“เสี่ยคะ?”
คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน เมื่อผ้าห่มผืนหนาถูกวางลงบนตัว
“คืนนี้เธอนอนที่นี่แล้วกัน หรือต้องไปไหนหรือเปล่า?”
“เปล่าค่ะ”
“พรุ่งนี้เช้ามาร์คจะมารับ เธอต้องไปตรวจร่างกาย”
“ตะ ตรวจร่างกาย ตรวจทำไมคะ?”
ร่างอวบอิ่มรีบลุกขึ้น เธอคว้าผ้าห่มขึ้นแนบอก ปกปิดร่างกายเปลือยเปล่าไว้ทั้งๆ ที่ไร้ประโยชน์
เพราะเสี่ยเห็นร่างกายเธอหมดทุกซอกทุกมุมแล้ว
แต่เธอยังมีความอายหลงเหลืออยู่บ้าง ให้นั่งคุยกันด้วยสภาพเปลือยเปล่า... เธอทำไม่ได้
“เพื่อตัวเธอ และก็ตัวฉันด้วย” พิธานติดกระดุมเสื้อที่ปลดออก เขาปลายตามองคนบนเตียงด้วยหางตา “ฉันไม่นอนกับใครสุ่มสี่สุ่มห้า”
“แต่แก้วไม่มีโรคนะคะ!”
“มั่นใจได้ยังไง?” พิธานหันกลับไปมองหญิงสาวเต็มตา เขาอยากรู้ว่าเธอจะตอบว่าอะไร
“ก็แก้ว...” ยังไม่เคยมีอะไรกับใคร
ประโยคหลังดอกแก้วไม่ได้พูดออกมา เพราะเสียงบางอย่างร้องเตือนอยู่ในหัว
เสี่ยไม่ชอบผู้หญิงไม่ประสา
เธอจะให้เสี่ยรู้ไม่ได้เด็ดขาดว่าเธอไม่เคยมีอะไรกับใคร ถ้าเสี่ยรู้ เสี่ยอาจจะไม่สนใจเธออีก เป้าหมายของเธออยู่แค่เอื้อม เธอจะไม่มีวันทำให้มันพังเด็ดขาด!
“ค่ะ แก้วจะตรวจ” ดอกแก้วกระชับผ้าห่มแน่นกว่าเดิม ปากอิ่มเม้มเข้าหากันจนซีดขาว “แต่ถ้าแก้วปกติ เสี่ยจะรับเลี้ยงแก้วใช่ไหมคะ?”
“ใช่ ถ้าเธอปกติ ฉันจะรับเลี้ยงเธอ”
“ขอบคุณค่ะเสี่ย”
น้ำเสียงของเธอปิดบังความดีใจไว้ไม่มิด พิธานพยักหน้ารับครั้งเดียวแล้วเดินออกจากห้องไป ทิ้งให้หญิงสาวนั่งได้คิดอะไรตามลำพังอยู่ในห้องนอนใหญ่
.
.
ผลการตรวจร่างกายของดอกแก้วเป็นไปตามที่พิธานคิดไว้จริงๆ
และเพราะพิธานไม่ใช่คนตระบัดสัตย์ หลังจากได้ผลตรวจมาอยู่ในมือเรียบร้อยแล้ว พิธานก็ส่งคนไปรับดอกแก้วตามสัญญา
พิธานให้ลูกน้องคนสนิทเตรียมคอนโดไว้ให้ดอกแก้วเหมือนกับผู้หญิงคนอื่นๆ ขนาดห้องไม่ได้กว้างและไม่ได้เล็กจนเกินไป แต่นั่นก็ดีมากแล้วสำหรับดอกแก้วที่ยังไม่ได้ถูกเขาเชยชม เขาไม่ชอบให้เงินหรือสิ่งของกับใครง่ายๆ ถ้าไม่มีอะไรมาแลกเปลี่ยน แต่ดอกแก้วเป็นข้อยกเว้น เขายอมจ่ายเงินไปก่อนเพื่อลงทุนกับเธอคนนี้ เพราะเขามั่นใจว่าสิ่งที่ได้กลับมามันจะคุ้มค่า
“พรุ่งนี้มีงานที่ไหนหรือเปล่า?”
พิธานถามทั้งๆ ที่ยังไม่ละสายตาจากวิวด้านนอก ตอนนี้เขาอยู่บนรถคันหรู ที่กำลังพาเขาและลูกน้องอีกสองคนมุ่งหน้าไปยังสนามบินเพื่อขึ้นเครื่องบินส่วนตัวกลับประเทศไทย
พิธานเดินทางมาคุยงานที่จีนได้ราวอาทิตย์หนึ่งแล้ว
ตามกำหนดการณ์เขาต้องกลับไทยตั้งแต่สามวันที่แล้ว แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นทำให้ต้องอยู่ต่ออย่างเลี่ยงไม่ได้ พิธานจำเป็นต้องยกเลิกงานทั้งหมดที่ไทย รวมถึงการเข้าไปหาเด็กใหม่อย่างดอกแก้วเพื่ออยู่จัดการเรื่องทางนี้ เพราะประเทศจีนนับว่าเป็นรายได้หลักๆ ของบริษัทรองจากเยอรมัน
สำหรับนักธุรกิจแบบพิธาน สิ่งไหนที่ให้ผลประโยชน์กับเขามากที่สุด สิ่งนั้นก็จะได้รับความสนใจจากเขาเป็นพิเศษ เขายอมเสียสิ่งที่มีค่าน้อยกว่า เพื่อสิ่งที่มีค่ามากกว่าได้เสมอ เขาเลือกทิ้งทุกอย่างที่ต้องทำที่ประเทศไทยเพื่อเม็ดเงินจากประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ และการตัดสินใจของเขาก็ไม่เคยผิด สัญญาที่เพิ่งเซ็นสดๆ ร้อนๆ จะทำให้เขามีรายเพิ่มอีกหลายร้อยล้านบาทต่อปี
“พรุ่งนี้ไม่มีครับ”
“ส่งข้อความไปบอกดอกแก้วว่าพรุ่งนี้ฉันจะเข้าไปหา”
“ครับท่าน”
พิธานเหลือบตามองคนสนิทที่ยกมือถือขึ้นมา ดวงตาคมฉายแววบางอย่าง ก่อนที่เสียงทุ้มจะเอ่ยเปลี่ยนแปลงคำสั่ง
“ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ไม่ต้องส่งอะไรไปบอกเธอทั้งนั้น ฉันจะเข้าไปโดยไม่ให้เธอรู้”
แม้จะแปลกใจ แต่มาร์คก็ยอมลบข้อความที่พิมพ์ค้างไว้ และเก็บมือถือเข้าเสื้อสูทแต่โดยดี
“ครับท่าน”
.
.
ร่างอวบอิ่มนอนนิ่งสงบอยู่บนเตียงกว้างสีขาวสะอาด ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ชั่วโมงร่างนั้นก็ไม่มีทีท่าว่าจะขยับเขยื้อน แต่เมื่อลองสังเกตดีๆ ก็จะเห็นว่าทรวงอกใต้ชุดนอนผ้านิ่มยังคงขยับขึ้นลงตามจังหวะหายใจ เธอแค่หลับไปเท่านั้น... ดูท่าว่ากำลังฝันดีเสียด้วย เพราะมุมปากของเธอยกขึ้นบางๆ เหมือนกำลังมีความสุข
จนกระทั่งแสงแดดจากหน้าต่างเริ่มส่องผ่านผ้าม่านเข้ามา ดวงตาหลังเปลือกตาสีน้ำนมก็ขยับยุกยิกไปมาเพื่อหลีกหนีแสงที่รบกวน แต่หนีเท่าไหร่ก็หนีไม่พ้น สุดท้ายเจ้าหญิงนิทราก็ต้องตื่นขึ้นมาพบกับความจริง
ไม่มีเจ้าชาย... มีเพียงแค่แสงแดดเท่านั้นที่ทำให้เธอตื่นขึ้นมา ดอกแก้วลุกขึ้นนั่ง สะบัดผ้าห่มผืนหนาออกจากตัว ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไปทำธุระส่วนตัวเหมือนทุกวัน
มื้อเช้าของดอกแก้วเป็นอาหารง่ายๆ เพราะเธออยู่คนเดียว ของสดในตู้เย็นไม่ได้มีมากมาย เธอแค่กินเพื่อความอยู่รอด ไม่ให้ร่างกายหิวโหยเกินไป
จะว่าไปช่วงนี้เธอน้ำหนักลงหรือเปล่านะ น่าจะซักสามโลได้
มือบางบีบช่วงเอวตัวเองเบาๆ เธอน่าจะน้ำหนักลดลงจริงๆ เพราะกางเกงที่ใส่อยู่หลวมกว่าปกติ น่าจะเป็นเพราะเธอต้องย้ายที่พักกะทันหัน ร่างกายยังไม่ชิน เธอเลยกินได้น้อย และนอนไม่ค่อยหลับ
เพิ่งได้หลับสนิทจริงๆ ก็เมื่อคืนนี้เอง
ดอกแก้วกัดขนมปังไส้ทูน่าเข้าปาก เธอเคี้ยวมันช้าๆ พลางนึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมาตลอดทั้งอาทิตย์
เริ่มจากเช้าวันจันทร์ มีผู้ชายราวสองสามคนมาหาเธอที่หอพัก เขาบอกว่าเป็นคนจากเสี่ย ผู้ชายที่เธอแก้ผ้าให้เขาสำรวจร่างกายอย่างน่าไม่อายในคืนนั้น พวกเขามีหลักฐานยืนยันว่ามาจากเสี่ยจริงๆ และมีคำสั่งจากเสี่ยให้พาตัวเธอมาอยู่ที่นี่
หลังจากนั้น เธอก็ได้รับข้อความจากผู้ชายที่ชื่อมาร์ค เขาส่งมาสั้นๆ แค่ว่าวันพฤหัสเสี่ยจะเข้ามาหา ให้เธอเตรียมตัวไว้
แต่แล้วเขาก็ไม่มา
ไม่ว่าจะวันพฤหัส ศุกร์ เสาร์ หรือแม้กระทั่งวันนี้ เขาก็ยังไม่มา
ดอกแก้วไม่ได้เสียใจที่เสี่ยไม่มาหา เธอแค่กลัวว่าเสี่ยอาจจะเปลี่ยนใจ ไม่อยากรับเลี้ยงเธอขึ้นมา ถ้าเป็นแบบนั้นเธอคงต้องกลับไปเริ่มใหม่ทุกอย่าง ต้องเดินคอตกหางานตามบริษัท ร้ายสุดก็ต้องยอมกลับไปเป็นเด็กเสิร์ฟกลางคืนอีกครั้ง แต่เธอจะไม่คิดเรื่องไปเป็นเด็กเลี้ยงของใครอีกแล้ว
เธอขายศักดิ์ศรีได้แค่ครั้งเดียว จะไม่มีซ้ำสอง ต่อให้ไม่มีเงินเหลือเลยก็ตาม
หญิงสาวล้างแก้วน้ำที่ใช้ดื่ม ก่อนจะเข้าไปอาบน้ำจนตัวหอมกรุ่น เธอแต่งตัวด้วยชุดสบายๆ เพราะไม่ได้จะออกไปไหน และคิดว่าเสี่ยคงไม่ได้มาหาวันนี้เพราะเป็นวันอาทิตย์
เขาคงใช้เวลาในวันหยุดกับครอบครัว ไม่ใช่กับเด็กที่เลี้ยงไว้เพื่อระบายความใคร่แบบเธอ
ดอกแก้วเปิดทีวีดู สารคดีสัตว์ไม่ใช่สิ่งที่เธอโปรดปรานที่สุด แต่ในเวลานี้มันไม่มีอะไรน่าดูไปมากกว่านี้อีกแล้ว อย่างน้อยก็เปิดไว้เป็นเพื่อนแก้เหงาได้บ้าง เพราะอยู่ที่นี่เธอไม่มีใครเลย
ถ้าอยู่ที่หอเก่า เธอยังมีเจ้น้ำเป็นเพื่อน ต่อให้เครียดเรื่องที่สมัครงานไม่ได้ก็ยังมีเจ้น้ำมาคอยบ่นอยู่ข้างๆ ถึงจะหนวกหูไปบ้างแต่ก็ไม่เหงาแบบนี้
คิดถึงเจ้น้ำจัง
ร่างอิ่มลุกขึ้นไปหยิบมือถือในห้องนอน เธอกดตัวเลขที่จำได้ขึ้นใจ ก่อนจะยกมือถือขึ้นแนบหูฟังเสียงสัญญาณ
ตอนนี้เพิ่งเก้าโมงเอง เจ้น้ำน่าจะยังไม่ตื่น แต่เธอเหงาจนทนไม่ไหวแล้ว
‘โหล...’
“เจ้น้ำ!”
'ครายวะ’
“ฉันเอง ดอกแก้วไง ไม่ได้คุยกันอาทิตย์เดียว ลืมเสียงน้องนุ้งนะเจ้”
‘ไอ้แก้ว!’ เสียงตะโกนจากปลายสายทำให้ดอกแก้วต้องยกมือถือออกห่าง แต่ก็ยังไม่วายได้ยินเสียงโวยวายแว๊ดๆ นั่น ‘นึกยังไงโทรมาตอนเก้าโมงวะ!? ฉันเพิ่งเลิกงานตอนตีสี่ เพิ่งได้นอนไม่ถึงสามชั่วโมง!!’
“ฉันขอโทษ ฉันแค่...เหงา”
เสียงอ่อยๆ ของน้องที่รู้จักกันมานานทำให้น้ำไม่สามารถตัดใจหลับต่อได้ เธอลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะพูดคุยกับปลายสายด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไป
‘เหงา? เสี่ยไม่ค่อยมาหาหรือไง?’
“ไม่ใช่ไม่ค่อย... แต่ไม่เคยมาเลยต่างหาก”
‘ตายแล้ว!!’ น้ำโวยวาย รู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจเหมือนเป็นเรื่องของตัวเอง ‘ตายๆๆๆๆ’
“ยังไม่ตายเจ้ ฉันแค่เหงา อยู่เฉยๆ ไม่มีอะไรทำ ไม่มีเพื่อนคุยด้วยเลยโทรมาหาเจ้นี่ไง”
‘ฉันแค่อุทาน แต่ช่างมันเถอะ! วันนี้แกว่างใช่ไหม ออกมาเจอกันหน่อยดีกว่า’
ดอกแก้วใช้เวลาตัดสินใจเพียงไม่นานก็ตอบตกลงไป เธอไม่ได้ถูกกักขัง สามารถไปไหนมาไหนได้ตามปกติ แต่หลายวันที่ผ่านมาเธอไม่รู้จะไปไหนดี วันนี้เป็นวันแรกที่จะได้เจอเจ้น้ำหลังจากย้ายมาอยู่ที่นี่ อย่างน้อยได้ออกไปพบเจอคนคุ้นเคยบ้าง มันคงจะดีกว่าการนั่งโดดเดี่ยวอยู่ในห้องแบบนี้
ขาเรียวก้าวลงจากแท็กซี่และเดินเข้ามาในส่วนต้อนรับของคอนโด เสียงฮัมเพลงดังอยู่ในลำคอเบาๆ บ่งบอกว่าเธอกำลังอารมณ์ดีแค่ไหน เธอหอบหิ้วข้าวของพะรุงพะรังไปที่หน้าลิฟต์ กดเรียกเพียงไม่นานลิฟต์ตัวใหญ่ก็เปิดกว้างดอกแก้วเดินเข้าไปในลิฟต์ที่มีกระจกเงารอบด้าน เธอกดชั้นที่ยี่สิบสาม ก่อนจะชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นเล็บของตัวเองมันแปลกตา... เพราะเธอไม่เคยทาเล็บแบบนี้มาก่อน และแน่นอนว่าเธอไม่ได้ตัดสินใจด้วยตัวเอง เล็บสีนู้ดสวยนี้เจ้น้ำเป็นคนเลือกให้เธอทั้งหมดดอกแก้วหันไปมองกระจก ภาพสะท้อนของคนในนั้นช่างแปลกตาเหลือเกิน เส้นผมที่เคยเป็นสีดำสนิทถูกย้อมเป็นสีน้ำตาลอ่อน ดัดเป็นลอนเบาๆ เหมือนไม่ได้ตั้งใจแต่ยังดูสวย ใบหน้าที่เคยจืดสนิทถูกแต่งแต้มเล็กน้อยให้พอมีสีสัน เสื้อผ้าที่เคยเป็นแค่กางเกงขายาวและเสื้อยืดก็เปลี่ยนเป็นชุดเดรสสั้นเข้ารูป แว่นหนาๆที่เคยใส่ก็แปรเปลี่ยนเป็นคอนแทกเลนส์สายตาไร้สีทั้งหมดนี้... เจ้น้ำเป็นคนลากเธอไปทำทั้งนั้น รวมถึงเครื่องสำอางถุงใหญ่ และเสื้อผ้าใหม่ๆ ที่อยู่ในถุงนี่ด้วย เจ้น้ำเลือกให้เธอ และออกเงินให้เธอก่อน.‘นี่มันแพงมากเลยนะเจ้’เธอค้านหัวชนฝา ไม่ยอมรับทั้งเสื้อผ้าและเครื่อง
ดอกแก้วแทบหยุดหายใจในวินาทีที่เสี่ยตักต้มยำกุ้งที่เธอทำเข้าปากครั้งแรก“อืม...”เป็นยังไงบ้างคะ? อร่อยหรือเปล่า? เธออยากจะถามออกไปแบบนั้น แต่สุดท้ายก็ไม่กล้า... ได้แต่นั่งเม้มปาก กำกระโปรงตัวเองอยู่ใต้โต๊ะด้วยความตื่นเต้นพิธานตักต้มยำกุ้งเข้าปากอีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้ง จนกระทั่งข้าวสวยหมดไปครึ่งจาน เขาถึงได้หันกลับมาสนใจแม่ครัวในวันนี้“ไม่กินเหรอ?” เพราะข้าวในจานเธอยังไม่พร่อง ไม่มีแม้แต่รอยน้ำต้มยำบนจานด้วยซ้ำ เขาเองก็หิวจัด รีบตักกินโดยไม่ได้สังเกตอีกคนเลย“ทานค่ะ” ดอกแก้วได้สติ รีบตักข้าวเข้าปากบ้างรสชาติต้มยำกุ้งที่เธอทำไม่ได้แย่ ออกจะอร่อยด้วยซ้ำ ต้องขอบคุณที่แม่เป็นแม่ค้าขายอาหารตามสั่ง เธอเลยได้ฝีมือติดตัวมาบ้าง แต่ถึงอย่างนั้นรสปากของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกันอยู่ดี เธอชอบ คนอื่นๆ ชอบ แต่เสี่ยอาจจะไม่ชอบก็ได้“มาร์คส่งรายละเอียดมาหรือยัง?” พิธานชวนคุย เพราะสังเกตได้ว่าดอกแก้วดูเกร็งเล็กน้อย คงเพราะเธอยังไม่ค่อยคุ้นเคยกับเขาก็นะ... ตั้งแต่รับเธอมาเลี้ยง เขาก็ไม่มีเวลาแวะเข้ามาหาเธอเลย“ส่งมาแล้วค่ะ”รายละเอียดที่ว่าคือรายละเอียดของการเป็น เด็กเสี่ย ที่เป็นลายลักษณ์อักษร ทั้
ดอกแก้วจ้องมองคนที่อยู่ในกระจก เธอเห็นผู้หญิงหน้าตาธรรมดาที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จ ผิวพรรณอมชมพูระเรื่อเพราะน้ำที่ใช้อุณหภูมิสูง ใบหน้าที่เคยมีเครื่องสำอางตอนนี้สะอาดหมดจด ผมเผ้ายุ่งเหยิงเล็กน้อยเพราะพึ่งเป็นอิสระจากยางรัดผมเส้นใหญ่เธอมองสำรวจร่างกายตัวเองผ่านกระจกบานโตซักพัก ก่อนจะหยิบเสื้อคลุมอาบน้ำขึ้นมาใส่ และหยิบแว่นหนาเตอะขึ้นมาสวมไม่สิ...ดอกแก้วถอดแว่นนั้นออกในวินาทีต่อมา เธอไม่ควรใส่แว่นเวลาอยู่กับเสี่ย เพราะแว่นนี้จะทำให้เธอกลายเป็นผู้หญิงจืดชืดไม่น่าสนใจคอนแทกเลนส์ที่เจ้น้ำพาไปซื้อวันนี้คือตัวเลือกสุดท้าย แต่ดอกแก้วไม่สนใจมัน สายตาเธอสั้นสามร้อยกว่าทั้งสองข้าง ชีวิตที่ไร้แว่นลำบากก็จริง แต่ตอนนี้เธออยากใช้ประโยชน์จากมันอย่างน้อยๆ คืนนี้... เธอจะได้ไม่เห็นอะไรที่มันชัดเจนมากจนเกินไปดอกแก้วส่งกำลังใจให้คนในกระจก เรียกความมั่นใจเหมือนในคืนนั้นให้กลับมาอีกครั้ง..แกรกเสียงเปิดประตูห้องน้ำดังขึ้นหลังจากที่รอมามากกว่ายี่สิบนาที พิธานหันไปมองตามเสียงนั้น ก่อนจะพยักหน้าให้เธอเดินเข้ามาดอกแก้วเดินเข้าไปหาร่างสูงใหญ่ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้โต๊ะเครื่องแป้งของตัวเองอย่างไม่ลังเล เธอเดิน
“พร้อมเป็นของฉันแล้วใช่ไหม? ดอกแก้ว”ไม่...เธอยังไม่พร้อม“สะ.. เสี่ย” ดอกแก้วปากคอสั่น รีบถดกายหนีเมื่อเสี่ยเข้ามาใกล้“หืม?” พิธานแสร้งทำหน้าฉงน แต่ไม่หยุดรุกเข้าหาจนแผ่นหลังของดอกแก้วชิดกับหัวเตียง “เรียกแล้วทำไมไม่พูด?”เมื่อหมดหนทางหนี พิธานก็ขยับเข้ามาได้ใกล้ขึ้น ใกล้จนดอกแก้วมองเห็นสิ่งนั้นได้ชัดเจน หญิงสาวส่ายหน้าไปมา จู่ๆ น้ำตาก็เอ่อคลอเต็มเบ้าตา“ฮึก...”“ร้องไห้ทำไม?”“ดอกแก้ว ฮึก... กลัว”“กลัว? เธอกลัวอะไร”“ดอกแก้ว...” หญิงสาวสะอื้น ไม่ยอมตอบจนพิธานต้องแตะไหล่บางเบาๆ ให้เธอผ่อนคลาย“บอกฉันว่าเธอกลัวอะไร หืม?”พิธานถามเสียงอ่อนโยน เขาไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งจะต้องมาปลอบโยนผู้หญิงที่กำลังร้องไห้ระหว่างที่จะมีเซ็กซ์กัน ปกติเขาเจอแต่ผู้หญิงที่ร้องไห้บนเตียงเพราะความสุขสม แต่ดอกแก้วไม่ได้ใกล้เคียงกับความรู้สึกนั้นเลย“ดอกแก้วกลัวว่าเสี่ยจะรุนแรง ตรงนั้น...” เธอมองไปที่ส่วนนั้นที่ว่า “มันใหญ่เกินไป ถ้าเสี่ยรุนแรง ดอกแก้วต้องตายแน่ๆ ค่ะ”“ฉันผ่านผู้หญิงมาเป็นสิบคน ไม่เห็นมีใครตายซักคน”“แต่ดอกแก้ว...”“แต่อะไร?”พิธานรอฟังคำตอบ ร่างกายเขาร้อนรุ่ม แต่เขาก็ใจเย็นพอที่จะรอฟังว่าเธอต้
ฉ่า...เสียงของสดที่สัมผัสกับกระทะร้อนจัดดังแข่งกับเครื่องดูดควันที่กำลังทำงานอยู่ ดอกแก้วลดกระแสไฟลงเล็กน้อย ก่อนจะปล่อยให้สิ่งที่อยู่ในกระทะค่อยๆ สุกร่างอิ่มเดินไปที่ตู้เย็น เธอหยิบเอาผลไม้และผักมาหันเป็นชิ้นเล็กๆ ล้างด้วยน้ำสะอาด ก่อนจะเททั้งหมดลงในเครื่องปั่นเครื่องใหญ่ ปิดท้ายด้วยโยเกิร์ตรสธรรมชาติและน้ำแข็งสามก้อนครืด...ดอกแก้วปล่อยให้เครื่องปั่นทำงานเอง ส่วนตัวเธอก็รีบเดินกลับไปที่เตาไฟฟ้าอีกครั้ง จัดการตักไข่ดาวที่สุกกำลังดีใส่จาน เสริมด้วยไส้กรอกสองชิ้น แฮมสามชิ้น และผักสลัดหนึ่งกำมือ หญิงสาวทำแบบเดียวกันทั้งสองจานแต่ปริมาณต่างกันพอสมควรจานที่มีไข่ดาวสองฟองเป็นของเสี่ย ส่วนที่มีฟองเดียวคือของเธอหญิงสาวยกจานที่เต็มไปด้วยอาหารหน้าตาน่ารับประทานไปวางที่โต๊ะทานข้าว ก่อนจะเดินกลับเข้ามาในครัว จัดการเทน้ำผักและผลไม้ปั่นใส่แก้วใบสูงเธอเดินกลับมาโต๊ะอีกครั้งพร้อมกับแก้วน้ำปั่นสองใบ จัดหาซอสต่างๆ มาวางไว้ตรงกลาง และรินน้ำเปล่าเพิ่มอีกสองแก้วแกรกเสียงเปิดประตูทำให้หญิงสาวตกใจจนเผลอรินน้ำพลาดเล็กน้อย เธอกระพริบตาถี่ๆ เพื่อเรียกสติให้กลับมา ก่อนจะหันไปหาคนที่เพิ่งเดินออกมาจากห้อง
ท่าทางที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยของเจ้านายทำให้ลูกน้องคนสนิททำตัวไม่ถูก มาร์คกำมือถือไว้ในมือ ตาก็คอยมองเจ้านายผ่านกระจกมองหลังอยู่หลายครั้ง จนในที่สุดก็เป็นพิธานเองที่ทนไม่ไหว“มีอะไรก็พูดมา”มาร์ครีบปลดล็อกมือถือ ก่อนจะรายงานให้เจ้านายฟังตามข้อความที่ได้รับมาอย่างรวดเร็ว“คุณเนยต้องการพบท่านคืนนี้ครับ”“คืนนี้ฉันว่าจะไปหาดอกแก้วเค้า บอกเนยว่าเป็นมะรืนก็แล้วกัน”“แต่คุณเนยกำชับว่าเป็นเรื่องสำคัญ และต้องการพบท่านด่วนที่สุดครับ”“อืม...” พิธานนิ่งคิดเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้ารับ “ส่งข้อความไปบอกดอกแก้วว่าคืนนี้ฉันไม่ได้ไปหา”..พิธานกดรหัสหกหลักที่จำได้ขึ้นใจทีละตัว ก่อนจะผลักประตูบานใหญ่เข้าไป ความเย็นของเครื่องปรับอากาศเป็นสิ่งแรกที่ต้อนรับเขา ไฟทั้งห้องมืดสนิท บ่งบอกว่าคนที่อยู่ที่นี่เข้านอนไปแล้วตีสองแล้วนี่นาพิธานก็ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้เขาบอกลูกน้องมาส่งที่นี่ ทั้งๆ ที่ในเวลานี้เขาควรจะกลับเพ้นท์เฮ้าส์ของตัวเองมากกว่า เพราะพรุ่งนี้เขามีประชุมแต่เช้า และเพ้นท์เฮ้าส์ที่ว่าก็อยู่บนชั้นสูงสุดของตึกบริษัท ส่วนคอนโดนี้อยู่ห่างจากบริษัทราวยี่สิบกิโล แต่เขาก็เลือกมาที่นี่...ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไ
“เสี่ยคะ!”ดอกแก้วเผลอขึ้นเสียงใส่ เมื่อจู่ๆ เสี่ยก็ผละออกห่าง เธอกำลังจะได้ขึ้นไปคว้าปุยเมฆนั่นอยู่แล้วเชียว แต่เสี่ยกลับทิ้งเธอไว้กลางทางดื้อๆ แบบนี้คนใจร้าย“เด็กดื้อ ขึ้นเสียงใส่ฉันเหรอ?”“ก็เสี่ย...”ดอกแก้วตื่นเต็มตาแล้ว สติต่างๆ กลับมาจนครบถ้วน เธอหันหน้าหนีไปอีกทางไม่ยอมพูดต่อ ทั้งอาย ทั้งกลัวอาย... ที่ตัวเองเผลอทำตัวเหมือนเป็นผู้หญิงร่านรัก แค่เขาผละออกห่างก็โวยวายหน้าไม่อายและกลัว... กลัวว่ากิริยานั้นจะทำให้เสี่ยรำคาญกัน คนแบบเสี่ยคงไม่เคยมีใครกล้าขึ้นเสียงใส่มาก่อน แล้วเธอล่ะ เก่งกล้ามาจากไหนกันถึงทำแบบนั้นพิธานขยับขึ้นไปคร่อมทับดอกแก้ว เขาใช้แขนยันกับฟูกนอนไว้เพื่อรับน้ำหนักของตัวเองบางส่วน เพราะไม่อยากทับเธอเต็มตัวดอกแก้วก็ตัวแค่นี้ พิธานกลัวว่าเธอจะถูกเขาทับจนแบนซะก่อน“เธอง่วงหรือเปล่า?” เขาถาม จงใจไม่พูดเรื่องที่ค้างคาต่อ เพราะมันไม่ได้สำคัญอะไร เขาไม่ใช่คนเอาแต่ใจที่จะโกรธเธอเพราะเรื่องแค่นี้ และที่สำคัญ เวลาที่ดอกแก้วขึ้นเสียงก็น่ารักดีเหมือนกัน “ว่ายังไง ง่วงไหม?”“ไม่ง่วงแล้วค่ะ”“ถ้าไม่ง่วง...”มือหนาขยับเข้ากอบกุมเต้ากลมผ่านเนื้อผ้าลื่นบาง เขาออกแรงบีบนวดเร้
“เสี่ยคะ! อ๊ะ!”ดอกแก้วบีบแขนแกร่งแน่น เมื่อเขาออกแรงดันกายเข้ามาอีกครั้งเธอรู้สึกเหมือนจะหายใจไม่ออก มันอึดอัดและตึงแน่นไปหมด ถึงพิธานจะช่วยใช้มือบดขยี้เกสรดอกแก้วเพื่อเรียกอารมณ์สวาทของเธอให้กลับมาอีกครั้ง แต่มันก็ช่วยได้ไม่มากและไม่ใช่แค่ดอกแก้วเท่านั้นที่ลำบาก พิธานเองก็ไม่ต่างกัน เขาไม่เคยเจอใครที่คับแน่นขนาดนี้มาก่อน มันแน่นจนเขารู้สึกตึงไปทั่วส่วนปลาย และมันก็เจ็บนิดๆ อยู่เหมือนกัน แต่คงเทียบกับที่ดอกแก้วรู้สึกไม่ได้เนื้อสัมผัสเนื้อโดยตรงให้ความรู้สึกที่แปลกใหม่ พิธานได้เรียนรู้ในวันนี้นี่เองว่าทำไมพวกผู้ชายถึงไม่อยากใส่ถุงยางกัน เพราะเซ็กซ์ที่ไม่มีอะไรมาขวางกั้นมันดีกว่าเห็นๆ ดีกว่าจนเขากลัวว่าตัวเองชอบมันจนเคยตัวพิธานก้มมองท่อนเนื้อที่จมหายเข้าไปในร่างกายของดอกแก้วได้เพียงแค่หนึ่งในสาม กลีบเนื้อของเธออ้าออกและบวมเต่งเพราะรับเอาความอวบใหญ่ของเขาเข้าไป แต่ความยาวที่ยังเหลืออยู่ภายนอกทำให้เขาเหงื่อตก พิธานคิดหนัก... ถ้ามัวแต่ชักช้าแบบนี้วันนี้คงไปไม่ถึงไหน และดอกแก้วเองก็จะเจ็บอยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆแต่ถ้าเขาใส่เข้าไปทีเดียวให้หมดล่ะ?พิธานโน้มตัวลง เขาซุกจมูกโด่งที่ซอกคอหอมกรุ
ฤกษ์ส่งตัวเข้าหอของพิธานกับดอกแก้วคือสองทุ่มตรง ที่จริงแล้วดาวเรืองหาฤกษ์ที่ดีกว่านี้ได้ แต่เพราะมันดึกเกินไปและพิธานไม่อยากให้คนท้องอ่อนๆ ต้องเข้านอนดึก เขาจึงขอแม่ยายให้หาฤกษ์ใหม่ให้เป็นช่วงหัวค่ำแทน ดังนั้นหลังจากพูดคุยบนเวทีเสร็จแขกที่มาร่วมงานก็ไม่ได้เห็นหน้าบ่าวสาวอีก รวมถึงเด็กๆ ทั้งสองก็มีพี่เลี้ยงพาไปอาบน้ำนอน กลายเป็นว่างานเลี้ยงฉลองงานแต่งที่ยิ่งใหญ่จบลงภายในระยะเวลาสั้นๆ แต่ก็เต็มไปด้วยความอบอุ่นที่ฝังอยู่ในใจแขกเหรื่อทุกคนไม่รู้ลืมห้องสวีทราคาคืนละสองหมื่นคือห้องหอในค่ำคืนนี้ พิธานกับดอกแก้วนั่งอยู่บนพื้น รอคอยให้ญาติผู้ใหญ่เข้ามาอวยพรก่อนส่งตัวตามพิธี อดีตเสี่ยหนุ่มตื่นเต้นจนมือชื้นเหงื่อ ถ้าตามพฤตินัยพิธานเข้าหอกับภรรยามานับครั้งไม่ถ้วนจนมีตัวน้อยคนที่สามแล้ว แต่ถ้าตามพิธีจริงๆ นี่เป็นครั้งแรก“ตื่นเต้นหรือคะ?” เสียงหวานเอ่ยถามสามี พิธานดูลุกลี้ลุกลนไม่เป็นตัวเองเหมือนเคย ลบภาพนักธุรกิจหนุ่มมาดขรึมไปจนหมด“ตื่นเต้นสิ ดอกแก้วไม่ตื่นเต้นเหรอ?”“ตื่นเต้นค่ะ”พิธานมองภรรยาที่ส่งยิ้มหวานมาให้ เธอบอกว่าตื่นเต้น แต่ท่าทางของดอกแก้วกลับดูปกติ “คงมีแค่คุณพิธานสินะที่อยู่ไม่สุข”
เสียงเปิดประตูห้องน้ำเรียกสายตาจากคนบนเตียงให้หันไปมอง พิธานวางหนังสือที่อ่านอยู่ลง ก่อนจะเดินเข้าไปโอบกอดภรรยาที่ดูอ่อนล้ากว่าปกติหลวมๆ“เหนื่อยมากไหม?”ช่วงนี้เป็นช่วงเตรียมตัวสำหรับงานแต่ง และเพราะงานแต่งที่จะจัดขึ้นไม่ใช่งานเล็กๆ เหมือนที่เชียงใหม่ เพื่อหน้าตาของเจ้าของบริษัทอย่างพิธานจึงทำให้งานที่ควรจะสบายๆ กลับจริงจังขึ้น ข่าวการแต่งงานแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว สื่อหลายสื่อให้ความสนใจทั้งยังขอสัมภาษณ์ราวกับพิธานเป็นดาราดัง แม้จะไม่ชอบใจแต่พิธานก็ปฏิเสธไม่ได้ เพราะการได้พื้นที่สื่อก็มีประโยชน์กับบริษัทของเขามากพอสมควรพิธานเลยจัดการนัดสื่อทั้งหลายให้มาสัมภาษณ์ที่เพนท์เฮ้าส์ โดยมีข้อแม้ว่าเขาอนุญาตให้แต่จะสำนักส่งทีมงานมาได้ไม่เกินสองคนเท่านั้น เพราะกลัวว่าเด็กๆ จะตื่นเพราะเจอคนเยอะเด็กๆ ที่ว่าหมายถึงลูกชายและลูกสาวของพิธานกับดอกแก้ว ส่วนหนึ่งที่สื่ออยากสัมภาษณ์เป็นเพราะเด็กปริศนาสองคนนี้ด้วย พิธานไม่ค่อยพาลูกออกงานที่ไหน และการสัมภาษณ์ในครั้งนี้ก็จะเป็นการเปิดตัวอย่างจริงจังครั้งแรก“เหนื่อยค่ะ”ดอกแก้วไม่โกหก เธอเหนื่อยเหมือนตัวจะขาด วันนี้เธอต้องไปลองชุดเจ้าสาวที่จะใช้ในงานทั้งห
สามปีต่อมา.“พี่ดล ไหนกระเป๋าที่คุณยายให้คับ?”“นี่คับ!”“น้องดาว ชุดที่คุณปู่ซื้อให้ไม่อึดอัดเกินไปใช่ไหมคะลูก?”“ม่ายค่า”“ดีมาก ถ้าอย่างนั้นเราไปรอแด๊ดดี้กับคุณแม่ที่รถกัน”“เย้ๆ”เสียงเจี๊ยวจ๊าวของสองเด็กและสองผู้ใหญ่เงียบหายไป แทนที่ด้วยเสียงหัวเราะของคนเป็นพ่อและแม่ ดอกแก้วที่กำลังเก็บของชิ้นสุดท้ายใส่กระเป๋าส่ายหน้าไปมาด้วยความเอ็นดู ส่วนพิธานเองก็อมยิ้มเพราะเสียงสดใสของลูกๆ ที่เป็นเหมือนยาวิเศษช่วยเติมเต็มพลังชีวิตให้กับเขาแค่ตื่นมาแล้วได้ยินเสียงลูกทุกวัน แค่นี้คนเป็นพ่อก็มีความสุข มีแรงทำงานได้ทั้งวันแล้ว“คุณลืมอะไรหรือเปล่าคะ?” เสียงหวานของดอกแก้วเอ่ยขึ้น ดวงตากวางกวาดมองไปทั่วห้องเพราะกลัวว่าจะหลงลืมอะไรวันนี้เธอและครอบครัวจะไปเที่ยวทะเลกัน เป็นครั้งแรกในรอบปีที่มีเวลามากพอจนพาลูกๆ ไปเปิดหูเปิดตาได้ ไม่ใช่ว่าเธอและพิธานงานยุ่งจนไม่มีเวลาว่าง แต่เพราะตอนนี้พนธกรใกล้ขึ้นชั้นประถมหนึ่งแล้ว ส่วนพริบพราวดาว ลูกสาวอีกคนก็เรียนเตรียมอนุบาลอยู่ คนที่ไม่มีเวลาคือเด็กๆ ทั้งสองคนต่างหาก“เหมือนจะลืมนะ”“ลืมอะไรคะ-“ ยังไม่ทันได้ถามจนจบ แก้มใสก็ถูกจมูกโด่งกดลงมาแนบแน่นฟอด!“คุณพิธ
“น้องดล ไหนเรียกแด๊ดเร็วเข้า แด๊ด”“แด๊ะ”“ไม่ใช่ลูก แด๊ด ไม่แด๊ะ”“แด๊ะ”“เฮ้อ...”พิธานหมดแรงจะสอนเจ้าตัวแสบ ร่างสูงทิ้งตัวลงนอนในคอกกั้นที่ปูด้วยพื้นนุ่มสำหรับลูก และเมื่อพนธกรเห็นพ่อนอนหมดแรงอยู่ก็คิดว่าอีกฝ่ายจะเล่นด้วย“อุ่ก! ตัวแสบ ตัวหนักแบบนี้กระโดดลงมาได้ยังไง”“คิก คิก”“หัวเราะงั้นเหรอ? มาให้แด๊ดฟัดพุงซะโดยดีเจ้าอ้วน”“มะ... คิกๆ กรี๊ด!!”เสียงหัวเราะสลับกับเสียงกรี๊ดทำให้คนเป็นแม่อดใจไม่ไหว ดอกแก้วละมือจากงานที่ทำค้างไว้ ก่อนจะเดินมาดูว่าสองพ่อลูกเขาเล่นซนอะไรกันภาพที่เธอเห็นคือร่างใหญ่ของสามีนอนหงายอยู่บนพื้น โดยที่บนตัวมีร่างอวบอ้วนของลูกชายนอนทับอยู่ ใบหน้าคมพยายามก้มลงฟัดพุงเจ้าตัวแสบ และนั่นคือสาเหตุที่พนธกรทั้งหัวเราะและกรี๊ดลั่นบ้านแบบนี้“คุณพิธาน”ดอกแก้วยืนดูซักพัก เมื่อเห็นว่าลูกเริ่มเหนื่อยแล้วจึงเรียกสามีไว้“พอแล้วค่ะ เดี๋ยวคืนนี้น้องดลเก็บเอาไปฝัน”คำเตือนของดอกแก้วทำให้พิธานหยุดชะงักแทบจะทันที ใบหน้าคมบิดเบี้ยวเล็กน้อย เมื่อนึกถึงวีกรรมของลูกชายเมื่ออาทิตย์ก่อนพิธานเป็นผู้ชาย และพนธกรเองก็เป็นลูกชาย การเล่นกับลูกของพิธานจึงค่อนข้างหวาดเสียวตามประสา พิธาน
หลังจากคลอดลูกชายคนแรกได้ห้าวัน ดอกแก้วก็ได้รับอนุญาตจากหมอน้ำให้กลับมาพักที่บ้านได้พิธานยังคงแย้งเหมือนเคย ชายหนุ่มกังวลไปสารพัด ต่างจากดอกแก้วที่อยากกลับบ้านเต็มทน เธอไม่ชอบนอนโรงพยาบาลเท่าไหร่ และเธอก็ไม่ได้เจ็บตรงไหนแล้วด้วยโต้แย้งกันอยู่นานสุดท้ายพิธานก็เป็นคนแพ้ แม้ไม่เต็มใจแต่เขาก็ขัดภรรยาไม่ได้ สิ่งเดียวที่เขาทำได้คือขอให้คนเป็นอาช่วยงานอีกซักพัก เพราะตนอยากใช้เวลาอยู่กับลูกในช่วงแรกให้มากเท่าที่จะทำไดใครๆ ก็รู้ว่าเหตุผลที่พิธานพูดนั้นเป็นแค่ข้ออ้าง คุณพ่อมือใหม่ทำราวกับว่าที่ทำงานกับบ้านที่อยู่อาศัยไกลกันมากมาย ทั้งๆ ที่ความจริงห่างกันเพียงไม่กี่ชั้น ใช้เวลาไม่ถึงสองนาทีก็กลับมาหาลูกได้โดยไม่ต้องกระทบกับงานที่ทำ แต่เพราะพิธานกังวลมากเกินไป รวมถึงเห่อลูกชายตัวน้อยที่ยังไม่รู้ความจนไม่อยากไปทำงานก็เท่านั้น“กินเก่งจังเลยลูกชาย”ชายร่างสูงใหญ่นั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงหนุ่ม ตาคมจ้องมองแก้มป่องๆ ที่ขยับขึ้นลงยามที่ได้ดูดกลืนน้ำนมจากมารดา ลูกชายของเขาช่างเลี้ยงง่ายเหลือเกิน นอกจากกินนมเป็นตั้งแต่ครั้งแรกแล้ว ยังไม่เคยงอแงไม่มีเหตุผลนอกเสียจากเวลาที่ท้องหิวพนธกร ลูกชายของดอกแก้วแล
สัปดาห์ที่สามสิบสอง ดอกแก้วรู้สึกเหนื่อยง่ายกว่าเดิม เธอไม่สามารถเข้าครัวช่วยแม่ทำกับข้าว หรือลุกเดินเร็วๆ ได้เหมือนปกติ และนั่นทำให้จิตใจของคุณแม่อ่อนแอลงคนท้องเจ็ดเดือนลุกเข้าห้องน้ำด้วยความยากลำบาก ดอกแก้วแม้ก่อนตั้งท้องจะไม่ใช่ผู้หญิงผอมบาง ทั้งยังมีเนื้อหนังให้กอดเล่นชื่นใจ แต่ก็นับว่าเป็นผู้หญิงไซส์มินิคนหนึ่ง เมื่อตั้งท้อง ร่างกายเล็กๆ ที่ต้องมารับน้ำหนักของลูกชายที่โตได้โตดีก็พาลให้ปรับตัวไม่ทัน เธอจำได้ว่าเมื่อเดือนก่อนเธอยังใช้ชีวิตได้ตามปกติ ท้องแรกเล็กจนถ้าไม่ใส่เสื้อผ้ารัดรูปคงดูไม่ออก แต่มาเดือนนี้หน้าท้องเธอกลับขยายใหญ่อย่างรวดเร็วจนอึดอัดไปหมด“อึ่ก” ฟันขาวกัดปากตัวเองไว้แน่น ดวงตากลมฉ่ำน้ำมองไปที่ร่างสูงใหญ่ของสามีที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียง อาทิตย์นี้พิธานทำงานหนัก แต่ยังต้องคอยตื่นขึ้นมากลางดึกเพื่อพาร่างอุ้ยอ้ายของเธอเข้าห้องน้ำทุกวัน ยิ่งท้องแก่ดอกแก้วก็ยิ่งเข้าห้องน้ำบ่อย พิธานเองก็ตื่นขึ้นมาทุกครั้งที่เธอร้องขอไม่เคยบ่น แต่ดวงตาคู่คมฉายแววเหนื่อยล้าทุกเช้าจนครั้งนี้ดอกแก้วไม่กล้าร้องขอความช่วยเหลืออีก“คนเก่ง”มือบางลูบหน้าท้องที่ขยับเป็นคลื่นเมื่อคนที่อยู่ภายในป
ช่วงที่อุ้มท้องลูกคนแรก เวลาในแต่ละวันของดอกแก้วช่างผ่านไปเร็วเหลือเกินสัปดาห์ที่สิบหกของการตั้งครรภ์ นันทิดาบอกกับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ว่าช่วงนี้จะสามารถเห็นเพศของเจ้าตัวน้อยได้แล้ว ทั้งดอกแก้วและพิธานจึงลงความเห็นไปในทางเดียวกันว่าจะดูเพศลูกน้อยไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะจะได้เตรียมตัวถูก คุณปู่และคุณยายเองก็เห็นดีเห็นงามด้วยและโชคดีเหลือเกินที่เจ้าตัวน้อยไม่ขี้อายพิธานมองภาพของลูกน้อยด้วยความยินดี สายตาคมเข้มอ่อนลงจนบรรยากาศในห้องตรวจเต็มไปด้วยหมอกไอที่แสนอบอุ่น“ผู้ชาย ดูสิ... เปิดโชว์ไม่อายใครเลยหลานอา”นันทิดาชี้ให้คนเป็นพ่อและแม่ดูเพศของลูก หลานเธอคนนี้ไม่ขี้อาย พอรู้ว่าจะถูกดูเพศก็อวดโชว์สิ่งที่พ่อให้มาราวกับภาคภูมิใจนักหนา“ผู้ชายจริงๆ ด้วย”“ทำไมพูดเหมือนรู้อยู่แล้วคะ?”ดอกแก้วอดถามสามีไม่ได้ ตลอดเวลาที่ผ่านมาพิธานไม่เคยพูดว่าอยากมีลูกเพศไหน ไม่เคยบอกเธอว่าคิดเรื่องเพศของลูกไว้แล้ว เพราะแบบนั้นเธอเลยค่อนข้างแปลกใจ สามีเธอแอบไปคิดมาตอนไหนว่าลูกคนนี้ต้องเป็นผู้ชาย?“จำวันที่เราแต่งงานกันได้ไหม?” พิธานถามกลับ รอจนภรรยาพยักหน้าเล็กน้อยจึงเฉลยออกมา “ที่แม่เฒ่าบอกว่าผู้ชาย ฉันคิดว่าท่
ทุกอย่างเป็นไปตามที่คุณพิธานพูดไว้ไม่มีผิด คุณพิธานบอกว่าเจ้น้ำจะไม่โกรธเธอ และเจ้น้ำก็ไม่โกรธเธอจริงๆ จะมีก็แค่ความตกใจจนพูดไม่ออกไปหลายนาทีหลังจากเธอเล่าเรื่องทุกอย่างจบก็เท่านั้นต่างจากคุณทิม เพื่อนของคุณพิธานที่ดอกแก้วเคยได้เจอมาแล้วครั้งหนึ่ง รายนั้นนอกจากจะไม่ตกใจแล้ว เขายังปรบมือเสียงดังอย่างชอบใจอีก“อะไร” พิธานตวัดสายตาเข้มๆ ไปที่เพื่อน แต่นั่นไม่ได้ทำให้รอยยิ้มของคนทะเล้นหายไป“ฉันปรบมือให้ตัวเอง”“เพื่อ?”“เพื่อชื่นชมความเก่งของตัวเองไง” หนุ่มลูกครึ่งตอบด้วยสำเนียงไทยชัดถ้อยชัดคำ ไม่ยี่หระกับสายตาเอือมระอาของเพื่อน “เดาไว้แล้วไม่มีผิดว่าคนนี้ต้องกลายเป็นตัวจริงของเสี่ยพิธาน”“เลิกเรียกว่าเสี่ยได้แล้ว” พิธานพูดด้วยน้ำเสียงปกติ แต่ทำไมคนเป็นเพื่อนจะไม่รู้ว่าเจ้าตัวกำลังจริงจังแค่ไหนทีเมื่อก่อนล่ะชอบให้ผู้หญิงมาเรียกเสี่ยคะเสี่ยขา แต่พอมีเมียเป็นตัวเป็นตนเข้าก็สั่งให้เลิกเรียกเด็ดขาดเชียว...“ไม่เสี่ยก็ไม่เสี่ย” ทิมไม่อยากเถียงกับเพื่อ ชายหนุ่มหน้าตาค่อนไปทางตะวันตกหันไปมองภรรยาเพื่อนแทน “ยินดีด้วยนะดอกแก้ว”“ขอบคุณค่ะ”เรื่องที่ทิมแสดงความยินดีไม่ใช่แค่เรื่องความสัมพันธ์ของ
หลังจากจับภรรยาเปลี่ยนเสื้อผ้าจนเรียบร้อยกว่าเดิมแล้ว พิธานก็จับจูงมือดอกแก้วไปที่ห้องรับประทานอาหาร เมื่อเปิดประตูเข้าไปเขาก็พบว่าทุกคนอยู่ด้วยกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาทั้งแด๊ดของเขาที่กำลังนั่งคุยกับอาพัลลภอย่างออกรสเพราะไม่ได้เจอหน้ากันมานาน แม่ดาวเรืองที่กำลังตักข้าวให้ทุกคน รวมถึงเกวลินที่วันนี้แปลงร่างเป็นลูกมือของแม่ดาวเรืองหนึ่งวัน“ธานมาแล้ว” อาพัลลภพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าหลานชายจูงมือผู้หญิงอีกคนเข้ามา ชายวัยกลางคนพยักหน้ารับเบาๆ เมื่อดอกแก้วยกมือขึ้นไหว้ “นี่เหรอหลานสะใภ้?”“อาครับ อย่าทำเสียงดุสิ”“อาก็พูดปกตินะธาน” พัลลภเถียง เขาสาบานว่าเขาไม่ได้ทำเสียงดุเลยแม้แต่นิดเดียว แต่แม่หนูคนนั้นกลับไม่กล้าสบตาเขา แถมยังหลบอยู่ด้านหลังของพิธานไม่ยอมโผล่หน้าโผล่ตาออกมาอีก“ช่วงนี้ฮอร์โมนของดอกแก้วเขาแปรปรวนน่ะลภ เขาอ่อนไหวง่าย” คนเป็นพี่ชายกระซิบบอกน้อง พัลลภพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะปรับเสียงให้อ่อนลงกว่าปกติ“หนูดอกแก้ว ไม่ต้องกลัวอานะ อาใจดีกว่าพิธานเยอะ ไม่เชื่อถามเกวลินสิ”“อาครับ” พิธานโอดครวญ เรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนได้เป็นอย่างดี รวมถึงดอกแก้วที่เริ่มหายกลัวด้วย“มานั่งนี่สิดอกแก้ว