ปีกซ้ายของคฤหาสน์ดีแลน...
ปีกขวาคือพื้นที่ส่วนตัวของมาดามจูเลียกับแมทธิว ดังนั้นปีกซ้ายทั้งแถบจึงเป็นพื้นที่ของอาเธอร์กับมาดามแพชี่ และเวลานี้อีกส่วนหนึ่งถูกกันเป็นของหลานสาวคนใหม่ของมาดามแพชี่...แองเจลิน่า
ทิพยอาภาเริ่มงานอย่างแข็งขัน เธอไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยเลยสักทีที่ต้องอยู่ใกล้ชิดกับบุตรสาวยี่สิบสี่ชั่วโมงคือความสุขของเธอ แม้จะแค่เพียงนั่งมองเงียบๆ
“พักกินข้าวบ้างเถอะ เดี๋ยวจะเป็นลมไป” สวีตตี้เดินเข้ามากระซิบบอกด้วยความหวังดี หล่อนชะเง้อมองคุณหนูตัวน้อยที่หลับสนิทอยู่บนแปลนอนยิ้มๆ
หญิงสาวพยักหน้ารับ...เธอเอื้อมมือดึงผ้าโปร่งๆ คลุมแปลไว้อีกชั้น เพื่อป้องกันแมลงตัวเล็กๆ มากวนการนอนหลับของบุตรสาว เป็นความใส่ใจที่สวีตตี้แอบทึ่ง
ในครัว...สถานที่พักผ่อนของสาวใช้…
ทิพยอาภาก้มหน้าก้มตากินข้าวในจานเงียบๆ เธอฟังเสียงคนอื่นคุย แต่ไม่ได้คิดจะไปร่วมวงสนทนา เมื่อต้องเก็บตัวป้องกันความผิดพลาด...
“คุณแมทกลับมาเมื่อสักครู่...เธอเห็นเขายัง” สาวใช้วัยรุ่นรูปร่างอวบอัดกระซิบบอกเพื่อนวัยเดียวกัน
หล่อนผู้นั้นทำตาโต “จริงเหรอ? ...ดีจัง” แววตาหมายหมาดลุกโชน ทิพยอาภาก้มหน้าลง หัวใจเธอปวดแปลบ เพียงแค่เขาปรากฏตัวอยู่ใกล้ๆ เธอก็แทบจะกลืนข้าวไม่ลงคอ หญิงสาวตัดใจ เธอวางช้อน ผุดลุกขึ้นยืน เทอาหารเหลือทิ้งในถังขยะและล้างทำความสะอาดจานที่เธอใช้เงียบๆ
มีสายตาหลายคู่มองตาม...มีทั้งมิตรและศัตรู เพราะทิพยอาภาเป็นคนใหม่
“เธอๆ ชื่ออะไรอะ?”
น้ำเสียงฟังแล้วเป็นมิตร หญิงสาวยิ้มอ่อน “อริสจ้ะ” นามสมมุติที่ไทรีสตั้งให้ เธอท่องจำจนขึ้นใจ
“สวีตตี้นะ เราดูแลคุณหนูด้วยกัน ต้องรู้จักกันไว้” สวีตตี้ยิ้มแป้น เธอไม่ต้องทำงานบ้านเพราะต้องดูแลคุณหนูนี่แหละ เพียงแต่เธอไม่มีความชำนาญมาดามแพชี่จึงต้องเปิดรับคน
“ลูกกาฝาก...ต้องมีพี่เลี้ยงด้วยเหรอว้า” เสียงแขวะลอยตามลมมา จากกลุ่มสาวๆ ที่ซุบซิบกันก่อนหน้านี้
“ไม่รู้อย่าปากมากน่าไวโอเล็ต!! คุณหนูไม่ใช่ลูกกาฝาก คุณหนูเป็นลูกสาวคุณแมทธิว!!”
สวีตตี้หันไปตวาดแว๊ด!! หล่อนจิกตามองสาวกลุ่มนั้นแบบไม่กลัวเกรง
“อย่าคิดว่าเป็นคนโปรดของมาดามแพชี่แล้วฉันจะกลัวหล่อนนะยะ!!” เสียงผู้หญิงสวยคมคนนั้นตอบกลับมาแบบไม่กริ่งเกรงเช่นกัน ทิพยอาภารีบจดบันทึกลงไปในสมอง ผู้หญิงชื่อไวโอเล็ตคนนี้ เธอควรอยู่ให้ห่างๆ เมื่อหล่อนทำท่ากร่าง พร้อมที่จะหาเรื่องคนอื่น
“โธ่!! ฉันไม่เคยลำพองนะ เพราะยังไงเสียเรามันก็ขี้ข้า...แต่คนอื่นสิ!! ทำเป็นผยอง...เพราะต่อให้คุณแมทเอาเธอจริง...มันก็จะเป็นแค่ครั้งเดียวที่เธอได้นอนถ่างขาให้เขา...หลังจากนั้น หล่อนก็จะโดนเขี่ยทิ้ง” สวีตตี้ยืนจังก้า เธอลอยหน้าลอยตาพูดตอบกลับ เพราะฝ่ายตรงข้ามหวังสูง หล่อนตั้งใจอ่อย!! แมทธิว...หวังจะถีบตัวเองให้พ้นจากสถานภาพต่ำต้อย โดยไม่คิดประมาณตน!!
“อี...อีๆ ...” ไวโอเล็ตโกรธจนหน้าแดงก่ำ เมื่อสวีตตี้ขุดเอาความคิดของเธอขึ้นมาแฉ และมันเป็นเรื่องที่เธอแอบหวังไว้เสียด้วย
ทิพยอาภาเลี่ยงหลบออกมาจากสถานการณ์เลวร้ายนั่น เธอกดยิ้มหยันๆ มุมปาก คิดสมเพชตัวเองในใจ
เธอนี่ไง...คนที่ถูกเขี่ยทิ้ง!!
เมื่อหมดความหวาน เธอก็ไร้ประโยชน์ ช่วงเวลาชื่นมื่นหมดลงในเวลาสั้นๆ
กับหนึ่งคืนแห่งความทรงจำ ที่ทิพยอาภาไม่เคยลืม...
เธอจำให้ดีความรู้สึกตื่นเต้นสุดๆ เมื่อเธอกำลังได้พบผู้อุปถัมภ์ที่เมตตาส่งเสียให้เธอเรียนจนจบชั้นปริญญาตรี!!
ทิพยอาภาไม่เคยได้เห็นหน้าแมทธิวตลอดเวลาช่วงที่เขาเป็นผู้อุปการะเธอ เธอรู้แค่ว่าใครเป็นคนมอบทุนการศึกษา รวมทั้งค่าใช้จ่ายของเธอทั้งหมดให้ เธอเฝ้าติดตามเขาจากข่าวก็อตซิป และเผลอตัวหลงรักเขาตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้...ดังนั้น เมื่อแมทธิวอยากพบเจอหลังจากที่เธอรับประกาศนียบัตรมาหมาดๆ เธอจึงรีบแจ้นไปหาเขาตามความต้องการ
ช่วงเวลานั้น...เธอจดจำได้อย่างไม่มีวันลืม...
หญิงสาวหมุนซ้ายหมุนขวา...เธอมองรอบตัวด้วยความรู้สึกหวาดๆ
มันเป็นปาร์ตี้เล็กๆ ของหนุ่มไฮโซ...มีเครื่องดื่มวางเรียงไว้ให้บริการบนโต๊ะกลางห้อง แสงไฟถูกหรี่ลง จนดูเหมือนกลางคืน ทั้งๆ ที่เพิ่งจะบ่ายกว่าๆ ตอนที่เธอเดินทางมาถึง ทิพยอาภาเบี่ยงตัวหลบ เมื่อมีใครบางคน พยายามยื่นมือมารั้งเธอเข้าไปกอด คนเหล่านั้นกำลังเมามาย เมื่อพวกเขาคงเริ่มดื่มตั้งแต่ช่วงเช้า หญิงสาวถอนใจเฮือกใหญ่ๆ พยายามเพ่งมองฝ่าความสลัวเพื่อค้นหาแมทธิว...
และในที่สุดเธอก็เจอ...
ผู้ชายที่เด่นสะดุดตาที่สุด...เขานั่งอยู่บนโซฟาสีแดงสด ขนาบข้างด้วยสาวสวยรูปร่างอวบอัด เขาและเธอกำลัง ‘จูบ’ กันอย่างมันหยด พันตู...แลกลิ้นกันนัวเนียโดยไม่สนใจสายตาของคนรอบข้าง ตอนที่ทิพยอาภาเดินเข้าไปหยุดอยู่ใกล้ๆ ใบหน้าของเธอผ่าวร้อน เพราะมันเป็นครั้งแรกที่เธอเห็นภาพสุดพีค...เป็นการแสดงออกถึงความกำหนัดที่เป็นแบบสามมิติ และสามารถจับต้องได้
“อะแห้ม!!” หญิงสาวแสร้งกระแอม...เพราะหากปล่อยนานกว่านี้ เธอกลัวว่ามันจะเลยเถิด
แมทธิวถอนปากออกมาจากการจุมพิตแบบถึงพริกถึงขิง เขาดันตัวคู่ขาออกห่างๆ หรี่ตามองผู้หญิงตรงหน้าด้วยสายตามีคำถาม?
“เธอเป็นใคร?” ในสติอันน้อยนิด แมทธิวรู้แค่ว่าผู้หญิงตรงหน้า...ดูงดงามเหมือนนางฟ้า บริสุทธิ์และชวนชิม
ดวงตากลมโตฉ่ำหวานจนเขาเผลอมองตาม ผมสีดำเคลียไหล่ จนนึกอยากจะสัมผัส...
หญิงสาวกอดใบประกาศนียบัตรแนบอก เธอช้อนสายตามองสบนัยน์ตาเขา “ทิพมาตามคำสั่งคุณ ทิพมาเพื่อขอบคุณ คุณค่ะ”
แมทธิวหรี่ตา สายตาเขาพร่ามัวจนมองผู้หญิงตรงหน้าเป็นแค่ภาพเงาวูบวาบ ซ้อนทับกันไปมา
เขายกมือตบท้ายทอยแรงๆ พยายามทรงตัวยืน เดินเซแซ่ดๆ เข้าไปในห้องนอน มีทิพยอาภาเดินตามไปห่างๆ เธอคิดว่าชายหนุ่มต้องการความเป็นส่วนตัวเพื่อจะได้พูดคุยกับเธอ
ชายหนุ่มทิ้งตัวนอนแผ่บนที่นอนขนาดคิงไซด์ เขาผงกศีรษะมองหญิงสาว กระดิกปลายนิ้วเรียกหล่อน
“มานี่สิ!!”
เธอเดินเข้าไปหาเขาแบบกล้าๆ กลัวๆ ไม่เคยคิดว่าจะต้องพูดคุยกับผู้มีพระคุณในห้องนอนที่บรรยากาศรอบตัวชวนขนลุก
ปุบๆ
ฝ่ามือใหญ่ตบลงบนที่นอน เขานอนหลับตาพริ้ม!!
หญิงสาวกลั้นใจ ก้าวเดินไปตามคำร้องขอ กริยาที่แมทธิวแสดงออก เขาต้องการให้เธอนั่งลงบนที่นอน
เป็นการเสี่ยงที่จะใกล้ชิดเพศชายครั้งแรก...แต่เมื่อคนตรงหน้าคือแมทธิว ความกลัวจึงไม่มี มีแต่ความตื่นเต้น!!
เมื่อทิพยอาภาเทิดทูนชายหนุ่มประดุจเทพบุตร เขายื่นหัตถ์พระเจ้าฉุดเธอขึ้นมาจากขุมนรก ให้เธอได้เชิดหน้าต่อตากับคนอื่นได้แบบภาคภูมิใจ ส่งเสริมให้เธอมีความรู้...และอนาคตเธอคงมีชีวิตที่ดีแฉกเช่นคนอื่นๆ
เธออิงสะโพกกับขอบเตียง โน้มตัวลงไปใกล้ๆ เพื่อฟังคำพูดอู้อี้จากปากของแมทธิว
แต่...
สิ่งที่เธอได้รับไม่ใช่คำพูด...แมทธิวรั้งเธอแรงๆ จนเผลอตัวล้มลงมาบนฟูกนอน ที่นอนไหวยวบจากน้ำหนักตัวของทิพยอาภา
“อุ้ย!!”
เสียงอุทานดังได้แค่ครั้งเดียว
เมื่อแมทธิวพลิกตัวเร็วๆ เขาคร่อมทับทิพยอาภาไว้ทั้งตัว ดวงตาสีนิลจ้องมองผู้หญิงตรงหน้าด้วยสายตาฉ่ำวาว กลิ่นของหล่อนที่รวยรินออกมา ทำให้แมทธิวรู้สึกพลุ่งพล่าน เลือดลมเขาสูบฉีด ลมหายใจหอบกระเส่า กลิ่นสาบสาว!! ที่ชายหนุ่มไม่เคยได้กลิ่นแบบนี้จากหญิงคู่นอนคนไหนเลย?
เรียวปากสีเข้มกดปิดริมฝีปากอ่อนนุ่ม เขาบดปากช้าๆ เบี่ยงนิดๆ เพื่อแย้มกลีบปากสีอ่อน ก่อนจะแทรกปลายลิ้นสุดชำนาญเข้าไปลุกไล้ปลายลิ้นเล็กๆ ที่พยายามถอยหนี เป็นการถูก ‘จูบ’ ครั้งแรก จากคนที่ตัวเองฝันถึง จากที่คิดจะผลักไส เพราะตกใจการกระทำ กลับกลายเป็นว่า... ทิพยอาภาเชิดหน้าขึ้น สนองการ ‘จูบ’ แบบดุดันของแมทธิวด้วยความยินดี รสหวานซ่านใจแผ่กระจายไปทั่วทุกอณูผิว...ประกาศนียบัตรเกียรติยศหลุดจากมือทิพยอาภา หล่นอยู่ข้างเตียงนอน
มือของแมทธิวเหมือนหนวดปลาหมึก เขาแตะตรงไหนผิวกายของเธอก็รู้สึกร้อนวูบ ชายหนุ่มลูบคลำร่างกายของเธอเหมือนกำลังสำรวจความอุดมสมบูรณ์
ทิพยอาภาผวาเยือกเมื่อชายหนุ่มสอดมือเข้าไปใต้ชายเสื้อชุดครุยที่เธอสวมใส่มา มือของเขาลูบไล้อยู่ใต้ฐานอก ก่อนจะเคลื่อนที่กอบกุมอกอูมอิ่มไว้แบบแนบแน่น เขาบีบเคล้นความหนั่นแน่นเบาๆ “อืมมม” เธอเผลอตัวครางกระเส่า แม้ปากยังถูกปิดด้วยปากของแมทธิวเช่นเดิม
สองแขนวางคล้องเหนือบ่ากว้าง ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับความรู้สึกตรงหน้า ไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวอีกต่อไป...
ชายหนุ่มถอนปากออกจากความหวานฉ่ำ เมื่อยังมีอะไรๆ อีกมากมายให้สำรวจ แม้จะเมาจนสติเกือบปลิดปลิว แต่แมทธิวมั่นใจ เขาพาคู่นอนถึงฝั่งฝันก่อนที่เขาจะหลับได้แน่ๆ ปลายจมูกกดแนบแอ่งชีพจร เขาสูดกลิ่นหอมหวาน ที่แมทธิวแน่ใจ กลิ่นของหล่อนเหมือนกลิ่นดอกหญ้าที่ผลิบานเวลาเช้าตรู่ กลีบเล็กๆ และบางเบาแย้มบานรอแสงอรุณ เป็นกลิ่นที่สะอาดสดชื่นที่เขาชื่นชอบ ชายหนุ่มจึงวนเวียนสูดกลิ่นหอมละมุนนั่นด้วยความหลงใหล ไรหนวดสากๆ ลากผ่านเรือนกายอวบอิ่ม เขาเชยชมความงดงามทั่วๆ แวะขบเม้มจุดอันตรายบนตัวหล่อนหลายครั้ง ดูดดึงยอดอกสีปลั่งจนหญิงสาวผวาเยือก!! ร่างกายร้อนวูบวาบ แต่กลับทำให้ทิพยอาภา...คล้อยตามได้ง่ายๆ
“ชอบละซิ”
คำถามที่แฝงความหยามหยัน เมื่อคนใต้ร่างเขาครางเสียงละเมอ
หญิงสาวสะบัดใบหน้า เธอไม่ได้ตอบกลับคำถามนั่น เวลานี้ทิพยอาภาเหมือนตกอยู่ในบ่วงหวาม เธออยากเดินไปข้างหน้า อยากไปให้ถึงปลายทาง ถึงจะยังไม่รู้ว่าจุดสิ้นสุดเธอต้องเจออะไร หญิงสาวก็อยากไปให้ถึง!!
แมทธิวกระชากปราการด่านสุดท้ายบนเรือนกายอวบอิ่มสุดเสน่หาทิ้ง เขาแทรกตัวตนขนาดใหญ่ลงไปแบบไม่ออมแรง ก่อนจะชะงักกึก!! เมื่อความรู้สึกกระซิบเตือน...เขาเพิ่งจะฉีกกระชาก เยื่อบางๆ ที่ผู้คนทั่วไปเรียกว่า ‘พรหมจรรย์’ พร้อมกับเสียงร้องกรี๊ดๆ ของผู้หญิงที่นอนระทดระทวยใต้ร่างกายของเขา
“กรี๊ด!!”
ชายหนุ่มนิ่งอึ้ง!! เขาก้มมองหล่อนผ่านม่านตาฝ้ามัว
ใบหน้าหล่อนเผือดซีด น้ำตาไหลกลบตา...หล่อนคงเจ็บปวดทรมานจนชายหนุ่มรู้สึกเวทนา
เขาสูดลมหายใจแรงๆ โน้มตัวลงใกล้ๆ แมทธิวบดจูบหล่อนเพื่อหันเหความสนใจ โดยที่ร่างกายยังเชื่อมติดกัน
ความช่ำชองของแมทธิวทำให้ทิพยอาภาคลายความเจ็บ เขาเบี่ยงเบนความสนใจของหล่อนด้วยการปรนเปรอร่างกายส่วนอื่นของทิพยอาภาแทน ความกระสันซ่านหวนคืนกลับมาอีกครั้ง ดังนั้น... เมื่อแมทธิวเสือกเสยร่างกายของเขาเข้าใส่ หญิงสาวที่ไม่รู้ประสาก็แอ่นสะโพกตอบรับ บทเพลงแห่งรักจึงเริ่มต้นอีกครั้ง ด้วยจังหวะเนิบนาบ จนถึงจังหวะถี่ยิบ!!
ร่างกายของทิพยอาภาสั่นคลอน...เพราะชายหนุ่มโหมกำลังใส่แบบสุดแรง ความหวามแผ่ซ่าน จนกระทั่ง...ความร้อนที่อัดแน่นอยู่ในร่างกาย ระเบิดพร่างพราย พร้อมกับเสียงกรีดร้อง... “อ้ายยยย...”
แมทธิวโจนจ้วงสุดแรงที่เหลือ เขาตามหล่อนไปติด และเผลอตัวปล่อยเชื้อพันธุ์ชีวิต สาดใส่หล่อนจนหมดทุกหยาดหยด...
เขาพลิกกายลงด้านข้าง รั้งหล่อนมากอดแนบอก และหลับสนิทในนาทีต่อมา....
โดยที่ด้านนอก เหล่าหนุ่มสาวยังคงสนุกสนานกันการสังสรรค์แบบไร้กรอบ...
บทที่3.กลิ่นนางแมทธิวตื่นขึ้นมาในเช้าวันต่อมา...เขาหลับยาวแบบที่ไม่เคยทำ ชายหนุ่มยกมือขึ้นกดเหนือหว่างคิ้ว เขาสูดปากครางเบาๆ เพราะรู้สึกชาวาบไปทั้งท้องแขน ชายหนุ่มผงกศีรษะขึ้นมอง เขาขมวดคิ้ว ก่อนจะเอื้อมมือผลักทิพยอาภาจนกระเด็น“โอ๊ะ!!” หญิงสาวร้องเสียงหลง ความฝันแสนหวานหายวับไปกับตา เมื่อเธอฝันถึงงานวิวาห์ท่ามกลางความยินดีของคนรอบตัวทิพยอาภากอดตัวเองแน่น เธอควานมือจนพบผ้าห่มผืนใหญ่ หญิงสาวรั้งผ้าผืนนั้นมาปกปิดร่างกายเปลือยเปล่า ก่อนจะช้อนสายตาขลาดอายมอง ‘สามีทางพฤตินัย’ ของตัวเองแมทธิวจ้องคนแปลกหน้าตาถลน เขาก้มมองตัวเองก่อนจะสบถเสียงขุ่น“พระเจ้า!!”หลักฐานตรงหน้าขา...คือความอัปยศที่ชายหนุ่มแทบจะรับไม่ไหวเขาหลับนอนกับหล่อนโดยปราศจากการป้องกันตัว หลักฐานที่เห็นทนโท่ คือคราบน้ำรักที่แห้งกรังติดอยู่ตรงอวัยวะเพศของเขาเอง“เธอเป็นใคร?” ชายหนุ่มถามเสียงขุ่นเขียวทิพยอาภาก้มหน้าน้ำตาตก...เธอกัดริมฝีปากล่าง รู้สึ
โทรศัพท์บางเฉียบถูกยัดเก็บในกระเป๋าเสื้อสูทตามเดิม...เขาเดินชมธรรมชาติ เมื่อพอจะอารมณ์ดีขึ้นแมทธิวขมวดคิ้ว เขาไม่คิดว่าคฤหาสน์ดีแลนจะกว้างขวางขนาดนี้...ส่วนปีกซ้ายที่เขาไม่เคยเฉียดเข้ามาใกล้เต็มไปด้วยพรรณไม้สวยเยอะแยะไปหมด...แมทธิวจึงเปลี่ยนใจ เขาเดินตรงไปยังเรือนกระจก สถานที่โปรดปรานของมาดามแพชี่ และขณะนั้น นางกำลังนั่งจิบชาอยู่พอดี...มาดามสูงศักดิ์เลิกหัวคิ้วขึ้นสูง เมื่อมองเห็นลูกเลี้ยงหนุ่มเดินมาปรากฏกายอยู่ตรงหน้า“นั่งก่อนไหมคะ...คุณแมท?” นางผายมือให้ชายหนุ่มนั่ง พร้อมกับเอื้อมมือหยิบแก้วเซรามิกตรงหน้าเตรียมจะรินชาอุ่น ๆ ให้ชายหนุ่มทรุดนั่งแบบเสียไม่ได้...เขามองไปรอบๆ ตัว เหมือนอยากชมบรรดาพรรณไม้หนักหนาแมทธิวยกแก้วชาอุ่นๆ ขึ้นจิบ “เด็กนั่นล่ะ?” เขาถามหา ‘ลูก’ ที่ตัวเองยังไม่ยอมรับมาดามแพชี่คลี่ยิ้มอ่อนๆ แมทธิวกระด้างและเคร่งขรึม แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาเย็นชาถึงเนื้อใน“อริสกำลังพามาค่ะ...แองเจิ้ลน่ารัก...เลี้ยงง่ายนะ”นางตอบสั้นๆ เสจิ้มขนมของว่างใส่ปาก กันอาการประดักประ
“เอาสิ...ทำงานที่นี่ไม่สบายใจตรงไหน บอกฉันได้นะ”อาเธอร์ส่งหลานสาวตัวอ้วนจ้ำม่ำให้ทิพยอาภา ท่านกล่าวต่ออย่างมีเมตตา เมื่อผู้หญิงคนนี้กำลังดูแลคนในดีแลน แถมเป็นคนสำคัญเสียด้วย เพราะหากแองเจลิน่าเป็นสายเลือดของแมทธิว นั่นย่อมหมายถึง...หลานของท่านคนนี้ จะเป็นหลานคนเดียว เมื่อตลอดระยะเวลาหลายชั่วอายุ ไม่ว่าจะเพียรพยายามทุ่มเทกำลังทรัพย์มากเท่าใด...ผลคือเหลว...เหมือนเบื้องบนกำหนดไว้ ดีแลนจะมีทายาทสืบต่อ แค่1 คนเท่านั้น“ค่ะ...” ทิพยอาภาตอบรับแบบสำรวม เธอช้อนอุ้มบุตรสาวแนบอก ยกผ้าซับน้ำลายมุมปากให้แองเจลิน่าอย่างอ่อนโยน“ลูกชายฉันผีเข้าผีออก ยังไงก็ระวังไว้บ้างล่ะ” อาเธอร์ยกแก้วชาขึ้นจิบ ท่านเปรยลอยๆเรื่องนี้ไม่ต้องบอก...ทิพยอาภาก็ทำให้เป็นความเคยชิน ที่ไหนมีแมทธิว...เธอจะจะเลี่ยงออกไปห่างๆ หากเป็นความบังเอิญแบบไม่ทันคาด เผ่นได้ เธอก็รีบเผ่นแบบไม่รอช้า...เพราะหากเธอพลาด หมายถึงชั่วชีวิตนี้ คงได้แต่มองแองเจลิน่าอยู่ห่างๆ แค่นั้นเอง“แอะๆ” เด็กน้อยเริ่มโยเย เพราะใกล้ถึงเวลานอน“คงง่วงแล้ว...พาไป
บทที่1.ของขวัญจากพระเจ้า1สัปดาห์ก่อนวันขอบคุณพระเจ้า...แมทธิว ดีแลนทายาทเพียงหนึ่งเดียวของตระกูลดังฝั่งอเมริกาเขานั่งหน้าตึงท่ามกลางญาติสนิทที่มารวมตัวกันในห้องโถงใหญ่ของคฤหาสน์ เนื่องจากคนในปกครองของชายหนุ่ม ‘เด็กสาว’ ที่เขาอุปการะไว้ หายตัวไปแบบลึกลับ...มีเพียงกระดาษชิ้นเล็กๆ ทิ้งไว้กับ ทารก!! เพศหญิงอีกหนึ่งคนยัยผู้หญิงบ้า...งี่เง่าที่เขาโอบอุ้มหล่อนตามคำสั่งคุณย่า แต่หล่อนดันตลบหลังเขา...มีพฤติกรรมที่ไม่น่าอภัย‘สำส่อน’ นิยามนี้เหมาะกับเด็กสาวใจแตกอย่าง ทิพยอาภา เลียม ที่สุด!!“จาคอป...เอาเด็กนี่ไปยกให้สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าซะ...ค่าใช้จ่ายทั้งหมดฉันจะออกให้เอง แต่อย่าเอา ‘เด็ก’ มาทิ้งไว้ใกล้ตาฉัน ฉันยังไม่อยากเป็นคนเลวในสายตาทุกคน” เสียงของแมทธิวดุดัน จนไม่มีใครกล้าปริปากท้วง ความคั่งแค้นปะปนมาในกระแสเสียง จนคนได้ยินยังสะท้านการ์ดหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ เขาไม่กล้ามองสบนัยน์ตาใสแจ๋วของเด็กน้อยที่นอนมองตาแป๋ว...แบบไม่รู้เรื่องรู้ราว ชะตาชีวิตเด็กคนนี้จะเป็นเยี่ยงไร...การ์ดหนุ่มยกตะกร้าใบใหญ่...ที่ถูกทำเป็นเหมือนอู่นอนของเด็กน้อยคนนี้ มีกระดาษแผ่นเล็กๆ ห้อยไว้ที่หูตะกร้าลายมือเป็นร
แต่มันไม่ได้จบแบบในนวนิยาย หนังสืออ่านเล่นที่เธอชอบอ่านก่อนนอนเจ้าชาย...ไม่มีจริงในโลกปัจจุบันแมทธิวเป็นเทพบุตรแค่เปลือก เนื้อในเขาเป็นจอมวายร้าย“เอาเด็กออก!!” คำบัญชาของเขา ตอนที่เธอบอกเขาเรื่องที่เธอ ‘ท้อง’เขาเย็นชายิ่งกว่าหิมะกลางฤดูหนาว ใจดำยิ่งกว่าสีของขนนกกาแมทธิวให้เธอทำลายเลือดก้อนหนึ่งของเขากับเธอ...แต่ ทิพยอาภาไม่ทำ!! ...เธอหลบหน้าหลบตาเขา แอบคลอดลูกและไม่ปริปากบอกเขาสักคำ เมื่อเขาไม่ต้องการ...เธอก็จะเลี้ยงลูกด้วยตัวเอง ด้วยสองมือ สองขาของผู้หญิงคนหนึ่งมันไม่จบแค่นั้น...หากจอมวายร้ายอย่างเขาจะปล่อยผ่าน เมื่อเธอหายตัวไป แมทธิวกลับตามจนเจอ!! ...เขาให้จาคอปรับตัวเธอมาที่คฤหาสน์ดีแลน เพื่อตกลงกับเธอครั้งสุดท้าย...เมื่อแมทธิวบีบจนเธอไม่มีทางเดิน เธอก็ได้แต่หวังว่าคนในคฤหาสน์หลังนั้น จะยังพอมีความเมตตาหลงเหลืออยู่บ้าง ยังไงเสีย... แองเจลิน่าก็เป็นสายเลือดของ ดีแลน!! คนหนึ่ง...“จะเอาไงต่อ จะกลับบ้าน หรือจะหางานทำที่นี่?” เสียงของไทรีสปลุกความคิดล่องลอยของทิพยอาภากลับมาอยู่ที่เดิม“ฉันอยู่ที่นี่ไม่ได้หรอกไท ฉันจะกลับบ้าน”บ้านเกิดของแม่...บ้านที่เธอเหลือแค่ความทรงจำรางๆ เพร
บทที่2.คัดเลือกไทรีสพาเพื่อนรักออกเดินทางแต่เช้าตรู่ มุ่งหน้าจากแคลิฟอร์เนียไปยังวอชิงตันดี.ซี.เพื่อภารกิจสำคัญ!!ระหว่างที่รถยนต์เคลื่อนที่ไปข้างหน้า คนขับชำเลืองมองคนข้างตัวบ่อยๆ เขาปล่อยมือจากการจับพวงมาลัยรถยนต์ ยื่นมือไปกุมมือของทิพยอาภาเอาไว้หลวมๆ เมื่อเขารู้ เพื่อนกำลังตื่นเต้นและหวาดกลัว...กับการเผชิญหน้ากับคนในตระกูลนั้น...“ไม่มีอะไรต้องกลัวนี่ทิพ แกกำลังจะไปหาลูก หากพลาดงานนี้... ยังไงเสีย...แกก็ได้เจอแองเจิ้ลอีกครั้ง”ชายหนุ่มปลอบขวัญ...ทิพยอาภามีเขาทั้งคน เขาไม่ปล่อยให้เพื่อนเดียวดายเพียงคนเดียวแน่ทิพยอาภาเงยหน้าขึ้นมองเพื่อน ภายใต้กรอบแว่นหนา ๆ ดวงตาของเธอคลอขังไปด้วยน้ำร้อนๆ ที่ไหลเออขึ้นมาที่ขอบตา“ฉันรู้ แต่ฉันก็อดกลัวไม่ได้”“แกกลัวอะไร กลัวไอ้เวรนั่นเหรอ...เมื่อไรแกจะลืมมันได้สักทีหะ!!” ไทรีสกระแทกเสียงขุ่นขวาง ผู้ชายอย่าง แมทธิวไม่มีค่าควรจำ เขาเป็นอมนุษย์ หาใช่คนเหมือนคนอื่นๆ ใจเขาดำผิดกับรูปลักษณ์ภายนอก ใครๆ ก็ชื่นชม ยกย
มาดามแพชี่พูดยิ้มๆ นางกอดกระชับหลานรักแน่นขึ้น เมื่อเจ้าตัวกำลังดิ้นรนจะไปหาคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าหน้าอกทิพยอาภาปวดหนึบ...เต่งเต้าของเธอเต้นตุ๊บๆ เหมือนอยากจะกลั่นน้ำนมออกมาให้บุตรสาวได้ดื่มกิน โชคดีที่เธอรู้ทันจึงเอาทิชชูยัดใส่ไว้ ไม่อย่างนั้นน้ำนมของเธอที่ไหลออกมา คงทำให้ใครๆ ในที่นี้รู้ว่า เธอเพิ่งจะคลอดลูกไม่นาน“ขอดิฉันอุ้มคุณหนูได้ไหมคะ?”ทิพยอาภาช้อนสายตาขึ้นมองมาดามแพชี่ เสียงของเธอเกือบสั่นตอนที่ร้องขอมาดามคนที่สองตรองอย่างหนัก แต่เมื่อพิจารณาทิพยอาภาแล้ว หล่อนไม่น่ามีพิษภัย จึงยอมส่งแองเจลิน่าให้กับหญิงสาวเด็กน้อยโผเข้าใส่เมื่อได้มองสบตากับมารดา ใบหน้าเล็กซุกแนบอกอิ่ม มือป้อมๆ วางแนบเนินอก ปากอิ่มย้อยดูดจุ๊บจับ!! ก่อนที่เปลือกตาจะปิดลง...อิงใบหน้ากับอกอิ่มของคนแปลกหน้าที่เพิ่งเจอกันครั้งแรก แบบไม่หวงตัว สร้างความแปลกใจให้กับมาดามแพชี่เป็นอย่างมาก...นางมองทิพยอาภาซ้ำ...ผู้หญิงหน้าตาขี้ริ้ว ผมสั้นกุดไม่เป็นทรง แว่นตาอันใหญ่เทอะทะ...เสื้อผ้าหลวมโพลกจนไม่สามารถประเมินรูปร่างได้ แต่ผู้หญิงแบบนี้ไม่มีทางที่จะทำให้แมทธิวสนใจ
“เอาสิ...ทำงานที่นี่ไม่สบายใจตรงไหน บอกฉันได้นะ”อาเธอร์ส่งหลานสาวตัวอ้วนจ้ำม่ำให้ทิพยอาภา ท่านกล่าวต่ออย่างมีเมตตา เมื่อผู้หญิงคนนี้กำลังดูแลคนในดีแลน แถมเป็นคนสำคัญเสียด้วย เพราะหากแองเจลิน่าเป็นสายเลือดของแมทธิว นั่นย่อมหมายถึง...หลานของท่านคนนี้ จะเป็นหลานคนเดียว เมื่อตลอดระยะเวลาหลายชั่วอายุ ไม่ว่าจะเพียรพยายามทุ่มเทกำลังทรัพย์มากเท่าใด...ผลคือเหลว...เหมือนเบื้องบนกำหนดไว้ ดีแลนจะมีทายาทสืบต่อ แค่1 คนเท่านั้น“ค่ะ...” ทิพยอาภาตอบรับแบบสำรวม เธอช้อนอุ้มบุตรสาวแนบอก ยกผ้าซับน้ำลายมุมปากให้แองเจลิน่าอย่างอ่อนโยน“ลูกชายฉันผีเข้าผีออก ยังไงก็ระวังไว้บ้างล่ะ” อาเธอร์ยกแก้วชาขึ้นจิบ ท่านเปรยลอยๆเรื่องนี้ไม่ต้องบอก...ทิพยอาภาก็ทำให้เป็นความเคยชิน ที่ไหนมีแมทธิว...เธอจะจะเลี่ยงออกไปห่างๆ หากเป็นความบังเอิญแบบไม่ทันคาด เผ่นได้ เธอก็รีบเผ่นแบบไม่รอช้า...เพราะหากเธอพลาด หมายถึงชั่วชีวิตนี้ คงได้แต่มองแองเจลิน่าอยู่ห่างๆ แค่นั้นเอง“แอะๆ” เด็กน้อยเริ่มโยเย เพราะใกล้ถึงเวลานอน“คงง่วงแล้ว...พาไป
โทรศัพท์บางเฉียบถูกยัดเก็บในกระเป๋าเสื้อสูทตามเดิม...เขาเดินชมธรรมชาติ เมื่อพอจะอารมณ์ดีขึ้นแมทธิวขมวดคิ้ว เขาไม่คิดว่าคฤหาสน์ดีแลนจะกว้างขวางขนาดนี้...ส่วนปีกซ้ายที่เขาไม่เคยเฉียดเข้ามาใกล้เต็มไปด้วยพรรณไม้สวยเยอะแยะไปหมด...แมทธิวจึงเปลี่ยนใจ เขาเดินตรงไปยังเรือนกระจก สถานที่โปรดปรานของมาดามแพชี่ และขณะนั้น นางกำลังนั่งจิบชาอยู่พอดี...มาดามสูงศักดิ์เลิกหัวคิ้วขึ้นสูง เมื่อมองเห็นลูกเลี้ยงหนุ่มเดินมาปรากฏกายอยู่ตรงหน้า“นั่งก่อนไหมคะ...คุณแมท?” นางผายมือให้ชายหนุ่มนั่ง พร้อมกับเอื้อมมือหยิบแก้วเซรามิกตรงหน้าเตรียมจะรินชาอุ่น ๆ ให้ชายหนุ่มทรุดนั่งแบบเสียไม่ได้...เขามองไปรอบๆ ตัว เหมือนอยากชมบรรดาพรรณไม้หนักหนาแมทธิวยกแก้วชาอุ่นๆ ขึ้นจิบ “เด็กนั่นล่ะ?” เขาถามหา ‘ลูก’ ที่ตัวเองยังไม่ยอมรับมาดามแพชี่คลี่ยิ้มอ่อนๆ แมทธิวกระด้างและเคร่งขรึม แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาเย็นชาถึงเนื้อใน“อริสกำลังพามาค่ะ...แองเจิ้ลน่ารัก...เลี้ยงง่ายนะ”นางตอบสั้นๆ เสจิ้มขนมของว่างใส่ปาก กันอาการประดักประ
บทที่3.กลิ่นนางแมทธิวตื่นขึ้นมาในเช้าวันต่อมา...เขาหลับยาวแบบที่ไม่เคยทำ ชายหนุ่มยกมือขึ้นกดเหนือหว่างคิ้ว เขาสูดปากครางเบาๆ เพราะรู้สึกชาวาบไปทั้งท้องแขน ชายหนุ่มผงกศีรษะขึ้นมอง เขาขมวดคิ้ว ก่อนจะเอื้อมมือผลักทิพยอาภาจนกระเด็น“โอ๊ะ!!” หญิงสาวร้องเสียงหลง ความฝันแสนหวานหายวับไปกับตา เมื่อเธอฝันถึงงานวิวาห์ท่ามกลางความยินดีของคนรอบตัวทิพยอาภากอดตัวเองแน่น เธอควานมือจนพบผ้าห่มผืนใหญ่ หญิงสาวรั้งผ้าผืนนั้นมาปกปิดร่างกายเปลือยเปล่า ก่อนจะช้อนสายตาขลาดอายมอง ‘สามีทางพฤตินัย’ ของตัวเองแมทธิวจ้องคนแปลกหน้าตาถลน เขาก้มมองตัวเองก่อนจะสบถเสียงขุ่น“พระเจ้า!!”หลักฐานตรงหน้าขา...คือความอัปยศที่ชายหนุ่มแทบจะรับไม่ไหวเขาหลับนอนกับหล่อนโดยปราศจากการป้องกันตัว หลักฐานที่เห็นทนโท่ คือคราบน้ำรักที่แห้งกรังติดอยู่ตรงอวัยวะเพศของเขาเอง“เธอเป็นใคร?” ชายหนุ่มถามเสียงขุ่นเขียวทิพยอาภาก้มหน้าน้ำตาตก...เธอกัดริมฝีปากล่าง รู้สึ
ปีกซ้ายของคฤหาสน์ดีแลน...ปีกขวาคือพื้นที่ส่วนตัวของมาดามจูเลียกับแมทธิว ดังนั้นปีกซ้ายทั้งแถบจึงเป็นพื้นที่ของอาเธอร์กับมาดามแพชี่ และเวลานี้อีกส่วนหนึ่งถูกกันเป็นของหลานสาวคนใหม่ของมาดามแพชี่...แองเจลิน่าทิพยอาภาเริ่มงานอย่างแข็งขัน เธอไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยเลยสักทีที่ต้องอยู่ใกล้ชิดกับบุตรสาวยี่สิบสี่ชั่วโมงคือความสุขของเธอ แม้จะแค่เพียงนั่งมองเงียบๆ“พักกินข้าวบ้างเถอะ เดี๋ยวจะเป็นลมไป” สวีตตี้เดินเข้ามากระซิบบอกด้วยความหวังดี หล่อนชะเง้อมองคุณหนูตัวน้อยที่หลับสนิทอยู่บนแปลนอนยิ้มๆหญิงสาวพยักหน้ารับ...เธอเอื้อมมือดึงผ้าโปร่งๆ คลุมแปลไว้อีกชั้น เพื่อป้องกันแมลงตัวเล็กๆ มากวนการนอนหลับของบุตรสาว เป็นความใส่ใจที่สวีตตี้แอบทึ่งในครัว...สถานที่พักผ่อนของสาวใช้…ทิพยอาภาก้มหน้าก้มตากินข้าวในจานเงียบๆ เธอฟังเสียงคนอื่นคุย แต่ไม่ได้คิดจะไปร่วมวงสนทนา เมื่อต้องเก็บตัวป้องกันความผิดพลาด...“คุณแมทกลับมาเมื่อสักครู่...เธอเห็นเขายัง” สาวใช้วัยรุ่นรูปร่างอวบอัดกระซิบบอกเพื่อนวัยเด
มาดามแพชี่พูดยิ้มๆ นางกอดกระชับหลานรักแน่นขึ้น เมื่อเจ้าตัวกำลังดิ้นรนจะไปหาคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าหน้าอกทิพยอาภาปวดหนึบ...เต่งเต้าของเธอเต้นตุ๊บๆ เหมือนอยากจะกลั่นน้ำนมออกมาให้บุตรสาวได้ดื่มกิน โชคดีที่เธอรู้ทันจึงเอาทิชชูยัดใส่ไว้ ไม่อย่างนั้นน้ำนมของเธอที่ไหลออกมา คงทำให้ใครๆ ในที่นี้รู้ว่า เธอเพิ่งจะคลอดลูกไม่นาน“ขอดิฉันอุ้มคุณหนูได้ไหมคะ?”ทิพยอาภาช้อนสายตาขึ้นมองมาดามแพชี่ เสียงของเธอเกือบสั่นตอนที่ร้องขอมาดามคนที่สองตรองอย่างหนัก แต่เมื่อพิจารณาทิพยอาภาแล้ว หล่อนไม่น่ามีพิษภัย จึงยอมส่งแองเจลิน่าให้กับหญิงสาวเด็กน้อยโผเข้าใส่เมื่อได้มองสบตากับมารดา ใบหน้าเล็กซุกแนบอกอิ่ม มือป้อมๆ วางแนบเนินอก ปากอิ่มย้อยดูดจุ๊บจับ!! ก่อนที่เปลือกตาจะปิดลง...อิงใบหน้ากับอกอิ่มของคนแปลกหน้าที่เพิ่งเจอกันครั้งแรก แบบไม่หวงตัว สร้างความแปลกใจให้กับมาดามแพชี่เป็นอย่างมาก...นางมองทิพยอาภาซ้ำ...ผู้หญิงหน้าตาขี้ริ้ว ผมสั้นกุดไม่เป็นทรง แว่นตาอันใหญ่เทอะทะ...เสื้อผ้าหลวมโพลกจนไม่สามารถประเมินรูปร่างได้ แต่ผู้หญิงแบบนี้ไม่มีทางที่จะทำให้แมทธิวสนใจ
บทที่2.คัดเลือกไทรีสพาเพื่อนรักออกเดินทางแต่เช้าตรู่ มุ่งหน้าจากแคลิฟอร์เนียไปยังวอชิงตันดี.ซี.เพื่อภารกิจสำคัญ!!ระหว่างที่รถยนต์เคลื่อนที่ไปข้างหน้า คนขับชำเลืองมองคนข้างตัวบ่อยๆ เขาปล่อยมือจากการจับพวงมาลัยรถยนต์ ยื่นมือไปกุมมือของทิพยอาภาเอาไว้หลวมๆ เมื่อเขารู้ เพื่อนกำลังตื่นเต้นและหวาดกลัว...กับการเผชิญหน้ากับคนในตระกูลนั้น...“ไม่มีอะไรต้องกลัวนี่ทิพ แกกำลังจะไปหาลูก หากพลาดงานนี้... ยังไงเสีย...แกก็ได้เจอแองเจิ้ลอีกครั้ง”ชายหนุ่มปลอบขวัญ...ทิพยอาภามีเขาทั้งคน เขาไม่ปล่อยให้เพื่อนเดียวดายเพียงคนเดียวแน่ทิพยอาภาเงยหน้าขึ้นมองเพื่อน ภายใต้กรอบแว่นหนา ๆ ดวงตาของเธอคลอขังไปด้วยน้ำร้อนๆ ที่ไหลเออขึ้นมาที่ขอบตา“ฉันรู้ แต่ฉันก็อดกลัวไม่ได้”“แกกลัวอะไร กลัวไอ้เวรนั่นเหรอ...เมื่อไรแกจะลืมมันได้สักทีหะ!!” ไทรีสกระแทกเสียงขุ่นขวาง ผู้ชายอย่าง แมทธิวไม่มีค่าควรจำ เขาเป็นอมนุษย์ หาใช่คนเหมือนคนอื่นๆ ใจเขาดำผิดกับรูปลักษณ์ภายนอก ใครๆ ก็ชื่นชม ยกย
แต่มันไม่ได้จบแบบในนวนิยาย หนังสืออ่านเล่นที่เธอชอบอ่านก่อนนอนเจ้าชาย...ไม่มีจริงในโลกปัจจุบันแมทธิวเป็นเทพบุตรแค่เปลือก เนื้อในเขาเป็นจอมวายร้าย“เอาเด็กออก!!” คำบัญชาของเขา ตอนที่เธอบอกเขาเรื่องที่เธอ ‘ท้อง’เขาเย็นชายิ่งกว่าหิมะกลางฤดูหนาว ใจดำยิ่งกว่าสีของขนนกกาแมทธิวให้เธอทำลายเลือดก้อนหนึ่งของเขากับเธอ...แต่ ทิพยอาภาไม่ทำ!! ...เธอหลบหน้าหลบตาเขา แอบคลอดลูกและไม่ปริปากบอกเขาสักคำ เมื่อเขาไม่ต้องการ...เธอก็จะเลี้ยงลูกด้วยตัวเอง ด้วยสองมือ สองขาของผู้หญิงคนหนึ่งมันไม่จบแค่นั้น...หากจอมวายร้ายอย่างเขาจะปล่อยผ่าน เมื่อเธอหายตัวไป แมทธิวกลับตามจนเจอ!! ...เขาให้จาคอปรับตัวเธอมาที่คฤหาสน์ดีแลน เพื่อตกลงกับเธอครั้งสุดท้าย...เมื่อแมทธิวบีบจนเธอไม่มีทางเดิน เธอก็ได้แต่หวังว่าคนในคฤหาสน์หลังนั้น จะยังพอมีความเมตตาหลงเหลืออยู่บ้าง ยังไงเสีย... แองเจลิน่าก็เป็นสายเลือดของ ดีแลน!! คนหนึ่ง...“จะเอาไงต่อ จะกลับบ้าน หรือจะหางานทำที่นี่?” เสียงของไทรีสปลุกความคิดล่องลอยของทิพยอาภากลับมาอยู่ที่เดิม“ฉันอยู่ที่นี่ไม่ได้หรอกไท ฉันจะกลับบ้าน”บ้านเกิดของแม่...บ้านที่เธอเหลือแค่ความทรงจำรางๆ เพร
บทที่1.ของขวัญจากพระเจ้า1สัปดาห์ก่อนวันขอบคุณพระเจ้า...แมทธิว ดีแลนทายาทเพียงหนึ่งเดียวของตระกูลดังฝั่งอเมริกาเขานั่งหน้าตึงท่ามกลางญาติสนิทที่มารวมตัวกันในห้องโถงใหญ่ของคฤหาสน์ เนื่องจากคนในปกครองของชายหนุ่ม ‘เด็กสาว’ ที่เขาอุปการะไว้ หายตัวไปแบบลึกลับ...มีเพียงกระดาษชิ้นเล็กๆ ทิ้งไว้กับ ทารก!! เพศหญิงอีกหนึ่งคนยัยผู้หญิงบ้า...งี่เง่าที่เขาโอบอุ้มหล่อนตามคำสั่งคุณย่า แต่หล่อนดันตลบหลังเขา...มีพฤติกรรมที่ไม่น่าอภัย‘สำส่อน’ นิยามนี้เหมาะกับเด็กสาวใจแตกอย่าง ทิพยอาภา เลียม ที่สุด!!“จาคอป...เอาเด็กนี่ไปยกให้สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าซะ...ค่าใช้จ่ายทั้งหมดฉันจะออกให้เอง แต่อย่าเอา ‘เด็ก’ มาทิ้งไว้ใกล้ตาฉัน ฉันยังไม่อยากเป็นคนเลวในสายตาทุกคน” เสียงของแมทธิวดุดัน จนไม่มีใครกล้าปริปากท้วง ความคั่งแค้นปะปนมาในกระแสเสียง จนคนได้ยินยังสะท้านการ์ดหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ เขาไม่กล้ามองสบนัยน์ตาใสแจ๋วของเด็กน้อยที่นอนมองตาแป๋ว...แบบไม่รู้เรื่องรู้ราว ชะตาชีวิตเด็กคนนี้จะเป็นเยี่ยงไร...การ์ดหนุ่มยกตะกร้าใบใหญ่...ที่ถูกทำเป็นเหมือนอู่นอนของเด็กน้อยคนนี้ มีกระดาษแผ่นเล็กๆ ห้อยไว้ที่หูตะกร้าลายมือเป็นร