ยังไม่ทันที่พ่อจะได้พูดอะไรปลายสายก็มีเสียงพูดแว่วๆ มาว่าถึงเวลาเข้าประชุมพ่อจึงกดตัดสายไปฉันเอาแต่คิดมากกับคำพูดของพ่อ มันเป็นไปได้สองอย่างคือหนึ่งพ่อสั่งให้ลูกน้องคอยตามดูฉันกับอลันแบบที่เคยทำ กับข้อที่สองคือวันนั้นสิ่งที่พ่อคุยกับอลันมันไม่ใช่อย่างที่เขาบอกฉัน หรือความจริงแล้วพ่อจะบังคับให้อลันเลิกกับฉัน แต่สิ่งที่อลันทำ เขาบอกว่าเบื่อ เขามีคนอื่น….เขาทำมันจริงๆ ถ้าหากเป็นเพราะพ่อบังคับเขาต้องทำให้ฉันเจ็บปวดขนาดนี้เลยหรือไง เฮ้อ…. ฉันถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่แล้วสะบัดความคิดมากมายออกจากหัว ก่อนจะเดินเข้ามาในห้องนอนล้มตัวลงนอนบนเตียง สัมผัสจากอลันวันนี้ทำให้ฉันเคลิ้มจนเผลอยกมือขึ่นมาแตะบนริมฝีปากของตัวเอง มันทั้งรักและเกลียดในเวลาเดียวกัน เมื่อความรู้อึดอัดเหล่านี้จะหายไปสักที ฉันไม่น่าเผลอตัวเลยจริงๆ…. เช้าวันต่อมาฉันตื่นขึ้นมาด้วยความคิดที่ฟุ้งซ่านในหัวเหมือนเดิม คำพูดของพ่อยังวนเวียนในหัวจนไม่สามารถลบมันออกไปได้ ฉันจึงตัดสินใจโทรไปหาพ่อ ( โทรมาทำไมดึกดื่นพ่อกำลังจะนอน )พอรับสายพ่อก็บ่นเล็กน้อย“ที่ไทยเช้าแล้วค่ะ”( มีธุระอะไรค่อยคุย ตอนนี้พ่อขอนอนก่อน )“หนูคุยไม่นานหรอกค่
#ภายในห้องลับ “ปล่อยฉันออกไปนะ” ฉันตะเบ็งเสียงบอกอลันที่กำลังกดรหัสล็อกประตู “เมื่อคืนยังไม่พอใจนายอีกหรือไง” “ไม่ได้คิดเรื่องนั้น แค่อยากให้ฟังกันก่อน” อลันยอมปล่อยฉันแต่มันก็หลังจากที่ประตูห้องถูกล็อกไปแล้ว ฉันไม่สามารถออกไปได้ “ก่อนหน้านี้ไม่เห็นนายอยากจะอธิบายอะไรกับฉัน เฉยชาแบบเดิมสิ” จำได้ว่าคำนี้ฉันพูดไปแล้วก่อนจะโดนลากเข้ามาในห้อง แต่ฉันก็อยากจะพูดอีก “แต่ตอนนี้อยากอธิบาย” “ขอถามหน่อยนะ นายเคยคิดจะบอกฉันเรื่องนี้หรือเปล่า ถ้าฉันไม่รู้นายจะบอกเมื่อไหร่”“…….”“แค่คำตอบง่ายๆ นายยังให้ฉันไม่ได้เลยอลัน” “มันยังไม่ถึงเวลา มันพูดไม่ได้เข้าใจหน่อยได้ไหม” “ฉันไม่เข้าใจ” อลันพ่นลมหายใจออกมาหนักๆ ก่อนจะเดินมานั่งลงที่ปลายเตียง สองมือของเขาประสานเข้าหากันแล้วบีบแน่นพร้อมกับก้มหน้าลง “ถ้านายเลือกแล้วก็ปล่อยฉันไปเริ่มต้นใหม่สิ ไม่ต้องขอโทษอะไรอีกแล้ว” “รักมากขนาดนี้จะให้ปล่อยไปได้ไงวะ!!” อลันเงยหน้าขึ้นมาตวาดพูด “ถ้ารักมากขนาดนี้แล้วเลือก….ปล่อยมือกันทำไม” “รักแต่อยู่ด้วยกันไม่ได้….” “ถ้าอย่างนั้นก็ต่างคนต่างไปสิ ทำเหมือนว่าฉันไม่รับรู้อะไร” ฉันพูดขัดขึ้นทำให้หันอลันค่อยๆ ก้มห
Talk อลันผมยืนมองผู้หญิงที่กล้าพูดได้เต็มปากว่าเป็นผู้หญิงที่ผมรักมากที่สุดและไม่เคยเลิกรักเธอได้เลย…แม้จะพยายามไม่สนใจขนาดไหนก็ตามผมรู้ว่าเธอไม่เต็มใจฟัง ผมรู้ว่ามันน่าผิดหวังกับความจริงที่รับรู้ ก็ดีที่เธอได้รู้แต่มันไม่ทั้งหมด ตอนนี้ผมจะเล่าเรื่องทุกอย่าง ความจริงทุกอย่างสิ่งที่ผมตัดสินใจทำเรื่องบ้านั่น วันนั้นที่พ่อของเธอมาหาและขอคุยกับผม ใช่ผมโกหก! ท่านไม่ได้พูดเรื่องธุรกิจแต่พูดถึงความเหมาะสม “ฉันมีลูกสาวคนเดียวรู้ใช่ไหม” “เพิ่งรู้เมื่อกี้ครับ”“ฉันไม่ใช่เพื่อนเล่นแก”“ผมก็ไม่ได้บอกว่าคุณลุงเป็นเพื่อนนะครับ”ท่านพ่นลมหายใจออกมาหนักๆ เมื่อได้ฟังคำตอบ ผมก็ตอบไปตามความจริงไม่ได้ตั้งใจจะพูดให้หงุดหงิด “ขอเข้าเรื่องเลยก็แล้วกัน”“ครับ”“ฉันอยากให้ลูกสาวเจอคนที่ดีกว่า” ผมคิดเอาไว้แล้วว่าต้องได้ยินประโยคนี้ “จะให้ผมถอยหรอครับ ?”“ใช่ฉันต้องการแบบนั้น”“ผมคงทำตามที่คุณลุงต้องการไม่ได้” “ฉันคิดเอาไว้แล้วว่าแกจะตอบแบบนี้” พูดจบสายตาของท่านก็เหลือบมามองที่ข้อมือของผม “นาฬิกาสวยดีหนิ ลูกกำนันอย่างแกคงไม่มีเงินมากมายมาซื้อนาฬิกาแพงๆ แบบนั้นได้ คงไม่พ้นลูกสาวฉันซื้อให้สินะ”“……..” ผม
Talk อลันผมรู้ว่าเธอโกรธที่ปิดบังถึงได้เงียบไปแบบนี้ แต่ผมเองก็อยากให้เข้าใจว่าที่ทำไปทั้งหมดผมไม่ได้ตั้งใจ “ที่ไล่ที่บอกให้ไปเริ่มใหม่ ความจริงแล้วไม่อยากให้เป็นแบบนั้น ใครจะอยากให้เมียตัวเองไปมีคนใหม่ แต่ที่พูดเพราะ….”“ความจริงของนายเป็นแบบนั้นแล้วยังไง ฉันรู้ด้วยหรอในเมื่อนายไม่ได้บอกอะไรสักคำ” “คิดเอาไว้ว่าถ้าพิสูจน์ตัวเองสำเร็จก็จะบอก” “หยุดอยู่ตรงนั้น” เธอออกคำสั่งเสียงกร้าวทำให้ผมที่กำลังจะเดินไปหาต้องหยุดชะงัก “……” “รู้ไหมว่าฉันเสียใจฉันเจ็บปวดขนาดไหน นายพิสูจน์ตัวเองให้พ่อได้เห็นโดยการทำลายความรักของเรา แบบนี้น่ะหรอ” “…….” ผมไม่พูดโต้ตอบอะไรเพราะที่พูดมานั้นผมทำมันลงไปจริงๆ “แล้วถ้าวันนั้นฉันยอมมีอะไรกับเฮียเฟยหรือผู้ชายคนอื่นล่ะ จะเกิดอะไรขึ้น นายจะยังเดินหน้าพิสูจน์ตัวเองต่อไปหรือเปล่าจะกลับมาง้อฉันที่ยอมให้ผู้ชายคนอื่นทำอะไรต่ออะไรงั้นหรอ”“เพราะรู้ไงว่าไม่ทำแบบนั้นอยู่แล้ว” ผมมั่นใจว่าแพรไม่มีวันพลีกายให้ผู้ชายคนอื่น “ฉันเข้าใจนายนะถ้านายอยากจะพิสูจน์ตัวเองกับพ่อ เข้าใจทั้งหมดที่นายเล่ามา”“เข้าใจจริงๆ ใช่ไหม ?” ดูสีหน้าแววตาของเธอแล้วมันไม่ได้ทำให้ผมสบายใจขึ้นม
เขาตวาดถามเหมือนฉันไม่มีสิทธิ์หนีไปไหน แบบนี้เรียกว่าเห็นแก่ตัวหรือเปล่า “ขอเวลาให้ฉันได้อยู่กับตัวเองได้ไหมอลัน ทำเหมือนก่อนหน้านี้ที่ไม่สนใจกันสิ” “ทำไม่ได้” อลันตอบกลับทันควัน“แล้วทำไมตอนนั้นถึงทำได้ล่ะ”“ตอนนี้ทำไม่ได้แล้ว” ฉันถอนหายใจออกมาหนักๆ ก่อนจะเดินผ่านหน้าอลันออกมาจากห้องนอน พอเดินออกมาจากห้องก็เห็นช่อดอกไม้วางอยู่ตรงหน้าโซฟาตัวใหญ่ ฉันจึงรีบเดินกลับเข้ามาในห้อง ตอนนี้อลันกำลังเอาเสื้อผ้าของฉันแควนไว้ในตู้เหมือนเดิม“ทำบ้าอะไรของนาย!!” ฉันเดินมาแย่งเสื้อออกจากมืออลันแต่เขาไม่ยอมปล่อย“จะโกรธก็โกรธไปแต่ไม่ใช่หนีหน้า”“กลับไปซะอลัน เอาช่อดอกไม้นั่นกลับไปด้วย รกห้อง!!”“เก็บเสื้อผ้าเอาไว้ในตู้เสร็จแล้วจะกลับ”“คิดหรอว่าถ้านายเอาเก็บไว้ในตู้แล้วฉันจะเอามาใส่กระเป๋าแบบเดิมไม่ได้”“งั้นก็จะเฝ้าอยู่แบบนี้ทั้งคืน” “กลัวพ่อพาฉันหนีไม่ใช่หรอถึงได้ยอมถอย ตอนนี้ไม่กลัวแล้วหรอ ?”“…….” อลันเงียบไม่ตอบอะไร“แปลกนะตอนตั้งใจทำร้ายนายไม่สนใจความรู้สึกฉันเลยด้วยซ้ำ แล้วตอนนี้ก็ไม่สนใจคำพูดของพ่อฉันแล้วว่างั้น” “ยังพิสูจน์ตัวเองเหมือนเดิม” อลันจับมือฉันก่อนจะพูดต่อ “จับมือไปด้วยกันได้
ฉันออกมานั่งให้ตัวเองสงบลงเหตุผลก็เพราะเผลอเป็นห่วงอลันเมื่อครู่ กริ้ง~ เสียงโทรศัพท์เข้า เป็นเบอร์ของเฮียเฟยโทรมาฉันจึงรีบรับสาย“มาถึงแล้วหรอเฮีย”( เปล่า เฮียจะโทรมาบอกว่าไม่ได้ไปแล้ว ลลิลอยากให้พาไปธุระ )“อ้าวหรอคะ ลลิลกลับมาไทยแล้วหรอ”( อืม ) ได้ยินเสียงกุกกักๆ ผ่านปลายสาย ก่อนจะมีเสียงผู้หญิงพูดขึ้น ( ฮายแพร ไม่เจอกันนานเลยวันนี้มาปาร์ตี้ที่บ้านฉันไหม )“วันนี้เลยหรอ” ( จะเทหรอ ไหนบอกว่ามาไทยแล้วจะฉลองกันไง )เฮียคงบอกลลิลเรื่องที่ฉันพูดในวันนั้นฉันกับเธอไม่ได้สนิทกันมากแต่ก็สนิทระดับหนึ่ง เธอเป็นผู้หญิงเฟรนลี่เข้ากับคนง่าย แถมยังนิสัยน่ารักมากๆ ( จะไปกวนแพรทำไม….) ฉันได้ยินเสียงเฮียเฟยบ่นน้องสาวผ่านปลายสาย เฮียเฟยคงผิดหวังกับฉันมากจริงๆ ( แพรฉันไม่มีเพื่อนที่ไทยเลย ไม่สิ! เพื่อนที่รู้จักกันก็อยู่ต่างประเทศหมดยังไม่มีใครกลับไทย ตอนนี้มีแค่แกนะที่ฉันรู้จัก )“อื้อ แกพูดมาขนาดนี้ฉันก็ต้องไปแล้วใช่ไหมล่ะ”( ชวนแฟนแกมาด้วยสิ เพื่อนแฟนแกด้วย อื้อเพื่อนๆ แกด้วยก็ได้วันนี้เฮียไม่อยู่บ้านหรอก ) “ฟ…แฟนอะไรของแกลลิล ฉันไม่มีแฟนสักหน่อย อีกอย่างถ้าให้ชวนเพื่อนเขาไปด้วยเฮียเฟยจะโอเค
อลันอุ้มฉันเข้ามาในบ้านโดยมีลลิลเป็นคนนำทาง เธอจัดเตรียมกล่องปฐมพยาบาลเอาไว้ให้แล้วก็รีบเดินออกไปราวกับไม่อยากอยู่เป็นก้างขวางคอ “แค่นี้ฉันทำเองได้” แผลที่โดนเศษแก้วมันไม่ได้ทิ่มที่เท้าลึกมาก จริงๆ ไม่ต้องทำแผลก็ได้ “นั่งเฉยๆ” อลันออกคำสั่ง“นายมีสิทธิ์อะไรมาออกคำสั่งฉัน” ฉันจ้องเขม็งแต่อลันกลับทำหน้าทะเล้นแทนที่จะสลดแบบทุกๆ ครั้งที่ฉันใช้คำพูดแบบนี้ “มีสิทธิ์” เขาพูดพร้อมกับเปิดกล่องปฐมพยาบาล “ไม่มีสิทธิ์” “ปากแข็ง”บทสนทนาจบลงเพราะฉันไม่เถียงอะไรต่อ อลันเริ่มทำแผลโดยการใช้แอลกอฮอล์ล้างซึ่งมันแสบจนฉันต้องร้องอุทานออกมา“อ๊า ซี๊ด” พอได้ยินเสียงอลันก็เงยหน้าขึ้นมามองแล้วถาม “อ่อย ?”“จะบ้าหรอ!”“เงียบๆ ถ้าไม่อยากเสียตัวตรงนี้”“หยุดคิดเรื่องแบบนั้นกับฉันสักที สถานะของนายไม่มีสิทธิ์ทำแบบนั้น”“พนันกันไหม ?”“พนันอะไรของนาย”“ถ้าทำแบบนั้นได้จะยอม…..” อลันขยับใบหน้ามาใกล้ๆ เมื่อเผลอจ้องตาเขามันก็ทำให้ตัวฉันแข็งทื่อราวกับหิน “ขอโทษ ยกโทษให้ได้หรือเปล่า” ในขณะที่พูดใบหน้าคมคายของอลันก็ขยับเข้ามาใกล้ขึ้นอีก “แล้วน้ำตาที่ฉันเสียไปกับคำโกหกของนายล่ะ ความรู้สึกของฉัน….อื้อ~”ในขณะที่พูด
อลันปัดมือฉันออกแล้วเบือนหน้าหนีเหมือนเดิม แถมยังไม่ยอมพูดอะไร พอเห็นแบบนี้แล้วมันทำให้ฉันรู้สึกผิดไปด้วยเลย ทั้งที่ตอนเขาทำไม่เห็นใจฉันแท้ๆ ยังปล่อยให้ฉันร้องไห้ไปหลายวัน แต่พอเห็นดวงตาที่แดงกล่ำของเขาแค่นี้ฉันกลับหวั่นไหว ความรู้สึกมันไม่ยุติธรรมเลย “ถ้าอดทนไม่ได้แล้วจะรับปากทำไม” “อดทนได้” อลันพูดก่อนจะล้วงมือลงไปในกระเป๋ากางเกงของตัวเองแล้วหยิบบุหรี่ขึ้นมา “ห้ามสูบบุหรี่” ฉันบอกเขาเสียงแข็ง “ทำไมไม่ไปหามัน”“แล้วนายเดินออกมาร้องไห้ทำไมละ”“สนใจทำไม บอกว่าทนได้”“ทนได้แต่ร้องไห้เนี่ยนะ” อลันหยิบไฟแช็กขึ้นมาจุดไฟ เห็นแบบนั้นฉันจึงรีบดึงมันออก “บอกว่าห้ามสูบบุหรี่”อลันมองฉันครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะทิ้งมวลบุหรี่ลงพื้นแล้วใช้เท้าขยี้มัน “พอใจแล้วใช่ไหม ?”พอถามเสร็จเขาก็เดินผ่านไปแบบไม่ได้รอฟังคำตอบจากฉัน ปากบอกทนได้ให้ฉันไปหาผู้ชายคนนั้น แต่ตัวเองงอนซะขนาดนี้เนี่ยนะ เหอะ!! ฉันเดินตามแผ่นหลังของอลัน เขามานั่งข้างๆ ตุล โดยมีลลิลกำลังชวนตุลคุยอยู่ สงสัยจะชอบจริงๆ แต่เด็กกลุ่มนี้ร้ายกาจ ถ้าเกิดเผลอใจไปฉันกลัวว่าลลิลจะเจ็บหนักจัง “น้องตุลกินอะไรไหมเดี๋ยวพี่เอามาให้” “ไม่กิน” ตุลหัน