ดอกแก้วแทบหยุดหายใจในวินาทีที่เสี่ยตักต้มยำกุ้งที่เธอทำเข้าปากครั้งแรก“อืม...”เป็นยังไงบ้างคะ? อร่อยหรือเปล่า? เธออยากจะถามออกไปแบบนั้น แต่สุดท้ายก็ไม่กล้า... ได้แต่นั่งเม้มปาก กำกระโปรงตัวเองอยู่ใต้โต๊ะด้วยความตื่นเต้นพิธานตักต้มยำกุ้งเข้าปากอีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้ง จนกระทั่งข้าวสวยหมดไปครึ่งจาน เขาถึงได้หันกลับมาสนใจแม่ครัวในวันนี้“ไม่กินเหรอ?” เพราะข้าวในจานเธอยังไม่พร่อง ไม่มีแม้แต่รอยน้ำต้มยำบนจานด้วยซ้ำ เขาเองก็หิวจัด รีบตักกินโดยไม่ได้สังเกตอีกคนเลย“ทานค่ะ” ดอกแก้วได้สติ รีบตักข้าวเข้าปากบ้างรสชาติต้มยำกุ้งที่เธอทำไม่ได้แย่ ออกจะอร่อยด้วยซ้ำ ต้องขอบคุณที่แม่เป็นแม่ค้าขายอาหารตามสั่ง เธอเลยได้ฝีมือติดตัวมาบ้าง แต่ถึงอย่างนั้นรสปากของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกันอยู่ดี เธอชอบ คนอื่นๆ ชอบ แต่เสี่ยอาจจะไม่ชอบก็ได้“มาร์คส่งรายละเอียดมาหรือยัง?” พิธานชวนคุย เพราะสังเกตได้ว่าดอกแก้วดูเกร็งเล็กน้อย คงเพราะเธอยังไม่ค่อยคุ้นเคยกับเขาก็นะ... ตั้งแต่รับเธอมาเลี้ยง เขาก็ไม่มีเวลาแวะเข้ามาหาเธอเลย“ส่งมาแล้วค่ะ”รายละเอียดที่ว่าคือรายละเอียดของการเป็น เด็กเสี่ย ที่เป็นลายลักษณ์อักษร ทั้
ดอกแก้วจ้องมองคนที่อยู่ในกระจก เธอเห็นผู้หญิงหน้าตาธรรมดาที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จ ผิวพรรณอมชมพูระเรื่อเพราะน้ำที่ใช้อุณหภูมิสูง ใบหน้าที่เคยมีเครื่องสำอางตอนนี้สะอาดหมดจด ผมเผ้ายุ่งเหยิงเล็กน้อยเพราะพึ่งเป็นอิสระจากยางรัดผมเส้นใหญ่เธอมองสำรวจร่างกายตัวเองผ่านกระจกบานโตซักพัก ก่อนจะหยิบเสื้อคลุมอาบน้ำขึ้นมาใส่ และหยิบแว่นหนาเตอะขึ้นมาสวมไม่สิ...ดอกแก้วถอดแว่นนั้นออกในวินาทีต่อมา เธอไม่ควรใส่แว่นเวลาอยู่กับเสี่ย เพราะแว่นนี้จะทำให้เธอกลายเป็นผู้หญิงจืดชืดไม่น่าสนใจคอนแทกเลนส์ที่เจ้น้ำพาไปซื้อวันนี้คือตัวเลือกสุดท้าย แต่ดอกแก้วไม่สนใจมัน สายตาเธอสั้นสามร้อยกว่าทั้งสองข้าง ชีวิตที่ไร้แว่นลำบากก็จริง แต่ตอนนี้เธออยากใช้ประโยชน์จากมันอย่างน้อยๆ คืนนี้... เธอจะได้ไม่เห็นอะไรที่มันชัดเจนมากจนเกินไปดอกแก้วส่งกำลังใจให้คนในกระจก เรียกความมั่นใจเหมือนในคืนนั้นให้กลับมาอีกครั้ง..แกรกเสียงเปิดประตูห้องน้ำดังขึ้นหลังจากที่รอมามากกว่ายี่สิบนาที พิธานหันไปมองตามเสียงนั้น ก่อนจะพยักหน้าให้เธอเดินเข้ามาดอกแก้วเดินเข้าไปหาร่างสูงใหญ่ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้โต๊ะเครื่องแป้งของตัวเองอย่างไม่ลังเล เธอเดิน
“พร้อมเป็นของฉันแล้วใช่ไหม? ดอกแก้ว”ไม่...เธอยังไม่พร้อม“สะ.. เสี่ย” ดอกแก้วปากคอสั่น รีบถดกายหนีเมื่อเสี่ยเข้ามาใกล้“หืม?” พิธานแสร้งทำหน้าฉงน แต่ไม่หยุดรุกเข้าหาจนแผ่นหลังของดอกแก้วชิดกับหัวเตียง “เรียกแล้วทำไมไม่พูด?”เมื่อหมดหนทางหนี พิธานก็ขยับเข้ามาได้ใกล้ขึ้น ใกล้จนดอกแก้วมองเห็นสิ่งนั้นได้ชัดเจน หญิงสาวส่ายหน้าไปมา จู่ๆ น้ำตาก็เอ่อคลอเต็มเบ้าตา“ฮึก...”“ร้องไห้ทำไม?”“ดอกแก้ว ฮึก... กลัว”“กลัว? เธอกลัวอะไร”“ดอกแก้ว...” หญิงสาวสะอื้น ไม่ยอมตอบจนพิธานต้องแตะไหล่บางเบาๆ ให้เธอผ่อนคลาย“บอกฉันว่าเธอกลัวอะไร หืม?”พิธานถามเสียงอ่อนโยน เขาไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งจะต้องมาปลอบโยนผู้หญิงที่กำลังร้องไห้ระหว่างที่จะมีเซ็กซ์กัน ปกติเขาเจอแต่ผู้หญิงที่ร้องไห้บนเตียงเพราะความสุขสม แต่ดอกแก้วไม่ได้ใกล้เคียงกับความรู้สึกนั้นเลย“ดอกแก้วกลัวว่าเสี่ยจะรุนแรง ตรงนั้น...” เธอมองไปที่ส่วนนั้นที่ว่า “มันใหญ่เกินไป ถ้าเสี่ยรุนแรง ดอกแก้วต้องตายแน่ๆ ค่ะ”“ฉันผ่านผู้หญิงมาเป็นสิบคน ไม่เห็นมีใครตายซักคน”“แต่ดอกแก้ว...”“แต่อะไร?”พิธานรอฟังคำตอบ ร่างกายเขาร้อนรุ่ม แต่เขาก็ใจเย็นพอที่จะรอฟังว่าเธอต้
ฉ่า...เสียงของสดที่สัมผัสกับกระทะร้อนจัดดังแข่งกับเครื่องดูดควันที่กำลังทำงานอยู่ ดอกแก้วลดกระแสไฟลงเล็กน้อย ก่อนจะปล่อยให้สิ่งที่อยู่ในกระทะค่อยๆ สุกร่างอิ่มเดินไปที่ตู้เย็น เธอหยิบเอาผลไม้และผักมาหันเป็นชิ้นเล็กๆ ล้างด้วยน้ำสะอาด ก่อนจะเททั้งหมดลงในเครื่องปั่นเครื่องใหญ่ ปิดท้ายด้วยโยเกิร์ตรสธรรมชาติและน้ำแข็งสามก้อนครืด...ดอกแก้วปล่อยให้เครื่องปั่นทำงานเอง ส่วนตัวเธอก็รีบเดินกลับไปที่เตาไฟฟ้าอีกครั้ง จัดการตักไข่ดาวที่สุกกำลังดีใส่จาน เสริมด้วยไส้กรอกสองชิ้น แฮมสามชิ้น และผักสลัดหนึ่งกำมือ หญิงสาวทำแบบเดียวกันทั้งสองจานแต่ปริมาณต่างกันพอสมควรจานที่มีไข่ดาวสองฟองเป็นของเสี่ย ส่วนที่มีฟองเดียวคือของเธอหญิงสาวยกจานที่เต็มไปด้วยอาหารหน้าตาน่ารับประทานไปวางที่โต๊ะทานข้าว ก่อนจะเดินกลับเข้ามาในครัว จัดการเทน้ำผักและผลไม้ปั่นใส่แก้วใบสูงเธอเดินกลับมาโต๊ะอีกครั้งพร้อมกับแก้วน้ำปั่นสองใบ จัดหาซอสต่างๆ มาวางไว้ตรงกลาง และรินน้ำเปล่าเพิ่มอีกสองแก้วแกรกเสียงเปิดประตูทำให้หญิงสาวตกใจจนเผลอรินน้ำพลาดเล็กน้อย เธอกระพริบตาถี่ๆ เพื่อเรียกสติให้กลับมา ก่อนจะหันไปหาคนที่เพิ่งเดินออกมาจากห้อง
ท่าทางที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยของเจ้านายทำให้ลูกน้องคนสนิททำตัวไม่ถูก มาร์คกำมือถือไว้ในมือ ตาก็คอยมองเจ้านายผ่านกระจกมองหลังอยู่หลายครั้ง จนในที่สุดก็เป็นพิธานเองที่ทนไม่ไหว“มีอะไรก็พูดมา”มาร์ครีบปลดล็อกมือถือ ก่อนจะรายงานให้เจ้านายฟังตามข้อความที่ได้รับมาอย่างรวดเร็ว“คุณเนยต้องการพบท่านคืนนี้ครับ”“คืนนี้ฉันว่าจะไปหาดอกแก้วเค้า บอกเนยว่าเป็นมะรืนก็แล้วกัน”“แต่คุณเนยกำชับว่าเป็นเรื่องสำคัญ และต้องการพบท่านด่วนที่สุดครับ”“อืม...” พิธานนิ่งคิดเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้ารับ “ส่งข้อความไปบอกดอกแก้วว่าคืนนี้ฉันไม่ได้ไปหา”..พิธานกดรหัสหกหลักที่จำได้ขึ้นใจทีละตัว ก่อนจะผลักประตูบานใหญ่เข้าไป ความเย็นของเครื่องปรับอากาศเป็นสิ่งแรกที่ต้อนรับเขา ไฟทั้งห้องมืดสนิท บ่งบอกว่าคนที่อยู่ที่นี่เข้านอนไปแล้วตีสองแล้วนี่นาพิธานก็ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้เขาบอกลูกน้องมาส่งที่นี่ ทั้งๆ ที่ในเวลานี้เขาควรจะกลับเพ้นท์เฮ้าส์ของตัวเองมากกว่า เพราะพรุ่งนี้เขามีประชุมแต่เช้า และเพ้นท์เฮ้าส์ที่ว่าก็อยู่บนชั้นสูงสุดของตึกบริษัท ส่วนคอนโดนี้อยู่ห่างจากบริษัทราวยี่สิบกิโล แต่เขาก็เลือกมาที่นี่...ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไ
“เสี่ยคะ!”ดอกแก้วเผลอขึ้นเสียงใส่ เมื่อจู่ๆ เสี่ยก็ผละออกห่าง เธอกำลังจะได้ขึ้นไปคว้าปุยเมฆนั่นอยู่แล้วเชียว แต่เสี่ยกลับทิ้งเธอไว้กลางทางดื้อๆ แบบนี้คนใจร้าย“เด็กดื้อ ขึ้นเสียงใส่ฉันเหรอ?”“ก็เสี่ย...”ดอกแก้วตื่นเต็มตาแล้ว สติต่างๆ กลับมาจนครบถ้วน เธอหันหน้าหนีไปอีกทางไม่ยอมพูดต่อ ทั้งอาย ทั้งกลัวอาย... ที่ตัวเองเผลอทำตัวเหมือนเป็นผู้หญิงร่านรัก แค่เขาผละออกห่างก็โวยวายหน้าไม่อายและกลัว... กลัวว่ากิริยานั้นจะทำให้เสี่ยรำคาญกัน คนแบบเสี่ยคงไม่เคยมีใครกล้าขึ้นเสียงใส่มาก่อน แล้วเธอล่ะ เก่งกล้ามาจากไหนกันถึงทำแบบนั้นพิธานขยับขึ้นไปคร่อมทับดอกแก้ว เขาใช้แขนยันกับฟูกนอนไว้เพื่อรับน้ำหนักของตัวเองบางส่วน เพราะไม่อยากทับเธอเต็มตัวดอกแก้วก็ตัวแค่นี้ พิธานกลัวว่าเธอจะถูกเขาทับจนแบนซะก่อน“เธอง่วงหรือเปล่า?” เขาถาม จงใจไม่พูดเรื่องที่ค้างคาต่อ เพราะมันไม่ได้สำคัญอะไร เขาไม่ใช่คนเอาแต่ใจที่จะโกรธเธอเพราะเรื่องแค่นี้ และที่สำคัญ เวลาที่ดอกแก้วขึ้นเสียงก็น่ารักดีเหมือนกัน “ว่ายังไง ง่วงไหม?”“ไม่ง่วงแล้วค่ะ”“ถ้าไม่ง่วง...”มือหนาขยับเข้ากอบกุมเต้ากลมผ่านเนื้อผ้าลื่นบาง เขาออกแรงบีบนวดเร้
“เสี่ยคะ! อ๊ะ!”ดอกแก้วบีบแขนแกร่งแน่น เมื่อเขาออกแรงดันกายเข้ามาอีกครั้งเธอรู้สึกเหมือนจะหายใจไม่ออก มันอึดอัดและตึงแน่นไปหมด ถึงพิธานจะช่วยใช้มือบดขยี้เกสรดอกแก้วเพื่อเรียกอารมณ์สวาทของเธอให้กลับมาอีกครั้ง แต่มันก็ช่วยได้ไม่มากและไม่ใช่แค่ดอกแก้วเท่านั้นที่ลำบาก พิธานเองก็ไม่ต่างกัน เขาไม่เคยเจอใครที่คับแน่นขนาดนี้มาก่อน มันแน่นจนเขารู้สึกตึงไปทั่วส่วนปลาย และมันก็เจ็บนิดๆ อยู่เหมือนกัน แต่คงเทียบกับที่ดอกแก้วรู้สึกไม่ได้เนื้อสัมผัสเนื้อโดยตรงให้ความรู้สึกที่แปลกใหม่ พิธานได้เรียนรู้ในวันนี้นี่เองว่าทำไมพวกผู้ชายถึงไม่อยากใส่ถุงยางกัน เพราะเซ็กซ์ที่ไม่มีอะไรมาขวางกั้นมันดีกว่าเห็นๆ ดีกว่าจนเขากลัวว่าตัวเองชอบมันจนเคยตัวพิธานก้มมองท่อนเนื้อที่จมหายเข้าไปในร่างกายของดอกแก้วได้เพียงแค่หนึ่งในสาม กลีบเนื้อของเธออ้าออกและบวมเต่งเพราะรับเอาความอวบใหญ่ของเขาเข้าไป แต่ความยาวที่ยังเหลืออยู่ภายนอกทำให้เขาเหงื่อตก พิธานคิดหนัก... ถ้ามัวแต่ชักช้าแบบนี้วันนี้คงไปไม่ถึงไหน และดอกแก้วเองก็จะเจ็บอยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆแต่ถ้าเขาใส่เข้าไปทีเดียวให้หมดล่ะ?พิธานโน้มตัวลง เขาซุกจมูกโด่งที่ซอกคอหอมกรุ
“ท่านครับ มีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ?”ลูกน้องคนสนิทอดใจไม่ไหว เอ่ยถามออกไปทั้งที่ใจก็กล้าๆ กลัวๆถ้าเมื่อวานพิธานแปลกไปแล้ว วันนี้ก็คงเรียกได้ว่าเปลี่ยนไปเป็นคนละคนตั้งแต่ขึ้นรถมาพิธานก็ไม่ได้พูดอะไรซักคำ แต่นั่นไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะเจ้าของบริษัทส่งออกน้ำหอมชื่อดังคนนี้ไม่ใช่คนช่างพูดอยู่แล้ว สิ่งที่แปลกคือคิ้วที่ขมวดเข้าหากันตลอดเวลา ทำให้มาร์คอดไม่ได้ต้องเอ่ยถามออกไปเพราะความเป็นห่วงจะว่าเรื่องงานก็คงไม่ใช่ ช่วงนี้งานทุกอย่างราบรื่นจนไม่มีทางเป็นต้นเหตุของคิ้วที่ขมวดเข้าหากันแน่นอยู่ตอนนี้แน่นอน ถ้าเป็นเรื่องสุขภาพก็คงไม่ใช่อีก ปกติเจ้านายเขาแข็งแรงยิ่งกว่าใคร แถมเพิ่งตรวจสุขภาพประจำปีมาและทุกอย่างก็ปกติดีหรือว่าจะเป็นเรื่องของคุณเนยมาร์คเพิ่งรู้จากเจ้านายว่าคุณเนยมาขอจบความสัมพันธ์ และท่านก็ให้เขาจัดการเรื่องโอนคอนโดให้เป็นชื่อเธอตามสัญญา มันไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น แต่เป็นครั้งแรกที่มาร์คกังวลว่าเรื่องนี้จะทำให้เจ้านายเปลี่ยนไปกับคุณเนย... พิธานเลี้ยงดูมานานที่สุดในบรรดาผู้หญิงทั้งหมด รู้ใจกันหลายอย่าง เรียกว่าเป็นคนโปรดก็ยังได้ ถึงแม้ว่าช่วงหลังๆ คุณเนยจะไม่ค
ฤกษ์ส่งตัวเข้าหอของพิธานกับดอกแก้วคือสองทุ่มตรง ที่จริงแล้วดาวเรืองหาฤกษ์ที่ดีกว่านี้ได้ แต่เพราะมันดึกเกินไปและพิธานไม่อยากให้คนท้องอ่อนๆ ต้องเข้านอนดึก เขาจึงขอแม่ยายให้หาฤกษ์ใหม่ให้เป็นช่วงหัวค่ำแทน ดังนั้นหลังจากพูดคุยบนเวทีเสร็จแขกที่มาร่วมงานก็ไม่ได้เห็นหน้าบ่าวสาวอีก รวมถึงเด็กๆ ทั้งสองก็มีพี่เลี้ยงพาไปอาบน้ำนอน กลายเป็นว่างานเลี้ยงฉลองงานแต่งที่ยิ่งใหญ่จบลงภายในระยะเวลาสั้นๆ แต่ก็เต็มไปด้วยความอบอุ่นที่ฝังอยู่ในใจแขกเหรื่อทุกคนไม่รู้ลืมห้องสวีทราคาคืนละสองหมื่นคือห้องหอในค่ำคืนนี้ พิธานกับดอกแก้วนั่งอยู่บนพื้น รอคอยให้ญาติผู้ใหญ่เข้ามาอวยพรก่อนส่งตัวตามพิธี อดีตเสี่ยหนุ่มตื่นเต้นจนมือชื้นเหงื่อ ถ้าตามพฤตินัยพิธานเข้าหอกับภรรยามานับครั้งไม่ถ้วนจนมีตัวน้อยคนที่สามแล้ว แต่ถ้าตามพิธีจริงๆ นี่เป็นครั้งแรก“ตื่นเต้นหรือคะ?” เสียงหวานเอ่ยถามสามี พิธานดูลุกลี้ลุกลนไม่เป็นตัวเองเหมือนเคย ลบภาพนักธุรกิจหนุ่มมาดขรึมไปจนหมด“ตื่นเต้นสิ ดอกแก้วไม่ตื่นเต้นเหรอ?”“ตื่นเต้นค่ะ”พิธานมองภรรยาที่ส่งยิ้มหวานมาให้ เธอบอกว่าตื่นเต้น แต่ท่าทางของดอกแก้วกลับดูปกติ “คงมีแค่คุณพิธานสินะที่อยู่ไม่สุข”
เสียงเปิดประตูห้องน้ำเรียกสายตาจากคนบนเตียงให้หันไปมอง พิธานวางหนังสือที่อ่านอยู่ลง ก่อนจะเดินเข้าไปโอบกอดภรรยาที่ดูอ่อนล้ากว่าปกติหลวมๆ“เหนื่อยมากไหม?”ช่วงนี้เป็นช่วงเตรียมตัวสำหรับงานแต่ง และเพราะงานแต่งที่จะจัดขึ้นไม่ใช่งานเล็กๆ เหมือนที่เชียงใหม่ เพื่อหน้าตาของเจ้าของบริษัทอย่างพิธานจึงทำให้งานที่ควรจะสบายๆ กลับจริงจังขึ้น ข่าวการแต่งงานแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว สื่อหลายสื่อให้ความสนใจทั้งยังขอสัมภาษณ์ราวกับพิธานเป็นดาราดัง แม้จะไม่ชอบใจแต่พิธานก็ปฏิเสธไม่ได้ เพราะการได้พื้นที่สื่อก็มีประโยชน์กับบริษัทของเขามากพอสมควรพิธานเลยจัดการนัดสื่อทั้งหลายให้มาสัมภาษณ์ที่เพนท์เฮ้าส์ โดยมีข้อแม้ว่าเขาอนุญาตให้แต่จะสำนักส่งทีมงานมาได้ไม่เกินสองคนเท่านั้น เพราะกลัวว่าเด็กๆ จะตื่นเพราะเจอคนเยอะเด็กๆ ที่ว่าหมายถึงลูกชายและลูกสาวของพิธานกับดอกแก้ว ส่วนหนึ่งที่สื่ออยากสัมภาษณ์เป็นเพราะเด็กปริศนาสองคนนี้ด้วย พิธานไม่ค่อยพาลูกออกงานที่ไหน และการสัมภาษณ์ในครั้งนี้ก็จะเป็นการเปิดตัวอย่างจริงจังครั้งแรก“เหนื่อยค่ะ”ดอกแก้วไม่โกหก เธอเหนื่อยเหมือนตัวจะขาด วันนี้เธอต้องไปลองชุดเจ้าสาวที่จะใช้ในงานทั้งห
สามปีต่อมา.“พี่ดล ไหนกระเป๋าที่คุณยายให้คับ?”“นี่คับ!”“น้องดาว ชุดที่คุณปู่ซื้อให้ไม่อึดอัดเกินไปใช่ไหมคะลูก?”“ม่ายค่า”“ดีมาก ถ้าอย่างนั้นเราไปรอแด๊ดดี้กับคุณแม่ที่รถกัน”“เย้ๆ”เสียงเจี๊ยวจ๊าวของสองเด็กและสองผู้ใหญ่เงียบหายไป แทนที่ด้วยเสียงหัวเราะของคนเป็นพ่อและแม่ ดอกแก้วที่กำลังเก็บของชิ้นสุดท้ายใส่กระเป๋าส่ายหน้าไปมาด้วยความเอ็นดู ส่วนพิธานเองก็อมยิ้มเพราะเสียงสดใสของลูกๆ ที่เป็นเหมือนยาวิเศษช่วยเติมเต็มพลังชีวิตให้กับเขาแค่ตื่นมาแล้วได้ยินเสียงลูกทุกวัน แค่นี้คนเป็นพ่อก็มีความสุข มีแรงทำงานได้ทั้งวันแล้ว“คุณลืมอะไรหรือเปล่าคะ?” เสียงหวานของดอกแก้วเอ่ยขึ้น ดวงตากวางกวาดมองไปทั่วห้องเพราะกลัวว่าจะหลงลืมอะไรวันนี้เธอและครอบครัวจะไปเที่ยวทะเลกัน เป็นครั้งแรกในรอบปีที่มีเวลามากพอจนพาลูกๆ ไปเปิดหูเปิดตาได้ ไม่ใช่ว่าเธอและพิธานงานยุ่งจนไม่มีเวลาว่าง แต่เพราะตอนนี้พนธกรใกล้ขึ้นชั้นประถมหนึ่งแล้ว ส่วนพริบพราวดาว ลูกสาวอีกคนก็เรียนเตรียมอนุบาลอยู่ คนที่ไม่มีเวลาคือเด็กๆ ทั้งสองคนต่างหาก“เหมือนจะลืมนะ”“ลืมอะไรคะ-“ ยังไม่ทันได้ถามจนจบ แก้มใสก็ถูกจมูกโด่งกดลงมาแนบแน่นฟอด!“คุณพิธ
“น้องดล ไหนเรียกแด๊ดเร็วเข้า แด๊ด”“แด๊ะ”“ไม่ใช่ลูก แด๊ด ไม่แด๊ะ”“แด๊ะ”“เฮ้อ...”พิธานหมดแรงจะสอนเจ้าตัวแสบ ร่างสูงทิ้งตัวลงนอนในคอกกั้นที่ปูด้วยพื้นนุ่มสำหรับลูก และเมื่อพนธกรเห็นพ่อนอนหมดแรงอยู่ก็คิดว่าอีกฝ่ายจะเล่นด้วย“อุ่ก! ตัวแสบ ตัวหนักแบบนี้กระโดดลงมาได้ยังไง”“คิก คิก”“หัวเราะงั้นเหรอ? มาให้แด๊ดฟัดพุงซะโดยดีเจ้าอ้วน”“มะ... คิกๆ กรี๊ด!!”เสียงหัวเราะสลับกับเสียงกรี๊ดทำให้คนเป็นแม่อดใจไม่ไหว ดอกแก้วละมือจากงานที่ทำค้างไว้ ก่อนจะเดินมาดูว่าสองพ่อลูกเขาเล่นซนอะไรกันภาพที่เธอเห็นคือร่างใหญ่ของสามีนอนหงายอยู่บนพื้น โดยที่บนตัวมีร่างอวบอ้วนของลูกชายนอนทับอยู่ ใบหน้าคมพยายามก้มลงฟัดพุงเจ้าตัวแสบ และนั่นคือสาเหตุที่พนธกรทั้งหัวเราะและกรี๊ดลั่นบ้านแบบนี้“คุณพิธาน”ดอกแก้วยืนดูซักพัก เมื่อเห็นว่าลูกเริ่มเหนื่อยแล้วจึงเรียกสามีไว้“พอแล้วค่ะ เดี๋ยวคืนนี้น้องดลเก็บเอาไปฝัน”คำเตือนของดอกแก้วทำให้พิธานหยุดชะงักแทบจะทันที ใบหน้าคมบิดเบี้ยวเล็กน้อย เมื่อนึกถึงวีกรรมของลูกชายเมื่ออาทิตย์ก่อนพิธานเป็นผู้ชาย และพนธกรเองก็เป็นลูกชาย การเล่นกับลูกของพิธานจึงค่อนข้างหวาดเสียวตามประสา พิธาน
หลังจากคลอดลูกชายคนแรกได้ห้าวัน ดอกแก้วก็ได้รับอนุญาตจากหมอน้ำให้กลับมาพักที่บ้านได้พิธานยังคงแย้งเหมือนเคย ชายหนุ่มกังวลไปสารพัด ต่างจากดอกแก้วที่อยากกลับบ้านเต็มทน เธอไม่ชอบนอนโรงพยาบาลเท่าไหร่ และเธอก็ไม่ได้เจ็บตรงไหนแล้วด้วยโต้แย้งกันอยู่นานสุดท้ายพิธานก็เป็นคนแพ้ แม้ไม่เต็มใจแต่เขาก็ขัดภรรยาไม่ได้ สิ่งเดียวที่เขาทำได้คือขอให้คนเป็นอาช่วยงานอีกซักพัก เพราะตนอยากใช้เวลาอยู่กับลูกในช่วงแรกให้มากเท่าที่จะทำไดใครๆ ก็รู้ว่าเหตุผลที่พิธานพูดนั้นเป็นแค่ข้ออ้าง คุณพ่อมือใหม่ทำราวกับว่าที่ทำงานกับบ้านที่อยู่อาศัยไกลกันมากมาย ทั้งๆ ที่ความจริงห่างกันเพียงไม่กี่ชั้น ใช้เวลาไม่ถึงสองนาทีก็กลับมาหาลูกได้โดยไม่ต้องกระทบกับงานที่ทำ แต่เพราะพิธานกังวลมากเกินไป รวมถึงเห่อลูกชายตัวน้อยที่ยังไม่รู้ความจนไม่อยากไปทำงานก็เท่านั้น“กินเก่งจังเลยลูกชาย”ชายร่างสูงใหญ่นั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงหนุ่ม ตาคมจ้องมองแก้มป่องๆ ที่ขยับขึ้นลงยามที่ได้ดูดกลืนน้ำนมจากมารดา ลูกชายของเขาช่างเลี้ยงง่ายเหลือเกิน นอกจากกินนมเป็นตั้งแต่ครั้งแรกแล้ว ยังไม่เคยงอแงไม่มีเหตุผลนอกเสียจากเวลาที่ท้องหิวพนธกร ลูกชายของดอกแก้วแล
สัปดาห์ที่สามสิบสอง ดอกแก้วรู้สึกเหนื่อยง่ายกว่าเดิม เธอไม่สามารถเข้าครัวช่วยแม่ทำกับข้าว หรือลุกเดินเร็วๆ ได้เหมือนปกติ และนั่นทำให้จิตใจของคุณแม่อ่อนแอลงคนท้องเจ็ดเดือนลุกเข้าห้องน้ำด้วยความยากลำบาก ดอกแก้วแม้ก่อนตั้งท้องจะไม่ใช่ผู้หญิงผอมบาง ทั้งยังมีเนื้อหนังให้กอดเล่นชื่นใจ แต่ก็นับว่าเป็นผู้หญิงไซส์มินิคนหนึ่ง เมื่อตั้งท้อง ร่างกายเล็กๆ ที่ต้องมารับน้ำหนักของลูกชายที่โตได้โตดีก็พาลให้ปรับตัวไม่ทัน เธอจำได้ว่าเมื่อเดือนก่อนเธอยังใช้ชีวิตได้ตามปกติ ท้องแรกเล็กจนถ้าไม่ใส่เสื้อผ้ารัดรูปคงดูไม่ออก แต่มาเดือนนี้หน้าท้องเธอกลับขยายใหญ่อย่างรวดเร็วจนอึดอัดไปหมด“อึ่ก” ฟันขาวกัดปากตัวเองไว้แน่น ดวงตากลมฉ่ำน้ำมองไปที่ร่างสูงใหญ่ของสามีที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียง อาทิตย์นี้พิธานทำงานหนัก แต่ยังต้องคอยตื่นขึ้นมากลางดึกเพื่อพาร่างอุ้ยอ้ายของเธอเข้าห้องน้ำทุกวัน ยิ่งท้องแก่ดอกแก้วก็ยิ่งเข้าห้องน้ำบ่อย พิธานเองก็ตื่นขึ้นมาทุกครั้งที่เธอร้องขอไม่เคยบ่น แต่ดวงตาคู่คมฉายแววเหนื่อยล้าทุกเช้าจนครั้งนี้ดอกแก้วไม่กล้าร้องขอความช่วยเหลืออีก“คนเก่ง”มือบางลูบหน้าท้องที่ขยับเป็นคลื่นเมื่อคนที่อยู่ภายในป
ช่วงที่อุ้มท้องลูกคนแรก เวลาในแต่ละวันของดอกแก้วช่างผ่านไปเร็วเหลือเกินสัปดาห์ที่สิบหกของการตั้งครรภ์ นันทิดาบอกกับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ว่าช่วงนี้จะสามารถเห็นเพศของเจ้าตัวน้อยได้แล้ว ทั้งดอกแก้วและพิธานจึงลงความเห็นไปในทางเดียวกันว่าจะดูเพศลูกน้อยไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะจะได้เตรียมตัวถูก คุณปู่และคุณยายเองก็เห็นดีเห็นงามด้วยและโชคดีเหลือเกินที่เจ้าตัวน้อยไม่ขี้อายพิธานมองภาพของลูกน้อยด้วยความยินดี สายตาคมเข้มอ่อนลงจนบรรยากาศในห้องตรวจเต็มไปด้วยหมอกไอที่แสนอบอุ่น“ผู้ชาย ดูสิ... เปิดโชว์ไม่อายใครเลยหลานอา”นันทิดาชี้ให้คนเป็นพ่อและแม่ดูเพศของลูก หลานเธอคนนี้ไม่ขี้อาย พอรู้ว่าจะถูกดูเพศก็อวดโชว์สิ่งที่พ่อให้มาราวกับภาคภูมิใจนักหนา“ผู้ชายจริงๆ ด้วย”“ทำไมพูดเหมือนรู้อยู่แล้วคะ?”ดอกแก้วอดถามสามีไม่ได้ ตลอดเวลาที่ผ่านมาพิธานไม่เคยพูดว่าอยากมีลูกเพศไหน ไม่เคยบอกเธอว่าคิดเรื่องเพศของลูกไว้แล้ว เพราะแบบนั้นเธอเลยค่อนข้างแปลกใจ สามีเธอแอบไปคิดมาตอนไหนว่าลูกคนนี้ต้องเป็นผู้ชาย?“จำวันที่เราแต่งงานกันได้ไหม?” พิธานถามกลับ รอจนภรรยาพยักหน้าเล็กน้อยจึงเฉลยออกมา “ที่แม่เฒ่าบอกว่าผู้ชาย ฉันคิดว่าท่
ทุกอย่างเป็นไปตามที่คุณพิธานพูดไว้ไม่มีผิด คุณพิธานบอกว่าเจ้น้ำจะไม่โกรธเธอ และเจ้น้ำก็ไม่โกรธเธอจริงๆ จะมีก็แค่ความตกใจจนพูดไม่ออกไปหลายนาทีหลังจากเธอเล่าเรื่องทุกอย่างจบก็เท่านั้นต่างจากคุณทิม เพื่อนของคุณพิธานที่ดอกแก้วเคยได้เจอมาแล้วครั้งหนึ่ง รายนั้นนอกจากจะไม่ตกใจแล้ว เขายังปรบมือเสียงดังอย่างชอบใจอีก“อะไร” พิธานตวัดสายตาเข้มๆ ไปที่เพื่อน แต่นั่นไม่ได้ทำให้รอยยิ้มของคนทะเล้นหายไป“ฉันปรบมือให้ตัวเอง”“เพื่อ?”“เพื่อชื่นชมความเก่งของตัวเองไง” หนุ่มลูกครึ่งตอบด้วยสำเนียงไทยชัดถ้อยชัดคำ ไม่ยี่หระกับสายตาเอือมระอาของเพื่อน “เดาไว้แล้วไม่มีผิดว่าคนนี้ต้องกลายเป็นตัวจริงของเสี่ยพิธาน”“เลิกเรียกว่าเสี่ยได้แล้ว” พิธานพูดด้วยน้ำเสียงปกติ แต่ทำไมคนเป็นเพื่อนจะไม่รู้ว่าเจ้าตัวกำลังจริงจังแค่ไหนทีเมื่อก่อนล่ะชอบให้ผู้หญิงมาเรียกเสี่ยคะเสี่ยขา แต่พอมีเมียเป็นตัวเป็นตนเข้าก็สั่งให้เลิกเรียกเด็ดขาดเชียว...“ไม่เสี่ยก็ไม่เสี่ย” ทิมไม่อยากเถียงกับเพื่อ ชายหนุ่มหน้าตาค่อนไปทางตะวันตกหันไปมองภรรยาเพื่อนแทน “ยินดีด้วยนะดอกแก้ว”“ขอบคุณค่ะ”เรื่องที่ทิมแสดงความยินดีไม่ใช่แค่เรื่องความสัมพันธ์ของ
หลังจากจับภรรยาเปลี่ยนเสื้อผ้าจนเรียบร้อยกว่าเดิมแล้ว พิธานก็จับจูงมือดอกแก้วไปที่ห้องรับประทานอาหาร เมื่อเปิดประตูเข้าไปเขาก็พบว่าทุกคนอยู่ด้วยกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาทั้งแด๊ดของเขาที่กำลังนั่งคุยกับอาพัลลภอย่างออกรสเพราะไม่ได้เจอหน้ากันมานาน แม่ดาวเรืองที่กำลังตักข้าวให้ทุกคน รวมถึงเกวลินที่วันนี้แปลงร่างเป็นลูกมือของแม่ดาวเรืองหนึ่งวัน“ธานมาแล้ว” อาพัลลภพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าหลานชายจูงมือผู้หญิงอีกคนเข้ามา ชายวัยกลางคนพยักหน้ารับเบาๆ เมื่อดอกแก้วยกมือขึ้นไหว้ “นี่เหรอหลานสะใภ้?”“อาครับ อย่าทำเสียงดุสิ”“อาก็พูดปกตินะธาน” พัลลภเถียง เขาสาบานว่าเขาไม่ได้ทำเสียงดุเลยแม้แต่นิดเดียว แต่แม่หนูคนนั้นกลับไม่กล้าสบตาเขา แถมยังหลบอยู่ด้านหลังของพิธานไม่ยอมโผล่หน้าโผล่ตาออกมาอีก“ช่วงนี้ฮอร์โมนของดอกแก้วเขาแปรปรวนน่ะลภ เขาอ่อนไหวง่าย” คนเป็นพี่ชายกระซิบบอกน้อง พัลลภพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะปรับเสียงให้อ่อนลงกว่าปกติ“หนูดอกแก้ว ไม่ต้องกลัวอานะ อาใจดีกว่าพิธานเยอะ ไม่เชื่อถามเกวลินสิ”“อาครับ” พิธานโอดครวญ เรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนได้เป็นอย่างดี รวมถึงดอกแก้วที่เริ่มหายกลัวด้วย“มานั่งนี่สิดอกแก้ว