“เสียขา”
เสียงหวานครางกระเส่า เรียวขาโอบรัดเอวสอบไว้แน่น ปากบางห่อเป็นตัวโอเมื่อคนที่อยู่บนร่างขยับกายกระแทกกระทั้นรุนแรงขึ้น
เตียงนุ่มขยับไหวยวบ หัวเตียงกระแทกกับพนังห้องดังกึกๆ แต่ไม่มีใครสนใจ เพราะกำลังจมอยู่กับบทเพลงสวาทของกันและกัน
“เสียขา เนยใกล้แล้วค่ะ ซี้ดดด”
หญิงสาวผิวขาวผ่องสูดปากราวกับกำลังกินของเผ็ดร้อน ขาที่เคยรัดเอวสอบคลายลง ก่อนจะอ้าออกกว้างให้ เสี่ย เข้ามาได้ลึกขึ้น
“ขมิบหน่อย”
“อ๊า!”
“รัดฉันอีกเนย”
เสียงทุ้มบอกย้ำ เมื่อสาวเจ้าเอาแต่จมอยู่กับอารมณ์ของตัวเอง จนหลงลืมหน้าที่ที่ต้องปรนนิบัติเขา
“ไม่ไหวแล้วค่ะเสี่ย อ๊ะ อ๊า!”
ภายในกระตุกตอดรัด พิธานหลับตาลงเพื่อซึมซับความรู้สึกนั้น แต่เพียงไม่นาน... กล้ามเนื้อภายในของอีกฝ่ายก็คลายตัวเหมือนเดิม
ตาคมลืมขึ้น มองไปยังร่างอวบอิ่มที่หลับตานอนหอบหายใจอยู่ใต้ร่าง เธอเสร็จสมแล้ว แต่เขายัง และไม่มีวี่แววว่าจะถึง
พิธานขยับกายออกห่าง ท่อนลำที่ยังแข็งขืนหลุดออกจากช่องทางของอีกฝ่าย เนยพลิกตัวตะแคงข้างหันหลังให้ ก่อนจะหลับไปทันที
ไม่รู้ว่าเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้ว ที่เด็กที่เขาเลี้ยงไว้คนนี้ตอบสนองได้ไม่เหมือนเมื่อก่อน เธอไม่ค่อยเอาใจเขา ไม่สนใจความต้องการของเขา และบางครั้งเธอก็หนีหลับไปก่อนดื้อๆ แบบนี้
พิธานเลี้ยงเด็กคนนี้มานานราวสองปีเศษ จำได้ว่าเขาเจอเนยที่ผับแห่งหนึ่ง ทั้งรูปร่างและหน้าตาของเธอทำให้เขารู้สึกถูกใจมาก และเธอเองก็ดูจะถูกใจเขาไม่น้อยเหมือนกัน เพราะหลังจากนั้นเธอก็เดินเข้ามาหา แล้วพวกเราก็มีวันไนท์แสตนด์ที่เร่าร้อนด้วยกันจนเกือบเช้า
มันเป็นเซ็กซ์ที่วิเศษกว่าที่คาดหวังไว้ ตอนนั้นเนยอายุแค่ยี่สิบเอ็ด แต่กลับมีประสบการณ์ที่น่าทึ่ง พิธานรู้สึกติดใจจึงถามออกไปว่าเธอต้องการจะมาเป็นเด็กของเขาไหม พร้อมยื่นข้อเสนอที่ไม่มีฝ่ายใดต้องเสียเปรียบให้ แล้วเธอก็ตกลง
จากวันนั้นจนถึงวันนี้ สองปีกว่าๆ มันคงเป็นระยะเวลาที่ยาวนานเกินไปสำหรับความสัมพันธ์ที่มีแต่เซ็กซ์แบบนี้ เขายังไม่ได้เบื่อเนย แต่เป็นอีกฝ่ายมากกว่าที่เริ่มเบื่อเขา เพราะความเอาอกเอาใจที่เคยมีลดน้อยลง รวมถึงเซ็กซ์ที่แย่ขึ้นทุกวัน
พิธานแค่รอเวลา รอให้อีกฝ่ายเอ่ยปากขึ้นก่อน ถึงเวลานั้นเมื่อไหร่เขาก็พร้อมจะปล่อยเธอไป เหมือนที่เขาเคยปล่อยผู้หญิงคนอื่นๆ ไปเมื่อเธอเหล่านั้นต้องการอิสระ
ร่างสูงใหญ่ที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อลุกขึ้นยืน เขารูดถุงยางออกจากท่อนเนื้อที่ยังแข็งเหมือนหินทิ้งลงถังขยะ ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป
.
.
“ไม่ได้งานอีกแล้วเร๊อะ!”
“แล้วเจ้จะตอกย้ำฉันทำไมเล่า”
ดอกแก้ว หญิงสาววัยยี่สิบสองย่างยี่สิบสามปีนั่งหน้างอ ตั้งใจจะมาหาที่ปรึกษา ไม่ใช่คนซ้ำเติม
เธอเรียนจบมาได้ครึ่งปีแล้ว แต่จนตอนนี้ก็ยังไม่ได้งานทำเป็นหลักเป็นแหล่ง เกียรตินิยมอันดับหนึ่งไม่ได้ช่วยอะไรเลยเพราะเธอไม่มีประสบการณ์ทำงานมาก่อน งานแปลเอกสารที่รับทำตั้งแต่สมัยเรียนก็เริ่มไม่มั่นคง คนจ้างน้อยลงตามสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน แต่ค่าใช้จ่ายทุกอย่างกลับเพิ่มมากขึ้น เงินที่เคยมีเก็บร่อยหรอลงไปเรื่อยๆ ถ้าสิ้นปีนี้ยังไม่ได้งานประจำทำ เธอคงต้องย้ายออกจากอพาร์ทเมนต์ที่อยู่ปัจจุบัน แล้วไปหาห้องเช่าที่ราคาถูกกว่าอยู่แทน และก็ต้องเสี่ยงเจอพวกขี้เหล้าขี้ยาตามราคา ซึ่งเธอก็ได้แต่ภาวนาว่าอย่าให้วันนั้นมาถึงเลย
“งานสมัยนี้มันหายาก แกดูเศรษฐกิจสิ ไม่ค่อยมีใครอยากรับคนเพิ่มหรอก มีแต่จะไล่ออกเพื่อลดค่าใช้จ่าย”
“รวมถึงที่ผับเจ้ด้วยเหรอเจ้น้ำ”
“โอ้ย! อย่าพูดถึงเลย!” เสียงแหลมสูงปรี๊ด โบกพัดในมือไปมาเพื่อคลายความร้อนเนื้อร้อนใจ “แขกมาเที่ยวน้อยลงทุกวัน ฉันยังไม่รู้ตัวเลยว่าจะถูกเด้งออกวันไหน”
“เฮ้อ! ขนาดงานในผับยังลำบากแบบนี้ สงสัยฉันคงต้องไปทำงานร้านสะดวกซื้อแล้วล่ะมั้ง”
“ถ้าคิดว่าทำไหวก็ลองดู” เจ้น้ำไม่ห้ามปราม ทั้งยังสนับสนุน “แต่ถ้าไม่อยากลำบาก เจ้มีงานดีๆ มาแนะนำให้แก”
“งานอะไร เงินดีหรือเปล่าเจ้?”
“ก็ดี งานสบาย แต่...”
“แต่อะไรเจ้?”
.
“เป็นเด็กเสี่ย!!?”
“ชู่ว!!! เบาๆ สิวะ เดี๋ยวใครได้ยินก็เอาไปนินทาหรอก!”
“ก็ดูเจ้พูดสิ แนะนำอะไรให้ฉันก็ไม่รู้”
“ไม่ใช่อะไรก็ไม่รู้ แต่ฉันกำลังชี้ทางสว่างให้แกนะ” น้ำพูดเสียงกระซิบ “แกก็ไม่ใช่ขี้ริ้วขี้เหร่ หุ่นก็ดี นมก็ใหญ่ ตัวก็ขาวเป็นหยวกกล้วย แบบนี้หาเสี่ยเลี้ยงซักคนไม่ยากหรอกเชื่อเจ้!”
“แต่ฉันไม่อยากเป็นเมียน้อยใคร!”
“เมียน้อยอะไร? เสี่ยบางคนยังไม่มีเมียยังไม่ได้แต่งงานด้วยซ้ำ”
“จะเชื่อได้ยังไงล่ะเจ้”
“เชื่อได้สิ ก็เพราะไม่อยากมีพันธะนี่แหละ ผู้ชายรวยๆ เขาถึงนิยมรับเลี้ยงเด็กกัน แต่แกก็ต้องยอมรับให้ได้ว่าแกจะไม่ใช่เด็กคนเดียวของเขา นอกจากแกจะมัดใจเขาได้อยู่หมัด แล้วเขายอมตบแต่งให้แกเป็นเมียออกหน้าออกตา”
“มันมีแบบนั้นด้วยหรือไง นี่ชีวิตจริงนะเจ้ ไม่ใช่ละครน้ำเน่า”
“ก็ไม่มีน่ะซี่! ฉันก็แค่พูดไปงั้นแหละ” เจ้น้ำตอบทันควัน ไม่ปล่อยให้ดอกแก้วได้นึกเพ้อฝันตาม “ก็ฉันบอกแล้วว่าผู้ชายพวกนั้นไม่ได้อยากมีครอบครัว เขาอยากได้แค่เซ็กซ์ ได้ระบายความใคร่ ส่วนเด็กที่เลี้ยงไว้ก็จะได้เงิน ได้ข้าวของที่ต้องการ ถ้าผู้หญิงคนไหนรับเรื่องนี้ได้ก็ถือว่าวินวิน”
“แต่มันไม่ถูกต้องเลยนะเจ้...”
ดอกแก้วพูดเสียงแผ่ว เธอก้มหน้าลงจนคางแทบชิดอก เจ้น้ำพูดออกมาเหมือนเป็นเรื่องปกติ แต่เธอกลับรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้อง ผู้หญิงที่ดี ก็ต้องเก็บร่างกายไว้ให้สามีในอนาคตเพียงคนเดียวไม่ใช่เหรอ?
“ไม่ถูกต้องยังไง”
“เรา...ควรเสียตัวในวันแต่งงาน”
“โอ้ย!! นี่ฉันอยู่ในยุคไหนเนี่ย!?” น้ำแทบจะเอาเท้าก่ายหน้าผากตัวเอง เพราะไม่คิดว่าจะยังเหลือคนที่หวงความบริสุทธิ์อยู่ใกล้ตัวแบบนี้
เธอทำงานในผับตั้งแต่อายุยี่สิบ จนตอนนี้เกือบจะสามสิบอยู่แล้ว สังคมของเธอมีแต่สาวๆ ที่ผ่านประสบการณ์ชีวิตมามากมาย จนได้รู้จักและสนิทกับดอกแก้วตอนที่เจ้าตัวย้ายเข้ามาอยู่ในอพาร์ทเมนต์เดียวกันนี่แหละ นับนิ้วดูก็เกือบสี่ปีได้แล้ว
น้ำเห็นว่าดอกแก้วอยู่คนเดียวมาตลอด ทั้งเรียนทั้งทำงานส่งตัวเองเรียนงกๆ ดอกแก้วไม่มีครอบครัว หรืออาจจะมีแต่ไม่เคยพูดถึง เธอเป็นเด็กดี ทั้งทำงานและเรียนไปด้วยจนเรียนจบเกียรตินิยมอันดับหนึ่งจากมหาวิทยาลัยมีชื่อ
ดอกแก้วเป็นเด็กที่มั่นใจในตัวเอง ไม่ได้เรียบร้อยสนิมสร้อยเหมือนเด็กสาวที่ต้องสู้ชีวิตทั่วไป พอเรียนจบก็มุ่งมั่นหางานประจำทำทันที แต่สุดท้ายพิษเศรษฐกิจก็ทำร้ายเด็กจบใหม่จนได้ เพราะผ่านมาครึ่งปีแล้วดอกแก้วก็ยังหางานทำไม่ได้
น้ำก็แนะนำอะไรมากไม่ได้ ชีวิตเธออยู่แต่ในที่อโคจร ถ้าจะแนะนำได้ ก็มีแต่อาชีพแบบนั้น...
“ก็มันจริงนี่...”
“ไม่จริงเสมอไปหรอก” น้ำเถียงทันควัน มือเรียวดันคางของดอกแก้วขึ้นเพื่อให้หญิงสาวได้สบตากับตัวเอง “ฟังเจ้นะดอกแก้ว เจ้เสียตัวครั้งแรกให้แฟนเจ้ คนที่บอกว่ารักเจ้นักรักเจ้หนา บอกว่าได้เจ้แล้วจะให้พ่อแม่มาขอ แต่สุดท้ายพอเจอคนใหม่มันก็ทิ้งเจ้ไปแทบไม่เห็นฝุ่น”
“เจ้...”
“เจ้พิสูจน์แล้วว่าความบริสุทธิ์มันไม่ได้ทำให้ผู้ชายมักมากเลิกสำส่อน และก็ไม่ได้ทำให้ผู้ชายเทิดทูนเราเหมือนที่เรามโนไว้ด้วย”
“.....”
“ในเมื่อพวกผู้ชายยังไม่เคยสนว่าตัวเองจะนอนกับใครมาบ้าง แล้วผู้หญิงอย่างเราจะสนไปทำไม? หรือถ้าแกจะรอให้มีผู้ชายมาขอแต่งงาน ก่อนแต่งแกก็ลองถามดูว่ามันยังซิงอยู่หรือเปล่า เจ้เอาหัวเป็นประกันเลยว่าต้องเคยขึ้นครูมาแล้วแน่ๆ”
“.....”
“ลองคิดดูนะ ว่าแกอยากเสียตัวให้ผู้ชายที่ไม่เห็นค่า หรืออยากจะเสียตัวแล้วสบายไปทั้งชาติถ้ารู้จักเก็บออมเงินที่เสี่ยเขาให้”
“ฉัน...”
“เอาเถอะ เจ้ไม่ได้บังคับ ก็แค่แนะนำทางเลือกให้เผื่อว่าแกจะสนใจ เจ้เห็นแกมาตั้งแต่เพิ่งขึ้นมหาวิทยาลัยปีแรกๆ ทั้งทำงานและเรียนหนักจนหัวฟู ก็เลยอยากเห็นแกสบายบ้าง”
“ขอบใจเจ้มากนะ แต่ฉัน... ไม่สนใจจริงๆ”
น้ำได้ฟังแบบนั้นก็ยิ้มบาง มือเรียวลูบผมนุ่มสลวยของหญิงสาวรุ่นน้องเบาๆ
“เป็นเด็กดีจังนะดอกแก้ว เจ้ขอให้แกได้เจอผู้ชายดีๆ ให้สมกับความดีของแกก็แล้วกัน”
พูดจบร่างบางก็ลุกขึ้นจากม้าหินอ่อนและเดินสะบัดก้นจากไป ดอกแก้วมองตามเจ้น้ำจนลับสายตา ก่อนตากลมจะหลุบลงมองมือตัวเอง สิ่งที่เจ้น้ำพูดวนเวียนอยู่ในหัวครู่ใหญ่ แต่สุดท้ายแล้วเธอก็สลัดมันทิ้งไป
“ทางลัดมันไม่มีอยู่จริงหรอกดอกแก้ว ตั้งใจหางานต่อไปเถอะ มันต้องมีซักที่สิที่รับเธอ”
เคยไหม? ยิ่งเราพยายามมากเท่าไหร่ ก็เหมือนว่าสิ่งที่ต้องการจะยิ่งห่างไกลออกไปเรื่อยๆ .“ตอนนี้ทางบริษัทเรายังไม่ต้องการคนเพิ่ม...”“แล้วเราจะติดต่อกลับไป...”“คุณน่าสนใจมากนะครับ แต่น่าเสียดายที่ตำแหน่งที่คุณต้องการเรามีเพียงพอแล้ว สนใจตำแหน่งอื่นดูไหม...”.ดอกแก้วสะบัดรองเท้าส้นสูงราคาถูกที่กัดเท้าจนเจ็บออก ถอดสูทตัวนอกแขวน ก่อนจะทิ้งตัวลงบนที่นอนแข็งๆหนึ่งเดือนที่ผ่านมา เธอได้ฟังแต่ประโยคพวกนั้นจนเบื่อ ได้ยินจนแค่คนพวกนั้นอ้าปาก เธอก็รู้แล้วว่าเขาจะพูดอะไร ไม่ใช่ว่าเธอเลือกงาน แต่บริษัทสมัยนี้กดเด็กจบใหม่มากเกินไป ทั้งเงินเดือน และตำแหน่งที่ยากจะเติบโต.“ตำแหน่งอะไรคะ?”ดอกแก้วจำได้ว่าเธอถามออกไปด้วยความดีใจ ตอนนี้ต่อให้ไม่ใช่ตำแหน่งที่ตรงกับด้านที่เธอจบมา เธอก็พร้อมจะพิจารณา ถ้าเงินเดือนมันเพียงพอกับรายจ่ายในแต่ละวัน“แม่บ้าน”เขาพูดออกมาด้วยใบหน้าเรียบนิ่งไม่ทุกข์ร้อนอะไรทั้งนั้น ดอกแก้วอ้าปากค้างเหมือนปลาขาดอากาศ ก่อนจะถามเสียงแผ่วว่าเงินเดือนเท่าไหร่ เขาตอบมาว่า...“ผมให้วันละสามร้อย วันไหนหยุดไม่ได้เงินนะ เพราะผมไม่ได้จะรับเป็นประจำ แค่พาร์ทไทม์น่ะ ไม่มีสวัสดิการอะไร อ้อ...
“ร้านนั้นน่ะเหรอ? แกเดินเข้าไปสมัครงานได้ยังไงดอกแก้ว!”“ก็ฉันเห็นว่าหน้าร้านแปะป้ายรับสมัครพอดี อีกอย่างตัวร้านก็ไม่ได้ดูแย่อะไร เหมือนร้านอาหารทั่วไป ก็เลยลองเข้าไปดู”“แล้วเป็นไง” น้ำเท้าสะเอว มองใบหน้าที่จืดเจื่อนของหญิงสาวนิ่งๆ“ก็...มีแต่แขกมือไว จับก้นฉัน แล้วก็...”“แล้วก็...?”“แล้วก็... เสนอให้ฉันไปกับเขา ให้ห้าร้อยเหมาทั้งคืน”“ทุเรศ!”น้ำทุบโต๊ะเสียงดังจนดอกแก้วสะดุ้ง ตากลมค่อยๆ เหลือบขึ้นมองพี่สาวที่เคารพเหมือนพี่แท้ๆ เจ้น้ำต้องโกรธเธอมากแน่ๆ“เจ้... ฉัน...”“ทุเรศ! ห้าร้อย? มันตีค่าแกแค่นั้นได้ยังไง!”“ฉันก็ไม่รู้...”“เอาเถอะ หลุดพ้นมาได้ก็ดีแล้ว” น้ำพยายามใจเย็นลง ดอกแก้วมันไม่ประสาอะไร ดุด่าไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา “ร้านนั้นน่ะ คนในวงการเขารู้กันดีว่าเบื้องหน้าเป็นร้านอาหาร แต่เบื้องหลังก็คือซ่องดีๆ นี่เอง”“ซะ ซ่อง!”“ใช่ มีแต่พวกคนชนชั้นแรงงานกรรมกรที่เข้าไปกินเหล้า แล้วก็ออฟเด็กออกไป เสนอเงินให้ต่ำๆ ถ้าเด็กร้อนเงินและยอมก็หวานปากมัน”“แต่พี่ผู้จัดการบอกว่า แขกที่ร้านมีระดับ...”“ระดับกรรมกรน่ะสิ!” น้ำไม่ได้พูดเกินจริง เพราะร้านนั้นมีแต่แขกแบบนั้น ใครๆ ก็รู้ดี “แล้วแกคิ
“ขออนุญาตค่ะ”“เธอเป็นใคร เข้ามาทำไมในนี้?”“เอ่อ...”คำทักทายที่ไม่เป็นมิตรจากคนในห้องทำให้ดอกแก้วหัวใจหล่นวูบ เสียงทุ้มดังกังวานช่างดุดันเหลือเกินทั้งๆ ที่เธอยังไม่ทันได้เงยหน้าขึ้นมองด้วยซ้ำ แต่เขาก็รู้ได้ทันทีว่าเธอไม่ใช่เจ้น้ำ“ว่ายังไง”“.....”มือที่ถือถาดเครื่องดื่มสั่นเทา ดอกแก้วน้อยไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมอง ได้แต่ยืนอ้ำอึ้งอยู่แบบนั้นทั้งๆ ที่รู้ดีว่าอาจจะทำให้เขาไม่พอใจได้“น้ำไปไหน เมื่อกี้ฉันเห็นอยู่ข้างนอก”“เจ้น้ำ... ติดธุระค่ะ”“มีธุระอะไรสำคัญกว่าฉันงั้นเหรอ?”ดอกแก้วไม่ตอบ เธอตอบไม่ถูก ไม่รู้ว่าต้องตอบแบบไหนถึงจะทำให้อีกฝ่ายพอใจ ร่างอิ่มรวบรวมความกล้า ก่อนจะค่อยๆ ขยับส้นสูงสี่นิ้วเข้าไปใกล้โซฟาเนื้อดี“ขออนุญาตเสิร์ฟนะคะ”เขาไม่ตอบรับแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ ดอกแก้วย่อตัวลงไปวางเครื่องดื่มบนโต๊ะกระจกอย่างถือวิสาสะ“เสร็จแล้วก็ออกไป ฉันอยากอยู่คนเดียว”ดอกแก้วหน้าชา เขาไล่... เขากำลังไล่เธออยู่จริงๆ น้ำเสียงเขาไม่สบอารมณ์ยิ่งกว่าตอนแรก ถ้าเธอยังทนอยู่ก็คงหน้าด้านเต็มทนแต่เธอไม่มีเงินแล้วนะ!เสียงในใจดังค้านจนดอกแก้วหยุดชะงัก นั่นสิ... เธอไม่มีเงินแล้ว เธอมาที่นี่เพราะอยากสบาย
กึกดอกแก้วมั่นใจว่าตัวเองขยับกายแค่เพียงแผ่วเบา แต่ก็ยังไม่วายเกิดดังเสียงจนคนข้างๆ หันกลับมามอง“เอ่อ...”“...?”ใบหน้าของเขามีคำถาม แต่กลับไม่ได้ถามออกมา ดอกแก้วเองก็ไม่ยอมพูด จนในที่สุดก็เกิดความเงียบขึ้นอีกครั้งอึดอัด แต่ไปไหนไม่ได้ดวงตาโตสวยมองไปด้านนอก บรรยากาศสี่ทุ่มของเมืองหลวงช่างสดใส แม้ไร้แสงอาทิตย์ แต่ก็ยังมีแสงไฟจากร้านรวงและที่พักอาศัยกระจายไปทั่วรถคันหรูแล่นไปตามทางของมัน ดอกแก้วไม่รู้ว่าตัวเองกำลังจะไปที่ไหน ไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร เธอรู้แค่ว่า… วันนี้เธอได้ตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตลงไปแล้วตัดสินใจ... ขายเรือนร่างให้ใครคนหนึ่งที่ไม่รู้จัก เพื่อแลกกับเงินและความสะดวกสบายศักดิ์ศรีของเธอ... ในวันนี้เธอขายมันไปแล้ว..นั่งได้ไม่ถึงยี่สิบนาทีดอกแก้วก็ต้องลงจากรถคันหรู เสี่ยที่พาเธอมาด้วยเดินไปอีกทางกับลูกน้องอีกคน ทิ้งเธอไว้กับลูกน้องอีกคนที่ก้มหน้าลงเล็กน้อยไม่ยอมสบสายตากับเธอ“เสี่ยไปไหนคะ?”“เสี่ยไปทำธุระ คุณขึ้นไปรอบนห้องก่อน”“บนห้อง?”“ครับ” เขาพยักหน้าเบาๆ “ตามผมมา”พูดจบ เขาก็ก้าวเดินเข้าไปในตัวอาคารทันทีดอกแก้วไม่มีทางเลือกมากนัก ตอนนี้เธออยู่ที
พรึบ“เดินเข้ามาหาฉัน”พิธานออกคำสั่ง ดวงตาคมฉายแววพึงพอใจ เมื่อชุดคลุมอาบน้ำสีขาวร่วงลงไปกองที่พื้น“เอามือของเธอออก”เขาออกคำสั่งอีกครั้งเมื่อเธอเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า เพราะถึงแม้ว่าร่างกายขาวผ่องจะไร้ผ้าผ่อนมาปิดบังแล้ว แต่แขนของเธอก็ยังพยายามที่จะซุกซ่อน ‘อะไรๆ’ ที่มันใหญ่โตไว้ไม่ให้เขาได้เห็นอยู่ดีหึ! ทั้งแขนทั้งมือก็เล็กแค่นั้น ปิดยังไงก็ปิดไม่มิด ไม่รู้จะปิดไว้ทำไมในเมื่อมันไร้ประโยชน์ขนาดนั้นดอกแก้วกลืนน้ำลายลงคอ ขนอ่อนลุกเกลียวไปหมด ทั้งกลัว ทั้งตื่นเต้น และหนาว...แอร์ในห้องนี้เย็นฉ่ำเกินไปหรือเปล่า“ทำไมถึงไม่เอามือออก?”คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเล็กน้อยเมื่อเธอไม่ยอมทำตามคำสั่ง เขาไม่ชอบผู้หญิงดื้อด้าน และดอกแก้วก็กำลังเป็นแบบนั้น“ดอกแก้ว...อยากให้เสี่ยเอาออกด้วยตัวเองค่ะ”“หึ!”คำตอบที่ผิดจากที่คิดไว้ทำให้คิ้วที่เคยขมวดเป็นปมคลายออก ริมฝีปากหยักยกขึ้นเล็กน้อย เสียงหัวเราะเบาๆ ดังขึ้นในลำคอ“ถ้าอยากเห็น ก็เปิดออกเองสิคะเสี่ย” เสียงหวานเอ่ยเร้า ดวงตาคู่สวยเชิญชวนอย่างไม่ปิดบังพิธานไม่ใช่พระอิฐพระปูน ไม่ได้มีความอดทนดีเลิศมาจากไหน เมื่อเจ้าตัวเชื้อเชิญขนาดนี้ ถ้าไม่ทำตามก็คงจ
“เสี่ยคะ?”คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน เมื่อผ้าห่มผืนหนาถูกวางลงบนตัว“คืนนี้เธอนอนที่นี่แล้วกัน หรือต้องไปไหนหรือเปล่า?”“เปล่าค่ะ”“พรุ่งนี้เช้ามาร์คจะมารับ เธอต้องไปตรวจร่างกาย”“ตะ ตรวจร่างกาย ตรวจทำไมคะ?”ร่างอวบอิ่มรีบลุกขึ้น เธอคว้าผ้าห่มขึ้นแนบอก ปกปิดร่างกายเปลือยเปล่าไว้ทั้งๆ ที่ไร้ประโยชน์เพราะเสี่ยเห็นร่างกายเธอหมดทุกซอกทุกมุมแล้วแต่เธอยังมีความอายหลงเหลืออยู่บ้าง ให้นั่งคุยกันด้วยสภาพเปลือยเปล่า... เธอทำไม่ได้“เพื่อตัวเธอ และก็ตัวฉันด้วย” พิธานติดกระดุมเสื้อที่ปลดออก เขาปลายตามองคนบนเตียงด้วยหางตา “ฉันไม่นอนกับใครสุ่มสี่สุ่มห้า”“แต่แก้วไม่มีโรคนะคะ!”“มั่นใจได้ยังไง?” พิธานหันกลับไปมองหญิงสาวเต็มตา เขาอยากรู้ว่าเธอจะตอบว่าอะไร“ก็แก้ว...” ยังไม่เคยมีอะไรกับใครประโยคหลังดอกแก้วไม่ได้พูดออกมา เพราะเสียงบางอย่างร้องเตือนอยู่ในหัวเสี่ยไม่ชอบผู้หญิงไม่ประสาเธอจะให้เสี่ยรู้ไม่ได้เด็ดขาดว่าเธอไม่เคยมีอะไรกับใคร ถ้าเสี่ยรู้ เสี่ยอาจจะไม่สนใจเธออีก เป้าหมายของเธออยู่แค่เอื้อม เธอจะไม่มีวันทำให้มันพังเด็ดขาด!“ค่ะ แก้วจะตรวจ” ดอกแก้วกระชับผ้าห่มแน่นกว่าเดิม ปากอิ่มเม้มเข้าหากันจน
ขาเรียวก้าวลงจากแท็กซี่และเดินเข้ามาในส่วนต้อนรับของคอนโด เสียงฮัมเพลงดังอยู่ในลำคอเบาๆ บ่งบอกว่าเธอกำลังอารมณ์ดีแค่ไหน เธอหอบหิ้วข้าวของพะรุงพะรังไปที่หน้าลิฟต์ กดเรียกเพียงไม่นานลิฟต์ตัวใหญ่ก็เปิดกว้างดอกแก้วเดินเข้าไปในลิฟต์ที่มีกระจกเงารอบด้าน เธอกดชั้นที่ยี่สิบสาม ก่อนจะชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นเล็บของตัวเองมันแปลกตา... เพราะเธอไม่เคยทาเล็บแบบนี้มาก่อน และแน่นอนว่าเธอไม่ได้ตัดสินใจด้วยตัวเอง เล็บสีนู้ดสวยนี้เจ้น้ำเป็นคนเลือกให้เธอทั้งหมดดอกแก้วหันไปมองกระจก ภาพสะท้อนของคนในนั้นช่างแปลกตาเหลือเกิน เส้นผมที่เคยเป็นสีดำสนิทถูกย้อมเป็นสีน้ำตาลอ่อน ดัดเป็นลอนเบาๆ เหมือนไม่ได้ตั้งใจแต่ยังดูสวย ใบหน้าที่เคยจืดสนิทถูกแต่งแต้มเล็กน้อยให้พอมีสีสัน เสื้อผ้าที่เคยเป็นแค่กางเกงขายาวและเสื้อยืดก็เปลี่ยนเป็นชุดเดรสสั้นเข้ารูป แว่นหนาๆที่เคยใส่ก็แปรเปลี่ยนเป็นคอนแทกเลนส์สายตาไร้สีทั้งหมดนี้... เจ้น้ำเป็นคนลากเธอไปทำทั้งนั้น รวมถึงเครื่องสำอางถุงใหญ่ และเสื้อผ้าใหม่ๆ ที่อยู่ในถุงนี่ด้วย เจ้น้ำเลือกให้เธอ และออกเงินให้เธอก่อน.‘นี่มันแพงมากเลยนะเจ้’เธอค้านหัวชนฝา ไม่ยอมรับทั้งเสื้อผ้าและเครื่อง
ดอกแก้วแทบหยุดหายใจในวินาทีที่เสี่ยตักต้มยำกุ้งที่เธอทำเข้าปากครั้งแรก“อืม...”เป็นยังไงบ้างคะ? อร่อยหรือเปล่า? เธออยากจะถามออกไปแบบนั้น แต่สุดท้ายก็ไม่กล้า... ได้แต่นั่งเม้มปาก กำกระโปรงตัวเองอยู่ใต้โต๊ะด้วยความตื่นเต้นพิธานตักต้มยำกุ้งเข้าปากอีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้ง จนกระทั่งข้าวสวยหมดไปครึ่งจาน เขาถึงได้หันกลับมาสนใจแม่ครัวในวันนี้“ไม่กินเหรอ?” เพราะข้าวในจานเธอยังไม่พร่อง ไม่มีแม้แต่รอยน้ำต้มยำบนจานด้วยซ้ำ เขาเองก็หิวจัด รีบตักกินโดยไม่ได้สังเกตอีกคนเลย“ทานค่ะ” ดอกแก้วได้สติ รีบตักข้าวเข้าปากบ้างรสชาติต้มยำกุ้งที่เธอทำไม่ได้แย่ ออกจะอร่อยด้วยซ้ำ ต้องขอบคุณที่แม่เป็นแม่ค้าขายอาหารตามสั่ง เธอเลยได้ฝีมือติดตัวมาบ้าง แต่ถึงอย่างนั้นรสปากของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกันอยู่ดี เธอชอบ คนอื่นๆ ชอบ แต่เสี่ยอาจจะไม่ชอบก็ได้“มาร์คส่งรายละเอียดมาหรือยัง?” พิธานชวนคุย เพราะสังเกตได้ว่าดอกแก้วดูเกร็งเล็กน้อย คงเพราะเธอยังไม่ค่อยคุ้นเคยกับเขาก็นะ... ตั้งแต่รับเธอมาเลี้ยง เขาก็ไม่มีเวลาแวะเข้ามาหาเธอเลย“ส่งมาแล้วค่ะ”รายละเอียดที่ว่าคือรายละเอียดของการเป็น เด็กเสี่ย ที่เป็นลายลักษณ์อักษร ทั้
ฤกษ์ส่งตัวเข้าหอของพิธานกับดอกแก้วคือสองทุ่มตรง ที่จริงแล้วดาวเรืองหาฤกษ์ที่ดีกว่านี้ได้ แต่เพราะมันดึกเกินไปและพิธานไม่อยากให้คนท้องอ่อนๆ ต้องเข้านอนดึก เขาจึงขอแม่ยายให้หาฤกษ์ใหม่ให้เป็นช่วงหัวค่ำแทน ดังนั้นหลังจากพูดคุยบนเวทีเสร็จแขกที่มาร่วมงานก็ไม่ได้เห็นหน้าบ่าวสาวอีก รวมถึงเด็กๆ ทั้งสองก็มีพี่เลี้ยงพาไปอาบน้ำนอน กลายเป็นว่างานเลี้ยงฉลองงานแต่งที่ยิ่งใหญ่จบลงภายในระยะเวลาสั้นๆ แต่ก็เต็มไปด้วยความอบอุ่นที่ฝังอยู่ในใจแขกเหรื่อทุกคนไม่รู้ลืมห้องสวีทราคาคืนละสองหมื่นคือห้องหอในค่ำคืนนี้ พิธานกับดอกแก้วนั่งอยู่บนพื้น รอคอยให้ญาติผู้ใหญ่เข้ามาอวยพรก่อนส่งตัวตามพิธี อดีตเสี่ยหนุ่มตื่นเต้นจนมือชื้นเหงื่อ ถ้าตามพฤตินัยพิธานเข้าหอกับภรรยามานับครั้งไม่ถ้วนจนมีตัวน้อยคนที่สามแล้ว แต่ถ้าตามพิธีจริงๆ นี่เป็นครั้งแรก“ตื่นเต้นหรือคะ?” เสียงหวานเอ่ยถามสามี พิธานดูลุกลี้ลุกลนไม่เป็นตัวเองเหมือนเคย ลบภาพนักธุรกิจหนุ่มมาดขรึมไปจนหมด“ตื่นเต้นสิ ดอกแก้วไม่ตื่นเต้นเหรอ?”“ตื่นเต้นค่ะ”พิธานมองภรรยาที่ส่งยิ้มหวานมาให้ เธอบอกว่าตื่นเต้น แต่ท่าทางของดอกแก้วกลับดูปกติ “คงมีแค่คุณพิธานสินะที่อยู่ไม่สุข”
เสียงเปิดประตูห้องน้ำเรียกสายตาจากคนบนเตียงให้หันไปมอง พิธานวางหนังสือที่อ่านอยู่ลง ก่อนจะเดินเข้าไปโอบกอดภรรยาที่ดูอ่อนล้ากว่าปกติหลวมๆ“เหนื่อยมากไหม?”ช่วงนี้เป็นช่วงเตรียมตัวสำหรับงานแต่ง และเพราะงานแต่งที่จะจัดขึ้นไม่ใช่งานเล็กๆ เหมือนที่เชียงใหม่ เพื่อหน้าตาของเจ้าของบริษัทอย่างพิธานจึงทำให้งานที่ควรจะสบายๆ กลับจริงจังขึ้น ข่าวการแต่งงานแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว สื่อหลายสื่อให้ความสนใจทั้งยังขอสัมภาษณ์ราวกับพิธานเป็นดาราดัง แม้จะไม่ชอบใจแต่พิธานก็ปฏิเสธไม่ได้ เพราะการได้พื้นที่สื่อก็มีประโยชน์กับบริษัทของเขามากพอสมควรพิธานเลยจัดการนัดสื่อทั้งหลายให้มาสัมภาษณ์ที่เพนท์เฮ้าส์ โดยมีข้อแม้ว่าเขาอนุญาตให้แต่จะสำนักส่งทีมงานมาได้ไม่เกินสองคนเท่านั้น เพราะกลัวว่าเด็กๆ จะตื่นเพราะเจอคนเยอะเด็กๆ ที่ว่าหมายถึงลูกชายและลูกสาวของพิธานกับดอกแก้ว ส่วนหนึ่งที่สื่ออยากสัมภาษณ์เป็นเพราะเด็กปริศนาสองคนนี้ด้วย พิธานไม่ค่อยพาลูกออกงานที่ไหน และการสัมภาษณ์ในครั้งนี้ก็จะเป็นการเปิดตัวอย่างจริงจังครั้งแรก“เหนื่อยค่ะ”ดอกแก้วไม่โกหก เธอเหนื่อยเหมือนตัวจะขาด วันนี้เธอต้องไปลองชุดเจ้าสาวที่จะใช้ในงานทั้งห
สามปีต่อมา.“พี่ดล ไหนกระเป๋าที่คุณยายให้คับ?”“นี่คับ!”“น้องดาว ชุดที่คุณปู่ซื้อให้ไม่อึดอัดเกินไปใช่ไหมคะลูก?”“ม่ายค่า”“ดีมาก ถ้าอย่างนั้นเราไปรอแด๊ดดี้กับคุณแม่ที่รถกัน”“เย้ๆ”เสียงเจี๊ยวจ๊าวของสองเด็กและสองผู้ใหญ่เงียบหายไป แทนที่ด้วยเสียงหัวเราะของคนเป็นพ่อและแม่ ดอกแก้วที่กำลังเก็บของชิ้นสุดท้ายใส่กระเป๋าส่ายหน้าไปมาด้วยความเอ็นดู ส่วนพิธานเองก็อมยิ้มเพราะเสียงสดใสของลูกๆ ที่เป็นเหมือนยาวิเศษช่วยเติมเต็มพลังชีวิตให้กับเขาแค่ตื่นมาแล้วได้ยินเสียงลูกทุกวัน แค่นี้คนเป็นพ่อก็มีความสุข มีแรงทำงานได้ทั้งวันแล้ว“คุณลืมอะไรหรือเปล่าคะ?” เสียงหวานของดอกแก้วเอ่ยขึ้น ดวงตากวางกวาดมองไปทั่วห้องเพราะกลัวว่าจะหลงลืมอะไรวันนี้เธอและครอบครัวจะไปเที่ยวทะเลกัน เป็นครั้งแรกในรอบปีที่มีเวลามากพอจนพาลูกๆ ไปเปิดหูเปิดตาได้ ไม่ใช่ว่าเธอและพิธานงานยุ่งจนไม่มีเวลาว่าง แต่เพราะตอนนี้พนธกรใกล้ขึ้นชั้นประถมหนึ่งแล้ว ส่วนพริบพราวดาว ลูกสาวอีกคนก็เรียนเตรียมอนุบาลอยู่ คนที่ไม่มีเวลาคือเด็กๆ ทั้งสองคนต่างหาก“เหมือนจะลืมนะ”“ลืมอะไรคะ-“ ยังไม่ทันได้ถามจนจบ แก้มใสก็ถูกจมูกโด่งกดลงมาแนบแน่นฟอด!“คุณพิธ
“น้องดล ไหนเรียกแด๊ดเร็วเข้า แด๊ด”“แด๊ะ”“ไม่ใช่ลูก แด๊ด ไม่แด๊ะ”“แด๊ะ”“เฮ้อ...”พิธานหมดแรงจะสอนเจ้าตัวแสบ ร่างสูงทิ้งตัวลงนอนในคอกกั้นที่ปูด้วยพื้นนุ่มสำหรับลูก และเมื่อพนธกรเห็นพ่อนอนหมดแรงอยู่ก็คิดว่าอีกฝ่ายจะเล่นด้วย“อุ่ก! ตัวแสบ ตัวหนักแบบนี้กระโดดลงมาได้ยังไง”“คิก คิก”“หัวเราะงั้นเหรอ? มาให้แด๊ดฟัดพุงซะโดยดีเจ้าอ้วน”“มะ... คิกๆ กรี๊ด!!”เสียงหัวเราะสลับกับเสียงกรี๊ดทำให้คนเป็นแม่อดใจไม่ไหว ดอกแก้วละมือจากงานที่ทำค้างไว้ ก่อนจะเดินมาดูว่าสองพ่อลูกเขาเล่นซนอะไรกันภาพที่เธอเห็นคือร่างใหญ่ของสามีนอนหงายอยู่บนพื้น โดยที่บนตัวมีร่างอวบอ้วนของลูกชายนอนทับอยู่ ใบหน้าคมพยายามก้มลงฟัดพุงเจ้าตัวแสบ และนั่นคือสาเหตุที่พนธกรทั้งหัวเราะและกรี๊ดลั่นบ้านแบบนี้“คุณพิธาน”ดอกแก้วยืนดูซักพัก เมื่อเห็นว่าลูกเริ่มเหนื่อยแล้วจึงเรียกสามีไว้“พอแล้วค่ะ เดี๋ยวคืนนี้น้องดลเก็บเอาไปฝัน”คำเตือนของดอกแก้วทำให้พิธานหยุดชะงักแทบจะทันที ใบหน้าคมบิดเบี้ยวเล็กน้อย เมื่อนึกถึงวีกรรมของลูกชายเมื่ออาทิตย์ก่อนพิธานเป็นผู้ชาย และพนธกรเองก็เป็นลูกชาย การเล่นกับลูกของพิธานจึงค่อนข้างหวาดเสียวตามประสา พิธาน
หลังจากคลอดลูกชายคนแรกได้ห้าวัน ดอกแก้วก็ได้รับอนุญาตจากหมอน้ำให้กลับมาพักที่บ้านได้พิธานยังคงแย้งเหมือนเคย ชายหนุ่มกังวลไปสารพัด ต่างจากดอกแก้วที่อยากกลับบ้านเต็มทน เธอไม่ชอบนอนโรงพยาบาลเท่าไหร่ และเธอก็ไม่ได้เจ็บตรงไหนแล้วด้วยโต้แย้งกันอยู่นานสุดท้ายพิธานก็เป็นคนแพ้ แม้ไม่เต็มใจแต่เขาก็ขัดภรรยาไม่ได้ สิ่งเดียวที่เขาทำได้คือขอให้คนเป็นอาช่วยงานอีกซักพัก เพราะตนอยากใช้เวลาอยู่กับลูกในช่วงแรกให้มากเท่าที่จะทำไดใครๆ ก็รู้ว่าเหตุผลที่พิธานพูดนั้นเป็นแค่ข้ออ้าง คุณพ่อมือใหม่ทำราวกับว่าที่ทำงานกับบ้านที่อยู่อาศัยไกลกันมากมาย ทั้งๆ ที่ความจริงห่างกันเพียงไม่กี่ชั้น ใช้เวลาไม่ถึงสองนาทีก็กลับมาหาลูกได้โดยไม่ต้องกระทบกับงานที่ทำ แต่เพราะพิธานกังวลมากเกินไป รวมถึงเห่อลูกชายตัวน้อยที่ยังไม่รู้ความจนไม่อยากไปทำงานก็เท่านั้น“กินเก่งจังเลยลูกชาย”ชายร่างสูงใหญ่นั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงหนุ่ม ตาคมจ้องมองแก้มป่องๆ ที่ขยับขึ้นลงยามที่ได้ดูดกลืนน้ำนมจากมารดา ลูกชายของเขาช่างเลี้ยงง่ายเหลือเกิน นอกจากกินนมเป็นตั้งแต่ครั้งแรกแล้ว ยังไม่เคยงอแงไม่มีเหตุผลนอกเสียจากเวลาที่ท้องหิวพนธกร ลูกชายของดอกแก้วแล
สัปดาห์ที่สามสิบสอง ดอกแก้วรู้สึกเหนื่อยง่ายกว่าเดิม เธอไม่สามารถเข้าครัวช่วยแม่ทำกับข้าว หรือลุกเดินเร็วๆ ได้เหมือนปกติ และนั่นทำให้จิตใจของคุณแม่อ่อนแอลงคนท้องเจ็ดเดือนลุกเข้าห้องน้ำด้วยความยากลำบาก ดอกแก้วแม้ก่อนตั้งท้องจะไม่ใช่ผู้หญิงผอมบาง ทั้งยังมีเนื้อหนังให้กอดเล่นชื่นใจ แต่ก็นับว่าเป็นผู้หญิงไซส์มินิคนหนึ่ง เมื่อตั้งท้อง ร่างกายเล็กๆ ที่ต้องมารับน้ำหนักของลูกชายที่โตได้โตดีก็พาลให้ปรับตัวไม่ทัน เธอจำได้ว่าเมื่อเดือนก่อนเธอยังใช้ชีวิตได้ตามปกติ ท้องแรกเล็กจนถ้าไม่ใส่เสื้อผ้ารัดรูปคงดูไม่ออก แต่มาเดือนนี้หน้าท้องเธอกลับขยายใหญ่อย่างรวดเร็วจนอึดอัดไปหมด“อึ่ก” ฟันขาวกัดปากตัวเองไว้แน่น ดวงตากลมฉ่ำน้ำมองไปที่ร่างสูงใหญ่ของสามีที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียง อาทิตย์นี้พิธานทำงานหนัก แต่ยังต้องคอยตื่นขึ้นมากลางดึกเพื่อพาร่างอุ้ยอ้ายของเธอเข้าห้องน้ำทุกวัน ยิ่งท้องแก่ดอกแก้วก็ยิ่งเข้าห้องน้ำบ่อย พิธานเองก็ตื่นขึ้นมาทุกครั้งที่เธอร้องขอไม่เคยบ่น แต่ดวงตาคู่คมฉายแววเหนื่อยล้าทุกเช้าจนครั้งนี้ดอกแก้วไม่กล้าร้องขอความช่วยเหลืออีก“คนเก่ง”มือบางลูบหน้าท้องที่ขยับเป็นคลื่นเมื่อคนที่อยู่ภายในป
ช่วงที่อุ้มท้องลูกคนแรก เวลาในแต่ละวันของดอกแก้วช่างผ่านไปเร็วเหลือเกินสัปดาห์ที่สิบหกของการตั้งครรภ์ นันทิดาบอกกับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ว่าช่วงนี้จะสามารถเห็นเพศของเจ้าตัวน้อยได้แล้ว ทั้งดอกแก้วและพิธานจึงลงความเห็นไปในทางเดียวกันว่าจะดูเพศลูกน้อยไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะจะได้เตรียมตัวถูก คุณปู่และคุณยายเองก็เห็นดีเห็นงามด้วยและโชคดีเหลือเกินที่เจ้าตัวน้อยไม่ขี้อายพิธานมองภาพของลูกน้อยด้วยความยินดี สายตาคมเข้มอ่อนลงจนบรรยากาศในห้องตรวจเต็มไปด้วยหมอกไอที่แสนอบอุ่น“ผู้ชาย ดูสิ... เปิดโชว์ไม่อายใครเลยหลานอา”นันทิดาชี้ให้คนเป็นพ่อและแม่ดูเพศของลูก หลานเธอคนนี้ไม่ขี้อาย พอรู้ว่าจะถูกดูเพศก็อวดโชว์สิ่งที่พ่อให้มาราวกับภาคภูมิใจนักหนา“ผู้ชายจริงๆ ด้วย”“ทำไมพูดเหมือนรู้อยู่แล้วคะ?”ดอกแก้วอดถามสามีไม่ได้ ตลอดเวลาที่ผ่านมาพิธานไม่เคยพูดว่าอยากมีลูกเพศไหน ไม่เคยบอกเธอว่าคิดเรื่องเพศของลูกไว้แล้ว เพราะแบบนั้นเธอเลยค่อนข้างแปลกใจ สามีเธอแอบไปคิดมาตอนไหนว่าลูกคนนี้ต้องเป็นผู้ชาย?“จำวันที่เราแต่งงานกันได้ไหม?” พิธานถามกลับ รอจนภรรยาพยักหน้าเล็กน้อยจึงเฉลยออกมา “ที่แม่เฒ่าบอกว่าผู้ชาย ฉันคิดว่าท่
ทุกอย่างเป็นไปตามที่คุณพิธานพูดไว้ไม่มีผิด คุณพิธานบอกว่าเจ้น้ำจะไม่โกรธเธอ และเจ้น้ำก็ไม่โกรธเธอจริงๆ จะมีก็แค่ความตกใจจนพูดไม่ออกไปหลายนาทีหลังจากเธอเล่าเรื่องทุกอย่างจบก็เท่านั้นต่างจากคุณทิม เพื่อนของคุณพิธานที่ดอกแก้วเคยได้เจอมาแล้วครั้งหนึ่ง รายนั้นนอกจากจะไม่ตกใจแล้ว เขายังปรบมือเสียงดังอย่างชอบใจอีก“อะไร” พิธานตวัดสายตาเข้มๆ ไปที่เพื่อน แต่นั่นไม่ได้ทำให้รอยยิ้มของคนทะเล้นหายไป“ฉันปรบมือให้ตัวเอง”“เพื่อ?”“เพื่อชื่นชมความเก่งของตัวเองไง” หนุ่มลูกครึ่งตอบด้วยสำเนียงไทยชัดถ้อยชัดคำ ไม่ยี่หระกับสายตาเอือมระอาของเพื่อน “เดาไว้แล้วไม่มีผิดว่าคนนี้ต้องกลายเป็นตัวจริงของเสี่ยพิธาน”“เลิกเรียกว่าเสี่ยได้แล้ว” พิธานพูดด้วยน้ำเสียงปกติ แต่ทำไมคนเป็นเพื่อนจะไม่รู้ว่าเจ้าตัวกำลังจริงจังแค่ไหนทีเมื่อก่อนล่ะชอบให้ผู้หญิงมาเรียกเสี่ยคะเสี่ยขา แต่พอมีเมียเป็นตัวเป็นตนเข้าก็สั่งให้เลิกเรียกเด็ดขาดเชียว...“ไม่เสี่ยก็ไม่เสี่ย” ทิมไม่อยากเถียงกับเพื่อ ชายหนุ่มหน้าตาค่อนไปทางตะวันตกหันไปมองภรรยาเพื่อนแทน “ยินดีด้วยนะดอกแก้ว”“ขอบคุณค่ะ”เรื่องที่ทิมแสดงความยินดีไม่ใช่แค่เรื่องความสัมพันธ์ของ
หลังจากจับภรรยาเปลี่ยนเสื้อผ้าจนเรียบร้อยกว่าเดิมแล้ว พิธานก็จับจูงมือดอกแก้วไปที่ห้องรับประทานอาหาร เมื่อเปิดประตูเข้าไปเขาก็พบว่าทุกคนอยู่ด้วยกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาทั้งแด๊ดของเขาที่กำลังนั่งคุยกับอาพัลลภอย่างออกรสเพราะไม่ได้เจอหน้ากันมานาน แม่ดาวเรืองที่กำลังตักข้าวให้ทุกคน รวมถึงเกวลินที่วันนี้แปลงร่างเป็นลูกมือของแม่ดาวเรืองหนึ่งวัน“ธานมาแล้ว” อาพัลลภพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าหลานชายจูงมือผู้หญิงอีกคนเข้ามา ชายวัยกลางคนพยักหน้ารับเบาๆ เมื่อดอกแก้วยกมือขึ้นไหว้ “นี่เหรอหลานสะใภ้?”“อาครับ อย่าทำเสียงดุสิ”“อาก็พูดปกตินะธาน” พัลลภเถียง เขาสาบานว่าเขาไม่ได้ทำเสียงดุเลยแม้แต่นิดเดียว แต่แม่หนูคนนั้นกลับไม่กล้าสบตาเขา แถมยังหลบอยู่ด้านหลังของพิธานไม่ยอมโผล่หน้าโผล่ตาออกมาอีก“ช่วงนี้ฮอร์โมนของดอกแก้วเขาแปรปรวนน่ะลภ เขาอ่อนไหวง่าย” คนเป็นพี่ชายกระซิบบอกน้อง พัลลภพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะปรับเสียงให้อ่อนลงกว่าปกติ“หนูดอกแก้ว ไม่ต้องกลัวอานะ อาใจดีกว่าพิธานเยอะ ไม่เชื่อถามเกวลินสิ”“อาครับ” พิธานโอดครวญ เรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนได้เป็นอย่างดี รวมถึงดอกแก้วที่เริ่มหายกลัวด้วย“มานั่งนี่สิดอกแก้ว