“จริงๆ ทางบริษัทอยากได้คนที่มีประสบการณ์แล้ว อย่างน้อยสักหกเดือนถึงหนึ่งปีน่ะครับ”
“แต่ว่าในเว็บไซต์บอกว่ารับเด็กจบใหม่นี่คะ?”
“อ่า... แปลว่าลูกน้องผมคงใส่ข้อมูลผิด ยังไงก็ขอโทษด้วยนะครับที่ทำให้เสียเวลา”
ครืด!
ร่างเล็กหากแต่อวบอิ่มลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันทีเมื่อได้ข้อสรุปที่ชัดเจนแล้ว เธอมองหน้าคนที่นั่งอยู่ด้วยสายตานิ่งเรียบ ก่อนจะแบมือออกไปข้างหน้า
“ครับ?”
“ขอรูปคืนด้วยค่ะ”
“ระ...รูป?”
“ใช่ค่ะ รูป”
เสียงที่จริงจัง ท่าทางที่ไม่ได้ล้อเล่น ทำให้ชายหนุ่มรีบแกะรูปที่ติดอยู่บนใบสมัครคืนเจ้าของอย่างรวดเร็ว
“แล้วก็นะคะ... ถ้าฉันเป็นคุณ ฉันจะเรียกลูกน้องที่ทำงานพลาดมาตักเตือน คุณรู้ไหมคะว่าบ้านฉันอยู่ที่ไหน ดอนเมือง แล้วที่นี่ที่ไหน สาทร ค่ารถจากดอนเมืองมาสาทรมันตั้งเท่าไหร่ ไหนรถจะติดอีก ความสะเพร่าของลูกน้องคุณทำให้ฉันเสียเวลาชีวิตไปหนึ่งวันเต็มๆ”
“คุณ!”
“ลาล่ะค่ะ”
พูดจบร่างอิ่มก็เดินจากไปทันที พอพ้นจากห้องสัมภาษณ์แล้วหญิงสาวที่เคยปากเก่งก็ลูบอกตัวเองเบาๆ
“ฟู่ว!”
ตากลมโตเหลือบมองห้องที่เดินจากมาอีกครั้ง ก่อนที่ขาเรียวจะก้าวเดินออกจากสถานที่แห่งนี้ไป ไม่ได้ก็ไม่เห็นง้อ เด็กเกียรตินิยมแบบเธอมีอีกตั้งหลายบริษัทที่อยากได้เธอไปทำงานด้วย
.
.
“ท่านครับ คุณเนยถามว่าท่านจะเข้าไปหาเธอหรือเปล่าครับ”
‘ท่าน’ เงยหน้าขึ้นจากไอแพดเครื่องบาง ดวงตาคมกริบเหลือบมองลูกน้องคนสนิทที่นั่งอยู่ตอนหน้าของรถ ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ
“ครับ”
ชายหนุ่มตอบรับ ก่อนจะส่งข้อความกลับไปหาคุณเนย ผู้หญิงหนึ่งในสองที่เจ้านายเลี้ยงดูเอาไว้ เพียงไม่นานก็ได้รับสติกเกอร์แสดงความดีใจกลับมา เมื่อเสร็จธุระเขาก็เก็บมือถือเข้าสูทเหมือนเดิม
พิธานมองออกไปด้านนอกของรถ การจราจรที่ติดขัดไม่ได้ทำให้คนที่อยู่บนรถหรูแบบเขาอารมณ์เสีย เพราะมีทั้งแอร์เย็นๆ และดนตรีเพราะๆ ที่เปิดคลอให้ผ่อนคลายตลอดเวลา
ต่างจากคนที่อยู่ด้านนอก อากาศร้อนๆ คงทำให้คนที่เดินอยู่บนฟุตบาทหงุดหงิดน่าดู ชายหนุ่มเฝ้ามองผู้คนที่เดินสวนไปมาเรื่อยๆ แต่แล้วจู่ๆ ก็สายตาคมกริบก็หยุดลงที่ผู้หญิงคนหนึ่ง
เธอคนนั้นน่าจะอยู่ในวัยทำงาน เพราะชุดสูทสีอ่อนเข้ารูปนั่นทำให้เขาคิดแบบนั้น รูปร่างของเธอไม่ได้ผอมบางเหมือนสาวๆ สมัยนี้ แต่ดูอวบอิ่มเต็มไม้เต็มมือ ผิวขาวผ่องที่ยิ่งโดนแสงแดดก็ยิ่งดูกระจ่างใส และใบหน้าที่จืดสนิทสวมแว่นตาหนาเตอะ
น่าเสียดาย
เธอมีรูปร่างที่เขาพึงพอใจมาก แต่เขาดันไม่ชอบสาวแว่น ไม่ชอบสาวเรียบร้อยแบบนี้เท่าไหร่ แต่ถึงชอบ เขาก็ไม่สามารถชี้นิ้วบอกว่าอยากได้ผู้หญิงคนนั้นแล้วจะได้ตามที่ต้องการอยู่ดี ถ้าเธอไม่ได้เต็มใจหรือเป็นฝ่ายเดินเข้ามาหาก่อน
“ท่านครับ คุณหวานถามเรื่องดินเนอร์อาทิตย์หน้า...”
เสียงเรียกของลูกน้องทำให้ตาคมละจากหญิงสาวคนนั้น พิธานนิ่งคิดเพียงครู่ ก่อนจะตอบลูกน้องเสียงเรียบ
“ที่เดิมนั่นแหละ”
“ครับ”
เมื่อหมดธุระแล้วพิธานก็มองออกไปด้านนอกอีกครั้ง แต่น่าเสียดายที่ครั้งนี้เขาไม่เห็นหญิงสาวคนนั้นอีกแล้ว แม้จะพยายามมองหาแค่ไหนก็ไม่เจอ เธออาจจะขึ้นรถแท็กซี่ หรือขึ้นรถเมล์ซักคันไปแล้วก็ได้
พิธานหันกลับมาสนใจหน้าจอไอแพดอีกครั้ง เพียงไม่นานไฟจราจรก็เปลี่ยนเป็นสีเขียว รถตู้หรูสัญชาติยุโรปสีดำขลับมุ่งตรงไปยังคอนโดใจกลางเมืองที่มีใครบางคนรออยู่
“เสียขา”เสียงหวานครางกระเส่า เรียวขาโอบรัดเอวสอบไว้แน่น ปากบางห่อเป็นตัวโอเมื่อคนที่อยู่บนร่างขยับกายกระแทกกระทั้นรุนแรงขึ้นเตียงนุ่มขยับไหวยวบ หัวเตียงกระแทกกับพนังห้องดังกึกๆ แต่ไม่มีใครสนใจ เพราะกำลังจมอยู่กับบทเพลงสวาทของกันและกัน“เสียขา เนยใกล้แล้วค่ะ ซี้ดดด”หญิงสาวผิวขาวผ่องสูดปากราวกับกำลังกินของเผ็ดร้อน ขาที่เคยรัดเอวสอบคลายลง ก่อนจะอ้าออกกว้างให้ เสี่ย เข้ามาได้ลึกขึ้น“ขมิบหน่อย”“อ๊า!”“รัดฉันอีกเนย”เสียงทุ้มบอกย้ำ เมื่อสาวเจ้าเอาแต่จมอยู่กับอารมณ์ของตัวเอง จนหลงลืมหน้าที่ที่ต้องปรนนิบัติเขา“ไม่ไหวแล้วค่ะเสี่ย อ๊ะ อ๊า!”ภายในกระตุกตอดรัด พิธานหลับตาลงเพื่อซึมซับความรู้สึกนั้น แต่เพียงไม่นาน... กล้ามเนื้อภายในของอีกฝ่ายก็คลายตัวเหมือนเดิมตาคมลืมขึ้น มองไปยังร่างอวบอิ่มที่หลับตานอนหอบหายใจอยู่ใต้ร่าง เธอเสร็จสมแล้ว แต่เขายัง และไม่มีวี่แววว่าจะถึงพิธานขยับกายออกห่าง ท่อนลำที่ยังแข็งขืนหลุดออกจากช่องทางของอีกฝ่าย เนยพลิกตัวตะแคงข้างหันหลังให้ ก่อนจะหลับไปทันทีไม่รู้ว่าเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้ว ที่เด็กที่เขาเลี้ยงไว้คนนี้ตอบสนองได้ไม่เหมือนเมื่อก่อน เธอไม่ค่อยเอาใจเขา ไ
เคยไหม? ยิ่งเราพยายามมากเท่าไหร่ ก็เหมือนว่าสิ่งที่ต้องการจะยิ่งห่างไกลออกไปเรื่อยๆ .“ตอนนี้ทางบริษัทเรายังไม่ต้องการคนเพิ่ม...”“แล้วเราจะติดต่อกลับไป...”“คุณน่าสนใจมากนะครับ แต่น่าเสียดายที่ตำแหน่งที่คุณต้องการเรามีเพียงพอแล้ว สนใจตำแหน่งอื่นดูไหม...”.ดอกแก้วสะบัดรองเท้าส้นสูงราคาถูกที่กัดเท้าจนเจ็บออก ถอดสูทตัวนอกแขวน ก่อนจะทิ้งตัวลงบนที่นอนแข็งๆหนึ่งเดือนที่ผ่านมา เธอได้ฟังแต่ประโยคพวกนั้นจนเบื่อ ได้ยินจนแค่คนพวกนั้นอ้าปาก เธอก็รู้แล้วว่าเขาจะพูดอะไร ไม่ใช่ว่าเธอเลือกงาน แต่บริษัทสมัยนี้กดเด็กจบใหม่มากเกินไป ทั้งเงินเดือน และตำแหน่งที่ยากจะเติบโต.“ตำแหน่งอะไรคะ?”ดอกแก้วจำได้ว่าเธอถามออกไปด้วยความดีใจ ตอนนี้ต่อให้ไม่ใช่ตำแหน่งที่ตรงกับด้านที่เธอจบมา เธอก็พร้อมจะพิจารณา ถ้าเงินเดือนมันเพียงพอกับรายจ่ายในแต่ละวัน“แม่บ้าน”เขาพูดออกมาด้วยใบหน้าเรียบนิ่งไม่ทุกข์ร้อนอะไรทั้งนั้น ดอกแก้วอ้าปากค้างเหมือนปลาขาดอากาศ ก่อนจะถามเสียงแผ่วว่าเงินเดือนเท่าไหร่ เขาตอบมาว่า...“ผมให้วันละสามร้อย วันไหนหยุดไม่ได้เงินนะ เพราะผมไม่ได้จะรับเป็นประจำ แค่พาร์ทไทม์น่ะ ไม่มีสวัสดิการอะไร อ้อ...
“ร้านนั้นน่ะเหรอ? แกเดินเข้าไปสมัครงานได้ยังไงดอกแก้ว!”“ก็ฉันเห็นว่าหน้าร้านแปะป้ายรับสมัครพอดี อีกอย่างตัวร้านก็ไม่ได้ดูแย่อะไร เหมือนร้านอาหารทั่วไป ก็เลยลองเข้าไปดู”“แล้วเป็นไง” น้ำเท้าสะเอว มองใบหน้าที่จืดเจื่อนของหญิงสาวนิ่งๆ“ก็...มีแต่แขกมือไว จับก้นฉัน แล้วก็...”“แล้วก็...?”“แล้วก็... เสนอให้ฉันไปกับเขา ให้ห้าร้อยเหมาทั้งคืน”“ทุเรศ!”น้ำทุบโต๊ะเสียงดังจนดอกแก้วสะดุ้ง ตากลมค่อยๆ เหลือบขึ้นมองพี่สาวที่เคารพเหมือนพี่แท้ๆ เจ้น้ำต้องโกรธเธอมากแน่ๆ“เจ้... ฉัน...”“ทุเรศ! ห้าร้อย? มันตีค่าแกแค่นั้นได้ยังไง!”“ฉันก็ไม่รู้...”“เอาเถอะ หลุดพ้นมาได้ก็ดีแล้ว” น้ำพยายามใจเย็นลง ดอกแก้วมันไม่ประสาอะไร ดุด่าไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา “ร้านนั้นน่ะ คนในวงการเขารู้กันดีว่าเบื้องหน้าเป็นร้านอาหาร แต่เบื้องหลังก็คือซ่องดีๆ นี่เอง”“ซะ ซ่อง!”“ใช่ มีแต่พวกคนชนชั้นแรงงานกรรมกรที่เข้าไปกินเหล้า แล้วก็ออฟเด็กออกไป เสนอเงินให้ต่ำๆ ถ้าเด็กร้อนเงินและยอมก็หวานปากมัน”“แต่พี่ผู้จัดการบอกว่า แขกที่ร้านมีระดับ...”“ระดับกรรมกรน่ะสิ!” น้ำไม่ได้พูดเกินจริง เพราะร้านนั้นมีแต่แขกแบบนั้น ใครๆ ก็รู้ดี “แล้วแกคิ
“ขออนุญาตค่ะ”“เธอเป็นใคร เข้ามาทำไมในนี้?”“เอ่อ...”คำทักทายที่ไม่เป็นมิตรจากคนในห้องทำให้ดอกแก้วหัวใจหล่นวูบ เสียงทุ้มดังกังวานช่างดุดันเหลือเกินทั้งๆ ที่เธอยังไม่ทันได้เงยหน้าขึ้นมองด้วยซ้ำ แต่เขาก็รู้ได้ทันทีว่าเธอไม่ใช่เจ้น้ำ“ว่ายังไง”“.....”มือที่ถือถาดเครื่องดื่มสั่นเทา ดอกแก้วน้อยไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมอง ได้แต่ยืนอ้ำอึ้งอยู่แบบนั้นทั้งๆ ที่รู้ดีว่าอาจจะทำให้เขาไม่พอใจได้“น้ำไปไหน เมื่อกี้ฉันเห็นอยู่ข้างนอก”“เจ้น้ำ... ติดธุระค่ะ”“มีธุระอะไรสำคัญกว่าฉันงั้นเหรอ?”ดอกแก้วไม่ตอบ เธอตอบไม่ถูก ไม่รู้ว่าต้องตอบแบบไหนถึงจะทำให้อีกฝ่ายพอใจ ร่างอิ่มรวบรวมความกล้า ก่อนจะค่อยๆ ขยับส้นสูงสี่นิ้วเข้าไปใกล้โซฟาเนื้อดี“ขออนุญาตเสิร์ฟนะคะ”เขาไม่ตอบรับแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ ดอกแก้วย่อตัวลงไปวางเครื่องดื่มบนโต๊ะกระจกอย่างถือวิสาสะ“เสร็จแล้วก็ออกไป ฉันอยากอยู่คนเดียว”ดอกแก้วหน้าชา เขาไล่... เขากำลังไล่เธออยู่จริงๆ น้ำเสียงเขาไม่สบอารมณ์ยิ่งกว่าตอนแรก ถ้าเธอยังทนอยู่ก็คงหน้าด้านเต็มทนแต่เธอไม่มีเงินแล้วนะ!เสียงในใจดังค้านจนดอกแก้วหยุดชะงัก นั่นสิ... เธอไม่มีเงินแล้ว เธอมาที่นี่เพราะอยากสบาย
กึกดอกแก้วมั่นใจว่าตัวเองขยับกายแค่เพียงแผ่วเบา แต่ก็ยังไม่วายเกิดดังเสียงจนคนข้างๆ หันกลับมามอง“เอ่อ...”“...?”ใบหน้าของเขามีคำถาม แต่กลับไม่ได้ถามออกมา ดอกแก้วเองก็ไม่ยอมพูด จนในที่สุดก็เกิดความเงียบขึ้นอีกครั้งอึดอัด แต่ไปไหนไม่ได้ดวงตาโตสวยมองไปด้านนอก บรรยากาศสี่ทุ่มของเมืองหลวงช่างสดใส แม้ไร้แสงอาทิตย์ แต่ก็ยังมีแสงไฟจากร้านรวงและที่พักอาศัยกระจายไปทั่วรถคันหรูแล่นไปตามทางของมัน ดอกแก้วไม่รู้ว่าตัวเองกำลังจะไปที่ไหน ไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร เธอรู้แค่ว่า… วันนี้เธอได้ตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตลงไปแล้วตัดสินใจ... ขายเรือนร่างให้ใครคนหนึ่งที่ไม่รู้จัก เพื่อแลกกับเงินและความสะดวกสบายศักดิ์ศรีของเธอ... ในวันนี้เธอขายมันไปแล้ว..นั่งได้ไม่ถึงยี่สิบนาทีดอกแก้วก็ต้องลงจากรถคันหรู เสี่ยที่พาเธอมาด้วยเดินไปอีกทางกับลูกน้องอีกคน ทิ้งเธอไว้กับลูกน้องอีกคนที่ก้มหน้าลงเล็กน้อยไม่ยอมสบสายตากับเธอ“เสี่ยไปไหนคะ?”“เสี่ยไปทำธุระ คุณขึ้นไปรอบนห้องก่อน”“บนห้อง?”“ครับ” เขาพยักหน้าเบาๆ “ตามผมมา”พูดจบ เขาก็ก้าวเดินเข้าไปในตัวอาคารทันทีดอกแก้วไม่มีทางเลือกมากนัก ตอนนี้เธออยู่ที
พรึบ“เดินเข้ามาหาฉัน”พิธานออกคำสั่ง ดวงตาคมฉายแววพึงพอใจ เมื่อชุดคลุมอาบน้ำสีขาวร่วงลงไปกองที่พื้น“เอามือของเธอออก”เขาออกคำสั่งอีกครั้งเมื่อเธอเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า เพราะถึงแม้ว่าร่างกายขาวผ่องจะไร้ผ้าผ่อนมาปิดบังแล้ว แต่แขนของเธอก็ยังพยายามที่จะซุกซ่อน ‘อะไรๆ’ ที่มันใหญ่โตไว้ไม่ให้เขาได้เห็นอยู่ดีหึ! ทั้งแขนทั้งมือก็เล็กแค่นั้น ปิดยังไงก็ปิดไม่มิด ไม่รู้จะปิดไว้ทำไมในเมื่อมันไร้ประโยชน์ขนาดนั้นดอกแก้วกลืนน้ำลายลงคอ ขนอ่อนลุกเกลียวไปหมด ทั้งกลัว ทั้งตื่นเต้น และหนาว...แอร์ในห้องนี้เย็นฉ่ำเกินไปหรือเปล่า“ทำไมถึงไม่เอามือออก?”คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเล็กน้อยเมื่อเธอไม่ยอมทำตามคำสั่ง เขาไม่ชอบผู้หญิงดื้อด้าน และดอกแก้วก็กำลังเป็นแบบนั้น“ดอกแก้ว...อยากให้เสี่ยเอาออกด้วยตัวเองค่ะ”“หึ!”คำตอบที่ผิดจากที่คิดไว้ทำให้คิ้วที่เคยขมวดเป็นปมคลายออก ริมฝีปากหยักยกขึ้นเล็กน้อย เสียงหัวเราะเบาๆ ดังขึ้นในลำคอ“ถ้าอยากเห็น ก็เปิดออกเองสิคะเสี่ย” เสียงหวานเอ่ยเร้า ดวงตาคู่สวยเชิญชวนอย่างไม่ปิดบังพิธานไม่ใช่พระอิฐพระปูน ไม่ได้มีความอดทนดีเลิศมาจากไหน เมื่อเจ้าตัวเชื้อเชิญขนาดนี้ ถ้าไม่ทำตามก็คงจ
“เสี่ยคะ?”คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน เมื่อผ้าห่มผืนหนาถูกวางลงบนตัว“คืนนี้เธอนอนที่นี่แล้วกัน หรือต้องไปไหนหรือเปล่า?”“เปล่าค่ะ”“พรุ่งนี้เช้ามาร์คจะมารับ เธอต้องไปตรวจร่างกาย”“ตะ ตรวจร่างกาย ตรวจทำไมคะ?”ร่างอวบอิ่มรีบลุกขึ้น เธอคว้าผ้าห่มขึ้นแนบอก ปกปิดร่างกายเปลือยเปล่าไว้ทั้งๆ ที่ไร้ประโยชน์เพราะเสี่ยเห็นร่างกายเธอหมดทุกซอกทุกมุมแล้วแต่เธอยังมีความอายหลงเหลืออยู่บ้าง ให้นั่งคุยกันด้วยสภาพเปลือยเปล่า... เธอทำไม่ได้“เพื่อตัวเธอ และก็ตัวฉันด้วย” พิธานติดกระดุมเสื้อที่ปลดออก เขาปลายตามองคนบนเตียงด้วยหางตา “ฉันไม่นอนกับใครสุ่มสี่สุ่มห้า”“แต่แก้วไม่มีโรคนะคะ!”“มั่นใจได้ยังไง?” พิธานหันกลับไปมองหญิงสาวเต็มตา เขาอยากรู้ว่าเธอจะตอบว่าอะไร“ก็แก้ว...” ยังไม่เคยมีอะไรกับใครประโยคหลังดอกแก้วไม่ได้พูดออกมา เพราะเสียงบางอย่างร้องเตือนอยู่ในหัวเสี่ยไม่ชอบผู้หญิงไม่ประสาเธอจะให้เสี่ยรู้ไม่ได้เด็ดขาดว่าเธอไม่เคยมีอะไรกับใคร ถ้าเสี่ยรู้ เสี่ยอาจจะไม่สนใจเธออีก เป้าหมายของเธออยู่แค่เอื้อม เธอจะไม่มีวันทำให้มันพังเด็ดขาด!“ค่ะ แก้วจะตรวจ” ดอกแก้วกระชับผ้าห่มแน่นกว่าเดิม ปากอิ่มเม้มเข้าหากันจน
ขาเรียวก้าวลงจากแท็กซี่และเดินเข้ามาในส่วนต้อนรับของคอนโด เสียงฮัมเพลงดังอยู่ในลำคอเบาๆ บ่งบอกว่าเธอกำลังอารมณ์ดีแค่ไหน เธอหอบหิ้วข้าวของพะรุงพะรังไปที่หน้าลิฟต์ กดเรียกเพียงไม่นานลิฟต์ตัวใหญ่ก็เปิดกว้างดอกแก้วเดินเข้าไปในลิฟต์ที่มีกระจกเงารอบด้าน เธอกดชั้นที่ยี่สิบสาม ก่อนจะชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นเล็บของตัวเองมันแปลกตา... เพราะเธอไม่เคยทาเล็บแบบนี้มาก่อน และแน่นอนว่าเธอไม่ได้ตัดสินใจด้วยตัวเอง เล็บสีนู้ดสวยนี้เจ้น้ำเป็นคนเลือกให้เธอทั้งหมดดอกแก้วหันไปมองกระจก ภาพสะท้อนของคนในนั้นช่างแปลกตาเหลือเกิน เส้นผมที่เคยเป็นสีดำสนิทถูกย้อมเป็นสีน้ำตาลอ่อน ดัดเป็นลอนเบาๆ เหมือนไม่ได้ตั้งใจแต่ยังดูสวย ใบหน้าที่เคยจืดสนิทถูกแต่งแต้มเล็กน้อยให้พอมีสีสัน เสื้อผ้าที่เคยเป็นแค่กางเกงขายาวและเสื้อยืดก็เปลี่ยนเป็นชุดเดรสสั้นเข้ารูป แว่นหนาๆที่เคยใส่ก็แปรเปลี่ยนเป็นคอนแทกเลนส์สายตาไร้สีทั้งหมดนี้... เจ้น้ำเป็นคนลากเธอไปทำทั้งนั้น รวมถึงเครื่องสำอางถุงใหญ่ และเสื้อผ้าใหม่ๆ ที่อยู่ในถุงนี่ด้วย เจ้น้ำเลือกให้เธอ และออกเงินให้เธอก่อน.‘นี่มันแพงมากเลยนะเจ้’เธอค้านหัวชนฝา ไม่ยอมรับทั้งเสื้อผ้าและเครื่อง
ฤกษ์ส่งตัวเข้าหอของพิธานกับดอกแก้วคือสองทุ่มตรง ที่จริงแล้วดาวเรืองหาฤกษ์ที่ดีกว่านี้ได้ แต่เพราะมันดึกเกินไปและพิธานไม่อยากให้คนท้องอ่อนๆ ต้องเข้านอนดึก เขาจึงขอแม่ยายให้หาฤกษ์ใหม่ให้เป็นช่วงหัวค่ำแทน ดังนั้นหลังจากพูดคุยบนเวทีเสร็จแขกที่มาร่วมงานก็ไม่ได้เห็นหน้าบ่าวสาวอีก รวมถึงเด็กๆ ทั้งสองก็มีพี่เลี้ยงพาไปอาบน้ำนอน กลายเป็นว่างานเลี้ยงฉลองงานแต่งที่ยิ่งใหญ่จบลงภายในระยะเวลาสั้นๆ แต่ก็เต็มไปด้วยความอบอุ่นที่ฝังอยู่ในใจแขกเหรื่อทุกคนไม่รู้ลืมห้องสวีทราคาคืนละสองหมื่นคือห้องหอในค่ำคืนนี้ พิธานกับดอกแก้วนั่งอยู่บนพื้น รอคอยให้ญาติผู้ใหญ่เข้ามาอวยพรก่อนส่งตัวตามพิธี อดีตเสี่ยหนุ่มตื่นเต้นจนมือชื้นเหงื่อ ถ้าตามพฤตินัยพิธานเข้าหอกับภรรยามานับครั้งไม่ถ้วนจนมีตัวน้อยคนที่สามแล้ว แต่ถ้าตามพิธีจริงๆ นี่เป็นครั้งแรก“ตื่นเต้นหรือคะ?” เสียงหวานเอ่ยถามสามี พิธานดูลุกลี้ลุกลนไม่เป็นตัวเองเหมือนเคย ลบภาพนักธุรกิจหนุ่มมาดขรึมไปจนหมด“ตื่นเต้นสิ ดอกแก้วไม่ตื่นเต้นเหรอ?”“ตื่นเต้นค่ะ”พิธานมองภรรยาที่ส่งยิ้มหวานมาให้ เธอบอกว่าตื่นเต้น แต่ท่าทางของดอกแก้วกลับดูปกติ “คงมีแค่คุณพิธานสินะที่อยู่ไม่สุข”
เสียงเปิดประตูห้องน้ำเรียกสายตาจากคนบนเตียงให้หันไปมอง พิธานวางหนังสือที่อ่านอยู่ลง ก่อนจะเดินเข้าไปโอบกอดภรรยาที่ดูอ่อนล้ากว่าปกติหลวมๆ“เหนื่อยมากไหม?”ช่วงนี้เป็นช่วงเตรียมตัวสำหรับงานแต่ง และเพราะงานแต่งที่จะจัดขึ้นไม่ใช่งานเล็กๆ เหมือนที่เชียงใหม่ เพื่อหน้าตาของเจ้าของบริษัทอย่างพิธานจึงทำให้งานที่ควรจะสบายๆ กลับจริงจังขึ้น ข่าวการแต่งงานแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว สื่อหลายสื่อให้ความสนใจทั้งยังขอสัมภาษณ์ราวกับพิธานเป็นดาราดัง แม้จะไม่ชอบใจแต่พิธานก็ปฏิเสธไม่ได้ เพราะการได้พื้นที่สื่อก็มีประโยชน์กับบริษัทของเขามากพอสมควรพิธานเลยจัดการนัดสื่อทั้งหลายให้มาสัมภาษณ์ที่เพนท์เฮ้าส์ โดยมีข้อแม้ว่าเขาอนุญาตให้แต่จะสำนักส่งทีมงานมาได้ไม่เกินสองคนเท่านั้น เพราะกลัวว่าเด็กๆ จะตื่นเพราะเจอคนเยอะเด็กๆ ที่ว่าหมายถึงลูกชายและลูกสาวของพิธานกับดอกแก้ว ส่วนหนึ่งที่สื่ออยากสัมภาษณ์เป็นเพราะเด็กปริศนาสองคนนี้ด้วย พิธานไม่ค่อยพาลูกออกงานที่ไหน และการสัมภาษณ์ในครั้งนี้ก็จะเป็นการเปิดตัวอย่างจริงจังครั้งแรก“เหนื่อยค่ะ”ดอกแก้วไม่โกหก เธอเหนื่อยเหมือนตัวจะขาด วันนี้เธอต้องไปลองชุดเจ้าสาวที่จะใช้ในงานทั้งห
สามปีต่อมา.“พี่ดล ไหนกระเป๋าที่คุณยายให้คับ?”“นี่คับ!”“น้องดาว ชุดที่คุณปู่ซื้อให้ไม่อึดอัดเกินไปใช่ไหมคะลูก?”“ม่ายค่า”“ดีมาก ถ้าอย่างนั้นเราไปรอแด๊ดดี้กับคุณแม่ที่รถกัน”“เย้ๆ”เสียงเจี๊ยวจ๊าวของสองเด็กและสองผู้ใหญ่เงียบหายไป แทนที่ด้วยเสียงหัวเราะของคนเป็นพ่อและแม่ ดอกแก้วที่กำลังเก็บของชิ้นสุดท้ายใส่กระเป๋าส่ายหน้าไปมาด้วยความเอ็นดู ส่วนพิธานเองก็อมยิ้มเพราะเสียงสดใสของลูกๆ ที่เป็นเหมือนยาวิเศษช่วยเติมเต็มพลังชีวิตให้กับเขาแค่ตื่นมาแล้วได้ยินเสียงลูกทุกวัน แค่นี้คนเป็นพ่อก็มีความสุข มีแรงทำงานได้ทั้งวันแล้ว“คุณลืมอะไรหรือเปล่าคะ?” เสียงหวานของดอกแก้วเอ่ยขึ้น ดวงตากวางกวาดมองไปทั่วห้องเพราะกลัวว่าจะหลงลืมอะไรวันนี้เธอและครอบครัวจะไปเที่ยวทะเลกัน เป็นครั้งแรกในรอบปีที่มีเวลามากพอจนพาลูกๆ ไปเปิดหูเปิดตาได้ ไม่ใช่ว่าเธอและพิธานงานยุ่งจนไม่มีเวลาว่าง แต่เพราะตอนนี้พนธกรใกล้ขึ้นชั้นประถมหนึ่งแล้ว ส่วนพริบพราวดาว ลูกสาวอีกคนก็เรียนเตรียมอนุบาลอยู่ คนที่ไม่มีเวลาคือเด็กๆ ทั้งสองคนต่างหาก“เหมือนจะลืมนะ”“ลืมอะไรคะ-“ ยังไม่ทันได้ถามจนจบ แก้มใสก็ถูกจมูกโด่งกดลงมาแนบแน่นฟอด!“คุณพิธ
“น้องดล ไหนเรียกแด๊ดเร็วเข้า แด๊ด”“แด๊ะ”“ไม่ใช่ลูก แด๊ด ไม่แด๊ะ”“แด๊ะ”“เฮ้อ...”พิธานหมดแรงจะสอนเจ้าตัวแสบ ร่างสูงทิ้งตัวลงนอนในคอกกั้นที่ปูด้วยพื้นนุ่มสำหรับลูก และเมื่อพนธกรเห็นพ่อนอนหมดแรงอยู่ก็คิดว่าอีกฝ่ายจะเล่นด้วย“อุ่ก! ตัวแสบ ตัวหนักแบบนี้กระโดดลงมาได้ยังไง”“คิก คิก”“หัวเราะงั้นเหรอ? มาให้แด๊ดฟัดพุงซะโดยดีเจ้าอ้วน”“มะ... คิกๆ กรี๊ด!!”เสียงหัวเราะสลับกับเสียงกรี๊ดทำให้คนเป็นแม่อดใจไม่ไหว ดอกแก้วละมือจากงานที่ทำค้างไว้ ก่อนจะเดินมาดูว่าสองพ่อลูกเขาเล่นซนอะไรกันภาพที่เธอเห็นคือร่างใหญ่ของสามีนอนหงายอยู่บนพื้น โดยที่บนตัวมีร่างอวบอ้วนของลูกชายนอนทับอยู่ ใบหน้าคมพยายามก้มลงฟัดพุงเจ้าตัวแสบ และนั่นคือสาเหตุที่พนธกรทั้งหัวเราะและกรี๊ดลั่นบ้านแบบนี้“คุณพิธาน”ดอกแก้วยืนดูซักพัก เมื่อเห็นว่าลูกเริ่มเหนื่อยแล้วจึงเรียกสามีไว้“พอแล้วค่ะ เดี๋ยวคืนนี้น้องดลเก็บเอาไปฝัน”คำเตือนของดอกแก้วทำให้พิธานหยุดชะงักแทบจะทันที ใบหน้าคมบิดเบี้ยวเล็กน้อย เมื่อนึกถึงวีกรรมของลูกชายเมื่ออาทิตย์ก่อนพิธานเป็นผู้ชาย และพนธกรเองก็เป็นลูกชาย การเล่นกับลูกของพิธานจึงค่อนข้างหวาดเสียวตามประสา พิธาน
หลังจากคลอดลูกชายคนแรกได้ห้าวัน ดอกแก้วก็ได้รับอนุญาตจากหมอน้ำให้กลับมาพักที่บ้านได้พิธานยังคงแย้งเหมือนเคย ชายหนุ่มกังวลไปสารพัด ต่างจากดอกแก้วที่อยากกลับบ้านเต็มทน เธอไม่ชอบนอนโรงพยาบาลเท่าไหร่ และเธอก็ไม่ได้เจ็บตรงไหนแล้วด้วยโต้แย้งกันอยู่นานสุดท้ายพิธานก็เป็นคนแพ้ แม้ไม่เต็มใจแต่เขาก็ขัดภรรยาไม่ได้ สิ่งเดียวที่เขาทำได้คือขอให้คนเป็นอาช่วยงานอีกซักพัก เพราะตนอยากใช้เวลาอยู่กับลูกในช่วงแรกให้มากเท่าที่จะทำไดใครๆ ก็รู้ว่าเหตุผลที่พิธานพูดนั้นเป็นแค่ข้ออ้าง คุณพ่อมือใหม่ทำราวกับว่าที่ทำงานกับบ้านที่อยู่อาศัยไกลกันมากมาย ทั้งๆ ที่ความจริงห่างกันเพียงไม่กี่ชั้น ใช้เวลาไม่ถึงสองนาทีก็กลับมาหาลูกได้โดยไม่ต้องกระทบกับงานที่ทำ แต่เพราะพิธานกังวลมากเกินไป รวมถึงเห่อลูกชายตัวน้อยที่ยังไม่รู้ความจนไม่อยากไปทำงานก็เท่านั้น“กินเก่งจังเลยลูกชาย”ชายร่างสูงใหญ่นั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงหนุ่ม ตาคมจ้องมองแก้มป่องๆ ที่ขยับขึ้นลงยามที่ได้ดูดกลืนน้ำนมจากมารดา ลูกชายของเขาช่างเลี้ยงง่ายเหลือเกิน นอกจากกินนมเป็นตั้งแต่ครั้งแรกแล้ว ยังไม่เคยงอแงไม่มีเหตุผลนอกเสียจากเวลาที่ท้องหิวพนธกร ลูกชายของดอกแก้วแล
สัปดาห์ที่สามสิบสอง ดอกแก้วรู้สึกเหนื่อยง่ายกว่าเดิม เธอไม่สามารถเข้าครัวช่วยแม่ทำกับข้าว หรือลุกเดินเร็วๆ ได้เหมือนปกติ และนั่นทำให้จิตใจของคุณแม่อ่อนแอลงคนท้องเจ็ดเดือนลุกเข้าห้องน้ำด้วยความยากลำบาก ดอกแก้วแม้ก่อนตั้งท้องจะไม่ใช่ผู้หญิงผอมบาง ทั้งยังมีเนื้อหนังให้กอดเล่นชื่นใจ แต่ก็นับว่าเป็นผู้หญิงไซส์มินิคนหนึ่ง เมื่อตั้งท้อง ร่างกายเล็กๆ ที่ต้องมารับน้ำหนักของลูกชายที่โตได้โตดีก็พาลให้ปรับตัวไม่ทัน เธอจำได้ว่าเมื่อเดือนก่อนเธอยังใช้ชีวิตได้ตามปกติ ท้องแรกเล็กจนถ้าไม่ใส่เสื้อผ้ารัดรูปคงดูไม่ออก แต่มาเดือนนี้หน้าท้องเธอกลับขยายใหญ่อย่างรวดเร็วจนอึดอัดไปหมด“อึ่ก” ฟันขาวกัดปากตัวเองไว้แน่น ดวงตากลมฉ่ำน้ำมองไปที่ร่างสูงใหญ่ของสามีที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียง อาทิตย์นี้พิธานทำงานหนัก แต่ยังต้องคอยตื่นขึ้นมากลางดึกเพื่อพาร่างอุ้ยอ้ายของเธอเข้าห้องน้ำทุกวัน ยิ่งท้องแก่ดอกแก้วก็ยิ่งเข้าห้องน้ำบ่อย พิธานเองก็ตื่นขึ้นมาทุกครั้งที่เธอร้องขอไม่เคยบ่น แต่ดวงตาคู่คมฉายแววเหนื่อยล้าทุกเช้าจนครั้งนี้ดอกแก้วไม่กล้าร้องขอความช่วยเหลืออีก“คนเก่ง”มือบางลูบหน้าท้องที่ขยับเป็นคลื่นเมื่อคนที่อยู่ภายในป
ช่วงที่อุ้มท้องลูกคนแรก เวลาในแต่ละวันของดอกแก้วช่างผ่านไปเร็วเหลือเกินสัปดาห์ที่สิบหกของการตั้งครรภ์ นันทิดาบอกกับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ว่าช่วงนี้จะสามารถเห็นเพศของเจ้าตัวน้อยได้แล้ว ทั้งดอกแก้วและพิธานจึงลงความเห็นไปในทางเดียวกันว่าจะดูเพศลูกน้อยไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะจะได้เตรียมตัวถูก คุณปู่และคุณยายเองก็เห็นดีเห็นงามด้วยและโชคดีเหลือเกินที่เจ้าตัวน้อยไม่ขี้อายพิธานมองภาพของลูกน้อยด้วยความยินดี สายตาคมเข้มอ่อนลงจนบรรยากาศในห้องตรวจเต็มไปด้วยหมอกไอที่แสนอบอุ่น“ผู้ชาย ดูสิ... เปิดโชว์ไม่อายใครเลยหลานอา”นันทิดาชี้ให้คนเป็นพ่อและแม่ดูเพศของลูก หลานเธอคนนี้ไม่ขี้อาย พอรู้ว่าจะถูกดูเพศก็อวดโชว์สิ่งที่พ่อให้มาราวกับภาคภูมิใจนักหนา“ผู้ชายจริงๆ ด้วย”“ทำไมพูดเหมือนรู้อยู่แล้วคะ?”ดอกแก้วอดถามสามีไม่ได้ ตลอดเวลาที่ผ่านมาพิธานไม่เคยพูดว่าอยากมีลูกเพศไหน ไม่เคยบอกเธอว่าคิดเรื่องเพศของลูกไว้แล้ว เพราะแบบนั้นเธอเลยค่อนข้างแปลกใจ สามีเธอแอบไปคิดมาตอนไหนว่าลูกคนนี้ต้องเป็นผู้ชาย?“จำวันที่เราแต่งงานกันได้ไหม?” พิธานถามกลับ รอจนภรรยาพยักหน้าเล็กน้อยจึงเฉลยออกมา “ที่แม่เฒ่าบอกว่าผู้ชาย ฉันคิดว่าท่
ทุกอย่างเป็นไปตามที่คุณพิธานพูดไว้ไม่มีผิด คุณพิธานบอกว่าเจ้น้ำจะไม่โกรธเธอ และเจ้น้ำก็ไม่โกรธเธอจริงๆ จะมีก็แค่ความตกใจจนพูดไม่ออกไปหลายนาทีหลังจากเธอเล่าเรื่องทุกอย่างจบก็เท่านั้นต่างจากคุณทิม เพื่อนของคุณพิธานที่ดอกแก้วเคยได้เจอมาแล้วครั้งหนึ่ง รายนั้นนอกจากจะไม่ตกใจแล้ว เขายังปรบมือเสียงดังอย่างชอบใจอีก“อะไร” พิธานตวัดสายตาเข้มๆ ไปที่เพื่อน แต่นั่นไม่ได้ทำให้รอยยิ้มของคนทะเล้นหายไป“ฉันปรบมือให้ตัวเอง”“เพื่อ?”“เพื่อชื่นชมความเก่งของตัวเองไง” หนุ่มลูกครึ่งตอบด้วยสำเนียงไทยชัดถ้อยชัดคำ ไม่ยี่หระกับสายตาเอือมระอาของเพื่อน “เดาไว้แล้วไม่มีผิดว่าคนนี้ต้องกลายเป็นตัวจริงของเสี่ยพิธาน”“เลิกเรียกว่าเสี่ยได้แล้ว” พิธานพูดด้วยน้ำเสียงปกติ แต่ทำไมคนเป็นเพื่อนจะไม่รู้ว่าเจ้าตัวกำลังจริงจังแค่ไหนทีเมื่อก่อนล่ะชอบให้ผู้หญิงมาเรียกเสี่ยคะเสี่ยขา แต่พอมีเมียเป็นตัวเป็นตนเข้าก็สั่งให้เลิกเรียกเด็ดขาดเชียว...“ไม่เสี่ยก็ไม่เสี่ย” ทิมไม่อยากเถียงกับเพื่อ ชายหนุ่มหน้าตาค่อนไปทางตะวันตกหันไปมองภรรยาเพื่อนแทน “ยินดีด้วยนะดอกแก้ว”“ขอบคุณค่ะ”เรื่องที่ทิมแสดงความยินดีไม่ใช่แค่เรื่องความสัมพันธ์ของ
หลังจากจับภรรยาเปลี่ยนเสื้อผ้าจนเรียบร้อยกว่าเดิมแล้ว พิธานก็จับจูงมือดอกแก้วไปที่ห้องรับประทานอาหาร เมื่อเปิดประตูเข้าไปเขาก็พบว่าทุกคนอยู่ด้วยกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาทั้งแด๊ดของเขาที่กำลังนั่งคุยกับอาพัลลภอย่างออกรสเพราะไม่ได้เจอหน้ากันมานาน แม่ดาวเรืองที่กำลังตักข้าวให้ทุกคน รวมถึงเกวลินที่วันนี้แปลงร่างเป็นลูกมือของแม่ดาวเรืองหนึ่งวัน“ธานมาแล้ว” อาพัลลภพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าหลานชายจูงมือผู้หญิงอีกคนเข้ามา ชายวัยกลางคนพยักหน้ารับเบาๆ เมื่อดอกแก้วยกมือขึ้นไหว้ “นี่เหรอหลานสะใภ้?”“อาครับ อย่าทำเสียงดุสิ”“อาก็พูดปกตินะธาน” พัลลภเถียง เขาสาบานว่าเขาไม่ได้ทำเสียงดุเลยแม้แต่นิดเดียว แต่แม่หนูคนนั้นกลับไม่กล้าสบตาเขา แถมยังหลบอยู่ด้านหลังของพิธานไม่ยอมโผล่หน้าโผล่ตาออกมาอีก“ช่วงนี้ฮอร์โมนของดอกแก้วเขาแปรปรวนน่ะลภ เขาอ่อนไหวง่าย” คนเป็นพี่ชายกระซิบบอกน้อง พัลลภพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะปรับเสียงให้อ่อนลงกว่าปกติ“หนูดอกแก้ว ไม่ต้องกลัวอานะ อาใจดีกว่าพิธานเยอะ ไม่เชื่อถามเกวลินสิ”“อาครับ” พิธานโอดครวญ เรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนได้เป็นอย่างดี รวมถึงดอกแก้วที่เริ่มหายกลัวด้วย“มานั่งนี่สิดอกแก้ว