พี่ลีวายเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะปล่อยตัวฉันให้เป็นอิสระ แล้วเดินออกมาจากห้องนอน ทำให้ฉันถอนหายใจอย่างโล่งอก เพราะคิดว่าเขาคงยอมกลับไปแล้วแต่!! ทว่าร่างสูงกลับเดินไปนั่งที่โซฟาไม่มีท่าทีว่าจะกลับไปอย่างที่คิดเอาไว้“ไม่กลับเหรอคะ?” ฉันถาม“ดึกแล้วขับรถตอนนี้มันอันตราย” พี่ลีวายใช้ข้ออ้าง ทำให้ฉันถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ “นั่งแกรปกลับไปสิคะ”“ไม่ชอบนั่งรถกับคนแปลกหน้า”“ถ้าอย่างนั้นก็เรียกลูกน้องมารับ”“พวกมันคงนอนกันหมดแล้ว จะไปรบกวนทำไม”ไม่อยากจะคิดว่าคนอย่างพี่ลีวายจะสนใจเวลานอนของลูกน้องด้วย คิดว่าฉันคงดูไม่ออกทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าเขาต้องการจะนอนที่นี่ถึงได้อ้างสารพัด“จำไว้เลยนะคะว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่มิลินจะยอมให้พี่ลีวายเข้ามาในห้อง” ฉันบอกอย่างไม่พอใจ ก่อนจะพูดต่อด้วยอารมณ์ที่หงุดหงิด “ถ้าอย่างนั้นก็เชิญนอนบนโซฟาไปเลยนะคะ”“จะนอนแล้วเหรอ” พี่ลีวายถาม“ทำไมอีกคะ!!”“เปล่า… แค่จะบอกฝันดี… แค่นี้ทำไมต้องหงุดหงิด”ฉันเลือกที่จะหันหลังเดินเข้าห้องนอนโดยไม่ตอบอะไรเพราะรู้สึกเบื่อหน่ายกับการพูดคุย เพราะมันยืดเยื้อเกินไปแล้วจริง ๆ ฉันไม่ได้อยากให้เป็นแบบนี้ ไม่อยากให้พี่ลีวายมานอ
เมื่อเห็นว่าเป็นพี่ลีวายที่มาขวางรถเอาไว้แทนก็หันมามองฉัน ก่อนจะพูด “มีปัญหาอะไรกันก็ไปเคลียร์ก่อนดีไหมครับ”“พี่เคลียร์ไปแล้วแต่เขาไม่จบเอง”“เขาโกรธที่พี่มิลินให้ผมมารับหรือเปล่า”ปัก!!! ฝ่ามือหนาของพี่ลีวายทุบมาบนหน้ากระโปรงรถของแทนขนาดอยู่ด้านในยังเสียงดังสนั่นทำให้ฉันสะดุ้งโหยง“ขอโทษนะแทนที่พี่ทำให้เดือดร้อนอีกแล้ว ไม่คิดว่าเขาจะตามมาแบบนี้” ฉันบอกแทนด้วยใบหน้าที่ซีดเผือดเพราะดึงเขามาเกี่ยวในเรื่องที่ไม่ควร น่าจะคิดให้รอบคอบกว่านี้หน่อย“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิผมไม่โกรธเลยนะครับ”ถึงจะได้ยินแบบนั้นแต่ก็ยังแอบรู้สึกผิดอยู่ดี แต่ทว่าก็ต้องตกใจสะดุ้งโหยงอีกครั้งเมื่อฝ่ามือหนาของพี่ลีวายฟาดลงมาบนกระโปรงรถอีกครั้งที่สอง“ลงไปเคลียร์กับเขาเถอะครับ ผมไม่อยากยุ่ง”“แทน…” ฉันเรียกชื่อแทนพร้อมถอนหายใจออกมาเบา ๆ กลัวเขาจะโกรธเพราะฉันเห็นแทนเป็นน้องชายคนสนิทคนนึงเลย ไม่ได้ตั้งใจจะให้มาเจอเหตุการณ์แบบนี้ด้วย“ผมมีเรียนเช้าถ้าเขามาขวางหน้ารถเอาไว้แบบนี้คงไปไม่ทันแน่ ๆ”“โกรธพี่หรือเปล่า”“ไม่หรอกครับ ผมเข้าใจ”ฉันถอนหายใจอีกครั้งแล้วหันมองพี่ลีวายที่อยู่ตรงหน้ารถ ท่าทางที่กำลังหัวเสียพร้อมปะทะ
Talk ลีวาย#คาสิโน“สรุปมึงจะบอกพวกกูได้หรือยังว่าเรียกพวกกูมาทำไม”“เออ!! มึงเงียบอยู่แบบนี้เกือบจะครึ่งชั่วโมงแล้วนะไอ้ลีวาย”ไอ้คัลเลนและไอ้คาแลนถามผมพร้อมจ้องหน้า ความจริงที่เรียกพวกมันมาเพราะมีเรื่องอยากจะปรึกษาแต่ไม่รู้จะเริ่มพูดยังไง กลัวจะถูกล้อหรือผมควรให้พวกมันกลับไปแล้วคิดหาวิธีเองการง้อผู้หญิงทำไมมันถึงยากเย็นขนาดนี้วะ!!“ไอ้ลีวายสรุปมึงจะไม่พูด?”“ถ้าอย่างนั้นพวกกูกลับ!!” มันสองคนทำท่ากำลังจะลุกขึ้นยืน ผมจึงรีบเอ่ยสิ่งที่อึดอัดภายในใจ“กูอยากให้พวกมึงชวยคิดหาวิธีง้อเมีย”เมื่อพูดคำนั้นออกไปมันสองพี่น้องก็นั่งลงพร้อมจ้องหน้าผมด้วยแววตาที่อยากรู้“เมีย?”“ใครวะ?”“นี่มึงอย่าบอกนะว่าเป็นมิลิน”“อืม”“ฮ่า ๆ เสือตัวนี้สิ้นลายแล้วสินะ” ไอ้คาแลนหัวเราะชอบใจ นี่ไงเหตุผลที่ผมถึงไม่อยากปรึกษาอะไรกับพวกแม่ง“อย่าไปล้อมัน ทำกับเขาไว้เยอะไม่แปลกที่มิลินจะให้มึงเป็นหมาหัวเน่า”“จริง! มึงให้กูตัดคลิปน้องตอนนั้น ถ้ากูเป็นมิลินคงไม่กลับมาเจอคนเหี้ย ๆ อย่างมึงอีก”“กูจะขอคำปรึกษาไม่ใช่ให้พวกมึงมาซ้ำเติม”“พวกกูไม่ได้ซ้ำเติม แต่พวกกูพูกความจริง มึงต้องทำใจ เพราะมึงมันเหี้ยไม่แปลกที่มิลิน
‘… ฉันไม่เคยรู้สึกผิดกับผู้หญิงคนไหนมาก่อนในชีวิตนอกจากเธอ’“เขียนไปแบบนี้เธอจะมองยังไงวะ!”ตอนนี้ผมอยู่ที่ร้านขายดอดไม้สด แน่นอนว่าผมกำลังจะเอามันไปง้อมิลินแต่ไม่รู้ว่าจะเขียนโน้ตยังไงให้เธออ่านแล้วรับรู้ว่า ตอนนี้ผมได้เปลี่ยนไปแล้วสุดท้ายผมก็เขียนแบบนั้นลงไปจริง ๆ หวังว่าวันนี้จะได้เห็นรอยยิ้มของเธอระหว่างทางกลับคอนโดผมแวะที่ซูเปอร์มาร์เก็ตเพื่อซื้อของไปไว้ทำอาหาร แน่นอนว่าผู้ชายอย่างผมนั้นไม่เคยเข้าครัวมาก่อนและไม่รู้วิธีการทำเลย แต่คิดว่าถ้าทำได้เธอต้องใจอ่อนแน่ ๆ ซึ่งพอคิดแบบนั้นก็ทำให้มีแรงผลักดันมาถึงคอนโดผมก็เปิดคลิปสอนทำอาหารวนดูอยู่หลายชั่วโมง จนเริ่มมั่นใจว่าทำตามได้กริ่ง~ ~ผมมองดูที่จอโทรศัพท์เห็นเป็นเบอร์ของพ่อ ก่อนจะหยิบมากดรับสาย“ว่าไงครับ”(แกเตรียมตัวเรียบร้อยหรือยัง ฉันจะกลับไทยอาทิตย์หน้านี้แล้ว)“กำลังทำอาหารอยู่ เอาไว้ว่างผมจะโทรกลับ”(ทำอาหาร? นี่หูฉันไม่ได้ฝาดไปใช่ไหมที่ได้ยินว่าลูกชายของตัวเองกำลังทำอาหารอยู่)“มันแปลกเหรอครับที่ผมจะทำอาหารให้คนที่ตัวเองรักกิน”(ใครกันผู้หญิงที่แกรัก คงไม่ใช่…)“ถูกต้องครับ ผู้หญิงคนนั้นคือมิลิน”(ตอนฉันอยากให้แกแต่งง
สองมือของฉันถูกรวบตึงขึ้นมาเหนือศีรษะ ก่อนที่พี่ลีวายจะบดขยี้จูบหนักหน่วงกว่าเดิม แทบไม่เว้นจังหวะให้หายใจเลย“อื้อ~” เสียงที่เปล่งออกมาในลำคอก็ไม่สามารถทำให้เขาหยุดบ้าได้ปัก!! ไม่รู้จะทำยังไงถึงจะหลุดพ้น ฉันจึงใช้เท้ากระทืบลงไปแรง ๆ บนเท้าของคนตัวสูง เมื่อเขายอมปล่อยก็ตั้งท่าจะหนี แต่ว่ากลับถูกอุ้มขึ้นพาดบ่า“กรี๊ด!!! พี่ลีวายปล่อยนะ”“บอกให้ปล่อยไง ไอ้คนบ้า!!!” ฉันตะโกนเสียงดัง ๆ เพื่อให้ห้องข้าง ๆ ได้ยิน ไม่รู้จะได้ผลหรือเปล่าแต่ก็ยังดีกว่าไม่พยายามทำอะไรเลย“อยู่ใกล้กันแค่นี้จะเสียงดังใส่ทำไม พูดเบา ๆ ฉันก็ได้ยิน”“ได้ยินแล้วทำไมไม่วางมิลินลง”“ได้ยินก็เรื่องนึง ส่วนจะทำตามไหมก็อีกเรื่อง”“ปล่อยเดี๋ยวนี้เลยนะ ไม่อย่างนั้นจะดิ้นจนตกให้ดู”“เอาสิ ทำแบบนั้นก็มีแค่เธอที่เจ็บตัว”พี่ลีวายเป็นอะไรไป จู่ ๆ เขาก็กวนประสาท ทั้งที่ก่อนหน้ายังทำเหมือนสำนึกผิดอยู่เลยแท้ ๆอ๊อด~ เสียงออดหน้าห้องดังขึ้น ทำให้ฉันใจชื้นเพราะการทำเสียงดังคิดว่ามันได้ผล“ใคร?”“จะไปรู้ไหมคะ ปล่อยสิมิลินจะไปเปิดประตู”“เดี๋ยวฉันไปเปิดให้” พูดจบพี่ลีวายก็เดินตรงมาที่ประตูทั้งที่แบกฉันเอาไว้บนบ่าไม่ยอมวางลง “ดะ… เ
“ให้ฉันขับรถไหม?” พี่ลีวายเอ่ยถามโดยไม่ดูสภาพของตัวเองในตอนนี้เลย ขนาดยืนตรงยังโอนเอนไปมาจะขับรถได้ยังไง“ยืนตรงให้ได้ก่อนเถอะค่ะ”“ทำไมไม่ช่วยประคองหน่อย”“ไม่ใช่ธุระของมิลินนี่ แค่ยอมมารับก็มากพอแล้วค่ะ”“จริง ๆ เพราะเธอเป็นห่วงฉันมากกว่า”พี่ลีวายยิ้มกริ่มตาหวานเยิ้ม เขาเดินมาใกล้ ๆ ฉันก่อนจะใช้สองมือโอบที่เอวแล้วเอาหน้าวางลงมาบนไหล่ จากนั้นก็ถอนหายใจออกมา“ฉันพยายามแล้ว แต่มันทำไม่ได้”“ไปขึ้นรถค่ะ” ฉันดันร่างหนาออกอย่างตัดบทสนทนาทำให้พี่ลีวายมองตาละห้อย แต่ก็ยอมเดินไปนั่งในรถง่าย ๆขณะที่กำลังขับรถสายตาหวานเยิ้มของพี่ลีวายก็เอาแต่จ้องมองฉันโดยไม่สนใจสิ่งอื่น เขามองอยู่แบบนั้นจนกระทั่งถึงที่บ้าน“ถึงแล้วค่ะ”“พาฉันขึ้นไปนอนบนห้องได้ไหม”“เดี๋ยวมิลินเรียกลูกน้องของพี่ลีวายมาประคอง… ” ยังพูดไม่จบพี่ลีวายก็รีบเอ่ยแทรก “ฉันอยากให้เธอพาไปมากกว่า”“มิลินง่วงแล้วค่ะ”“นอนกับฉันก็ได้ กว่าจะขับรถกลับมันอันตราย”“ทำไมต้องให้นอนกับพี่ลีวายด้วยละคะ ในเมื่อที่นี่ก็มีห้องของมิลิน”“ฉันทำเป็นห้องเก็บของไปแล้ว”“ว่ายังไงนะ!!”“ไม่เชื่อก็ไปดูเองสิ”แน่นอนว่าฉันไม่เชื่อรีบวิ่งมาดูห้องนอนของตัวเ
ตึกตัก ตึกตัก!ฉันตกใจชะงักเมื่อได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นรัวและแรงของพี่ลีวาย วูบนึงเกิดรู้สึกหวั่นไหวขึ้นมา แต่ฉันก็รีบตั้งสติแล้วดันตัวลุกขึ้นอีกครั้ง“ถ้าอยากให้มิลินนอนที่นี่พี่ลีวายก็ไปนอนที่โซฟาค่ะ”พี่ลีวายยิ้ม ก่อนจะพยักหน้าตอบ “ได้สิ”“ห้ามคิดทำเรื่องบ้า ๆ”“บอกแล้วไงว่าฉันเมาขนาดนี้ ทำอะไรเธอไม่ไหวหรอก”ฉันใช้สายตาเพ่งมองพี่ลีวายอย่างไม่ไว้ใจ คนแบบเขามันเชื่อไม่ได้สักอย่าง บางทีเขาอาจจะสร่างเมาไปแล้วก็ได้ ที่เห็นอยู่ตอนนี้คงเป็นแค่การแสดงถึงแม้การที่ฉันยอมนอนห้องเดียวกับพี่ลีวายมันจะดูเสี่ยงเกินไปหน่อย แต่ก็ไร้ทางเลือก เพราะคนดื้อรั้นอย่างเขาไม่มีทางยอม นิสัยที่ชอบบังคับคนอื่นฉันเจอมาตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้พอถึงเวลานอนฉันก็เดินไปปิดไฟแล้วกลับมาทิ้งตัวลงบนเตียง ท่ามกลางความมืดสนิทและความเงียบสงบ เสียงนึงก็เอ่ยขึ้น“ฉันดีใจนะที่เธอยอมฝืนตัวเองทำแบบนี้”“…” ฉันเลือกที่จะเงียบ เพราะไม่อยากต่อปากต่อคำอะไร สิ่งที่เขาพูดนอกจากจะไม่ทำให้รู้สึกดีแล้ว ลึก ๆ ฉันแอบสะอิดสะเอียนด้วยซ้ำ“ฉันเห็นแก่ตัวไปหรือเปล่าที่อยากจะรั้งเธอไว้” น้ำเสียงของพี่ลีวายดูแผ่วลง ราวกับกำลังตัดพ้อกับตัวเ
Talk ลีวายผมแทบไม่อยากจะเชื่อว่าสิ่งที่ได้ยินเมื่อกี้มันหลุดออกมาจากปากของมิลิน ก้อนเนื้อในอกซ้ายของผมตอนนี้มันปวดหนึบ เหมือนถูกใครมาขยุ้มมันไว้จนยับยู่ยี่“ก็ได้...” ผมก้มหน้าพูดบอกเสียงแผ่ว สองมือกำเข้าหากันแน่น “... ฉันจะพยายามไม่รบกวนเธออีก”“ไม่ใช่แค่พยายามค่ะ แต่ต้องทำให้ได้” พูดขนาดนี้แล้ว แต่มิลินก็ยังใจแข็งกับผมแบบไม่มีท่าทีว่าจะอ่อนลงเลย“ฉันขอโทรหาบ้างได้ไหม?”“ไม่ได้ค่ะ”“แล้ว...”“มิลินขอกุญแจรถค่ะ” เธอพูดแทรกพร้อมกับยื่นมือมาตรงหน้าผม หยดน้ำตามันเอ่อล้นขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัวถึงจะไม่อยากให้กลับ ถึงอยากจะกอดรั้งเอาไว้มากแค่ไหน แต่ผมก็ทำได้แค่หยิบกุญแจยื่นมันคืนให้กับเธอ“ให้ฉันไปส่งไหม สัญญาว่าจะส่งแล้วกลับ ไม่วุ่นวายอะไรเลย”“มิลินกลับเองได้ค่ะ พี่ลีวายนอนพักผ่อนเถอะ”“แต่...”“ไปนะคะ ขอบคุณสำหรับมื้อเช้า” ไม่รอให้ผมได้เอ่ยพูดอะไรอีก ร่างเล็กก็หันหลังเดินจากไปทันทีสายลมจาง ๆ พัดผ่านหน้าผมไปในตอนที่เธอเดินผ่าน ทำเอาหนาวเหน็บไปถึงขั้วหัวใจ ความรู้สึกตอนนี้เหมือนผมถูกทิ้งให้ยืนอยู่ตัวคนเดียวในที่มืด ทุกอย่างเงียบและนิ่ง ภายในหูได้ยินเสียงอู้อี้ ก่อนที่โลกทั้งใบจะถล่มลง