บทที่2.คัดเลือก
ไทรีสพาเพื่อนรักออกเดินทางแต่เช้าตรู่ มุ่งหน้าจากแคลิฟอร์เนียไปยังวอชิงตันดี.ซี.
เพื่อภารกิจสำคัญ!!
ระหว่างที่รถยนต์เคลื่อนที่ไปข้างหน้า คนขับชำเลืองมองคนข้างตัวบ่อยๆ เขาปล่อยมือจากการจับพวงมาลัยรถยนต์ ยื่นมือไปกุมมือของทิพยอาภาเอาไว้หลวมๆ เมื่อเขารู้ เพื่อนกำลังตื่นเต้นและหวาดกลัว...กับการเผชิญหน้ากับคนในตระกูลนั้น...
“ไม่มีอะไรต้องกลัวนี่ทิพ แกกำลังจะไปหาลูก หากพลาดงานนี้... ยังไงเสีย...แกก็ได้เจอแองเจิ้ลอีกครั้ง”
ชายหนุ่มปลอบขวัญ...ทิพยอาภามีเขาทั้งคน เขาไม่ปล่อยให้เพื่อนเดียวดายเพียงคนเดียวแน่
ทิพยอาภาเงยหน้าขึ้นมองเพื่อน ภายใต้กรอบแว่นหนา ๆ ดวงตาของเธอคลอขังไปด้วยน้ำร้อนๆ ที่ไหลเออขึ้นมาที่ขอบตา
“ฉันรู้ แต่ฉันก็อดกลัวไม่ได้”
“แกกลัวอะไร กลัวไอ้เวรนั่นเหรอ...เมื่อไรแกจะลืมมันได้สักทีหะ!!” ไทรีสกระแทกเสียงขุ่นขวาง ผู้ชายอย่าง แมทธิวไม่มีค่าควรจำ เขาเป็นอมนุษย์ หาใช่คนเหมือนคนอื่นๆ ใจเขาดำผิดกับรูปลักษณ์ภายนอก ใครๆ ก็ชื่นชม ยกย่องเชิดชูแมทธิวว่าเป็นเทพบุตร แต่ไทรีสขอสาปส่ง แมทธิวมันก็แค่จอมวายร้ายที่พร่าผลาญพรหมจรรย์เพื่อนของเขา เพราะความสนุก กับความใคร่ที่ฝังแน่นอยู่ในกมลสันดานของตัวเขาเอง
หญิงสาวเม้มปากกลั้นสะอื้น...เธอเห็นด้วยกับไทรีส แต่จะให้ลืม ‘รักแรก’ คงทำได้ยาก แมทธิวหยั่งรากลึก เขาเป็นเหมือนส่วนหนึ่งของเธอ เขาครอบครองหัวใจของเธอหมดทั้งสี่ห้อง นับตั้งแต่วันที่เขาอุปถัมภ์เธอ จวบจนทุกวันนี้
“ฉันจะไม่บีบคั้นแกหรอกนะทิพ แต่ขอให้คิดตาม ผู้ชายใจดำอย่างแมทธิว มีค่าควรจำหรือไง?”
เสียงทุ้มนุ่มกล่าวลอยๆ ทิพยอาภารู้ดีอยู่แก่ใจ ไทรีสมีแต่ความหวังดีให้...
“อืม...ฉันพยายามอยู่ สักวันฉันจะลืม...”
สักวันของทิพยอาภา จะเป็นวันไหนเธอไม่อาจกล่าวไว้ได้ เธอรู้แค่ว่า...มันคงอีกนานแสนนาน กว่าที่เธอจะลืมผู้ชายที่ชื่อ...แมทธิว!!
“เช็ดน้ำตาเถอะ ถึง ‘ดีแลน’ แล้ว”
กระดาษทิชชูหนึ่งแผ่น ไทรีสยื่นส่งให้เมื่อรถยนต์ขนาดกะทัดรัดวิ่งมาหยุดหน้ารั้วเหล็กสูงตระหง่าน ของ คฤหาสน์ดีแลน...บ้านที่เธอเคยเข้าไปเหยียบมาแล้วหนึ่งครั้ง...
ถนนสีขาวทอดยาวจากรั้ว จนถึงตัวคฤหาสน์หลังใหญ่เป็นระยะทางไม่ต่ำว่า400 เมตร ความกว้างขวางของพื้นที่ บ่งบอกถึงสถานะการเงินของ ‘ดีแลน’ เป็นอย่างดี ตระกูลเก่าแก่ที่ดำรงอยู่ในยุคปัจจุบันโดยไม่ต้องตัดที่ดินส่วนหนึ่งออกขาย ก็คงมีแต่ดีแลนเท่านั้น เมื่อฐานการเงินของตระกูลนี้ไม่เคยสั่นคลอน ไม่ว่าเศรษฐกิจโลกจะผันผวนขนาดไหน...ก็ไม่เคยทำให้ดีแลนสะเทือนได้สักครั้ง...
พุ่มไม้เตี้ยๆ สีเขียวสดถูกปลูกไว้ริมถนนเพื่อกำหนดแนวถนนไว้อย่างชัดเจน หญิงสาวทอดสายตามองไปรอบตัวๆ ครั้งแรกที่เธอเหยียบย่างเข้ามาภายในนี้ มีแต่ความหวาดหวั่นเต็มหัวใจ จนไม่กล้าที่เงยหน้ามองอะไรเลย ครั้งนี้ทิพยอาภามาพร้อมกับสติ!! กับความมุ่งมั่น เธอจึงมีสายตาไว้มองอย่างอื่น ไม่ได้หวั่นกลัวเฉกเช่นครั้งแรก
“บ้าน ‘ผัว’ แกนี่รวยหูดับ เฉพาะที่ดินฉันก็ไม่อยากจะคำนวณราคา ฉันกลัวเป็นลมก่อนจะนับเลขศูนย์ได้หมด”
ไทรีสพูดลอยๆ เขามองหาที่จอดรถยนต์ มีสาวใช้วิ่งออกมาดูก่อนจะผลุบกลับไป
“เขาไม่กลัวโจรกันหรือไงนะ...” เสียงบ่นยังมีมาอีกเรื่อยๆ เมื่อชายหนุ่มที่นั่งหลังพวงมาลัยกำลังตื่นเต้นไม่ต่างอะไรกับทิพยอาภาเลย
“แก ‘กลัว’ เหรอไท?” หญิงสาวกระเซ้า เธอคลี่ยิ้มอ่อนๆ มองประตูคฤหาสน์ด้วยสายตาแน่วแน่ หลังประตูบานนั้นเธอจะได้พบลูกอีกครั้ง...
“เหอะ!! ทำอย่างกับแกไม่กลัวนี่” ชายหนุ่มหัวใจสีชมพูสะบัดค้อนให้เพื่อนสาวคอแทบเคล็ด
“ฉันกลัว...แต่ฉันจะพยายาม เพื่อ ‘ลูก’ ”
ทิพยอาภาตอบเสียงแผ่ว เธอกัดริมฝีปากล่าง ข่มความกระวนกระวาย เพราะหากแผนแตก แม้แต่เงา ‘แองเจลิน่า’ เธอก็คงไม่มีวันได้เห็น
“เราผ่านมันได้แน่ๆ เพราะต่อให้แกไม่ได้งานนี้...แกก็ยังได้เห็นแองเจิ้ล!!”
ไทรีสตบหลังมือทิพยอาภาเบาๆ เขาเปิดประตูและก้าวลงไปจากรถยนต์ ทิพยอาภามุดออกมาจากรถยนต์เธอยืนนิ่งๆ ข้างตัวรถเพื่อทำใจ แล้วจึงเดินก้มหน้าตามไทรีส พยายามสำรวมกิริยาไม่ให้หวั่นไหวหรือว่อกแว่ก
สาวใช้คนหนึ่งเดินออกมาต้อนรับเหมือนรู้งาน แต่ไทรีสก็อดค่อนว่าไม่ได้ เมื่อสาวใช้แต่ละคนที่ตนเองเห็น สวมใส่เสื้อผ้าเหมือนกันทั้งหมด
“แหมๆ มีชุดฟอร์มด้วยว่ะ!!”
หญิงสาวอมยิ้ม...เธอเดินตามไทรีสไปห่างๆ
ห้องโถงกลางบ้าน...
ณ. จุดนั้นมีผู้คนมาชุมนุมกันไม่ต่ำกว่า10ชีวิต แต่ละคนที่มา คงมาเพื่อคัดเลือกการเป็นพี่เลี้ยงเด็ก
ไทรีสเอียงตัวลง เขาจีบปากกระซิบเสียงแผ่ว เมื่อมองเห็นบรรดาสาวๆ ที่จะมาร่วมคัดเลือกครั้งนี้ “แน่ใจนะที่มานี่ มาเพื่อเลี้ยงเด็ก ไม่ได้มาอ่อย หลานเจ้าของบ้าน?”
หญิงสาวพยักใบหน้าเห็นด้วย เมื่อสาวๆ ที่นั่งรออยู่ณ. จุดนี้ ทุกคนจัดเต็ม แต่งองทรงเครื่องเหมือนเพิ่งจะเดินลงมาจากแคทวอล์ค
เครื่องหน้าเต็ม!! ทรงผมเด้ง ชุดที่สวมเหมือนเพิ่งจะถอยออกมาจากร้านเสื้อผ้าแบรนด์ดัง
ไม่แปลกหรอกที่สาวๆ เหล่านั้นจะมีความหวัง เมื่อแมทธิวยังโสด เขาติดทำเนียบหนุ่มที่สาวๆ ลงความเห็นว่ามีเสน่ห์ที่สุดในคศ. นี้
“เชิญนั่งค่ะ อีกสิบนาทีมาดามแพชี่จะพาคุณหนูลงมา หากใครทำให้คุณหนูแองเจิ้ลพอใจ คนนั้นก็จะได้รับเลือก”
สาวใช้อธิบายคร่าวๆ หล่อนหมุนตัวเดินหนีไป ปล่อยให้คนที่เฝ้ารอ ได้มีโอกาสพูดคุยกัน
“เธอๆ คุณหนูที่แม่คนนั้นพูดคือเด็กที่เขาจะให้เราเลี้ยงใช่ไหม?”
“คงงั้นแหละ!! แต่เด็กนั่นลูก ใครล่ะ?”
“ไม่รู้สิ...คนรวยส่วนใหญ่ชอบอุปการะเด็ก คงไปรับมาจากสถานสงเคราะห์ที่ไหนสักที่”
เสียงซุบซิบแว่วมาเข้าหู ทิพยอาภาแค่นยิ้ม...ใช่...คนร่ำรวยมักนิยมทำความดีเอาหน้า เขาอุปการะเด็กตามสถานสงเคราะห์จริงๆ ก็เธอนี่ไงคือเด็กที่เขาอุ้มชู...ทิพยอาภาจึงดีใจที่แองเจลิน่าไม่ถูกส่งไปอยู่สถานที่เช่นนั้น...
“เอ...มาตั้งนาน...ยังไม่เห็น คุณแมทธิวเลย เขาไม่อยู่เหรอ?”
ชื่อของผู้ชายคนนั้นลอยมาเข้าหู
ไทรีสเอียงตัว เขาขยับพูดแบบที่ปากแทบไม่ขยับ แต่ทิพยอาภาจับใจความได้
“มาอ่อย!!”
หญิงสาวถอนใจแรงๆ คนอื่นจะมาเพราะอะไรเธอไม่อยากสนใจ เมื่อเวลานี้เธอใจจดใจจ่อที่จะได้พบหน้าบุตรสาวอีกครั้ง...
เวลาที่ทิพยอาภารอคอยก็มาถึง...
มาดามแพชี่เดินลงมาจากบันไดวนสีงาช้างช้าๆ เธออุ้มแองเจลิน่าไว้ในอ้อมแขน มีสาวใช้ถือตะกร้าของใช้กระจุกกระจิกตามหลังมาติดๆ
ทิพยอาภาสูดลมหายใจลึกๆ เธอกลั้นสะอื้น พยายามกะพริบตาถี่ๆ ไม่อย่างนั้นน้ำตาเธอคงไหลออกมาแน่ๆ ดวงตาใต้กรอบแว่น มองตรงไปยังเด็กน้อยรูปร่างจ้ำม่ำในอ้อมแขนของมาดามแพชี่ ลูกของเธอยังอยู่ดีมีสุข เขามีที่นอนอุ่นๆ มีหลังคาคุ้มหัว และได้อยู่ในบ้านที่เขามีสิทธิ์ เมื่อเป็นหนึ่งในคนของ ‘ดีแลน’ เช่นกัน
“สวัสดี...หลานฉันชื่อแองเจิ้ล!! เด็กที่ต้องการพี่เลี้ยงใจดี...และพี่เลี้ยงที่ฉันต้องการคงอยู่ในกลุ่มของพวกคุณ”
มาดามแพชี่เปรย ท่านทรุดนั่งบนโซฟาตัวใหญ่ มีแองเจลิน่านั่งซ้อนอยู่บนตัก เด็กหญิงยัดมือใส่ปาก เธอดูดนิ้วเบาๆ กลอกตามองไปรอบๆ ตัวแบบไม่กลัวคนแปลกหน้า อารมณ์ดีขนาดแกว่งแขน แกว่งขาเล่น มุมปากมีน้ำลายไหลย้อย...
“อุ้ยตาย!! น่ารักจังเลยค่ะ แบบนี้ดิฉันเลี้ยงแบบถวายหัวเลย”
เสียงอุทานแบบเสแสร้ง พร้อมกับเสียงสนับสนุนเซ็งแซ่ เมื่อแองเจลิน่าดูเหมือนจะเลี้ยงง่าย
“ถวายหัว หรือถวายตัว!!” ไทรีสยังไม่วายค่อนคอด ทิพยอาภาก้มหน้าซ่อนยิ้ม เธออดขำคำพูดของเพื่อนไม่ได้
“งานไม่ได้ยากอะไร...แค่ดูแลหลานฉันยี่สิบสี่ชั่วโมง...เรามีกล้องวงจรปิดติดไว้ในห้องนอน...และหากหลานฉันมีอันตรายแม้แต่รอยขีดข่วน...ฉันจะเชิญคุณออกทันที โดยไม่มีการต่อรอง...”
มาดามแพชี่กล่าวเสียงเรียบ นางหลงรักเด็กน้อยจนหวงประหนึ่งเป็นสายเลือดตัวเอง ดังนั้นหากใครก็ตามทำให้ดวงใจของนางบาดเจ็บ ไม่ว่าจะเป็นรอยเล็กๆ นางก็ไม่ต้องการ
“แอะๆ” แองเจลิน่าเตะเท้าแรงๆ เจ้าตัวพยายามแอ่นตัว เมื่อจำเค้าหน้าของทิพยอาภาได้ ต่อให้ปลอมแปลงยังไง สัญชาตญาณการเป็นแม่ลูกย่อมแสดงออกเสมอ...
“ชูว!! จะไปไหนคะแองเจิ้ล...”
มาดามก้มลงถามหลานรัก นางกดปลายจมูกลงบนแก้มยุ้ยๆ จนทิพยอาภาแอบอิจฉา เธออยากกอดลูก อยากแตะตัวลูก แต่ที่ทำได้คือต้องอดทน ได้แต่นั่งมองตาปริบๆ
“คงอยากเล่นนะคะคุณท่าน...ดีจังเลยไม่ยักกับตื่นคน” สาวใช้ข้างตัวมาดาม นอบตัวลงพร้อมกับกล่าว เธอยื่นมือไปเขี่ยฝ่าเท้าของแองเจลิน่าเล่น
“แอะๆ” เด็กน้อยส่งเสียงดังขึ้น เมื่อไม่สามารถโผไปหามารดาได้อย่างใจ
“สนุกใหญ่เลย งั้นทดสอบเลยแล้วกันนะ...ใครทำให้หลานฉันพอใจได้ งานนี้จะเป็นของคุณ”
มาดามแพชี่เอ่ยบอก เธออมยิ้มเมื่อหลานรักแข็งแรงร่าเริง
แต่ละคนที่นั่งหน้าสลอนทำหน้าฉงน ไม่เข้าใจคำพูดของว่าที่นายจ้าง ทำยังไงให้เด็กพอใจ เมื่อนางไม่ยอมปล่อยเด็กน้อยลงจากตัก แล้วพวกเธอจะทำอะไรได้?
“สิบนาทีนะจ๊ะ พวกคุณมีเวลาเท่านั้น”
มาดามย้ำอีกครั้ง...
ทิพยอาภาเป็นคนเดียวที่ขยับเข้าไปใกล้ๆ เธอทรุดนั่งลงที่พื้น ดวงตากลมโตใต้กรอบแว่นขนาดใหญ่จ้องมองแองเจลิน่า และเด็กน้อยในอ้อมแขนของมาดามก็สงบลง ดวงตาใสแจ๋วนั่น มองตามทิพยอาภาทุกครั้งที่หล่อนขยับตัว หญิงสาวยกมือเสมอใบหน้า เธอดีดนิ้วเป็นจังหวะ เหมือนเวลาที่เธออยู่กับลูกน้อยเพียงลำพัง...
แป๊ะๆ พอเสียงดีดนิ้วดัง...
“แอะๆ” แองเจลิน่าขยับมือรับ มืออ้วนป้อมโบกไปมา ทำเหมือนจะโผเข้าหาทิพยอาภาอย่างเดียว
เพลงกล่อมเด็ก ดังเบาๆ เมื่อทิพยอาภาเริ่มเปล่งเสียงร้อง...เจ้าตัวอ้วนตะแคงหูฟัง ปากจิ้มลิ้มแสยะยิ้มแฉ่งจนเห็นเหงือกสีแดงแจ๋ มือไม้ขวักไขว่ กระเด้งตัวอย่างหนัก!! เมื่อเป้าหมายที่แองเจลิน่าต้องการคือโผเข้าหามารดา...
“เหมือนหลานฉันจะชอบเธอนะ”
มาดามแพชี่พูดยิ้มๆ นางกอดกระชับหลานรักแน่นขึ้น เมื่อเจ้าตัวกำลังดิ้นรนจะไปหาคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าหน้าอกทิพยอาภาปวดหนึบ...เต่งเต้าของเธอเต้นตุ๊บๆ เหมือนอยากจะกลั่นน้ำนมออกมาให้บุตรสาวได้ดื่มกิน โชคดีที่เธอรู้ทันจึงเอาทิชชูยัดใส่ไว้ ไม่อย่างนั้นน้ำนมของเธอที่ไหลออกมา คงทำให้ใครๆ ในที่นี้รู้ว่า เธอเพิ่งจะคลอดลูกไม่นาน“ขอดิฉันอุ้มคุณหนูได้ไหมคะ?”ทิพยอาภาช้อนสายตาขึ้นมองมาดามแพชี่ เสียงของเธอเกือบสั่นตอนที่ร้องขอมาดามคนที่สองตรองอย่างหนัก แต่เมื่อพิจารณาทิพยอาภาแล้ว หล่อนไม่น่ามีพิษภัย จึงยอมส่งแองเจลิน่าให้กับหญิงสาวเด็กน้อยโผเข้าใส่เมื่อได้มองสบตากับมารดา ใบหน้าเล็กซุกแนบอกอิ่ม มือป้อมๆ วางแนบเนินอก ปากอิ่มย้อยดูดจุ๊บจับ!! ก่อนที่เปลือกตาจะปิดลง...อิงใบหน้ากับอกอิ่มของคนแปลกหน้าที่เพิ่งเจอกันครั้งแรก แบบไม่หวงตัว สร้างความแปลกใจให้กับมาดามแพชี่เป็นอย่างมาก...นางมองทิพยอาภาซ้ำ...ผู้หญิงหน้าตาขี้ริ้ว ผมสั้นกุดไม่เป็นทรง แว่นตาอันใหญ่เทอะทะ...เสื้อผ้าหลวมโพลกจนไม่สามารถประเมินรูปร่างได้ แต่ผู้หญิงแบบนี้ไม่มีทางที่จะทำให้แมทธิวสนใจ
ปีกซ้ายของคฤหาสน์ดีแลน...ปีกขวาคือพื้นที่ส่วนตัวของมาดามจูเลียกับแมทธิว ดังนั้นปีกซ้ายทั้งแถบจึงเป็นพื้นที่ของอาเธอร์กับมาดามแพชี่ และเวลานี้อีกส่วนหนึ่งถูกกันเป็นของหลานสาวคนใหม่ของมาดามแพชี่...แองเจลิน่าทิพยอาภาเริ่มงานอย่างแข็งขัน เธอไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยเลยสักทีที่ต้องอยู่ใกล้ชิดกับบุตรสาวยี่สิบสี่ชั่วโมงคือความสุขของเธอ แม้จะแค่เพียงนั่งมองเงียบๆ“พักกินข้าวบ้างเถอะ เดี๋ยวจะเป็นลมไป” สวีตตี้เดินเข้ามากระซิบบอกด้วยความหวังดี หล่อนชะเง้อมองคุณหนูตัวน้อยที่หลับสนิทอยู่บนแปลนอนยิ้มๆหญิงสาวพยักหน้ารับ...เธอเอื้อมมือดึงผ้าโปร่งๆ คลุมแปลไว้อีกชั้น เพื่อป้องกันแมลงตัวเล็กๆ มากวนการนอนหลับของบุตรสาว เป็นความใส่ใจที่สวีตตี้แอบทึ่งในครัว...สถานที่พักผ่อนของสาวใช้…ทิพยอาภาก้มหน้าก้มตากินข้าวในจานเงียบๆ เธอฟังเสียงคนอื่นคุย แต่ไม่ได้คิดจะไปร่วมวงสนทนา เมื่อต้องเก็บตัวป้องกันความผิดพลาด...“คุณแมทกลับมาเมื่อสักครู่...เธอเห็นเขายัง” สาวใช้วัยรุ่นรูปร่างอวบอัดกระซิบบอกเพื่อนวัยเด
บทที่3.กลิ่นนางแมทธิวตื่นขึ้นมาในเช้าวันต่อมา...เขาหลับยาวแบบที่ไม่เคยทำ ชายหนุ่มยกมือขึ้นกดเหนือหว่างคิ้ว เขาสูดปากครางเบาๆ เพราะรู้สึกชาวาบไปทั้งท้องแขน ชายหนุ่มผงกศีรษะขึ้นมอง เขาขมวดคิ้ว ก่อนจะเอื้อมมือผลักทิพยอาภาจนกระเด็น“โอ๊ะ!!” หญิงสาวร้องเสียงหลง ความฝันแสนหวานหายวับไปกับตา เมื่อเธอฝันถึงงานวิวาห์ท่ามกลางความยินดีของคนรอบตัวทิพยอาภากอดตัวเองแน่น เธอควานมือจนพบผ้าห่มผืนใหญ่ หญิงสาวรั้งผ้าผืนนั้นมาปกปิดร่างกายเปลือยเปล่า ก่อนจะช้อนสายตาขลาดอายมอง ‘สามีทางพฤตินัย’ ของตัวเองแมทธิวจ้องคนแปลกหน้าตาถลน เขาก้มมองตัวเองก่อนจะสบถเสียงขุ่น“พระเจ้า!!”หลักฐานตรงหน้าขา...คือความอัปยศที่ชายหนุ่มแทบจะรับไม่ไหวเขาหลับนอนกับหล่อนโดยปราศจากการป้องกันตัว หลักฐานที่เห็นทนโท่ คือคราบน้ำรักที่แห้งกรังติดอยู่ตรงอวัยวะเพศของเขาเอง“เธอเป็นใคร?” ชายหนุ่มถามเสียงขุ่นเขียวทิพยอาภาก้มหน้าน้ำตาตก...เธอกัดริมฝีปากล่าง รู้สึ
โทรศัพท์บางเฉียบถูกยัดเก็บในกระเป๋าเสื้อสูทตามเดิม...เขาเดินชมธรรมชาติ เมื่อพอจะอารมณ์ดีขึ้นแมทธิวขมวดคิ้ว เขาไม่คิดว่าคฤหาสน์ดีแลนจะกว้างขวางขนาดนี้...ส่วนปีกซ้ายที่เขาไม่เคยเฉียดเข้ามาใกล้เต็มไปด้วยพรรณไม้สวยเยอะแยะไปหมด...แมทธิวจึงเปลี่ยนใจ เขาเดินตรงไปยังเรือนกระจก สถานที่โปรดปรานของมาดามแพชี่ และขณะนั้น นางกำลังนั่งจิบชาอยู่พอดี...มาดามสูงศักดิ์เลิกหัวคิ้วขึ้นสูง เมื่อมองเห็นลูกเลี้ยงหนุ่มเดินมาปรากฏกายอยู่ตรงหน้า“นั่งก่อนไหมคะ...คุณแมท?” นางผายมือให้ชายหนุ่มนั่ง พร้อมกับเอื้อมมือหยิบแก้วเซรามิกตรงหน้าเตรียมจะรินชาอุ่น ๆ ให้ชายหนุ่มทรุดนั่งแบบเสียไม่ได้...เขามองไปรอบๆ ตัว เหมือนอยากชมบรรดาพรรณไม้หนักหนาแมทธิวยกแก้วชาอุ่นๆ ขึ้นจิบ “เด็กนั่นล่ะ?” เขาถามหา ‘ลูก’ ที่ตัวเองยังไม่ยอมรับมาดามแพชี่คลี่ยิ้มอ่อนๆ แมทธิวกระด้างและเคร่งขรึม แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาเย็นชาถึงเนื้อใน“อริสกำลังพามาค่ะ...แองเจิ้ลน่ารัก...เลี้ยงง่ายนะ”นางตอบสั้นๆ เสจิ้มขนมของว่างใส่ปาก กันอาการประดักประ
“เอาสิ...ทำงานที่นี่ไม่สบายใจตรงไหน บอกฉันได้นะ”อาเธอร์ส่งหลานสาวตัวอ้วนจ้ำม่ำให้ทิพยอาภา ท่านกล่าวต่ออย่างมีเมตตา เมื่อผู้หญิงคนนี้กำลังดูแลคนในดีแลน แถมเป็นคนสำคัญเสียด้วย เพราะหากแองเจลิน่าเป็นสายเลือดของแมทธิว นั่นย่อมหมายถึง...หลานของท่านคนนี้ จะเป็นหลานคนเดียว เมื่อตลอดระยะเวลาหลายชั่วอายุ ไม่ว่าจะเพียรพยายามทุ่มเทกำลังทรัพย์มากเท่าใด...ผลคือเหลว...เหมือนเบื้องบนกำหนดไว้ ดีแลนจะมีทายาทสืบต่อ แค่1 คนเท่านั้น“ค่ะ...” ทิพยอาภาตอบรับแบบสำรวม เธอช้อนอุ้มบุตรสาวแนบอก ยกผ้าซับน้ำลายมุมปากให้แองเจลิน่าอย่างอ่อนโยน“ลูกชายฉันผีเข้าผีออก ยังไงก็ระวังไว้บ้างล่ะ” อาเธอร์ยกแก้วชาขึ้นจิบ ท่านเปรยลอยๆเรื่องนี้ไม่ต้องบอก...ทิพยอาภาก็ทำให้เป็นความเคยชิน ที่ไหนมีแมทธิว...เธอจะจะเลี่ยงออกไปห่างๆ หากเป็นความบังเอิญแบบไม่ทันคาด เผ่นได้ เธอก็รีบเผ่นแบบไม่รอช้า...เพราะหากเธอพลาด หมายถึงชั่วชีวิตนี้ คงได้แต่มองแองเจลิน่าอยู่ห่างๆ แค่นั้นเอง“แอะๆ” เด็กน้อยเริ่มโยเย เพราะใกล้ถึงเวลานอน“คงง่วงแล้ว...พาไป
บทที่1.ของขวัญจากพระเจ้า1สัปดาห์ก่อนวันขอบคุณพระเจ้า...แมทธิว ดีแลนทายาทเพียงหนึ่งเดียวของตระกูลดังฝั่งอเมริกาเขานั่งหน้าตึงท่ามกลางญาติสนิทที่มารวมตัวกันในห้องโถงใหญ่ของคฤหาสน์ เนื่องจากคนในปกครองของชายหนุ่ม ‘เด็กสาว’ ที่เขาอุปการะไว้ หายตัวไปแบบลึกลับ...มีเพียงกระดาษชิ้นเล็กๆ ทิ้งไว้กับ ทารก!! เพศหญิงอีกหนึ่งคนยัยผู้หญิงบ้า...งี่เง่าที่เขาโอบอุ้มหล่อนตามคำสั่งคุณย่า แต่หล่อนดันตลบหลังเขา...มีพฤติกรรมที่ไม่น่าอภัย‘สำส่อน’ นิยามนี้เหมาะกับเด็กสาวใจแตกอย่าง ทิพยอาภา เลียม ที่สุด!!“จาคอป...เอาเด็กนี่ไปยกให้สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าซะ...ค่าใช้จ่ายทั้งหมดฉันจะออกให้เอง แต่อย่าเอา ‘เด็ก’ มาทิ้งไว้ใกล้ตาฉัน ฉันยังไม่อยากเป็นคนเลวในสายตาทุกคน” เสียงของแมทธิวดุดัน จนไม่มีใครกล้าปริปากท้วง ความคั่งแค้นปะปนมาในกระแสเสียง จนคนได้ยินยังสะท้านการ์ดหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ เขาไม่กล้ามองสบนัยน์ตาใสแจ๋วของเด็กน้อยที่นอนมองตาแป๋ว...แบบไม่รู้เรื่องรู้ราว ชะตาชีวิตเด็กคนนี้จะเป็นเยี่ยงไร...การ์ดหนุ่มยกตะกร้าใบใหญ่...ที่ถูกทำเป็นเหมือนอู่นอนของเด็กน้อยคนนี้ มีกระดาษแผ่นเล็กๆ ห้อยไว้ที่หูตะกร้าลายมือเป็นร
แต่มันไม่ได้จบแบบในนวนิยาย หนังสืออ่านเล่นที่เธอชอบอ่านก่อนนอนเจ้าชาย...ไม่มีจริงในโลกปัจจุบันแมทธิวเป็นเทพบุตรแค่เปลือก เนื้อในเขาเป็นจอมวายร้าย“เอาเด็กออก!!” คำบัญชาของเขา ตอนที่เธอบอกเขาเรื่องที่เธอ ‘ท้อง’เขาเย็นชายิ่งกว่าหิมะกลางฤดูหนาว ใจดำยิ่งกว่าสีของขนนกกาแมทธิวให้เธอทำลายเลือดก้อนหนึ่งของเขากับเธอ...แต่ ทิพยอาภาไม่ทำ!! ...เธอหลบหน้าหลบตาเขา แอบคลอดลูกและไม่ปริปากบอกเขาสักคำ เมื่อเขาไม่ต้องการ...เธอก็จะเลี้ยงลูกด้วยตัวเอง ด้วยสองมือ สองขาของผู้หญิงคนหนึ่งมันไม่จบแค่นั้น...หากจอมวายร้ายอย่างเขาจะปล่อยผ่าน เมื่อเธอหายตัวไป แมทธิวกลับตามจนเจอ!! ...เขาให้จาคอปรับตัวเธอมาที่คฤหาสน์ดีแลน เพื่อตกลงกับเธอครั้งสุดท้าย...เมื่อแมทธิวบีบจนเธอไม่มีทางเดิน เธอก็ได้แต่หวังว่าคนในคฤหาสน์หลังนั้น จะยังพอมีความเมตตาหลงเหลืออยู่บ้าง ยังไงเสีย... แองเจลิน่าก็เป็นสายเลือดของ ดีแลน!! คนหนึ่ง...“จะเอาไงต่อ จะกลับบ้าน หรือจะหางานทำที่นี่?” เสียงของไทรีสปลุกความคิดล่องลอยของทิพยอาภากลับมาอยู่ที่เดิม“ฉันอยู่ที่นี่ไม่ได้หรอกไท ฉันจะกลับบ้าน”บ้านเกิดของแม่...บ้านที่เธอเหลือแค่ความทรงจำรางๆ เพร
“เอาสิ...ทำงานที่นี่ไม่สบายใจตรงไหน บอกฉันได้นะ”อาเธอร์ส่งหลานสาวตัวอ้วนจ้ำม่ำให้ทิพยอาภา ท่านกล่าวต่ออย่างมีเมตตา เมื่อผู้หญิงคนนี้กำลังดูแลคนในดีแลน แถมเป็นคนสำคัญเสียด้วย เพราะหากแองเจลิน่าเป็นสายเลือดของแมทธิว นั่นย่อมหมายถึง...หลานของท่านคนนี้ จะเป็นหลานคนเดียว เมื่อตลอดระยะเวลาหลายชั่วอายุ ไม่ว่าจะเพียรพยายามทุ่มเทกำลังทรัพย์มากเท่าใด...ผลคือเหลว...เหมือนเบื้องบนกำหนดไว้ ดีแลนจะมีทายาทสืบต่อ แค่1 คนเท่านั้น“ค่ะ...” ทิพยอาภาตอบรับแบบสำรวม เธอช้อนอุ้มบุตรสาวแนบอก ยกผ้าซับน้ำลายมุมปากให้แองเจลิน่าอย่างอ่อนโยน“ลูกชายฉันผีเข้าผีออก ยังไงก็ระวังไว้บ้างล่ะ” อาเธอร์ยกแก้วชาขึ้นจิบ ท่านเปรยลอยๆเรื่องนี้ไม่ต้องบอก...ทิพยอาภาก็ทำให้เป็นความเคยชิน ที่ไหนมีแมทธิว...เธอจะจะเลี่ยงออกไปห่างๆ หากเป็นความบังเอิญแบบไม่ทันคาด เผ่นได้ เธอก็รีบเผ่นแบบไม่รอช้า...เพราะหากเธอพลาด หมายถึงชั่วชีวิตนี้ คงได้แต่มองแองเจลิน่าอยู่ห่างๆ แค่นั้นเอง“แอะๆ” เด็กน้อยเริ่มโยเย เพราะใกล้ถึงเวลานอน“คงง่วงแล้ว...พาไป
โทรศัพท์บางเฉียบถูกยัดเก็บในกระเป๋าเสื้อสูทตามเดิม...เขาเดินชมธรรมชาติ เมื่อพอจะอารมณ์ดีขึ้นแมทธิวขมวดคิ้ว เขาไม่คิดว่าคฤหาสน์ดีแลนจะกว้างขวางขนาดนี้...ส่วนปีกซ้ายที่เขาไม่เคยเฉียดเข้ามาใกล้เต็มไปด้วยพรรณไม้สวยเยอะแยะไปหมด...แมทธิวจึงเปลี่ยนใจ เขาเดินตรงไปยังเรือนกระจก สถานที่โปรดปรานของมาดามแพชี่ และขณะนั้น นางกำลังนั่งจิบชาอยู่พอดี...มาดามสูงศักดิ์เลิกหัวคิ้วขึ้นสูง เมื่อมองเห็นลูกเลี้ยงหนุ่มเดินมาปรากฏกายอยู่ตรงหน้า“นั่งก่อนไหมคะ...คุณแมท?” นางผายมือให้ชายหนุ่มนั่ง พร้อมกับเอื้อมมือหยิบแก้วเซรามิกตรงหน้าเตรียมจะรินชาอุ่น ๆ ให้ชายหนุ่มทรุดนั่งแบบเสียไม่ได้...เขามองไปรอบๆ ตัว เหมือนอยากชมบรรดาพรรณไม้หนักหนาแมทธิวยกแก้วชาอุ่นๆ ขึ้นจิบ “เด็กนั่นล่ะ?” เขาถามหา ‘ลูก’ ที่ตัวเองยังไม่ยอมรับมาดามแพชี่คลี่ยิ้มอ่อนๆ แมทธิวกระด้างและเคร่งขรึม แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาเย็นชาถึงเนื้อใน“อริสกำลังพามาค่ะ...แองเจิ้ลน่ารัก...เลี้ยงง่ายนะ”นางตอบสั้นๆ เสจิ้มขนมของว่างใส่ปาก กันอาการประดักประ
บทที่3.กลิ่นนางแมทธิวตื่นขึ้นมาในเช้าวันต่อมา...เขาหลับยาวแบบที่ไม่เคยทำ ชายหนุ่มยกมือขึ้นกดเหนือหว่างคิ้ว เขาสูดปากครางเบาๆ เพราะรู้สึกชาวาบไปทั้งท้องแขน ชายหนุ่มผงกศีรษะขึ้นมอง เขาขมวดคิ้ว ก่อนจะเอื้อมมือผลักทิพยอาภาจนกระเด็น“โอ๊ะ!!” หญิงสาวร้องเสียงหลง ความฝันแสนหวานหายวับไปกับตา เมื่อเธอฝันถึงงานวิวาห์ท่ามกลางความยินดีของคนรอบตัวทิพยอาภากอดตัวเองแน่น เธอควานมือจนพบผ้าห่มผืนใหญ่ หญิงสาวรั้งผ้าผืนนั้นมาปกปิดร่างกายเปลือยเปล่า ก่อนจะช้อนสายตาขลาดอายมอง ‘สามีทางพฤตินัย’ ของตัวเองแมทธิวจ้องคนแปลกหน้าตาถลน เขาก้มมองตัวเองก่อนจะสบถเสียงขุ่น“พระเจ้า!!”หลักฐานตรงหน้าขา...คือความอัปยศที่ชายหนุ่มแทบจะรับไม่ไหวเขาหลับนอนกับหล่อนโดยปราศจากการป้องกันตัว หลักฐานที่เห็นทนโท่ คือคราบน้ำรักที่แห้งกรังติดอยู่ตรงอวัยวะเพศของเขาเอง“เธอเป็นใคร?” ชายหนุ่มถามเสียงขุ่นเขียวทิพยอาภาก้มหน้าน้ำตาตก...เธอกัดริมฝีปากล่าง รู้สึ
ปีกซ้ายของคฤหาสน์ดีแลน...ปีกขวาคือพื้นที่ส่วนตัวของมาดามจูเลียกับแมทธิว ดังนั้นปีกซ้ายทั้งแถบจึงเป็นพื้นที่ของอาเธอร์กับมาดามแพชี่ และเวลานี้อีกส่วนหนึ่งถูกกันเป็นของหลานสาวคนใหม่ของมาดามแพชี่...แองเจลิน่าทิพยอาภาเริ่มงานอย่างแข็งขัน เธอไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยเลยสักทีที่ต้องอยู่ใกล้ชิดกับบุตรสาวยี่สิบสี่ชั่วโมงคือความสุขของเธอ แม้จะแค่เพียงนั่งมองเงียบๆ“พักกินข้าวบ้างเถอะ เดี๋ยวจะเป็นลมไป” สวีตตี้เดินเข้ามากระซิบบอกด้วยความหวังดี หล่อนชะเง้อมองคุณหนูตัวน้อยที่หลับสนิทอยู่บนแปลนอนยิ้มๆหญิงสาวพยักหน้ารับ...เธอเอื้อมมือดึงผ้าโปร่งๆ คลุมแปลไว้อีกชั้น เพื่อป้องกันแมลงตัวเล็กๆ มากวนการนอนหลับของบุตรสาว เป็นความใส่ใจที่สวีตตี้แอบทึ่งในครัว...สถานที่พักผ่อนของสาวใช้…ทิพยอาภาก้มหน้าก้มตากินข้าวในจานเงียบๆ เธอฟังเสียงคนอื่นคุย แต่ไม่ได้คิดจะไปร่วมวงสนทนา เมื่อต้องเก็บตัวป้องกันความผิดพลาด...“คุณแมทกลับมาเมื่อสักครู่...เธอเห็นเขายัง” สาวใช้วัยรุ่นรูปร่างอวบอัดกระซิบบอกเพื่อนวัยเด
มาดามแพชี่พูดยิ้มๆ นางกอดกระชับหลานรักแน่นขึ้น เมื่อเจ้าตัวกำลังดิ้นรนจะไปหาคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าหน้าอกทิพยอาภาปวดหนึบ...เต่งเต้าของเธอเต้นตุ๊บๆ เหมือนอยากจะกลั่นน้ำนมออกมาให้บุตรสาวได้ดื่มกิน โชคดีที่เธอรู้ทันจึงเอาทิชชูยัดใส่ไว้ ไม่อย่างนั้นน้ำนมของเธอที่ไหลออกมา คงทำให้ใครๆ ในที่นี้รู้ว่า เธอเพิ่งจะคลอดลูกไม่นาน“ขอดิฉันอุ้มคุณหนูได้ไหมคะ?”ทิพยอาภาช้อนสายตาขึ้นมองมาดามแพชี่ เสียงของเธอเกือบสั่นตอนที่ร้องขอมาดามคนที่สองตรองอย่างหนัก แต่เมื่อพิจารณาทิพยอาภาแล้ว หล่อนไม่น่ามีพิษภัย จึงยอมส่งแองเจลิน่าให้กับหญิงสาวเด็กน้อยโผเข้าใส่เมื่อได้มองสบตากับมารดา ใบหน้าเล็กซุกแนบอกอิ่ม มือป้อมๆ วางแนบเนินอก ปากอิ่มย้อยดูดจุ๊บจับ!! ก่อนที่เปลือกตาจะปิดลง...อิงใบหน้ากับอกอิ่มของคนแปลกหน้าที่เพิ่งเจอกันครั้งแรก แบบไม่หวงตัว สร้างความแปลกใจให้กับมาดามแพชี่เป็นอย่างมาก...นางมองทิพยอาภาซ้ำ...ผู้หญิงหน้าตาขี้ริ้ว ผมสั้นกุดไม่เป็นทรง แว่นตาอันใหญ่เทอะทะ...เสื้อผ้าหลวมโพลกจนไม่สามารถประเมินรูปร่างได้ แต่ผู้หญิงแบบนี้ไม่มีทางที่จะทำให้แมทธิวสนใจ
บทที่2.คัดเลือกไทรีสพาเพื่อนรักออกเดินทางแต่เช้าตรู่ มุ่งหน้าจากแคลิฟอร์เนียไปยังวอชิงตันดี.ซี.เพื่อภารกิจสำคัญ!!ระหว่างที่รถยนต์เคลื่อนที่ไปข้างหน้า คนขับชำเลืองมองคนข้างตัวบ่อยๆ เขาปล่อยมือจากการจับพวงมาลัยรถยนต์ ยื่นมือไปกุมมือของทิพยอาภาเอาไว้หลวมๆ เมื่อเขารู้ เพื่อนกำลังตื่นเต้นและหวาดกลัว...กับการเผชิญหน้ากับคนในตระกูลนั้น...“ไม่มีอะไรต้องกลัวนี่ทิพ แกกำลังจะไปหาลูก หากพลาดงานนี้... ยังไงเสีย...แกก็ได้เจอแองเจิ้ลอีกครั้ง”ชายหนุ่มปลอบขวัญ...ทิพยอาภามีเขาทั้งคน เขาไม่ปล่อยให้เพื่อนเดียวดายเพียงคนเดียวแน่ทิพยอาภาเงยหน้าขึ้นมองเพื่อน ภายใต้กรอบแว่นหนา ๆ ดวงตาของเธอคลอขังไปด้วยน้ำร้อนๆ ที่ไหลเออขึ้นมาที่ขอบตา“ฉันรู้ แต่ฉันก็อดกลัวไม่ได้”“แกกลัวอะไร กลัวไอ้เวรนั่นเหรอ...เมื่อไรแกจะลืมมันได้สักทีหะ!!” ไทรีสกระแทกเสียงขุ่นขวาง ผู้ชายอย่าง แมทธิวไม่มีค่าควรจำ เขาเป็นอมนุษย์ หาใช่คนเหมือนคนอื่นๆ ใจเขาดำผิดกับรูปลักษณ์ภายนอก ใครๆ ก็ชื่นชม ยกย
แต่มันไม่ได้จบแบบในนวนิยาย หนังสืออ่านเล่นที่เธอชอบอ่านก่อนนอนเจ้าชาย...ไม่มีจริงในโลกปัจจุบันแมทธิวเป็นเทพบุตรแค่เปลือก เนื้อในเขาเป็นจอมวายร้าย“เอาเด็กออก!!” คำบัญชาของเขา ตอนที่เธอบอกเขาเรื่องที่เธอ ‘ท้อง’เขาเย็นชายิ่งกว่าหิมะกลางฤดูหนาว ใจดำยิ่งกว่าสีของขนนกกาแมทธิวให้เธอทำลายเลือดก้อนหนึ่งของเขากับเธอ...แต่ ทิพยอาภาไม่ทำ!! ...เธอหลบหน้าหลบตาเขา แอบคลอดลูกและไม่ปริปากบอกเขาสักคำ เมื่อเขาไม่ต้องการ...เธอก็จะเลี้ยงลูกด้วยตัวเอง ด้วยสองมือ สองขาของผู้หญิงคนหนึ่งมันไม่จบแค่นั้น...หากจอมวายร้ายอย่างเขาจะปล่อยผ่าน เมื่อเธอหายตัวไป แมทธิวกลับตามจนเจอ!! ...เขาให้จาคอปรับตัวเธอมาที่คฤหาสน์ดีแลน เพื่อตกลงกับเธอครั้งสุดท้าย...เมื่อแมทธิวบีบจนเธอไม่มีทางเดิน เธอก็ได้แต่หวังว่าคนในคฤหาสน์หลังนั้น จะยังพอมีความเมตตาหลงเหลืออยู่บ้าง ยังไงเสีย... แองเจลิน่าก็เป็นสายเลือดของ ดีแลน!! คนหนึ่ง...“จะเอาไงต่อ จะกลับบ้าน หรือจะหางานทำที่นี่?” เสียงของไทรีสปลุกความคิดล่องลอยของทิพยอาภากลับมาอยู่ที่เดิม“ฉันอยู่ที่นี่ไม่ได้หรอกไท ฉันจะกลับบ้าน”บ้านเกิดของแม่...บ้านที่เธอเหลือแค่ความทรงจำรางๆ เพร
บทที่1.ของขวัญจากพระเจ้า1สัปดาห์ก่อนวันขอบคุณพระเจ้า...แมทธิว ดีแลนทายาทเพียงหนึ่งเดียวของตระกูลดังฝั่งอเมริกาเขานั่งหน้าตึงท่ามกลางญาติสนิทที่มารวมตัวกันในห้องโถงใหญ่ของคฤหาสน์ เนื่องจากคนในปกครองของชายหนุ่ม ‘เด็กสาว’ ที่เขาอุปการะไว้ หายตัวไปแบบลึกลับ...มีเพียงกระดาษชิ้นเล็กๆ ทิ้งไว้กับ ทารก!! เพศหญิงอีกหนึ่งคนยัยผู้หญิงบ้า...งี่เง่าที่เขาโอบอุ้มหล่อนตามคำสั่งคุณย่า แต่หล่อนดันตลบหลังเขา...มีพฤติกรรมที่ไม่น่าอภัย‘สำส่อน’ นิยามนี้เหมาะกับเด็กสาวใจแตกอย่าง ทิพยอาภา เลียม ที่สุด!!“จาคอป...เอาเด็กนี่ไปยกให้สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าซะ...ค่าใช้จ่ายทั้งหมดฉันจะออกให้เอง แต่อย่าเอา ‘เด็ก’ มาทิ้งไว้ใกล้ตาฉัน ฉันยังไม่อยากเป็นคนเลวในสายตาทุกคน” เสียงของแมทธิวดุดัน จนไม่มีใครกล้าปริปากท้วง ความคั่งแค้นปะปนมาในกระแสเสียง จนคนได้ยินยังสะท้านการ์ดหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ เขาไม่กล้ามองสบนัยน์ตาใสแจ๋วของเด็กน้อยที่นอนมองตาแป๋ว...แบบไม่รู้เรื่องรู้ราว ชะตาชีวิตเด็กคนนี้จะเป็นเยี่ยงไร...การ์ดหนุ่มยกตะกร้าใบใหญ่...ที่ถูกทำเป็นเหมือนอู่นอนของเด็กน้อยคนนี้ มีกระดาษแผ่นเล็กๆ ห้อยไว้ที่หูตะกร้าลายมือเป็นร