ผมมองไอ้คัลเลนอย่างไม่ชอบใจก่อนจะกลับมานั่งดื่มที่โต๊ะ“ไม่ดูต่อ ระวังมีหนุ่มมาจีบนะ” มันพูดแซว แต่ผมก็ยังนิ่ง และทำเหมือนไม่ใส่ใจ “มึงช่วยหุบปากหรือไปไกล ๆ ได้ไหมไอ้คัลเลน!!”“สารภาพกับน้องไปเถอะว่ามึงรู้สึกยังไง”“ไอ้คัลเลน!!!”“เออ ๆ กูจะเงียบ มึงคิดเอาเองก็แล้วกัน”ผมพ่นลมหายใจออกมาแรง ๆ ก่อนจะหันมองไปที่ชั้นล่าง แปลกที่ผู้คนมากมายจนล้นคลับแต่สายตาของผมกลับโฟกัสแค่เธอคนเดียวหรือว่าจะเป็นอย่างที่ไอ้คัลเลนบอก ผมชอบเธออย่างนั้นเหรอวะ!! เป็นไปได้ยังไง“จู่ ๆ เหยื่อก็มาหากูถึงที่”“อะไรของมึง?” ผมมองหน้าไอ้คัลเลนที่กำลังเพ่งสายตามองใครสักคนที่ชั้นล่าง“น้องสาวไอ้เรย์”“เธอมา?”“อืม ไม่คิดว่ามันจะปล่อยให้น้องสาวมาที่นี่”ผมเองก็ไม่คิดว่าคนอย่างไอ้เรย์ที่หวงน้องสาวอย่างกับไข่ในหินจะปล่อยให้น้องมันมาโผล่ที่คลับของพวกผมได้ แบบนี้คงเข้าทางไอ้คัลเลน“แล้วมึงจะทำยังไง?”“น้องสาวมันสวยใช่เล่น กูว่าจะไปทักทายสักหน่อย”“แค่ทักทาย?”ไอ้คัลเลนไหวไหล่อย่างรู้กันกับผม คนอย่างมันคงไม่ใช่แค่ทักทายเพราะในหัวมันคิดเรื่องชั่วมากกว่านั้น“เธอโชคร้ายจริง ๆ ที่เกิดมาเป็นน้องสาวของคนที่ฉันเกลียด” พูด
พี่ลีวายจ้องหน้าฉันครู่หนึ่งก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาแล้วตอบ “ทำไมฉันจะไม่มีหัวใจ”“อ๋อลืมไป พี่ลีวายเคยบอกว่าตัวเองมีหัวใจ แต่ไม่มีพื้นที่ให้กับมิลิน จำได้แล้วค่ะ” ฉันไม่คิดว่าการเอ่ยคำที่พี่ลีวายเลยพูดนั้นเป็นการตอกย้ำตัวเอง จะได้เตือนต่างหากว่าเขาเคยเป็นยังไง“ตอนนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว อย่าทำเป็นดูไม่ออก”“นี่เรียกว่าเปลี่ยนแล้วเหรอคะ มิลินไม่เห็นจะรู้สึกเลย”“… เธอก็แค่ปฏิเสธทั้งที่รู้สึก”“จะบังคับให้มิลินรู้สึกให้ได้เลยใช่ไหมคะ” พี่ลีวายขบกรามแน่นก่อนจะก้าวขามาข้างหน้าฉันจึงรีบถอยหนีทันทีเพื่อเว้นระยะห่าง ก่อนจะบอก “อ๋อมิลินรู้แล้ว ที่ต้องแกล้งทำเป็นรู้สึกเพราะไม่อยากไปฮ่องกงใช่ไหมคะ”“เกี่ยวอะไรกับเรื่องนั้น?” พี่ลีวายขมวดคิ้วถาม“ก็เพราะพี่ลีวายคงอยากให้มิลินไปคุยกับคุณท่านให้”“… ถ้าฉันไม่อยากไป เธอคิดว่าใครจะบังคับได้?”“ถ้าอย่างนั้นก็รีบไปสิ”“ตอนนี้ฉันไม่อยากไปแล้ว… เพราะเธอ” จู่ ๆ บทสนทนาก็เปลี่ยนไป คำตอบของพี่ลีวายทำให้ฉันหยุดชะงักและถอยหนีเขาจนติดกำแพง“เกี่ยวอะไรกับมิลิน ไม่ได้ห้ามสักหน่อย!!”“เพราะฉันคิดว่าตอนนี้ตัวเองกำลังรู้สึกบางอย่างกับเธอ”“…” พี่ลีวายเดินม
หมับ!!! อีกไม่กี่ก้าวก็จะถึงรถอยู่แล้วแต่พี่ลีวายกลับคว้ามือมารั้งแขนฉันไว้ได้ทันซะก่อน ทำให้ต้องถอนหายใจพรืดใหญ่อย่างหงุดหงิด“ปล่อย” ฉันพูดเน้นคำให้ฟังชัด ๆ ด้วยสีหน้าที่จริงจัง ไม่รู้ว่าผีอะไรเข้าสิงคนตรงหน้าถึงได้เหมือนเปลี่ยนไปราวกับคนละคนที่เคยรู้จัก“คุยกันดี ๆ สักครั้งได้ไหม”“คุยกันในฐานะอะไรเหรอคะ”“ผัวเมีย”พี่ลีวายเอ่ยคำนั้นออกมาหน้าตาเฉยทำให้ฉันถึงกับต้องถอนหายใจออกมาอีกครั้ง นี่ฉันแสดงออกไม่ชัดเจนหรอว่าในตอนนี้ไม่ได้รู้สึกดีอะไรกับคำพูดเหล่านั้นอีกแล้วพี่ลีวายถึงดูไม่ออก“พ่อบอกฉันเรื่องแม่ของเธอแล้ว”“เรื่องแม่เหรอคะ?”“อืม เป็นฉันที่เข้าใจผิดมาตลอด แต่จริง ๆ ก็ไม่ใช่ความผิดของฉันทั้งหมดเพราะพ่อไม่เคยอธิบายอะไรเลยต่างหาก”ให้ตายสิ มันเกือบจะดีอยู่แล้วเชียวแต่ก็อย่างว่าพี่ลีวายไม่เคยโทษตัวเองสักครั้ง จริง ๆ ฉันเองก็สงสัยว่าเรื่องของแม่คือยังไงแต่ไม่อยากถามเพราะไม่อยากพูดยืดเยื้อ“กลับไปกับฉันแล้วคุยกันดี ๆ ได้ไหม?” ไม่รู้ว่าสายตาของฉันมองผิดไปหรือเปล่าที่ตอนนี้สายตาคู่นั้นของพี่ลีวายกำลังอ้อนวอนคำตอบจากฉันอยู่“คุยดี ๆ บนเตียงน่ะเหรอคะ คิดเหรอว่ามิลินรู้ไม่ทัน”“ไ
พี่ลีวายคงเห็นว่าฉันกำลังอึ้งกับสิ่งที่เขาพูดก็เลยเอ่ยต่อ แต่นั่นก็ยังทำให้แปลกใจอยู่ดี“ทุกอย่างที่บอกไปฉันพูดมาจากความรู้สึกจริง ๆ”“ขอถามหน่อยได้ไหมคะว่ามิลินจะเชื่อพี่ลีวายได้ยังไง” พอพูดจบพี่ลีวายก็รีบเอ่ยแทรก “เชื่อได้”“มิลินไม่รู้เลยว่าพี่ลีวายมีแผนอะไรในใจหรือเปล่า”“นี่เธอเห็นฉันเป็นคนยังไง”“คนชั่ว นิสัยไม่ดี มิลินเห็นพี่ลีวายเป็นคนแบบนั้นค่ะ” ฉันบอกไปตามสิ่งที่ตัวเองเห็นและรับรู้ได้มาตลอด แต่เหมือนพี่ลีวายจะไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองนั้นร้ายขนาดไหน“ยอมรับว่าตอนนั้นฉันทำไปทั้งหมดเพราะเกลียดเธอและแม่ของเธอ”“…” ฉัยเงียบเพื่อให้พี่ลีวายได้พูด“ฉันคิดมาตลอดว่าแม่ของเธออยากจะแย่งพ่อไปจากแม่ อยากจะมาแทนที่แม่ของฉัน และเธอก็คงอยากจะเอาทุก ๆ อย่างจากพ่อฉัน”“แล้วทำไมถึงเปลี่ยนความคิดคะ บางทีมิลินอาจจะเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ก็ได้”“เพราะเธอทำให้ฉันเปลี่ยน”“ไม่ค่ะ มิลินไม่เคยทำสำเร็จ และตอนนี้ต่อให้พี่ลีวายเปลี่ยนไปแล้ว ก็จงรู้ไว้ว่ามิลินก็เปลี่ยนไปเหมือนกัน”“แล้วถ้าฉันสามารถทำให้เธอกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้?”“ไม่อยากกลับไปเป็นเหมือนเดิมหรอกค่ะ มิลินเหนื่อย”“เมื่อก่อนเธอยังรักฉันได้
พี่ลีวายเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะปล่อยตัวฉันให้เป็นอิสระ แล้วเดินออกมาจากห้องนอน ทำให้ฉันถอนหายใจอย่างโล่งอก เพราะคิดว่าเขาคงยอมกลับไปแล้วแต่!! ทว่าร่างสูงกลับเดินไปนั่งที่โซฟาไม่มีท่าทีว่าจะกลับไปอย่างที่คิดเอาไว้“ไม่กลับเหรอคะ?” ฉันถาม“ดึกแล้วขับรถตอนนี้มันอันตราย” พี่ลีวายใช้ข้ออ้าง ทำให้ฉันถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ “นั่งแกรปกลับไปสิคะ”“ไม่ชอบนั่งรถกับคนแปลกหน้า”“ถ้าอย่างนั้นก็เรียกลูกน้องมารับ”“พวกมันคงนอนกันหมดแล้ว จะไปรบกวนทำไม”ไม่อยากจะคิดว่าคนอย่างพี่ลีวายจะสนใจเวลานอนของลูกน้องด้วย คิดว่าฉันคงดูไม่ออกทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าเขาต้องการจะนอนที่นี่ถึงได้อ้างสารพัด“จำไว้เลยนะคะว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่มิลินจะยอมให้พี่ลีวายเข้ามาในห้อง” ฉันบอกอย่างไม่พอใจ ก่อนจะพูดต่อด้วยอารมณ์ที่หงุดหงิด “ถ้าอย่างนั้นก็เชิญนอนบนโซฟาไปเลยนะคะ”“จะนอนแล้วเหรอ” พี่ลีวายถาม“ทำไมอีกคะ!!”“เปล่า… แค่จะบอกฝันดี… แค่นี้ทำไมต้องหงุดหงิด”ฉันเลือกที่จะหันหลังเดินเข้าห้องนอนโดยไม่ตอบอะไรเพราะรู้สึกเบื่อหน่ายกับการพูดคุย เพราะมันยืดเยื้อเกินไปแล้วจริง ๆ ฉันไม่ได้อยากให้เป็นแบบนี้ ไม่อยากให้พี่ลีวายมานอ
เมื่อเห็นว่าเป็นพี่ลีวายที่มาขวางรถเอาไว้แทนก็หันมามองฉัน ก่อนจะพูด “มีปัญหาอะไรกันก็ไปเคลียร์ก่อนดีไหมครับ”“พี่เคลียร์ไปแล้วแต่เขาไม่จบเอง”“เขาโกรธที่พี่มิลินให้ผมมารับหรือเปล่า”ปัก!!! ฝ่ามือหนาของพี่ลีวายทุบมาบนหน้ากระโปรงรถของแทนขนาดอยู่ด้านในยังเสียงดังสนั่นทำให้ฉันสะดุ้งโหยง“ขอโทษนะแทนที่พี่ทำให้เดือดร้อนอีกแล้ว ไม่คิดว่าเขาจะตามมาแบบนี้” ฉันบอกแทนด้วยใบหน้าที่ซีดเผือดเพราะดึงเขามาเกี่ยวในเรื่องที่ไม่ควร น่าจะคิดให้รอบคอบกว่านี้หน่อย“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิผมไม่โกรธเลยนะครับ”ถึงจะได้ยินแบบนั้นแต่ก็ยังแอบรู้สึกผิดอยู่ดี แต่ทว่าก็ต้องตกใจสะดุ้งโหยงอีกครั้งเมื่อฝ่ามือหนาของพี่ลีวายฟาดลงมาบนกระโปรงรถอีกครั้งที่สอง“ลงไปเคลียร์กับเขาเถอะครับ ผมไม่อยากยุ่ง”“แทน…” ฉันเรียกชื่อแทนพร้อมถอนหายใจออกมาเบา ๆ กลัวเขาจะโกรธเพราะฉันเห็นแทนเป็นน้องชายคนสนิทคนนึงเลย ไม่ได้ตั้งใจจะให้มาเจอเหตุการณ์แบบนี้ด้วย“ผมมีเรียนเช้าถ้าเขามาขวางหน้ารถเอาไว้แบบนี้คงไปไม่ทันแน่ ๆ”“โกรธพี่หรือเปล่า”“ไม่หรอกครับ ผมเข้าใจ”ฉันถอนหายใจอีกครั้งแล้วหันมองพี่ลีวายที่อยู่ตรงหน้ารถ ท่าทางที่กำลังหัวเสียพร้อมปะทะ
Talk ลีวาย#คาสิโน“สรุปมึงจะบอกพวกกูได้หรือยังว่าเรียกพวกกูมาทำไม”“เออ!! มึงเงียบอยู่แบบนี้เกือบจะครึ่งชั่วโมงแล้วนะไอ้ลีวาย”ไอ้คัลเลนและไอ้คาแลนถามผมพร้อมจ้องหน้า ความจริงที่เรียกพวกมันมาเพราะมีเรื่องอยากจะปรึกษาแต่ไม่รู้จะเริ่มพูดยังไง กลัวจะถูกล้อหรือผมควรให้พวกมันกลับไปแล้วคิดหาวิธีเองการง้อผู้หญิงทำไมมันถึงยากเย็นขนาดนี้วะ!!“ไอ้ลีวายสรุปมึงจะไม่พูด?”“ถ้าอย่างนั้นพวกกูกลับ!!” มันสองคนทำท่ากำลังจะลุกขึ้นยืน ผมจึงรีบเอ่ยสิ่งที่อึดอัดภายในใจ“กูอยากให้พวกมึงชวยคิดหาวิธีง้อเมีย”เมื่อพูดคำนั้นออกไปมันสองพี่น้องก็นั่งลงพร้อมจ้องหน้าผมด้วยแววตาที่อยากรู้“เมีย?”“ใครวะ?”“นี่มึงอย่าบอกนะว่าเป็นมิลิน”“อืม”“ฮ่า ๆ เสือตัวนี้สิ้นลายแล้วสินะ” ไอ้คาแลนหัวเราะชอบใจ นี่ไงเหตุผลที่ผมถึงไม่อยากปรึกษาอะไรกับพวกแม่ง“อย่าไปล้อมัน ทำกับเขาไว้เยอะไม่แปลกที่มิลินจะให้มึงเป็นหมาหัวเน่า”“จริง! มึงให้กูตัดคลิปน้องตอนนั้น ถ้ากูเป็นมิลินคงไม่กลับมาเจอคนเหี้ย ๆ อย่างมึงอีก”“กูจะขอคำปรึกษาไม่ใช่ให้พวกมึงมาซ้ำเติม”“พวกกูไม่ได้ซ้ำเติม แต่พวกกูพูกความจริง มึงต้องทำใจ เพราะมึงมันเหี้ยไม่แปลกที่มิลิน
‘… ฉันไม่เคยรู้สึกผิดกับผู้หญิงคนไหนมาก่อนในชีวิตนอกจากเธอ’“เขียนไปแบบนี้เธอจะมองยังไงวะ!”ตอนนี้ผมอยู่ที่ร้านขายดอดไม้สด แน่นอนว่าผมกำลังจะเอามันไปง้อมิลินแต่ไม่รู้ว่าจะเขียนโน้ตยังไงให้เธออ่านแล้วรับรู้ว่า ตอนนี้ผมได้เปลี่ยนไปแล้วสุดท้ายผมก็เขียนแบบนั้นลงไปจริง ๆ หวังว่าวันนี้จะได้เห็นรอยยิ้มของเธอระหว่างทางกลับคอนโดผมแวะที่ซูเปอร์มาร์เก็ตเพื่อซื้อของไปไว้ทำอาหาร แน่นอนว่าผู้ชายอย่างผมนั้นไม่เคยเข้าครัวมาก่อนและไม่รู้วิธีการทำเลย แต่คิดว่าถ้าทำได้เธอต้องใจอ่อนแน่ ๆ ซึ่งพอคิดแบบนั้นก็ทำให้มีแรงผลักดันมาถึงคอนโดผมก็เปิดคลิปสอนทำอาหารวนดูอยู่หลายชั่วโมง จนเริ่มมั่นใจว่าทำตามได้กริ่ง~ ~ผมมองดูที่จอโทรศัพท์เห็นเป็นเบอร์ของพ่อ ก่อนจะหยิบมากดรับสาย“ว่าไงครับ”(แกเตรียมตัวเรียบร้อยหรือยัง ฉันจะกลับไทยอาทิตย์หน้านี้แล้ว)“กำลังทำอาหารอยู่ เอาไว้ว่างผมจะโทรกลับ”(ทำอาหาร? นี่หูฉันไม่ได้ฝาดไปใช่ไหมที่ได้ยินว่าลูกชายของตัวเองกำลังทำอาหารอยู่)“มันแปลกเหรอครับที่ผมจะทำอาหารให้คนที่ตัวเองรักกิน”(ใครกันผู้หญิงที่แกรัก คงไม่ใช่…)“ถูกต้องครับ ผู้หญิงคนนั้นคือมิลิน”(ตอนฉันอยากให้แกแต่งง