ฉันรอให้พี่ลีวายพูดคำนี้ และเขาก็พ่นมันออกมาจริง ๆ จึงถือโอกาสรีบเปิดประตูออกมาจากห้อง หากให้นอนเฝ้าทั้งคืนคงเป็นฉันที่อดหลับอดนอนเพราะดูท่าเขาคงจะหาเรื่องไม่เลิก“คุณลีวายหลับไปแล้วเหรอหนูมิลิน” ป้านารีบถามอย่างเป็นห่วง“ยังหรอกค่ะ”“แล้วอาการเป็นยังไงบ้าง”“ก็เหมือนจะหายดีแล้วนะคะ ปากร้ายเหมือนเดิม” พอฉันบอกแบบนั้นป้านาก็ถอนหายใจออกมาเบา ๆ“ป้ารู้ว่าคุณลีวายชอบพูดจาไม่ดีกับหนูอยู่เรื่อย ป้าก็พยายามเตือนอยู่หลายครั้ง”“เตือนไปก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนหรอกค่ะป้า หนูมันลูกคนใช้เขาจะพูดร้ายใส่ยังไงก็ไม่ผิดหรอก”“อย่าดูถูกตัวเองแบบนั้นสิ”“ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว มีงานอะไรให้หนูช่วยทำไหมคะ”“เดี๋ยวป้าทำเอง…”“อีกแล้วนะคะ ให้มิลินช่วยงานบ้างสิ” แม่บ้านทุกคนแทบไม่ค่อยให้ฉันช่วยงานอะไรเลยคงเพราะเห็นว่าฉันเรียนหนังสืออยู่ด้วย“ป้าทำเสร็จหมดแล้ว”“ถ้าอย่างนั้นหนูกลับก่อนนะคะ”“ไม่อยู่ดูแลคุณลีวายก่อนเหรอหนูมิลิน เห็นคุณท่านบอกว่าฝากให้หนูดูแล”“พี่ลีวายไล่หนูออกมาเองค่ะ”พอบอกแบบนั้นป้านาก็ถอนหายใจออกมาเบา ๆ พร้อมส่ายหน้าเล็กน้อย“ถ้าพรุ่งนี้ยังไม่ดีขึ้น ฝากป้านาช่วยพูดให้พี่ลีวายไปหาหมอทีนะคะ”เคร
Talk มิลินถ้าพี่ลีวายจะเรียกพริตตี้มาดูแลจริง ๆ ฉันก็คงห้ามอะไรไม่ได้และจะทำเป็นมองไม่เห็นก็แล้วกัน เขาอยากทำอะไรมันก็เรื่องของเขา#กลับมาที่คอนโดอย่างที่บอกเอาไว้ว่าวันนี้ไม่ได้อยู่เฝ้าเพราะพี่ลีวายบอกเอาไว้ว่าถ้าไม่เต็มใจก็ให้กลับ แต่เหมือนคนที่บอกจะไม่อยากให้กลับสักเท่าไร คงอยากใช้ให้ฉันทำนู่นทำนี่พอไม่ได้ดั่งใจก็ต่อว่าหาเรื่องจริง ๆ ก็แอบรู้สึกผิดที่ผิดคำสัญญากับคุณท่านแต่ทำไงได้…@วันต่อมาวันนี้ฉันไม่มีเรียนจึงไม่ได้ออกไปไหนได้แต่นั่ง ๆ นอน ๆ อยู่ที่ห้องและโทรถามป้านาถึงอาการป่วยของพี่ลีวาย ไม่ใช่เพราะห่วงหรืออะไรเพราะกลัวว่าเขาจะตามตัวให้ไปเฝ้าอีก ซึ่งฉันไม่อยากไป พอป้านาบอกว่าพี่ลีวายดีขึ้นแล้วก็โล่งใจ#ตกเย็นตอนนี้ฉันกำลังคิดว่าควรจะไปคลับดีไหมเพราะอยู่ห้องมาทั้งวันมันเบื่อจนไม่รู้จะทำอะไรแล้ว“อยากชวนน้ำอิงไปเที่ยวด้วยกันจัง แต่เธอคงไม่ว่างไปด้วย หรือฉันจะโทรไปขออนุญาตกับพี่เฟยดีนะ”“ไม่เอาดีกว่า ไปคนเดียวก็ได้”ฉันพูดกับตัวเองราวกับคนบ้าก่อนจะหยิบผ้าขนหนูเดินเข้ามาในห้องน้ำ ใช้เวลานานนับชั่วโมงในการอาบน้ำแต่งตัว@คลับฉันเลือกมาคลับของพี่ลีวายที่หุ้นกับเพื่อน ๆ ของเ
ผมมองไอ้คัลเลนอย่างไม่ชอบใจก่อนจะกลับมานั่งดื่มที่โต๊ะ“ไม่ดูต่อ ระวังมีหนุ่มมาจีบนะ” มันพูดแซว แต่ผมก็ยังนิ่ง และทำเหมือนไม่ใส่ใจ “มึงช่วยหุบปากหรือไปไกล ๆ ได้ไหมไอ้คัลเลน!!”“สารภาพกับน้องไปเถอะว่ามึงรู้สึกยังไง”“ไอ้คัลเลน!!!”“เออ ๆ กูจะเงียบ มึงคิดเอาเองก็แล้วกัน”ผมพ่นลมหายใจออกมาแรง ๆ ก่อนจะหันมองไปที่ชั้นล่าง แปลกที่ผู้คนมากมายจนล้นคลับแต่สายตาของผมกลับโฟกัสแค่เธอคนเดียวหรือว่าจะเป็นอย่างที่ไอ้คัลเลนบอก ผมชอบเธออย่างนั้นเหรอวะ!! เป็นไปได้ยังไง“จู่ ๆ เหยื่อก็มาหากูถึงที่”“อะไรของมึง?” ผมมองหน้าไอ้คัลเลนที่กำลังเพ่งสายตามองใครสักคนที่ชั้นล่าง“น้องสาวไอ้เรย์”“เธอมา?”“อืม ไม่คิดว่ามันจะปล่อยให้น้องสาวมาที่นี่”ผมเองก็ไม่คิดว่าคนอย่างไอ้เรย์ที่หวงน้องสาวอย่างกับไข่ในหินจะปล่อยให้น้องมันมาโผล่ที่คลับของพวกผมได้ แบบนี้คงเข้าทางไอ้คัลเลน“แล้วมึงจะทำยังไง?”“น้องสาวมันสวยใช่เล่น กูว่าจะไปทักทายสักหน่อย”“แค่ทักทาย?”ไอ้คัลเลนไหวไหล่อย่างรู้กันกับผม คนอย่างมันคงไม่ใช่แค่ทักทายเพราะในหัวมันคิดเรื่องชั่วมากกว่านั้น“เธอโชคร้ายจริง ๆ ที่เกิดมาเป็นน้องสาวของคนที่ฉันเกลียด” พูด
พี่ลีวายจ้องหน้าฉันครู่หนึ่งก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาแล้วตอบ “ทำไมฉันจะไม่มีหัวใจ”“อ๋อลืมไป พี่ลีวายเคยบอกว่าตัวเองมีหัวใจ แต่ไม่มีพื้นที่ให้กับมิลิน จำได้แล้วค่ะ” ฉันไม่คิดว่าการเอ่ยคำที่พี่ลีวายเลยพูดนั้นเป็นการตอกย้ำตัวเอง จะได้เตือนต่างหากว่าเขาเคยเป็นยังไง“ตอนนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว อย่าทำเป็นดูไม่ออก”“นี่เรียกว่าเปลี่ยนแล้วเหรอคะ มิลินไม่เห็นจะรู้สึกเลย”“… เธอก็แค่ปฏิเสธทั้งที่รู้สึก”“จะบังคับให้มิลินรู้สึกให้ได้เลยใช่ไหมคะ” พี่ลีวายขบกรามแน่นก่อนจะก้าวขามาข้างหน้าฉันจึงรีบถอยหนีทันทีเพื่อเว้นระยะห่าง ก่อนจะบอก “อ๋อมิลินรู้แล้ว ที่ต้องแกล้งทำเป็นรู้สึกเพราะไม่อยากไปฮ่องกงใช่ไหมคะ”“เกี่ยวอะไรกับเรื่องนั้น?” พี่ลีวายขมวดคิ้วถาม“ก็เพราะพี่ลีวายคงอยากให้มิลินไปคุยกับคุณท่านให้”“… ถ้าฉันไม่อยากไป เธอคิดว่าใครจะบังคับได้?”“ถ้าอย่างนั้นก็รีบไปสิ”“ตอนนี้ฉันไม่อยากไปแล้ว… เพราะเธอ” จู่ ๆ บทสนทนาก็เปลี่ยนไป คำตอบของพี่ลีวายทำให้ฉันหยุดชะงักและถอยหนีเขาจนติดกำแพง“เกี่ยวอะไรกับมิลิน ไม่ได้ห้ามสักหน่อย!!”“เพราะฉันคิดว่าตอนนี้ตัวเองกำลังรู้สึกบางอย่างกับเธอ”“…” พี่ลีวายเดินม
หมับ!!! อีกไม่กี่ก้าวก็จะถึงรถอยู่แล้วแต่พี่ลีวายกลับคว้ามือมารั้งแขนฉันไว้ได้ทันซะก่อน ทำให้ต้องถอนหายใจพรืดใหญ่อย่างหงุดหงิด“ปล่อย” ฉันพูดเน้นคำให้ฟังชัด ๆ ด้วยสีหน้าที่จริงจัง ไม่รู้ว่าผีอะไรเข้าสิงคนตรงหน้าถึงได้เหมือนเปลี่ยนไปราวกับคนละคนที่เคยรู้จัก“คุยกันดี ๆ สักครั้งได้ไหม”“คุยกันในฐานะอะไรเหรอคะ”“ผัวเมีย”พี่ลีวายเอ่ยคำนั้นออกมาหน้าตาเฉยทำให้ฉันถึงกับต้องถอนหายใจออกมาอีกครั้ง นี่ฉันแสดงออกไม่ชัดเจนหรอว่าในตอนนี้ไม่ได้รู้สึกดีอะไรกับคำพูดเหล่านั้นอีกแล้วพี่ลีวายถึงดูไม่ออก“พ่อบอกฉันเรื่องแม่ของเธอแล้ว”“เรื่องแม่เหรอคะ?”“อืม เป็นฉันที่เข้าใจผิดมาตลอด แต่จริง ๆ ก็ไม่ใช่ความผิดของฉันทั้งหมดเพราะพ่อไม่เคยอธิบายอะไรเลยต่างหาก”ให้ตายสิ มันเกือบจะดีอยู่แล้วเชียวแต่ก็อย่างว่าพี่ลีวายไม่เคยโทษตัวเองสักครั้ง จริง ๆ ฉันเองก็สงสัยว่าเรื่องของแม่คือยังไงแต่ไม่อยากถามเพราะไม่อยากพูดยืดเยื้อ“กลับไปกับฉันแล้วคุยกันดี ๆ ได้ไหม?” ไม่รู้ว่าสายตาของฉันมองผิดไปหรือเปล่าที่ตอนนี้สายตาคู่นั้นของพี่ลีวายกำลังอ้อนวอนคำตอบจากฉันอยู่“คุยดี ๆ บนเตียงน่ะเหรอคะ คิดเหรอว่ามิลินรู้ไม่ทัน”“ไ
พี่ลีวายคงเห็นว่าฉันกำลังอึ้งกับสิ่งที่เขาพูดก็เลยเอ่ยต่อ แต่นั่นก็ยังทำให้แปลกใจอยู่ดี“ทุกอย่างที่บอกไปฉันพูดมาจากความรู้สึกจริง ๆ”“ขอถามหน่อยได้ไหมคะว่ามิลินจะเชื่อพี่ลีวายได้ยังไง” พอพูดจบพี่ลีวายก็รีบเอ่ยแทรก “เชื่อได้”“มิลินไม่รู้เลยว่าพี่ลีวายมีแผนอะไรในใจหรือเปล่า”“นี่เธอเห็นฉันเป็นคนยังไง”“คนชั่ว นิสัยไม่ดี มิลินเห็นพี่ลีวายเป็นคนแบบนั้นค่ะ” ฉันบอกไปตามสิ่งที่ตัวเองเห็นและรับรู้ได้มาตลอด แต่เหมือนพี่ลีวายจะไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองนั้นร้ายขนาดไหน“ยอมรับว่าตอนนั้นฉันทำไปทั้งหมดเพราะเกลียดเธอและแม่ของเธอ”“…” ฉัยเงียบเพื่อให้พี่ลีวายได้พูด“ฉันคิดมาตลอดว่าแม่ของเธออยากจะแย่งพ่อไปจากแม่ อยากจะมาแทนที่แม่ของฉัน และเธอก็คงอยากจะเอาทุก ๆ อย่างจากพ่อฉัน”“แล้วทำไมถึงเปลี่ยนความคิดคะ บางทีมิลินอาจจะเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ก็ได้”“เพราะเธอทำให้ฉันเปลี่ยน”“ไม่ค่ะ มิลินไม่เคยทำสำเร็จ และตอนนี้ต่อให้พี่ลีวายเปลี่ยนไปแล้ว ก็จงรู้ไว้ว่ามิลินก็เปลี่ยนไปเหมือนกัน”“แล้วถ้าฉันสามารถทำให้เธอกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้?”“ไม่อยากกลับไปเป็นเหมือนเดิมหรอกค่ะ มิลินเหนื่อย”“เมื่อก่อนเธอยังรักฉันได้
พี่ลีวายเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะปล่อยตัวฉันให้เป็นอิสระ แล้วเดินออกมาจากห้องนอน ทำให้ฉันถอนหายใจอย่างโล่งอก เพราะคิดว่าเขาคงยอมกลับไปแล้วแต่!! ทว่าร่างสูงกลับเดินไปนั่งที่โซฟาไม่มีท่าทีว่าจะกลับไปอย่างที่คิดเอาไว้“ไม่กลับเหรอคะ?” ฉันถาม“ดึกแล้วขับรถตอนนี้มันอันตราย” พี่ลีวายใช้ข้ออ้าง ทำให้ฉันถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ “นั่งแกรปกลับไปสิคะ”“ไม่ชอบนั่งรถกับคนแปลกหน้า”“ถ้าอย่างนั้นก็เรียกลูกน้องมารับ”“พวกมันคงนอนกันหมดแล้ว จะไปรบกวนทำไม”ไม่อยากจะคิดว่าคนอย่างพี่ลีวายจะสนใจเวลานอนของลูกน้องด้วย คิดว่าฉันคงดูไม่ออกทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าเขาต้องการจะนอนที่นี่ถึงได้อ้างสารพัด“จำไว้เลยนะคะว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่มิลินจะยอมให้พี่ลีวายเข้ามาในห้อง” ฉันบอกอย่างไม่พอใจ ก่อนจะพูดต่อด้วยอารมณ์ที่หงุดหงิด “ถ้าอย่างนั้นก็เชิญนอนบนโซฟาไปเลยนะคะ”“จะนอนแล้วเหรอ” พี่ลีวายถาม“ทำไมอีกคะ!!”“เปล่า… แค่จะบอกฝันดี… แค่นี้ทำไมต้องหงุดหงิด”ฉันเลือกที่จะหันหลังเดินเข้าห้องนอนโดยไม่ตอบอะไรเพราะรู้สึกเบื่อหน่ายกับการพูดคุย เพราะมันยืดเยื้อเกินไปแล้วจริง ๆ ฉันไม่ได้อยากให้เป็นแบบนี้ ไม่อยากให้พี่ลีวายมานอ
เมื่อเห็นว่าเป็นพี่ลีวายที่มาขวางรถเอาไว้แทนก็หันมามองฉัน ก่อนจะพูด “มีปัญหาอะไรกันก็ไปเคลียร์ก่อนดีไหมครับ”“พี่เคลียร์ไปแล้วแต่เขาไม่จบเอง”“เขาโกรธที่พี่มิลินให้ผมมารับหรือเปล่า”ปัก!!! ฝ่ามือหนาของพี่ลีวายทุบมาบนหน้ากระโปรงรถของแทนขนาดอยู่ด้านในยังเสียงดังสนั่นทำให้ฉันสะดุ้งโหยง“ขอโทษนะแทนที่พี่ทำให้เดือดร้อนอีกแล้ว ไม่คิดว่าเขาจะตามมาแบบนี้” ฉันบอกแทนด้วยใบหน้าที่ซีดเผือดเพราะดึงเขามาเกี่ยวในเรื่องที่ไม่ควร น่าจะคิดให้รอบคอบกว่านี้หน่อย“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิผมไม่โกรธเลยนะครับ”ถึงจะได้ยินแบบนั้นแต่ก็ยังแอบรู้สึกผิดอยู่ดี แต่ทว่าก็ต้องตกใจสะดุ้งโหยงอีกครั้งเมื่อฝ่ามือหนาของพี่ลีวายฟาดลงมาบนกระโปรงรถอีกครั้งที่สอง“ลงไปเคลียร์กับเขาเถอะครับ ผมไม่อยากยุ่ง”“แทน…” ฉันเรียกชื่อแทนพร้อมถอนหายใจออกมาเบา ๆ กลัวเขาจะโกรธเพราะฉันเห็นแทนเป็นน้องชายคนสนิทคนนึงเลย ไม่ได้ตั้งใจจะให้มาเจอเหตุการณ์แบบนี้ด้วย“ผมมีเรียนเช้าถ้าเขามาขวางหน้ารถเอาไว้แบบนี้คงไปไม่ทันแน่ ๆ”“โกรธพี่หรือเปล่า”“ไม่หรอกครับ ผมเข้าใจ”ฉันถอนหายใจอีกครั้งแล้วหันมองพี่ลีวายที่อยู่ตรงหน้ารถ ท่าทางที่กำลังหัวเสียพร้อมปะทะ