“แล้วคืนนี้กอหญ้ากับพี่วาสจะไปนอนกันที่ไหน” เพียงพรมองความเสียหายอย่างละเอียดเลยเห็นว่าตอนนี้ทุกอย่างดูเละเทะเกินจะอยู่อาศัยได้
“เรื่องนี้เรากำลังคุยกันอยู่ พอดีคุณเดินเข้ามาเลยยังไม่ได้สรุปว่าจะเอายังไงกันดี”
“ถ้าไม่รังเกียจ พรว่าพี่วาสกับหนูกอหญ้าไปพักที่บ้านก่อนก็ได้ที่นั่นมีหลายห้อง”
“ไม่เป็นไรค่ะน้าพร หนูเกรงใจ”
“ยังต้องเกรงใจอะไรกัน คนของน้าทำเรากับแม่เดือดร้อนอย่างนี้ แล้วที่นั่นก็มีห้องหับตั้งเยอะแยะ”
“แม่ว่าก็ดีเหมือนกันนะลูก พักสักคืน ส่วนพวกข้าวของพวกนี้ค่อยมาจัดการทีหลังก็ได้ คืนนี้ไปพักกันก่อนดีไหม”
“ค่ะ” ญารินดากับมารดารีบเก็บของใช้ที่จำเป็นซึ่งมีกันคนละไม่มากเท่าไหร่
“กอหญ้า ยังเรียนอยู่เหรอจ๊ะ” เพียงพรเห็นหญิงสาวสาวถือหนังสือเรียนติดมือมาด้วย
“พึ่งจบ ม.6 ค่ะ ตอนนี้กำลังจะขึ้นปีหนึ่ง แต่คงต้องหางานทำก่อน”
“เพราะเรื่องร้านใช่ไหม”
“ค่ะน้าพร”
“อย่ากังวลเลย น้าจะส่งกอหญ้าเอง” ความรู้สึกผิดบวกกับได้คุยกับสองแม่ลูกแล้วรู้สึกถูกชะตาทำให้เพียรพรพูดออกไปแบบนั้น
“คุณพรไม่ต้องรับผิดชอบเราสองแม่ลูกขนาดนั้นหรอกนะคะ มันมากเกินไป”
“ไม่มากหรอกค่ะพี่วาส ข้าวของพวกนี้เสียหายไปมาก คงทำให้พี่ไม่ได้เปิดร้านอีกนาน”
“เรื่องนี้คงคุยกันยาว เราไปคุยกันที่บ้านดีกว่านะคะ ส่วนที่ร้านเดี๋ยวพรจะให้คนงานมานอนเฝ้าสัก 2 คน”
“ไม่ต้องเฝ้าหรอกค่ะ เราไม่ได้มีของมีค่าอะไร”
“ของไม่มีค่าก็จริงแต่พวกขโมยมันก็ไม่เลือกหรอกนะ อะไรที่ขายได้พวกมันก็ขนเอาไปหมด”
วาสนาเห็นด้วยกับเพียงพร เธอกล่าวขอบคุณแล้วจึงยอมตามขึ้นรถไปกับ
“จริงๆ นะครับคุณภพ เจ้าขนปุยนั่นมันวิ่งตัดหน้ารถผมจริงๆ ไม่เชื่อคุณภพไปดูกล้องหน้ารถเลยก็ได้” กมลหรือก้านคนขับรถบอกกับเจ้านายหนุ่มถึงเหตุผลที่รถของเขาพุ่งชนร้านอาหารตามสั่งตอนบ่ายของวันนี้
“ดีนะ เป็นตอนบ่ายฉันไม่อยากจะคิดเลยถ้าเป็นตอนเที่ยงจะมีคนเจ็บสักกี่คน” ภีมภพหรือคุณภพส่ายหัว
“ไม่ได้หลับในแน่นะ” เขายังไม่เชื่อลูกน้อง
“หลับที่ไหนล่ะ ไม่เชื่อถามไอ้หมายเลย” ลูกน้องโบ้ยไปให้เพื่อน
“ว่าไงสมหมาย”
“จริงครับลูกพี่ ผมเห็นกับตาว่าเจ้าขนปุยมันวิ่งผ่าน พี่ก้านหักหลบไปทางขวา แล้วมีรถสวนมาก็เลยรีบหักซ้ายอีกที จากนั้นก็อย่างที่รู้”
“แล้วตำรวจว่ายังไงบ้าง”
“คงต้องชดใช้แหละครับเจ้านายแต่ผมจะเอาเงินที่ไหนล่ะครับ เจ้านายรถเรามีประกันไหม”
“มีแต่ไม่รู้จะจ่ายเท่าไหร่ ถ้ามันเกินฉันจะหักเงินเดือนแกสองคน”
“อ้าวแล้วหมายเกี่ยวอะไรด้วยครับ” สมหมายรีบท้วง
“ไม่รู้แหละ ไปกันสองคนก็ต้องช่วยกันรับผิดชอบ”
“เจ้านานไม่แฟร์เลย งั้นคงต้องไปตามหาเจ้าของไอ้ขนปุยตัวนั้นให้ได้ จะได้ให้มาช่วยชดใช้”
“ไปหาสิ” ภีมภพหัวเราะกับท่าทางเอาจริงเอาจังของลูกน้อง
“คุณพรมาแล้ว ผมไปขอให้คุณพรช่วยดีกว่า” ลูกน้องทั้งสองคนรีบวิ่งออกไปทันทีเมื่อได้ยินเสียงรถของเพียงพร
“ลูกพี่ครับ ลูกพี่ คุณพรพาใครมาด้วยก็ไม่รู้ สวยมาก ก ไก่ ล้านตัวเลยครับ” สมหมายที่วิ่งออกไปต้อนรับเพียงพรวิ่งกลับมาบอกเจ้านายหนุ่ม
“นางฟ้าล่ะมั้ง” ภีมภพตอบลูกน้องไป
“จริงด้วยสวยเหมือนนางฟ้า” คำพูดของลูกน้องทำให้ภีมภพอดขำไม่ได้ วันนี้พี่สาวคงพาผู้หญิงมาแนะนำให้รู้จักอย่างเคย ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เธอจะเลิกการจับคู่ให้เขาเสียที
“ภพ ภพ ลงมานี่หน่อย”
“ครับพี่” ภีมภพรับคำแล้วเดินออกมาอยากรู้ว่าผู้หญิงคนไหนที่หลงกลพี่สาวของตัวเองตามาถึงที่บ้าน
ผู้หญิงสองคนที่ยืนอยู่ข้างรถทำให้ภีมภพตัวชาหนึบ เธอคนนั้นสวยอย่างที่ลูกน้องเขาบอกไม่มีผิด ใบหน้ารูปไข่ ดวงตากลมโต จมูกไม่ถึงกับโด่งมาก ปากบางสีสวยทุกอย่างบนใบหน้าของเธอช่างลงตัวจนชายหนุ่มอดที่จะมองแล้วมองอีกไม่ได้
“ภพ” เพียงพรเรียกน้องชายที่เอาแต่จ้องหน้าแขกของเธออย่างเสียมารยาท
“ครับพี่พร”
“ลงมานี่สิ พี่จะแนะนำให้รู้จัก คนนี้ชื่อวาสนา ส่วนนี่ลูกสาวชื่อกอหญ้า”
“สวัสดีค่ะ” ผู้หญิงสองคนยกมือไหว้แล้วพูดพร้อมกัน
“ไม่ต้องไหว้ผมหรอกครับคุณน้า เดี๋ยวได้อายุสั้นกันพอดี”ชายหนุ่มรีบบอก เขาเดาว่าเธอคงเป็นแม่ของหญิงสาว
“นี่น้องชายพรเอง ชื่อภพทำความรู้จักกันไว้นะคะ”
“ช่วงนี้พี่วาสกับหนูกอหญ้าจะมาอยู่กับเราสักระยะ พี่ว่าจะให้ไปอยู่ที่บ้านของภพ”
“แล้วผมจะไปอยู่ไหนล่ะพี่”
“เราก็ย้ายมานอนที่บ้านหลังใหญ่กับพี่”
“ไม่ดีกว่า ผมอยากอยู่คนเดียว พี่พรให้แขกของพี่อยู่บ้านใหญ่เถอะครับ”
“เอาอย่างนั้นก็ได้ ดีเหมือนกันพี่จะได้มีเพื่อนคุย”
“ขึ้นบ้านกันก่อนเถอะ กินข้าวกินปลาเสร็จแล้วค่อยคุยกันอีกที”
“พี่พร วันนี้ป้าสายใจไม่อยู่”
“อ้าว ตายจริง ชวนแขกมาบ้านทั้งที แม่บ้านไม่อยู่ แล้วจะกินอะไรกันล่ะ”
“ให้น้าช่วยทำอาหารก็ได้นะคะคุณพร”
“จะดีเหรอน้าวาส พรเกรงใจ”
“น้าพรรอไหวไหมคะ เดี๋ยวหนูกับแม่ช่วยกันทำ ไม่เกินครึ่งชั่วโมงก็เสร็จ”
“รอไหวจ้ะ ไม่ได้หิวมาก”
เพียงพรและน้องชายทานข้าวได้มากกว่าทุกวันเพราะรสชาติอาหารนั้นอร่อยกว่าฝีมือของป้าสายใจอยู่มาก
“น้าวาสครับ สนใจจะมาเป็นแม่ครัวที่นี่ไหมครับ” ภีมภพเป็นคนไม่ค่อยชอบพูดอ้อมค้อม ในเมื่อฝีมือเธอดีขนาดนี้เขาก็อยากจะจ้างให้มาทำงานด้วยกันเพราะเบื่อฝีมือป้าสายใจแล้ว
“อย่าเลยค่ะคุณ”
“ทำไมล่ะคะน้าวาส มาอยู่ด้วยกันที่นี่เลยก็ได้ เรื่องร้านคงอีกหลายเดือนกว่าจะเรียบร้อย ระหว่างนี้น้ากับกอหญ้าจะไปอยู่ที่ไหน” เพียงพรรีบถามเพราะตัวเองก็เห็นด้วยกับน้องชาย
“น้ายังไม่ได้คิดเรื่องนั้นเลย”
“ที่น้าพรปฏิเสธเพราะไม่อยากแย่งงานคนอื่นใช่ไหมครับ”
“ค่ะ น้าไม่อยากทำให้คนอื่นลำบาก”
“น้าวาสคิดมากไปแล้ว ลำบากที่ไหนกัน ลูกน้องของพรต่างหากล่ะ ที่ทำให้น้ากับลูกลำบาก”
“ผมว่าให้น้าพรไปทำงานที่ร้านก็ได้นะครับพี่พร ที่นั่นยังขาดแม่บ้าน”
“ใช้สิ พี่ลืมสนิทเลย”
“งานไม่หนักมากหรอกครับ น้าพรก็แค่ปัดกวาดแล้วก็ทำอาหารกลางวันให้พวกคนงานเพราะตอนนี้พวกเราผลัดกันทำอาหารบางวันก็กินได้บางวันก็ต้องทนกินให้ได้” ภีมภพเคยคิดจะจ้างคนมาทำอาหารแต่ก็ยังไม่ได้ทำเป็นเรื่องเป็นราวสักที
“หนูช่วยด้วยได้ไหมคะ”
“แล้วไม่เรียนหนังสือเหรอ” ชายหนุ่มหันมาถาม
“ยังไม่เรียนตอนนี้ค่ะ ช่วยแม่หาเงินก่อน”
“กอหญ้า แม่ว่าหนูเรียนก่อนดีไหม ถ้ากังวลเรื่องเงิน แม่จะรับงานของคุณพรกับคุณภพก็ได้ หนูจะได้ไม่ต้องมาลำบาก เรื่องร้านก็ค่อยว่ากันทีหลัง”
“แต่หนูไม่อยากให้แม่ต้องลำบากอยู่คนเดียว”
“ลำบากคนเดียวที่ไหน น้าพรกับน้าภพไม่ได้ใจร้ายให้แม่หนูทำงานหนักหรอกนะคะ”
“แต่หนูเกรงใจ”
“ไม่ต้องเกรงใจเลย เพราะใครกันล่ะที่ทำให้หนูกับแม่ต้องลำบาก เรื่องเรียนน้าจะส่งเราเรียนเอง”
“แล้วเลือกเรียนอะไรเหรอเราน่ะ” ภีมภพหันมาถามคนข้างตัว
“หนูเรียนบัญชีค่ะ”
“ดีเลย จบมาก็มาทำงานด้วยกันที่นี่”
“พี่เห็นด้วยกับภพนะ ระหว่างนี้กอหญ้าไปช่วยงานบัญชีที่ร้านก่อนไหม หาประสบการณ์”
“ได้เหรอคะ”
“ได้สิ น้าจะจ่ายค่าจ้างให้ด้วย ดีไหม”
“ดีค่ะ” พอพูดถึงเงินหญิงสาวก็ตาโตเพราะมันเป็นปัจจัยหลักที่จะทำให้เธอได้มีอนาคตที่สดใส
“เรื่องรายละเอียดเอาไว้คุยกันต่อพรุ่งนี้ละกัน เดี๋ยวน้าพาแม่กับหนูกอหญ้าไปดูห้องนอนก่อนดีไหม”
“แม่ไปดูกับน้าพรนะคะเดี๋ยวกอหญ้าเก็บจานล้างก่อน”
“ไปดูด้วยกันนั่นแหละ จะได้เลือกว่าจะนอนห้องไหน ส่วนเรื่องจานเดี๋ยวค่อยมาเก็บก็ได้”
บ้านทรงทันสมัยหลังนี้ มีห้องนอนอยู่ทั้งหมด 6 ห้องด้วยกัน ห้องของเพียงพรกับภีมภพเป็นห้องขนาดใหญ่ ที่ยกสูงขั้นจากห้องรับแขกและห้องครัวเพียงเล็กน้อย เพราะบิดากับมารดาของเธอมีปัญหาเรื่องข้อเข่าเลยเลือกสร้างบ้านชั้นเดียวแต่ต่างระดับเพื่อความสะดวกในการเดินขึ้นลง แต่ท่านทั้งสองก็จากไปแล้วเมื่อหลายปีก่อน สองพี่น้องจึงอาศัยอยู่กันแค่สองคนเพียงพรเคยที่ทำงานในบริษัทใหญ่ในกรุงเทพ แต่พอทำได้สักพักก็เริ่มอิ่มตัวจึงลาออก และกลับมาช่วยงานที่บ้าน หลังบิดามารดาเสียชีวิตเธอเลยต้องดูแลกิจการของครอบครัวทั้งหมด ซึ่งเปิดเป็นร้านขายวัสดุและอุปกรณ์การเกษตร มีทั้งเมล็ดพันธุ์ ยาฆ่าแมลง ปุ๋ยอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ จอบ เสียม พลั่ว เครื่องตัดหญ้า เครื่องพ่นยาและภีมภพก็เสริมพวกรถไถนา รถเกี่ยวข้าว ที่มีทั้งขายและให้เช่า รวมไปถึงรับจ้างไถ รับจ้างเก็บเกี่ยว เพียงพรยังเปิดให้ชาวบ้านที่มีปัญหาด้านการเงินมาเอาสินค้าไปก่อนแล้วค่อยมาจ่ายหลังจากเก็บเกี่ยวผลผลิตได้อีกด้วย“น้าพรคะ แล้วห้องของป้าสายใจอยู่ไหนคะ”“ถามทำไมเหรอหนูกอหญ้า”“คือหนูกับแม่มาเป็นลูกจ้างเหมือนกันก็เลยอยากจะไปอยู่กับป้าสายใจค่ะ”“ป้าสายใจแกมีบ้านอยู
หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จเพียงพรก็พาวาสนาและญารินดามาที่ร้าน พอเพียงการเกษตร เธอแนะให้พนักงานรู้จักกับวาสนาและลูกสาว ก่อนทุกคนจะแยกย้ายกันไปทำงาน“เดี๋ยวน้าวาสไปซื้อของสดในตลาดกับเจ้าสมหมายนะคะ พรสั่งไว้แล้วเดี๋ยวคงเอารถมารับ ส่วนหนูกอหญ้าอยู่กับน้าก่อน”“ค่ะคุณพร” วาสนารับเงินจากเพียงพรแล้วเดินไปหน้าร้านที่มีรถกระบะคันหนึ่งจอดอยู่“น้าพรคะ ที่นี่มีคนงานเยอะไหมคะ”“ไม่เยอะเท่าไหร่หรอกนะ รวมแล้วทั้งคนขาย คนยกของ คนขับรถก็ คนงานจิปาถะอีกรวมๆ ก็ประมาณ 40 คน แต่ก็อยู่กันไม่ค่อยครบหรอก บางคนก็ออกไปส่งของ บางคนก็ออกไปคุมรถเกี่ยวที่เขามาจ้าง ที่นี่เราอยู่กับแบบพี่น้อง”“แล้วหนูต้องช่วยงานอะไรบ้างคะ”“หนูก็ช่วยน้าดูเรื่องตัวเลขนะ น้าตาไม่ค่อยดีแล้ว ค่อยๆ ฝึกไป ถ้าตรงไหนไม่เข้าใจก็ถามน้าหรือน้าภพก็ได้ แต่ขานั้นไม่ค่อยอยู่ให้ถามหรอก ส่วนใหญ่ก็ไปตามไร่นาของชาวบ้าน”“น้าภพทำนาด้วยหรือเปล่าคะ”“ไม่หรอก แต่ต้องไปดู เหมือนบริการหลังการขายแหละ บางคนเขาซื้อรถ บางคนก็เช่ารถไป ต้องไปคอยดูไปให้คำแนะนำบ้าง บางทีก็ไปตามทวงนี้”“มีทวงหนี้ด้วยเหรอคะ”“มีเยอะ ทวงได้บ้างไม่ได้บ้างถือว่าช่วยๆ กันไป”“น้าพรกับน้า
ภีมภพเดินนำคนตัวเล็กไปยังรถของเขาอย่างรวดเร็วเพราะกลัวว่าลูกน้องสองคนจะตามป่วน“หนูไปก่อนนะคะ” ญารินดาบอกกับลูกน้องของภีมภพอย่างสนิทสนมก่อนจะขึ้นไปนั่งข้างชายหนุ่มแล้วมุ่งหน้าไปยังห้างสรรพสินค้าใจกลางเมือง“กอหญ้า น้าถามอะไรหน่อยได้ไหม” ขับรถมาได้สักระยะชายหนุ่มก็เริ่มชวนเธอคุย“ได้สิคะ ถามมาเลย”“กอหญ้ากับแม่อยู่กันสองคนเหรอ แล้วพ่อไปไหนละ” เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องเขาไม่เคยได้ยินวาสนาและญารินดาพูดถึงเลย สักครั้งที่เขาถามก็เพราะตอนนี้ทั้งสองคนไปอยู่ที่บ้านเขา ก็เลยอยากจะรู้เผื่อว่าบิดาเธอจะตามหาไม่เจอ“พ่อหนูเสียไปตั้งแต่หนูยังเด็กแล้วค่ะ เรามีกันแค่สองคน ญาติคนอื่นอยู่แถวนครปฐมค่ะ” เสียงพูดของเธอฟังดูเศร้าลงจนคนถามรู้สึกผิดขึ้นมาทันที“น้าเสียใจด้วยเรื่องพ่อ และก็ขอโทษที่ถาม”“ไม่เป็นไรค่ะ หนูอยู่กับแม่สองคนจนชินแล้ว” หญิงสาวตอบด้วยความสดใส นั้นก็ทำให้เขาเบาใจขึ้นบ้าง“อย่างนี้ถ้าไปเรียนกรุงเทพ คงคิดถึงแม่แย่เลย”“ค่ะ หนูไม่ค่อยอยากไปเท่าไหร่ แต่แม่บอกว่าเพื่ออนาคต” เมื่อคิดว่าตัวเองต้องอยู่ห่างจากมารดาที่เคยอยู่ด้วยกันทุกวันญารินดาก็ไม่ค่อยอยากจะไปเรียนเท่าไหร่“น้าวาสพูดถูกนะ ถ้ากอห
วาสนาและญารินดามาอยู่ที่บ้านของเพียงพรได้ 2 อาทิตย์แล้ว การใช้ชีวิตเริ่มลงตัว ทุกเช้าวาสนาจะตื่นมาทำอาหารเช้าให้กับเพียงพร และภีมภพที่มาทานด้วยเกือบทุกวัน ส่วนเธอกับลูกสาวก็ทานกันในครัว 2 คน แม้เพียงพรจะชวนให้นั่งทานด้วยกันแต่วาสนาไม่อยากทำตัวเสมอเจ้านายจากนั้นช่วงสายก็เข้าไปที่ร้านแล้วออกไปซื้อของสดมาทำเป็นมื้อกลางวันให้กับคนงาน ทุกคนต่างพูดกันพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าน้าวาสนาทำกับข้าวอร่อยส่วนเรื่องค่าเสียหายจากอุบัติเหตุก็ได้เงินมาก้อนหนึ่ง เธอชั่งใจอยู่นานว่าจะนำเงินไปปรับปรุงร้านหรือเก็บเป็นเงินก้อนไว้ให้กับญารินดาเรียน เมื่อปรึกษากับเพียงพรเลยได้ข้อตกลงว่า วาสนาจะยังทำงานที่นี่ต่อ รอจนลูกสาวเรียนจบ จากนั้นจะออกไปเปิดร้านอย่างเดิมก็ได้ วาสนาและลูกสาวก็เห็นด้วยกับคำแนะนำของเพียงพร“แม่คะ หนูจะขอแม่ไปดูหอพักกับเพื่อนได้ไหมคะ”“หนูไปกันสองคนได้เหรอลูก”“ได้ค่ะ มีรถตู้วิ่งจากสุพรรณไปกรุงเทพทุกวัน หนูไปเช้าเย็นก็กลับ ไปกัน 4 คนค่ะ มีหนู กัญ ต้นหลิวแล้วก็ทีเจค่ะ” ทั้ง 4 คนวาสนาเคยเจอมาบ้างแล้วจึงวางใจ“แม่อยากไปด้วย แต่ติดที่ต้องทำงาน อีกอย่างก็ไม่อยากเกะกะ”“ไม่เป็นไรค่ะแม่ หนูว่าจะถ่
ขากลับจากกรุงเทพเสียงในรถเงียบกว่าเมื่อเช้ามากผู้โดยสารทั้งสี่คนหมดแรงหลับไปตามๆ กัน เพราะหลังจากทำธุระเรื่องหอพักกันเสร็จ ภีมภพก็พาพวกเธอทุกคนไปทานอาหารกลางวันและสาวๆ ขอไปเดินเที่ยวกันต่อ ส่วนเขานั่งรอที่ร้านกาแฟอยู่เกือบ 3 ชั่วโมง สายตาคมแอบมองคนที่นั่งคู่มาด้วย ญารินดาในวันนี้ สดใส ร่างเริงช่างพูด เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นเธอหัวเราะอย่างมีความสุขนับตั้งแต่วันที่เขาได้เจอเธอ ภีมภพรู้สึกว่าคนของตัวเองเป็นต้นเหตุที่พรากเอาความสดใสของเธอไป จากนี้เขาตั้งใจว่าจะคอยอยู่ข้าง ๆ เธอคอยช่วยเหลือ เขาอยากเห็นเธอสดใสร่าเริงแบบนี้ไปตลอด เพราะมันทำให้คนที่ได้อยู่ใกล้อย่างเขารู้สึกดีไปด้วย “กอหญ้า” ภีมภพเรียกเบาๆ “คะ น้าภพถึงบ้านแล้วเหรอคะ” “ใกล้ถึงแล้วครับ บ้านเพื่อนกอหญ้าอยู่ที่ไหนกันบ้างน้าจะได้ไปส่งถูก” “น้าภพขับส่งที่เดิมเมื่อเช้าก็ได้ค่ะ พวกนั้นเอารถมอเตอร์ไซค์มาจอดไว้ที่นั่น” ญารินดาหมายถึงร้านรับฝากที่อยู่ใกล้กับท่ารถโดยสาร เมื่อส่งทุกคนเสร็จแล้วเขาก็ขับรถกลับมาถึงบ้านทันเวลาอาหารเย็นพอดี “เป็นไงบ้างคะคุณภพ”
เด็กฝึกของน้าภพตอนนี้แทบจะกลายเป็นแฝดของน้าภพไปแล้วไม่ว่าเขาจะไปไหนก็จะพาเธอไปด้วยทุกที่ ด้วยเหตุผลคืออยากให้เธอเรียนรู้งานให้มาก เวลาขับรถไปไหนก็มักจะสอนเธอไปว่าทางแบบนี้ ถนนแบบนี้ สภาพการจราจรแบบนี้ ควรขับรถแบบไหนใช้เกียร์แบบไหน ตอนนี้หญิงสาวขับได้ทั้งรถเกียร์ธรรมดาและเกียร์อัตโนมัติ“น้าภพ คิดว่าหนูจะทำได้ไหมคะ” ญารินดาวันนี้ญารินดาต้องมาสอบใบขับขี่หลังจากฝึกมาจนมั่นใจและอ่านข้อสอบไปเป็นสิบรอบ“ได้สิครับ มั่นใจหน่อยอย่าทำหน้าแบบนั้น”“ถ้าวันนี้ไม่ผ่าน ครั้งหน้าน้าภพจะมากับหนูอีกไหมคะ”“ไม่” ภีมภพปฏิเสธ“น้าภพอะ ใจร้าย”“ก็น้ารู้ว่ายังไงวันนี้กอหญ้าก็ต้องทำได้”“หนูจะพยายามค่ะ จากนี้หนูขอเป็นคนพาแม่ไปซื้อของมาทำอาหารนะคะ”“ได้สิ กอหญ้าจะยืมรถน้าพาแม่ไหนก็ได้ น้าอนุญาต” เพราะเป็นคนเธอเองเขาจึงมั่นใจว่าญารินดาจจะขับรถได้ดีและมีสติ“แบบนี้หนูสู้ตายเลยค่ะ”อาหารบนโต๊ะเย็นนี้มากกว่าทุกวันเพราะภีมภพอยากฉลองให้กับญารินดาที่สอบใบขับขี่ผ่านตั้งแต่ครั้งแรก“กอหญ้า น้ามีความลับจะบอก”“ความลับอะไรคะน้าพร”“เรื่องสอบใบขับขี่ น้าขอชื่นชมเลยว่ากอหญ้าเก่งมากที่สอบผ่านได้ในครั้งแรก หนูรู้ไหมมีใครบาง
ภีมภพพาญารินดามาทานอาหารญี่ปุ่นตามที่เคยได้สัญญาไว้ตั้งแต่ยังไม่เปิดเทอม “น้าภพจำได้ด้วยเหรอคะ ว่าหนูอยากกินอาหารญี่ปุ่น” “จำได้สิ น้ายังไม่แก่นะกอหญ้า” “ก็ไม่ได้ว่าแก่ แต่มันนานแล้วคิดว่าน้าภพลืมนี่ค่ะ”“ไม่ลืมหรอกครับ”“น้าภพคะ หนูฝากความคิดถึงให้แม่กับน้าพรด้วยนะคะ” “แล้วไม่คิดถึงน้าบ้างเหรอ” “จะคิดถึงทำไมคะ” “อ้าว” ภีมภพทำหน้าเสีย “ก็น้าภพอยู่ตรงหน้าแล้วนี่คะ” “อ๋อ แล้วกอหญ้าเรียนเป็นยังไงบ้าง” “ยังไม่ค่อยชินเท่าไหร่ แต่โชคดีที่มีพี่รหัสคอยช่วย” “แล้วพี่รหัสเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย” “ผู้หญิงค่ะ สวยด้วยนะคะ” “วันหลังต้องแนะนำให้น้ารู้จักบ้างนะครับ” “ไม่ดีกว่าค่ะ หนูกลัวน้าภพจะไปจีบพี่รหัสหนู” “คิดไปนู่น น้าแค่อยากรู้จักไว้เท่านั้นเอง ไม่ได้คิดจะจีบเลย” “จริงสิคะ ตั้งแต่อกหักครั้งนั้นน้าภพได้คบกับคนอื่นไหมคะ” “มันก็ต้องมีบ้าง น้าเป็นผู้ชาย แต่ก็คบๆ เลิก ๆ” “ไม่คิดจะแต่งงานเหรอคะ” ญารินดาถามไปก็ใจเต้นแรง
เพราะคำพูดของเพียงพรทำให้ภีมภพไม่ค่อยมาทานอาหารที่บ้านทุกวันอย่างเคย“น้าพรคะ ทำไมน้าภพถึงไม่มากินข้าวด้วยกันเหมือนก่อนล่ะคะ”“น้าภพงานเยอะ กินข้าวไม่เป็นเวลาจ้ะ”“หนูนึกว่าน้าภพไปกินที่อื่น” สีหน้าของหญิงสาวดูผิดหวังที่ไม่ได้เจอเขามาหลายวันแล้วทั้งที่อยู่ใกล้กันแค่นี้“จะไปกินที่อื่นได้ยังไงน้าวาสทำกับข้าวอร่อยอย่างนี้” เสียงของชายหนุ่มทำให้คนที่กำลังคิดน้อยใจยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว“น้าภพ” ญารินดารีบตักข้าวใส่จานให้เขาทันที“ขอบใจนะกอหญ้า”ชายหนุ่มนั่งทานอย่างเงียบๆ อันที่จริงเขาไม่ได้งานยุ่งแต่พยายามออกห่างเธอ แต่ทำได้เพียงไม่กี่วันก็ทนเสียงเรียกร้องของหัวใจไม่ได้“กินเยอะ ๆ นะคะ ของโปรดน้าภพทั้งนั้นเลย”“น้าวาสครับ ช่วงนี้ผมไม่ค่อยได้เข้ามากินข้าวเท่าไหร่เพราะชาวบ้านเริ่มใช้รถเกี่ยวกันมากขึ้นแล้ว ผมคงต้องไปดูเลยอยากขอให้น้าวาสช่วยทำข้าวกล่องให้ได้ไหมครับ”“ได้ค่ะคุณภพ น้าก็ว่าจะถามอยู่ พวกคนงานออกกันแต่เช้า กว่าจะกลับก็ดึก แล้วตอนเย็นทานกันที่ไหนคะ”“กินกับชาวบ้านครับ แต่กินบ่อยๆ ก็เกรงใจ เลยคิดว่าให้น้าวาสทำให้ดีกว่า กลางวันกับเย็นนะครับ เดี๋ยวบอกอีกทีว่าวันละเท่าไหร่ น้าจะได้เตรีย
งานแต่งงานถูกจัดขึ้นที่บ้านของเจ้าบ่าว เพราะด้านหน้าบ้านมีบริเวรกว้างขวาง เพื่อนของญารินดามาร่วมงานกันหลายคน เพื่อนของเธอต่างพากันอิจฉาที่เจ้าบ่าวของเธอนั้นหล่อราวกับเทพบุตรช่วงเช้าเป็นพิธีหมั้นและแห่ขันหมาก ส่วนช่วงเย็นเป็นงานเลี้ยงฉลอง ภีมภพและญารินดายืนต้อนรับแขกด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของคนมีความสุข เขากุมมือเจ้าสาวตลอดงานเพื่อให้ทุกคนรับรู้ว่าเขาทั้งรักและหวงแหนเธอมากแค่ไหน“ยินดีด้วยนะกอหญ้า” ต้นหลิวกับครอบครัวมาแสดงความยินดีกับเธอด้วย ส่วนต้นโมกนั้นก็ควงคู่มากับเพื่อนร่วมงานที่เพิ่งตกลงคบหากันได้ไม่นาน“ขอให้มีความสุขมากๆนะกอหญ้า” กัญและทีเจทีก็มาร่วมอวยพรนอกจากนั้นก็มีเพื่อนสมัยเรียนมัธยมที่มาแสดงความยินดีกับเธออีกหลายคน ต่างดีใจที่ญารินดาเป็นเพื่อนคนแรกในกลุ่มที่แต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝาคู่บ่าวสาวเดินทักทายและกล่าวขอบคุณแขกที่มาร่วมงาน จนถึงเวลาสามทุ่มแขกก็เริ่มทยอยกันเดินทางกลับบ้าน ในที่สุดงานแต่งงานก็เสร็จสิ้นลง เมื่อถึงฤกษ์ส่งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวเข้าห้องหอก็ถือว่าเป็นอันเสร็จสิ้นพิธีการทั้งหมด“คุณภพ แม่ฝากกอหญ้าด้วยด้วยนะคะ หนักนิดเบาหน่อยก็ให้อภัย
แล้วก็ถึงวันที่ญารินดาเรียนจบ วาสนาปลื้มใจยิ่งกว่าใครทั้งหมด คุณเพียงพรจัดงานเลี้ยงให้กับกอหญ้าที่ลานหน้าบ้านและชวนคนงานทุกคนให้มาร่วมฉลองความสำเร็จของเธอและเพียงพรก็ได้ประกาศให้ทุกคนรู้ว่าภีมภพกับญารินดานั้นกำลังคบหากันและจะจัดงานแต่งงานในอีกสองเดือนข้างหน้าตามฤกษ์ที่หลวงพ่อให้มาลูกน้องของภีมภพต่างพากันโห่ร้องแสดงความยินดี ที่เจ้านายของตนจะแต่งงานและจะได้เข้าชมรมกลัวเมียเหมือนกับพวกเขา แต่งานนี้ว่าที่เจ้าบ่าวอย่างภีมภพไม่ค่อยจะดีใจเท่าไร่ เพราะตอนนี้ญารินดาและวาสนาขอกลับไปอยู่ที่บ้านก่อนแล้วหลังแต่งงานค่อยย้ายกลับมาอยู่ด้วยกันที่บ้านหลังใหญ่แม้ว่าจะได้เจอกันทุกวันเพราะญารินดามาทำงานที่ร้าน แต่เขาก็ไม่ได้ใกล้ชิดกับเธอตามลำพังเลยสักนิด ถ้าจะให้เขารอให้ถึงวันแต่งงานเขาคงได้ขาดใจตายก่อนแน่ๆ ผ่านมาหนึ่งเดือนแล้วที่ญารินดากลับมาอยู่ที่บ้านของตนเอง ทุกอย่างกำลังลงตัวทั้งเรื่องงานและเรื่องความรัก เธอได้เจอกับภีมภพและได้ทานข้าวกลางวันด้วยกันทุกวัน แต่ชายหนุ่มมักโทรมาโอดครวญอยู่บ่อยๆ ว่าอยากให้เธอไปค้างที่บ้านบ้าง แต่ญารินดาก็เกรงใจมารดา เพราะที่ผ่านมาเธอก็ทำผิดเอาไว้มากหญิงสาวก็เ
ญารินดาตื่นนอนมาด้วยความสดชื่น การได้นอนอยู่ในอ้อมกอดของคนรักมันทำให้เธอหลับฝันดีกว่าคืนไหน แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าคนที่เธอนอนกอดอยู่ทั้งคืนนั้นหายไปไหนตั้งแต่เช้าวันนี้เธอมีเรียนเก้าโมงเช้าจึงคิดว่าจะรีบอาบน้ำแล้วไปหาอะไรทานที่คณะก่อนเข้าเรียน แต่พออาบน้ำเสร็จคนที่คิดถึงก็เดินกลับเข้าห้องมาพอดี “น้าภพไปไหนมาแต่เช้าคะ” “น้าลงไปซื้อโจ๊กมาให้ครับ กอหญ้าจะได้กินก่อนไปเรียน” “ขอบคุณนะคะน้าภพ” “ทำไมทำหน้าซึ้งขนาดนั้นแค่โจ๊กเองนะครับ” “ก็น้าภพดีกับกอหญ้านี่คะ” “แค่นั้นเองเหรอครับ” “กอหญ้าคุยกับแม่แล้วค่ะ ไม่มีดุกอหญ้าเลย เพราะน้าภพช่วยพูดใช่ไหมคะ” “น้าไม่ได้พูดอะไรเลยครับ ก็แค่บอกไปตามความจริงว่าน้ารักและจริงใจกับกอหญ้า” “ตอนแรกกอหญ้านึกว่าแม่จะดุ แต่แม่บอกว่าดีใจที่กอหญ้ามีคนดีๆ อย่างน้าภพคอยดูแลค่ะ กอหญ้ารักน้าภพนะคะ” หญิงสาวกอดคนตัวโตอย่างประจบ “น้าก็รักกอหญ้าครับ รีบกินดีกว่าไหมครับ กินตอนร้อนๆ จะได้อร่อย เดี๋ยวกินเสร็จแล้วน้าไปส่งนะครับ” “ไม่เป็นไรค่ะ กอหญ้าไปเองได้ค่ะ ใก
ภีมภพเหยียบมิดไมล์ใช้เวลาไม่ถึงสองชั่วโมงก็มาถึงหอพักของญารินดา เขารีบวิ่งขึ้นไปหาคนรักด้วยความเป็นห่วงไม่ใช่เพราะเรื่องที่เธอเข้าใจผิดแต่เป็นเพราะกลัวว่าอาการปวดท้องของเธอจะเป็นหนัก ญารินดาลุกขึ้นเปิดประตูโดยไม่ได้มองว่าใครมาเคาะเพราะคิดว่าคงจะเป็นต้นหลิวอย่างเคย “กอหญ้า” “น้าภพ” ญารินดาไม่คิดว่าเขาจะมาหาเธอในเวลานี้ เขาน่าจะเอาเวลานี้ไปดูแลลูกและภรรยาของเขาสิมันถึงจะถูกต้อง “ขอน้าเขาไปก่อนได้ไหมกอหญ้า” ภีมภพไม่อยากเพื่อนของเธอมาเจอเพราะกลัวว่าคนรักจะเสียหายที่มีผู้ชายมาหากลางดึก “น้าภพมาทำอะไรที่นี่คะ” “น้าเอายามาให้ครับ” “ขอบคุณนะคะ” ญารินดารีบไว้แล้วทำท่าจะปิดประตู “กอหญ้าคงไม่ไล่น้ากลับใช่ไหมครับ” “กอหญ้าไม่ได้ไล่ค่ะ แต่น้าภพไม่ควรจะอยู่ที่นี่” “เรามีเรื่องต้องคุยกันนะครับ ขอน้าเข้าไปนะครับ” “กอหญ้ามีอะไรจะคุยค่ะ กอหญ้าต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบ” “น้าอยากคุยเรื่องเขา ถ้ากอหญ้าจะยืนคุยตรงนี้น้าก็ไม่มีปัญหานะครับ ถ้าเพื่อนกอหญ้ามาเจอน้าก็จะได้บอกเลยว
วันนี้ญารินดาต้องกลับไปเรียนแล้วเธอนัดกับภีมภพไว้เวลาบ่ายสองโมง แต่รอจนกระทั่งสี่โมงเย็นเขาก็ยังไม่มารับ หญิงสาวโทรหาเขาหลายครั้งแต่ก็ติดต่อไม่ได้ มันคงเป็นเธอเองที่คาดหวังกับเขามากจนเกิน คาดหวังว่าเรื่องที่เห็นวันก่อนนั้นจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดแต่เมื่อคิดทบทวนดูแล้วทุกอย่างมันค่อนข้างจะชัดเจนว่าตอนนี้เขากลับไปอยู่กับคนของเขา ในที่ของเขาแล้ว ที่ตรงนี้มันเลยเหลือแค่เพียงเธอคนเดียวญารินดาให้ใบตองขี่จักรยานยนต์ไปส่งเธอที่ท่ารถ พอใบตองถามหญิงสาวก็บอกว่าตนเองมารอต้นหลิว เด็กสาวจึงขี่จักรยานยนต์กลับบ้านโดยไม่ได้ถามอะไรต่อยืนรอไม่นานญารินดาก็ได้ขึ้นมานั่งบนรถตู้มุ่งหน้าสู่เมืองหลวงไปทำหน้าที่ของตนเองอีกหนึ่งเดือนวาสนากับเพียงพรนั่งทานอาหารค่ำด้วยกันสองคนในบ้านหลังใหญ่ ยังทานไปได้ไม่ถึงครึ่งภีมภพก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาเสียก่อน“ไม่ต้องรีบขนาดนั้น น้าวาสเขาเก็บส่วนของภพไว้ให้แล้ว ไม่ต้องกลัวว่าพี่จะกินหมดหรอก” เพียงพรรีบบอกน้องชาย“พี่พร น่าวาส กอหญ้าล่ะครับ”“ก็คุณภพไปส่งแล้วไม่ใช่เหรอคะ” วาสนามองอย่างสงสัย“เปล่าครับน้าวาส”“ภพ มันเกิดอะไรขึ้น เราไม่ได้ไปส่งกอหญ้าแล้วน้องกลับยัง
ญารินดายังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมหลังจากที่ภีมภพขับรถออกไปแล้ว หญิงสาวไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับตัวเธอกันแน่ ความสุขที่มีมาตลอดสองเดือนพังลงตรงหน้าอย่างไม่ทันตั้งตัว เธอรู้สึกเสียใจเป็นทุนเดิมอยู่แล้วเรื่องที่ตัวเองจะมีลูกยากและคิดว่าภีมภพคงจะเข้าใจเธอ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แบบนั้นเลย เพราะลูกของเขากำลังจะคลอด นี่สินะเหตุผลที่เขาไปรับเธอไม่ได้ เธอก็คงเป็นที่ระบายอารมณ์ของเขาในเวลาที่ภรรยาตัวจริงของเขาตั้งครรภ์อยู่ หญิงสาวรวบรวมสติและแรงที่เหลือน้อยนิดเดินไปเรียกรถที่หน้าโรงพยาบาลกลับไปบ้านด้วยความรู้สึกที่เจ็บปวดอย่างที่สุด “กอหญ้า มานั่งก่อน หน้าซีดมาเลยหมอว่ายังไงบ้างลูก” วาสนารีบมาถามอาการด้วยความเป็นห่วง ก่อนหน้านี้ญารินดาบอกว่าเธอแวะหาหมอที่โรงพยาบาลเพราะปวดท้อง “หมอบอกว่ากอหญ้าช็อกโกแลตซีสต์ค่ะ แม่ไม่ต้องห่วงนะคะ มันไม่ได้ร้ายแรงแค่ทานยาที่คุณหมอให้เท่านั้นเองค่ะ”“แน่นะ ไม่ใช่ว่าเป็นเยอะแล้วโกหกแม่”“ไม่เยอะหรอกค่ะแม่”“ไม่แล้วทำไมกอหญ้าของน้าถึงเหมือนคนร้องไห้ล่ะลูก” เพียงพรที่นั่งสังเกตอยู่อดถามไม่ได้“กอหญ้าร้องไห้ก็เพราะมันปวดท้อง
หัวใจของญารินดาเป็นสีชมพูสดใส ในทุกวันจะมีกำลังใจจากภีมภพให้เธอตื่นเช้ามาเรียนเสมอ แม้จะเรียนและมีงานกลุ่มมากแต่ไหน แต่เพราะมีกำลังใจที่ดี เธอจึงผ่านในแต่ละวันได้อย่างง่ายดาย ตั้งแต่กลับมาจากเกาะเสม็ดก็ครบหนึ่งเดือนแล้วที่เธอกับเขาไม่ได้เจอกัน วันนี้หลังเลิกเรียนก็เลยนัดให้เขามารับเพราะวันจันทร์อาจารย์งดการเรียน“กอหญ้าหน้าซีดมาเป็นอะไรหรือเปล่า” น้ำใสเพื่อนสนิทที่นั่งเรียนมาด้วยกันตั้งแต่ปีหนึ่งถามขึ้น เมื่อเห็นว่าวันนี้เพื่อนของตนเองหน้าซีดกว่าทุกวันแถมใบหน้ายังชื้นไปด้วยเหงื่อเม็ดโตทั้งที่ห้องเรียนก็เปิดแอร์จนเย็นฉ่ำ “เราปวดท้องประจำเดือนน่ะ ไม่มีอะไรหรอก” “ไหวไหม กินยาหรือยังล่ะ” “กินแล้วจ้ะ น้ำใส่ไม่ต้องห่วง” “วันหยุดกลับบ้านหรืออยู่หอล่ะกอหญ้า” “กลับบ้านจ้ะ น้ำใสกลับไหม” “เราไม่กลับ พ่อกับแม่จะขึ้นมาหาน่ะ” “ฝากสวัสดีพ่อกับแม่ด้วยนะ” “ได้เลย นึกว่ากอหญ้าจะไม่กลับบ้านจะได้ไปกินข้าวด้วยกัน” “เอาไว้ครั้งหน้านะน้ำใส” ทั้งสองคุยกันแค่นี้เพราะอาจารย์ประจำรายวิชาเดินเข
เมื่อดื่มด่ำกับน้ำหวานจนพอใจแล้วภีมภพก็เอาขาที่พาดบ่าของเธอบนพื้นก่อนจะยืนขึ้นเต็มความสูงแล้วมอบจูบให้เธออีกครั้งอย่างเอาใจ “กอหญ้ามีรอบเดือนครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ ถ้าน้าจะขอไม่ใส่ถุงได้ไหม ถ้าให้น้าเดินกลับเอาถุงยางน้าคงได้ขาดใจตายกลางทางแน่ๆ” “อีกสามวันรอบเดือนกอหญ้าจะมาค่ะ” “งั้นนั้นน้าขอสดทุกวันนะคะ กอหญ้าหันหลังให้น้านะคะคนเก่ง” เสียงแหบพร่ากระซิบที่ข้างหูมือใหญ่จับไหล่มนให้หันหน้าเข้าหาผนังห้องน้ำ เขากดตัวหญิงสาวให้แอ่นสะโพกกลมกลึงขึ้นเล็กน้อย แล้วกดแก่นกายแข็งลากไปบนกลีบกุหลาบอย่างหยอกล้อ“อ๊ะ น้าภพ”หญิงสาวสะดุ้งกับความแข็งร้อน ร่างกายสั่นสะท้าน ทั้งเนื้อที่แนบชิดกันกว่าทุกครั้ง ทั้งสถานที่และท่วงท่าแปลกใหม่มันทำให้เลือดในกายของเธอสูบฉีด ความเสียวมันมากขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ“ที่รักของน้าไม่เกร็งนะคะ”ปากร้อนพรมจูบไปทั้งลาดไหล่และหลังขาวเนียนฝ่ามือใหญ่ยกขาข้างหนึ่งของเธอขึ้นเล็กน้อย ภีมภพย่อตัวลงแล้วกดท่อนเอ็นร้อนเข้าไปในช่องทางรักที่ฉ่ำวาวไปด้วยน้ำหวาน“อ่าห์...กอหญ้า ขอน้าเข้าไปอีกนิดนะคะ”ชายหนุ่มครางเสียงต่ำเมื่อตัวตนถูกตอดรัดจา
ภีมภพขับรถมาถึงท่าเรือในเวลาเกือบค่ำ พวกเขาทันขึ้นเรือเที่ยวหกโมงเย็นพอดี พอมาถึงบนเกาะท้องฟ้าก็มืดพอดีบ้านพักแบบพูลวิลล่ามองเห็นวิวทะเลหลังไม่ใหญ่มากแต่มีความเป็นส่วนตัวสูงเพราะชายหนุ่มอยากจะใกล้ชิดกับคนรักอย่างเต็มที่ เขารู้ว่าหลังจากนี้ญารินดาจะต้องเรียนอย่างหนัก โอกาสจะได้เที่ยวคงมีน้อยเต็มที“ชอบไหมครับกอหญ้า” เขาถามคนรักที่ยืนมองแล้วยิ้ม“ชอบค่ะ บ้านพักสวยมากแพงไหมคะ มีทั้งสระว่ายน้ำและยังมองเห็นวิวทะเลอีกด้วย”“ถ้าชอบก็ไม่ต้องถามราคาครับ” เขาตอบขณะที่เดินเข้ามานั่งในห้องรับแขกที่ตอนนี้ตรงกลางโต๊ะมีเครื่องดื่มเย็นๆ วางไว้ต้อนรับ“มันคงแพงมากใช่ไหมคะ กอหญ้าเกรงใจน้าภพ”“จะเกรงใจทำไมครับ เรามาเที่ยวนะอย่าคิดเรื่องเงิน มันจะไม่สนุก”“ถ้ากอหญ้าเรียนจบแล้วกอหญ้าจะช่วยน้าภพกับน้าพรอย่างเต็มที่เลยนะคะ” หญิงสาวรีบให้คำมั่น“กอหญ้าเป็นเด็กดีแบบนี้จะไม่ให้น้ารักได้ยังไง” ภีมภพรวบเธอเข้ามากอดอย่างรักใคร“กอหญ้าก็รักน้าภพค่ะ”“หิวหรือยังครับ” เพราะทั้งสองทานแค่แซนด์วิชอบร้อนในร้านสะดวกซื้อแค่คนละชิ้นเป็นอาหารมื้อกลางวัน เพราะกลัวว่าจะมาถึงที่นี่ช้า“เริ่มหิวแล้วค่ะ”“งั้นไปกินข้า