ตึกตัก ตึกตัก!ฉันตกใจชะงักเมื่อได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นรัวและแรงของพี่ลีวาย วูบนึงเกิดรู้สึกหวั่นไหวขึ้นมา แต่ฉันก็รีบตั้งสติแล้วดันตัวลุกขึ้นอีกครั้ง“ถ้าอยากให้มิลินนอนที่นี่พี่ลีวายก็ไปนอนที่โซฟาค่ะ”พี่ลีวายยิ้ม ก่อนจะพยักหน้าตอบ “ได้สิ”“ห้ามคิดทำเรื่องบ้า ๆ”“บอกแล้วไงว่าฉันเมาขนาดนี้ ทำอะไรเธอไม่ไหวหรอก”ฉันใช้สายตาเพ่งมองพี่ลีวายอย่างไม่ไว้ใจ คนแบบเขามันเชื่อไม่ได้สักอย่าง บางทีเขาอาจจะสร่างเมาไปแล้วก็ได้ ที่เห็นอยู่ตอนนี้คงเป็นแค่การแสดงถึงแม้การที่ฉันยอมนอนห้องเดียวกับพี่ลีวายมันจะดูเสี่ยงเกินไปหน่อย แต่ก็ไร้ทางเลือก เพราะคนดื้อรั้นอย่างเขาไม่มีทางยอม นิสัยที่ชอบบังคับคนอื่นฉันเจอมาตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้พอถึงเวลานอนฉันก็เดินไปปิดไฟแล้วกลับมาทิ้งตัวลงบนเตียง ท่ามกลางความมืดสนิทและความเงียบสงบ เสียงนึงก็เอ่ยขึ้น“ฉันดีใจนะที่เธอยอมฝืนตัวเองทำแบบนี้”“…” ฉันเลือกที่จะเงียบ เพราะไม่อยากต่อปากต่อคำอะไร สิ่งที่เขาพูดนอกจากจะไม่ทำให้รู้สึกดีแล้ว ลึก ๆ ฉันแอบสะอิดสะเอียนด้วยซ้ำ“ฉันเห็นแก่ตัวไปหรือเปล่าที่อยากจะรั้งเธอไว้” น้ำเสียงของพี่ลีวายดูแผ่วลง ราวกับกำลังตัดพ้อกับตัวเ
Talk ลีวายผมแทบไม่อยากจะเชื่อว่าสิ่งที่ได้ยินเมื่อกี้มันหลุดออกมาจากปากของมิลิน ก้อนเนื้อในอกซ้ายของผมตอนนี้มันปวดหนึบ เหมือนถูกใครมาขยุ้มมันไว้จนยับยู่ยี่“ก็ได้...” ผมก้มหน้าพูดบอกเสียงแผ่ว สองมือกำเข้าหากันแน่น “... ฉันจะพยายามไม่รบกวนเธออีก”“ไม่ใช่แค่พยายามค่ะ แต่ต้องทำให้ได้” พูดขนาดนี้แล้ว แต่มิลินก็ยังใจแข็งกับผมแบบไม่มีท่าทีว่าจะอ่อนลงเลย“ฉันขอโทรหาบ้างได้ไหม?”“ไม่ได้ค่ะ”“แล้ว...”“มิลินขอกุญแจรถค่ะ” เธอพูดแทรกพร้อมกับยื่นมือมาตรงหน้าผม หยดน้ำตามันเอ่อล้นขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัวถึงจะไม่อยากให้กลับ ถึงอยากจะกอดรั้งเอาไว้มากแค่ไหน แต่ผมก็ทำได้แค่หยิบกุญแจยื่นมันคืนให้กับเธอ“ให้ฉันไปส่งไหม สัญญาว่าจะส่งแล้วกลับ ไม่วุ่นวายอะไรเลย”“มิลินกลับเองได้ค่ะ พี่ลีวายนอนพักผ่อนเถอะ”“แต่...”“ไปนะคะ ขอบคุณสำหรับมื้อเช้า” ไม่รอให้ผมได้เอ่ยพูดอะไรอีก ร่างเล็กก็หันหลังเดินจากไปทันทีสายลมจาง ๆ พัดผ่านหน้าผมไปในตอนที่เธอเดินผ่าน ทำเอาหนาวเหน็บไปถึงขั้วหัวใจ ความรู้สึกตอนนี้เหมือนผมถูกทิ้งให้ยืนอยู่ตัวคนเดียวในที่มืด ทุกอย่างเงียบและนิ่ง ภายในหูได้ยินเสียงอู้อี้ ก่อนที่โลกทั้งใบจะถล่มลง
เวลาผ่านไปนานนับชั่วโมงที่ฉันยังคงนั่งมองประตูห้องฉุกเฉินอยู่แบบนั้นอย่างเหม่อลอย ภายในหัวมันอื้ออึงไปหมด คิดอะไรไม่ออก ร้องไห้จนไม่มีน้ำตา มือไม้ยังสั่นไม่หาย ไม่รู้ว่าพี่ลีวายเป็นยังไงบ้างจนป่านนี้หมอก็ยังไม่ออกมาบอกอาการ… มันนานเกินไปหรือเปล่าเรื่องนี้ฉันไม่กล้าบอกให้คุณท่านรู้เพราะกลัวว่าถ้าบอกแล้วคุณท่านจะช็อก เอาไว้ถ้าพี่ลีวายปลอดภัยแล้วค่อยบอกก็แล้วกัน “กินอะไรหน่อยไหม” พี่คัลเลนหันมาถามฉันที่เอาแต่นั่งเงียบไม่ยอมพูดจา“ไม่หิวเลยค่ะ ถ้าพี่คัลเลนหิวจะไปกินก็ได้นะคะ ตอนนี้มิลินกินอะไรไม่ลงจริง”“ถ้าลีวายรู้ว่าเธอห่วงมันขนาดนี้คงดีใจ”“ก็บอกให้เขารีบพ้นขีดอันตรายสิจะได้รู้… ว่าคนอื่นเป็นห่วงมากขนาดไหน”“ที่ผ่านมาพี่เห็นเราเอาแต่ปฏิเสธ…”“การกระทำของเขามันทำให้มิลินตัดสินใจไม่ยากหรอกนะคะ… แต่ตอนนี้มันต่างออกไป”“ยังไง”“มิลินกลัว กลัวว่าถ้าเขาเป็นอะไรไปจริง ๆ แล้ว…”“ถ้ายังไม่พร้อมอย่าเพิ่งพูดก็ได้ พี่ว่าลีวายมันคงอยากได้ยินเป็นคนแรกนะ”“… ถ้าอยากฟังมากก็แล้วทำไมหมอถึงไม่รีบออกมาบอกว่าเขาปลอดภัยแล้ว มันผ่านไปสองชั่วโมงแล้วนะพี่คัลเลน อึก!”จากที่ข่มความรู้สึกเอาไว้อยู่นานพอ
ตอนนี้ดวงตาทั้งสองข้างคงช้ำจนบวมเปล่ง เพราะฉันร้องไห้นานหลายชั่วโมง เห็นทีว่าถ้าพี่ลีวายยังไม่ฟื้นน้ำตาก็คงไม่ยอมหยุดไหลไม่เคยจินตนาการถึงเหตุการณ์แบบนี้จึงใจแข็งอยู่ได้ แต่พอเจอเข้าจริง ๆ ฉันกลับห่วงเขาจนไม่เป็นอันทำอะไร“กลับไปอาบน้ำไหมเดี๋ยวพี่เฝ้ามันให้ก่อน”พี่คาแลนที่เงียบมองฉันร้องไห้อยู่นานเอ่ยขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็รีบส่ายหน้า “มิลินอยากรอจนกว่าพี่ลีวายจะฟื้น”“มิลิน พี่ไม่อยากให้เธอแย่ไปอีกคนนะ” พี่คัลเลนแทรกขึ้นและมองฉันแบบดุ ๆ“มิลินไหวค่ะ”“กลับไปอาบน้ำเก็บเสื้อผ้า แล้วค่อยมาเฝ้ามันพี่ให้คนขับรถรออยู่ข้างล่างแล้ว”“แต่มิลิน…”“ถือว่าพี่สองคนขอได้ไหม”พอได้ยินพี่คาแลนพูดแบบจริงจังฉันก็จำเป็นต้องทำ เพราะรู้ว่าเขาเป็นห่วงจริง ๆ ถ้าดื้อด้านอยู่อาจจะโดนทั้งคู่ดุไปมากกว่านี้ ถึงแม้จะไม่อยากกลับไปเลยก็ตาม“ถ้าเขาฟื้นตอนที่มิลินกลับไป… รีบโทรมาบอกเลยนะคะ”“ไม่โกรธมันแล้วเหรอ”“โกรธค่ะ โกรธมากด้วย” ฉันมองหน้าคนที่หลับสนิทไม่รู้เรื่องอะไร หัวใจมันรู้สึกเจ็บอย่างบอกไม่ถูก“ถ้าโกรธแล้วจะมาเฝ้ามันทำไม”“มิลินโกรธที่พี่ลีวายเคยทำไม่ดีเอาไว้มากมาย แต่ที่ผ่านมาเขาดีขึ้น ดีขึ้นมา
ถึงจะงุนงงที่พี่คาแลนและพี่คัลเลนรีบกรูกันออกไปจากห้องราวกับมีเรื่องอะไรแต่ก็ไม่ได้สนใจ เพราะตอนนี้ฉันสนใจคนที่นอนหลับไม่ได้สติอยู่บนเตียงมากกว่า“ถ้าฟื้นมาแล้วจะดีใจไหมคะ”“รีบฟื้นสิ”“มิลินมีเรื่องอยากจะพูดกับพี่ลีวายเยอะเลยนะ”พูดแค่นั้นเสียงมันก็สั่น ตอนนี้ภายในใจของฉันมันหวั่นไหวเอามาก ๆ ไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรเลยจริง ๆเรื่องที่พี่ลีวายถูกยิงคุณท่านรู้แล้วและจะกลับไทยมาในอีกสองวันข้างหน้า ฉันตัดสินใจบอกเพราะเห็นว่าตอนนี้พี่ลีวายปลอดภัยแล้วถึงเวลาหมอมาตรวจ ฉันถูกสั่งให้ออกมารอด้านนอกถึงจะแปลกใจแต่ก็ยอมออกมาแต่โดยดี หลังจากหมอตรวจแล้วก็ออกมาบอกอาการคร่าว ๆ และมันเป็นข่าวดีมากจนฉันอดยิ้มไม่ได้หมอบอกว่าพี่ลีวายฟื้นตัวเร็วมากเขาอาจจะฟื้นขึ้นมาเร็ว ๆ นี้#ตกดึกหลังจากอาบน้ำเสร็จฉันก็เตรียมตัวจะนอนที่โซฟาตัวใหญ่ พลางคิดไปว่าพรุ่งนี้ตื่นมาพี่ลีวายก็คงจะฟื้น แต่จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงทุ้มเอ่ยขึ้นจึงรีบหันไปมองที่เตียงเพราะคิดว่าตัวเองหูฝาด“อ่า!” เสียงทุ้มนั้นดังขึ้นมาอีกครั้ง หัวใจดวงน้อยเต้นรัว ๆ ก่อนจะรีบลุกขึ้นจากโซฟาเดินไปที่เตียงของพี่ลีวายทันทีหัวใจแทบจะหยุดเต้นเมื่อเห็นสายตาค
#วันต่อมาพี่ลีวายดีขึ้นมาก ๆ ราวกับเขาพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาลมานานนับอาทิตย์ แต่ความจริงเขาอยู่แค่สองวันเท่านั้น หมอบอกว่าพรุ่งนี้พี่ลีวายก็กลับบ้านได้แล้ว ทำให้ฉันแปลกใจเอามาก ๆ เขาถูกยิงเจ็บเจียนตายเข้าห้องฉุกเฉินไปนานหลายชั่วโมงแต่ทำไมดีขึ้นเร็วขนาดนี้“มิลินจ๋า มานั่งใกล้ ๆ ฉันหน่อยได้ไหม”“แต่มิลินเพิ่งลุกมานั่งที่โซฟาเมื่อกี้เองนะคะ”“ก็คนมันรักคนมันหลงอยากอยู่ใกล้ ๆ ไม่ได้เลยเหรอครับ”ดูทำพูดเข้าสิ แล้วดูทำหน้าสิ ทำไมพี่ลีวายถึงได้น่าหยิกแก้มขนาดนี้นะ อายุสามสิบกว่าแล้วแท้ ๆ แต่อ้อนราวกับเด็กสามขวบตั้งแต่เมื่อคืนที่เราสองคนปรับความเข้าใจกันพี่ลีวายก็ออดอ้อนทำตัวน่ารักพูดจาหยอดคำหวานไม่ยอมหยุด“คนแก่หลงเด็กเหรอคะ”“แก่ที่ไหนจะเอวดีเอานานขนาดนี้ครับ… หื้ม”คำตอบนั้นทำให้ใบหน้าของฉันเห่อร้อนขึ้นจนแดงเถือกจนต้องหลบสายตา“เขินเหรอ”“ก็ดูพูดเข้าสิคะจะไม่ให้เขินได้ยังไง”“อยากออกจากโรงพยาบาลแล้ว อยากทำเรื่องนั้นกับเธอจนใจจะขาด”“อ๋อ ที่ง้อเพราะอยากได้ตัวมิลินใช่ไหมคะ แบบนี้นี่เอง” ฉันทำหน้างอนแต่ไม่คิดว่าพี่ลีวายจะจริงจังจนหน้าสลดไปแบบนั้น“ขอโทษ ถ้าเธอยังไม่พร้อมฉันจะไม่ทำแต่อ
“ใจร้ายชะมัด” เขาทำหน้าบึ้ง แต่ก็ยอมดึงกางเกงขึ้นแล้วกลับมานอนในท่าเดิม “ไม่ทำแบบนั้นแต่ใช้มือช่วยหน่อยได้ไหม อารมณ์มันค้าง”“ถ้าพี่ลีวายพูดอีกคำเดียว มิลินจะกลับไปนอนโซฟาจริง ๆ ด้วย”“แค่มือก็ไม่ได้เหรอ” พี่ลีวายทำเสียงเศร้า ๆ หวังจะให้ฉันใจอ่อนเหรอ ไม่มีทางหรอก“มิลินว่ามิลินรู้จักพี่ลีวายดีค่ะ มันไม่มีทางจบแค่มือแน่นอน”คนอย่างเขาถ้าฉันใช้มือทำให้จริง ๆ เดี๋ยวก็หาทางแตะต้องร่างกายฉันจนเกิดอารมณ์ แล้วสุดท้ายเหตุการณ์แบบเมื่อกี้ก็จะวนมาอีกครั้งจุ๊บ~จู่ ๆ พี่ลีวายก็เขยิบใบหน้าเข้ามาขโมยจุ๊บที่หน้าผากฉันแรง ๆ “ชอบจังเลยคนรู้ทันเนี่ย”แล้วไม่ใช่แค่จุ๊บแต่เขายังใช้ปลายจมูกไล้หอมไปทั่วใบหน้าจนฉันแทบหายใจไม่ออก“หยุดลวนลามมิลินแล้วนอนสักทีได้ไหมคะ ไม่อยากออกจากโรงพยาบาลไว ๆ รึไง”“โอโห แค่จุ๊บกับหอมก็ไม่ได้ คอยดูนะแผลฉันหายดีเมื่อไรจะทบต้นทบดอกให้ร้องขอชีวิตเลย”“ถ้าพี่ลีวายทำแบบนั้นมันจะเป็นการมีอะไรกันครั้งสุดท้ายแน่นอนค่ะ”“นี่ฉันต้องโทษตัวเองใช่ไหม ที่ทำร้ายเธอบ่อย ๆ จนทำให้เธอเข้มแข็งได้ขนาดนี้เนี่ย”“ใช่ค่ะ โทษตัวเองไปเยอะ ๆ เลย ตอนมิลินยอมทุกอย่างก็มาใจร้ายด้วยเองนี่”“ค้าบ ๆ
#เช้าวันใหม่ฉันตื่นเช้าพร้อมกับความรู้สึกปวดเมื่อยตามตัว เพราะเมื่อคืนเจอศึกหนัก กว่าพี่ลีวายจะยอมให้นอนก็เกือบตีสี่ เขาดุร้ายราวกับเสือที่อดอาหารมานาน ทำกับฉันเหมือนตัวเองไม่ได้เพิ่งถูกยิงมาบางทีก็แอบสงสัยว่าทำแรงขนาดนั้นพี่ลีวายไม่รู้สึกเจ็บแผลบ้างเลยหรือไงหลังจากอาบน้ำเสร็จฉันก็เปิดตู้เสื้อผ้าของพี่ลีวายก่อนจะหยิบเสื้อออกมาตัวนึงอย่างถือวิสาสะ เพราะไม่มีชุดใส่ก็เลยต้องเอาชุดของเขามาใส่ก่อนเพราะพี่ลีวายตัวโตกว่ามากเมื่อชุดของเขามาอยู่บนตัวฉันจึงมีความยาวเกือบถึงเข่า เพิ่งรู้ว่าตัวเองตัวเล็กมากก็ตอนนี้แหละแต่งตัวเสร็จฉันก็หันมองพี่ลีวายที่หลับปุ๋ยอยู่บนเตียง ก่อนจะออกจากห้องเพื่อมาทำอาหารเช้าไว้รอเขา เลือกทำเมนูง่าย ๆ เช่นข้าวต้ม เพราะไม่มีของอะไรให้ทำมากนัก“พี่ลีวายตื่นได้แล้วค่ะ” หลังจากทำข้าวต้มเสร็จแล้ว ฉันก็เดินกลับมาปลุกคนขี้เซาที่นอนไม่ยอมตื่นสักที“อื้อ”“ตื่นได้แล้ว มิลินทำข้าวต้มไว้ให้รีบไปล้างหน้าเร็ว”พี่ลีวายค่อย ๆ ปรือตาขึ้นมอง ใบหน้าตอนเพิ่งตื่นของเขานั้นไม่ได้ดูแย่เลย กลับกัน มันดูดีจนฉันรู้สึกหวง“ตื่นเช้าจัง เมื่อคืนฉันทำตั้งหลายรอบทำไมลุกไหว หืม” ริมฝีป
วันเวลาผ่านไปเนิ่นนานจนฉันคลอดลูกคนที่สองให้กับคาแลน รอบนี้ได้ลูกสาวเขาดีใจมากเลยนะ เพราะเจ้าตัวได้คนโตเป็นลูกชายสมใจแล้วเจ้าหญิงตัวน้อยวัยหกเดือนของเรามีชื่อว่าเมลร่า ฉันกับคาแลนชอบชื่อลูกมาก ๆ เพราะมันเหมาะกับหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มอย่างลูกสาวฉันที่สุดเผลอแป๊บเดียวมาคัสในก็ได้เป็นพี่ชายคน แถมยังเห่อน้องมากอีกด้วย ถ้ามีโอกาสหรือมีจังหวะมาคัสก็จะคอยช่วยฉันเลี้ยงน้องตลอด“มามี๊น้องตื่นหรือยังครับ” หมอบอกว่ามาคัสฉลาดรอบรู้ และมีพัฒนาการในด้านต่าง ๆ ที่ดีเยี่ยมฉันปลื้มใจมากที่เห็นลูกเติบโตมาอย่างดี“ยังเลยลูก ไว้รอน้องตื่นแล้วค่อยไปเล่นกับน้องนะ”“ครับ วันนี้มาคัสมีนิทานจะมาเล่าให้น้องฟังด้วย” ได้ยินแบบนั้นคนเป็นแม่อย่างฉันก็อดที่จะอมยิ้มไม่ได้“จริงเหรอครับ มาคัสของมามี๊เก่งที่สุดเลย ขอบคุณนะลูก” ฉันก้มลงกอดลูกชายหัวแก้วหัวแหวนพร้อมกับหอมหัวเบา ๆ หนึ่งที ฉันกับคาแลนมักจะพูดขอบคุณลูกบ่อย ๆ ในเวลาที่เขาทำสิ่งดี ๆ“มาคัสรักน้อง อยากดูแลน้องครับ”“ลงมาได้ยินประโยคนี้ทำเอาปาปี๊ชื่นใจที่สุดเลยลูก” ระหว่างนั้นคาแลนก็เดินลงมาจากชั้นสองพอดี เขากำลังเตรียมตัวไปทำงาน“ปาปี๊~” พอเห็นพ่อเดินลงมามาคั
สามเดือนผ่านไป ฉันกับคาแลนเพิ่งกลับจากโรงพยาบาล วันนี้คุณหมอนัดไปตรวจและอัลตราซาวนด์ดูเพศลูกสภาวะแท้งคุกคามตอนนี้ดีขึ้นแล้ว ด้วยอายุครรภ์ที่มากขึ้นด้วยไม่ต้องเฝ้าระวังอย่างตอนแรก“ทำหน้าขมวดคิ้วตั้งแต่ออกมาจากโรงพยาบาลแล้วนะคะ เป็นอะไรบอกมิลาหน่อย” ฉันถามสามีที่กำลังทำหน้าเครียดตั้งแต่รู้เพศลูก “เฮียไม่อยากให้ลูกเราเป็นผู้หญิงเหรอคะ”ฉันเม้มปากเบา ๆ ไม่ได้อยากคิดแต่ท่าทางของคาแลนทำให้ต้องถามไปอย่างนั้น เขาแปลกไปเมื่อรู้เพศทั้งที่ก่อนหน้าเราตั้งชื่อลูกไว้แล้วทั้งชายและหญิง“ลูกเฮียนะหนู ถามแบบนั้นได้ยังไง”“ก็เฮียทำหน้าเครียด”“เฮียแค่คิดว่าตัวเองต้องหวงลูกมากแน่ ๆ”ระบายยิ้มออกมาบนใบหน้าพร้อมโล่งใจทันทีที่ได้ยินคำตอบนั้น นึกว่าไม่ชอบใจซะอีกที่แท้ก็หวงลูกสาวนี่เอง“คงต้องให้การ์ดเฝ้าตั้งแต่เด็ก ให้เข้าโรงเรียนหญิงล้วนนะหนู”“แบบนี้ถ้ายัยหนูจะมีแฟน…” ยังพูดไม่จบประโยคคนตัวสูงก็รีบขัด “อย่าเพิ่งคิดไปถึงขั้นนั้นสิหนู เฮียใจหาย”“กับมาคัสเฮียไม่เห็นห่วงเลย”“มาคัสเป็นผู้ชาย”“คุณพ่อขี้หวงคิดมากตั้งแต่ลูกยังไม่คลอดออกมาเลยนะคะ” ฉันแซวพร้อมยกนิ้วขึ้นเกลี่ยแก้มอย่างหยอกล้อ คาแลนเอามือมาจับมื
อาทิตย์ผ่านไป ฉันกับคาแลนจดทะเบียนสมรสเรียบร้อยแล้ว ในตอนนี้เราคือสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายตอนนี้คาแลนกำลังนอนหนุนอยู่บนตักของฉันแล้วใช้มือลูบท้องไปมาอย่างนั้นนานหลายนาทีแล้ว“อยากรู้แล้วว่าลูกจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย” ใบหน้าคมคายเงยขึ้นมองฉันแล้วพูดต่อ “ถ้าได้ผู้หญิงเฮียคงหวงมากแน่”ฉันยิ้มกว้างให้กับคำพูดนั้นของคนที่หนุนตักอยู่ ก่อนจะเอามือลูบผมเขาเบา ๆ“หวงได้แต่อย่าไปกำหนดชีวิตของลูกมากเกินไปนะคะ”“เฮียไม่ทำอย่างนั้นแน่นอนหนูสบายใจได้”คาแลนจับมือของฉันไปจูบเบา ๆ ช่วงนี้ชีวิตคู่ของเรามันลงตัวมาก ๆ ไร้อุปสรรคเหมือนอย่างก่อนหน้า ตัดสินใจไม่ผิดจริง ๆ ที่เลือกรักผู้ชายคนนี้ตั้งแต่แรก“อาทิตย์หน้าเฮียว่าง ไปเที่ยวกันนะครับ”“เที่ยวที่ไหนเหรอคะ” ฉันมองคนบนตักที่กำลังยิ้มหวาน“หนูมีที่ไหนที่อยากไปไหม”“ทุกที่ที่มีเฮีย มิลามีความสุข”“เฮ้อ เฮียรักหนูจะตายแล้วมิลา”ร่างหนาหยัดตัวขึ้นนั่ง แล้วยกมือมาประคองใบหน้าของฉันพร้อมจ้องด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น ก่อนจะโน้มลงมาเรื่อย ๆ ระยะห่างระหว่างใบหน้าค่อย ๆ แคบลงจนกระทั่งริมฝีปากกดซับลงมา“อื้อ~”รสจูบที่อบอวลไปด้วยความอ่อนโยนและนุ่มนวล
วันต่อมา ตื่นมาไม่เห็นคาแลนอยู่ในห้องแล้ว มาคัสก็หายไปจากห้องของเขาเหมือนกัน ฉันค่อย ๆ เดินลงจากบันไดอย่างเชื่องช้าลงมาที่ชั้นล่าง ก่อนจะนั่งบนรถเข็นเพราะถ้าคนตัวสูงเห็นฉันเดินคงถูกดุแน่ ๆรถเข็นจะเป็นแบบขับเคลื่อนอัตโนมัติโดยใช้มือบังคับปุ่มบนที่พักแขน ได้ยินเสียงแว่วมาจากทางครัวจึงไปดูภาพที่เห็นคือคาแลนกับลูกชายอยู่ในชุดผ้ากันเปื้อน ทั้งคู่กำลังช่วยกันทำอาหาร มาคัสดูท่าจะชอบช่วยพ่อเขาทำใหญ่เลย ฉันกำลังทอดสายตามองสองพ่อลูกด้วยรอยยิ้ม“มามี๊” อุตส่าห์แอบตรงมุมแล้วแท้ ๆ แต่ลูกชายตัวน้อยหันมาเจอจนได้ คาแลนหันมองตามเสียงเรียกของลูก ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ “หนูลงมายังไงคะ?”น้ำเสียงที่เอ่ยถามอย่างนุ่มนวลนั้นต่างจากแววตาที่กำลังจ้องแบบดุ ทำเอาฉันไม่กล้าตอบร่างหนาที่ใส่ชุดกันเปื้อนเดินมาหยุดตรงหน้าแล้วนั่งลงเอามือมาลูบวนบนท้องของฉันพร้อมกับฟ้องลูก“ดูมี๊สิ ดื้อเดินลงมาเองแบบนี้ปาปี๊ขอดุได้ไหม”“ลูกบอกว่าไม่ได้ค่ะ”“ลูกหรือแม่ครับ?”“เฮียอย่าดุมิลาสิ” ฉันเบ้ปากส่งสายตาออดอ้อนทำให้ คาแลนส่ายหน้าไปมาช้า ๆ ด้วยใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม เห็นแบบนั้นก็รู้ว่ารอดแล้ว“คราวหลังไม่เอาแบบนี้นะมิลา เฮียเป็นห
1 เดือนผ่านไปฉันได้ออกจากโรงพยาบาลมาพักรักษาตัวที่บ้าน เราย้ายมาอยู่บ้านหลังที่ซื้อไว้ในตอนนั้นแล้ว เพิ่งตกแต่งเสร็จเมื่ออาทิตย์ก่อนส่วนใหญ่ฉันจะนอนอยู่บนเตียงเวลาจะไปเข้าห้องน้ำหรือเดินไปไหนคาแลนจะช่วยประคอง ถ้าออกไปข้างนอกต้องนั่งรถเข็น เพราะคุณหมอสั่งห้ามเรื่องไม่ควรขยับร่างกายเยอะมาคัสได้แยกไปนอนอีกห้องสมใจคุณพ่อของเขาแล้ว เพราะคาแลนกลัวว่าลูกจะนอนดิ้นมาโดนท้อง แต่ตัวลูกชายไม่งอแงแล้วก็อยากแยกห้องเหมือนกัน แหงสิพ่อเขาจัดห้องเตรียมไว้ถูกใจขนาดนั้น“พรุ่งนี้มีประชุม เฮียคงกลับมาตอนบ่ายนะมิลา”“ไหวเหรอคะ ช่วงนี้เฮียอาการไม่ค่อยดีเลย” มองคนตัวสูงอย่างเป็นห่วง เขาแพ้ท้องแทนฉันหนักมาก เรียกได้ว่าเหม็นอาหารทุกอย่าง กินอะไรเข้าไปก็อ้วกออกหมด กินได้แค่ของเปรี้ยวเห็นแล้วนึกเห็นใจมาก ๆ เพราะเคยผ่านมาก่อนรู้ว่าทรมานขนาดไหน ใบหน้าหล่อตอนนี้ซูบผอมลงไปค่อนข้างเยอะ“ประชุมผู้ถือหุ้นประจำเดือนยังไงก็ต้องไปครับ” คาแลนก้มลงมาจูบหน้าผากของฉันแผ่วเบา ตอนนี้กำลังนั่งดูทีวีอยู่ชั้นล่างของบ้าน“คันเลนจะมาส่งมาคัสกี่โมงคะ”“คงสองทุ่ม กินมื้อเย็นที่บ้านใหญ่ก่อน” วันนี้ลูกชายงอแงอยากไปเล่นกับน้องคีย์และ
ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาข่าวของคาแลนกับคุณหนูลี่กำลังเป็นที่พูดถึงในวงกว้าง เพราะทั้งคู่ต่างมีหน้าตาทางสังคม คาแลนให้พี่ชายช่วยเรื่องปิดข่าวทั้งหมดให้เร็วที่สุดส่วนฉันก็พยายามไม่ดูข่าวห่างจากมือถือเพราะมันทำให้เครียดไม่เป็นผลดีเท่าไร ยิ่งตอนนี้มีอาการแท้งคุกคาม“ตอนเย็นคัลเลนจะพามาคัสมาที่โรงพยาบาลนะหนู” คนที่กำลังนั่งปลอกผลไม้เอ่ยบอก เราไม่ได้พูดคุยเรื่องนั้นเพราะต่างรู้ดีว่ามันไม่มีอะไร และฉันก็ไม่ได้ถามว่าเขาจะจัดการกับผู้หญิงอย่างลี่เว่ยหลินยังไง“ลูกงอแงไหมคะ” ฉันเป็นห่วงลูกชายตัวน้อยกลัวจะงอแงแต่ถ้าจะให้มาอยู่ที่โรงพยาบาลคงไม่ได้“ที่บ้านใหญ่มีเพื่อนเล่นลูกไม่งอแงเลย”“มาคัสรู้ไหมคะว่ากำลังจะมีน้อง”“ยังครับ ถ้ารู้คงดีใจที่จะมีเพื่อนเล่น”“เฮียไม่เข้าบริษัทเลย ไม่ต้องเฝ้ามิลาตลอดก็ได้” สามวันแล้วที่ฉันนอนติดเตียงที่โรงพยาบาลส่วนคาแลนไม่ได้เข้าบริษัทเลย“เฮียเอางานที่บริษัทมาทำที่นี่ดีกว่าทิ้งให้หนูอยู่คนเดียว” เขาปลอกผลไม้เสร็จพอดีจากนั้นก็ยกจานมานั่งเก้าอี้ข้าง ๆ เตียงแล้วป้อนฉัน“พรุ่งนี้เฮียจะออกไปจัดการปัญหากับเว่ยหลิน”“ค่ะ”“ทางนั้นเรียกร้องให้รับผิดชอบที่ทำลูกสาวเขาเสียห
Talk - คาแลนตอนนี้ผมนั่งอยู่ที่หน้าห้องฉุกเฉิน สองมือกำแน่นก้มหน้าก้มตา ภาพเลือดที่ไหลออกมาจากตรงนั้นยังติดตา เกือบสติหลุดที่เห็นมิลาหมดสติไป“มิลาเป็นอะไร” คัลเลนเพิ่งมาถึงโรงพยาบาลมันรีบเดินมาถาม ผมได้แต่ส่ายหน้าแทนคำตอบพร้อมน้ำตาที่ไหลอาบแก้มตอนนี้ผมกำลังกลัว กลัวทุกอย่าง“จู่ ๆ ทำไมถึงเกิดเรื่องขึ้น”“ลี่เอาเหล้ามาให้กู ใครจะไปคิดว่าเธอใส่ยาลงไปในแก้วนั้น” ผมบอกพร้อมมือที่กำแน่นกว่าเดิมหลังจากโดนยาลี่พยายามยัดเยียดตัวเองให้กับผม โชคดีที่ตอนนั้นยังพอมีสติเอาตัวเองออกมาจากห้องน้ำได้ แต่ตอนทำกับมิลาในรถผมไม่รู้ตัวเลยว่ารุนแรงไปขนาดไหนเลือดถึงได้ไหลออกมาเยอะขนาดนั้น“ผู้หญิงคนนี้แม่งน่ากลัวฉิบหาย!!”“จัดการถอนหุ้นและยุติงานในเครือเว่ยหลินให้หมด ครั้งนี้ต่อให้คุณเฉียงมาอ้อนวอนกูจะไม่ให้อภัย”“อืม เดี๋ยวกูจัดการให้มึงไม่ต้องห่วง ตระกูลนี้ถูกจดลงบัญชีดำแน่ ๆ”“อาการมิลาเป็นยังไงบ้างคะ” เกลลินเอ่ยถามผมด้วยท่าทางเป็นห่วง“เลือด… มีเลือดไหลออกมา” ผมตอบเสียงสั่นสองมือกำแน่นจนเห็นเส้นเลือดปูดขึ้นขณะที่นั่งรอผ่านไปครู่ใหญ่ประตูห้องฉุกเฉินก็ถูกผลักพร้อมหมอที่แทรกตัวออกมายืนด้านหน้า ผมรีบลุก
ริมฝีปากบางถูกบดขยี้อีกครั้ง มิลาพยายามดันตัวเองออกเพราะเจ็บกับสัมผัสดูดดึงของคนตัวสูงที่ขาดสติ เมื่อถูกขัดใจเธอก็ถูกคนตัวโตใช้สายตาคมจ้องเขม็งยาปลุกเซ็กส์ทำให้คาแลนไม่ใช่ผู้ชายอ่อนโยนอีกต่อไป อารมณ์ของเขาเต็มไปด้วยความรุนแรงอยากจะฉีกเสื้อผ้าของว่าที่ภรรยาคนสวยออกเป็นชิ้น ๆมือหนาเปิดประตูรถยนต์ก่อนจะจับร่างบางยัดเข้าไปข้างในตรงเบาะหลัง“เฮียมีสติหน่อยได้ไหมคะ”เสียงหวานพยายามเตือนสติแต่ไม่ได้ผล เมื่อประตูรถปิดลงร่างหนาก็นั่งลงข้าง ๆ เร่งปลดหัวเข็มขัดและตะขอกางเกง เห็นแบบนั้นทำให้มิลากลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่คว้ามือกำเส้นผมนุ่นแล้วกดลงมาตรงเป้ากางเกง ใช้แท่งเนื้อร้อนถูเบา ๆ บนกลีบปากกระจับ“ช่วยทำให้มันสงบลงหน่อย” เสียงทุ้มกระเส่ามองใบหน้าสวยที่กำลังหวาดกลัวจากกระกระทำที่รุนแรงมิลาค่อย ๆ ลดตัวนั่งลงด้านล่างแทรกตรงกลางท่อนขาแกร่ง และใช้ปากของตัวเองตามคำสั่งของคนที่โดนยา เธอรู้ว่าเขากำลังทรมานและเต็มใจช่วย“หนู ซี๊ด~”ริมฝีปากบางดูดดุนแท่งเนื้อขนาดใหญ่คับปากจนเปื้อนน้ำลายสีใส ยิ่งเอาเข้าไปลึกจนสุดลำคอก็ยิ่งถูกใจอีกคน“เธอทำอะไรเฮียบ้าง” ใบหน้าหวานเงยขึ้นมาถามพร้อมใช้มือชักรูดแก่นกายใหญ่ไ
งานเลี้ยงตระกูลเว่ยหลิน ฉันอยู่ในชุดราตรีลายลูกไม้สีครีมเดินเข้ามาในงานคู่กับคาแลนที่อยู่ในชุดสูทสีขาวน้ำเงินงานจัดขึ้นยิ่งใหญ่สมเกียรติมีแขกมากหน้าหลายตาเดินหลั่งไหลเข้ามาภายในงานรวมทั้งนักข่าวที่รัวแสงแฟลชถ่ายภาพราวกับคนที่มาร่วมงานนี้เป็นดาราชื่อดังยิ่งตอนคาแลนเดินคู่กับฉันมีเสียงฮือฮาของคนที่ได้พบเห็นดังขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากเหตุการณ์ที่เขาหายไปเหมือนคนที่ตายแล้ว ไม่มีใครคิดว่าจะกลับมา คนที่ได้เจอตัวเป็น ๆ ถึงกับยกมือขึ้นป้องปากทำตาโตอย่างเหลือเชื่อ“เป็นเกียรติมากเลยค่ะที่พี่คาแลนกับว่าที่ภรรยามาร่วมงานในวันนี้” คุณหนูลี่เดินมาต้อนรับเราสองคน ก่อนจะพาเดินมายังโต๊ะที่จัดเตรียมเอาไว้ให้เป็นโต๊ะที่อยู่ติดหน้าเวที คุณคัลแลนและภรรยาก็มางานนี้เหมือนกัน รวมถึงคุณพ่อของเขาด้วยแต่ท่านนั่งแยกอีกโต๊ะร่วมกับตระกูลเว่ยหลินที่อยู่ใกล้ ๆ กันนั่งรอที่โต๊ะไม่นานคัลเลนและภรรยาก็มาถึง เราไม่ได้พาลูกมาด้วยเพราะเป็นงานใหญ่ไม่เหมาะที่จะพาเด็ก ๆ มา“คุณเกลลินสวยมากเลยค่ะ” ฉันเอ่ยชมคุณเกลที่อยู่ในชุดราตรีสีขาว เธอสวยมาก ๆ ตอนเดินตีคู่มากับคัลเลนยิ่งเห็นว่าทั้งสองเหมาะสมกันมากจริง ๆ“คุณมิลาก็สวยมาก ๆ เ