ฉันถึงกับเบิกตากว้างเมื่ออลันพูดคำเมียออกไปอย่างโจ่งแจ้ง ไม่ต่างอะไรกับพี่เพิร์ทที่พอได้ยินก็ถึงกับขมวดคิ้วชนกันจ้องอลันเขม็ง “เมีย ?” พี่เพิร์ททวนคำพูดของอลันอีกครั้ง ก่อนจะถามต่อ “หมายถึงแพร ?”“ใช่….”“ไม่ใช่ค่ะ” ฉันรีบค้านขึ้นเสียงดัง ด้วยความที่ร้านมันเป็นแบบนั่งชิวเพลงไม่ดังมากทำให้โต๊ะข้างๆ หันมามองเมื่อได้ยินเสียงของฉันแล้วพอฉันตอบว่าไม่ใช่อลันก็หันควับมาจ้องหน้าจ้องฉันแทน ก่อนที่เขาจะพูดประโยคน่าอายออกมา “เมื่อวานเพิ่งจะเอากันไปลืมแล้วหรือไง ?”“อลัน!!” เป็นอีกครั้งที่ฉันตวาดเสียงดังลั่นจากนั้นก็ผลักอลันให้ออกห่าง อย่างน้อยเขาควรให้เกียรติฉันบ้างสิ ไม่ใช่พูดอะไรที่มันน่าอับอายแบบนี้ออกมา “ไหนแพรเคยกับพี่ว่าบอกว่ายังไม่พร้อมไงครับ แล้วที่เด็กคนนี้พูดคืออะไร ?” พี่เพิร์ทถาม สีหน้าของเขาดูตกใจกับคำพูดของอลันไม่น้อย “แพรยังไม่มีอะไรกับเขาค่ะ เราแค่คบหาดูใจกันยังไม่เลยเถิดถึงขั้นนั้น” ฉันรีบพูดแก้ต่างให้ตัวเอง ถึงแม้ว่าจะเป็นแค่คำโกหกแต่มันก็ยังดีว่าพูดให้ตัวเองเสียหาย “หึ!” อลันหัวเราะในลำคอออกมาพร้อมกับใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้มด้วยท่าทางที่ไม่สบอารมณ์ “นายไม่ควรพูดให้แพรเสีย
“หนูทดลอง?” อลันทวนคำพูดของฉันพร้อมกับจ้องมองด้วยสายตาที่ดุดัน“ใช่!!” ฉันผลักอลันออกแล้วเดินมาที่รถต่อโดยไม่สนใจพรึบ!! เป็นอีกครั้งที่แขนของฉันถูกกระชาก จากนั้นร่างก็ถูกลากมาที่หน้ากระโปรงรถ ก่อนจะถูกอลันกดให้เอนหลังราบลง มือทั้งสองข้างของฉันถูกอลันรวบขึ้นมาขึงตรึงเอาไว้เหนือศีรษะ มันจึงทำให้ฉันไม่สามารถดิ้นไปไหนได้“ปล่อยนะ เดี๋ยวมีคนเห็นขึ้นมาจะทำยังไง”“หมายถึงไอ้แฟนเก่าที่ชื่อแพมเพิร์สอะไรนั่นน่ะหรอ?”“เพิร์ท! ไม่ใช่แพมเพิร์ส” ทำไมจะดูไม่ออกว่าอลันตั้งใจเรียกพี่เพิร์ทแบบนั้น“แพมเพิร์สเหมาะกับมันดี”“ก็แล้วแต่นายจะเรียก” ฉันตอบพลางดิ้นไปมาทว่าเมื่อเริ่มดิ้นอลันก็โน้มใบหน้าลงมาใกล้ๆ ใกล้จนริมฝีปากแทบจะชิดกัน ด้วยความที่ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นในที่สาธารณะฉันจึงเบือนหน้าหนี“อย่าทำอะไรต่ำๆ กับฉันอีก”“ไหนบอกว่าหนูทดลอง?”“ใช่! ก็แค่ทดลอง นายเข้าใจคำว่าทดลองหรือเปล่าล่ะ” ครั้งนี้ฉันหันหน้ามาจ้องตากับอลัน ทั้งฉันและเขาต่างจ้องกันเขม็ง ใบหน้าอยู่ใกล้กันแค่คืบ“ทดลองไปเรื่อยๆ อะหรอ?” อลันเลิกคิ้วขึ้น ไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้เขาเข้าใจผิดคิดว่าหนูทดลองคือทดลองไปเรื่อยๆ“ปล่อยสิฉันจะ
“ยัยแพร ไปนานจังแล้วไหนพาวเวอร์แบงค์ล่ะ” พอได้ยินขวัญถามแบบนั้นฉันก็เพิ่งรู้ตัวเองว่าลืมหยิบมา เพราะรีบเดินหนีอลัน “ฉะ ฉันหาแล้วแต่ไม่เจอ”“อื้อๆ ช่างเถอะ” ขวัญตอบปัดๆ แล้วยกเหล้าดื่ม ฉันนั่งลงที่เดิมพร้อมกับดื่มเหล้าติดกันหลายแก้วเพราะเหตุการณ์เมื่อครู่ที่มันเกิดขึ้น ความอับอายที่ทำอะไรแบบนั้นในที่โจ่งแจ้งมันประเดประดังเข้ามาในหัว“ฉันอยากให้น้องอลันมานั่งคุยที่โต๊ะเราด้วยจัง แค่แป๊บเดียวก็ยังดี” มินนี่พูด “ยัยมิน แกดูเพ้อถึงน้องมันเกินไปแล้วนะ”“นี่! แกว่าฉันกับน้องเขาจะเป็นเนื้อคู่กันหรือเปล่าเจอกันหลายครั้งแล้วนะ” “เพ้อเจ้อค่ะ” ขวัญบอกมินนี่อย่างเอือมละอาในความมโน “น้องอลันหล่อนี่นา ใบหน้าหวานๆ แต่สายตาคู่นั้นมันดุดัน รอยยิ้มมุมปากที่แสนร้ายกาจ ลองจินตนาการถ้าฉันได้อยู่ใต้ร่างน้องมันนะ….”“ก็งั้นๆ มันน่าตื่นเต้นตรงไหน” ฉันเผลอพูดขัดขึ้นออกมา ทำให้ถูกขวัญกับมินนี่หันควับมามองเป็นตาเดียว “แกพูดเหมือนเคยนอนอยู่ใต้ร่างน้องมันแล้วอย่างนั้นแหละ” มินนี่จ้องฉันเหมือนกำลังจับผิด “บะ บ้าหรอฉันจะไปทำอะไรแบบนั้นได้ยังไง” ฉันรีบปฏิเสธออกไปทันที“นั่นสิ ยัยแพรยังบริสุทธิ์อยู่นะแกลืมไปแล้
อลันก้มหน้าลงมาใกล้ๆ ใบหูของฉันแล้วกระซิบบอก “ถ้าอยากรู้ก็ลองท้าทายดูสิ” บางครั้งเขาก็เป็นผู้ชายที่น่ากลัว เข้าถึงยาก ฉันไม่รู้เลยว่านิสัยจริงๆ ของอลันเป็นยังไงกันแน่ อลันจับแขนฉันดึงมายังที่นอน ก่อนที่เขาจะผลักตัวของฉันให้นอนราบลงไปบนเตียง รับรู้ได้ทันทีว่าเรื่องแบบนั้นมันจะเกิดขึ้นอีกครั้ง “อยากทำมากเลยใช่ไหม” ฉันถามอลันเสียงสั่น ก่อนจะลุกขึ้นยืนผลักเขาออกห่าง จากนั้นก็เริ่มถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกทีละชิ้นๆ โดยมีสายตาของอลันจับจ้องอยู่ “ฉันเป็นเบี้ยล่างของนายอยู่แล้วนี่ เอาเลย อยากทำอะไรก็เชิญ” เมื่อถอดเสื้อผ้าเสร็จฉันก็กลับขึ้นมานอนรออลันบนเตียงเหมือนเดิม “รีบๆ จัดการซะสิ เสร็จแล้วก็รีบกลับไปฉันไม่อยากให้นายนอนค้างที่นี่” ฉันพูดขึ้นอีกครั้งเพราะอลันเอาแต่เงียบ ไม่ใช่ว่าไม่อายที่แก้ผ้าต่อหน้าต่อตาเขาแบบนี้ แต่เพราะความโกรธมันทำให้ฉันกล้า “หิวข้าว” อลันบอกแล้วก้มลงดึงผ้าหุ่มมาปิดตัวฉันไว้แบบลวกๆ คำพูดของเขามันทำให้ฉันงุนงง ทั้งที่ยอมง่ายๆ แบบนี้แล้วทำไมจู่ๆ เขาถึงเพิกเฉย “มีมาม่าไหม ?” อลันถาม“มี” “ไปต้มมาม่าให้กินหน่อย”“ถ้าอยากกินก็ไปต้มกินเองฉันไม่ใช่…..”“เดี๋ยวดูทีวีร
อลันยังคงเอาแต่กระแทกเอวสอบเข้ามาหนักๆ เขาใช้นิ้วบดขยี้ติ่งเกสรของฉันเพื่อให้หลุดครางออกมา มันทรมานยิ่งกว่าทรมานซะอีกที่ต้องอดกลั้นเสียงห้ามเล็ดลอดออกมาแบบนี้ ปัก ปัก ปัก~ เสียงกระแทกกระทั้นมันยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ ใบหน้าหวานของอลันมันดุดัน สายตาของเขากำลังจ้องฉันเขม็ง เมื่อไม่มีทางเลือก สิ่งที่ตัดสินใจทำคือเอื้อมมือไปหวังจะหยิบโทรศัพท์แต่ทว่าอลันกลับปัดโทรศัพท์ให้ห่างออกไปจากมือฉัน “อึก อื้อ~” ฉันกัดริมฝีปากตัวเองแน่นจนห้อเลือดเมื่อถูกแก่นกายใหญ่รุกล้ำเข้ามาอย่างป่าเถื่อน“ครางให้มันฟังหน่อยสิ ซี๊ด” อลันบอก ฉันยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองแล้วส่ายหน้ารัวๆ การที่ฉันปฏิเสธมันยิ่งทำให้เขาไม่พอใจ ตอนนี้อลันเร่งจังหวะอัดกระแทกให้รุนแรงและเร็วมากขึ้นจนแทบหายใจไม่ทัน จากนั้นไม่นานเขาก็ดึงแก่นกายใหญ่ออกมารีดน้ำสีขุ่นลงบนหน้าท้องที่แบนราบของฉัน อลันก้มหน้าบงมามองแล้วพ่นลมหายใจออกมาหนักๆ ก่อนที่เขาจะเก็บแก่นกายใหญ่ของตัวเองไว้ในกางเกงเหมือนเดิมแล้วลุกขึ้นเดินไปเข้าห้องน้ำ พอเห็นว่าอลันเดินไปแล้วฉันรีบลุกขึ้นหยิบโทรศัพท์มาดูโดยไม่สนใจคราบน้ำกามที่มันเปรอะเปื้อนอยู่ที่หน้าท้องของตัวเอง แต่เมื่อหยิ
“…….” ฉันเม้มริมฝีปากแน่นเมื่อได้ฟังคำพูดของอลัน ก่อนจะใช้มือผลักเขาออกห่างจากตัวเอง “ฉะ ฉันจะกลับแล้ว” “ไปสิไม่ได้ล้ามโซ่ไว้” ดูเขาพูดสิ ใช้คำว่าล่ามโซ่เลยงั้นหรอ ฉันหันหลังให้อลันแล้วก้มหน้าค้นหากุญแจรถต่อ เสียงของเขาก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง“หวังว่าจะไม่ทำอะไรโง่ๆ แบบวันนี้อีก” ฉันนิ่งไปครู่นหนึ่ง มือมันแตะโดนกุญแจในกระเป๋าพอดี ฉันกำกุญแจรถเอาไว้แน่น แล้วพูด “…หวังว่านายจะไม่ยุ่งกับฉันอีก” เมื่อเข้ามานั่งในรถได้ฉันก็รีบขับรถออกไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด เพราะอลันเอาแต่ยืนอยู่ที่เดิมมองรถของฉันไปจนสุดสายตา ฉันแวะมาที่ร้านของตัวเองก่อนจะกลับคอนโดเพราะอยากมาตรวจงาน ตรวจบัญชีและเช็คของที่หมด แต่ทว่าสมองมันก็ไม่ค่อยจะมีสมาธิกับสิ่งที่ทำสักเท่าไหร่ “พี่แพรคะ พี่แพร” “อื้อ ว่าไงจ้ะ” เสียงพนักงานสาวทำให้ฉันหลุดจากภวังค์ “มีคนมาขอสมัครงานค่ะ” “แต่พี่ไม่ได้ติดป้ายรับสมัครนะ อีกอย่างตอนนี้พนักงานยังไม่ขาด บอกเขาว่ายังไม่รับแล้วกันจ้ะ” “ได้ค่ะ” ฉันถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วตั้งสมาธิตรวจดูงานต่อ อยู่ที่ร้านหลายชั่วโมงพอสมควรกว่าจะขับรถกลับมาที่คอนโดเพื่อพักผ่อน เวลาผ่านไปหนึ่งอาทิตย์มันน่าแ
พอฉันห้ามอลันพูดบาสก็ยิ่งมองด้วยแววตาสงสัย ฉันจะแก้ตัวยังไงดี “ผมอยากรู้แค่ข้อเดียวว่ามันเข้ามาในห้องพี่ได้ยังไง ในเมื่อห้องต้องใช้คีย์การ์ดหรือรหัส”“…….” ฉันเม้มปากแน่นอย่างคนที่จนมุม ไม่รู้จะตอบไปว่ายังไงดี “เป็นอะไรกับมันงั้นหรอพี่แพร” บาสถามอีกครั้ง “อะ อลันเป็นน้องชายเพื่อนพี่น่ะ” “เป็นน้องชายเพื่อนแล้วมีสิทธิ์เข้าห้องพี่ได้แบบนี้หรอครับ แล้วผมที่รู้จักกับพี่มาตั้งแต่เด็กๆ ล่ะ ทำไมถึงไม่รู้รหัสห้องเลย” คำถามของบาสมันทำให้ฉันจนมุมอีกครั้ง ตอนนี้ฉันได้แต่ยืนตัวแข็งทื่อไม่รู้ว่าจะพูดยังไงต่อ กลัวพูดไปแล้วจะถูกจับพิรุธได้ แต่การนิ่งแบบนี้มันก็ทำให้ถูกจับพิรุธเหมือนกัน “กูคงเป็นกรณีพิเศษ” เสียงของอลันพูดขึ้น เขาเดินมาหาฉันพร้อมกับเอามือมาจับดึงแขนของฉันให้ขยับเข้ามาใกล้ๆ ตัวเอง แล้วก้มหน้าลงมาเล็กน้อยก่อนจะพูด “ใช่ไหมครับพี่แพร” “ผมต้องการให้มันออกไปจากห้อง” บาสบอก เขาหยุดพูดแล้วจ้องอลันเขม็งก่อนจะเอ่ยเสียงเย็น “เกลียดขี้หน้ามัน” “คนที่ต้องออกไปจากห้องคือมึงไม่ใช่กู” อลันบอกสวนคำพูดของบาสทันที แถมเขายังใช้สายตาข่มขู่ฉันอีกด้วย “นายมีธุระอะไร ?” ฉันไม่ได้ไล่ใครออกไปจากห้องในท
ตอนนี้ในหัวของฉันมันกำลังคิดหนัก จะปิดเพื่อนทั้งสองคนยังไงดีในเมื่อเห็นคาตาขนาดนี้ หรือถึงเวลาแล้วที่ฉันจะต้องพูดความจริง ความจริงที่ไม่อยากจะบอกใคร… “เพื่อนมา ?” อลันเลิกคิ้วเอ่ยถามฉันที่ยังคงตกใจกับเหตุการณ์นี้ “อื้อ” ฉันบอกสั้นๆ แล้วใช้มือทั้งสองข้างจับอลันไว้กลัวว่าเขาจะหันไป ถ้ามินนี่กับขวัญเห็นหน้าอลันรับรองว่าทั้งสองคนจะตกใจมากกว่านี้แน่ “ยะ ยัยแพร แกก็นะมีแฟนไม่บอกเพื่อนเลย” ขวัญพูดพลางวางของไว้บนโซฟา เธอกำลังตั้งรับกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเจอไปเมื่อครู่ “นะ นั่นสิ ถ้าบอกว่าอยู่กับแฟนฉันกับยัยขวัญคงไม่มารบกวนแก” “แกสองคนเข้าไปรอในห้องนอนฉันก่อนได้ไหม คือว่าเขาไม่อยากให้ใครเห็นหน้าน่ะ” ฉันพูดอ้างกับเพื่อน ทั้งที่ความจริงเป็นฉันนี่แหละที่ไม่อยากให้พวกนั้นเห็นหน้าอลัน “ระ หรอๆ อื้อๆ ได้สิ” มินนี่กับขวัญพยักหน้าพร้อมๆ กัน “บอกเมื่อไหร่ว่าไม่อยากให้ใครเห็นหน้า ?” ในขณะที่มินนี้กับขวัญกำลังจะเดินไปที่ห้องนอนของฉัน จู่ๆ อลันก็เอ่ยขึ้นมา ทำให้สองคนนั้นหยุดชะงัก อลันไม่เพียงแต่พูดเขาขัดคำสั่งฉันด้วยการหมุนตัวหันหน้าไปให้เพื่อนของฉันเห็น ทำเอามินนี่กับขวัญต้องยกมือขึ้นมาปิดปากแล้ว