เช้าวันต่อมากริ้ง~ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทำให้ฉันสะดุ้งตื่นก่อนจะควานมือคลำหาโทรศัพท์ที่ดังรบกวนเวลานอน เมื่อคลำมือเจอโทรศัพท์แล้วฉันก็กดรับสายโดยไม่ได้ดูให้ดีก่อนว่าเป็นเบอร์ของใคร ( ฮัลโหล ) ฉันกรอกเสียงงัวเงียถามปลายสาย ( นั่นแพรหรอ กะ แกทำไมถึงมารับสายอลันได้ ) น้ำเสียงตกใจของปลายสายทำให้ฉันเบิกตากว้างพร้อมกับดีดตัวลุกขึ้นนั่ง ยกโทรศัพท์ขึ้นดูว่าปลายสายคือเบอร์ของใครด้วยหัวใจที่เต้นรัวเมื่อเห็นชื่อที่โชว์อยู่หน้าจอมันก็ทำให้ฉันต้องยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองด้วยความตกใจสุดขีด มันคือเบอร์ของอลิช และที่น่าตกใจไปกว่านั้นคือ โทรศัพท์ที่ฉันถืออยู่มันเป็นโทรศัพท์ของอลัน ไม่ใช่ของฉัน ด้วยความที่ทำอะไรไม่ถูกฉันก็เลยกดตัดสายทิ้งก่อนจะหันมองข้างๆ ตัว เห็นว่าอลันกำลังนอนหลับอยู่ ฉันก้มหน้าลงเอามือยีผมตัวเองจนยุ่งเหยิงไปหมด อลิชทักมาแบบนั้นฉันจะกล้าสู้หน้าเพื่อนได้ยังไงกริ้ง~ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาอีกครั้ง ครั้งนี้มันคือเสียงโทรศัพท์ของฉันแน่ๆ ฉันหันมองที่โทรศัพท์ของตัวเองแล้วเอื้อมมือหยิบมันขึ้นมา หัวใจดวงน้อยแทบจะหยุดเต้นเมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์ของอลิชที่โทรมา “เอาไงดี!!” ฉันกำโทรศัพท์ในม
วันต่อมา @คลับ วันนี้ฉันมาดื่มกับเพื่อนเพราะพวกนางงอแง จะไม่มาด้วยก็คงดูใจร้ายเกินไป อีกอย่างหลายวันมานี้ในหัวมีแต่เรื่องเครียดๆ ด้วย ฉันคิดไว้แล้วแหละว่าวันนี้อาจจะเจออลันเพราะเขากับเพื่อนชอบมาดื่มกันที่คลับนี้ เป็นคลับของเฮียเฟยน่ะ ฉันกับเพื่อนมาตั้งแต่สามทุ่มกว่าคนยังไม่เยอะเท่าไหร่ แต่ตอนนี้สี่ทุ่มครึ่งคนเริ่มทยอยมากันจนเกือบจะแน่นคลับแล้ว “เดี๋ยวฉันไปห้องน้ำก่อนนะ” มินนี่บอกก่อนจะหยิบโทรแล้วเดินแยกตัวไป ตอนนี้จึงเหลือแค่ฉันกับขวัญที่นั่งดื่มที่โต๊ะ “แกนี่อาการเหมือนคนอกหักเลยนะยัยแพร ไหนบอกไม่ชอบเด็กไง” ขวัญท้วงเมื่อเห็นสีหน้าของฉัน “ก็ไม่ชอบ” ฉันตอบเพื่อนก่อนจะยกเหล้าดื่ม “ฉันจะเชื่อคำพูดแกได้ยังไง” “คำพูดฉันมันไม่น่าเชื่อขนาดนั้นเลยหรอ” “การกระทำแกต่างหากที่ไม่น่าเชื่อ” “…….” ฉันทำอะไร ก็ปกตินี่ไม่เห็นจะแปลกตรงไหนเลย “แกบอกว่าไม่ชอบเด็กแต่กับน้องอลันคือข้อยกเว้นสินะ” “มะ ไม่ใช่สักหน่อย” ฉันยกเหล้าขึ้นดื่มอีกครั้งพร้อมกับหลบสายตาจับพิรุธของขวัญ “นี่ยัยแพร! ฉันเป็นเพื่อนแกนะทำไมจะดูอาการของเพื่อนไม่ออก แกน่ะกำลังหลงรักน้องมันอยู่ แต่ตอนนี้แกกำลังต่อต้านคว
มันสัมผัสได้ถึงความรู้สึกบางอย่างที่เกิดขึ้นกับตัวเอง ฉันที่เคยพูดมาตลอดว่าไม่ชอบผู้ชายที่อายุน้อยกว่า แต่ตอนนี้ความรู้สึกเหล่านั้นมันกำลังเกิดขึ้นกับผู้ชายที่ชื่อ ‘อลัน’ ยอมรับว่าอลันคือคนที่ทำให้ฉันเลิกจมปักกับพี่เพิร์ท เขาคือคนที่ทำให้ฉันดีขึ้นโดยการเข้ามายุ่งวุ่นวายกับชีวิตของฉันและดึงฉันเข้ามาพัวพันกับความสัมพันธ์ที่ไม่มีสถานะบ้าๆ นั่น ฉันควรหยุดมันซะ! ก่อนที่ตัวเองจะต้องเจ็บปวดอีกครั้ง “พวกแกมาวัดกันหรอคะนั่งนิ่งกันเชียว” เสียงของมินนี่ท้วงขึ้นมาทำให้ฉันหลุดจากวังวนความคิดของตัวเอง “รอแกเปิดไงคะ” ขวัญพูด “โทษทีฉันคุยโทรศัพท์นานไปหน่อย” “คุยกับผู้ชาย ?” ฉันถามเชิงแซว มินนี่จึงยิ้มกริ่มโดยไม่ได้ตอบอะไร เพื่อนฉันคนนี้ร้ายกาจยิ่งกว่าผู้ชายซะอีก คงจะมีแค่ฉันกับขวัญที่ใสๆ เอะ! ไม่สิ ตอนนี้คงมีแค่ขวัญเพราะฉัน….!! ฉันจะคิดถึงเรื่องนั้นในเวลานี้ทำไมกัน!! “เอะ! นั่นน้องอลันนี่” มินนี่มองไปที่โต๊ะของอลันก่อนจะตวัดสายตามองหน้าฉัน “แกทนเห็นน้องมันโอบผู้หญิงต่อหน้าต่อตาได้ยังไง” “มันเรื่องของอลันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉัน” “คนมีอะไรกันแล้วจะไม่เกี่ยวได้ยังไง” มินนี่ดูขุ่นเคืองมา
@สหรัฐอเมริกา เดินทางยี่สิบกว่าชั่วโมงในที่สุดฉันและขวัญก็มาถึงที่อเมริกา เราไม่ต้องยุ่งยากหาโรงแรมพักเพราะขวัญมีบ้านที่นี่ พ่อของเธอมีธุรกิจที่นี่จึงซื้อบ้านไว้ เป็นไงล่ะเพื่อนของฉันไม่ธรรมดาเลยใช่ไหม เราจะมาอยู่ที่อเมริกากันสองอาทิตย์ จริงๆ ยัยขวัญจะมาแค่อาทิตย์เดียวแต่ฉันบอกไปว่าอยากมาสักสองอาทิตย์นางเลยตามใจ ส่วนร้านกาแฟที่ไทยฉันฝากให้มินนี่ช่วยเข้าไปดูแลให้ นานมากแล้วที่ฉันไม่ได้มาต่างประเทศ ตอนนี้มองอะไรมันก็สวยแปลกตาไปหมด #บ้านของขวัญ “จะไปช๊อปปิ้งกันเลยไหม ?” มินนี่ถามเมื่อเราเอากระเป๋ามาไว้ที่บ้านกันแล้ว ที่บ้านเป็นหลังขนาดกลางไม่เล็กและไม่ใหญ่ มีสระว่ายน้ำ “วันนี้ขอพักก่อนดีกว่า นั่งเครื่องมาเหนื่อยๆ” “อื้อฉันก็รู้สึกเหนื่อยเหมือนกัน” “มาไกลขนาดนี้แกต้องดูแลหัวใจให้หายเร็วๆ ล่ะ” ขวัญพูดหลังจากที่เราเงียบกันไปครู่หนึ่ง “ทำไมต้องดูแลฉันปกติดี” “แกนี่ชอบปากแข็ง ฉันดูออกค่ะ” “คิดว่าฉันมาที่นี่เพราะอลันจริงๆ น่ะหรอ” “มันคงเป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้ผู้หญิงขี้งกอย่างแกยอมเหมาจ่ายเครื่องบิน บินมาไกลถึงอเมริกา” “…….” ฉันเถียงไม่ออกจริงๆ เพราะที่ขวัญพูดมามันถูกต้อง อลันค
“ฉันจะทำแบบนั้นเพื่ออะไร จะเอาคืนนายเพื่ออะไร” “ถามตัวเองดูว่าทำเพื่ออะไร” อลันถามยอกย้อนฉัน “นับตั้งแต่วันพรุ่งนี้นายไม่มีสิทธิ์มาที่ห้องของฉันอีก ฉันจะเปลี่ยนรหัส!!” ด้วยความหงุดหงิดที่ถูกทำให้เจ็บตัวแถมยังโดนตวาดใส่ ทำให้ฉันตะเบ็งเสียงบอกเด็กผู้ชายตรงหน้าไปดังๆ “ลองเปลี่ยนดู” เขาไม่ได้เดือดร้อนอะไร ก็ใช่นะสิ! ฉันไม่สำคัญอยู่แล้วไง ถ้าวันนี้มันไม่ดึกแล้วฉันคงจะขอเปลี่ยนรหัสห้องมันตอนนี้เลย “ออกไปจากห้องฉัน ต่อไปนี้นายกับฉันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก” ฉันกำมือแน่นจ้องอลันเขม็งอย่างไร้ความเกรงกลัว “ถ้าไม่บอกว่าไปไหนมาก็ไม่กลับ” อลันนั่งลงบนโซฟาข้างๆ กับตัวฉัน พอเขานั่งลงมาข้างๆ ฉันก็รีบขยับหนีด้วยท่าทางที่รังเกียจทันที ฉันคิดหาวิธีจะทำให้อลันเลิกยุ่งเพราะทนความโมโหร้ายแบบนี้ไม่ไหว ถ้าเรามีสถานะแล้วเขาโกรธฉันจะไม่ว่าอะไรเลยสักคำ แต่นี่เขามองฉันเป็นอะไร “ฉันไปอยู่กับแฟนมา” ฉันตัดสินใจอ้างออกไปทั้งที่ไม่ใช่ความจริงพออลันได้ยินคำตอบก็จ้องหน้าฉันเขม็ง ก่อนจะทวนคำถาม “แฟน ?”“ใช่! ฉันมีแฟนแล้ว ที่ฉันหนีหน้านายเพราะไม่อยากจะมีปัญหากับเขา” ลมหายใจของอลันมันเริ่มดังขึ้น เขาขบกามแน่นพร
ฉันเบือนหน้าหนีเมื่ออลันรู้ทันว่าโกหก เขารู้แล้วนี่จะมาเค้นถามเพื่ออะไรอีก อลันปล่อยมือจากปลายคางของฉัน ปัก ปัก ปัก~ จังหวะอัดกระแทกแก่นกายมันเริ่มหนักหน่วงขึ้นทำเอาฉันเจ็บท้องน้อยไปหมด “ไม่ชอบเลยนะเวลาที่พี่แพรเงียบ” อลันพูดเสียงกระเส่า“……” ฉันก็ยังเงียบเหมือนเดิม ความเจ็บปวดที่กำลังได้รับมันฉันไม่สามารถครางออกมาอย่างมีความสุขได้ “เวลาผมกระแทกแรงๆ พี่แพรต้องครางสิครับ อ๊าซี๊ด~” ฉันไม่แม้แต่จะมองอลันเด็กผู้ชายที่ใจร้ายมากๆ คนนี้ ไม่ใช่แค่ใจร้าย เขาเห็นแก่ตัวด้วย ปัก ปัก ปัก~ พอฉันไม่สนใจอลันก็เร่งจังหวะอัดกระแทกให้หนักหน่วงขึ้นเป็นเท่าตัว ความเจ็บปวดทำให้ฉันต้องกำมือแน่น ยิ่งตรงนั้นเสียดสีกันมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเจ็บปวดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ “อลันฉันเจ็บ” ในที่สุดก็ทนไม่ไหว ฉันใช้มือดันหน้าท้องแกร่งของอลันไว้แล้วพยายามจะขยับตัวออก แต่ทว่าอลันกลับใช้ฝ่ามือใหญ่ทั้งสองข้างรั้งสะโพกของฉันไว้ “พูดมาสิว่าต่อไปจะไม่หนีหน้าแบบนี้อีก”“……..” เป็นอีกครั้งที่ฉันเม้มปากแน่นไม่ยอมตอบ อลันก้มหน้าลงมากระซิบบอก “ไม่ตอบแบบนี้ ไม่น่ารักเลยนะ” เขาใช้มือข้างหนึ่งบีบเคล้นคลึงหน้าอกของฉันแรงๆ เพื่อเพิ่มค
กริ้ง~ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมารบกวนเวลานอน ฉันควานมือคลำหาอยู่ครู่หนึ่งเมื่อเจอโทรศัพท์แล้วก็ปรือตามองก่อนว่าใครโทรมาและใช่โทรศัพท์ของตัวเองหรือเปล่า เพราะกลัวจะรับสายผิดแบบตอนนั้นอีก “พ่อ!!” ฉันดีดตัวขึ้นนั่งอัตโนมัติเมื่อเห็นเบอร์ที่โทรเข้ามานั้นเป็นเบอร์ของพ่อ ก่อนจะตั้งสติแล้วกดรับสาย ( ค่ะพ่อ )( เพิ่งตื่นหรือไงพ่อโทรไปหลายสายแล้วเพิ่งจะรับ ) ( ค่ะ พ่อโทรศัพท์มาแต่เช้ามีอะไรหรือเปล่าคะ ) ปกติพ่อไม่ค่อยโทรมาหาฉันหรอก เพราะฉันโตแล้วเราจึงไม่ค่อยได้คุยกัน ( มาเปิดประตูให้พ่อเข้าห้องหน่อย ) เฮือก!! หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบเมื่อได้ฟังคำที่พ่อเพิ่งพูดมาเมื่อครู่( ตะ ตอนนี้พ่ออยู่ไหนหรอคะ ) ( พ่อยืนอยู่หน้าห้อง ผ่านมาทำธุระแถวนี้เลยแวะมาดูความเป็นอยู่ของลูกสาวสักหน่อย ) ฉันหันขวับมามองอลันที่กำลังนอนหลับไม่รู้เรื่องอยู่ ทำไมพ่อถึงได้เลือกวันมาถูกขนาดนี้นะ( ค่ะ ดะ เดี๋ยวหนูไปเปิดประตูให้นะคะ ) ฉันรีบกดวางสายแล้วพยายามคิดว่าจะทำยังไงดี สมองแทบจะระเบิดอยู่แล้ว บ้าที่สุดเลย!!“อลันตื่น! ตื่นเดี๋ยวนี้!” ฉันดึงตัวอลันแล้วปลุกให้เขาตื่น ตอนนี้อลันไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้าเลย เขาใส่แค่บ็อกเซ
อลันคงได้ยินทั้งหมดที่พ่อพูดแล้ว แต่ฉันคิดว่ามันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขาอยู่ดี “กลับไปห้องนายได้แล้ว” ฉันบอกในเชิงไล่ “ไล่เพื่อ ? อยากกลับเดี๋ยวกลับเอง” ฉันขมวดคิ้วมองอลันอย่างไม่ชอบใจ เขาจะมาอยู่ห้องฉันเหมือนห้องตัวเองได้ยังไง “ทำตัวเป็นคนเร่ร่อนไปได้” อลันเดินมาใกล้ๆ ทำเอาฉันตกใจรีบถอยหลังหนี แต่ก็ถูกวงแขนแกร่งรั้งเอวเอาไว้ก่อนจึงถอยหนีไม่ได้ “นะ นายจะทำอะไร” อลันโน้มใบหน้าลงมาใกล้ๆ ก่อนจะพูด “ไม่ใช่คนเร่ร่อน แต่เป็นคนเร่าร้อนต่างหาก” “เหอะ!! หลงตัวเอง” ฉันผลักอกแกร่งออกห่าง รู้สึกอยากจะอ้วกกับคำพูดหลงตัวเองของอลัน “พิสูจน์ให้เห็นหลายครั้งแล้ว หรืออยากให้พิสูจน์ความเร่าร้อนให้ดูเต็มๆ ตาอีกครั้งดี ?”“พะ พูดบ้าอะไรของนาย กลับไปได้แล้ว” ฉันรีบเดินหนีเข้ามาในห้องนอนเพราะเริ่มทำตัวไม่ถูก “รู้จักกับไอ้บาสมานานแค่ไหนแล้ว” เสียงของอลันถามตามหลัง เขาเดินตามเข้ามาในห้องติดๆ “ก็รู้จักมาตั้งแต่เด็กๆ ถามทำไม” ฉันบอกพลางหยิบเอาเสื้อกับกางเกงของอลันออกจากตะกร้า “แค่อยากรู้”“ใส่เสื้อผ้าแล้วรีบกลับห้องนายไปได้แล้ว ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่ต้องมาห้องฉันอีก ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปฉันจะเปลี่ยนรหัส