หลังจากงานแฟนมีตติ้งจบสิ้นลง คํ่าคืนต่อมาศิลปินทุกคนก็พากันไปเลี้ยงฉลองที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ขาดก็แต่จาริลกับวินนี่ที่มาสายจนทุกคนคิดว่าจะไม่ยอมมาตามนัดเสียแล้ว สาเหตุที่ทำให้คนเป็นรุ่นพี่มาช้าก็เพราะมัวแต่นอนหลับเพลิน กว่ารุ่นน้องจะมาเรียกเธอหน้าห้องเวลาก็ล่วงเลยมาเกือบชั่วโมงแล้ว ฝ่ายรุ่นน้องทั้งที่ถูกสั่งให้เดินทางมาก่อนกลับไม่ยอมเชื่อฟัง จาริลเลือกที่จะรอรุ่นพี่ทั้งที่แต่ก่อนเขามักจะเป็นฝ่ายที่สายจนทำให้รุ่นพี่ต้องรออยู่เสมอก็ตาม
แต่เขาอาจจะคิดผิดก็ได้ที่รอ ใบหน้าเกลี้ยงเกลาที่ติดจะงัวเงียของหญิงสาวก้าวเดินออกมาจากห้องก่อนที่มันจะแสดงความหงุดหงิดเมื่อเห็นร่างที่นั่งอยู่บนโซฟา “บอกว่าไม่ต้องรอไง” วินตาพูดเสียงกระแทกพร้อมกับเดินผ่านหน้ารุ่นน้องไปอย่างรวดเร็ว จาริลถึงกับหน้าเสียก่อนที่เขาจะเดินตามหลังอีกฝ่ายไปใกล้ๆ ชนิดก้าวต่อก้าว เขาลืมกฎที่ต้องห่างกันสองเมตรไปชั่วคราว และผลของการเดินเข้ามาถึงร้านอาหารช้าเป็นสองคนสุดท้ายก็ทำให้ที่ว่างสองที่ที่เหลืออยู่เป็นของวินตากับจาริลอย่างช่วยไม่ได้ ในขณะที่เฮคเตอร์ แม้นเมือง นั่งตรงข้ามกับวินตาและจาริล ถัดด้วยศิลปินคนอื่นๆ และเวียนมาบรรจบที่วินนี่ตามโต๊ะรูปวงรี วินตาควบคุมตัวเองให้ยิ้มแย้มและร่าเริงเข้าไว้ยามเมื่อได้มาเจอหน้าทุกๆ คน พวกเขาทักทายเพื่อน รุ่นน้องและรุ่นพี่ร่วมค่ายก่อนที่ทั้งสองจะเข้าร่วมการสนทนา จนกระทั่งเกิดประเด็นที่พาให้โยงใยมาถึงจาริลในที่สุด “ไม่อยากเชื่อเลยนะว่าริลจะยังไม่มีแฟน” รีเบคก้าหนึ่งในสมาชิกวงเกิร์ลกรุ๊ปกล่าวขึ้นก่อนจะแสดงความคิดเห็นส่วนตัวออกมา “เหมือนว่าริลจะเฟรนด์ลี่กับผู้หญิงนะ” “จะว่าไปก็อยากมีอยู่นะครับ แฟนน่ะ” คนถูกแซวตอบกลับอย่างทีเล่นทีจริง ส่วนหญิงสาวยังคงกล่าวต่อไป “ดูเหมือนริลจะเทคแคร์ผู้หญิงเก่งจริงๆ นะ คนแบบนี้แหละมักจะถูกมองว่าเจ้าชู้” หญิงสาวเอ่ยขณะกวาดสายตาไปรอบโต๊ะ ฝ่ายจาริลถึงกับหลุดยิ้มออกมาก่อนที่หนึ่งในสมาชิกวงของเธอจะแสดงความคิดเห็นบ้าง “แต่ว่าริลคงไม่เจ้าชู้หรอกใช่ไหม” “เจ้าชู้ไม่เจ้าชู้อันนี้ต้องถามวินนี่” รีเบคก้าเริ่มโยงประเด็นไปยังหญิงสาวอีกคนในวงสนทนา ชัดเจนว่ารายต่อไปที่กำลังจะถูกพูดถึงคือวินตา ผู้หญิงคนเดียวที่อาศัยอยู่ร่วมกับชายหนุ่มทั้งสี่ “เจ้าพวกนี้ไม่มีเรื่องผู้หญิงหรอก” “เพราะมีพี่วินนี่คนเดียวก็พอแล้ว” จาริลเอ่ยขึ้นมาเบาๆ ด้วยท่าทีหยอกเอิน ขณะที่วินตาแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินประโยคที่มีเพียงแต่พวกเขาสองคนที่ได้ยิน “ทำไมคืนนี้พวกมึงกินเหล้าน้อยจังวะ ดูดิ ป่านนี้แล้วยังไม่หมดแก้วเลย” ประโยคนี้ดังขึ้นจาก ต้นรัก หนึ่งในศิลปินเดี่ยวของค่าย เจ้าตัวแปลกใจที่เห็นวินตากับจาริลดื่มน้อยกว่าปกติ ทั้งที่เหล้าเป็นสิ่งที่สองคนนี้ไม่เคยปฏิเสธเวลาอยู่ด้วยกัน “ก็เปล่านะพี่ ผมก็ดื่มเรื่อยๆ แหละ เนี่ย เดี๋ยวก็หมด” จาริลเอ่ยขึ้น วินาทีนั้นวินตาหลุบสายตาลงตํ่า จู่ๆ ประเด็นเรี่องดื่มก็รบกวนจิตใจของเธอและนั่นก็เป็นเพราะเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านพ้นมาไม่นานนี้ “มึงตอนอยู่กลางสเตจต่างกันมากเลยนะจาริล” “ใช่ๆ” รีเบคก้าเห็นด้วยกับต้นรัก “ยังไงเหรอครับ?” “ก็เพราะตอนแสดงริลดูมีเสน่ห์มากกว่าตอนนี้” “ต่างจากที่กูคิดไว้นะเนี่ย คิดว่ารีเบคก้าจะบอกว่าตอนมันแสดงก็ดูเหมือนมันจะเป็นคนดี แต่พอลงจากเวทีแล้วเป็นอีกคน” นาทีนี้วินตาอดคิดไม่ได้ว่าที่รีเบคก้าเอ่ยแซวก็มีส่วนถูก เธอพบว่าจาริลตัวจริงไม่ได้เหมือนกับคนที่ยืนอยู่ท่ามกลางสายตาผู้คนมากมาย คนเหล่านั้นก็แค่เห็นหน้ากากที่จาริลสวมใส่ ส่วนตัวตนที่แท้จริงภายใต้หน้ากากนั้น อีกฝ่ายคือจาริลจอมหลอกลวง ไม่คิดหน้าคิดหลัง มีความลับ และเชื่อมั่นในตัวเองสูงเกินไป มักจะเข้มงวดกับคนอื่นแต่กับตัวเองไม่ชอบให้ใครมาบงการ ทั้งหมดนี้คงพอจะใช้อธิบายความจริงได้หากวินตากล้าพอจะต่อบทสนทนานี้ให้ยืดยาว ทว่าเธอก็ปล่อยให้มันหยุดอยู่แค่ในความคิด “จะว่าไปวินนี่ก็ยังไม่มีแฟนเหมือนกันหนิ” วินตาเงยหน้าขึ้นทันทีเมื่อใครคนหนึ่งเอ่ยถึงเธอ “ก่อนหน้านี้เห็นให้สัมภาษณ์กับสื่อว่าอยากโฟกัสกับงานมากกว่า” คราวนี้เซร่าเพื่อนร่วมวงของรีเบคก้าและเป็นเจ้าของคำถามเมื่อครู่เอ่ยเสริม วินตาพยักหน้าช้าๆ “อื้ม ถ้าถามเราตอนนี้คำตอบก็ยังเหมือนเดิมนั่นแหละ” “แล้วที่วงในเขาลือกันว่าวินนี่แอบกิ๊กกับรุ่นน้องร่วมค่ายล่ะ” “จาริล…” เป็นเธอเองที่เอ่ยพร้อมกับเผลอหันไปมองร่างสูงข้างกาย จาริลหันมามองเธอด้วยความประหลาดใจ “ผมอะนะ?” วินตารีบเบือนใบหน้ากลับมาแล้วเริ่มอธิบายให้ทุกคนฟังในตอนนั้นอย่างเนิบช้าแต่ชัดเจน “ไม่ใช่ครั้งแรกหรอกที่มีคนคิดว่าเรากับริลชอบกันหรือว่าแอบคบกันอยู่ ไม่รู้คนพวกนั้นเขาเห็นเคมีอะไรในตัวพวกเรา” “พี่วินนี่ดีเกินไปสำหรับคนอย่างผมครับ” “เนี่ย ริลมันหยอดสาวแบบนี้ หว่านเสน่ห์โดยไม่รู้ตัว” เซร่าลงความเห็นพร้อมกับส่งยิ้มล้อเลียนอีกฝ่าย “ถ้าแบบนี้ไม่เรียกว่าหว่านเสน่ห์หรอก เราไม่เห็นจะรู้สึกอะไรเลยด้วยซ้ำ” จาริลหันไปจ้องมองคนข้างกายไม่วางตา เขาไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดทีเล่นทีจริงจากรุ่นพี่เช่นนั้น “ไปแซวน้องมัน เดี๋ยวริลก็เสียเซลฟ์หรอก แล้ววินนี่ล่ะ ทำยังไงเวลาเจอคนที่ชอบเหรอจ๊ะ?” เซร่าได้ทีเอ่ยถามต่อโดยครั้งนี้เป้าหมายเปลี่ยนไปเป็นศิลปินหญิงเดี่ยวคนแรกของรุ่น “ก็แค่แสดงความรักออกไปให้คนที่ชอบรับรู้” “ไม่คิดว่าจะเป็นสายบวกแฮะ วินนี่ดูเป็นคนขี้อายอะ” “ถ้าได้เจอคนที่ชอบจริงๆ ก็ไม่อายหรอก แต่จะรีบหาโอกาสใกล้ชิดให้ได้เลย” “ใจกล้าเหมือนกันนะพี่น่ะ” จาริลได้ทีแซววินนี่อย่างมีอารมณ์ขัน “แล้วจะให้พี่ทำยังไงเล่า อย่างน้อยถ้าไม่รีบทำความรู้จัก อาจไม่มีโอกาสครั้งต่อไปให้ได้เจอกันอีกแล้วป้ะ” ยิ่งได้ฟังคนข้างกายก็ส่งยิ้มเอ็นดูให้เธอ “อย่างมึงน่ะไม่ต้องจีบใครก็มีผู้ชายเข้าหา ทุกครั้งที่กูไปกินเหล้ากับพวกมึงห้าคนมันต้องมีผู้ชายมาขอชนแก้วกับมึงทุกครั้ง พวกไอ้แมนเป็นพยายานให้กูได้” วินตาทำได้แค่ยิ้มเป็นคำตอบให้ กรรชิง ศิลปินชายเดี่ยวที่นับว่าได้ว่าสนิทกับเธอและอีกสี่หนุ่มมากที่สุด ก่อนที่เซร่าจะเอ่ยแซวเธออีกครั้ง “วินนี่มีสเน่ห์ก็เพราะความใสซื่อนี่แหละ เอ๊ะ หรือว่าซื่อบื้อดี” ตอนนั้นเองที่จาริลต้องกลั้นขำ วินตาถลึงตาใส่รุ่นน้องข้างกายไปหนึ่งที “วินนี่เนี่ย คือสมบัติของรุ่นเราเลยนะ จะให้ใครมารังแกไม่ได้เด็ดขาด” รีเบคก้า เอ่ยด้วยรอยยิ้มหวาน “พี่เคยโดนผู้ชายในค่ายเราจีบบ้างป้ะ?” น่านฟ้า ศิลปินชายเดี่ยวคนล่าสุดของค่ายเอ่ยถามขึ้นอย่างสงสัย เขาใช้โอกาสที่วินตายังไม่ทันตอบคำถามเอ่ยต่อไปว่า “ต้องมีคนมาแย่งกันจีบพี่แน่เลย” “มันอาจจะไม่เป็นอย่างที่น้องคิดก็ได้นะ” “พี่คนนี้เขาไม่ทันคนหรอก เป็นพวกไม่รู้ตัวเวลามีคนมาจีบน่ะ” อคินออกความเห็นเกี่ยวกับรุ่นพี่คนสนิท “ทำไมพวกน้องคิดว่าพี่ซื่อบื้อขนาดนั้นฮะ!" “พี่วินนี่ดูเป็นคนอินโนเซนท์น่ะค่ะ ดูไม่น่าจะจีบใครเป็นมากกว่า” วินตามองหน้ารุ่นน้องวงเกิร์ลกรุ๊ปที่เอ่ยประโยคนั้น เรื่องที่ อายตา พูดมาเธอยอมรับเพียงส่วนหนึ่ง แต่ที่บอกว่าเธออินโนเซนท์ เธอว่า... เธอก็ไม่ขนาดนั้นสักหน่อย หรือถ้าเธอนั้นอินโนเซนท์จริง วินตาคนนั้นก็คงไม่มีอีกต่อไปแล้ว ในเมื่อเหตุการณ์บางอย่างมันเพิ่งจะสั่งสอนเธอไปหยกๆ นี่เอง ค่ำคืนหนึ่งในบ้านหลังใหญ่ที่ซึ่งเป็นโฮมแชร์ของห้าศิลปินแห่งค่ายเพลงชื่อดัง กลับมีหนึ่งในสมาชิกของบ้านที่ยังนอนไม่หลับ วินตาขยับตัวในความมืดพลางคลำหามือถือขึ้นมาเปิดดูเวลาที่หน้าจอทัชสกรีน ตอนนั้นเองถึงได้รู้ว่าเหลือเวลาอีกไม่กี่นาทีก็จะเข้าสู่วันใหม่ เธอเปิดอ่านข้อความที่ยังไม่ได้อ่านตั้งแต่ช่วงหัวค่ำ มันมาจากพ่อและเพื่อนสนิทเพียงไม่กี่คนที่อวยพรวันเกิดให้กับเธอ ร่างบางพิมพ์ข้อความตอบไปเพื่อขอบคุณสำหรับคำอวยพรและขอให้คุณพ่อของเธอรักษาสุขภาพให้ดีด้วยเช่นกัน ครั้นกดออกจากกล่องข้อความแล้วเข้าไปเลื่อนดูรูปภาพที่ถูกแท๊กชื่อในอินสตาแกรม เธอก็เห็นภาพบรรดาศิลปินในงานแฟนมีตติ้งและอาฟเตอร์ปาร์ตี้ที่ห้องอาหารหลายคืนก่อน ในจำนวนนั้นมีภาพถ่ายขณะพวกเธอกำลังทำการแสดงในคอนเซปต์ของแต่ละกลุ่มไปจนถึงการแสดงบทเพลงของพวกเธอ ภายใต้รูปของแต่ละคนปรากฏจำนวนไลค์และคอมเมนต์ที่ไม่แน่นอน ซึ่งรูปของศิลปินเดี่ยวที่ได้รับการกดไลค์มากที่สุดเป็นอันดับแรกคือเธอ เหมือนอย่างที่มักจะเป็นมาตลอด วินตาคิดถึงช่วงเวลาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนอันนับว่าเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขที่สุดของเธอในวันนี้เลยก็ว่าได้ มันเป็นตอนที่เธอถูกเซอร์ไพรส์วันเกิดล่วงหน้าด้วยเค้กแสนสวยขณะนั่งประชุมอยู่ในห้องมีตติ้งที่มีศิลปินรุ่นของเธออยู่ร่วมกันหลายคน ขณะที่เธอกำลังงงงันกับไฟที่ดับลงไปชั่วขณะ เสียงเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์ก็ดังขึ้นจากพวกของแม้นเมือง รุ่นน้องผู้หญิงที่สนิทกันกับเธอเดินถือเค้กปอนด์ใหญ่เข้ามาให้ เธอได้รับคำอวยพรมากมายจากแฟนคลับและชาวเน็ตมากมายก็จริง แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกดีใจได้เท่ากับคำอวยพรของเฮคเตอร์และพวกน้องๆ เธอยังจดจำวันเกิดในปีที่ก่อนๆ ได้ดี อย่างเช่นก่อนนี้ มันเป็นเพียงการฉลองที่มีเพียงพวกเธอห้าคนเท่านั้น จู่ๆ เฮคเตอร์ จาริล อคิน และแม้นเมืองก็บุกเข้ามาในห้องนอนห้องนี้ตอนเที่ยงคืนกว่าพร้อมกับเค้กที่ทำจากวุ้นทั้งก้อนประดับด้วยเทียนวันเกิดที่จุดไฟสว่างไสว เผลอคิดถึงตรงนี้วินตาก็กลับมารู้สึกแย่อีกครั้งให้กับเรื่องที่จาริลทำผิดต่อเธอ เธอไม่รู้เลยว่าจะเลิกรู้สึกแบบนี้ได้เมื่อไร แต่เธอก็จะพยายามให้อภัยเขา หากจาริลยังพยายามพิสูจน์ให้เห็นว่าตนเองซื่อสัตย์ต่อคำพูดและอดทนทำเพื่อเธอได้มากพอ การสั่งให้จาริลถอยห่างออกไปนั้น เธอรู้ดีว่ามันเป็นเรื่องทรมานใจอีกฝ่ายเพียงใด นัยหนึ่งคำสั่งนี้จึงส่งผลดีต่อเธอเมื่อมันส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของอีกฝ่าย รุ่นน้องไม่อาจรู้หรอกว่าเธอนั้นอยากจะอภัยให้อีกฝ่ายเหลือเกิน วินตาก็แค่คนใจอ่อนที่เฝ้ารอและคอยดูว่าคนที่เธอห่วงใยจะอดทนต่อความเย็นชาของเธอไปได้อีกนานแค่ไหน ความเฉยชาของเธอจะสามารถสั่นคลอนความแข็งแกร่งของจาริลได้หรือไม่ วินตาอยากจะรู้คำตอบ เธออยากเป็นคนที่จะให้บทเรียนอีกฝ่าย บทเรียนที่เธอยังไม่แน่ใจว่ามันจะเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ของพวกเธอให้แน่นแฟ้นหรือแปรเปลี่ยนเป็นตรงกันข้าม หญิงสาวละปลายนิ้วออกจากหน้าจอมือถือหลังสิ้นสุดการพิมพ์ข้อความตอบกลับเป็นประโยคสุดท้าย ในตอนนั้นเองเปลือกตาก็เริ่มปิดลงช้าๆ เมื่อร่างกายเริ่มเรียกร้องการพักผ่อนแต่แล้วหน้าจอมือถือที่ดับลงไปก็ปรากฏแสงสว่างจากการแจ้งเตือนครั้งล่าสุด นิ้วโป้งกดจิ้มลงไปยังหน้าต่างขนาดย่อของโปรแกรมแชทเพื่ออ่านข้อความ อย่างตัดรำคาญ ไหนๆ ก็กำลังจะหลับแล้ว เธอขออ่านมันเป็นข้อความสุดท้ายก็แล้ว กัน ถ้าเป็นข้อความจากไอดีแปลกที่ดูเหมือนมาจากพวกแฟนคลับที่รุกล้ำความเป็นส่วนตัวล่ะก็ เธอจะบล็อกแอคเคาท์ของคนคนนั้นแม้อีกฝ่ายจะทำเพราะชื่นชอบเธอมากก็ตาม ‘พลิกหมอนดูสิครับ’ คนอ่านนิ่งไปชั่วขณะ บังเกิดความสงสัยขึ้นทันทีว่าอีกฝ่ายคิดจะทำอะไรกันแน่ และเพราะความอยากรู้จึงทำให้เธอส่องโทรศัพท์ไปยังหมอนที่นอนหนุนอยู่ เธอค่อยๆ พลิกตัวแล้วยกหมอนใบใหญ่ขึ้นด้วยมือเดียวอย่างไม่ถนัดเท่าไรนัก สิ่งที่พบอยู่เหนือสุดของหมอนหนุนใบนี้คือการ์ดสะสมหายากที่เธออยากได้เมื่อนานมาแล้ว เธอหยิบมันขึ้นมาแล้วพลิกตัวลงนอนพลางเพ่งมองกระดาษโน้ตเล็กๆ ที่สอดอยู่ในซองใสด้านหลังของการ์ดใบนี้ หนึ่งในการ์ด SSR ที่แสนหายาก ไม่คิดว่าจาริลจะจำมันได้ด้วย ‘สุขสันต์วันเกิดอีกครั้งนะครับ’ และนี่ก็คงจะเป็น... ของขวัญที่เธอชอบที่สุดในปีนี้หลังจากงานแฟนมีตติ้งจบสิ้นลง คํ่าคืนต่อมาศิลปินทุกคนก็พากันไปเลี้ยงฉลองที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ขาดก็แต่จาริลกับวินนี่ที่มาสายจนทุกคนคิดว่าจะไม่ยอมมาตามนัดเสียแล้ว สาเหตุที่ทำให้คนเป็นรุ่นพี่มาช้าก็เพราะมัวแต่นอนหลับเพลิน กว่ารุ่นน้องจะมาเรียกเธอหน้าห้องเวลาก็ล่วงเลยมาเกือบชั่วโมงแล้ว ฝ่ายรุ่นน้องทั้งที่ถูกสั่งให้เดินทางมาก่อนกลับไม่ยอมเชื่อฟัง จาริลเลือกที่จะรอรุ่นพี่ทั้งที่แต่ก่อนเขามักจะเป็นฝ่ายที่สายจนทำให้รุ่นพี่ต้องรออยู่เสมอก็ตามแต่เขาอาจจะคิดผิดก็ได้ที่รอใบหน้าเกลี้ยงเกลาที่ติดจะงัวเงียของหญิงสาวก้าวเดินออกมาจากห้องก่อนที่มันจะแสดงความหงุดหงิดเมื่อเห็นร่างที่นั่งอยู่บนโซฟา“บอกว่าไม่ต้องรอไง” วินตาพูดเสียงกระแทกพร้อมกับเดินผ่านหน้ารุ่นน้องไปอย่างรวดเร็วจาริลถึงกับหน้าเสียก่อนที่เขาจะเดินตามหลังอีกฝ่ายไปใกล้ๆ ชนิดก้าวต่อก้าว เขาลืมกฎที่ต้องห่างกันสองเมตรไปชั่วคราว และผลของการเดินเข้ามาถึงร้านอาหารช้าเป็นสองคนสุดท้ายก็ทำให้ที่ว่างสองที่ที่เหลืออยู่เป็นของวินตากับจาริลอย่างช่วยไม่ได้ในขณะที่เฮคเตอร์ แม้นเมือง นั่งตรงข้ามกับวินตาและจาริล ถัดด้วยศิลปินคนอื่นๆ และเวียนมาบรรจบท
“พี่จะใจร้ายกับผมได้ลงคอจริงๆ เหรอ”จาริลเอ่ยอย่างหมดความอดทน ในที่สุดเขาก็ยอมจำนนต่อรุ่นพี่อีกต่อไปไม่ไหว ด้วยบทลงโทษที่เขาจะต้องเป็นฝ่ายถอยห่างอีกฝ่ายไป เขาไม่อาจทนได้ และที่เขาแสร้งทำตัวคุกคามรุ่นพี่อยู่นี้ก็เพื่อให้อีกฝ่ายคิดเปลี่ยนใจหยุดการกระทำของตนซะ เพราะนอกจากเขาจะไม่ยอมเหินห่างอีกฝ่ายแล้ว เขายังพร้อมจะครอบครองอีกฝ่ายด้วย แต่เขาจะไม่ยอมให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง ถ้ารุ่นพี่ยังไม่ยอมเปลี่ยนใจ ถึงเวลานั้นเขาจะหยุดทุกอย่างและยอมแพ้แต่ไม่ใช่ในตอนนี้วินตาดิ้นขลุกขลักอยู่ภายใต้ร่างหนอย่างยากและเหนื่อยกายแต่เธอก็ยังพยายาม เพราะหวังจะชนะอีกฝ่าย เธอไม่อยากเป็นคนที่ถูกเขาไล่ต้อน แม้เธอจะรังเกียจสัมผัสที่ได้จากร่างสูงเพียงใดแต่เธอก็จำต้องตอบรับมันและสนองกลับไปให้เหนือกว่าครู่ต่อมาจาริลก้มลงจูบบดเบียดริมฝีปากของวินตาอย่างรุนแรงมากกว่าในค่ำคืนที่ตนขาดสติ สัมผัสที่รุนแรงและเจ็บปวดนั้นได้ไปจุดชนวนความโกรธของวินตาจนเธอไม่สามารถหยุดการกระทำของตนได้เช่นเดียวกัน ยิ่งจาริลรุกล้ำและเก็บเกี่ยวความหวานจากโพรงปากของเธออย่างเนิ่นนานไม่รู้จักหยุด วินตาก็ล่งผ่านเรียวลิ้นแลกกับค
“แฮ่กๆๆ”เสียงหอบหนักของวินตาดังขึ้นเมื่อริมฝีปากถูกปล่อยให้เป็นอิสระอีกครั้ง แต่อย่าเป็นอิสระเสียยังดีกว่า หากมันจะดึงดูดความสนใจจากร่างสูงไว้ให้หยุดทุกอย่างอยู่เพียงเท่านี้ วินตาก็จะยอมให้อีกฝ่ายจูบต่อให้นานตราบเท่าที่อีกฝ่ายพึงพอใจทว่าการจูบไม่เคยเพียงพอสำหรับจาริล ชายหนุ่มผละกายออกมาก็เพื่อจะเริ่มบรรเลงบทรักที่แท้จริงต่อจากนี้ เขากำลังจะครอบครองเรือนร่างของวินตาในไม่ช้า“ริล... ริลอย่า...” วินตาอ้อนวอนรุ่นน้องด้วยหัวใจที่เต้นแรงด้วยความกลัว นัยน์ตาสีน้ำตาลเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำใสที่เตรียมจะไหลรินได้ทุกเมื่อและในไม่ช้า... มันจะหลั่งไหลลงมาเพราะการกระทำของจาริล“จาริลอย่า... ฮือออ...” หญิงสาวยกแขนข้างหนึ่งขึ้นบิดบังใบหน้า เธอทำใจไม่ได้ที่จะต้องทนเห็นคนที่กำลังทำร้ายเธอจาริลยกขาเปลือยเปล่าของวินตาขึ้นอ้ากว้าง ก่อนจะยัดเอียดความเป็นชายของตนผ่านช่องทางคับแน่นจนไม่สามารถแทรกแก่นกายผ่านเข้าไปได้ร่างบางเม้มริมฝีปากแน่น ใบหน้าเหยเกด้วยความเจ็บปวดที่ไม่ต่างอะไรจากการถูกเศษแก้วบาดเมื่อครู่ แต่ในวินาทีต่อมาเธอก็ได้รู้ว่ามันเจ็บยิ่งกว่าบาดแผลที่ถูกเศษแก้วแทงที่ต้นขาขนาดไหนจาริลพยายามกระแทกก
1 ชั่วโมงก่อนหน้านี้ เสียงเพลงที่ดังอย่างต่อเนื่องด้วยจังหวะเร้าใจนี้กำลังทำให้ ริล หรือ จาริล รู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ ร่างสูงหรือไอดอลที่รู้จักกันในชื่อ ริล รับรู้ถึงจังหวะการก้าวเดินที่ผิดทิศทางไปเล็กน้อย แต่นั่นก็มากพอที่จะเตือนเขาให้รู้ว่าต้องรีบควบคุมตนเองทันใด เพราะยามนี้ชายหนุ่มที่เริ่มส่อเค้าอาการเมากำลังเดินไปตามแรงฉุดของหญิงสาวออกไปจากฟอร์แดนซ์ เธอพาเขาแทรกกายผ่านผู้คนที่เบียดเสียดอยู่ตามโถงทางเดินออกมาอย่างยากลำบาก และเมื่อร่างสูงถูกพามาหยุดยังชานพักบันไดที่ไร้ซึ่งผู้คน ไม่นานหลังจากนั้นริมฝีปากของเขาก็ถูกจู่โจมโดยหญิงสาวแสนสวยตรงหน้าอย่างอดใจไม่ไหว เรียวลิ้นแทรกผ่านโพรงปากของจาริลเข้าไปก่อนอย่างไร้ซึ่งความเขินอาย ทว่าชายหนุ่มนั้นเคลิบเคลิ้มกับเรียวลิ้นหวานได้ไม่นานก็ต้องถึงกับสำลัก เมื่อเรียวลิ้น ชื้นส่งผ่านเม็ดยาบางอย่างเข้ามาในโพรงปากของเขาจนมันลื่นไหลลงคอไปในที่สุด จาริลผละออกมาจากร่างสวยแล้วเอามือจับคอตัวเองด้วยความตระหนก ใบหน้าจ้องมองคนที่กำลังคบหาด้วยสายตาตำหนิ และนั่นเป็นเสมือนคำถามที่ส่งตรงไปให้หญิงสาว เธอคนนั้นยกยิ้มมุมปากอย่างพอใจก่อนจะล้วงเอาบางอย่างออกมาจากกร
“มีสติหน่อยสิ นี่วินนี่นะ นี่พี่วินนี่ไง ไปๆ ขึ้นรถ ไปเดี๋ยวนี้!” วินตาไม่ว่าเปล่า แขนกระชากเสื้อของจาริลให้เดินตามขึ้นรถกลับบ้าน เมื่อผลักร่างสูงเข้าไปนั่งด้านในได้สำเร็จ เธอก็ไม่ลืมคาดเข็มขัดนิรภัยให้กับจาริล เพราะนอกจากอีกฝ่ายจะไม่ยอมหยุดอยู่นิ่งๆ แล้ว เธอกลัวว่าอาจจะถูกก่อกวนระหว่างขับรถจนเกิดอุบัติเหตุ ครั้นคาดเข็มขัดนิรภัยให้รุ่นน้องเรียบร้อยแล้ว เธอก็เข้ามานั่งภายในรถเตรียมตัวเดินทางกลับ ทว่าเสียงผิดคีย์ของจาริลก็ชักจะทำให้คนฟังเริ่มมีน้ำโหขึ้นมาง่ายๆ แต่ละคำที่เขาพูดออกมาช่างน่ารำคาญเสียเหลือเกิน “พี่วินนี่ปล่อย... ปล่อยเซ.... ช่ออยู่ไหน... ช่อฟ้าๆๆๆ” จาริลครํ่าครวญหาคนรักจนคนขับแทบทนฟังไม่ได้ ยิ่งได้ยินเสียงรุ่นน้องก็ยิ่งพาลหงุดหงิดเป็นเท่าตัว ทั้งที่ห่วงแสนห่วงแต่คนข้างๆ ก็ดันทำตัวงี่เง่าจนทำให้เธอโมโหหงุดหงิดอย่างที่ไม่เคยเป็นกับอีกฝ่าย เธอคิดผิดจริงๆ สินะที่ขับรถออกมาซื้อของกินเข้าบ้านพักศิลปิน เพราะถ้าเธอไม่ออกมาในค่ำคืนนี้ เธอก็คงไม่ถูกแมนไหว้วานให้แวะมารับจาริลจอมหลอกลวงคนนี้หรอก “ช่อ ฮือออ... ผมจะไปหาช่อ พี่จะพาผมไปไหน ไม่ปายยยย” “จาริล! เงียบๆ พี่ต้องใช้
ก๊อก ก๊อก ก๊อก... ก๊อก ก๊อก ก๊อก…“แมน...” วินตาเอ่ยชื่อคนที่เธอคาดเดาไว้ พลันความรู้สึกกลัวก็ค่อยๆ คืบคลานเข้ามาท่ามกลางบรรยากาศอันน่าหวาดวิตกหากชายหนุ่มกลับมาแล้ว ตอนนี้คนอื่นๆ ก็คงจะกลับมาถึงด้วยเช่นกัน เธอจะปล่อยให้พวกนั้นเห็นเธอในสภาพนี้ไม่ได้เด็ดขาด“พี่วินนี่ ริลอยู่นั่นไหม?”“รำคาญว่ะ”จาริลบ่นงึมงำขณะโยกสะโพกดันบั้นท้ายของวินตาอย่างเพลิดเพลินไม่สนใจสิ่งใด หากแต่เจ้าของเรือนร่างที่บอบช้ำกำลังร้อนรนและหวาดกลัว หากอีกฝ่ายที่อยู่ข้างนอกนั่นเปิดประตูเข้ามาเห็น เธอกับจาริลจะอธิบายเจ้าพวกนั้นว่าอย่างไรเพราะเรื่องมันน่าอายเกินกว่าจะอธิบายได้ วินตาจึงไม่คิดจะขอความช่วยเหลือจากใครทั้งสิ้น ขอเพียงแค่ทุกคนไม่รู้เรื่องนี้เพียงเท่านั้นมันก็ดีพอแล้วสำหรับเรื่องแย่ที่เกิดขึ้น โชคดีที่จาริลเงียบไม่สนใจสิ่งใดนอกจากการกระทำของตน หากอีกฝ่ายเผลอพูดสิ่งใดที่ไม่สมควรออกมาในยามนี้ล่ะก็ พวกเธอทั้งคู่อาจตกที่นั่งลำบาก“... แมน”“เรียกชื่อใครกัน... ครางต่อสิ หยุดทำไม...” จาริลบ่นเสียงเบาพร้อมกับกลั่นแกล้งร่างบางด้วยการบีบยอดอกทั้งสองข้าง และมันเรียกเสียงครางหวิวจากวินตาได้ผลเป็นอย่างดี“อะ”“พี่วิน
แม้นเมืองจากไปแล้ว แต่ชายที่ยังอยู่อีกหนึ่งคนกลับไม่ยอมลุกขึ้นไปอาบน้ำ ชายหนุ่มไม่มีกระจิตกระใจจะออกไปทำงานด้วยซ้ำ ในหัวของเขายังมีแต่เรี่องที่ทำไว้กับรุ่นพี่จนไม่สามารถหยุดคิดได้จาริลลุกขึ้นนั่งลงบนเตียงของวินตาที่ตั้งอยู่ติดฝาผนัง เขาต้องทำใจอยู่นานกว่าจะรวบรวมความกล้าปลุกอีกฝ่าย ทว่าผลลัพธ์ที่ได้ก็คือความเงียบงันรุ่นพี่ยังคงหลับไม่ตื่นจนจาริลต้องเปล่งเสียงเรียกดังมากขึ้นกว่าเดิมก่อนที่เสียงเรียกชื่อนั้นจะเริ่มดังขึ้นเรี่อยๆ เมื่อร่างบางดูไม่มีทีท่าว่าจะตื่น“พี่วินนี่! พี่วินนี่! พี่วินนี่! ตื่นสิ พี่วินนี่!” จาริลร้อนใจจนต้องจับใบหน้าของรุ่นพี่เพื่อปลุกให้ได้สติฟื้นตื่น ทว่ารุ่นพี่กลับไม่มีวี่แววว่าจะตื่นขึ้นมาแต่อย่างใดชายหนุ่มร้องไห้ น้ำเสียงของเขาเริ่มเปลี่ยนไปเมื่อเรียกชื่ออีกคนมากเท่าไรแต่ฝ่ายนั้นกลับไม่มีทีท่าว่าจะฟื้น เมื่อไม่มีทางเลือกอื่นจาริลจึงตัดสินใจตบแก้มทั้งสองข้างของหญิงสาวเพื่อปลุกอีกฝ่าย และการกระทำครั้งนี้ได้ผลวินตาลืมตาขึ้นเพราะสัมผัสจากฝ่ามือของจาริล“พี่วินนี่” จาริลเรียกชื่อของคนที่ทำให้ใจเขาเต้นแรงด้วยความกลัวอีกครั้ง นัยน์ตาจ้องมองใบหน้าของคนที่กุมชะต
ใบหน้านิ่งสงบไม่บ่งบอกอารมณ์ใดของวินตาเป็นภาพเดียวที่อยู่ในสายตาของจาริลตอนนี้ ก่อนที่มันจะหายไปจากสายตาเมื่อร่างของเขาถูกฉุดกระชากด้วยแรงของใครคนหนึ่งทันทีที่ได้ให้คำตอบ“ผมไม่รู้ แต่คิดว่ามันน่าจะเป็นยาตระกูลยาอีหรืออะไรเทือกๆ นั้น”“ว่าไงนะ!”เป็นเฮคเตอร์ที่กระชากไหล่ของจาริลอย่างแรงจนร่างนั้นเสียหลักเกือบผลัดตกจากเตียงหากไม่ได้แม้นเมืองดึงรั้งไว้วินตาจงใจให้จาริลสารภาพความจริงส่วนหนึ่งความจริงที่ทำเอาทุกคนต่างอึ้งและคาดไม่ถึงว่าเพื่อนของพวกเขาจะทำเช่นนั้น นอกเหนือจากเรื่องเหล้าเบียร์และบุหรี่ ยาเสพติดถือเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่คิดแตะต้อง แต่นึกไม่ถึงว่าหนึ่งในสมาชิกของวงจะพลาดท่าให้กับยาเสพติดก่อนใครเพื่อน ความจริงที่ออกจากปากของจาริลได้สร้างความผิดหวังขึ้นในใจของทุกคน พวกเขาอยากจะตำหนิชายหนุ่มแต่เพราะเห็นแก่พี่สาวคนสำคัญของบ้านผู้เป็นคนเปิดประเด็นสนทนาครั้งนี้ ทุกคนจึงเลือกที่จะเงียบและรอให้รุ่นพี่เอ่ยต่อ แต่จาริลกลับใช้โอกาสนี้โพนทะนาความผิดของตนเองออกมาจน(เกือบ)หมด“ผมรู้สึกเซ็งก็เลยไปหาช่อที่ผับ พอเริ่มเมา ช่อก็ให้กินยาอะไรก็ไม่รู้ จนผมไม่รู้ตัวเลยว่าทำอะไรลงไปบ้าง ผม... ทำพี่วิ
“พี่จะใจร้ายกับผมได้ลงคอจริงๆ เหรอ”จาริลเอ่ยอย่างหมดความอดทน ในที่สุดเขาก็ยอมจำนนต่อรุ่นพี่อีกต่อไปไม่ไหว ด้วยบทลงโทษที่เขาจะต้องเป็นฝ่ายถอยห่างอีกฝ่ายไป เขาไม่อาจทนได้ และที่เขาแสร้งทำตัวคุกคามรุ่นพี่อยู่นี้ก็เพื่อให้อีกฝ่ายคิดเปลี่ยนใจหยุดการกระทำของตนซะ เพราะนอกจากเขาจะไม่ยอมเหินห่างอีกฝ่ายแล้ว เขายังพร้อมจะครอบครองอีกฝ่ายด้วย แต่เขาจะไม่ยอมให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง ถ้ารุ่นพี่ยังไม่ยอมเปลี่ยนใจ ถึงเวลานั้นเขาจะหยุดทุกอย่างและยอมแพ้แต่ไม่ใช่ในตอนนี้วินตาดิ้นขลุกขลักอยู่ภายใต้ร่างหนอย่างยากและเหนื่อยกายแต่เธอก็ยังพยายาม เพราะหวังจะชนะอีกฝ่าย เธอไม่อยากเป็นคนที่ถูกเขาไล่ต้อน แม้เธอจะรังเกียจสัมผัสที่ได้จากร่างสูงเพียงใดแต่เธอก็จำต้องตอบรับมันและสนองกลับไปให้เหนือกว่าครู่ต่อมาจาริลก้มลงจูบบดเบียดริมฝีปากของวินตาอย่างรุนแรงมากกว่าในค่ำคืนที่ตนขาดสติ สัมผัสที่รุนแรงและเจ็บปวดนั้นได้ไปจุดชนวนความโกรธของวินตาจนเธอไม่สามารถหยุดการกระทำของตนได้เช่นเดียวกัน ยิ่งจาริลรุกล้ำและเก็บเกี่ยวความหวานจากโพรงปากของเธออย่างเนิ่นนานไม่รู้จักหยุด วินตาก็ล่งผ่านเรียวลิ้นแลกกับค
หลังจากงานแฟนมีตติ้งจบสิ้นลง คํ่าคืนต่อมาศิลปินทุกคนก็พากันไปเลี้ยงฉลองที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ขาดก็แต่จาริลกับวินนี่ที่มาสายจนทุกคนคิดว่าจะไม่ยอมมาตามนัดเสียแล้ว สาเหตุที่ทำให้คนเป็นรุ่นพี่มาช้าก็เพราะมัวแต่นอนหลับเพลิน กว่ารุ่นน้องจะมาเรียกเธอหน้าห้องเวลาก็ล่วงเลยมาเกือบชั่วโมงแล้ว ฝ่ายรุ่นน้องทั้งที่ถูกสั่งให้เดินทางมาก่อนกลับไม่ยอมเชื่อฟัง จาริลเลือกที่จะรอรุ่นพี่ทั้งที่แต่ก่อนเขามักจะเป็นฝ่ายที่สายจนทำให้รุ่นพี่ต้องรออยู่เสมอก็ตามแต่เขาอาจจะคิดผิดก็ได้ที่รอใบหน้าเกลี้ยงเกลาที่ติดจะงัวเงียของหญิงสาวก้าวเดินออกมาจากห้องก่อนที่มันจะแสดงความหงุดหงิดเมื่อเห็นร่างที่นั่งอยู่บนโซฟา“บอกว่าไม่ต้องรอไง” วินตาพูดเสียงกระแทกพร้อมกับเดินผ่านหน้ารุ่นน้องไปอย่างรวดเร็วจาริลถึงกับหน้าเสียก่อนที่เขาจะเดินตามหลังอีกฝ่ายไปใกล้ๆ ชนิดก้าวต่อก้าว เขาลืมกฎที่ต้องห่างกันสองเมตรไปชั่วคราว และผลของการเดินเข้ามาถึงร้านอาหารช้าเป็นสองคนสุดท้ายก็ทำให้ที่ว่างสองที่ที่เหลืออยู่เป็นของวินตากับจาริลอย่างช่วยไม่ได้ในขณะที่เฮคเตอร์ แม้นเมือง นั่งตรงข้ามกับวินตาและจาริล ถัดด้วยศิลปินคนอื่นๆ และเวียนมาบรรจบท
หลังจากงานแฟนมีตติ้งจบสิ้นลง คํ่าคืนต่อมาศิลปินทุกคนก็พากันไปเลี้ยงฉลองที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ขาดก็แต่จาริลกับวินนี่ที่มาสายจนทุกคนคิดว่าจะไม่ยอมมาตามนัดเสียแล้ว สาเหตุที่ทำให้คนเป็นรุ่นพี่มาช้าก็เพราะมัวแต่นอนหลับเพลิน กว่ารุ่นน้องจะมาเรียกเธอหน้าห้องเวลาก็ล่วงเลยมาเกือบชั่วโมงแล้ว ฝ่ายรุ่นน้องทั้งที่ถูกสั่งให้เดินทางมาก่อนกลับไม่ยอมเชื่อฟัง จาริลเลือกที่จะรอรุ่นพี่ทั้งที่แต่ก่อนเขามักจะเป็นฝ่ายที่สายจนทำให้รุ่นพี่ต้องรออยู่เสมอก็ตามแต่เขาอาจจะคิดผิดก็ได้ที่รอใบหน้าเกลี้ยงเกลาที่ติดจะงัวเงียของหญิงสาวก้าวเดินออกมาจากห้องก่อนที่มันจะแสดงความหงุดหงิดเมื่อเห็นร่างที่นั่งอยู่บนโซฟา“บอกว่าไม่ต้องรอไง” วินตาพูดเสียงกระแทกพร้อมกับเดินผ่านหน้ารุ่นน้องไปอย่างรวดเร็วจาริลถึงกับหน้าเสียก่อนที่เขาจะเดินตามหลังอีกฝ่ายไปใกล้ๆ ชนิดก้าวต่อก้าว เขาลืมกฎที่ต้องห่างกันสองเมตรไปชั่วคราว และผลของการเดินเข้ามาถึงร้านอาหารช้าเป็นสองคนสุดท้ายก็ทำให้ที่ว่างสองที่ที่เหลืออยู่เป็นของวินตากับจาริลอย่างช่วยไม่ได้ในขณะที่เฮคเตอร์ แม้นเมือง นั่งตรงข้ามกับวินตาและจาริล ถัดด้วยศิลปินคนอื่นๆ และเวียนมาบรรจบที่วิน
ใบหน้านิ่งสงบไม่บ่งบอกอารมณ์ใดของวินตาเป็นภาพเดียวที่อยู่ในสายตาของจาริลตอนนี้ ก่อนที่มันจะหายไปจากสายตาเมื่อร่างของเขาถูกฉุดกระชากด้วยแรงของใครคนหนึ่งทันทีที่ได้ให้คำตอบ“ผมไม่รู้ แต่คิดว่ามันน่าจะเป็นยาตระกูลยาอีหรืออะไรเทือกๆ นั้น”“ว่าไงนะ!”เป็นเฮคเตอร์ที่กระชากไหล่ของจาริลอย่างแรงจนร่างนั้นเสียหลักเกือบผลัดตกจากเตียงหากไม่ได้แม้นเมืองดึงรั้งไว้วินตาจงใจให้จาริลสารภาพความจริงส่วนหนึ่งความจริงที่ทำเอาทุกคนต่างอึ้งและคาดไม่ถึงว่าเพื่อนของพวกเขาจะทำเช่นนั้น นอกเหนือจากเรื่องเหล้าเบียร์และบุหรี่ ยาเสพติดถือเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่คิดแตะต้อง แต่นึกไม่ถึงว่าหนึ่งในสมาชิกของวงจะพลาดท่าให้กับยาเสพติดก่อนใครเพื่อน ความจริงที่ออกจากปากของจาริลได้สร้างความผิดหวังขึ้นในใจของทุกคน พวกเขาอยากจะตำหนิชายหนุ่มแต่เพราะเห็นแก่พี่สาวคนสำคัญของบ้านผู้เป็นคนเปิดประเด็นสนทนาครั้งนี้ ทุกคนจึงเลือกที่จะเงียบและรอให้รุ่นพี่เอ่ยต่อ แต่จาริลกลับใช้โอกาสนี้โพนทะนาความผิดของตนเองออกมาจน(เกือบ)หมด“ผมรู้สึกเซ็งก็เลยไปหาช่อที่ผับ พอเริ่มเมา ช่อก็ให้กินยาอะไรก็ไม่รู้ จนผมไม่รู้ตัวเลยว่าทำอะไรลงไปบ้าง ผม... ทำพี่วิ
แม้นเมืองจากไปแล้ว แต่ชายที่ยังอยู่อีกหนึ่งคนกลับไม่ยอมลุกขึ้นไปอาบน้ำ ชายหนุ่มไม่มีกระจิตกระใจจะออกไปทำงานด้วยซ้ำ ในหัวของเขายังมีแต่เรี่องที่ทำไว้กับรุ่นพี่จนไม่สามารถหยุดคิดได้จาริลลุกขึ้นนั่งลงบนเตียงของวินตาที่ตั้งอยู่ติดฝาผนัง เขาต้องทำใจอยู่นานกว่าจะรวบรวมความกล้าปลุกอีกฝ่าย ทว่าผลลัพธ์ที่ได้ก็คือความเงียบงันรุ่นพี่ยังคงหลับไม่ตื่นจนจาริลต้องเปล่งเสียงเรียกดังมากขึ้นกว่าเดิมก่อนที่เสียงเรียกชื่อนั้นจะเริ่มดังขึ้นเรี่อยๆ เมื่อร่างบางดูไม่มีทีท่าว่าจะตื่น“พี่วินนี่! พี่วินนี่! พี่วินนี่! ตื่นสิ พี่วินนี่!” จาริลร้อนใจจนต้องจับใบหน้าของรุ่นพี่เพื่อปลุกให้ได้สติฟื้นตื่น ทว่ารุ่นพี่กลับไม่มีวี่แววว่าจะตื่นขึ้นมาแต่อย่างใดชายหนุ่มร้องไห้ น้ำเสียงของเขาเริ่มเปลี่ยนไปเมื่อเรียกชื่ออีกคนมากเท่าไรแต่ฝ่ายนั้นกลับไม่มีทีท่าว่าจะฟื้น เมื่อไม่มีทางเลือกอื่นจาริลจึงตัดสินใจตบแก้มทั้งสองข้างของหญิงสาวเพื่อปลุกอีกฝ่าย และการกระทำครั้งนี้ได้ผลวินตาลืมตาขึ้นเพราะสัมผัสจากฝ่ามือของจาริล“พี่วินนี่” จาริลเรียกชื่อของคนที่ทำให้ใจเขาเต้นแรงด้วยความกลัวอีกครั้ง นัยน์ตาจ้องมองใบหน้าของคนที่กุมชะต
ก๊อก ก๊อก ก๊อก... ก๊อก ก๊อก ก๊อก…“แมน...” วินตาเอ่ยชื่อคนที่เธอคาดเดาไว้ พลันความรู้สึกกลัวก็ค่อยๆ คืบคลานเข้ามาท่ามกลางบรรยากาศอันน่าหวาดวิตกหากชายหนุ่มกลับมาแล้ว ตอนนี้คนอื่นๆ ก็คงจะกลับมาถึงด้วยเช่นกัน เธอจะปล่อยให้พวกนั้นเห็นเธอในสภาพนี้ไม่ได้เด็ดขาด“พี่วินนี่ ริลอยู่นั่นไหม?”“รำคาญว่ะ”จาริลบ่นงึมงำขณะโยกสะโพกดันบั้นท้ายของวินตาอย่างเพลิดเพลินไม่สนใจสิ่งใด หากแต่เจ้าของเรือนร่างที่บอบช้ำกำลังร้อนรนและหวาดกลัว หากอีกฝ่ายที่อยู่ข้างนอกนั่นเปิดประตูเข้ามาเห็น เธอกับจาริลจะอธิบายเจ้าพวกนั้นว่าอย่างไรเพราะเรื่องมันน่าอายเกินกว่าจะอธิบายได้ วินตาจึงไม่คิดจะขอความช่วยเหลือจากใครทั้งสิ้น ขอเพียงแค่ทุกคนไม่รู้เรื่องนี้เพียงเท่านั้นมันก็ดีพอแล้วสำหรับเรื่องแย่ที่เกิดขึ้น โชคดีที่จาริลเงียบไม่สนใจสิ่งใดนอกจากการกระทำของตน หากอีกฝ่ายเผลอพูดสิ่งใดที่ไม่สมควรออกมาในยามนี้ล่ะก็ พวกเธอทั้งคู่อาจตกที่นั่งลำบาก“... แมน”“เรียกชื่อใครกัน... ครางต่อสิ หยุดทำไม...” จาริลบ่นเสียงเบาพร้อมกับกลั่นแกล้งร่างบางด้วยการบีบยอดอกทั้งสองข้าง และมันเรียกเสียงครางหวิวจากวินตาได้ผลเป็นอย่างดี“อะ”“พี่วิน
“มีสติหน่อยสิ นี่วินนี่นะ นี่พี่วินนี่ไง ไปๆ ขึ้นรถ ไปเดี๋ยวนี้!” วินตาไม่ว่าเปล่า แขนกระชากเสื้อของจาริลให้เดินตามขึ้นรถกลับบ้าน เมื่อผลักร่างสูงเข้าไปนั่งด้านในได้สำเร็จ เธอก็ไม่ลืมคาดเข็มขัดนิรภัยให้กับจาริล เพราะนอกจากอีกฝ่ายจะไม่ยอมหยุดอยู่นิ่งๆ แล้ว เธอกลัวว่าอาจจะถูกก่อกวนระหว่างขับรถจนเกิดอุบัติเหตุ ครั้นคาดเข็มขัดนิรภัยให้รุ่นน้องเรียบร้อยแล้ว เธอก็เข้ามานั่งภายในรถเตรียมตัวเดินทางกลับ ทว่าเสียงผิดคีย์ของจาริลก็ชักจะทำให้คนฟังเริ่มมีน้ำโหขึ้นมาง่ายๆ แต่ละคำที่เขาพูดออกมาช่างน่ารำคาญเสียเหลือเกิน “พี่วินนี่ปล่อย... ปล่อยเซ.... ช่ออยู่ไหน... ช่อฟ้าๆๆๆ” จาริลครํ่าครวญหาคนรักจนคนขับแทบทนฟังไม่ได้ ยิ่งได้ยินเสียงรุ่นน้องก็ยิ่งพาลหงุดหงิดเป็นเท่าตัว ทั้งที่ห่วงแสนห่วงแต่คนข้างๆ ก็ดันทำตัวงี่เง่าจนทำให้เธอโมโหหงุดหงิดอย่างที่ไม่เคยเป็นกับอีกฝ่าย เธอคิดผิดจริงๆ สินะที่ขับรถออกมาซื้อของกินเข้าบ้านพักศิลปิน เพราะถ้าเธอไม่ออกมาในค่ำคืนนี้ เธอก็คงไม่ถูกแมนไหว้วานให้แวะมารับจาริลจอมหลอกลวงคนนี้หรอก “ช่อ ฮือออ... ผมจะไปหาช่อ พี่จะพาผมไปไหน ไม่ปายยยย” “จาริล! เงียบๆ พี่ต้องใช้
1 ชั่วโมงก่อนหน้านี้ เสียงเพลงที่ดังอย่างต่อเนื่องด้วยจังหวะเร้าใจนี้กำลังทำให้ ริล หรือ จาริล รู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ ร่างสูงหรือไอดอลที่รู้จักกันในชื่อ ริล รับรู้ถึงจังหวะการก้าวเดินที่ผิดทิศทางไปเล็กน้อย แต่นั่นก็มากพอที่จะเตือนเขาให้รู้ว่าต้องรีบควบคุมตนเองทันใด เพราะยามนี้ชายหนุ่มที่เริ่มส่อเค้าอาการเมากำลังเดินไปตามแรงฉุดของหญิงสาวออกไปจากฟอร์แดนซ์ เธอพาเขาแทรกกายผ่านผู้คนที่เบียดเสียดอยู่ตามโถงทางเดินออกมาอย่างยากลำบาก และเมื่อร่างสูงถูกพามาหยุดยังชานพักบันไดที่ไร้ซึ่งผู้คน ไม่นานหลังจากนั้นริมฝีปากของเขาก็ถูกจู่โจมโดยหญิงสาวแสนสวยตรงหน้าอย่างอดใจไม่ไหว เรียวลิ้นแทรกผ่านโพรงปากของจาริลเข้าไปก่อนอย่างไร้ซึ่งความเขินอาย ทว่าชายหนุ่มนั้นเคลิบเคลิ้มกับเรียวลิ้นหวานได้ไม่นานก็ต้องถึงกับสำลัก เมื่อเรียวลิ้น ชื้นส่งผ่านเม็ดยาบางอย่างเข้ามาในโพรงปากของเขาจนมันลื่นไหลลงคอไปในที่สุด จาริลผละออกมาจากร่างสวยแล้วเอามือจับคอตัวเองด้วยความตระหนก ใบหน้าจ้องมองคนที่กำลังคบหาด้วยสายตาตำหนิ และนั่นเป็นเสมือนคำถามที่ส่งตรงไปให้หญิงสาว เธอคนนั้นยกยิ้มมุมปากอย่างพอใจก่อนจะล้วงเอาบางอย่างออกมาจากกร
“แฮ่กๆๆ”เสียงหอบหนักของวินตาดังขึ้นเมื่อริมฝีปากถูกปล่อยให้เป็นอิสระอีกครั้ง แต่อย่าเป็นอิสระเสียยังดีกว่า หากมันจะดึงดูดความสนใจจากร่างสูงไว้ให้หยุดทุกอย่างอยู่เพียงเท่านี้ วินตาก็จะยอมให้อีกฝ่ายจูบต่อให้นานตราบเท่าที่อีกฝ่ายพึงพอใจทว่าการจูบไม่เคยเพียงพอสำหรับจาริล ชายหนุ่มผละกายออกมาก็เพื่อจะเริ่มบรรเลงบทรักที่แท้จริงต่อจากนี้ เขากำลังจะครอบครองเรือนร่างของวินตาในไม่ช้า“ริล... ริลอย่า...” วินตาอ้อนวอนรุ่นน้องด้วยหัวใจที่เต้นแรงด้วยความกลัว นัยน์ตาสีน้ำตาลเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำใสที่เตรียมจะไหลรินได้ทุกเมื่อและในไม่ช้า... มันจะหลั่งไหลลงมาเพราะการกระทำของจาริล“จาริลอย่า... ฮือออ...” หญิงสาวยกแขนข้างหนึ่งขึ้นบิดบังใบหน้า เธอทำใจไม่ได้ที่จะต้องทนเห็นคนที่กำลังทำร้ายเธอจาริลยกขาเปลือยเปล่าของวินตาขึ้นอ้ากว้าง ก่อนจะยัดเอียดความเป็นชายของตนผ่านช่องทางคับแน่นจนไม่สามารถแทรกแก่นกายผ่านเข้าไปได้ร่างบางเม้มริมฝีปากแน่น ใบหน้าเหยเกด้วยความเจ็บปวดที่ไม่ต่างอะไรจากการถูกเศษแก้วบาดเมื่อครู่ แต่ในวินาทีต่อมาเธอก็ได้รู้ว่ามันเจ็บยิ่งกว่าบาดแผลที่ถูกเศษแก้วแทงที่ต้นขาขนาดไหนจาริลพยายามกระแทกก