บ้านทรงทันสมัยหลังนี้ มีห้องนอนอยู่ทั้งหมด 6 ห้องด้วยกัน ห้องของเพียงพรกับภีมภพเป็นห้องขนาดใหญ่ ที่ยกสูงขั้นจากห้องรับแขกและห้องครัวเพียงเล็กน้อย เพราะบิดากับมารดาของเธอมีปัญหาเรื่องข้อเข่าเลยเลือกสร้างบ้านชั้นเดียวแต่ต่างระดับเพื่อความสะดวกในการเดินขึ้นลง แต่ท่านทั้งสองก็จากไปแล้วเมื่อหลายปีก่อน สองพี่น้องจึงอาศัยอยู่กันแค่สองคน
เพียงพรเคยที่ทำงานในบริษัทใหญ่ในกรุงเทพ แต่พอทำได้สักพักก็เริ่มอิ่มตัวจึงลาออก และกลับมาช่วยงานที่บ้าน หลังบิดามารดาเสียชีวิตเธอเลยต้องดูแลกิจการของครอบครัวทั้งหมด ซึ่งเปิดเป็นร้านขายวัสดุและอุปกรณ์การเกษตร มีทั้งเมล็ดพันธุ์ ยาฆ่าแมลง ปุ๋ยอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ จอบ เสียม พลั่ว เครื่องตัดหญ้า เครื่องพ่นยาและภีมภพก็เสริมพวกรถไถนา รถเกี่ยวข้าว ที่มีทั้งขายและให้เช่า รวมไปถึงรับจ้างไถ รับจ้างเก็บเกี่ยว เพียงพรยังเปิดให้ชาวบ้านที่มีปัญหาด้านการเงินมาเอาสินค้าไปก่อนแล้วค่อยมาจ่ายหลังจากเก็บเกี่ยวผลผลิตได้อีกด้วย
“น้าพรคะ แล้วห้องของป้าสายใจอยู่ไหนคะ”
“ถามทำไมเหรอหนูกอหญ้า”
“คือหนูกับแม่มาเป็นลูกจ้างเหมือนกันก็เลยอยากจะไปอยู่กับป้าสายใจค่ะ”
“ป้าสายใจแกมีบ้านอยู่ถัดไปไม่กี่หลังนี่เอง แกเลยมาเช้าเย็นกลับ”
“อ๋อ แล้วคนงานอื่นล่ะคะ”
“ส่วนใหญ่ก็คนแถวนี้ทั้งนั้นเลยไม่ได้พักที่นี่ นอกจากผู้ชาย ที่จะพักกันตรงห้องพักหลังโกดังเก็บของเพราะต้องมีคนคอยเฝ้าโกดังด้วย” แม้จะจ้างบริษัทรักษาความปลอดภัยแต่ภีมภพกับคนงานก็มักจะผลัดเวรยามกันเดินตรวจโกดังอยู่ทุกคืน ชายหนุ่มเลยไปปลูกบ้านหลังเล็กอีกหลังเพื่อให้สะดวกมากขึ้น
“หนูกับแม่อยู่ที่นี่ไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้น ถือว่าเราเป็นญาติกันดีไหม”
“น้าขอบคุณคุณพรกับคุณภพมาก ที่ช่วยเหลือเราสองแม่ลูก” วาสนาไม่รู้ว่าเพราะเรื่องอุบัติเหตุหรือเปล่าที่ทำให้เพียงพรทำดีกับเธอสองแม่ลูก แต่เธอเองก็ไม่มีทางเลือก เลยคิดว่าจะอยู่ที่นี่สักพัก ถ้าอยู่แล้วลำบากใจก็ค่อยว่ากันอีกที
“เกรงใจอีกแล้ว สองคนแม่ลูกนี่ถอดแบบกันมาเลย แล้วเรื่องห้องก็ไม่ต้องบอกนะคะว่าจะนอนห้องเดียวกับเพราะ หนูกอหญ้าต้องอ่านหนังสือดึก ส่วนน้าวาสก็ต้องตื่นเช้าไปตลาด ถ้าอยู่ด้วยกันมีหวังได้เหนื่อยไปตามๆ กันแน่” เพียงพรพูดถูกทุกอย่าง สองคนแม่ลูกเลยได้แต่ยอมรับน้ำใจ
ญารินดาเลือกห้องพักที่ติดกับเพียงพรเพราะมีห้องน้ำในตัวตามคำแนะนำของเจ้าของบ้าน ส่วนวาสนาเลือกห้องที่อยู่ริมสุดเพราะไม่อยากรบกวนไปมากกว่านี้
พอตกลงกันได้แล้วต่างคนก็แยกเข้าห้องนอนของตัวเอง ญารินดาอาบน้ำแต่งตัวแล้วก็ออกไปหาแม่ที่ห้อง
“แม่คะ ยังเจ็บสะโพกอยู่ไหม หนูทายาให้นะคะ”
“แม่ทาแล้ว หนูยังไม่ง่วงเหรอ”
“ค่ะ หนูนอนไม่หลับเลย มันแปลกที่ แม่ว่าน้าพรใจดีกับเรามากเกินไปไหม”
“แม่ก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน เธอใจดีกับเรามากจนแม่เกรงใจ”
“เรื่องเรียนหนูไม่อยากรบกวนน้าพรเลยนะคะ หนูยังไม่เรียนตอนนี้ได้ไหม”
“เรื่องนี้มันสำคัญกับอนาคตของหนูนะกอหญ้า แม้ว่าถ้าคุณพรเธอจะส่งลูกเรียนจริงๆ เรื่องเงินกู้ยืมเรียนคงไม่จำเป็นแล้ว แม่ไม่อยากเป็นหนี้สองทาง”
“แต่หนูกลัวว่าเราจะรบกวนน้าพรมากเกินไปนะคะ”
“เรื่องนั้นแม่ว่าจะทำเป็นสัญญาดีไหม แล้วให้หักจากเงินเดือนแม่อีกที ส่วนเรื่องค่าเสียหายที่ร้าน ถ้าเราได้มาก็ค่อยคิดว่าจะกลับไปเปิดร้านต่อหรือว่าจะทำงานที่นี่ เพราะถ้าหนูไปเรียนที่กรุงเทพ แม่ก็ไม่อยากอยู่คนเดียว”
“แม่ทนลำบากเพื่อหนูมาเยอะแล้ว หนูสัญญานะคะว่าจะตั้งใจเรียน พอเรียนจบก็คงทำงานได้เงินเดือนเยอะขึ้น ตอนนั้นหนูจะเลี้ยงแม่เองนะคะ”
“กอหญ้า หนูเป็นเด็กดีอย่างนี้แม่เชื่อว่าในอนาคตหนูจะต้องประสบความสำเร็จ แม่รักหนูนะลูก”
“กอหญ้าก็รักแม่ค่ะ คืนนี้ขอนอนกอดแม่ได้ไหมคะ”
“ได้สิ พรุ่งนี้แม่ยังไม่ต้องไปทำอาหารเพราะต้องรอคุยกับป้าสายใจก่อน”
ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้างแต่คืนนี้ทั้งสองแม่ลูกก็นอนหลับไปด้วยรอยยิ้ม
วาสนากับญารินดาตื่นนอนแต่เช้า พอเดินลงมาในครัวก็เจอกับผู้หญิงสูงวัยรูปร่างท้วมกำลังง่วนอยู่กับการทำอาหารเช้าให้กับเจ้าของบ้าน
“สวัสดีค่ะ” ญารินดายกมือใหญ่อย่างอ่อนน้อม
“อ้าว แม่หนู เป็นใครมาจากไหนกันล่ะ เป็นแขกคุณพรหรือเปล่า ลงมาถึงในครัวเลย” ท่าทางใจดีของป้าสายใจทำให้วาสนาและลูกสาวยิ้มออก
“สวัสดีค่ะ ฉันชื่อวาสนา นี่ลูกสาวชื่อกอหญ้า เราสองคนมาขออาศัยคุณพรเธออยู่น่ะจ้ะ”
“ฉันชื่อสายใจ เป็นแม่บ้านและแม่ครัว”
“แล้วป้าสายใจกำลังทำอะไรคะ ให้หนูช่วยไหม”
“ทำเป็นเหรอเราสมัยนี้แล้วหญิงสาวมักทำกับข้าวกันไม่เป็นเพราะถนัดแต่ซื้อเขากิน”
“ค่ะ หนูเคยช่วยแม่ อันที่จริงเราสองคนเคยเปิดร้านอาหารตามสั่ง”
“ตายๆ ฉันขอโทษแม่หนูทั้งสองคนด้วยนะ” ป้าสายใจมือไม้สั่น
“เป็นอะไรคะป้า ทำไมดูตกใจอย่างนั้น”
“ก็ป้าตกใจน่ะสิหนู ไอ้คนที่มันขับรถชนร้านหนูน่ะ มันเป็นลูกชายป้าเอง ป้าล่ะอยากจะตีกะบาลมันให้แตก”
“มันเป็นอุบัติเหตุค่ะป้า”
“หนูแม่คงลำบากมาก ไหนร้านจะพัง ไหนจะไม่มีที่อยู่”
“ไม่ลำบากหรอกค่ะ คุณพรเธอเสนอให้ฉันกับลูกมาอยู่ที่นี่ ฉันจะไปทำงานที่ร้าน”
“คุณพรกับคุณภพเป็นคนดี” ป้าสายใจพูดถึงเจ้านายอย่างชื่นชม
เมื่อหญิงสาวอาสาช่วยทำอาหารเช้าทุกอย่างก็เลยเสร็จเร็วขึ้น
เพียงพรเห็นผู้มาอยู่ใหม่กับแม่บ้านคนเก่าคุยกันอย่างถูกคอก็เบาใจ จากนี้ป้าสายใจคงมีคนมาช่วยแบ่งเบางานได้บ้าง เธอเคยจ้างคนมาช่วยป้าสายใจแต่ก็ไม่มีใครทนความจู้จี้ของป้าเลยได้ ก็ได้แต่หวังว่าวาสนาและญารินดาคงจะทนอยู่ที่นี่ได้ เพียงพรอยากให้ป้าสายใจได้พักบ้างเพราะทำงานกับเธอมาก็หลายปี
“คุยอะไรกันอยู่คะ ป้า”
“ป้ากำลังนินทาคุณพรกับคุณภพให้แม่วาสกับหนูกอหญ้าฟังค่ะ”
“ดูท่าทางจะนินทาเพลินเลยนะคะ แล้วเช้านี้มีอะไรให้พรกินบ้างคะ”
“มีหลายอย่างเลยค่ะ”
“น่ากินทั้งนั้นเลยนะคะ”
“ฝีมือหนูกอหญ้ากับแม่วาส ป้าแค่ช่วยดูค่ะ ป้าว่าจากนี้คงต้องวางมือแล้ว”
“ป้าค่ะ ทำไมพูดแบบนั้น วาสกับลูกไม่ได้จะมาแย่งงานป้านะคะ เราแค่มาอาศัยชั่วคราวเท่านั้น”
“ป้าเห็นแม่หนูสองคนแล้วถูกชะตาเลยคิดว่าคงช่วยดูแลคุณพรกับคุณภพของป้าได้”
“ป้าพูดเหมือนจะไม่อยู่”
“คุณพรก็รู้ว่าลูกสาวป้าพึ่งจะคลอดลูก ป้าเลยอยากไปช่วยเลี้ยงหลาน”
“พรลืมสนิทเลยค่ะ เอาอย่างนี้นะคะ ช่วงนี้ป้าไปเลี้ยงหลานก่อน แล้วค่อยกลับมาทำงานต่อ”
“ไม่แน่นะคะคุณพร บางทีป้าอาจเลี้ยงหลานยาวเลย เพราะพ่อกับแม่ของมันจะได้ทำงานกันเต็มที่ แต่ไม่ต้องห่วงถ้าว่าป้าจะแวะมาหาบ่อยๆ”
“ค่ะ ป้ามาหาพรได้ตลอด ป้าก็เหมือนญาติคนหนึ่งของพรกับภพ” เพียงพรคิดแล้วก็ใจหายแม่บ้านที่อยู่มานานจะต้องมาลาออก
“ค่ะ แล้วป้าจะแวะมาบ่อยๆ แม่วาส หนูกอหญ้า ป้าฝากดูแลคุณๆ ของป้าด้วยนะคะ”
“ค่ะป้า หนูกับแม่จะช่วยกันทำงานค่ะ ป้าไม่ต้องเป็นห่วง”
“ได้ยินอย่างนี้ป้าก็เบาใจ ตอนแรกว่าจะหาคนมาเลี้ยงหลาน แต่ตอนนี้ไม่ต้องแล้ว เลี้ยงเองคงดีกว่า”
“ใช่ค่ะป้าใจ เลี้ยงเองดีกว่า ให้คนอื่นมาเลี้ยง” วาสนาเห็นด้วย
“คุณพรค่ะ ยังจะให้ใบตองมาทำงานอยู่ไหมคะ”
“ทำต่อเหมือนเดิมจ้ะ พอดีน้าวาสจะช่วยแค่ทำอาหาร แล้วกลางวันจะไปช่วยงานที่ร้าน ส่วนงานบ้านก็ให้ใบตองมาทำเหมือนเดิม” ใบตองคือเด็กที่เพียงพรจ้างมาทำงานบ้าน ซักผ้าโดยเฉพาะ และให้ป้าสายใจช่วยดูแลอีกที
หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จเพียงพรก็พาวาสนาและญารินดามาที่ร้าน พอเพียงการเกษตร เธอแนะให้พนักงานรู้จักกับวาสนาและลูกสาว ก่อนทุกคนจะแยกย้ายกันไปทำงาน“เดี๋ยวน้าวาสไปซื้อของสดในตลาดกับเจ้าสมหมายนะคะ พรสั่งไว้แล้วเดี๋ยวคงเอารถมารับ ส่วนหนูกอหญ้าอยู่กับน้าก่อน”“ค่ะคุณพร” วาสนารับเงินจากเพียงพรแล้วเดินไปหน้าร้านที่มีรถกระบะคันหนึ่งจอดอยู่“น้าพรคะ ที่นี่มีคนงานเยอะไหมคะ”“ไม่เยอะเท่าไหร่หรอกนะ รวมแล้วทั้งคนขาย คนยกของ คนขับรถก็ คนงานจิปาถะอีกรวมๆ ก็ประมาณ 40 คน แต่ก็อยู่กันไม่ค่อยครบหรอก บางคนก็ออกไปส่งของ บางคนก็ออกไปคุมรถเกี่ยวที่เขามาจ้าง ที่นี่เราอยู่กับแบบพี่น้อง”“แล้วหนูต้องช่วยงานอะไรบ้างคะ”“หนูก็ช่วยน้าดูเรื่องตัวเลขนะ น้าตาไม่ค่อยดีแล้ว ค่อยๆ ฝึกไป ถ้าตรงไหนไม่เข้าใจก็ถามน้าหรือน้าภพก็ได้ แต่ขานั้นไม่ค่อยอยู่ให้ถามหรอก ส่วนใหญ่ก็ไปตามไร่นาของชาวบ้าน”“น้าภพทำนาด้วยหรือเปล่าคะ”“ไม่หรอก แต่ต้องไปดู เหมือนบริการหลังการขายแหละ บางคนเขาซื้อรถ บางคนก็เช่ารถไป ต้องไปคอยดูไปให้คำแนะนำบ้าง บางทีก็ไปตามทวงนี้”“มีทวงหนี้ด้วยเหรอคะ”“มีเยอะ ทวงได้บ้างไม่ได้บ้างถือว่าช่วยๆ กันไป”“น้าพรกับน้า
ภีมภพเดินนำคนตัวเล็กไปยังรถของเขาอย่างรวดเร็วเพราะกลัวว่าลูกน้องสองคนจะตามป่วน“หนูไปก่อนนะคะ” ญารินดาบอกกับลูกน้องของภีมภพอย่างสนิทสนมก่อนจะขึ้นไปนั่งข้างชายหนุ่มแล้วมุ่งหน้าไปยังห้างสรรพสินค้าใจกลางเมือง“กอหญ้า น้าถามอะไรหน่อยได้ไหม” ขับรถมาได้สักระยะชายหนุ่มก็เริ่มชวนเธอคุย“ได้สิคะ ถามมาเลย”“กอหญ้ากับแม่อยู่กันสองคนเหรอ แล้วพ่อไปไหนละ” เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องเขาไม่เคยได้ยินวาสนาและญารินดาพูดถึงเลย สักครั้งที่เขาถามก็เพราะตอนนี้ทั้งสองคนไปอยู่ที่บ้านเขา ก็เลยอยากจะรู้เผื่อว่าบิดาเธอจะตามหาไม่เจอ“พ่อหนูเสียไปตั้งแต่หนูยังเด็กแล้วค่ะ เรามีกันแค่สองคน ญาติคนอื่นอยู่แถวนครปฐมค่ะ” เสียงพูดของเธอฟังดูเศร้าลงจนคนถามรู้สึกผิดขึ้นมาทันที“น้าเสียใจด้วยเรื่องพ่อ และก็ขอโทษที่ถาม”“ไม่เป็นไรค่ะ หนูอยู่กับแม่สองคนจนชินแล้ว” หญิงสาวตอบด้วยความสดใส นั้นก็ทำให้เขาเบาใจขึ้นบ้าง“อย่างนี้ถ้าไปเรียนกรุงเทพ คงคิดถึงแม่แย่เลย”“ค่ะ หนูไม่ค่อยอยากไปเท่าไหร่ แต่แม่บอกว่าเพื่ออนาคต” เมื่อคิดว่าตัวเองต้องอยู่ห่างจากมารดาที่เคยอยู่ด้วยกันทุกวันญารินดาก็ไม่ค่อยอยากจะไปเรียนเท่าไหร่“น้าวาสพูดถูกนะ ถ้ากอห
วาสนาและญารินดามาอยู่ที่บ้านของเพียงพรได้ 2 อาทิตย์แล้ว การใช้ชีวิตเริ่มลงตัว ทุกเช้าวาสนาจะตื่นมาทำอาหารเช้าให้กับเพียงพร และภีมภพที่มาทานด้วยเกือบทุกวัน ส่วนเธอกับลูกสาวก็ทานกันในครัว 2 คน แม้เพียงพรจะชวนให้นั่งทานด้วยกันแต่วาสนาไม่อยากทำตัวเสมอเจ้านายจากนั้นช่วงสายก็เข้าไปที่ร้านแล้วออกไปซื้อของสดมาทำเป็นมื้อกลางวันให้กับคนงาน ทุกคนต่างพูดกันพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าน้าวาสนาทำกับข้าวอร่อยส่วนเรื่องค่าเสียหายจากอุบัติเหตุก็ได้เงินมาก้อนหนึ่ง เธอชั่งใจอยู่นานว่าจะนำเงินไปปรับปรุงร้านหรือเก็บเป็นเงินก้อนไว้ให้กับญารินดาเรียน เมื่อปรึกษากับเพียงพรเลยได้ข้อตกลงว่า วาสนาจะยังทำงานที่นี่ต่อ รอจนลูกสาวเรียนจบ จากนั้นจะออกไปเปิดร้านอย่างเดิมก็ได้ วาสนาและลูกสาวก็เห็นด้วยกับคำแนะนำของเพียงพร“แม่คะ หนูจะขอแม่ไปดูหอพักกับเพื่อนได้ไหมคะ”“หนูไปกันสองคนได้เหรอลูก”“ได้ค่ะ มีรถตู้วิ่งจากสุพรรณไปกรุงเทพทุกวัน หนูไปเช้าเย็นก็กลับ ไปกัน 4 คนค่ะ มีหนู กัญ ต้นหลิวแล้วก็ทีเจค่ะ” ทั้ง 4 คนวาสนาเคยเจอมาบ้างแล้วจึงวางใจ“แม่อยากไปด้วย แต่ติดที่ต้องทำงาน อีกอย่างก็ไม่อยากเกะกะ”“ไม่เป็นไรค่ะแม่ หนูว่าจะถ่
ขากลับจากกรุงเทพเสียงในรถเงียบกว่าเมื่อเช้ามากผู้โดยสารทั้งสี่คนหมดแรงหลับไปตามๆ กัน เพราะหลังจากทำธุระเรื่องหอพักกันเสร็จ ภีมภพก็พาพวกเธอทุกคนไปทานอาหารกลางวันและสาวๆ ขอไปเดินเที่ยวกันต่อ ส่วนเขานั่งรอที่ร้านกาแฟอยู่เกือบ 3 ชั่วโมง สายตาคมแอบมองคนที่นั่งคู่มาด้วย ญารินดาในวันนี้ สดใส ร่างเริงช่างพูด เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นเธอหัวเราะอย่างมีความสุขนับตั้งแต่วันที่เขาได้เจอเธอ ภีมภพรู้สึกว่าคนของตัวเองเป็นต้นเหตุที่พรากเอาความสดใสของเธอไป จากนี้เขาตั้งใจว่าจะคอยอยู่ข้าง ๆ เธอคอยช่วยเหลือ เขาอยากเห็นเธอสดใสร่าเริงแบบนี้ไปตลอด เพราะมันทำให้คนที่ได้อยู่ใกล้อย่างเขารู้สึกดีไปด้วย “กอหญ้า” ภีมภพเรียกเบาๆ “คะ น้าภพถึงบ้านแล้วเหรอคะ” “ใกล้ถึงแล้วครับ บ้านเพื่อนกอหญ้าอยู่ที่ไหนกันบ้างน้าจะได้ไปส่งถูก” “น้าภพขับส่งที่เดิมเมื่อเช้าก็ได้ค่ะ พวกนั้นเอารถมอเตอร์ไซค์มาจอดไว้ที่นั่น” ญารินดาหมายถึงร้านรับฝากที่อยู่ใกล้กับท่ารถโดยสาร เมื่อส่งทุกคนเสร็จแล้วเขาก็ขับรถกลับมาถึงบ้านทันเวลาอาหารเย็นพอดี “เป็นไงบ้างคะคุณภพ”
เด็กฝึกของน้าภพตอนนี้แทบจะกลายเป็นแฝดของน้าภพไปแล้วไม่ว่าเขาจะไปไหนก็จะพาเธอไปด้วยทุกที่ ด้วยเหตุผลคืออยากให้เธอเรียนรู้งานให้มาก เวลาขับรถไปไหนก็มักจะสอนเธอไปว่าทางแบบนี้ ถนนแบบนี้ สภาพการจราจรแบบนี้ ควรขับรถแบบไหนใช้เกียร์แบบไหน ตอนนี้หญิงสาวขับได้ทั้งรถเกียร์ธรรมดาและเกียร์อัตโนมัติ“น้าภพ คิดว่าหนูจะทำได้ไหมคะ” ญารินดาวันนี้ญารินดาต้องมาสอบใบขับขี่หลังจากฝึกมาจนมั่นใจและอ่านข้อสอบไปเป็นสิบรอบ“ได้สิครับ มั่นใจหน่อยอย่าทำหน้าแบบนั้น”“ถ้าวันนี้ไม่ผ่าน ครั้งหน้าน้าภพจะมากับหนูอีกไหมคะ”“ไม่” ภีมภพปฏิเสธ“น้าภพอะ ใจร้าย”“ก็น้ารู้ว่ายังไงวันนี้กอหญ้าก็ต้องทำได้”“หนูจะพยายามค่ะ จากนี้หนูขอเป็นคนพาแม่ไปซื้อของมาทำอาหารนะคะ”“ได้สิ กอหญ้าจะยืมรถน้าพาแม่ไหนก็ได้ น้าอนุญาต” เพราะเป็นคนเธอเองเขาจึงมั่นใจว่าญารินดาจจะขับรถได้ดีและมีสติ“แบบนี้หนูสู้ตายเลยค่ะ”อาหารบนโต๊ะเย็นนี้มากกว่าทุกวันเพราะภีมภพอยากฉลองให้กับญารินดาที่สอบใบขับขี่ผ่านตั้งแต่ครั้งแรก“กอหญ้า น้ามีความลับจะบอก”“ความลับอะไรคะน้าพร”“เรื่องสอบใบขับขี่ น้าขอชื่นชมเลยว่ากอหญ้าเก่งมากที่สอบผ่านได้ในครั้งแรก หนูรู้ไหมมีใครบาง
ภีมภพพาญารินดามาทานอาหารญี่ปุ่นตามที่เคยได้สัญญาไว้ตั้งแต่ยังไม่เปิดเทอม “น้าภพจำได้ด้วยเหรอคะ ว่าหนูอยากกินอาหารญี่ปุ่น” “จำได้สิ น้ายังไม่แก่นะกอหญ้า” “ก็ไม่ได้ว่าแก่ แต่มันนานแล้วคิดว่าน้าภพลืมนี่ค่ะ”“ไม่ลืมหรอกครับ”“น้าภพคะ หนูฝากความคิดถึงให้แม่กับน้าพรด้วยนะคะ” “แล้วไม่คิดถึงน้าบ้างเหรอ” “จะคิดถึงทำไมคะ” “อ้าว” ภีมภพทำหน้าเสีย “ก็น้าภพอยู่ตรงหน้าแล้วนี่คะ” “อ๋อ แล้วกอหญ้าเรียนเป็นยังไงบ้าง” “ยังไม่ค่อยชินเท่าไหร่ แต่โชคดีที่มีพี่รหัสคอยช่วย” “แล้วพี่รหัสเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย” “ผู้หญิงค่ะ สวยด้วยนะคะ” “วันหลังต้องแนะนำให้น้ารู้จักบ้างนะครับ” “ไม่ดีกว่าค่ะ หนูกลัวน้าภพจะไปจีบพี่รหัสหนู” “คิดไปนู่น น้าแค่อยากรู้จักไว้เท่านั้นเอง ไม่ได้คิดจะจีบเลย” “จริงสิคะ ตั้งแต่อกหักครั้งนั้นน้าภพได้คบกับคนอื่นไหมคะ” “มันก็ต้องมีบ้าง น้าเป็นผู้ชาย แต่ก็คบๆ เลิก ๆ” “ไม่คิดจะแต่งงานเหรอคะ” ญารินดาถามไปก็ใจเต้นแรง
เพราะคำพูดของเพียงพรทำให้ภีมภพไม่ค่อยมาทานอาหารที่บ้านทุกวันอย่างเคย“น้าพรคะ ทำไมน้าภพถึงไม่มากินข้าวด้วยกันเหมือนก่อนล่ะคะ”“น้าภพงานเยอะ กินข้าวไม่เป็นเวลาจ้ะ”“หนูนึกว่าน้าภพไปกินที่อื่น” สีหน้าของหญิงสาวดูผิดหวังที่ไม่ได้เจอเขามาหลายวันแล้วทั้งที่อยู่ใกล้กันแค่นี้“จะไปกินที่อื่นได้ยังไงน้าวาสทำกับข้าวอร่อยอย่างนี้” เสียงของชายหนุ่มทำให้คนที่กำลังคิดน้อยใจยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว“น้าภพ” ญารินดารีบตักข้าวใส่จานให้เขาทันที“ขอบใจนะกอหญ้า”ชายหนุ่มนั่งทานอย่างเงียบๆ อันที่จริงเขาไม่ได้งานยุ่งแต่พยายามออกห่างเธอ แต่ทำได้เพียงไม่กี่วันก็ทนเสียงเรียกร้องของหัวใจไม่ได้“กินเยอะ ๆ นะคะ ของโปรดน้าภพทั้งนั้นเลย”“น้าวาสครับ ช่วงนี้ผมไม่ค่อยได้เข้ามากินข้าวเท่าไหร่เพราะชาวบ้านเริ่มใช้รถเกี่ยวกันมากขึ้นแล้ว ผมคงต้องไปดูเลยอยากขอให้น้าวาสช่วยทำข้าวกล่องให้ได้ไหมครับ”“ได้ค่ะคุณภพ น้าก็ว่าจะถามอยู่ พวกคนงานออกกันแต่เช้า กว่าจะกลับก็ดึก แล้วตอนเย็นทานกันที่ไหนคะ”“กินกับชาวบ้านครับ แต่กินบ่อยๆ ก็เกรงใจ เลยคิดว่าให้น้าวาสทำให้ดีกว่า กลางวันกับเย็นนะครับ เดี๋ยวบอกอีกทีว่าวันละเท่าไหร่ น้าจะได้เตรีย
แล้วภีมภพก็เล่าเรื่องงานแต่งงานให้กับคนที่นั่งข้างๆ ฟังแต่ไม่ได้บอกว่ารักแรกของเขาจะมาร่วมงานด้วย ตอนนี้สถานะของเขากับญารินดายังไม่มีอะไรคืบหน้า เขาไม่อยากให้เรื่องในอดีตมีผลกระทบกับเรื่องที่เขาตั้งใจจะทำในอนาคต “ไม่เห็นว่าจะมีปัญหาอะไรนี่คะ ไปเถอะค่ะ ไปเจอเพื่อนๆ น่าสนุกดีออกนะคะ” “กอหญ้าไปด้วยกันไหม” “ไปได้เหรอคะ แต่กอหญ้าไม่รู้จักใครเลยสักคน” “ไม่รู้จักที่ไหน พี่ยุ้ยก็ไปนะครับ” เขาหมายถึงแฟนสาวของเพื่อนที่เป็นเจ้าของร้านคอมพิวเตอร์ “เหรอคะ” “ว่าไงสนใจไหมล่ะ” ภีมภพคิดว่าจะพาเธอไปด้วยไม่รู้ว่าในสถานะไหน แต่ก็ยังดีกว่าไปคนเดียว อย่างน้อยก็เป็นการปิดโอกาสของปวีรดาไปในตัว “แต่กอหญ้าไม่มีชุดนะคะ” “เดี๋ยวพรุ่งนี้น้าพาไปซื้อดีไหม แต่กอหญ้าต้องขอแม่กับน้าพรก่อนนะครับ” เพราะรู้ว่าสองคนนั้นทั้งหวงและห่วงเธอมากแค่ไหน “ค่ะ แต่ถ้าแม่ไม่ให้ไปล่ะคะ” “ต้องลองขอดูก่อนสิกอหญ้า” เพราะครั้งนี้งานแต่งค่อนข้างจะจัดใหญ่ เพราะเจ้าบ่าวเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของร้านจำหน่ายวัสดุก่อสร้างเจ้าใหญ่ของจังหว
งานแต่งงานถูกจัดขึ้นที่บ้านของเจ้าบ่าว เพราะด้านหน้าบ้านมีบริเวรกว้างขวาง เพื่อนของญารินดามาร่วมงานกันหลายคน เพื่อนของเธอต่างพากันอิจฉาที่เจ้าบ่าวของเธอนั้นหล่อราวกับเทพบุตรช่วงเช้าเป็นพิธีหมั้นและแห่ขันหมาก ส่วนช่วงเย็นเป็นงานเลี้ยงฉลอง ภีมภพและญารินดายืนต้อนรับแขกด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของคนมีความสุข เขากุมมือเจ้าสาวตลอดงานเพื่อให้ทุกคนรับรู้ว่าเขาทั้งรักและหวงแหนเธอมากแค่ไหน“ยินดีด้วยนะกอหญ้า” ต้นหลิวกับครอบครัวมาแสดงความยินดีกับเธอด้วย ส่วนต้นโมกนั้นก็ควงคู่มากับเพื่อนร่วมงานที่เพิ่งตกลงคบหากันได้ไม่นาน“ขอให้มีความสุขมากๆนะกอหญ้า” กัญและทีเจทีก็มาร่วมอวยพรนอกจากนั้นก็มีเพื่อนสมัยเรียนมัธยมที่มาแสดงความยินดีกับเธออีกหลายคน ต่างดีใจที่ญารินดาเป็นเพื่อนคนแรกในกลุ่มที่แต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝาคู่บ่าวสาวเดินทักทายและกล่าวขอบคุณแขกที่มาร่วมงาน จนถึงเวลาสามทุ่มแขกก็เริ่มทยอยกันเดินทางกลับบ้าน ในที่สุดงานแต่งงานก็เสร็จสิ้นลง เมื่อถึงฤกษ์ส่งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวเข้าห้องหอก็ถือว่าเป็นอันเสร็จสิ้นพิธีการทั้งหมด“คุณภพ แม่ฝากกอหญ้าด้วยด้วยนะคะ หนักนิดเบาหน่อยก็ให้อภัย
แล้วก็ถึงวันที่ญารินดาเรียนจบ วาสนาปลื้มใจยิ่งกว่าใครทั้งหมด คุณเพียงพรจัดงานเลี้ยงให้กับกอหญ้าที่ลานหน้าบ้านและชวนคนงานทุกคนให้มาร่วมฉลองความสำเร็จของเธอและเพียงพรก็ได้ประกาศให้ทุกคนรู้ว่าภีมภพกับญารินดานั้นกำลังคบหากันและจะจัดงานแต่งงานในอีกสองเดือนข้างหน้าตามฤกษ์ที่หลวงพ่อให้มาลูกน้องของภีมภพต่างพากันโห่ร้องแสดงความยินดี ที่เจ้านายของตนจะแต่งงานและจะได้เข้าชมรมกลัวเมียเหมือนกับพวกเขา แต่งานนี้ว่าที่เจ้าบ่าวอย่างภีมภพไม่ค่อยจะดีใจเท่าไร่ เพราะตอนนี้ญารินดาและวาสนาขอกลับไปอยู่ที่บ้านก่อนแล้วหลังแต่งงานค่อยย้ายกลับมาอยู่ด้วยกันที่บ้านหลังใหญ่แม้ว่าจะได้เจอกันทุกวันเพราะญารินดามาทำงานที่ร้าน แต่เขาก็ไม่ได้ใกล้ชิดกับเธอตามลำพังเลยสักนิด ถ้าจะให้เขารอให้ถึงวันแต่งงานเขาคงได้ขาดใจตายก่อนแน่ๆ ผ่านมาหนึ่งเดือนแล้วที่ญารินดากลับมาอยู่ที่บ้านของตนเอง ทุกอย่างกำลังลงตัวทั้งเรื่องงานและเรื่องความรัก เธอได้เจอกับภีมภพและได้ทานข้าวกลางวันด้วยกันทุกวัน แต่ชายหนุ่มมักโทรมาโอดครวญอยู่บ่อยๆ ว่าอยากให้เธอไปค้างที่บ้านบ้าง แต่ญารินดาก็เกรงใจมารดา เพราะที่ผ่านมาเธอก็ทำผิดเอาไว้มากหญิงสาวก็เ
ญารินดาตื่นนอนมาด้วยความสดชื่น การได้นอนอยู่ในอ้อมกอดของคนรักมันทำให้เธอหลับฝันดีกว่าคืนไหน แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าคนที่เธอนอนกอดอยู่ทั้งคืนนั้นหายไปไหนตั้งแต่เช้าวันนี้เธอมีเรียนเก้าโมงเช้าจึงคิดว่าจะรีบอาบน้ำแล้วไปหาอะไรทานที่คณะก่อนเข้าเรียน แต่พออาบน้ำเสร็จคนที่คิดถึงก็เดินกลับเข้าห้องมาพอดี “น้าภพไปไหนมาแต่เช้าคะ” “น้าลงไปซื้อโจ๊กมาให้ครับ กอหญ้าจะได้กินก่อนไปเรียน” “ขอบคุณนะคะน้าภพ” “ทำไมทำหน้าซึ้งขนาดนั้นแค่โจ๊กเองนะครับ” “ก็น้าภพดีกับกอหญ้านี่คะ” “แค่นั้นเองเหรอครับ” “กอหญ้าคุยกับแม่แล้วค่ะ ไม่มีดุกอหญ้าเลย เพราะน้าภพช่วยพูดใช่ไหมคะ” “น้าไม่ได้พูดอะไรเลยครับ ก็แค่บอกไปตามความจริงว่าน้ารักและจริงใจกับกอหญ้า” “ตอนแรกกอหญ้านึกว่าแม่จะดุ แต่แม่บอกว่าดีใจที่กอหญ้ามีคนดีๆ อย่างน้าภพคอยดูแลค่ะ กอหญ้ารักน้าภพนะคะ” หญิงสาวกอดคนตัวโตอย่างประจบ “น้าก็รักกอหญ้าครับ รีบกินดีกว่าไหมครับ กินตอนร้อนๆ จะได้อร่อย เดี๋ยวกินเสร็จแล้วน้าไปส่งนะครับ” “ไม่เป็นไรค่ะ กอหญ้าไปเองได้ค่ะ ใก
ภีมภพเหยียบมิดไมล์ใช้เวลาไม่ถึงสองชั่วโมงก็มาถึงหอพักของญารินดา เขารีบวิ่งขึ้นไปหาคนรักด้วยความเป็นห่วงไม่ใช่เพราะเรื่องที่เธอเข้าใจผิดแต่เป็นเพราะกลัวว่าอาการปวดท้องของเธอจะเป็นหนัก ญารินดาลุกขึ้นเปิดประตูโดยไม่ได้มองว่าใครมาเคาะเพราะคิดว่าคงจะเป็นต้นหลิวอย่างเคย “กอหญ้า” “น้าภพ” ญารินดาไม่คิดว่าเขาจะมาหาเธอในเวลานี้ เขาน่าจะเอาเวลานี้ไปดูแลลูกและภรรยาของเขาสิมันถึงจะถูกต้อง “ขอน้าเขาไปก่อนได้ไหมกอหญ้า” ภีมภพไม่อยากเพื่อนของเธอมาเจอเพราะกลัวว่าคนรักจะเสียหายที่มีผู้ชายมาหากลางดึก “น้าภพมาทำอะไรที่นี่คะ” “น้าเอายามาให้ครับ” “ขอบคุณนะคะ” ญารินดารีบไว้แล้วทำท่าจะปิดประตู “กอหญ้าคงไม่ไล่น้ากลับใช่ไหมครับ” “กอหญ้าไม่ได้ไล่ค่ะ แต่น้าภพไม่ควรจะอยู่ที่นี่” “เรามีเรื่องต้องคุยกันนะครับ ขอน้าเข้าไปนะครับ” “กอหญ้ามีอะไรจะคุยค่ะ กอหญ้าต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบ” “น้าอยากคุยเรื่องเขา ถ้ากอหญ้าจะยืนคุยตรงนี้น้าก็ไม่มีปัญหานะครับ ถ้าเพื่อนกอหญ้ามาเจอน้าก็จะได้บอกเลยว
วันนี้ญารินดาต้องกลับไปเรียนแล้วเธอนัดกับภีมภพไว้เวลาบ่ายสองโมง แต่รอจนกระทั่งสี่โมงเย็นเขาก็ยังไม่มารับ หญิงสาวโทรหาเขาหลายครั้งแต่ก็ติดต่อไม่ได้ มันคงเป็นเธอเองที่คาดหวังกับเขามากจนเกิน คาดหวังว่าเรื่องที่เห็นวันก่อนนั้นจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดแต่เมื่อคิดทบทวนดูแล้วทุกอย่างมันค่อนข้างจะชัดเจนว่าตอนนี้เขากลับไปอยู่กับคนของเขา ในที่ของเขาแล้ว ที่ตรงนี้มันเลยเหลือแค่เพียงเธอคนเดียวญารินดาให้ใบตองขี่จักรยานยนต์ไปส่งเธอที่ท่ารถ พอใบตองถามหญิงสาวก็บอกว่าตนเองมารอต้นหลิว เด็กสาวจึงขี่จักรยานยนต์กลับบ้านโดยไม่ได้ถามอะไรต่อยืนรอไม่นานญารินดาก็ได้ขึ้นมานั่งบนรถตู้มุ่งหน้าสู่เมืองหลวงไปทำหน้าที่ของตนเองอีกหนึ่งเดือนวาสนากับเพียงพรนั่งทานอาหารค่ำด้วยกันสองคนในบ้านหลังใหญ่ ยังทานไปได้ไม่ถึงครึ่งภีมภพก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาเสียก่อน“ไม่ต้องรีบขนาดนั้น น้าวาสเขาเก็บส่วนของภพไว้ให้แล้ว ไม่ต้องกลัวว่าพี่จะกินหมดหรอก” เพียงพรรีบบอกน้องชาย“พี่พร น่าวาส กอหญ้าล่ะครับ”“ก็คุณภพไปส่งแล้วไม่ใช่เหรอคะ” วาสนามองอย่างสงสัย“เปล่าครับน้าวาส”“ภพ มันเกิดอะไรขึ้น เราไม่ได้ไปส่งกอหญ้าแล้วน้องกลับยัง
ญารินดายังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมหลังจากที่ภีมภพขับรถออกไปแล้ว หญิงสาวไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับตัวเธอกันแน่ ความสุขที่มีมาตลอดสองเดือนพังลงตรงหน้าอย่างไม่ทันตั้งตัว เธอรู้สึกเสียใจเป็นทุนเดิมอยู่แล้วเรื่องที่ตัวเองจะมีลูกยากและคิดว่าภีมภพคงจะเข้าใจเธอ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แบบนั้นเลย เพราะลูกของเขากำลังจะคลอด นี่สินะเหตุผลที่เขาไปรับเธอไม่ได้ เธอก็คงเป็นที่ระบายอารมณ์ของเขาในเวลาที่ภรรยาตัวจริงของเขาตั้งครรภ์อยู่ หญิงสาวรวบรวมสติและแรงที่เหลือน้อยนิดเดินไปเรียกรถที่หน้าโรงพยาบาลกลับไปบ้านด้วยความรู้สึกที่เจ็บปวดอย่างที่สุด “กอหญ้า มานั่งก่อน หน้าซีดมาเลยหมอว่ายังไงบ้างลูก” วาสนารีบมาถามอาการด้วยความเป็นห่วง ก่อนหน้านี้ญารินดาบอกว่าเธอแวะหาหมอที่โรงพยาบาลเพราะปวดท้อง “หมอบอกว่ากอหญ้าช็อกโกแลตซีสต์ค่ะ แม่ไม่ต้องห่วงนะคะ มันไม่ได้ร้ายแรงแค่ทานยาที่คุณหมอให้เท่านั้นเองค่ะ”“แน่นะ ไม่ใช่ว่าเป็นเยอะแล้วโกหกแม่”“ไม่เยอะหรอกค่ะแม่”“ไม่แล้วทำไมกอหญ้าของน้าถึงเหมือนคนร้องไห้ล่ะลูก” เพียงพรที่นั่งสังเกตอยู่อดถามไม่ได้“กอหญ้าร้องไห้ก็เพราะมันปวดท้อง
หัวใจของญารินดาเป็นสีชมพูสดใส ในทุกวันจะมีกำลังใจจากภีมภพให้เธอตื่นเช้ามาเรียนเสมอ แม้จะเรียนและมีงานกลุ่มมากแต่ไหน แต่เพราะมีกำลังใจที่ดี เธอจึงผ่านในแต่ละวันได้อย่างง่ายดาย ตั้งแต่กลับมาจากเกาะเสม็ดก็ครบหนึ่งเดือนแล้วที่เธอกับเขาไม่ได้เจอกัน วันนี้หลังเลิกเรียนก็เลยนัดให้เขามารับเพราะวันจันทร์อาจารย์งดการเรียน“กอหญ้าหน้าซีดมาเป็นอะไรหรือเปล่า” น้ำใสเพื่อนสนิทที่นั่งเรียนมาด้วยกันตั้งแต่ปีหนึ่งถามขึ้น เมื่อเห็นว่าวันนี้เพื่อนของตนเองหน้าซีดกว่าทุกวันแถมใบหน้ายังชื้นไปด้วยเหงื่อเม็ดโตทั้งที่ห้องเรียนก็เปิดแอร์จนเย็นฉ่ำ “เราปวดท้องประจำเดือนน่ะ ไม่มีอะไรหรอก” “ไหวไหม กินยาหรือยังล่ะ” “กินแล้วจ้ะ น้ำใส่ไม่ต้องห่วง” “วันหยุดกลับบ้านหรืออยู่หอล่ะกอหญ้า” “กลับบ้านจ้ะ น้ำใสกลับไหม” “เราไม่กลับ พ่อกับแม่จะขึ้นมาหาน่ะ” “ฝากสวัสดีพ่อกับแม่ด้วยนะ” “ได้เลย นึกว่ากอหญ้าจะไม่กลับบ้านจะได้ไปกินข้าวด้วยกัน” “เอาไว้ครั้งหน้านะน้ำใส” ทั้งสองคุยกันแค่นี้เพราะอาจารย์ประจำรายวิชาเดินเข
เมื่อดื่มด่ำกับน้ำหวานจนพอใจแล้วภีมภพก็เอาขาที่พาดบ่าของเธอบนพื้นก่อนจะยืนขึ้นเต็มความสูงแล้วมอบจูบให้เธออีกครั้งอย่างเอาใจ “กอหญ้ามีรอบเดือนครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ ถ้าน้าจะขอไม่ใส่ถุงได้ไหม ถ้าให้น้าเดินกลับเอาถุงยางน้าคงได้ขาดใจตายกลางทางแน่ๆ” “อีกสามวันรอบเดือนกอหญ้าจะมาค่ะ” “งั้นนั้นน้าขอสดทุกวันนะคะ กอหญ้าหันหลังให้น้านะคะคนเก่ง” เสียงแหบพร่ากระซิบที่ข้างหูมือใหญ่จับไหล่มนให้หันหน้าเข้าหาผนังห้องน้ำ เขากดตัวหญิงสาวให้แอ่นสะโพกกลมกลึงขึ้นเล็กน้อย แล้วกดแก่นกายแข็งลากไปบนกลีบกุหลาบอย่างหยอกล้อ“อ๊ะ น้าภพ”หญิงสาวสะดุ้งกับความแข็งร้อน ร่างกายสั่นสะท้าน ทั้งเนื้อที่แนบชิดกันกว่าทุกครั้ง ทั้งสถานที่และท่วงท่าแปลกใหม่มันทำให้เลือดในกายของเธอสูบฉีด ความเสียวมันมากขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ“ที่รักของน้าไม่เกร็งนะคะ”ปากร้อนพรมจูบไปทั้งลาดไหล่และหลังขาวเนียนฝ่ามือใหญ่ยกขาข้างหนึ่งของเธอขึ้นเล็กน้อย ภีมภพย่อตัวลงแล้วกดท่อนเอ็นร้อนเข้าไปในช่องทางรักที่ฉ่ำวาวไปด้วยน้ำหวาน“อ่าห์...กอหญ้า ขอน้าเข้าไปอีกนิดนะคะ”ชายหนุ่มครางเสียงต่ำเมื่อตัวตนถูกตอดรัดจา
ภีมภพขับรถมาถึงท่าเรือในเวลาเกือบค่ำ พวกเขาทันขึ้นเรือเที่ยวหกโมงเย็นพอดี พอมาถึงบนเกาะท้องฟ้าก็มืดพอดีบ้านพักแบบพูลวิลล่ามองเห็นวิวทะเลหลังไม่ใหญ่มากแต่มีความเป็นส่วนตัวสูงเพราะชายหนุ่มอยากจะใกล้ชิดกับคนรักอย่างเต็มที่ เขารู้ว่าหลังจากนี้ญารินดาจะต้องเรียนอย่างหนัก โอกาสจะได้เที่ยวคงมีน้อยเต็มที“ชอบไหมครับกอหญ้า” เขาถามคนรักที่ยืนมองแล้วยิ้ม“ชอบค่ะ บ้านพักสวยมากแพงไหมคะ มีทั้งสระว่ายน้ำและยังมองเห็นวิวทะเลอีกด้วย”“ถ้าชอบก็ไม่ต้องถามราคาครับ” เขาตอบขณะที่เดินเข้ามานั่งในห้องรับแขกที่ตอนนี้ตรงกลางโต๊ะมีเครื่องดื่มเย็นๆ วางไว้ต้อนรับ“มันคงแพงมากใช่ไหมคะ กอหญ้าเกรงใจน้าภพ”“จะเกรงใจทำไมครับ เรามาเที่ยวนะอย่าคิดเรื่องเงิน มันจะไม่สนุก”“ถ้ากอหญ้าเรียนจบแล้วกอหญ้าจะช่วยน้าภพกับน้าพรอย่างเต็มที่เลยนะคะ” หญิงสาวรีบให้คำมั่น“กอหญ้าเป็นเด็กดีแบบนี้จะไม่ให้น้ารักได้ยังไง” ภีมภพรวบเธอเข้ามากอดอย่างรักใคร“กอหญ้าก็รักน้าภพค่ะ”“หิวหรือยังครับ” เพราะทั้งสองทานแค่แซนด์วิชอบร้อนในร้านสะดวกซื้อแค่คนละชิ้นเป็นอาหารมื้อกลางวัน เพราะกลัวว่าจะมาถึงที่นี่ช้า“เริ่มหิวแล้วค่ะ”“งั้นไปกินข้า