“ร้านนั้นน่ะเหรอ? แกเดินเข้าไปสมัครงานได้ยังไงดอกแก้ว!”
“ก็ฉันเห็นว่าหน้าร้านแปะป้ายรับสมัครพอดี อีกอย่างตัวร้านก็ไม่ได้ดูแย่อะไร เหมือนร้านอาหารทั่วไป ก็เลยลองเข้าไปดู”
“แล้วเป็นไง” น้ำเท้าสะเอว มองใบหน้าที่จืดเจื่อนของหญิงสาวนิ่งๆ
“ก็...มีแต่แขกมือไว จับก้นฉัน แล้วก็...”
“แล้วก็...?”
“แล้วก็... เสนอให้ฉันไปกับเขา ให้ห้าร้อยเหมาทั้งคืน”
“ทุเรศ!”
น้ำทุบโต๊ะเสียงดังจนดอกแก้วสะดุ้ง ตากลมค่อยๆ เหลือบขึ้นมองพี่สาวที่เคารพเหมือนพี่แท้ๆ เจ้น้ำต้องโกรธเธอมากแน่ๆ
“เจ้... ฉัน...”
“ทุเรศ! ห้าร้อย? มันตีค่าแกแค่นั้นได้ยังไง!”
“ฉันก็ไม่รู้...”
“เอาเถอะ หลุดพ้นมาได้ก็ดีแล้ว” น้ำพยายามใจเย็นลง ดอกแก้วมันไม่ประสาอะไร ดุด่าไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา “ร้านนั้นน่ะ คนในวงการเขารู้กันดีว่าเบื้องหน้าเป็นร้านอาหาร แต่เบื้องหลังก็คือซ่องดีๆ นี่เอง”
“ซะ ซ่อง!”
“ใช่ มีแต่พวกคนชนชั้นแรงงานกรรมกรที่เข้าไปกินเหล้า แล้วก็ออฟเด็กออกไป เสนอเงินให้ต่ำๆ ถ้าเด็กร้อนเงินและยอมก็หวานปากมัน”
“แต่พี่ผู้จัดการบอกว่า แขกที่ร้านมีระดับ...”
“ระดับกรรมกรน่ะสิ!” น้ำไม่ได้พูดเกินจริง เพราะร้านนั้นมีแต่แขกแบบนั้น ใครๆ ก็รู้ดี “แล้วแกคิดยังไงถึงไปสมัคร หรืออยากทำงานกลางคืนบ้างแล้ว?”
“ฉันแค่อยากทำงานเสิร์ฟ เห็นว่าเงินเดือนตั้งหมื่นห้า ก็เลยสมัครดู”
“ร้านโกโรโกโสแบบนั้นน่ะเหรอจะให้เงินเดือนพนักงานหมื่นห้า หมื่นห้านี่คงรวมค่าตัวที่ออกไปกับแขกด้วยน่ะสิ”
ดอกแก้วเม้มริมฝีปากแน่น เถียงเจ้น้ำไม่ออก เพราะสิ่งที่เจ้น้ำพูดมันก็มีส่วนจริง
เมื่อคืน หลังจากที่เธอด่าแขกโรคจิตไปแล้ว เธอก็ถูกผู้จัดการร้านเรียกตัวไปคุย ไม่สิ... เรียกไปต่อว่าถึงจะถูก
.
“ไปด่าลูกค้าแบบนั้นได้ยังไงดอกแก้ว”
“ก็มัน... ก็เขาจับก้นฉัน”
“แล้ว?”
“แล้วก็บอกว่าขอเหมาห้าร้อย”
“งั้นเหรอ” ผู้จัดการร้านลุกขึ้นจากเก้าอี้ ดวงตาของเธอสบเข้ากับดวงตากลมโตของดอกแก้ว “มันไม่ใช่เรื่องผิดปกติ ลูกค้ามีสิทธิ์ถามเรื่องนี้ได้ ถ้าเธอไม่อยากไปก็แค่บอกเขาดีๆ ไม่ใช่ไปด่าเขาแบบนั้น”
“ปกติ?”
“ใช่ ถ้าอยากได้เงินเพิ่มก็รับแขก แต่ถ้าไม่... ก็ไม่มีใครบังคับ แต่บอกไว้ก่อนว่าที่นี่เราไม่เอาเปรียบพนักงาน เพราะไม่มีการเก็บส่วนแบ่ง ลูกค้าเสนอห้าร้อย เธอก็ได้ไปเต็มๆ ห้าร้อยนั่นแหละ”
.
เธออยากได้เงิน แต่ไม่ได้หน้ามืดตามัวจนยอมเอาตัวเข้าแลกกับเงินห้าร้อยแบบนั้น ถ้าเธอจะขายตัว เธอจะขายให้กับผู้ชายที่พร้อมจะจ่ายเป็นหมื่นเป็นแสนเพื่อนอนกับเธอเท่านั้น
แต่มันจะมีผู้ชายแบบนั้นจริงๆ เหรอ? ผู้ชายประเภทที่เลี้ยงเด็กแลกกับเซ็กซ์ ไม่ได้เลี้ยงเป็นเมียน้อยหรือเมียเก็บ แต่แค่เลี้ยงเพราะไม่อยากมีพันธะแบบนั้น
“คิดอะไรอยู่”
“ฉัน...” ดอกแก้วกัดริมฝีปากตัวเองเบาๆ “เจ้น้ำ เจ้จำเรื่องที่เคยบอกฉันได้ไหม?”
“เรื่อง? ฉันคุยกับแกทุกวัน วันละสามสี่เรื่อง จำไม่ได้หรอก”
“ก็เรื่อง... เด็กเสี่ยไง”
“หืม?”
“ฉันสนใจ เจ้มีเสี่ยแนะนำให้ฉันบ้างหรือเปล่า?”
.
.
ดอกแก้วมองตัวเองในกระจกด้วยสายตาว่างเปล่า นี่เธอหมดสิ้นหนทางจนต้องขายศักด์ศรีของตัวเองแล้วเหรอ?
แล้วไง ศักดิ์ศรีมันจ่ายค่าห้องให้แกได้ไหมดอกแก้ว?
เสียงในใจค้านขึ้นทันที ใช่... ศักดิ์ศรีของเธอจ่ายค่าห้อง ค่าข้าว ค่าหยูกยาเวลาป่วยไม่ได้ สิ่งเดียวที่จะจ่ายได้ก็คือเงิน เงินเท่านั้น!
และเงินที่เธอมีในตอนนี้มันก็น้อยลงไปเรื่อยๆ อีกไม่เกินสองเดือน เธอคงหมดตัวจริงๆ
.
“เอาจริงเหรอแก้ว ถึงฉันจะเป็นคนแนะนำ แต่ฉันก็อยากให้แกคิดดีๆ”
“ฉันคิดดีที่สุดแล้ว เจ้ก็เห็นว่าฉันพยายามหางานมากี่เดือน ยอมแม้กระทั่งเป็นเด็กเสิร์ฟ แต่สุดท้ายก็ล้มเหลว ที่สำคัญ... เมื่อคืนฉันเกือบเสียตัวให้กรรมกรที่ไหนก็ไม่รู้ ถ้าจะต้องเสียจริงๆ ฉันขอเสียแบบมีค่ามีราคาหน่อยก็แล้วกัน"
“ฉันเข้าใจ...”
“ฉันเหนื่อยมากเลยเจ้ เงินฉันจะหมดอยู่แล้ว งานแปลก็ไม่มีเข้ามาเป็นเดือนแล้วด้วย ฉันอยากสบาย ไม่ต้องวิ่งหางานหัวฟูนั่งทำงานหลังขดหลังแข็งเหมือนคนอื่นบ้าง ฉันยอมรับว่าจนตรอกแล้วเจ้”
ราวกับเขื่อนแตก ดอกแก้วพูดความรู้สึกของตัวเองออกไปจนหมดเปลือก ทั้งความผิดหวัง ท้อแท้ และความเหนื่อยล้าที่สะสมมานาน
“งั้นวันนี้ไปที่ร้านกับฉัน มีเสี่ยคนหนึ่งเขามาเที่ยวที่ร้านทุกวันศุกร์ ลองเข้าไปหาเขาดู เผื่อเขาสนใจแก”
“แล้ว... ฉันต้องทำอะไรบ้าง?” แม้จะจนตรอกแต่เธอก็อดตื่นเต้นไม่ได้
“ผู้ชายประเภทนี้ไม่ชอบผู้หญิงไร้เดียงสา อยู่ต่อหน้าเสี่ย จริตจะก้านที่เคยฝังไว้แกต้องดึงมันออกมาใช้ให้หมด ฉันจะไม่สอนไปมากกว่านี้ เพราะเรื่องแบบนี้มันสอนกันไม่ได้ แกต้องเรียนรู้มันด้วยตัวของแกเอง”
.
ก๊อก ก๊อก
“ดอกแก้ว เสร็จหรือยัง?”
“อะ แป๊บนึงนะเจ้!” ดอกแก้วหลุดออกจากภวังค์ เธอรีบสวมรองเท้า หยิบกระเป๋าสะพายมาคล้องไหล่ และเปิดประตูห้องเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว “เสร็จแล้วๆ”
“.....”
“เจ้ เป็นอะไร ทำไมทำหน้าแบบนั้น?”
ดอกแก้วรีบก้มลงสำรวจตัวเองเพราะท่าทางของเจ้น้ำดูแปลกๆ ไป ตอนนี้เธออยู่ในชุดเกาะอกสีดำสั้นประมาณหนึ่งคืบ แต่งหน้าทำผมแบบที่ไม่เคยทำจนดูเซ็กซี่ไม่เหมือนเดิม
“มันมากเกินไปเหรอเจ้?”
หญิงสาวถามด้วยความไม่มั่นใจ ก็เจ้น้ำบอกให้เธอแต่งตัวยั่วๆ เธอก็เลยขุดชุดเกาะอกตัวนี้มาใส่ โชคดีที่มันยังใส่ได้ ติดที่ตรงหน้าอก เพราะมันล้นออกมามากกว่าที่คิด
“ไม่ๆ ไม่ได้มากไป” น้ำโบกไม้โบกมือปฏิเสธ “แต่สวยมากๆ เลยต่างหาก”
“สวย? สวยจริงเหรอเจ้?”
“ก็เออน่ะสิ! สวยจริงๆ” เธอตอบชัดเจนจนคนถูกชมยิ้มแก้มแทบแตก “พอแต่งหน้าแต่งตัวแล้วสวยยังกะดารา ไม่ไปเป็นดาราแทนล่ะ เงินดีจะตายไป”
“ไม่เอาหรอกเจ้ ฉันแสดงละครได้ที่ไหน รีบไปกันเถอะ เดี๋ยวเจ้ก็เข้างานสายหรอก”
“เออ ลืมไปเลย มัวแต่ตะลึงความสวยแกอยู่”
เสียงใสหัวเราะเบาๆ เมื่อถูกชมอีกครั้ง เธอปิดประตูห้องเป็นอย่างดี ก่อนจะเดินตามเจ้น้ำ ผู้หญิงที่จะทำให้ชีวิตของเธอเปลี่ยนไปตลอดกาลไป
.
.
“ปกติเสี่ยให้ฉันเสิร์ฟเหล้าได้แค่คนเดียว เพราะเสี่ยเขามีเด็กอยู่แล้ว ไม่ได้อยากได้เด็กใหม่เพิ่ม มาที่นี่แค่ฟังเพลงกินเหล้าตามประสา และที่สำคัญ... ที่นี่เพื่อนเสี่ยเขาเป็นเจ้าของด้วย”
“อ้าว... ถ้าเสี่ยเขามีเด็กแล้วแบบนี้ เขาจะเอาฉันเหรอเจ้?”
“เอาหรือไม่เอา มันก็ขึ้นอยู่กับที่ฝีมือของแกนั่นแหละ นั่งรออยู่ตรงนี้ก่อน เดี๋ยวเสี่ยมาเมื่อไหร่ฉันจะให้แกเข้าไปเสิร์ฟแทน เข้าใจไหม?”
“จ้า”
ดอกแก้วนั่งมองบรรยากาศในร้านระหว่างรอเจ้น้ำ ถึงที่นี่จะเป็นผับ แต่บรรยากาศช่างแตกต่างจากร้านที่เธอไปทำเมื่อคืนลิบลับ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ เพลงที่เปิด หรือคนที่เข้ามาใช้บริการ เพราะดูเหมือนจะมีแต่ไฮโซทั้งนั้น และถ้าจำไม่ผิด เมื่อกี้เธอเห็นดาราดังคนหนึ่งเดินผ่านไปด้วย
นี่สินะ ความมีระดับที่แท้จริง
นั่งรอได้ไม่นานเจ้น้ำก็ส่งสัญญาณเรียกให้ไปหา ดอกแก้วเดินบนส้นสูงสี่นิ้วอย่างยากลำบาก แต่สุดท้ายก็เดินไปถึงเจ้น้ำโดยที่ไม่หกล้มหน้าคะมำให้ขายขี้หน้าจนได้
“เสี่ยมาแล้วเหรอเจ้?”
“อืม อยู่ในห้อง วันนี้มาคนเดียว ไม่ได้มาพบคุณทิมด้วย ทางสะดวกที่สุดแล้ว”
“หมายความว่า ฉันจะได้อยู่กับเสี่ยแค่สองคนเหรอเจ้?”
“ใช่ เพราะฉะนั้นมารยามีเท่าไหร่เอาออกมาใช้ให้หมด ถ้าผ่านคืนนี้ไปแกอาจจะไม่มีโอกาสอีกแล้วนะ ท่องเอาไว้ว่าเพื่อเงิน เพื่อความสบาย”
“เพื่อเงิน! เพื่อความสบาย!” ดอกแก้วพูดตามอย่างว่าง่าย
“ดี! แล้วก็จำเอาไว้นะดอกแก้ว เสี่ยคนนี้รวยมาก เป็นเด็กเขาแค่ปีเดียวก็ได้บ้านได้รถแล้ว แต่เขาไม่ชอบผู้หญิงซื่อๆ เพราะเขาเลี้ยงเด็กเพื่อเซ็กซ์ ไม่ได้อยากได้เป็นเมีย ไม่ต้องอ่อนหวานเป็นแม่บ้านแม่เรือน แค่ทำให้เขามีความสุขบนเตียงก็พอ เข้าใจไหม?”
น้ำสบายใจขึ้นเมื่อดอกแก้วพยักหน้ารับ คืนนี้เธอเอาหน้าที่การงานของตัวเองเป็นเดิมพัน ถ้าดอกแก้วทำให้เสี่ยพอใจไม่ได้ เธอก็อาจจะถูกไล่ออก ข้อหาส่งเด็กคนอื่นไปบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต
“ไปเถอะ ฉันขอให้แกโชคดี” น้ำส่งถาดเครื่องดื่มในมือให้หญิงสาวที่รักเหมือนน้องแท้ๆ มือบางลูบไหล่นวลเบาๆ เธอช่วยได้แค่นี้จริงๆ
“ขอบใจเจ้มากนะ”
“อืม”
น้ำเดินไปทำหน้าที่อื่นของตัวเองต่อทันที ปล่อยให้ดอกแก้วจัดการเรื่องต่อจากนี้เอง เพราะถ้าเธอช่วย เธอก็ต้องช่วยไปตลอด
ถ้าดอกแก้วมันคิดจะเป็นดอกแก้วที่ได้อยู่ในแจกันสวยๆ มันก็ต้องแข็งแกร่งพอที่จะสู้กับดอกไม้อีกเป็นแสนเป็นล้านพันธุ์บนโลกใบนี้ได้
ดอกแก้วยืนนิ่งรวบรวมสมาธิอยู่หน้าห้องวีไอพีนานเกือบนาที ก่อนขาเรียวจะค่อยๆ เข้าไปใกล้ เธอเคาะประตูเบาๆ พอได้ยินเสียงตอบรับดังออกมาจากภายในจึงค่อยๆ เปิดประตูออก
“ขออนุญาตค่ะ”
“เธอเป็นใคร เข้ามาทำไมในนี้?”
“ขออนุญาตค่ะ”“เธอเป็นใคร เข้ามาทำไมในนี้?”“เอ่อ...”คำทักทายที่ไม่เป็นมิตรจากคนในห้องทำให้ดอกแก้วหัวใจหล่นวูบ เสียงทุ้มดังกังวานช่างดุดันเหลือเกินทั้งๆ ที่เธอยังไม่ทันได้เงยหน้าขึ้นมองด้วยซ้ำ แต่เขาก็รู้ได้ทันทีว่าเธอไม่ใช่เจ้น้ำ“ว่ายังไง”“.....”มือที่ถือถาดเครื่องดื่มสั่นเทา ดอกแก้วน้อยไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมอง ได้แต่ยืนอ้ำอึ้งอยู่แบบนั้นทั้งๆ ที่รู้ดีว่าอาจจะทำให้เขาไม่พอใจได้“น้ำไปไหน เมื่อกี้ฉันเห็นอยู่ข้างนอก”“เจ้น้ำ... ติดธุระค่ะ”“มีธุระอะไรสำคัญกว่าฉันงั้นเหรอ?”ดอกแก้วไม่ตอบ เธอตอบไม่ถูก ไม่รู้ว่าต้องตอบแบบไหนถึงจะทำให้อีกฝ่ายพอใจ ร่างอิ่มรวบรวมความกล้า ก่อนจะค่อยๆ ขยับส้นสูงสี่นิ้วเข้าไปใกล้โซฟาเนื้อดี“ขออนุญาตเสิร์ฟนะคะ”เขาไม่ตอบรับแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ ดอกแก้วย่อตัวลงไปวางเครื่องดื่มบนโต๊ะกระจกอย่างถือวิสาสะ“เสร็จแล้วก็ออกไป ฉันอยากอยู่คนเดียว”ดอกแก้วหน้าชา เขาไล่... เขากำลังไล่เธออยู่จริงๆ น้ำเสียงเขาไม่สบอารมณ์ยิ่งกว่าตอนแรก ถ้าเธอยังทนอยู่ก็คงหน้าด้านเต็มทนแต่เธอไม่มีเงินแล้วนะ!เสียงในใจดังค้านจนดอกแก้วหยุดชะงัก นั่นสิ... เธอไม่มีเงินแล้ว เธอมาที่นี่เพราะอยากสบาย
กึกดอกแก้วมั่นใจว่าตัวเองขยับกายแค่เพียงแผ่วเบา แต่ก็ยังไม่วายเกิดดังเสียงจนคนข้างๆ หันกลับมามอง“เอ่อ...”“...?”ใบหน้าของเขามีคำถาม แต่กลับไม่ได้ถามออกมา ดอกแก้วเองก็ไม่ยอมพูด จนในที่สุดก็เกิดความเงียบขึ้นอีกครั้งอึดอัด แต่ไปไหนไม่ได้ดวงตาโตสวยมองไปด้านนอก บรรยากาศสี่ทุ่มของเมืองหลวงช่างสดใส แม้ไร้แสงอาทิตย์ แต่ก็ยังมีแสงไฟจากร้านรวงและที่พักอาศัยกระจายไปทั่วรถคันหรูแล่นไปตามทางของมัน ดอกแก้วไม่รู้ว่าตัวเองกำลังจะไปที่ไหน ไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร เธอรู้แค่ว่า… วันนี้เธอได้ตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตลงไปแล้วตัดสินใจ... ขายเรือนร่างให้ใครคนหนึ่งที่ไม่รู้จัก เพื่อแลกกับเงินและความสะดวกสบายศักดิ์ศรีของเธอ... ในวันนี้เธอขายมันไปแล้ว..นั่งได้ไม่ถึงยี่สิบนาทีดอกแก้วก็ต้องลงจากรถคันหรู เสี่ยที่พาเธอมาด้วยเดินไปอีกทางกับลูกน้องอีกคน ทิ้งเธอไว้กับลูกน้องอีกคนที่ก้มหน้าลงเล็กน้อยไม่ยอมสบสายตากับเธอ“เสี่ยไปไหนคะ?”“เสี่ยไปทำธุระ คุณขึ้นไปรอบนห้องก่อน”“บนห้อง?”“ครับ” เขาพยักหน้าเบาๆ “ตามผมมา”พูดจบ เขาก็ก้าวเดินเข้าไปในตัวอาคารทันทีดอกแก้วไม่มีทางเลือกมากนัก ตอนนี้เธออยู่ที
พรึบ“เดินเข้ามาหาฉัน”พิธานออกคำสั่ง ดวงตาคมฉายแววพึงพอใจ เมื่อชุดคลุมอาบน้ำสีขาวร่วงลงไปกองที่พื้น“เอามือของเธอออก”เขาออกคำสั่งอีกครั้งเมื่อเธอเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า เพราะถึงแม้ว่าร่างกายขาวผ่องจะไร้ผ้าผ่อนมาปิดบังแล้ว แต่แขนของเธอก็ยังพยายามที่จะซุกซ่อน ‘อะไรๆ’ ที่มันใหญ่โตไว้ไม่ให้เขาได้เห็นอยู่ดีหึ! ทั้งแขนทั้งมือก็เล็กแค่นั้น ปิดยังไงก็ปิดไม่มิด ไม่รู้จะปิดไว้ทำไมในเมื่อมันไร้ประโยชน์ขนาดนั้นดอกแก้วกลืนน้ำลายลงคอ ขนอ่อนลุกเกลียวไปหมด ทั้งกลัว ทั้งตื่นเต้น และหนาว...แอร์ในห้องนี้เย็นฉ่ำเกินไปหรือเปล่า“ทำไมถึงไม่เอามือออก?”คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเล็กน้อยเมื่อเธอไม่ยอมทำตามคำสั่ง เขาไม่ชอบผู้หญิงดื้อด้าน และดอกแก้วก็กำลังเป็นแบบนั้น“ดอกแก้ว...อยากให้เสี่ยเอาออกด้วยตัวเองค่ะ”“หึ!”คำตอบที่ผิดจากที่คิดไว้ทำให้คิ้วที่เคยขมวดเป็นปมคลายออก ริมฝีปากหยักยกขึ้นเล็กน้อย เสียงหัวเราะเบาๆ ดังขึ้นในลำคอ“ถ้าอยากเห็น ก็เปิดออกเองสิคะเสี่ย” เสียงหวานเอ่ยเร้า ดวงตาคู่สวยเชิญชวนอย่างไม่ปิดบังพิธานไม่ใช่พระอิฐพระปูน ไม่ได้มีความอดทนดีเลิศมาจากไหน เมื่อเจ้าตัวเชื้อเชิญขนาดนี้ ถ้าไม่ทำตามก็คงจ
“เสี่ยคะ?”คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน เมื่อผ้าห่มผืนหนาถูกวางลงบนตัว“คืนนี้เธอนอนที่นี่แล้วกัน หรือต้องไปไหนหรือเปล่า?”“เปล่าค่ะ”“พรุ่งนี้เช้ามาร์คจะมารับ เธอต้องไปตรวจร่างกาย”“ตะ ตรวจร่างกาย ตรวจทำไมคะ?”ร่างอวบอิ่มรีบลุกขึ้น เธอคว้าผ้าห่มขึ้นแนบอก ปกปิดร่างกายเปลือยเปล่าไว้ทั้งๆ ที่ไร้ประโยชน์เพราะเสี่ยเห็นร่างกายเธอหมดทุกซอกทุกมุมแล้วแต่เธอยังมีความอายหลงเหลืออยู่บ้าง ให้นั่งคุยกันด้วยสภาพเปลือยเปล่า... เธอทำไม่ได้“เพื่อตัวเธอ และก็ตัวฉันด้วย” พิธานติดกระดุมเสื้อที่ปลดออก เขาปลายตามองคนบนเตียงด้วยหางตา “ฉันไม่นอนกับใครสุ่มสี่สุ่มห้า”“แต่แก้วไม่มีโรคนะคะ!”“มั่นใจได้ยังไง?” พิธานหันกลับไปมองหญิงสาวเต็มตา เขาอยากรู้ว่าเธอจะตอบว่าอะไร“ก็แก้ว...” ยังไม่เคยมีอะไรกับใครประโยคหลังดอกแก้วไม่ได้พูดออกมา เพราะเสียงบางอย่างร้องเตือนอยู่ในหัวเสี่ยไม่ชอบผู้หญิงไม่ประสาเธอจะให้เสี่ยรู้ไม่ได้เด็ดขาดว่าเธอไม่เคยมีอะไรกับใคร ถ้าเสี่ยรู้ เสี่ยอาจจะไม่สนใจเธออีก เป้าหมายของเธออยู่แค่เอื้อม เธอจะไม่มีวันทำให้มันพังเด็ดขาด!“ค่ะ แก้วจะตรวจ” ดอกแก้วกระชับผ้าห่มแน่นกว่าเดิม ปากอิ่มเม้มเข้าหากันจน
ขาเรียวก้าวลงจากแท็กซี่และเดินเข้ามาในส่วนต้อนรับของคอนโด เสียงฮัมเพลงดังอยู่ในลำคอเบาๆ บ่งบอกว่าเธอกำลังอารมณ์ดีแค่ไหน เธอหอบหิ้วข้าวของพะรุงพะรังไปที่หน้าลิฟต์ กดเรียกเพียงไม่นานลิฟต์ตัวใหญ่ก็เปิดกว้างดอกแก้วเดินเข้าไปในลิฟต์ที่มีกระจกเงารอบด้าน เธอกดชั้นที่ยี่สิบสาม ก่อนจะชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นเล็บของตัวเองมันแปลกตา... เพราะเธอไม่เคยทาเล็บแบบนี้มาก่อน และแน่นอนว่าเธอไม่ได้ตัดสินใจด้วยตัวเอง เล็บสีนู้ดสวยนี้เจ้น้ำเป็นคนเลือกให้เธอทั้งหมดดอกแก้วหันไปมองกระจก ภาพสะท้อนของคนในนั้นช่างแปลกตาเหลือเกิน เส้นผมที่เคยเป็นสีดำสนิทถูกย้อมเป็นสีน้ำตาลอ่อน ดัดเป็นลอนเบาๆ เหมือนไม่ได้ตั้งใจแต่ยังดูสวย ใบหน้าที่เคยจืดสนิทถูกแต่งแต้มเล็กน้อยให้พอมีสีสัน เสื้อผ้าที่เคยเป็นแค่กางเกงขายาวและเสื้อยืดก็เปลี่ยนเป็นชุดเดรสสั้นเข้ารูป แว่นหนาๆที่เคยใส่ก็แปรเปลี่ยนเป็นคอนแทกเลนส์สายตาไร้สีทั้งหมดนี้... เจ้น้ำเป็นคนลากเธอไปทำทั้งนั้น รวมถึงเครื่องสำอางถุงใหญ่ และเสื้อผ้าใหม่ๆ ที่อยู่ในถุงนี่ด้วย เจ้น้ำเลือกให้เธอ และออกเงินให้เธอก่อน.‘นี่มันแพงมากเลยนะเจ้’เธอค้านหัวชนฝา ไม่ยอมรับทั้งเสื้อผ้าและเครื่อง
ดอกแก้วแทบหยุดหายใจในวินาทีที่เสี่ยตักต้มยำกุ้งที่เธอทำเข้าปากครั้งแรก“อืม...”เป็นยังไงบ้างคะ? อร่อยหรือเปล่า? เธออยากจะถามออกไปแบบนั้น แต่สุดท้ายก็ไม่กล้า... ได้แต่นั่งเม้มปาก กำกระโปรงตัวเองอยู่ใต้โต๊ะด้วยความตื่นเต้นพิธานตักต้มยำกุ้งเข้าปากอีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้ง จนกระทั่งข้าวสวยหมดไปครึ่งจาน เขาถึงได้หันกลับมาสนใจแม่ครัวในวันนี้“ไม่กินเหรอ?” เพราะข้าวในจานเธอยังไม่พร่อง ไม่มีแม้แต่รอยน้ำต้มยำบนจานด้วยซ้ำ เขาเองก็หิวจัด รีบตักกินโดยไม่ได้สังเกตอีกคนเลย“ทานค่ะ” ดอกแก้วได้สติ รีบตักข้าวเข้าปากบ้างรสชาติต้มยำกุ้งที่เธอทำไม่ได้แย่ ออกจะอร่อยด้วยซ้ำ ต้องขอบคุณที่แม่เป็นแม่ค้าขายอาหารตามสั่ง เธอเลยได้ฝีมือติดตัวมาบ้าง แต่ถึงอย่างนั้นรสปากของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกันอยู่ดี เธอชอบ คนอื่นๆ ชอบ แต่เสี่ยอาจจะไม่ชอบก็ได้“มาร์คส่งรายละเอียดมาหรือยัง?” พิธานชวนคุย เพราะสังเกตได้ว่าดอกแก้วดูเกร็งเล็กน้อย คงเพราะเธอยังไม่ค่อยคุ้นเคยกับเขาก็นะ... ตั้งแต่รับเธอมาเลี้ยง เขาก็ไม่มีเวลาแวะเข้ามาหาเธอเลย“ส่งมาแล้วค่ะ”รายละเอียดที่ว่าคือรายละเอียดของการเป็น เด็กเสี่ย ที่เป็นลายลักษณ์อักษร ทั้
ดอกแก้วจ้องมองคนที่อยู่ในกระจก เธอเห็นผู้หญิงหน้าตาธรรมดาที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จ ผิวพรรณอมชมพูระเรื่อเพราะน้ำที่ใช้อุณหภูมิสูง ใบหน้าที่เคยมีเครื่องสำอางตอนนี้สะอาดหมดจด ผมเผ้ายุ่งเหยิงเล็กน้อยเพราะพึ่งเป็นอิสระจากยางรัดผมเส้นใหญ่เธอมองสำรวจร่างกายตัวเองผ่านกระจกบานโตซักพัก ก่อนจะหยิบเสื้อคลุมอาบน้ำขึ้นมาใส่ และหยิบแว่นหนาเตอะขึ้นมาสวมไม่สิ...ดอกแก้วถอดแว่นนั้นออกในวินาทีต่อมา เธอไม่ควรใส่แว่นเวลาอยู่กับเสี่ย เพราะแว่นนี้จะทำให้เธอกลายเป็นผู้หญิงจืดชืดไม่น่าสนใจคอนแทกเลนส์ที่เจ้น้ำพาไปซื้อวันนี้คือตัวเลือกสุดท้าย แต่ดอกแก้วไม่สนใจมัน สายตาเธอสั้นสามร้อยกว่าทั้งสองข้าง ชีวิตที่ไร้แว่นลำบากก็จริง แต่ตอนนี้เธออยากใช้ประโยชน์จากมันอย่างน้อยๆ คืนนี้... เธอจะได้ไม่เห็นอะไรที่มันชัดเจนมากจนเกินไปดอกแก้วส่งกำลังใจให้คนในกระจก เรียกความมั่นใจเหมือนในคืนนั้นให้กลับมาอีกครั้ง..แกรกเสียงเปิดประตูห้องน้ำดังขึ้นหลังจากที่รอมามากกว่ายี่สิบนาที พิธานหันไปมองตามเสียงนั้น ก่อนจะพยักหน้าให้เธอเดินเข้ามาดอกแก้วเดินเข้าไปหาร่างสูงใหญ่ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้โต๊ะเครื่องแป้งของตัวเองอย่างไม่ลังเล เธอเดิน
“พร้อมเป็นของฉันแล้วใช่ไหม? ดอกแก้ว”ไม่...เธอยังไม่พร้อม“สะ.. เสี่ย” ดอกแก้วปากคอสั่น รีบถดกายหนีเมื่อเสี่ยเข้ามาใกล้“หืม?” พิธานแสร้งทำหน้าฉงน แต่ไม่หยุดรุกเข้าหาจนแผ่นหลังของดอกแก้วชิดกับหัวเตียง “เรียกแล้วทำไมไม่พูด?”เมื่อหมดหนทางหนี พิธานก็ขยับเข้ามาได้ใกล้ขึ้น ใกล้จนดอกแก้วมองเห็นสิ่งนั้นได้ชัดเจน หญิงสาวส่ายหน้าไปมา จู่ๆ น้ำตาก็เอ่อคลอเต็มเบ้าตา“ฮึก...”“ร้องไห้ทำไม?”“ดอกแก้ว ฮึก... กลัว”“กลัว? เธอกลัวอะไร”“ดอกแก้ว...” หญิงสาวสะอื้น ไม่ยอมตอบจนพิธานต้องแตะไหล่บางเบาๆ ให้เธอผ่อนคลาย“บอกฉันว่าเธอกลัวอะไร หืม?”พิธานถามเสียงอ่อนโยน เขาไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งจะต้องมาปลอบโยนผู้หญิงที่กำลังร้องไห้ระหว่างที่จะมีเซ็กซ์กัน ปกติเขาเจอแต่ผู้หญิงที่ร้องไห้บนเตียงเพราะความสุขสม แต่ดอกแก้วไม่ได้ใกล้เคียงกับความรู้สึกนั้นเลย“ดอกแก้วกลัวว่าเสี่ยจะรุนแรง ตรงนั้น...” เธอมองไปที่ส่วนนั้นที่ว่า “มันใหญ่เกินไป ถ้าเสี่ยรุนแรง ดอกแก้วต้องตายแน่ๆ ค่ะ”“ฉันผ่านผู้หญิงมาเป็นสิบคน ไม่เห็นมีใครตายซักคน”“แต่ดอกแก้ว...”“แต่อะไร?”พิธานรอฟังคำตอบ ร่างกายเขาร้อนรุ่ม แต่เขาก็ใจเย็นพอที่จะรอฟังว่าเธอต้
ฤกษ์ส่งตัวเข้าหอของพิธานกับดอกแก้วคือสองทุ่มตรง ที่จริงแล้วดาวเรืองหาฤกษ์ที่ดีกว่านี้ได้ แต่เพราะมันดึกเกินไปและพิธานไม่อยากให้คนท้องอ่อนๆ ต้องเข้านอนดึก เขาจึงขอแม่ยายให้หาฤกษ์ใหม่ให้เป็นช่วงหัวค่ำแทน ดังนั้นหลังจากพูดคุยบนเวทีเสร็จแขกที่มาร่วมงานก็ไม่ได้เห็นหน้าบ่าวสาวอีก รวมถึงเด็กๆ ทั้งสองก็มีพี่เลี้ยงพาไปอาบน้ำนอน กลายเป็นว่างานเลี้ยงฉลองงานแต่งที่ยิ่งใหญ่จบลงภายในระยะเวลาสั้นๆ แต่ก็เต็มไปด้วยความอบอุ่นที่ฝังอยู่ในใจแขกเหรื่อทุกคนไม่รู้ลืมห้องสวีทราคาคืนละสองหมื่นคือห้องหอในค่ำคืนนี้ พิธานกับดอกแก้วนั่งอยู่บนพื้น รอคอยให้ญาติผู้ใหญ่เข้ามาอวยพรก่อนส่งตัวตามพิธี อดีตเสี่ยหนุ่มตื่นเต้นจนมือชื้นเหงื่อ ถ้าตามพฤตินัยพิธานเข้าหอกับภรรยามานับครั้งไม่ถ้วนจนมีตัวน้อยคนที่สามแล้ว แต่ถ้าตามพิธีจริงๆ นี่เป็นครั้งแรก“ตื่นเต้นหรือคะ?” เสียงหวานเอ่ยถามสามี พิธานดูลุกลี้ลุกลนไม่เป็นตัวเองเหมือนเคย ลบภาพนักธุรกิจหนุ่มมาดขรึมไปจนหมด“ตื่นเต้นสิ ดอกแก้วไม่ตื่นเต้นเหรอ?”“ตื่นเต้นค่ะ”พิธานมองภรรยาที่ส่งยิ้มหวานมาให้ เธอบอกว่าตื่นเต้น แต่ท่าทางของดอกแก้วกลับดูปกติ “คงมีแค่คุณพิธานสินะที่อยู่ไม่สุข”
เสียงเปิดประตูห้องน้ำเรียกสายตาจากคนบนเตียงให้หันไปมอง พิธานวางหนังสือที่อ่านอยู่ลง ก่อนจะเดินเข้าไปโอบกอดภรรยาที่ดูอ่อนล้ากว่าปกติหลวมๆ“เหนื่อยมากไหม?”ช่วงนี้เป็นช่วงเตรียมตัวสำหรับงานแต่ง และเพราะงานแต่งที่จะจัดขึ้นไม่ใช่งานเล็กๆ เหมือนที่เชียงใหม่ เพื่อหน้าตาของเจ้าของบริษัทอย่างพิธานจึงทำให้งานที่ควรจะสบายๆ กลับจริงจังขึ้น ข่าวการแต่งงานแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว สื่อหลายสื่อให้ความสนใจทั้งยังขอสัมภาษณ์ราวกับพิธานเป็นดาราดัง แม้จะไม่ชอบใจแต่พิธานก็ปฏิเสธไม่ได้ เพราะการได้พื้นที่สื่อก็มีประโยชน์กับบริษัทของเขามากพอสมควรพิธานเลยจัดการนัดสื่อทั้งหลายให้มาสัมภาษณ์ที่เพนท์เฮ้าส์ โดยมีข้อแม้ว่าเขาอนุญาตให้แต่จะสำนักส่งทีมงานมาได้ไม่เกินสองคนเท่านั้น เพราะกลัวว่าเด็กๆ จะตื่นเพราะเจอคนเยอะเด็กๆ ที่ว่าหมายถึงลูกชายและลูกสาวของพิธานกับดอกแก้ว ส่วนหนึ่งที่สื่ออยากสัมภาษณ์เป็นเพราะเด็กปริศนาสองคนนี้ด้วย พิธานไม่ค่อยพาลูกออกงานที่ไหน และการสัมภาษณ์ในครั้งนี้ก็จะเป็นการเปิดตัวอย่างจริงจังครั้งแรก“เหนื่อยค่ะ”ดอกแก้วไม่โกหก เธอเหนื่อยเหมือนตัวจะขาด วันนี้เธอต้องไปลองชุดเจ้าสาวที่จะใช้ในงานทั้งห
สามปีต่อมา.“พี่ดล ไหนกระเป๋าที่คุณยายให้คับ?”“นี่คับ!”“น้องดาว ชุดที่คุณปู่ซื้อให้ไม่อึดอัดเกินไปใช่ไหมคะลูก?”“ม่ายค่า”“ดีมาก ถ้าอย่างนั้นเราไปรอแด๊ดดี้กับคุณแม่ที่รถกัน”“เย้ๆ”เสียงเจี๊ยวจ๊าวของสองเด็กและสองผู้ใหญ่เงียบหายไป แทนที่ด้วยเสียงหัวเราะของคนเป็นพ่อและแม่ ดอกแก้วที่กำลังเก็บของชิ้นสุดท้ายใส่กระเป๋าส่ายหน้าไปมาด้วยความเอ็นดู ส่วนพิธานเองก็อมยิ้มเพราะเสียงสดใสของลูกๆ ที่เป็นเหมือนยาวิเศษช่วยเติมเต็มพลังชีวิตให้กับเขาแค่ตื่นมาแล้วได้ยินเสียงลูกทุกวัน แค่นี้คนเป็นพ่อก็มีความสุข มีแรงทำงานได้ทั้งวันแล้ว“คุณลืมอะไรหรือเปล่าคะ?” เสียงหวานของดอกแก้วเอ่ยขึ้น ดวงตากวางกวาดมองไปทั่วห้องเพราะกลัวว่าจะหลงลืมอะไรวันนี้เธอและครอบครัวจะไปเที่ยวทะเลกัน เป็นครั้งแรกในรอบปีที่มีเวลามากพอจนพาลูกๆ ไปเปิดหูเปิดตาได้ ไม่ใช่ว่าเธอและพิธานงานยุ่งจนไม่มีเวลาว่าง แต่เพราะตอนนี้พนธกรใกล้ขึ้นชั้นประถมหนึ่งแล้ว ส่วนพริบพราวดาว ลูกสาวอีกคนก็เรียนเตรียมอนุบาลอยู่ คนที่ไม่มีเวลาคือเด็กๆ ทั้งสองคนต่างหาก“เหมือนจะลืมนะ”“ลืมอะไรคะ-“ ยังไม่ทันได้ถามจนจบ แก้มใสก็ถูกจมูกโด่งกดลงมาแนบแน่นฟอด!“คุณพิธ
“น้องดล ไหนเรียกแด๊ดเร็วเข้า แด๊ด”“แด๊ะ”“ไม่ใช่ลูก แด๊ด ไม่แด๊ะ”“แด๊ะ”“เฮ้อ...”พิธานหมดแรงจะสอนเจ้าตัวแสบ ร่างสูงทิ้งตัวลงนอนในคอกกั้นที่ปูด้วยพื้นนุ่มสำหรับลูก และเมื่อพนธกรเห็นพ่อนอนหมดแรงอยู่ก็คิดว่าอีกฝ่ายจะเล่นด้วย“อุ่ก! ตัวแสบ ตัวหนักแบบนี้กระโดดลงมาได้ยังไง”“คิก คิก”“หัวเราะงั้นเหรอ? มาให้แด๊ดฟัดพุงซะโดยดีเจ้าอ้วน”“มะ... คิกๆ กรี๊ด!!”เสียงหัวเราะสลับกับเสียงกรี๊ดทำให้คนเป็นแม่อดใจไม่ไหว ดอกแก้วละมือจากงานที่ทำค้างไว้ ก่อนจะเดินมาดูว่าสองพ่อลูกเขาเล่นซนอะไรกันภาพที่เธอเห็นคือร่างใหญ่ของสามีนอนหงายอยู่บนพื้น โดยที่บนตัวมีร่างอวบอ้วนของลูกชายนอนทับอยู่ ใบหน้าคมพยายามก้มลงฟัดพุงเจ้าตัวแสบ และนั่นคือสาเหตุที่พนธกรทั้งหัวเราะและกรี๊ดลั่นบ้านแบบนี้“คุณพิธาน”ดอกแก้วยืนดูซักพัก เมื่อเห็นว่าลูกเริ่มเหนื่อยแล้วจึงเรียกสามีไว้“พอแล้วค่ะ เดี๋ยวคืนนี้น้องดลเก็บเอาไปฝัน”คำเตือนของดอกแก้วทำให้พิธานหยุดชะงักแทบจะทันที ใบหน้าคมบิดเบี้ยวเล็กน้อย เมื่อนึกถึงวีกรรมของลูกชายเมื่ออาทิตย์ก่อนพิธานเป็นผู้ชาย และพนธกรเองก็เป็นลูกชาย การเล่นกับลูกของพิธานจึงค่อนข้างหวาดเสียวตามประสา พิธาน
หลังจากคลอดลูกชายคนแรกได้ห้าวัน ดอกแก้วก็ได้รับอนุญาตจากหมอน้ำให้กลับมาพักที่บ้านได้พิธานยังคงแย้งเหมือนเคย ชายหนุ่มกังวลไปสารพัด ต่างจากดอกแก้วที่อยากกลับบ้านเต็มทน เธอไม่ชอบนอนโรงพยาบาลเท่าไหร่ และเธอก็ไม่ได้เจ็บตรงไหนแล้วด้วยโต้แย้งกันอยู่นานสุดท้ายพิธานก็เป็นคนแพ้ แม้ไม่เต็มใจแต่เขาก็ขัดภรรยาไม่ได้ สิ่งเดียวที่เขาทำได้คือขอให้คนเป็นอาช่วยงานอีกซักพัก เพราะตนอยากใช้เวลาอยู่กับลูกในช่วงแรกให้มากเท่าที่จะทำไดใครๆ ก็รู้ว่าเหตุผลที่พิธานพูดนั้นเป็นแค่ข้ออ้าง คุณพ่อมือใหม่ทำราวกับว่าที่ทำงานกับบ้านที่อยู่อาศัยไกลกันมากมาย ทั้งๆ ที่ความจริงห่างกันเพียงไม่กี่ชั้น ใช้เวลาไม่ถึงสองนาทีก็กลับมาหาลูกได้โดยไม่ต้องกระทบกับงานที่ทำ แต่เพราะพิธานกังวลมากเกินไป รวมถึงเห่อลูกชายตัวน้อยที่ยังไม่รู้ความจนไม่อยากไปทำงานก็เท่านั้น“กินเก่งจังเลยลูกชาย”ชายร่างสูงใหญ่นั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงหนุ่ม ตาคมจ้องมองแก้มป่องๆ ที่ขยับขึ้นลงยามที่ได้ดูดกลืนน้ำนมจากมารดา ลูกชายของเขาช่างเลี้ยงง่ายเหลือเกิน นอกจากกินนมเป็นตั้งแต่ครั้งแรกแล้ว ยังไม่เคยงอแงไม่มีเหตุผลนอกเสียจากเวลาที่ท้องหิวพนธกร ลูกชายของดอกแก้วแล
สัปดาห์ที่สามสิบสอง ดอกแก้วรู้สึกเหนื่อยง่ายกว่าเดิม เธอไม่สามารถเข้าครัวช่วยแม่ทำกับข้าว หรือลุกเดินเร็วๆ ได้เหมือนปกติ และนั่นทำให้จิตใจของคุณแม่อ่อนแอลงคนท้องเจ็ดเดือนลุกเข้าห้องน้ำด้วยความยากลำบาก ดอกแก้วแม้ก่อนตั้งท้องจะไม่ใช่ผู้หญิงผอมบาง ทั้งยังมีเนื้อหนังให้กอดเล่นชื่นใจ แต่ก็นับว่าเป็นผู้หญิงไซส์มินิคนหนึ่ง เมื่อตั้งท้อง ร่างกายเล็กๆ ที่ต้องมารับน้ำหนักของลูกชายที่โตได้โตดีก็พาลให้ปรับตัวไม่ทัน เธอจำได้ว่าเมื่อเดือนก่อนเธอยังใช้ชีวิตได้ตามปกติ ท้องแรกเล็กจนถ้าไม่ใส่เสื้อผ้ารัดรูปคงดูไม่ออก แต่มาเดือนนี้หน้าท้องเธอกลับขยายใหญ่อย่างรวดเร็วจนอึดอัดไปหมด“อึ่ก” ฟันขาวกัดปากตัวเองไว้แน่น ดวงตากลมฉ่ำน้ำมองไปที่ร่างสูงใหญ่ของสามีที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียง อาทิตย์นี้พิธานทำงานหนัก แต่ยังต้องคอยตื่นขึ้นมากลางดึกเพื่อพาร่างอุ้ยอ้ายของเธอเข้าห้องน้ำทุกวัน ยิ่งท้องแก่ดอกแก้วก็ยิ่งเข้าห้องน้ำบ่อย พิธานเองก็ตื่นขึ้นมาทุกครั้งที่เธอร้องขอไม่เคยบ่น แต่ดวงตาคู่คมฉายแววเหนื่อยล้าทุกเช้าจนครั้งนี้ดอกแก้วไม่กล้าร้องขอความช่วยเหลืออีก“คนเก่ง”มือบางลูบหน้าท้องที่ขยับเป็นคลื่นเมื่อคนที่อยู่ภายในป
ช่วงที่อุ้มท้องลูกคนแรก เวลาในแต่ละวันของดอกแก้วช่างผ่านไปเร็วเหลือเกินสัปดาห์ที่สิบหกของการตั้งครรภ์ นันทิดาบอกกับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ว่าช่วงนี้จะสามารถเห็นเพศของเจ้าตัวน้อยได้แล้ว ทั้งดอกแก้วและพิธานจึงลงความเห็นไปในทางเดียวกันว่าจะดูเพศลูกน้อยไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะจะได้เตรียมตัวถูก คุณปู่และคุณยายเองก็เห็นดีเห็นงามด้วยและโชคดีเหลือเกินที่เจ้าตัวน้อยไม่ขี้อายพิธานมองภาพของลูกน้อยด้วยความยินดี สายตาคมเข้มอ่อนลงจนบรรยากาศในห้องตรวจเต็มไปด้วยหมอกไอที่แสนอบอุ่น“ผู้ชาย ดูสิ... เปิดโชว์ไม่อายใครเลยหลานอา”นันทิดาชี้ให้คนเป็นพ่อและแม่ดูเพศของลูก หลานเธอคนนี้ไม่ขี้อาย พอรู้ว่าจะถูกดูเพศก็อวดโชว์สิ่งที่พ่อให้มาราวกับภาคภูมิใจนักหนา“ผู้ชายจริงๆ ด้วย”“ทำไมพูดเหมือนรู้อยู่แล้วคะ?”ดอกแก้วอดถามสามีไม่ได้ ตลอดเวลาที่ผ่านมาพิธานไม่เคยพูดว่าอยากมีลูกเพศไหน ไม่เคยบอกเธอว่าคิดเรื่องเพศของลูกไว้แล้ว เพราะแบบนั้นเธอเลยค่อนข้างแปลกใจ สามีเธอแอบไปคิดมาตอนไหนว่าลูกคนนี้ต้องเป็นผู้ชาย?“จำวันที่เราแต่งงานกันได้ไหม?” พิธานถามกลับ รอจนภรรยาพยักหน้าเล็กน้อยจึงเฉลยออกมา “ที่แม่เฒ่าบอกว่าผู้ชาย ฉันคิดว่าท่
ทุกอย่างเป็นไปตามที่คุณพิธานพูดไว้ไม่มีผิด คุณพิธานบอกว่าเจ้น้ำจะไม่โกรธเธอ และเจ้น้ำก็ไม่โกรธเธอจริงๆ จะมีก็แค่ความตกใจจนพูดไม่ออกไปหลายนาทีหลังจากเธอเล่าเรื่องทุกอย่างจบก็เท่านั้นต่างจากคุณทิม เพื่อนของคุณพิธานที่ดอกแก้วเคยได้เจอมาแล้วครั้งหนึ่ง รายนั้นนอกจากจะไม่ตกใจแล้ว เขายังปรบมือเสียงดังอย่างชอบใจอีก“อะไร” พิธานตวัดสายตาเข้มๆ ไปที่เพื่อน แต่นั่นไม่ได้ทำให้รอยยิ้มของคนทะเล้นหายไป“ฉันปรบมือให้ตัวเอง”“เพื่อ?”“เพื่อชื่นชมความเก่งของตัวเองไง” หนุ่มลูกครึ่งตอบด้วยสำเนียงไทยชัดถ้อยชัดคำ ไม่ยี่หระกับสายตาเอือมระอาของเพื่อน “เดาไว้แล้วไม่มีผิดว่าคนนี้ต้องกลายเป็นตัวจริงของเสี่ยพิธาน”“เลิกเรียกว่าเสี่ยได้แล้ว” พิธานพูดด้วยน้ำเสียงปกติ แต่ทำไมคนเป็นเพื่อนจะไม่รู้ว่าเจ้าตัวกำลังจริงจังแค่ไหนทีเมื่อก่อนล่ะชอบให้ผู้หญิงมาเรียกเสี่ยคะเสี่ยขา แต่พอมีเมียเป็นตัวเป็นตนเข้าก็สั่งให้เลิกเรียกเด็ดขาดเชียว...“ไม่เสี่ยก็ไม่เสี่ย” ทิมไม่อยากเถียงกับเพื่อ ชายหนุ่มหน้าตาค่อนไปทางตะวันตกหันไปมองภรรยาเพื่อนแทน “ยินดีด้วยนะดอกแก้ว”“ขอบคุณค่ะ”เรื่องที่ทิมแสดงความยินดีไม่ใช่แค่เรื่องความสัมพันธ์ของ
หลังจากจับภรรยาเปลี่ยนเสื้อผ้าจนเรียบร้อยกว่าเดิมแล้ว พิธานก็จับจูงมือดอกแก้วไปที่ห้องรับประทานอาหาร เมื่อเปิดประตูเข้าไปเขาก็พบว่าทุกคนอยู่ด้วยกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาทั้งแด๊ดของเขาที่กำลังนั่งคุยกับอาพัลลภอย่างออกรสเพราะไม่ได้เจอหน้ากันมานาน แม่ดาวเรืองที่กำลังตักข้าวให้ทุกคน รวมถึงเกวลินที่วันนี้แปลงร่างเป็นลูกมือของแม่ดาวเรืองหนึ่งวัน“ธานมาแล้ว” อาพัลลภพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าหลานชายจูงมือผู้หญิงอีกคนเข้ามา ชายวัยกลางคนพยักหน้ารับเบาๆ เมื่อดอกแก้วยกมือขึ้นไหว้ “นี่เหรอหลานสะใภ้?”“อาครับ อย่าทำเสียงดุสิ”“อาก็พูดปกตินะธาน” พัลลภเถียง เขาสาบานว่าเขาไม่ได้ทำเสียงดุเลยแม้แต่นิดเดียว แต่แม่หนูคนนั้นกลับไม่กล้าสบตาเขา แถมยังหลบอยู่ด้านหลังของพิธานไม่ยอมโผล่หน้าโผล่ตาออกมาอีก“ช่วงนี้ฮอร์โมนของดอกแก้วเขาแปรปรวนน่ะลภ เขาอ่อนไหวง่าย” คนเป็นพี่ชายกระซิบบอกน้อง พัลลภพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะปรับเสียงให้อ่อนลงกว่าปกติ“หนูดอกแก้ว ไม่ต้องกลัวอานะ อาใจดีกว่าพิธานเยอะ ไม่เชื่อถามเกวลินสิ”“อาครับ” พิธานโอดครวญ เรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนได้เป็นอย่างดี รวมถึงดอกแก้วที่เริ่มหายกลัวด้วย“มานั่งนี่สิดอกแก้ว