ่อนที่สุดอย่างมาดามแพชี่ยังลุกขึ้นมาต่อต้าน
“พอรู้ไหม ‘ใคร’ มาเป็นพี่เลี้ยง” ความอยากรู้ทำให้ชายหนุ่มหลุดคำถามออกมา เขาตีสีหน้านิ่งๆ และจาคอปก็ไม่ได้ทักท้วง
โทรศัพท์บางเฉียบถูกยื่นให้แมทธิว มีภาพเปิดค้างไว้ และนั่นคือคำตอบ จาคอปทำงานดี ทำได้เกินคำสั่ง
ปลายนิ้วเรียวสวยไสด์หน้าจอเลื่อนดูภาพของ ‘คนเลี้ยงเด็ก’ เขาเบ้ปาก บ่มพึม
“มาดามนั่น...ไปขุดยัยนี่มาจากไหนวะ ทำไม...ช่างเป็นผู้หญิงที่ดูแล้วเสียสายตาจริงๆ ว่ะ”
ภาพลักษณ์ใหม่ของทิพยอาภา แม้แต่แมทธิวยังจำไม่ได้ เขายื่นโทรศัพท์คืนให้จาคอป เม้มปากแน่น เมื่อคิดจะถามคำถามต่อไป...
“ตามตัวยัยนั่น!! เจอหรือยัง?”
เขาเค้นเสียงถาม นึกเจ็บใจทุกครั้งที่คิดถึงทิพยอาภา เพราะความผิดพลาด ‘เด็กนั่น’ จึงเกิดขึ้นมา หล่อนฉวยโอกาส และทำตัวน่ารังเกียจ เขาขยะแขยงหล่อน...ไม่คิดว่าผู้หญิงที่ดูใสซื่อในฉากหน้า...จะซ่อนความร้ายกาจเอาไว้เบื้องหลัง
จาคอปส่ายใบหน้า ทิพยอาภาแทบไม่มีคนรู้จักเลยในอเมริกา ครอบครัวเดิมของหล่อนก็ปฏิเสธการรับรู้เมื่อครั้งที่จาคอปแวะไปถามข่าวหล่อน คนพวกนั้นแสดงอาการน่ารังเกียจมากๆ จนแม้แต่คนเย็นชาอย่างจาคอปที่ผ่านการฝึกมาอย่างหนัก ยังรู้สึกรันทดแทนหญิงสาว หล่อนช่างเป็นคนอาภัพอับโชค...และยิ่งเธอได้มาเจอกับแมทธิวเจ้านายเขา มันเหมือนหล่อนตกลงมาในขุมนรก เมื่อตลอดระยะเวลาที่ติดตามแมทธิว จาคอปเชื่อว่าเจ้านายหนุ่มไม่มี ‘หัวใจ’
“ตามหล่อนให้เจอ ฉันอยากรู้ว่าหล่อนต้องการอะไรจากฉัน!!”
เสียงลอดไรฟันเย็นชาเหมือนเกล็ดหิมะกลางฤดูหนาว แมทธิวหยัดกายขึ้นยืน เขาติดกระดุมสูท ยกมือปัดรอยยับที่ชายเสื้อ สอดมือไว้ในกระเป๋ากางเกง ก่อนจะเดินออกไปจากห้องทำงาน...
ในความทรงจำของแมทธิว ทิพยอาภาคือสิ่งที่แสดงถึงความมีเมตตาของเขา หล่อนเป็นได้แค่นั้นสำหรับเขาจริงๆ แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นมา เขาจึงโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยง ใช่...แมทธิวเหมือนหนุ่มๆ ทั่วไปที่นิยม ชื่นชมกับความงามบนเรือนกายผู้หญิง...แต่เขาเลือก...ไม่ใช่ใครก็ได้ที่จะได้มานอนใต้ร่างกายเขา เพื่อเป็นเครื่องบันเทิงอารมณ์
เขาไม่อยากใส่ความหล่อน...ทิพยอาภาทำตัวเป็นนักตกทอง หล่อนหวังสบายทางลัด...
หล่อนเสนอสนองให้เขา ในตอนที่เขามีสติไม่เต็มร้อย...ถึงหล่อนจะบริสุทธิ์ผุดผ่อง!!
แต่จะให้เขายอมรับหล่อน...ไม่มีวัน...
ผู้หญิงอย่างทิพยอาภาไม่ต่างอะไรกับตัวเหลือบ...ที่คอยเกาะดูดกินเลือด...เป็นกาฝากที่ไม่เคยคิดจะสร้างตัวเองอาศัยร่มไม้ใหญ่เพื่อดูดซึมอาหาร
เพื่อเป็นการตัดไฟแต่ต้นลม!! แมทธิวจึงสั่ง!! ให้หล่อน ‘ทำลาย’ สิ่งที่เกิดขึ้นทิ้ง...
ไม่คิดว่าหล่อนจะใจกล้า เก็บ ‘เด็ก’ ไว้ เขาตกใจแทบสิ้นสติ ตอนที่รู้ข่าวเข้า...
ทางเดียวที่จะรักษาหน้าตาตนเองเอาไว้ได้เหมือนเดิม เขาต้องตกลงกับหล่อนเสียใหม่ เขาไม่มีวันปล่อยให้ผู้หญิงชั้นต่ำอย่างทิพยอาภาเป็นคนทำลายชื่อเสียงวงศ์ตระกูลของเขา ที่สืบต่อกันมาหลายชั่วอายุคน เพราะความสำส่อนของหล่อนเอง...
ไม่มีวัน!!
กรามของแมทธิวบดกันไปมา เมื่อย้อนนึกถึงอดีต...เขาสะบัดหน้าแรงๆ พยายามทำเป็นลืมสายตาตัดพ้อของหล่อน...ทิพยอาภาไม่เคยเรียกร้อง...แต่จะให้เขาไว้ใจหล่อนอย่างนั้นเหรอ...ไม่มีทาง แมทธิว ดีแลนไม่ใช่ไก่อ่อนที่จะยอมให้ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งมาลูบคม ครั้งแรกหล่อนยังกล้า...คำสั่งเขาเหมือนลมปาก หาได้มีความศักดิ์สิทธิ์...ดังนั้นเขาไม่มีวันไว้ใจหล่อนเด็ดขาด
แมทธิวลืมไป...ทิพยอาภาแค่ทำตามสัญชาตญาณความเป็นแม่...
ชายหนุ่มถูกเลี้ยงมาท่ามกลางการแข่งขัน หัวใจแมทธิวจึงแห้งแร้ง...
เขาไม่รู้จัก ‘ความรัก’ ในสมองของแมทธิวบันทึกไว้แค่คำว่า ‘ผลประโยชน์’
Porsche Panameraสีขาวปรอท...รถยนต์คันล่าสุดที่หนุ่มไฮโซใช้เป็นยานพาหนะ รูปทรงโฉบเฉี่ยวสะกดสายตาคนมองได้ชะงัด เป็นรถยนต์รุ่นล่าที่คนมีสตางค์นิยมถอยออกมาวิ่งเล่นบนท้องถนน แมทธิวขับเคลื่อนรถยนต์ตรงกลับคฤหาสน์ดีแลน...ความคิดของเขาเลื่อนลอยเคว้งคว้าง...ชายหนุ่มสับสนในตัวเอง...ปากเขาบอกว่าเกลียดและขยะแขยงทิพยอาภา แต่ในความเป็นจริง...เงาอันรางเลือนของหล่อน ยังตามมาหลอกหล่อนเขาทุกค่ำคืน...จนอารมณ์สุนทรีย์ที่เคยมีหดหาย
เป็นความลับที่แมทธิวไม่เคยบอกใคร...
เขาไม่สามารถหลับนอนกับผู้หญิงคนอื่นได้เลย...เพราะทิพยอาภาจะเป็นตัวแทรกทำลายความรู้สึกกำหนัดที่เกิดขึ้น...
จนตัวเองคิดว่า...เขาน่าจะใกล้เคียงกับคนเป็นโรค ‘กามตายด้าน’ ลูกชายเขาไม่แข็งขัน มันหดหู่ หัวห้อย...ไม่เคลื่อนไหวใดเลย หากกลิ่นของบนตัวคู่นอน ไม่ใช่กลิ่นที่เขาเคยสูดดมจากเรือนกายอวบอุ่นของผู้หญิงที่ชื่อ ทิพยอาภา!!
ปึกๆ
แมทธิวกระแทกสันมือกับพวงมาลัย...เขากลายเป็นคนฉุนเฉียวง่าย...นับตั้งแต่หล่อนปรากฏกายตรงหน้าเมื่อหนึ่งปีก่อน
เวร!!
ชีวิตแสนสุขของเขาผกผันก็เพราะผู้หญิงคนเดียว...
เอี๊ยด!! ปัง!! ปึกๆ
เสียงแรกคือเสียงห้ามล้อ...เมื่อชายหนุ่มกระทืบเบรกเต็มแรงจนรถยนต์จอดสนิทหน้าโถงทางเดิน ปัง!! เสียงต่อมาคือการระบายอารมณ์ของแมทธิว เขากระโจนลงจารถยนต์กระแทกประตูปิดเสียงดังๆ ปึกๆ ส้นรองเท้าหนังมันวับกระแทกลงบนหินอ่อนที่ปูเป็นพื้นทั่วคฤหาสน์หลังใหญ่
บ้าน...เป็นที่สุดท้ายที่แมทธิวนึกถึง...การกลับมานอนใต้ชายคาคฤหาสน์ดีแลน แมทธิวจะกลับมาก็ต่อเมื่อมาดามจูเลียอยู่ด้วย
แมทธิวไม่อยากเป็นส่วนเกิน...เมื่ออยู่ต่อหน้าบิดา...เขาเหมือนไร้ตัวตน เพราะท่านใส่ใจแค่ภรรยาคนใหม่...มันเป็นรอยบาดหมางในหัวใจของเขา ที่ไม่มีใครรู้... ภายใต้สีหน้าเย็นชา...แมทธิวโหยหาอ้อมกอดของท่านเหมือนเด็กคนอื่นๆ แต่เพราะถูกฝึกมาตั้งแต่เด็ก เพื่อเป็นผู้นำตระกูลในอนาคต เขาจึงฉาบหน้าไว้ด้วยความว่างเปล่า ซ่อนหัวใจโหยหาไว้ในส่วนที่ลึกที่สุดของหัวใจ!!
ปีกซ้ายของคฤหาสน์ดีแลน...ปีกขวาคือพื้นที่ส่วนตัวของมาดามจูเลียกับแมทธิว ดังนั้นปีกซ้ายทั้งแถบจึงเป็นพื้นที่ของอาเธอร์กับมาดามแพชี่ และเวลานี้อีกส่วนหนึ่งถูกกันเป็นของหลานสาวคนใหม่ของมาดามแพชี่...แองเจลิน่าทิพยอาภาเริ่มงานอย่างแข็งขัน เธอไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยเลยสักทีที่ต้องอยู่ใกล้ชิดกับบุตรสาวยี่สิบสี่ชั่วโมงคือความสุขของเธอ แม้จะแค่เพียงนั่งมองเงียบๆ“พักกินข้าวบ้างเถอะ เดี๋ยวจะเป็นลมไป” สวีตตี้เดินเข้ามากระซิบบอกด้วยความหวังดี หล่อนชะเง้อมองคุณหนูตัวน้อยที่หลับสนิทอยู่บนแปลนอนยิ้มๆหญิงสาวพยักหน้ารับ...เธอเอื้อมมือดึงผ้าโปร่งๆ คลุมแปลไว้อีกชั้น เพื่อป้องกันแมลงตัวเล็กๆ มากวนการนอนหลับของบุตรสาว เป็นความใส่ใจที่สวีตตี้แอบทึ่งในครัว...สถานที่พักผ่อนของสาวใช้…ทิพยอาภาก้มหน้าก้มตากินข้าวในจานเงียบๆ เธอฟังเสียงคนอื่นคุย แต่ไม่ได้คิดจะไปร่วมวงสนทนา เมื่อต้องเก็บตัวป้องกันความผิดพลาด...“คุณแมทกลับมาเมื่อสักครู่...เธอเห็นเขายัง” สาวใช้วัยรุ่นรูปร่างอวบอัดกระซิบบอกเพื่อนวัยเด
บทที่3.กลิ่นนางแมทธิวตื่นขึ้นมาในเช้าวันต่อมา...เขาหลับยาวแบบที่ไม่เคยทำ ชายหนุ่มยกมือขึ้นกดเหนือหว่างคิ้ว เขาสูดปากครางเบาๆ เพราะรู้สึกชาวาบไปทั้งท้องแขน ชายหนุ่มผงกศีรษะขึ้นมอง เขาขมวดคิ้ว ก่อนจะเอื้อมมือผลักทิพยอาภาจนกระเด็น“โอ๊ะ!!” หญิงสาวร้องเสียงหลง ความฝันแสนหวานหายวับไปกับตา เมื่อเธอฝันถึงงานวิวาห์ท่ามกลางความยินดีของคนรอบตัวทิพยอาภากอดตัวเองแน่น เธอควานมือจนพบผ้าห่มผืนใหญ่ หญิงสาวรั้งผ้าผืนนั้นมาปกปิดร่างกายเปลือยเปล่า ก่อนจะช้อนสายตาขลาดอายมอง ‘สามีทางพฤตินัย’ ของตัวเองแมทธิวจ้องคนแปลกหน้าตาถลน เขาก้มมองตัวเองก่อนจะสบถเสียงขุ่น“พระเจ้า!!”หลักฐานตรงหน้าขา...คือความอัปยศที่ชายหนุ่มแทบจะรับไม่ไหวเขาหลับนอนกับหล่อนโดยปราศจากการป้องกันตัว หลักฐานที่เห็นทนโท่ คือคราบน้ำรักที่แห้งกรังติดอยู่ตรงอวัยวะเพศของเขาเอง“เธอเป็นใคร?” ชายหนุ่มถามเสียงขุ่นเขียวทิพยอาภาก้มหน้าน้ำตาตก...เธอกัดริมฝีปากล่าง รู้สึ
โทรศัพท์บางเฉียบถูกยัดเก็บในกระเป๋าเสื้อสูทตามเดิม...เขาเดินชมธรรมชาติ เมื่อพอจะอารมณ์ดีขึ้นแมทธิวขมวดคิ้ว เขาไม่คิดว่าคฤหาสน์ดีแลนจะกว้างขวางขนาดนี้...ส่วนปีกซ้ายที่เขาไม่เคยเฉียดเข้ามาใกล้เต็มไปด้วยพรรณไม้สวยเยอะแยะไปหมด...แมทธิวจึงเปลี่ยนใจ เขาเดินตรงไปยังเรือนกระจก สถานที่โปรดปรานของมาดามแพชี่ และขณะนั้น นางกำลังนั่งจิบชาอยู่พอดี...มาดามสูงศักดิ์เลิกหัวคิ้วขึ้นสูง เมื่อมองเห็นลูกเลี้ยงหนุ่มเดินมาปรากฏกายอยู่ตรงหน้า“นั่งก่อนไหมคะ...คุณแมท?” นางผายมือให้ชายหนุ่มนั่ง พร้อมกับเอื้อมมือหยิบแก้วเซรามิกตรงหน้าเตรียมจะรินชาอุ่น ๆ ให้ชายหนุ่มทรุดนั่งแบบเสียไม่ได้...เขามองไปรอบๆ ตัว เหมือนอยากชมบรรดาพรรณไม้หนักหนาแมทธิวยกแก้วชาอุ่นๆ ขึ้นจิบ “เด็กนั่นล่ะ?” เขาถามหา ‘ลูก’ ที่ตัวเองยังไม่ยอมรับมาดามแพชี่คลี่ยิ้มอ่อนๆ แมทธิวกระด้างและเคร่งขรึม แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาเย็นชาถึงเนื้อใน“อริสกำลังพามาค่ะ...แองเจิ้ลน่ารัก...เลี้ยงง่ายนะ”นางตอบสั้นๆ เสจิ้มขนมของว่างใส่ปาก กันอาการประดักประ
“เอาสิ...ทำงานที่นี่ไม่สบายใจตรงไหน บอกฉันได้นะ”อาเธอร์ส่งหลานสาวตัวอ้วนจ้ำม่ำให้ทิพยอาภา ท่านกล่าวต่ออย่างมีเมตตา เมื่อผู้หญิงคนนี้กำลังดูแลคนในดีแลน แถมเป็นคนสำคัญเสียด้วย เพราะหากแองเจลิน่าเป็นสายเลือดของแมทธิว นั่นย่อมหมายถึง...หลานของท่านคนนี้ จะเป็นหลานคนเดียว เมื่อตลอดระยะเวลาหลายชั่วอายุ ไม่ว่าจะเพียรพยายามทุ่มเทกำลังทรัพย์มากเท่าใด...ผลคือเหลว...เหมือนเบื้องบนกำหนดไว้ ดีแลนจะมีทายาทสืบต่อ แค่1 คนเท่านั้น“ค่ะ...” ทิพยอาภาตอบรับแบบสำรวม เธอช้อนอุ้มบุตรสาวแนบอก ยกผ้าซับน้ำลายมุมปากให้แองเจลิน่าอย่างอ่อนโยน“ลูกชายฉันผีเข้าผีออก ยังไงก็ระวังไว้บ้างล่ะ” อาเธอร์ยกแก้วชาขึ้นจิบ ท่านเปรยลอยๆเรื่องนี้ไม่ต้องบอก...ทิพยอาภาก็ทำให้เป็นความเคยชิน ที่ไหนมีแมทธิว...เธอจะจะเลี่ยงออกไปห่างๆ หากเป็นความบังเอิญแบบไม่ทันคาด เผ่นได้ เธอก็รีบเผ่นแบบไม่รอช้า...เพราะหากเธอพลาด หมายถึงชั่วชีวิตนี้ คงได้แต่มองแองเจลิน่าอยู่ห่างๆ แค่นั้นเอง“แอะๆ” เด็กน้อยเริ่มโยเย เพราะใกล้ถึงเวลานอน“คงง่วงแล้ว...พาไป
บทที่1.ของขวัญจากพระเจ้า1สัปดาห์ก่อนวันขอบคุณพระเจ้า...แมทธิว ดีแลนทายาทเพียงหนึ่งเดียวของตระกูลดังฝั่งอเมริกาเขานั่งหน้าตึงท่ามกลางญาติสนิทที่มารวมตัวกันในห้องโถงใหญ่ของคฤหาสน์ เนื่องจากคนในปกครองของชายหนุ่ม ‘เด็กสาว’ ที่เขาอุปการะไว้ หายตัวไปแบบลึกลับ...มีเพียงกระดาษชิ้นเล็กๆ ทิ้งไว้กับ ทารก!! เพศหญิงอีกหนึ่งคนยัยผู้หญิงบ้า...งี่เง่าที่เขาโอบอุ้มหล่อนตามคำสั่งคุณย่า แต่หล่อนดันตลบหลังเขา...มีพฤติกรรมที่ไม่น่าอภัย‘สำส่อน’ นิยามนี้เหมาะกับเด็กสาวใจแตกอย่าง ทิพยอาภา เลียม ที่สุด!!“จาคอป...เอาเด็กนี่ไปยกให้สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าซะ...ค่าใช้จ่ายทั้งหมดฉันจะออกให้เอง แต่อย่าเอา ‘เด็ก’ มาทิ้งไว้ใกล้ตาฉัน ฉันยังไม่อยากเป็นคนเลวในสายตาทุกคน” เสียงของแมทธิวดุดัน จนไม่มีใครกล้าปริปากท้วง ความคั่งแค้นปะปนมาในกระแสเสียง จนคนได้ยินยังสะท้านการ์ดหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ เขาไม่กล้ามองสบนัยน์ตาใสแจ๋วของเด็กน้อยที่นอนมองตาแป๋ว...แบบไม่รู้เรื่องรู้ราว ชะตาชีวิตเด็กคนนี้จะเป็นเยี่ยงไร...การ์ดหนุ่มยกตะกร้าใบใหญ่...ที่ถูกทำเป็นเหมือนอู่นอนของเด็กน้อยคนนี้ มีกระดาษแผ่นเล็กๆ ห้อยไว้ที่หูตะกร้าลายมือเป็นร
แต่มันไม่ได้จบแบบในนวนิยาย หนังสืออ่านเล่นที่เธอชอบอ่านก่อนนอนเจ้าชาย...ไม่มีจริงในโลกปัจจุบันแมทธิวเป็นเทพบุตรแค่เปลือก เนื้อในเขาเป็นจอมวายร้าย“เอาเด็กออก!!” คำบัญชาของเขา ตอนที่เธอบอกเขาเรื่องที่เธอ ‘ท้อง’เขาเย็นชายิ่งกว่าหิมะกลางฤดูหนาว ใจดำยิ่งกว่าสีของขนนกกาแมทธิวให้เธอทำลายเลือดก้อนหนึ่งของเขากับเธอ...แต่ ทิพยอาภาไม่ทำ!! ...เธอหลบหน้าหลบตาเขา แอบคลอดลูกและไม่ปริปากบอกเขาสักคำ เมื่อเขาไม่ต้องการ...เธอก็จะเลี้ยงลูกด้วยตัวเอง ด้วยสองมือ สองขาของผู้หญิงคนหนึ่งมันไม่จบแค่นั้น...หากจอมวายร้ายอย่างเขาจะปล่อยผ่าน เมื่อเธอหายตัวไป แมทธิวกลับตามจนเจอ!! ...เขาให้จาคอปรับตัวเธอมาที่คฤหาสน์ดีแลน เพื่อตกลงกับเธอครั้งสุดท้าย...เมื่อแมทธิวบีบจนเธอไม่มีทางเดิน เธอก็ได้แต่หวังว่าคนในคฤหาสน์หลังนั้น จะยังพอมีความเมตตาหลงเหลืออยู่บ้าง ยังไงเสีย... แองเจลิน่าก็เป็นสายเลือดของ ดีแลน!! คนหนึ่ง...“จะเอาไงต่อ จะกลับบ้าน หรือจะหางานทำที่นี่?” เสียงของไทรีสปลุกความคิดล่องลอยของทิพยอาภากลับมาอยู่ที่เดิม“ฉันอยู่ที่นี่ไม่ได้หรอกไท ฉันจะกลับบ้าน”บ้านเกิดของแม่...บ้านที่เธอเหลือแค่ความทรงจำรางๆ เพร
บทที่2.คัดเลือกไทรีสพาเพื่อนรักออกเดินทางแต่เช้าตรู่ มุ่งหน้าจากแคลิฟอร์เนียไปยังวอชิงตันดี.ซี.เพื่อภารกิจสำคัญ!!ระหว่างที่รถยนต์เคลื่อนที่ไปข้างหน้า คนขับชำเลืองมองคนข้างตัวบ่อยๆ เขาปล่อยมือจากการจับพวงมาลัยรถยนต์ ยื่นมือไปกุมมือของทิพยอาภาเอาไว้หลวมๆ เมื่อเขารู้ เพื่อนกำลังตื่นเต้นและหวาดกลัว...กับการเผชิญหน้ากับคนในตระกูลนั้น...“ไม่มีอะไรต้องกลัวนี่ทิพ แกกำลังจะไปหาลูก หากพลาดงานนี้... ยังไงเสีย...แกก็ได้เจอแองเจิ้ลอีกครั้ง”ชายหนุ่มปลอบขวัญ...ทิพยอาภามีเขาทั้งคน เขาไม่ปล่อยให้เพื่อนเดียวดายเพียงคนเดียวแน่ทิพยอาภาเงยหน้าขึ้นมองเพื่อน ภายใต้กรอบแว่นหนา ๆ ดวงตาของเธอคลอขังไปด้วยน้ำร้อนๆ ที่ไหลเออขึ้นมาที่ขอบตา“ฉันรู้ แต่ฉันก็อดกลัวไม่ได้”“แกกลัวอะไร กลัวไอ้เวรนั่นเหรอ...เมื่อไรแกจะลืมมันได้สักทีหะ!!” ไทรีสกระแทกเสียงขุ่นขวาง ผู้ชายอย่าง แมทธิวไม่มีค่าควรจำ เขาเป็นอมนุษย์ หาใช่คนเหมือนคนอื่นๆ ใจเขาดำผิดกับรูปลักษณ์ภายนอก ใครๆ ก็ชื่นชม ยกย
“เอาสิ...ทำงานที่นี่ไม่สบายใจตรงไหน บอกฉันได้นะ”อาเธอร์ส่งหลานสาวตัวอ้วนจ้ำม่ำให้ทิพยอาภา ท่านกล่าวต่ออย่างมีเมตตา เมื่อผู้หญิงคนนี้กำลังดูแลคนในดีแลน แถมเป็นคนสำคัญเสียด้วย เพราะหากแองเจลิน่าเป็นสายเลือดของแมทธิว นั่นย่อมหมายถึง...หลานของท่านคนนี้ จะเป็นหลานคนเดียว เมื่อตลอดระยะเวลาหลายชั่วอายุ ไม่ว่าจะเพียรพยายามทุ่มเทกำลังทรัพย์มากเท่าใด...ผลคือเหลว...เหมือนเบื้องบนกำหนดไว้ ดีแลนจะมีทายาทสืบต่อ แค่1 คนเท่านั้น“ค่ะ...” ทิพยอาภาตอบรับแบบสำรวม เธอช้อนอุ้มบุตรสาวแนบอก ยกผ้าซับน้ำลายมุมปากให้แองเจลิน่าอย่างอ่อนโยน“ลูกชายฉันผีเข้าผีออก ยังไงก็ระวังไว้บ้างล่ะ” อาเธอร์ยกแก้วชาขึ้นจิบ ท่านเปรยลอยๆเรื่องนี้ไม่ต้องบอก...ทิพยอาภาก็ทำให้เป็นความเคยชิน ที่ไหนมีแมทธิว...เธอจะจะเลี่ยงออกไปห่างๆ หากเป็นความบังเอิญแบบไม่ทันคาด เผ่นได้ เธอก็รีบเผ่นแบบไม่รอช้า...เพราะหากเธอพลาด หมายถึงชั่วชีวิตนี้ คงได้แต่มองแองเจลิน่าอยู่ห่างๆ แค่นั้นเอง“แอะๆ” เด็กน้อยเริ่มโยเย เพราะใกล้ถึงเวลานอน“คงง่วงแล้ว...พาไป
โทรศัพท์บางเฉียบถูกยัดเก็บในกระเป๋าเสื้อสูทตามเดิม...เขาเดินชมธรรมชาติ เมื่อพอจะอารมณ์ดีขึ้นแมทธิวขมวดคิ้ว เขาไม่คิดว่าคฤหาสน์ดีแลนจะกว้างขวางขนาดนี้...ส่วนปีกซ้ายที่เขาไม่เคยเฉียดเข้ามาใกล้เต็มไปด้วยพรรณไม้สวยเยอะแยะไปหมด...แมทธิวจึงเปลี่ยนใจ เขาเดินตรงไปยังเรือนกระจก สถานที่โปรดปรานของมาดามแพชี่ และขณะนั้น นางกำลังนั่งจิบชาอยู่พอดี...มาดามสูงศักดิ์เลิกหัวคิ้วขึ้นสูง เมื่อมองเห็นลูกเลี้ยงหนุ่มเดินมาปรากฏกายอยู่ตรงหน้า“นั่งก่อนไหมคะ...คุณแมท?” นางผายมือให้ชายหนุ่มนั่ง พร้อมกับเอื้อมมือหยิบแก้วเซรามิกตรงหน้าเตรียมจะรินชาอุ่น ๆ ให้ชายหนุ่มทรุดนั่งแบบเสียไม่ได้...เขามองไปรอบๆ ตัว เหมือนอยากชมบรรดาพรรณไม้หนักหนาแมทธิวยกแก้วชาอุ่นๆ ขึ้นจิบ “เด็กนั่นล่ะ?” เขาถามหา ‘ลูก’ ที่ตัวเองยังไม่ยอมรับมาดามแพชี่คลี่ยิ้มอ่อนๆ แมทธิวกระด้างและเคร่งขรึม แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาเย็นชาถึงเนื้อใน“อริสกำลังพามาค่ะ...แองเจิ้ลน่ารัก...เลี้ยงง่ายนะ”นางตอบสั้นๆ เสจิ้มขนมของว่างใส่ปาก กันอาการประดักประ
บทที่3.กลิ่นนางแมทธิวตื่นขึ้นมาในเช้าวันต่อมา...เขาหลับยาวแบบที่ไม่เคยทำ ชายหนุ่มยกมือขึ้นกดเหนือหว่างคิ้ว เขาสูดปากครางเบาๆ เพราะรู้สึกชาวาบไปทั้งท้องแขน ชายหนุ่มผงกศีรษะขึ้นมอง เขาขมวดคิ้ว ก่อนจะเอื้อมมือผลักทิพยอาภาจนกระเด็น“โอ๊ะ!!” หญิงสาวร้องเสียงหลง ความฝันแสนหวานหายวับไปกับตา เมื่อเธอฝันถึงงานวิวาห์ท่ามกลางความยินดีของคนรอบตัวทิพยอาภากอดตัวเองแน่น เธอควานมือจนพบผ้าห่มผืนใหญ่ หญิงสาวรั้งผ้าผืนนั้นมาปกปิดร่างกายเปลือยเปล่า ก่อนจะช้อนสายตาขลาดอายมอง ‘สามีทางพฤตินัย’ ของตัวเองแมทธิวจ้องคนแปลกหน้าตาถลน เขาก้มมองตัวเองก่อนจะสบถเสียงขุ่น“พระเจ้า!!”หลักฐานตรงหน้าขา...คือความอัปยศที่ชายหนุ่มแทบจะรับไม่ไหวเขาหลับนอนกับหล่อนโดยปราศจากการป้องกันตัว หลักฐานที่เห็นทนโท่ คือคราบน้ำรักที่แห้งกรังติดอยู่ตรงอวัยวะเพศของเขาเอง“เธอเป็นใคร?” ชายหนุ่มถามเสียงขุ่นเขียวทิพยอาภาก้มหน้าน้ำตาตก...เธอกัดริมฝีปากล่าง รู้สึ
ปีกซ้ายของคฤหาสน์ดีแลน...ปีกขวาคือพื้นที่ส่วนตัวของมาดามจูเลียกับแมทธิว ดังนั้นปีกซ้ายทั้งแถบจึงเป็นพื้นที่ของอาเธอร์กับมาดามแพชี่ และเวลานี้อีกส่วนหนึ่งถูกกันเป็นของหลานสาวคนใหม่ของมาดามแพชี่...แองเจลิน่าทิพยอาภาเริ่มงานอย่างแข็งขัน เธอไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยเลยสักทีที่ต้องอยู่ใกล้ชิดกับบุตรสาวยี่สิบสี่ชั่วโมงคือความสุขของเธอ แม้จะแค่เพียงนั่งมองเงียบๆ“พักกินข้าวบ้างเถอะ เดี๋ยวจะเป็นลมไป” สวีตตี้เดินเข้ามากระซิบบอกด้วยความหวังดี หล่อนชะเง้อมองคุณหนูตัวน้อยที่หลับสนิทอยู่บนแปลนอนยิ้มๆหญิงสาวพยักหน้ารับ...เธอเอื้อมมือดึงผ้าโปร่งๆ คลุมแปลไว้อีกชั้น เพื่อป้องกันแมลงตัวเล็กๆ มากวนการนอนหลับของบุตรสาว เป็นความใส่ใจที่สวีตตี้แอบทึ่งในครัว...สถานที่พักผ่อนของสาวใช้…ทิพยอาภาก้มหน้าก้มตากินข้าวในจานเงียบๆ เธอฟังเสียงคนอื่นคุย แต่ไม่ได้คิดจะไปร่วมวงสนทนา เมื่อต้องเก็บตัวป้องกันความผิดพลาด...“คุณแมทกลับมาเมื่อสักครู่...เธอเห็นเขายัง” สาวใช้วัยรุ่นรูปร่างอวบอัดกระซิบบอกเพื่อนวัยเด
มาดามแพชี่พูดยิ้มๆ นางกอดกระชับหลานรักแน่นขึ้น เมื่อเจ้าตัวกำลังดิ้นรนจะไปหาคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าหน้าอกทิพยอาภาปวดหนึบ...เต่งเต้าของเธอเต้นตุ๊บๆ เหมือนอยากจะกลั่นน้ำนมออกมาให้บุตรสาวได้ดื่มกิน โชคดีที่เธอรู้ทันจึงเอาทิชชูยัดใส่ไว้ ไม่อย่างนั้นน้ำนมของเธอที่ไหลออกมา คงทำให้ใครๆ ในที่นี้รู้ว่า เธอเพิ่งจะคลอดลูกไม่นาน“ขอดิฉันอุ้มคุณหนูได้ไหมคะ?”ทิพยอาภาช้อนสายตาขึ้นมองมาดามแพชี่ เสียงของเธอเกือบสั่นตอนที่ร้องขอมาดามคนที่สองตรองอย่างหนัก แต่เมื่อพิจารณาทิพยอาภาแล้ว หล่อนไม่น่ามีพิษภัย จึงยอมส่งแองเจลิน่าให้กับหญิงสาวเด็กน้อยโผเข้าใส่เมื่อได้มองสบตากับมารดา ใบหน้าเล็กซุกแนบอกอิ่ม มือป้อมๆ วางแนบเนินอก ปากอิ่มย้อยดูดจุ๊บจับ!! ก่อนที่เปลือกตาจะปิดลง...อิงใบหน้ากับอกอิ่มของคนแปลกหน้าที่เพิ่งเจอกันครั้งแรก แบบไม่หวงตัว สร้างความแปลกใจให้กับมาดามแพชี่เป็นอย่างมาก...นางมองทิพยอาภาซ้ำ...ผู้หญิงหน้าตาขี้ริ้ว ผมสั้นกุดไม่เป็นทรง แว่นตาอันใหญ่เทอะทะ...เสื้อผ้าหลวมโพลกจนไม่สามารถประเมินรูปร่างได้ แต่ผู้หญิงแบบนี้ไม่มีทางที่จะทำให้แมทธิวสนใจ
บทที่2.คัดเลือกไทรีสพาเพื่อนรักออกเดินทางแต่เช้าตรู่ มุ่งหน้าจากแคลิฟอร์เนียไปยังวอชิงตันดี.ซี.เพื่อภารกิจสำคัญ!!ระหว่างที่รถยนต์เคลื่อนที่ไปข้างหน้า คนขับชำเลืองมองคนข้างตัวบ่อยๆ เขาปล่อยมือจากการจับพวงมาลัยรถยนต์ ยื่นมือไปกุมมือของทิพยอาภาเอาไว้หลวมๆ เมื่อเขารู้ เพื่อนกำลังตื่นเต้นและหวาดกลัว...กับการเผชิญหน้ากับคนในตระกูลนั้น...“ไม่มีอะไรต้องกลัวนี่ทิพ แกกำลังจะไปหาลูก หากพลาดงานนี้... ยังไงเสีย...แกก็ได้เจอแองเจิ้ลอีกครั้ง”ชายหนุ่มปลอบขวัญ...ทิพยอาภามีเขาทั้งคน เขาไม่ปล่อยให้เพื่อนเดียวดายเพียงคนเดียวแน่ทิพยอาภาเงยหน้าขึ้นมองเพื่อน ภายใต้กรอบแว่นหนา ๆ ดวงตาของเธอคลอขังไปด้วยน้ำร้อนๆ ที่ไหลเออขึ้นมาที่ขอบตา“ฉันรู้ แต่ฉันก็อดกลัวไม่ได้”“แกกลัวอะไร กลัวไอ้เวรนั่นเหรอ...เมื่อไรแกจะลืมมันได้สักทีหะ!!” ไทรีสกระแทกเสียงขุ่นขวาง ผู้ชายอย่าง แมทธิวไม่มีค่าควรจำ เขาเป็นอมนุษย์ หาใช่คนเหมือนคนอื่นๆ ใจเขาดำผิดกับรูปลักษณ์ภายนอก ใครๆ ก็ชื่นชม ยกย
แต่มันไม่ได้จบแบบในนวนิยาย หนังสืออ่านเล่นที่เธอชอบอ่านก่อนนอนเจ้าชาย...ไม่มีจริงในโลกปัจจุบันแมทธิวเป็นเทพบุตรแค่เปลือก เนื้อในเขาเป็นจอมวายร้าย“เอาเด็กออก!!” คำบัญชาของเขา ตอนที่เธอบอกเขาเรื่องที่เธอ ‘ท้อง’เขาเย็นชายิ่งกว่าหิมะกลางฤดูหนาว ใจดำยิ่งกว่าสีของขนนกกาแมทธิวให้เธอทำลายเลือดก้อนหนึ่งของเขากับเธอ...แต่ ทิพยอาภาไม่ทำ!! ...เธอหลบหน้าหลบตาเขา แอบคลอดลูกและไม่ปริปากบอกเขาสักคำ เมื่อเขาไม่ต้องการ...เธอก็จะเลี้ยงลูกด้วยตัวเอง ด้วยสองมือ สองขาของผู้หญิงคนหนึ่งมันไม่จบแค่นั้น...หากจอมวายร้ายอย่างเขาจะปล่อยผ่าน เมื่อเธอหายตัวไป แมทธิวกลับตามจนเจอ!! ...เขาให้จาคอปรับตัวเธอมาที่คฤหาสน์ดีแลน เพื่อตกลงกับเธอครั้งสุดท้าย...เมื่อแมทธิวบีบจนเธอไม่มีทางเดิน เธอก็ได้แต่หวังว่าคนในคฤหาสน์หลังนั้น จะยังพอมีความเมตตาหลงเหลืออยู่บ้าง ยังไงเสีย... แองเจลิน่าก็เป็นสายเลือดของ ดีแลน!! คนหนึ่ง...“จะเอาไงต่อ จะกลับบ้าน หรือจะหางานทำที่นี่?” เสียงของไทรีสปลุกความคิดล่องลอยของทิพยอาภากลับมาอยู่ที่เดิม“ฉันอยู่ที่นี่ไม่ได้หรอกไท ฉันจะกลับบ้าน”บ้านเกิดของแม่...บ้านที่เธอเหลือแค่ความทรงจำรางๆ เพร
บทที่1.ของขวัญจากพระเจ้า1สัปดาห์ก่อนวันขอบคุณพระเจ้า...แมทธิว ดีแลนทายาทเพียงหนึ่งเดียวของตระกูลดังฝั่งอเมริกาเขานั่งหน้าตึงท่ามกลางญาติสนิทที่มารวมตัวกันในห้องโถงใหญ่ของคฤหาสน์ เนื่องจากคนในปกครองของชายหนุ่ม ‘เด็กสาว’ ที่เขาอุปการะไว้ หายตัวไปแบบลึกลับ...มีเพียงกระดาษชิ้นเล็กๆ ทิ้งไว้กับ ทารก!! เพศหญิงอีกหนึ่งคนยัยผู้หญิงบ้า...งี่เง่าที่เขาโอบอุ้มหล่อนตามคำสั่งคุณย่า แต่หล่อนดันตลบหลังเขา...มีพฤติกรรมที่ไม่น่าอภัย‘สำส่อน’ นิยามนี้เหมาะกับเด็กสาวใจแตกอย่าง ทิพยอาภา เลียม ที่สุด!!“จาคอป...เอาเด็กนี่ไปยกให้สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าซะ...ค่าใช้จ่ายทั้งหมดฉันจะออกให้เอง แต่อย่าเอา ‘เด็ก’ มาทิ้งไว้ใกล้ตาฉัน ฉันยังไม่อยากเป็นคนเลวในสายตาทุกคน” เสียงของแมทธิวดุดัน จนไม่มีใครกล้าปริปากท้วง ความคั่งแค้นปะปนมาในกระแสเสียง จนคนได้ยินยังสะท้านการ์ดหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ เขาไม่กล้ามองสบนัยน์ตาใสแจ๋วของเด็กน้อยที่นอนมองตาแป๋ว...แบบไม่รู้เรื่องรู้ราว ชะตาชีวิตเด็กคนนี้จะเป็นเยี่ยงไร...การ์ดหนุ่มยกตะกร้าใบใหญ่...ที่ถูกทำเป็นเหมือนอู่นอนของเด็กน้อยคนนี้ มีกระดาษแผ่นเล็กๆ ห้อยไว้ที่หูตะกร้าลายมือเป็นร