#ร้านอาหารหรู “ดีขึ้นบ้างไหม ?” “ถ้าบอกว่าดีขึ้นเฮียก็คงต้องว่าแพรโกหกใช่ไหมคะ” “ดูจากสีหน้าก็คงงั้น” ตอนนี้ฉันกับเฮียเฟยกำลังนั่งกินข้าวด้วยกันที่ร้านอาหารสุดหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยา วิวช่วงเย็นๆ กำลังดี บรรยากาศรอบๆ สวยงาม แต่จิตใจของฉันกลับห่อเหี่ยว“มันไม่แปลกหรอกถ้าจะเศร้า แผลยังสดอยู่เลย”“พูดเหมือนเฮียเคยอกหัก นี่แอบไปมีแฟนไม่บอกน้องหรอคะ” “ทุกครั้งที่แพรมองข้ามเฮีย ทุกครั้งที่แพรคบกับใครเฮียก็จะเป็นแบบที่แพรเป็นตอนนี้” “…….” เอาละสิ ฉันไม่น่าถามจริงๆ “ทำไมเฮียถึงยังชอบแพรอยู่ทั้งที่แพรก็ชัดเจนมาตลอดว่าคิดแค่พี่ชาย”“เฮียคงให้ความหวังตัวเองมากไปมั้ง”“….ถ้าแพรอยากเปิดใจ เฮียจะไม่ใจร้ายกับแพรใช่ไหมคะ” ฉันลองถามดู มันไม่ใช่การให้ความหวังฉันก็แค่อยากมั่นใจ ถ้าสักวันต้องเริ่มใหม่ฉันก็อยากจะเริ่มกับคนที่รักฉันจริงๆ “ที่ผ่านมาเคยเห็นเฮียร้ายหรือเปล่า ?” “ขอบคุณนะคะ ^_^” อย่างน้อยการอยู่กับเฮียเฟยก็ทำให้ฉันยิ้มได้“จะเปิดโอกาสให้เฮีย ?” เฮียเฟยเลิกคิ้วถาม แววตาคู่นั้นดูมีความหวัง “แพรขอเวลาก่อนนะคะ”“พูดแบบนี้กำลังให้ความหวังกันอยู่นะ รู้ไหม” “กินข้าวได้แล้วค่ะ อาหารเย็นชืดหมด
อลันมองหน้าฉันนิ่งๆ ไม่คิดว่าจะเจอเขาที่นี่เพราะคลับเพิ่งเปิดใหม่ แต่ตามประสาคนชอบเที่ยวมันคงจะเลี่ยงไม่ได้ “เสือกอะไรวะ!!” ผู้ชายที่ขอชนแก้วฉันตวาดถามอลัน “อยากเสือกมึงมีปัญหาอะไรกับกู” “กูมีแน่” ปัก! ผู้ชายคนนั้นทำท่าจะง้างมือต่อยอลันแต่เจออลันซัดหมัดใส่หน้าก่อนจึงเสียการทรงตัวเซเล็กน้อย“มึงรู้ไหมว่ากูลูกใคร พรุ่งนี้กูจะสั่งให้พ่อกูจัดการมึงซะ!!” “แล้วมึงรู้ไหมว่าที่นี่คลับใคร ?” อลันถามกลับ นั่นจึงทำให้ฉันฉุดคิดขึ้นมาได้ อลิชบอกว่าคุณคานส์ให้อลันมาช่วยดูแลคลับ หรือว่าจะเป็นคลับนี้ที่อลันดูแลอยู่เพราะเป็นคลับเปิดใหม่เหมือนกัน “ถอยออกไป” อลันบอกฉันเสียงดุเพราะในตอนนี้ฉันยืนอยู่ข้างหลังผู้ชายคนนั้น เพล๊ง!! ฉันเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าผู้ชายคนนั้นหยิบขวดเหล้าบนโต๊ะขึ้นมาฟาดศีรษะอลันจนขวดแตกกระจาย “….อลัน” ฉันเรียกอลันที่ยกมือขึ้นมากุมศีรษะของตัวเองไว้ ตอนนี้เพลงในคลับได้ปิดสนิทก่อนที่ไฟจะเปิดสว่างทุกดวง กาดของคลับพากันวิ่งกรูมาดึงคนที่ก่อเหตุออกไป “ยัยแพรเกิดอะไรขึ้น” มินนี่และขวัญเพิ่งกลับมาจากไปเข้าห้องน้ำ พวกเธอทั้งสองแตกตื่นยิ่งกว่าคนเห็นเหตุการณ์ซะอีก “น…นั่นมันน้องอล
“ถ้านายคิดแบบนั้นก็ได้” ฉันไม่เถียงอะไรทั้งสิ้นปล่อยให้คิดไปแบบนั้นก็ดี “รีบทำแผลสิจะได้รีบกลับไปหาผัวที่ห้อง”“มือไม่มีหรอ ทำเองสิ”“บอกจะทำให้ก็รีบทำ” พูดจบอลันก็เดินไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลมาวางลงบนโต๊ะทำงานของเขา ฉันไม่พูดอะไรทำก็ได้เพราะยังไงเขาก็ช่วยฉันจนตัวเองเจ็บตัว ฉันหยิบกล่องปฐมพยาบาลมาวางไว้ที่โต๊ะตรงโซฟาแล้วหันมาบอกอลัน “มานั่งนี่สิ” อลันเดินมาอย่างเชื่องช้าราวกับกำลังยั่วโมโหฉันอยู่ จากที่รู้สึกทำตัวไม่ถูกตอนนี้มันเริ่มรู้สึกหมั่นไส้เขาแล้วละสิ พออลันนั่งลงบนโซฟาฉันก็เริ่มหยิบอุปกรณ์ทำแผลออกจากกล่องแล้วเริ่มซับเลือดที่ศีรษะให้เขา “นายดูแลคลับนี้แทนคุณคานส์ใช่ไหม” “ถามทำไม” “ฉันจะได้ไม่มาเที่ยวที่นี่อีก” ไม่ใช่การประชดประชันแต่อย่างใด หากฉันรู้ตั้งแต่แรกก็คงไม่มาและเมื่อรู้แล้วก็จะไม่มาอีก “อืม” หลังจากที่อลันตอบแล้วบรรยากาศภายในห้องก็เงียบสงัดไร้บทสนทนาใดๆ ฉันตั้งใจทำแผลส่วนอลันก็นั่งนิ่งๆ “เอาเสื้อผ้าทิ้งไปหรือยัง” เงียบไปครู่ใหญ่อลันก็เป็นฝ่ายถามขึ้นมาก่อน “นายบอกให้ฉันทิ้งแล้วฉันจะเก็บไว้ทำไม” จริงๆ ยังไม่ได้เอาทิ้งหรอก แค่พูดไปเพราะไม่อยากให้เขาคิดว่าฉันยังลื
ตอนจากกันฉันใจแข็งไม่ยอมเขาแต่พอกลับมาเจอกันวันนี้ฉันกลับโหยหาสัมผัสนั้น….ทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้ ฉันดันอลันออกก่อนจะตั้งคำถาม “ที่บอกว่าคิดถึงหมายถึงฉันหรือร่างกาย” “……” อลันเอาแต่มองหน้าฉันเงียบๆ “คิดถึงฉันแค่เวลาไม่มีใครงั้นหรอ ไม่สิ! แค่เวลาที่ไม่มีผู้หญิงมานอนค้างด้วย” ฉันอ่อนแอจริงๆ ตอนนี้ แต่อ่อนแอขนาดนี้แล้วก็ยังยืนอยู่ตรงหน้าเขา “เลิกถาม” อลันบอกเสียงเรียบก่อนจะโน้มใบหน้าลงมาอีกครั้ง “มันจะจบได้ยังไงถ้าเรายังวนกลับมาทำแบบเดิม อื้อ~” เป็นอีกครั้งที่ริมฝีปากหนากดทับลงมาบนริมฝีปากของฉันเพื่อให้หยุดพูด ลิ้นสากของอลันสอดเข้ามาในโพลงปากของฉันแล้วควานสำรวจไปทั่วพร้อมทั้งพยายามจะตวัดเกี่ยวพันกับลิ้นของฉัน ฉันค่อยๆ ปล่อยให้หยดน้ำตามันไหลลงอาบแก้มเพราะความรู้สึกที่มันสับสนกับการกระทำของอลันในวันนี้ เขาอ่อนโยนต่างจากวันนั้นที่เราจบกัน อลันถอนจูบออกแล้วมองใบหน้าของฉันนิ่งๆ ก่อนจะยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาออกจากแก้มให้อย่างแผ่วเบา แต่นั้นมันกลับทำให้น้ำตามันไหลลงมามากกว่าเดิม จากที่คิดว่าจะลืมให้ได้….แต่ในเวลานี้ฉันต้องการเขามากที่สุด “…นายทำร้ายฉันทำไม ตบหัวแล้วลูบหลังงั้นหรอ” “ยอมหรื
ยังไม่ทันที่พ่อจะได้พูดอะไรปลายสายก็มีเสียงพูดแว่วๆ มาว่าถึงเวลาเข้าประชุมพ่อจึงกดตัดสายไปฉันเอาแต่คิดมากกับคำพูดของพ่อ มันเป็นไปได้สองอย่างคือหนึ่งพ่อสั่งให้ลูกน้องคอยตามดูฉันกับอลันแบบที่เคยทำ กับข้อที่สองคือวันนั้นสิ่งที่พ่อคุยกับอลันมันไม่ใช่อย่างที่เขาบอกฉัน หรือความจริงแล้วพ่อจะบังคับให้อลันเลิกกับฉัน แต่สิ่งที่อลันทำ เขาบอกว่าเบื่อ เขามีคนอื่น….เขาทำมันจริงๆ ถ้าหากเป็นเพราะพ่อบังคับเขาต้องทำให้ฉันเจ็บปวดขนาดนี้เลยหรือไง เฮ้อ…. ฉันถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่แล้วสะบัดความคิดมากมายออกจากหัว ก่อนจะเดินเข้ามาในห้องนอนล้มตัวลงนอนบนเตียง สัมผัสจากอลันวันนี้ทำให้ฉันเคลิ้มจนเผลอยกมือขึ่นมาแตะบนริมฝีปากของตัวเอง มันทั้งรักและเกลียดในเวลาเดียวกัน เมื่อความรู้อึดอัดเหล่านี้จะหายไปสักที ฉันไม่น่าเผลอตัวเลยจริงๆ…. เช้าวันต่อมาฉันตื่นขึ้นมาด้วยความคิดที่ฟุ้งซ่านในหัวเหมือนเดิม คำพูดของพ่อยังวนเวียนในหัวจนไม่สามารถลบมันออกไปได้ ฉันจึงตัดสินใจโทรไปหาพ่อ ( โทรมาทำไมดึกดื่นพ่อกำลังจะนอน )พอรับสายพ่อก็บ่นเล็กน้อย“ที่ไทยเช้าแล้วค่ะ”( มีธุระอะไรค่อยคุย ตอนนี้พ่อขอนอนก่อน )“หนูคุยไม่นานหรอกค่
#ภายในห้องลับ “ปล่อยฉันออกไปนะ” ฉันตะเบ็งเสียงบอกอลันที่กำลังกดรหัสล็อกประตู “เมื่อคืนยังไม่พอใจนายอีกหรือไง” “ไม่ได้คิดเรื่องนั้น แค่อยากให้ฟังกันก่อน” อลันยอมปล่อยฉันแต่มันก็หลังจากที่ประตูห้องถูกล็อกไปแล้ว ฉันไม่สามารถออกไปได้ “ก่อนหน้านี้ไม่เห็นนายอยากจะอธิบายอะไรกับฉัน เฉยชาแบบเดิมสิ” จำได้ว่าคำนี้ฉันพูดไปแล้วก่อนจะโดนลากเข้ามาในห้อง แต่ฉันก็อยากจะพูดอีก “แต่ตอนนี้อยากอธิบาย” “ขอถามหน่อยนะ นายเคยคิดจะบอกฉันเรื่องนี้หรือเปล่า ถ้าฉันไม่รู้นายจะบอกเมื่อไหร่”“…….”“แค่คำตอบง่ายๆ นายยังให้ฉันไม่ได้เลยอลัน” “มันยังไม่ถึงเวลา มันพูดไม่ได้เข้าใจหน่อยได้ไหม” “ฉันไม่เข้าใจ” อลันพ่นลมหายใจออกมาหนักๆ ก่อนจะเดินมานั่งลงที่ปลายเตียง สองมือของเขาประสานเข้าหากันแล้วบีบแน่นพร้อมกับก้มหน้าลง “ถ้านายเลือกแล้วก็ปล่อยฉันไปเริ่มต้นใหม่สิ ไม่ต้องขอโทษอะไรอีกแล้ว” “รักมากขนาดนี้จะให้ปล่อยไปได้ไงวะ!!” อลันเงยหน้าขึ้นมาตวาดพูด “ถ้ารักมากขนาดนี้แล้วเลือก….ปล่อยมือกันทำไม” “รักแต่อยู่ด้วยกันไม่ได้….” “ถ้าอย่างนั้นก็ต่างคนต่างไปสิ ทำเหมือนว่าฉันไม่รับรู้อะไร” ฉันพูดขัดขึ้นทำให้หันอลันค่อยๆ ก้มห
Talk อลันผมยืนมองผู้หญิงที่กล้าพูดได้เต็มปากว่าเป็นผู้หญิงที่ผมรักมากที่สุดและไม่เคยเลิกรักเธอได้เลย…แม้จะพยายามไม่สนใจขนาดไหนก็ตามผมรู้ว่าเธอไม่เต็มใจฟัง ผมรู้ว่ามันน่าผิดหวังกับความจริงที่รับรู้ ก็ดีที่เธอได้รู้แต่มันไม่ทั้งหมด ตอนนี้ผมจะเล่าเรื่องทุกอย่าง ความจริงทุกอย่างสิ่งที่ผมตัดสินใจทำเรื่องบ้านั่น วันนั้นที่พ่อของเธอมาหาและขอคุยกับผม ใช่ผมโกหก! ท่านไม่ได้พูดเรื่องธุรกิจแต่พูดถึงความเหมาะสม “ฉันมีลูกสาวคนเดียวรู้ใช่ไหม” “เพิ่งรู้เมื่อกี้ครับ”“ฉันไม่ใช่เพื่อนเล่นแก”“ผมก็ไม่ได้บอกว่าคุณลุงเป็นเพื่อนนะครับ”ท่านพ่นลมหายใจออกมาหนักๆ เมื่อได้ฟังคำตอบ ผมก็ตอบไปตามความจริงไม่ได้ตั้งใจจะพูดให้หงุดหงิด “ขอเข้าเรื่องเลยก็แล้วกัน”“ครับ”“ฉันอยากให้ลูกสาวเจอคนที่ดีกว่า” ผมคิดเอาไว้แล้วว่าต้องได้ยินประโยคนี้ “จะให้ผมถอยหรอครับ ?”“ใช่ฉันต้องการแบบนั้น”“ผมคงทำตามที่คุณลุงต้องการไม่ได้” “ฉันคิดเอาไว้แล้วว่าแกจะตอบแบบนี้” พูดจบสายตาของท่านก็เหลือบมามองที่ข้อมือของผม “นาฬิกาสวยดีหนิ ลูกกำนันอย่างแกคงไม่มีเงินมากมายมาซื้อนาฬิกาแพงๆ แบบนั้นได้ คงไม่พ้นลูกสาวฉันซื้อให้สินะ”“……..” ผม
Talk อลันผมรู้ว่าเธอโกรธที่ปิดบังถึงได้เงียบไปแบบนี้ แต่ผมเองก็อยากให้เข้าใจว่าที่ทำไปทั้งหมดผมไม่ได้ตั้งใจ “ที่ไล่ที่บอกให้ไปเริ่มใหม่ ความจริงแล้วไม่อยากให้เป็นแบบนั้น ใครจะอยากให้เมียตัวเองไปมีคนใหม่ แต่ที่พูดเพราะ….”“ความจริงของนายเป็นแบบนั้นแล้วยังไง ฉันรู้ด้วยหรอในเมื่อนายไม่ได้บอกอะไรสักคำ” “คิดเอาไว้ว่าถ้าพิสูจน์ตัวเองสำเร็จก็จะบอก” “หยุดอยู่ตรงนั้น” เธอออกคำสั่งเสียงกร้าวทำให้ผมที่กำลังจะเดินไปหาต้องหยุดชะงัก “……” “รู้ไหมว่าฉันเสียใจฉันเจ็บปวดขนาดไหน นายพิสูจน์ตัวเองให้พ่อได้เห็นโดยการทำลายความรักของเรา แบบนี้น่ะหรอ” “…….” ผมไม่พูดโต้ตอบอะไรเพราะที่พูดมานั้นผมทำมันลงไปจริงๆ “แล้วถ้าวันนั้นฉันยอมมีอะไรกับเฮียเฟยหรือผู้ชายคนอื่นล่ะ จะเกิดอะไรขึ้น นายจะยังเดินหน้าพิสูจน์ตัวเองต่อไปหรือเปล่าจะกลับมาง้อฉันที่ยอมให้ผู้ชายคนอื่นทำอะไรต่ออะไรงั้นหรอ”“เพราะรู้ไงว่าไม่ทำแบบนั้นอยู่แล้ว” ผมมั่นใจว่าแพรไม่มีวันพลีกายให้ผู้ชายคนอื่น “ฉันเข้าใจนายนะถ้านายอยากจะพิสูจน์ตัวเองกับพ่อ เข้าใจทั้งหมดที่นายเล่ามา”“เข้าใจจริงๆ ใช่ไหม ?” ดูสีหน้าแววตาของเธอแล้วมันไม่ได้ทำให้ผมสบายใจขึ้นม