ตอนนี้ในหัวของฉันมันกำลังคิดหนัก จะปิดเพื่อนทั้งสองคนยังไงดีในเมื่อเห็นคาตาขนาดนี้ หรือถึงเวลาแล้วที่ฉันจะต้องพูดความจริง ความจริงที่ไม่อยากจะบอกใคร… “เพื่อนมา ?” อลันเลิกคิ้วเอ่ยถามฉันที่ยังคงตกใจกับเหตุการณ์นี้ “อื้อ” ฉันบอกสั้นๆ แล้วใช้มือทั้งสองข้างจับอลันไว้กลัวว่าเขาจะหันไป ถ้ามินนี่กับขวัญเห็นหน้าอลันรับรองว่าทั้งสองคนจะตกใจมากกว่านี้แน่ “ยะ ยัยแพร แกก็นะมีแฟนไม่บอกเพื่อนเลย” ขวัญพูดพลางวางของไว้บนโซฟา เธอกำลังตั้งรับกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเจอไปเมื่อครู่ “นะ นั่นสิ ถ้าบอกว่าอยู่กับแฟนฉันกับยัยขวัญคงไม่มารบกวนแก” “แกสองคนเข้าไปรอในห้องนอนฉันก่อนได้ไหม คือว่าเขาไม่อยากให้ใครเห็นหน้าน่ะ” ฉันพูดอ้างกับเพื่อน ทั้งที่ความจริงเป็นฉันนี่แหละที่ไม่อยากให้พวกนั้นเห็นหน้าอลัน “ระ หรอๆ อื้อๆ ได้สิ” มินนี่กับขวัญพยักหน้าพร้อมๆ กัน “บอกเมื่อไหร่ว่าไม่อยากให้ใครเห็นหน้า ?” ในขณะที่มินนี้กับขวัญกำลังจะเดินไปที่ห้องนอนของฉัน จู่ๆ อลันก็เอ่ยขึ้นมา ทำให้สองคนนั้นหยุดชะงัก อลันไม่เพียงแต่พูดเขาขัดคำสั่งฉันด้วยการหมุนตัวหันหน้าไปให้เพื่อนของฉันเห็น ทำเอามินนี่กับขวัญต้องยกมือขึ้นมาปิดปากแล้ว
บทสรุปของเรื่องนี้คือฉันไม่ได้โทรศัพท์คืนจากอลัน เขาไม่ยอมคืนให้ แถมยังบอกว่าตัวเขาออกไปจากห้องเมื่อไหร่จะคืนให้เองตอนนี้ฉันขวัญมินนี่กำลังนั่งดื่มกันอยู่ โดยมีอลันนั่งร่วมวงด้วยทำให้บรรยากาศมันค่อนข้างอึดอัดพอสมควรเพราะท่าทางที่เข้มขึมของอลัน เขาจะรู้ไหมว่าตัวเองน่ะเป็นส่วนเกิน “อาทิตย์หน้าฉันจะไปต่างหากพวกแกจะฝากซื้ออะไรไหม” ขวัญพูดขึ้น เพื่อนฉันคนนี้บินไปต่างประเทศบ่อยยิ่งกว่าอะไร “ฝากหิ้วผู้ชายทีค่ะ” “ของแบบนี้ต้องไปเลือกเองไหมล่ะ” “ฉันฝากด้วย” ฉันพูดขึ้น จู่ๆ ทุกคนก็หันพรึบมามองกันเป็นตาเดียว ไม่เว้นแม้แต่อลันที่จ้องฉันเขม็ง “ฝากหิ้วผู้ชาย ?” อลันถามเสียงเข้ม ทั้งที่ฉันยังไม่ได้พูดเลยสักคำว่าจะฝากอะไร “บ้าหรอ ฉันจะฝากซื้อน้ำหอม”คำตอบของฉันทำให้เพื่อนทั้งสองคนถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ลุ้นอะไรกันขนาดนั้นเชียว “แล้วไป” อลันบอกก่อนจะเบือนหน้าหนี “ฉันคิดว่าแกจะฝากหิ้วผู้ชายซะอีก แต่ก็นะแฟนเด็กของแกหล่อขนาดนี้ยังจะสนใจอะไรอีกล่ะ” มินนี่พูดแซว แต่นั่นมันไม่ได้ทำให้รู้สึกยินดีเลยสักนิดที่ได้ยินคำว่าแฟนเด็ก ฉันตัดสินใจว่าจะบอกเพื่อนถึงความสัมพันธ์ เพราะสุดท้ายยังไงพวกมันก็ต้อง
เมื่อได้ฟังคำตอบนั้นฉันเองก็ทำได้แต่มองอลันเงียบๆ โดยไม่โต้ตอบอะไร สิ่งที่เขาทำตอนนี้มันทำให้ฉันรู้สึกวูบไหวในใจแปลกๆ หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งฉันก็ลุกขึ้น ยังไม่ทันจะได้เดินไปไหนอลันก็คว้ามือมารั้งแขนไว้ซะก่อน “จะไปไหน”“ไปเอากุญแจห้องให้นายไง” ฉันพูดโดยที่ไม่ได้มองหน้าเขา เมื่อบอกแล้วอลันก็ค่อยๆ ปล่อยมือจากแขนของฉัน ฉันเดินมาที่ห้องนอนของตัวเองเพื่อหยิบกุญแจอีกห้องเอามายื่นให้อลัน เพื่อนของฉันทั้งสองคนที่เห็นเหตุการณ์ต่างก็เงียบไม่มีใครพูดอะไรสักคำ แต่ดูจากสีหน้าแล้วในใจคงจะมีคำถามมากมาย อลันมองหน้าฉันครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะพาผู้หญิงคนนั้นไปที่ห้อง “ยัยแพร! แกทำบ้าอะไรลงไปรู้ตัวไหม” ให้หลังจากที่อลันเดินไปแล้วขวัญก็พูดขึ้นมาทันที“นั่นสิ! ไม่ว่าความสัมพันธ์ของแกกับอลันจะเป็นยังไงการให้เขาพาผู้หญิงมาที่ห้องของตัวเองมันสมควรหรือไง” มินนี่พูดเสริม “ฉันพูดเอง” ฉันตอบเพียงสั้นๆ “แกกับน้องมันนี่ยังไงกัน! ตอนแรกฉันเห็นคิดว่าแกคบหาดูใจกับอลันเพราะฉากที่บาดตาบาดใจนั่น แต่แกดันมาบอกว่าไม่ได้เป็นอะไรกัน หนำซ้ำอลันยังพาผู้หญิงมาที่ห้องแกอีก นี่แกยังนั่งชิวได้อยู่หรอยัยแพร”“แกจะให้ฉันทำอะไร
อลันลุกขึ้นจากตัวฉัน เขาเดินออกไปจากห้อง ฉันจึงค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งแล้วตบหน้าตัวเองเบาๆ เพราะเมื่อครู่เผลอพูดอะไรแบบนั้นออกไป สักพักก็มีเสียงผู้หญิงโวยวายดังขึ้นมาให้ได้ยิน แต่ฉันจับใจความอะไรไม่ได้เพราะได้ยินไม่ชัด รู้แค่ว่าเธอคงไม่พอใจอลันแน่ๆ ผ่านไปครู่หนึ่งอลันก็เดินกลับเข้ามาในห้อง เขาเดินมาหยุดตรงหน้าฉันแล้วก้มลงมาใช้มือจับชายเสื้อที่ฉันสวมใส่ให้เลิกขึ้นมาแล้วถอดมันออกไป โดยที่ฉันเองไม่ได้ขัดขืนอะไร ตอนนี้ท่อนบนของฉันมีเพียงแต่เสื้อชั้นในที่ปิดบังหน้าอกอยู่ “…ผู้หญิงคนนั้นกลับไปแล้วหรอ”“อืม” อลันตอบในลำคอก่อนที่เขาจะถอดเสื้อของตัวเองออกแล้วทิ้งมันลงพื้นอย่างไม่ใยดี ฝ่ามือใหญ่กดตัวฉันให้นอนราบลงมาบนเตียง ร่างหนาของอลันคร่อมบนตัวของฉันอีกครั้ง สายตาคู่นั้นที่จับจ้องมองอยู่มันทำให้ฉันไม่กล้าที่จะสบตาจึงเลือกเบือนหน้าหนี แต่มันกลับเป็นการเปิดโอกาสให้อลันก้มลงมาจูบที่ต้นคอ คำพูดของเพื่อนมันยังวนเวียนอยู่ในหัวของฉัน คำว่า ‘สยบเสือ’ ฉันควรจะทำแบบนั้นหรือจบความสัมพันธ์แบบนี้ซะ ทั้งที่ควรจะเลือกจบความสัมพันธ์อย่างที่ต้องการ แต่เมื่อได้เห็นใบหน้าหวานที่ดุดันของอลันใกล้ๆ แบบนี้มันกลั
เช้าวันต่อมากริ้ง~ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทำให้ฉันสะดุ้งตื่นก่อนจะควานมือคลำหาโทรศัพท์ที่ดังรบกวนเวลานอน เมื่อคลำมือเจอโทรศัพท์แล้วฉันก็กดรับสายโดยไม่ได้ดูให้ดีก่อนว่าเป็นเบอร์ของใคร ( ฮัลโหล ) ฉันกรอกเสียงงัวเงียถามปลายสาย ( นั่นแพรหรอ กะ แกทำไมถึงมารับสายอลันได้ ) น้ำเสียงตกใจของปลายสายทำให้ฉันเบิกตากว้างพร้อมกับดีดตัวลุกขึ้นนั่ง ยกโทรศัพท์ขึ้นดูว่าปลายสายคือเบอร์ของใครด้วยหัวใจที่เต้นรัวเมื่อเห็นชื่อที่โชว์อยู่หน้าจอมันก็ทำให้ฉันต้องยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองด้วยความตกใจสุดขีด มันคือเบอร์ของอลิช และที่น่าตกใจไปกว่านั้นคือ โทรศัพท์ที่ฉันถืออยู่มันเป็นโทรศัพท์ของอลัน ไม่ใช่ของฉัน ด้วยความที่ทำอะไรไม่ถูกฉันก็เลยกดตัดสายทิ้งก่อนจะหันมองข้างๆ ตัว เห็นว่าอลันกำลังนอนหลับอยู่ ฉันก้มหน้าลงเอามือยีผมตัวเองจนยุ่งเหยิงไปหมด อลิชทักมาแบบนั้นฉันจะกล้าสู้หน้าเพื่อนได้ยังไงกริ้ง~ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาอีกครั้ง ครั้งนี้มันคือเสียงโทรศัพท์ของฉันแน่ๆ ฉันหันมองที่โทรศัพท์ของตัวเองแล้วเอื้อมมือหยิบมันขึ้นมา หัวใจดวงน้อยแทบจะหยุดเต้นเมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์ของอลิชที่โทรมา “เอาไงดี!!” ฉันกำโทรศัพท์ในม
วันต่อมา @คลับ วันนี้ฉันมาดื่มกับเพื่อนเพราะพวกนางงอแง จะไม่มาด้วยก็คงดูใจร้ายเกินไป อีกอย่างหลายวันมานี้ในหัวมีแต่เรื่องเครียดๆ ด้วย ฉันคิดไว้แล้วแหละว่าวันนี้อาจจะเจออลันเพราะเขากับเพื่อนชอบมาดื่มกันที่คลับนี้ เป็นคลับของเฮียเฟยน่ะ ฉันกับเพื่อนมาตั้งแต่สามทุ่มกว่าคนยังไม่เยอะเท่าไหร่ แต่ตอนนี้สี่ทุ่มครึ่งคนเริ่มทยอยมากันจนเกือบจะแน่นคลับแล้ว “เดี๋ยวฉันไปห้องน้ำก่อนนะ” มินนี่บอกก่อนจะหยิบโทรแล้วเดินแยกตัวไป ตอนนี้จึงเหลือแค่ฉันกับขวัญที่นั่งดื่มที่โต๊ะ “แกนี่อาการเหมือนคนอกหักเลยนะยัยแพร ไหนบอกไม่ชอบเด็กไง” ขวัญท้วงเมื่อเห็นสีหน้าของฉัน “ก็ไม่ชอบ” ฉันตอบเพื่อนก่อนจะยกเหล้าดื่ม “ฉันจะเชื่อคำพูดแกได้ยังไง” “คำพูดฉันมันไม่น่าเชื่อขนาดนั้นเลยหรอ” “การกระทำแกต่างหากที่ไม่น่าเชื่อ” “…….” ฉันทำอะไร ก็ปกตินี่ไม่เห็นจะแปลกตรงไหนเลย “แกบอกว่าไม่ชอบเด็กแต่กับน้องอลันคือข้อยกเว้นสินะ” “มะ ไม่ใช่สักหน่อย” ฉันยกเหล้าขึ้นดื่มอีกครั้งพร้อมกับหลบสายตาจับพิรุธของขวัญ “นี่ยัยแพร! ฉันเป็นเพื่อนแกนะทำไมจะดูอาการของเพื่อนไม่ออก แกน่ะกำลังหลงรักน้องมันอยู่ แต่ตอนนี้แกกำลังต่อต้านคว
มันสัมผัสได้ถึงความรู้สึกบางอย่างที่เกิดขึ้นกับตัวเอง ฉันที่เคยพูดมาตลอดว่าไม่ชอบผู้ชายที่อายุน้อยกว่า แต่ตอนนี้ความรู้สึกเหล่านั้นมันกำลังเกิดขึ้นกับผู้ชายที่ชื่อ ‘อลัน’ ยอมรับว่าอลันคือคนที่ทำให้ฉันเลิกจมปักกับพี่เพิร์ท เขาคือคนที่ทำให้ฉันดีขึ้นโดยการเข้ามายุ่งวุ่นวายกับชีวิตของฉันและดึงฉันเข้ามาพัวพันกับความสัมพันธ์ที่ไม่มีสถานะบ้าๆ นั่น ฉันควรหยุดมันซะ! ก่อนที่ตัวเองจะต้องเจ็บปวดอีกครั้ง “พวกแกมาวัดกันหรอคะนั่งนิ่งกันเชียว” เสียงของมินนี่ท้วงขึ้นมาทำให้ฉันหลุดจากวังวนความคิดของตัวเอง “รอแกเปิดไงคะ” ขวัญพูด “โทษทีฉันคุยโทรศัพท์นานไปหน่อย” “คุยกับผู้ชาย ?” ฉันถามเชิงแซว มินนี่จึงยิ้มกริ่มโดยไม่ได้ตอบอะไร เพื่อนฉันคนนี้ร้ายกาจยิ่งกว่าผู้ชายซะอีก คงจะมีแค่ฉันกับขวัญที่ใสๆ เอะ! ไม่สิ ตอนนี้คงมีแค่ขวัญเพราะฉัน….!! ฉันจะคิดถึงเรื่องนั้นในเวลานี้ทำไมกัน!! “เอะ! นั่นน้องอลันนี่” มินนี่มองไปที่โต๊ะของอลันก่อนจะตวัดสายตามองหน้าฉัน “แกทนเห็นน้องมันโอบผู้หญิงต่อหน้าต่อตาได้ยังไง” “มันเรื่องของอลันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉัน” “คนมีอะไรกันแล้วจะไม่เกี่ยวได้ยังไง” มินนี่ดูขุ่นเคืองมา
@สหรัฐอเมริกา เดินทางยี่สิบกว่าชั่วโมงในที่สุดฉันและขวัญก็มาถึงที่อเมริกา เราไม่ต้องยุ่งยากหาโรงแรมพักเพราะขวัญมีบ้านที่นี่ พ่อของเธอมีธุรกิจที่นี่จึงซื้อบ้านไว้ เป็นไงล่ะเพื่อนของฉันไม่ธรรมดาเลยใช่ไหม เราจะมาอยู่ที่อเมริกากันสองอาทิตย์ จริงๆ ยัยขวัญจะมาแค่อาทิตย์เดียวแต่ฉันบอกไปว่าอยากมาสักสองอาทิตย์นางเลยตามใจ ส่วนร้านกาแฟที่ไทยฉันฝากให้มินนี่ช่วยเข้าไปดูแลให้ นานมากแล้วที่ฉันไม่ได้มาต่างประเทศ ตอนนี้มองอะไรมันก็สวยแปลกตาไปหมด #บ้านของขวัญ “จะไปช๊อปปิ้งกันเลยไหม ?” มินนี่ถามเมื่อเราเอากระเป๋ามาไว้ที่บ้านกันแล้ว ที่บ้านเป็นหลังขนาดกลางไม่เล็กและไม่ใหญ่ มีสระว่ายน้ำ “วันนี้ขอพักก่อนดีกว่า นั่งเครื่องมาเหนื่อยๆ” “อื้อฉันก็รู้สึกเหนื่อยเหมือนกัน” “มาไกลขนาดนี้แกต้องดูแลหัวใจให้หายเร็วๆ ล่ะ” ขวัญพูดหลังจากที่เราเงียบกันไปครู่หนึ่ง “ทำไมต้องดูแลฉันปกติดี” “แกนี่ชอบปากแข็ง ฉันดูออกค่ะ” “คิดว่าฉันมาที่นี่เพราะอลันจริงๆ น่ะหรอ” “มันคงเป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้ผู้หญิงขี้งกอย่างแกยอมเหมาจ่ายเครื่องบิน บินมาไกลถึงอเมริกา” “…….” ฉันเถียงไม่ออกจริงๆ เพราะที่ขวัญพูดมามันถูกต้อง อลันค
5 เดือนผ่านไป ชีวิตหลังแต่งงาน “ทำให้มันดีๆ หน่อยสิอลัน” “ก็ทำดีๆ อยู่นี่ไง” “แล้วนายเอาหมูไปผัดแบบนั้นได้ยังไง ทำไมไม่ผัดหมูก่อน”“แล้วทำไมไม่บอกก่อนก็รู้ว่าทำอาหารไม่เป็น”“ทำไม่เป็นก็ถอยไปฉันจะทำเอง”“ไม่ต้องยุ่งออกไปนั่งรอเลยไป” ฉันมองสามีของตัวเองทำอาหารด้วยความเหนื่อยใจ ทำไม่เป็นยังจะเสนอตัวอวดเก่งอยากจะโชว์ฝีมือ ชีวิตคู่ของเราไม่ได้โปรยด้วยกลีบกุหลาบ ไม่ได้รักกันจนหวานชื่น เรามีปากเสียงกันในบางครั้งไม่เข้าใจกันบ้าง แต่ความรักที่มีให้กันมันก็ยังคงอยู่และเพิ่มมากขึ้นทุกวัน ฉันว่ามันคงเป็นธรรมดาของชีวิตคู่ จะให้รักกันปานจะกลืนกินคงไม่ใช่ คนที่อยู่ด้วยกันการทะเลาะและปรับความเข้าใจเป็นเรื่องปกติ “เสร็จแล้วครับคุณเมีย ^_^” อลันถือจานอาหารที่ตัวเองทำมาวางไว้ที่โต๊ะด้วยสีหน้าที่ปลื้มอกปลื้มใจกับฝีมือตัวเอง “ผัดผักยังไงให้ผักไม่สุก แบบนี้จะกินยังไง” “ผักต้องสุก ?” เขาถามอย่างกับไม่เคยกินผัดผักมาก่อนในชีวิตถึงไม่รู้ว่ามันต้องสุกประมาณไหน “ถ้าลูกคลอดออกมาฉันคงไม่ไว้ใจให้นายทำอาหารให้ลูกกินแน่ๆ” “ของแบบนี้มันพัฒนากันได้ ตอนนี้ทำไม่เป็นอีกสิบปีข้างหน้าอาจจะได้เป็นเชฟกระทะเหล็กก็ไ
#บ้านของฉันฉันกับอลันมาที่บ้านด้วยกันเพื่อจะมาบอกพ่อว่าเรากำลังจะมีลูก ก่อนมาเขาได้โทรบอกพ่อกำนันแล้วเห็นว่าดีใจยกใหญ่เลย พรุ่งนี้คงจะขึ้นมากรุงเทพมาคุยเรื่องงานแต่ง “จะมาทำไมไม่บอกก่อนจะได้ให้คนจัดเตรียมอาหารเพิ่ม” พอพ่อเห็นอลันเดินมาพร้อมกับฉันก็รีบท้วงทันที ถึงก่อนหน้านี้จะใจร้ายไปบ้างแต่ตอนนี้พ่อตากับลูกเขยเริ่มเข้ากันได้แล้วนะ “หนูมีเรื่องสำคัญจะบอกพ่อค่ะ ^_^” ฉันยิ้มให้พ่อแล้วก็หันมายิ้มให้อลัน จากนั้นเราสามคนก็พากันเดินมาที่ห้องขับแขก“มีอะไรทำไมถึงต้องคุยเป็นทางการขนาดนี้ ?” พ่อถาม “พ่ออยากมีหลานคือเปล่าคะ” “อยากสิ พ่อแก่แล้วอยากจะรีบอุ้มหลานเร็วๆ” “งั้นคุณลุงก็สมหวังแล้วครับ” อลันพูดแทรก “หมายความว่ายังไง ?” พ่อขมวดคิ้วมองเราทั้งคู่สลับกัน ฉันคลี่ยิ้มก่อนจะตอบ “หนูท้องค่ะ ^_^” พอบอกว่าท้องพ่อก็เงียบไปเหมือนตกใจ ทำเอาฉันใจหาย ไหนบอกว่าอยากอุ้มหลานเร็วๆ ไง ทำไมถึงทำหน้าแบบนั้น“คุณลุงไม่ดีใจหรอครับ” อลันรีบถามเพราะเห็นพ่อเงียบไป “ลง ลุงอะไรกัน เรียกพ่อได้แล้วไอ้ลูกเขย” พ่อพูดออกมาพร้อใกับรอยยิ้มบนใบหน้า ทำเอาฉันถอนหายใจอย่างโล่งอกนึกว่าพ่อจะเสียใจซะอีก อีกหนึ่งเรื่องร
โรงพยาบาลตอนนี้ฉันกับอลันอยู่ที่โรงพยาบาล ส่วนอลิชเธอกลับไปที่บ้านแล้วเพราะต้องไปดูลูก ทั้งฉันและอลันได้รับการตรวจร่างกายอย่างละเอียดทั้งคู่ แต่ที่ต่างออกไปคือหมอให้ฉันตรวจเลือดและตรวจปัสสาวะ ตอนนี้เรากำลังนั่งรอผลตรวจอยู่อาการของอลันดีขึ้น ตอนนี้เขานั่งจนแทบจะสิงร่างฉันอยู่แล้ว “ขยับไปหน่อยได้ไหม ดูสิคนมองเยอะเลยนะ” ฉันกระซิบบอกอลัน “ขยับออกก็อ้วก จะเอาแบบนั้นไหมล่ะ” “แล้วอยู่ใกล้ฉันไม่อยากอ้วกหรือไง” เขาส่ายหน้าแทนคำตอบ ถึงอาการของเขาจะดีขึ้นแต่ร่างกายยังอิดโรย ไม่นานเท่าไหร่คุณหมอก็เรียกให้เราสองคนไปฟังผลตรวจ “ผลตรวจของคุณผู้ชายเป็นปกติดีนะคะ” “แต่เขาทั้งเวียนหัวทั้งอ้วกเลยนะคะคุณหมอ” ฉันรีบพูดแย้งขึ้นทันที “คงจะเป็นอาการแพ้ท้องแทนภรรยาค่ะ ยินดีด้วยนะคะตอนนี้คุณกำลังตั้งครรภ์ ^_^” หมอพูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม แต่คำพูดนั้นยังวนอยู่ในหัวของฉัน ยินดีด้วยนะคะคุณกำลังตั้งครรภ์ มันจะเป็นไปได้ยังไงในเมื่อเราไม่เคยพลาด อลันปล่อยนอกหรือไม่ก็ใส่ถุงยางอนามัยตลอด ตอนนั้นที่ปล่อยในฉันก็กินนาคุมฉุกเฉินแล้ว คิดไม่ออกเลยว่าจะท้องได้ยังไง “จริงหรอครับคุณหมอ ผมกำลังจะมีลูกหรอคร
อลันเดินออกมาจากห้องน้ำทั้งที่ยังเอามือปิดจมูกอยู่ เขาทำท่าเหมือนขยะแขยงอาหารที่ฉันเตรียมให้มากๆ มันรู้สึกเฟลนิดๆ นะ อุตส่าห์ตั้งใจเตรียมให้แท้ๆ “ไปหาหมอไหม”“ไม่เป็นไรแค่เวียนหัวนิดหน่อย” ฉันเดินมาหาอลันแล้วยกมือขึ้นทาบบนหน้าผากของเขาเพื่อเช็คว่าตัวร้อนหรือเปล่า “ตัวก็ไม่ร้อนนี่ ทำไมจู่ๆ ถึงเป็นแบบนี้ล่ะ ฉันว่าไปหาหมอดีกว่านะอลัน”อลันสวมกอดฉันเอาไว้แน่นแล้วบอกด้วยน้ำเสียงออดอ้อน “แค่กอดเมียแป๊บเดียวเดี๋ยวก็หาย” แปะ! ฉันฟาดมือลงบนแขนของอลันเบาๆ แล้วพูดค้อน “ฉันเป็นห่วงนะยังจะมาพูดเล่นอีก”“ไม่ได้พูดเล่นมันดีขึ้นจริงๆ นะ” พูดจับอลันก็เอาใบหน้ามาซุกลงบนซอกคอของฉัน “หอมจัง” “…นายคงกินไม่ได้แล้วใช่ไหมฉันจะได้เก็บ” ฉันถามเสียงเศร้า “มันเหม็น” อลันพูดกระซิบบอกที่หูเสียงเบา “อยากกินเมียแทนข้าว” ฝ่ามือสากเริ่มเลื้อยไปมาเป็นปลาหมึก ริมฝีปากหนาพรมจูบไปจนทั่วซอกคอของฉันก่อนจะขยับขึ้นมาที่พวงแก้มและประกบจูบที่ริมฝีปาก “อืม~” เสียงครางในลำคออย่างพึงพอใจของอลันทำให้ฉันรู้สึกวาบหวิว แควก! เสียงนี้คือเสียงชุดซีทรูตัวบางของฉันถูกฉีกอย่างไร้ความปรานี “อลัน!!” ฉันดันตัวออกแล้วจ้องอลันเขม็ง เข
วันต่อมา หลังจากที่อลันเลิกเรียนเราก็มาเจอเฮียเฟย นัดเจอกันที่ร้านอาหารในห้าง ฉันโทรนัดเฮียเอาไว้แล้ว #ภายในร้านอาหาร “เฮียสั่งจะกินอะไรไหมคะเดี๋ยวแพรสั่งให้” ฉันรีบถามเมื่อเฮียเฟยมาถึง มันรู้สึกเกร็งเอามากๆ สาเหตุก็เพราะอลันที่เอาแต่จ้องมองตลอดเวลา “ไม่เป็นไรเดี๋ยวเฮียต้องเข้าบริษัทไปกินที่บริษัทก็ได้”“งานยุ่งหรอคะช่วงนี้”“ก็….”“มีอะไรจะพูดก็รีบๆ พูด เอาแต่เนื้อ น้ำไม่ต้อง” อลันพูดแทรกขึ้นมาอย่างเสียมารยาท ฉันจึงหันมามองค้อนเขาด้วยสายตาที่ตำหนิ แต่เขาก็ทำท่าเหมือนทองไม่รู้ร้อน“ทีหลังถ้าจะนัดคุยมาคนเดียวดีกว่านะ แฟนแพรคงไม่สะดวก” เฮียเฟยบอก “ถ้าคุยสองต่อสองคงไม่ปล่อยให้มา” อบันตอบกลับทันควัน “นายช่วยอยู่เงียบๆ ได้ไหมอลัน” ฉันบอกเขาเสียงดุ ใจคอจะหาเรื่องให้ได้เลยหรือไง “แพรขอโทษแทนอลันด้วยนะคะ”“ไม่เป็นไรเฮียเข้าใจ แฟนแพรยังเด็ก….”“เด็กแล้วยังไง ?” เป็นอีกครั้งที่อลันถามอย่างไม่สบอารมณ์ “อลัน!!” ฉันจ้องเขาเขม็งจึงยอมปิดปากเงียบ มันน่าดีดหน้าผากแรงๆ สักทีให้เข็ดหลาบ “ที่นัดมาวันนี้แพรอยากจะมาขอโทษที่เคยพูดให้ความหวังเฮีย อยากขอโทษที่เคยดึงเฮียเข้ามาเกี่ยวข้องทั้งที่แพรไม่ไ
ทางผู้ใหญ่พูดคุยกันครั้งนี้พ่อฉันยินยอมไม่ได้ขัดอย่างที่เคยลั่นวาจาเอาไว้ คุณคานส์สามีของอลิชเสนอตัวจะออกค่าใช้จ่าย ส่วนค่าสินสอดวันแต่งพ่อของอลันจะเป็นคนออกเอง โดยงานหมั้นจะจัดหลังจากที่มหาวิทยาลัยของอลันปิดเทอม ซึ่งก็คืออีกไม่นานนี้แล้ว หลังจากคุยธุระเสร็จเรียบร้อยเราก็นั่งกินข้าวด้วยกัน ฉันเองก็ยังเกร็งไม่หาย แต่ก็ดีใจที่พ่อของอลันเอ็นดูฉันมากขนาดนี้ ตอนนี้ฉันกำลังเดินเล่นกับอลิชอยู่ที่สนามหน้าบ้าน ส่วนพ่อฉันกับพ่อของอลันคุยกันเรื่องธุรกิจ พ่อของอลันสนใจอยากจะเปิดธุรกิจเล็กๆ ที่บ้านต่างจังหวัดเลยขอคำปรึกษากับพ่อ ดีใจที่ทั้งสองคุยกันถูกคอ “แกไม่กลับบ้านพร้อมสามีหรออลิช” ที่ถามแบบนี้ก็เพราะว่าฉันเห็นคุณคานส์กลับไปก่อนแล้ว “ฉันกลับพร้อมพ่อน่ะ คุณคานส์รีบไปดูลูก” “สามีดีเด่นนะเนี่ย” “แกก็เถอะ ดีใจด้วยนะ รู้ไหมฉันแทบจะกรี๊ดลั่นบ้านตอนที่รู้ว่าอลันจะจอแกหมั้น” อลิชดีใจจนออกนอกหน้า “แกไม่ห้ามน้องหน่อยหรอ หมั้นทั้งๆ ที่ยังเรียนไม่จบ” “แพร อลันเป็นผู้ชายไม่มีอะไรเสียหายหรอกนะ ดีซะอีกน้องฉันตั้งใจทำงานมากๆ แถมยังไปเรียนทุกวัน ฉันละนับถือแกจริงๆ เลยที่เอาอลันอยู่หมัดขนาดนี้” “พี่อลิช
วันต่อมา เป็นอีกวันที่ฉันอยากจะไปดูร้านของตัวเองแต่พ่อห้ามเอาไว้ บอกเหตุผลว่าตั้งแต่แม่เสียพ่อทำแต่งานไม่มีเวลาให้ฉันเลย วันนี้จึงอยากให้เราอยู่ด้วยกัน ตอนนี้ฉันกับพ่อกำลังนั่งอยู่ที่สวนหลังบ้าน สวนนี้แม่เป็นคนอยากได้พ่อก็ตามใจแม่ทุกอย่าง “พ่อสัญญากับแม่เอาไว้ว่าจะดูแลลูกสาวคนเดียวของเราให้ดีที่สุด” พ่อพูดพร้อมกับสายตาที่มองไปยังสวนดอกไม้ต้นไม้ “ลูกโกรธหรือเปล่าที่ก่อนหน้านี้พ่อเคยห้ามไม่ให้รักกับผู้ชายที่ลูกเลือก” “โกรธสิคะ หนูโกรธพ่อมากที่ไม่ยอมฟังอะไรเอาแต่ยึดติดเรื่องฐานะ” “ถึงตอนนี้พ่อเริ่มเข้าใจแล้วว่าฐานะมันไม่สำคัญขนาดนั้น” ฉันยิ้มหวานให้พ่อ “ขอบคุณนะคะที่เปิดโอกาสให้อลัน” “ถ้าลูกรักมันมากขนาดนี้มันคงจะมีอะไรดีบ้างนั่นแหละ ไม่อยากนั้นลูกสาวของพ่อคงไม่หลงหัวปักหัวปำ” “หนูไม่ได้หลงขนาดนั้นสักหน่อย” “ไอ้เรื่องแข่งรถก็บอกเตือนให้เบาลงบ้าง จะดูแลลูกสาวของพ่อได้ยังไงถ้ายังเอาชีวิตไปเสี่ยงอันตรายอยู่แบบนั้น”“ตอนนี้เขาไม่ค่อยได้แข่งแล้วค่ะเพราะต้องดูแลคลับ”“ส่วนเรื่องตาบาสพ่อมองคนผิดไปจริงๆ ตอนนี้พ่อก็ยังรู้สึกผิดที่เคยบังคับลูก” “มันผ่านไปแล้วพ่ออย่าคิดมากเลยนะคะ ตอนนี้บา
#ภายในห้องทำงาน อลันเหวี่ยงร่างของฉันให้กระแทกกับโซฟาตัวใหญ่แรงๆ ไร้คำว่าปราณี ขนาดเป็นแฟนกันนะ ถ้าเป็นเมื่อก่อนที่ไม่ใช่สถานะแฟนฉันไม่เจอบีบคอตายเลยหรอ แต่ถึงจะเจอเหวี่ยงกระแทกโซฟาแบบนี้ฉันก็ยังยิ้มหวานให้อลัน “วันนี้แฟนฉันหล่อเป็นพิเศษเลยนะ ^_^” ฉันลุกขึ้นจากโซฟาเดินมายกมือขึ้นคล้องคออลันแล้วพูดเสียงหวาน สายตาของอลันในตอนนี้กำลังจ้องชุดที่ฉันใส่เขม็งบ่งบอกถึงอารมณ์ไม่พอใจสุดๆ ก่อนที่เขาจะแกะมือฉันออกจากต้นคอ “อะไรกันจับนิดจับหน่อยก็ไม่ได้” “ทำไมถึงใส่ชุดแบบนี้มา” เขาถามเสียงเข้ม “รู้ใช่ไหมว่าไม่ชอบ รู้ใช่ไหมว่าถ้าเห็นใส่แล้วจะเป็นยังไง” “รู้สิ ^_^” “แล้วใส่มาทำไมวะห๊ะ!! ชอบให้โมโหว่างั้น ?”“ก็นายน่ะโกรธอะไรก็ไม่รู้ไร้สาระ ก็แค่ไปคุยกับพ่อเรื่องหมั้นเอง พอฉันตอบตกลงก็กล่าวหาว่าประชด”เขาไม่โต้ตอบอะไรแต่กลับพ่นลมหายใจร้อนผ่าวออกมาแรงๆ “สรุปจะไปคุยกับพ่อนายเรื่องหมั้นหรือเปล่า ?”“ไม่ไป!! ไม่อยากหมั้นก็ไม่ต้องไป ก็ดีแยกกันอยู่อิสระดี ชอบไม่ใช่ ? ได้แต่งตัวโป๊ๆ โชว์ผู้ชายไปทั่ว” “พูดอะไรออกมารู้ตัวไหมอลัน!! นายกำลังดูถูกฉันอยู่นะ” จากที่อารมณ์ดีพอได้ยินคำพูดเมื่อครู่ของอลันมัน
“พ่อไม่ห้ามหนูกับอลันแล้วงั้นหรอคะ” ถึงจะรู้สึกผิดแต่ฉันก็ต้องถามย้ำเพื่อความแน่ใจ พ่อพยักหน้าแทนคำตอบ “พ่อจะไม่ใจร้ายกับคนที่หนูรักใช่ไหม” ฉันจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่นั้นของพ่อ รับรู้ได้ถึงความเศร้าจากสิ่งที่ฉันเลือกเมื่อครู่ “พ่อจะไม่ขัดขวางความรักของลูกอีก ขอให้ลูกมั่นใจพ่อพูดคำไหนคำนั้น”ฉันยิ้มออกมาก่อนจะโผล่เข้ากอดพ่อแน่น เป็นอีกครั้งที่ความรู้สึกอึดอัดในใจได้ปลดล็อก ในที่สุดพ่อก็ลดคติลงได้ “ขอบคุณที่ให้โอกาสผมได้รักกับลูกสาวของคุณลุงนะครับ” อลันพูดขึ้นพ่อจึงค่อยๆ ผละกอดออกแล้วเพ่งสายตามองอลันแทน “ถึงฉันจะไม่เต็มใจแต่ลูกสาวของฉันเลือกแล้ว อย่าทำให้ผิดหวังก็แล้วกัน”“ครับ ผมจะไม่ทำให้คุณลุงผิดหวัง” “หนูไม่อยากให้พ่อคาดหวังอะไรมากมายกับอลันนะคะ” ฉันพูดแทรกขึ้นพ่อจึงตวัดสายตาหันมา “ทำไมลูกถึงพูดแบบนั้น พ่อจะคาดหวังกับผู้ชายที่ลูกเลือกไม่ได้เลยหรือไง” “ไม่มีใครเป็นอย่างที่หวังได้อย่างสมบูรณ์แบบหรอกนะคะ ไม่เว้นแม้แต่หนูที่เป็นลูกสาวของพ่อ” “…….” พ่อถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะยกมือขึ้นมาลูบศีรษะของฉัน “หนูอยากให้พ่อเปิดใจให้อลันจริงๆ อย่างที่หนูเปิดใจให้เขานะคะ ถ้าแม่ยังอยู่หนูเชื่