สองมือของฉันถูกรวบตึงขึ้นมาเหนือศีรษะ ก่อนที่พี่ลีวายจะบดขยี้จูบหนักหน่วงกว่าเดิม แทบไม่เว้นจังหวะให้หายใจเลย“อื้อ~” เสียงที่เปล่งออกมาในลำคอก็ไม่สามารถทำให้เขาหยุดบ้าได้ปัก!! ไม่รู้จะทำยังไงถึงจะหลุดพ้น ฉันจึงใช้เท้ากระทืบลงไปแรง ๆ บนเท้าของคนตัวสูง เมื่อเขายอมปล่อยก็ตั้งท่าจะหนี แต่ว่ากลับถูกอุ้มขึ้นพาดบ่า“กรี๊ด!!! พี่ลีวายปล่อยนะ”“บอกให้ปล่อยไง ไอ้คนบ้า!!!” ฉันตะโกนเสียงดัง ๆ เพื่อให้ห้องข้าง ๆ ได้ยิน ไม่รู้จะได้ผลหรือเปล่าแต่ก็ยังดีกว่าไม่พยายามทำอะไรเลย“อยู่ใกล้กันแค่นี้จะเสียงดังใส่ทำไม พูดเบา ๆ ฉันก็ได้ยิน”“ได้ยินแล้วทำไมไม่วางมิลินลง”“ได้ยินก็เรื่องนึง ส่วนจะทำตามไหมก็อีกเรื่อง”“ปล่อยเดี๋ยวนี้เลยนะ ไม่อย่างนั้นจะดิ้นจนตกให้ดู”“เอาสิ ทำแบบนั้นก็มีแค่เธอที่เจ็บตัว”พี่ลีวายเป็นอะไรไป จู่ ๆ เขาก็กวนประสาท ทั้งที่ก่อนหน้ายังทำเหมือนสำนึกผิดอยู่เลยแท้ ๆอ๊อด~ เสียงออดหน้าห้องดังขึ้น ทำให้ฉันใจชื้นเพราะการทำเสียงดังคิดว่ามันได้ผล“ใคร?”“จะไปรู้ไหมคะ ปล่อยสิมิลินจะไปเปิดประตู”“เดี๋ยวฉันไปเปิดให้” พูดจบพี่ลีวายก็เดินตรงมาที่ประตูทั้งที่แบกฉันเอาไว้บนบ่าไม่ยอมวางลง “ดะ… เ
“ให้ฉันขับรถไหม?” พี่ลีวายเอ่ยถามโดยไม่ดูสภาพของตัวเองในตอนนี้เลย ขนาดยืนตรงยังโอนเอนไปมาจะขับรถได้ยังไง“ยืนตรงให้ได้ก่อนเถอะค่ะ”“ทำไมไม่ช่วยประคองหน่อย”“ไม่ใช่ธุระของมิลินนี่ แค่ยอมมารับก็มากพอแล้วค่ะ”“จริง ๆ เพราะเธอเป็นห่วงฉันมากกว่า”พี่ลีวายยิ้มกริ่มตาหวานเยิ้ม เขาเดินมาใกล้ ๆ ฉันก่อนจะใช้สองมือโอบที่เอวแล้วเอาหน้าวางลงมาบนไหล่ จากนั้นก็ถอนหายใจออกมา“ฉันพยายามแล้ว แต่มันทำไม่ได้”“ไปขึ้นรถค่ะ” ฉันดันร่างหนาออกอย่างตัดบทสนทนาทำให้พี่ลีวายมองตาละห้อย แต่ก็ยอมเดินไปนั่งในรถง่าย ๆขณะที่กำลังขับรถสายตาหวานเยิ้มของพี่ลีวายก็เอาแต่จ้องมองฉันโดยไม่สนใจสิ่งอื่น เขามองอยู่แบบนั้นจนกระทั่งถึงที่บ้าน“ถึงแล้วค่ะ”“พาฉันขึ้นไปนอนบนห้องได้ไหม”“เดี๋ยวมิลินเรียกลูกน้องของพี่ลีวายมาประคอง… ” ยังพูดไม่จบพี่ลีวายก็รีบเอ่ยแทรก “ฉันอยากให้เธอพาไปมากกว่า”“มิลินง่วงแล้วค่ะ”“นอนกับฉันก็ได้ กว่าจะขับรถกลับมันอันตราย”“ทำไมต้องให้นอนกับพี่ลีวายด้วยละคะ ในเมื่อที่นี่ก็มีห้องของมิลิน”“ฉันทำเป็นห้องเก็บของไปแล้ว”“ว่ายังไงนะ!!”“ไม่เชื่อก็ไปดูเองสิ”แน่นอนว่าฉันไม่เชื่อรีบวิ่งมาดูห้องนอนของตัวเ
ตึกตัก ตึกตัก!ฉันตกใจชะงักเมื่อได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นรัวและแรงของพี่ลีวาย วูบนึงเกิดรู้สึกหวั่นไหวขึ้นมา แต่ฉันก็รีบตั้งสติแล้วดันตัวลุกขึ้นอีกครั้ง“ถ้าอยากให้มิลินนอนที่นี่พี่ลีวายก็ไปนอนที่โซฟาค่ะ”พี่ลีวายยิ้ม ก่อนจะพยักหน้าตอบ “ได้สิ”“ห้ามคิดทำเรื่องบ้า ๆ”“บอกแล้วไงว่าฉันเมาขนาดนี้ ทำอะไรเธอไม่ไหวหรอก”ฉันใช้สายตาเพ่งมองพี่ลีวายอย่างไม่ไว้ใจ คนแบบเขามันเชื่อไม่ได้สักอย่าง บางทีเขาอาจจะสร่างเมาไปแล้วก็ได้ ที่เห็นอยู่ตอนนี้คงเป็นแค่การแสดงถึงแม้การที่ฉันยอมนอนห้องเดียวกับพี่ลีวายมันจะดูเสี่ยงเกินไปหน่อย แต่ก็ไร้ทางเลือก เพราะคนดื้อรั้นอย่างเขาไม่มีทางยอม นิสัยที่ชอบบังคับคนอื่นฉันเจอมาตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้พอถึงเวลานอนฉันก็เดินไปปิดไฟแล้วกลับมาทิ้งตัวลงบนเตียง ท่ามกลางความมืดสนิทและความเงียบสงบ เสียงนึงก็เอ่ยขึ้น“ฉันดีใจนะที่เธอยอมฝืนตัวเองทำแบบนี้”“…” ฉันเลือกที่จะเงียบ เพราะไม่อยากต่อปากต่อคำอะไร สิ่งที่เขาพูดนอกจากจะไม่ทำให้รู้สึกดีแล้ว ลึก ๆ ฉันแอบสะอิดสะเอียนด้วยซ้ำ“ฉันเห็นแก่ตัวไปหรือเปล่าที่อยากจะรั้งเธอไว้” น้ำเสียงของพี่ลีวายดูแผ่วลง ราวกับกำลังตัดพ้อกับตัวเ
Talk ลีวายผมแทบไม่อยากจะเชื่อว่าสิ่งที่ได้ยินเมื่อกี้มันหลุดออกมาจากปากของมิลิน ก้อนเนื้อในอกซ้ายของผมตอนนี้มันปวดหนึบ เหมือนถูกใครมาขยุ้มมันไว้จนยับยู่ยี่“ก็ได้...” ผมก้มหน้าพูดบอกเสียงแผ่ว สองมือกำเข้าหากันแน่น “... ฉันจะพยายามไม่รบกวนเธออีก”“ไม่ใช่แค่พยายามค่ะ แต่ต้องทำให้ได้” พูดขนาดนี้แล้ว แต่มิลินก็ยังใจแข็งกับผมแบบไม่มีท่าทีว่าจะอ่อนลงเลย“ฉันขอโทรหาบ้างได้ไหม?”“ไม่ได้ค่ะ”“แล้ว...”“มิลินขอกุญแจรถค่ะ” เธอพูดแทรกพร้อมกับยื่นมือมาตรงหน้าผม หยดน้ำตามันเอ่อล้นขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัวถึงจะไม่อยากให้กลับ ถึงอยากจะกอดรั้งเอาไว้มากแค่ไหน แต่ผมก็ทำได้แค่หยิบกุญแจยื่นมันคืนให้กับเธอ“ให้ฉันไปส่งไหม สัญญาว่าจะส่งแล้วกลับ ไม่วุ่นวายอะไรเลย”“มิลินกลับเองได้ค่ะ พี่ลีวายนอนพักผ่อนเถอะ”“แต่...”“ไปนะคะ ขอบคุณสำหรับมื้อเช้า” ไม่รอให้ผมได้เอ่ยพูดอะไรอีก ร่างเล็กก็หันหลังเดินจากไปทันทีสายลมจาง ๆ พัดผ่านหน้าผมไปในตอนที่เธอเดินผ่าน ทำเอาหนาวเหน็บไปถึงขั้วหัวใจ ความรู้สึกตอนนี้เหมือนผมถูกทิ้งให้ยืนอยู่ตัวคนเดียวในที่มืด ทุกอย่างเงียบและนิ่ง ภายในหูได้ยินเสียงอู้อี้ ก่อนที่โลกทั้งใบจะถล่มลง
เวลาผ่านไปนานนับชั่วโมงที่ฉันยังคงนั่งมองประตูห้องฉุกเฉินอยู่แบบนั้นอย่างเหม่อลอย ภายในหัวมันอื้ออึงไปหมด คิดอะไรไม่ออก ร้องไห้จนไม่มีน้ำตา มือไม้ยังสั่นไม่หาย ไม่รู้ว่าพี่ลีวายเป็นยังไงบ้างจนป่านนี้หมอก็ยังไม่ออกมาบอกอาการ… มันนานเกินไปหรือเปล่าเรื่องนี้ฉันไม่กล้าบอกให้คุณท่านรู้เพราะกลัวว่าถ้าบอกแล้วคุณท่านจะช็อก เอาไว้ถ้าพี่ลีวายปลอดภัยแล้วค่อยบอกก็แล้วกัน “กินอะไรหน่อยไหม” พี่คัลเลนหันมาถามฉันที่เอาแต่นั่งเงียบไม่ยอมพูดจา“ไม่หิวเลยค่ะ ถ้าพี่คัลเลนหิวจะไปกินก็ได้นะคะ ตอนนี้มิลินกินอะไรไม่ลงจริง”“ถ้าลีวายรู้ว่าเธอห่วงมันขนาดนี้คงดีใจ”“ก็บอกให้เขารีบพ้นขีดอันตรายสิจะได้รู้… ว่าคนอื่นเป็นห่วงมากขนาดไหน”“ที่ผ่านมาพี่เห็นเราเอาแต่ปฏิเสธ…”“การกระทำของเขามันทำให้มิลินตัดสินใจไม่ยากหรอกนะคะ… แต่ตอนนี้มันต่างออกไป”“ยังไง”“มิลินกลัว กลัวว่าถ้าเขาเป็นอะไรไปจริง ๆ แล้ว…”“ถ้ายังไม่พร้อมอย่าเพิ่งพูดก็ได้ พี่ว่าลีวายมันคงอยากได้ยินเป็นคนแรกนะ”“… ถ้าอยากฟังมากก็แล้วทำไมหมอถึงไม่รีบออกมาบอกว่าเขาปลอดภัยแล้ว มันผ่านไปสองชั่วโมงแล้วนะพี่คัลเลน อึก!”จากที่ข่มความรู้สึกเอาไว้อยู่นานพอ
ตอนนี้ดวงตาทั้งสองข้างคงช้ำจนบวมเปล่ง เพราะฉันร้องไห้นานหลายชั่วโมง เห็นทีว่าถ้าพี่ลีวายยังไม่ฟื้นน้ำตาก็คงไม่ยอมหยุดไหลไม่เคยจินตนาการถึงเหตุการณ์แบบนี้จึงใจแข็งอยู่ได้ แต่พอเจอเข้าจริง ๆ ฉันกลับห่วงเขาจนไม่เป็นอันทำอะไร“กลับไปอาบน้ำไหมเดี๋ยวพี่เฝ้ามันให้ก่อน”พี่คาแลนที่เงียบมองฉันร้องไห้อยู่นานเอ่ยขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็รีบส่ายหน้า “มิลินอยากรอจนกว่าพี่ลีวายจะฟื้น”“มิลิน พี่ไม่อยากให้เธอแย่ไปอีกคนนะ” พี่คัลเลนแทรกขึ้นและมองฉันแบบดุ ๆ“มิลินไหวค่ะ”“กลับไปอาบน้ำเก็บเสื้อผ้า แล้วค่อยมาเฝ้ามันพี่ให้คนขับรถรออยู่ข้างล่างแล้ว”“แต่มิลิน…”“ถือว่าพี่สองคนขอได้ไหม”พอได้ยินพี่คาแลนพูดแบบจริงจังฉันก็จำเป็นต้องทำ เพราะรู้ว่าเขาเป็นห่วงจริง ๆ ถ้าดื้อด้านอยู่อาจจะโดนทั้งคู่ดุไปมากกว่านี้ ถึงแม้จะไม่อยากกลับไปเลยก็ตาม“ถ้าเขาฟื้นตอนที่มิลินกลับไป… รีบโทรมาบอกเลยนะคะ”“ไม่โกรธมันแล้วเหรอ”“โกรธค่ะ โกรธมากด้วย” ฉันมองหน้าคนที่หลับสนิทไม่รู้เรื่องอะไร หัวใจมันรู้สึกเจ็บอย่างบอกไม่ถูก“ถ้าโกรธแล้วจะมาเฝ้ามันทำไม”“มิลินโกรธที่พี่ลีวายเคยทำไม่ดีเอาไว้มากมาย แต่ที่ผ่านมาเขาดีขึ้น ดีขึ้นมา
ถึงจะงุนงงที่พี่คาแลนและพี่คัลเลนรีบกรูกันออกไปจากห้องราวกับมีเรื่องอะไรแต่ก็ไม่ได้สนใจ เพราะตอนนี้ฉันสนใจคนที่นอนหลับไม่ได้สติอยู่บนเตียงมากกว่า“ถ้าฟื้นมาแล้วจะดีใจไหมคะ”“รีบฟื้นสิ”“มิลินมีเรื่องอยากจะพูดกับพี่ลีวายเยอะเลยนะ”พูดแค่นั้นเสียงมันก็สั่น ตอนนี้ภายในใจของฉันมันหวั่นไหวเอามาก ๆ ไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรเลยจริง ๆเรื่องที่พี่ลีวายถูกยิงคุณท่านรู้แล้วและจะกลับไทยมาในอีกสองวันข้างหน้า ฉันตัดสินใจบอกเพราะเห็นว่าตอนนี้พี่ลีวายปลอดภัยแล้วถึงเวลาหมอมาตรวจ ฉันถูกสั่งให้ออกมารอด้านนอกถึงจะแปลกใจแต่ก็ยอมออกมาแต่โดยดี หลังจากหมอตรวจแล้วก็ออกมาบอกอาการคร่าว ๆ และมันเป็นข่าวดีมากจนฉันอดยิ้มไม่ได้หมอบอกว่าพี่ลีวายฟื้นตัวเร็วมากเขาอาจจะฟื้นขึ้นมาเร็ว ๆ นี้#ตกดึกหลังจากอาบน้ำเสร็จฉันก็เตรียมตัวจะนอนที่โซฟาตัวใหญ่ พลางคิดไปว่าพรุ่งนี้ตื่นมาพี่ลีวายก็คงจะฟื้น แต่จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงทุ้มเอ่ยขึ้นจึงรีบหันไปมองที่เตียงเพราะคิดว่าตัวเองหูฝาด“อ่า!” เสียงทุ้มนั้นดังขึ้นมาอีกครั้ง หัวใจดวงน้อยเต้นรัว ๆ ก่อนจะรีบลุกขึ้นจากโซฟาเดินไปที่เตียงของพี่ลีวายทันทีหัวใจแทบจะหยุดเต้นเมื่อเห็นสายตาค
#วันต่อมาพี่ลีวายดีขึ้นมาก ๆ ราวกับเขาพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาลมานานนับอาทิตย์ แต่ความจริงเขาอยู่แค่สองวันเท่านั้น หมอบอกว่าพรุ่งนี้พี่ลีวายก็กลับบ้านได้แล้ว ทำให้ฉันแปลกใจเอามาก ๆ เขาถูกยิงเจ็บเจียนตายเข้าห้องฉุกเฉินไปนานหลายชั่วโมงแต่ทำไมดีขึ้นเร็วขนาดนี้“มิลินจ๋า มานั่งใกล้ ๆ ฉันหน่อยได้ไหม”“แต่มิลินเพิ่งลุกมานั่งที่โซฟาเมื่อกี้เองนะคะ”“ก็คนมันรักคนมันหลงอยากอยู่ใกล้ ๆ ไม่ได้เลยเหรอครับ”ดูทำพูดเข้าสิ แล้วดูทำหน้าสิ ทำไมพี่ลีวายถึงได้น่าหยิกแก้มขนาดนี้นะ อายุสามสิบกว่าแล้วแท้ ๆ แต่อ้อนราวกับเด็กสามขวบตั้งแต่เมื่อคืนที่เราสองคนปรับความเข้าใจกันพี่ลีวายก็ออดอ้อนทำตัวน่ารักพูดจาหยอดคำหวานไม่ยอมหยุด“คนแก่หลงเด็กเหรอคะ”“แก่ที่ไหนจะเอวดีเอานานขนาดนี้ครับ… หื้ม”คำตอบนั้นทำให้ใบหน้าของฉันเห่อร้อนขึ้นจนแดงเถือกจนต้องหลบสายตา“เขินเหรอ”“ก็ดูพูดเข้าสิคะจะไม่ให้เขินได้ยังไง”“อยากออกจากโรงพยาบาลแล้ว อยากทำเรื่องนั้นกับเธอจนใจจะขาด”“อ๋อ ที่ง้อเพราะอยากได้ตัวมิลินใช่ไหมคะ แบบนี้นี่เอง” ฉันทำหน้างอนแต่ไม่คิดว่าพี่ลีวายจะจริงจังจนหน้าสลดไปแบบนั้น“ขอโทษ ถ้าเธอยังไม่พร้อมฉันจะไม่ทำแต่อ