เวลาเกือบเที่ยงแล้วที่บัวชมพูช่วยแม่บ้านจัดเตรียมสำรับอาหารไว้เพื่อรอพ่อเลี้ยงหนุ่มที่เข้าไปทำธุระในเมืองพร้อมกับคำแก้ว ลูกสาวของคำมีซึ่งเป็นแม่ครัวที่ช่วยเตรียมอาหารให้แม่เลี้ยงคนใหม่
“แม่เลี้ยงจะทานก่อนไหมคะ...นี่ก็เที่ยงแล้ว ไม่รู้ว่าพ่อเลี้ยงกับคำแก้วจะกลับกันมาตอนไหน”
คำมีเสนอความเห็นขณะชะเง้อมองออกไปด้านนอกระเบียงของเรือนไม้สัก หญิงวัยห้าสิบต้น ๆ หันมายิ้มกับหญิงสาวซึ่งเป็นเจ้านายของนางอีกคนซึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะที่มีอาหารวางเรียงรายด้วยความเป็นมิตรไมตรี
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะคำมี บัวค่อยกินพร้อมพ่อเลี้ยงก็ได้”
“ป้าไม่แน่ใจว่าพ่อเลี้ยงกับคำแก้วจะกลับมาตอนไหนนะซีคะ แม่เลี้ยงพึ่งเข้ามาอยู่ที่นี่ต้องเข้าใจพ่อเลี้ยงหน่อยนะคะ เพราะเธอมีงานของเธอมากจริง ๆ “
“ค่ะ ป้า...บัวคิดว่าบัวอยู่ที่นี่ได้ค่ะ ที่ปางไม้นี่บรรยากาศดีมาก อืม...ไม่ทราบว่าแถวนี้มีที่สวย ๆ อย่าง...เอ้อ...”
“น้ำตก...อะไรอย่างนี้นะหรือคะ?”
คำมีนำเสนอและบัวชมพูก็พยักหน้าในทันที
“ค่ะ...น้ำตก หรือสถานที่สงบ ๆ เพราะบัวเห็นว่ามันเป็นป่าร่มรื่น น่าจะมีที่สวย ๆ น่าเที่ยว”
“ถ้าอย่างนั้นป้าก็จะขอแนะนำให้แม่เลี้ยงลองไปเที่ยวที่น้ำตกชายป่าด้านโน้นค่ะ”
คำมีชี้มือชี้ไม้ไปยังแนวป่าอีกฝั่งซึ่งเห็นอยู่ไม่ไกลจากเรือนไม้สัก บัวชมพูมองตามก่อนจะถามขึ้น
“เข้าไปลึกไหมคะป้า?”
“ไม่หรอกค่ะ เวลาพวกเราว่างจากงานที่นี่ก็จะเข้าไปพักผ่อนกันที่นั่น แต่ช่วงนี้งานเยอะเลยไม่ค่อยมีคนเข้าไปที่นั่นสักเท่าไหร่ มันเป็นน้ำตกที่อยู่ในเขตปางไม้ของพ่อเลี้ยง ไม่ค่อยมีคนนอกเข้าไปยุ่งย่ามสักเท่าไหร่หรอกค่ะ”
บัวชมพูพยักหน้าขณะรับฟังคำอธิบายของแม่บ้าน หญิงสาวเกิดความคิดอะไรขึ้นมาบางอย่างเมื่อสายตาคู่งามเหลือบไปเห็นรถจิ๊บคันเล็กซึ่งจอดอยู่หน้าเรือนไม้
“แล้วถ้าบัวจะลองไปเที่ยวที่นั่นล่ะคะป้า...มันเข้าไปไม่ไกล เอารถเข้าไปได้ใช่ไหมคะ?”
คำมีเลิกคิ้ว “อ๋อ...ค่ะ แม่เลี้ยง...น้ำตกนั่นเข้าไปไม่ลึกมากหรอกค่ะ มีทางรถวิ่งเข้าไปได้ ว่าแต่...แม่เลี้ยงจะไปเมื่อไหร่หรือคะ?”
“บัวจะไปตอนนี้เลยค่ะ”
“อ้าว...แม่เลี้ยง!”
คำมีร้องออกมาเมื่อเจ้าของร่างบางเดินกลับเข้าไปในบ้านและออกมาพร้อมกับชุดใหม่ นั่นคือเสื้อเชิ้ตและกางเกงรัดรูปดูทะมัดทะแมง
“เอ้อ...แม่เลี้ยงจะไปที่น้ำตกอย่างนั้นหรือคะ...แล้ว..แม่เลี้ยงจะไปยังไงคะ?”
คำมีละล่ำละลักถาม สีหน้าบอกความประหลาดใจที่เห็นเจ้านายคนใหม่ของนางตัดสินใจเร็วปานลมพัด
“บัวจะเอารถจิ๊บเข้าไปเองค่ะ”
บัวชมพูไม่พูดพล่ามทำเพลง ร่างแน่งน้อยเดินลิ่วตรงไปยังรถจิ๊บที่จอดอยู่หน้าเรือนไม้สัก หญิงสาวยิ้มออกมาได้เมื่อไปถึงรถคันนั้นเพราะโชคดีที่ข้างพวงมาลัยมีกุญแจเสียบคาอยู่
“แม่เลี้ยงคะ...เอ้อ...ให้คนของพ่อเลี้ยงขับรถไปให้ดีกว่านะคะ”
“ไม่ต้องหรอกค่ะป้า” กล่าวพลางก้าวขึ้นนั่งหลังพวงมาลัยและสตาร์ทรถเสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่ม
“ป้าว่า...แม่เลี้ยงคอยพ่อเลี้ยงก่อนดีไหมคะ?”
“อย่าเลยค่ะป้า...บัวไม่อยากรบกวนเขา ซีนิธมีงานล้นมืออยู่แล้ว บัวก็แค่อยากเข้าไปเที่ยวชมน้ำตกในป่านั่นสักแป๊บนึงเท่านั้นล่ะค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้น สัญญากับป้านะคะว่าแม่เลี้ยงจะไม่เข้าไปเที่ยวนาน ถ้าอยากจะเล่นน้ำก็ค่อยชวนพ่อเลี้ยงเข้าไปวันหลัง”
บัวชมพูเพียงแต่ยิ้มให้โดยไม่กล่าวอะไรก่อนจะเข้าเกียร์และพารถจิ๊บทะยานออกไปโดยมีสายตาเป็นห่วงเป็นใยของคำมีมองตามหลัง แม้จะยังบังคับรถไม่ชำนาญมากเท่าไหร่แต่หญิงสาวก็พารถจิ๊บคันเก่าเข้าไปตามเส้นทางเล็ก ๆ ที่ลัดเลาะเข้าไปตามแนวชายป่าซึ่งเธอคิดว่าน่าจะเป็นทางรถยนต์แล่นเข้าไปถึงน้ำตก
ที่คำมีบอกเธอว่าน้ำตกนั่นอยู่ไม่ไกล หญิงสาวชักไม่แน่ใจเพราะพารถจิ๊บแล่นเข้าไปไกลโข แต่เธอก็แน่ใจว่านี่น่าจะเป็นเส้นทางเข้าไปถึงน้ำตก เพราะเป็นเส้นทางที่ไม่รกและอนุมานได้ว่าน่าจะเป็นเพราะมีคนเข้าออกอยู่บ่อย ๆ
แล้วรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าแสนสวยเมื่อเธอเห็นสายน้ำสาดซ่าลงมาในแอ่งอยู่ไม่ไกล บัวชมพูจอดรถลงที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ เธอเห็นน้ำตกอันร่มรื่นจนได้แม้ว่าจะขับรถเข้ามาอย่างทุลักทุเล
ร่างแน่งน้อยลงจากรถแล้วเดินไปดูที่น้ำตก มันเป็นน้ำตกขนาดไม่ใหญ่นักและสงบเงียบ ไม่มีใครเข้ามาในนี้จริงอย่างที่คำมีบอกไว้ หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองบนท้องฟ้าก็รู้ว่าเป็นเวลาเลยเที่ยงมายังไม่มาก
ร่างบอบบางถอดรองเท้าผ้าใบตั้งไว้บนรากต้นไม้ริมแอ่งน้ำและลงไปนั่งแช่เท้าเล่นในน้ำ สักครู่เธอก็ถอนหายใจออกมาด้วยความหดหู่เมื่อนึกถึงสามีที่วันนี้ซึ่งเป็นวันที่สองของการแต่งงานเขายังทำบึ้งตึง แตกต่างจากศาสตรา สามีของเธอเมื่อคืนที่เขาเชยชมร่างกายของเธอด้วยความเสน่หา
บัวชมพูค่อย ๆ หยัดตัวลุกขึ้นจากที่ตรงนั้นก่อนจะเดินเลียบไปบนทางน้ำตื้น ๆ และแทรกตัวลัดเลาะเถาวัลย์เล็ก ๆ เข้าไปหลังน้ำตก ภายในนั้นเงียบสงบและปลีกวิเวกจากเรื่องไม่สบายใจทั้งปวง
หญิงสาวนั่งลงบนลานหินและกอดเข่าร้องไห้ เธอนึกถึงครอบครัวขึ้นมาจับใจ และคนที่เธออดจะนึกถึงไม่ได้คือพี่สาวของเธอ บัวชมพูเผลอร้องไห้ออกมา เสียงสะอึกสะอื้นและหยดน้ำตาเหมือนถูกแอบซ่อนไว้เบื้องหลังม่านน้ำตก แต่แล้วหญิงสาวก็ต้องรีบถอนสะอื้นเมื่อได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้นเบื้องหลัง
“บัว”
บัวชมพูรีบปาดน้ำตาและหันไปมองก็พบเจ้าของร่างสูงใหญ่ภายใต้เสื้อยืดคอกลมและกางเกงเดนิมยืนห่างจากเธอไปเพียงไม่กี่ก้าว หญิงสาวแสดงอาการตระหนกเล็กๆออกมาก่อนจะรีบทำสีหน้าให้เป็นปกติ ศาสตราก้าวเข้ามาหาและมองเธอด้วยแววตาที่บอกว่าเขาเป็นกังวล “บัว...คุณทำผมตกใจแทบแย่รู้มั้ย ตอนที่ผมกลับมาถึงก็พบป้าคำมีแกบอกว่าคุณขับรถจิ๊บมาที่น้ำตกคนเดียวผมเลยรีบตามมา” “ขอโทษด้วยนะคะซีนิธ ฉันคิดว่าคุณเข้าไปทำธุระในเมืองกับคำแก้วแล้วจะกลับมาเย็น ๆ ค่ำๆ เสียอีก” “งานที่ปางไม้มีออกเยอะแยะ ผมจะไปที่ไหนนาน ๆ ได้ยังไง ว่าแต่คุณเถอะ นึกยังไงถึงมาที่น้ำตกนี่คนเดียว” “ฉันอยากมาพักผ่อนค่ะ...ขอโทษอีกครั้งนะคะที่ทำให้คุณเป็นห่วง ฉันกำลังจะกลับอยู่นี่ล่ะค่ะ”
“บัว” ศาสตราถอนริมฝีปากออกแต่ยังกอดร่างบอบบางไม่ยอมปล่อย “วันนี้คุณคงหึงผมใช่มั้ย ตอนผมเข้าไปในเมืองกับคำแก้ว”บัวชมพูหรุบเปลือกตาลงต่ำเพื่อหลบสายตาคู่คม น้ำตาของเธอเหือดแห้งไปพร้อมกับความเอียงอาย ผิวหน้าเนียนสวยแดงซ่านเมื่อชายหนุ่มตั้งคำถามแบบนั้น“หึงอะไรคะ...บัวไม่ได้หึงคุณสักหน่อย”“เมียจ๋า” ศาสตราเรียกเสียงอ่อนหวาน “ถ้าคุณไม่หึงคงไม่หนีมาที่น้ำตกนี่คนเดียวหรอกใช่มั้ย”“บัวอยากมาเที่ยวต่างหากล่ะคะ ไม่เกี่ยวกับคุณเสียหน่อย”หญิงสาวเม้มปากแน่น พอเขาหวานใส่ก็ทำให้เธอลืมความเจ็บใจที่เขาเข้าไปในเมืองกับผู้หญิงอีกคน“ผมไม่เชื่อหรอกนะ ว่าคุณไม่หึง ไม่โกรธผม”“แล้วจะให้บัวทำยังไงล่ะคะ คุณถึงจะเชื่อว่าบัวไม่ได้โกรธคุณ”
“ไงล่ะ...”เขายิ้มขณะที่ต่างกอดกันและกันเหมือนจะแนบแน่นกว่าทุกครั้ง “คราวนี้เราก็เสมอกันแล้วซีนะ” “บัวไม่ได้มาแข่งแก้ผ้ากับคุณนะคะซีนิธ นี่ถ้าเกิดใครมาเห็นเข้าเขาคงจะเอาไปพูดกันสนุกปาก” ศาสตราก้มลงจูบแก้มนวลแรง ๆ ก่อนพูด “ช่างเขาปะไร ใครจะว่ายังไงก็ช่าง ผัวเมียจะรักกันท่ามกลางธรรมชาติ มันโรแมนติกออกจะตายไป คุณว่าอย่างงั้นมั้ยบัว?” เขาถามแล้วหรี่ตามองหญิงสาว บัวชมพูสบตากับเขาแล้วรีบหลบสายตาคมคู่นั้นแต่ก็ดูเหมือนเขาจะรู้ทันเธอไปเสียทุกอย่าง “ว่ายังไงล่ะ”ศาสตรากระซิบถามพลางเบียดความกำยำบึกบึนเข้าหาร่างเล็ก แท่งทองกลางลำตัวของเขาที่กำลังแข็งขึงเสียดส
เอวคอดกิ่วนั่นก็เย้ายวนนัก เขาอยากจับสะโพกของหญิงสาวแล้วแยกเรียวขาของเธอออกเสียให้รู้แล้วรู้รอด กระแทกตัวเขาเข้าไปในซอกขา แต่ศาสตราก็อดทนทั้งที่อยากร่วมรักกับเมียของเขาแทบบ้าบัวชมพูไม่ได้แค่ลองลิ้มชิมตัวเขา แต่เธอยังลูบไล้ฝ่ามือไปตามมัดกล้ามบนลำแขนแข็งแกร่ง ลำตัวด้านข้างของเขา กระทั่งหญิงสาวคุกเข่าลงเมื่อใบหน้าสวยหวานเลื่อนต่ำลงเรื่อย ๆหญิงสาวถอนหายใจเบา ๆ เมื่อใบหน้าแสนสวยเผชิญอยู่ตรงกลางลำตัวของเขา เจ้าของร่างสูงใหญ่กำยำเปล่าเปลือยที่ยืนอยู่ตรงหน้าแยกขาออกเล็กน้อย บัวชมพูช้อนตามองสามีของเธอและเลียริมฝีปากที่แห้งผากเมื่อเธอเห็นความอลังการผงาดง้ำอยู่ต่อหน้าเธอเมื่อคืนนี้เธอก็เห็นมันมาครั้งหนึ่งแล้ว สัญลักษณ์บอกความเป็นชาย ความแข็งแกร่งของบุรุษเพศ แต่วันนี้เธอกลับไม่รู้สึกเหนียมอายอย่างเมื่อคืนอีกต่อไปตรงข้ามเหมือนมีบางอย่างกระตุ้นความรู้สึกของเธอให้ตื่นตัวเต็มที่ รับรู้ถึงความอลังการ ความใหญ่โตของแท่งทองที่จะทำให้เธอหฤหรรษ์ แท่งเนื้อขนาดใหญ่ใจกลางตัวเขาที่ผงาดลำ เต็มไปด้วยเส้นเอ็นปูดโปนน่าตื่นใจ ส่วนปลายเรียบสีแดงก่ำเบ่งบานและช่างเร่าร้อน ความชุ่มฉ่ำห
“อา...อา...ซี๊ด...เสียวเหลือเกินบัว...โอว...คุณเยี่ยมมาก...เยี่ยมมากจริง ๆ “ศาสตราแหงนหน้าและหลายครั้งก็อดไม่ได้ที่จะก้มลงมองปากของหญิงสาวที่กลืนแท่งทองของเขาไว้เต็มลำจนกระพุ้งแก้มของหญิงสาวโป่งพอง พ่อเลี้ยงหนุ่มไม่สนใจอีกต่อไปแล้วว่าเขากับบัวชมพูกำลังทำอะไร อยู่ที่ไหนในตอนนี้เสียงน้ำตกสาดซ่าก็ไม่อาจกลบเสียงครวญครางของชายหนุ่มที่ดังออกมาเหมือนความสุขสมกำลังถาโถมเข้าหาเขาจนรับแทบไม่ทัน ร่างสูงสั่นสะท้าน ไม่นึกเลยว่า เมียมือใหม่ ของเขาจะเก่งกาจมากถึงขนาดนี้“ซี๊ด...อา...ซี๊ด...บัวจ๋า...แรงอีกหน่อย...ที่รัก...แรงอีก...อา...อา...ซี๊ด...อูว...อูว”สะโพกหนาขยับไปตามกลีบปากที่เลื่อนเข้าและออก บัวชมพูไม่ได้แค่ทำให้เขาเสียวสยิวไปทุกอณูขุมขน แต่หญิงสาวยังปลุกไฟร้อนในตัวเขาจนลุกโพลง ทำให้เขาปั่นป่วนกับลีลาการดูดกลืนท่อนลำแข็งขันด้วยริมฝีปากที่กดแน่นขณะรูดรึงและลิ้นน้อยแสนซุกซนที่ไล้รัวลงบนแท่งทองไปพร้อมกันด้วย“โอย...บัว...บัวจ๋า...ซี๊ด...โอย”ศาสตราครางออกมาเหมือนกับเขาจะขาดใจ ทุกครั้งที่บัวชมพูกลืนเขาเข้าไปจนเต็ม
“ซี๊ด...อา...พ่อเลี้ยงขา...ช่วยบัวด้วยค่ะ”หญิงสาวจับสายเถาวัลย์เหนือศีรษะของเธอไว้แน่น ส่ายสะโพกไปมาและยวนยั่วสายตาของเขาด้วยทรวงอวบใหญ่ ศาสตราเลียริมฝีปากตัวเองและก้มลงไปหาดอกบัวคู่มหึมาทั้งสอง ดูดกลืนยอดปทุมถันพร้อมทั้งสอดแขนเข้าไปใต้เรียวขาข้างหนึ่ง ยกมันขึ้นพาดไว้บนสะโพกของเขา“อูย...พ่อเลี้ยงขา...อูย...ซี๊ด...ซี๊ด...อ๊า...อ๊า...ซี๊ด”บัวชมพูครางซี๊ดซ๊าดเสียงดังโดยไม่กลัวว่าใครจะมาได้ยินอีกต่อไป หญิงสาวจับเถาวัลย์เส้นนั้นไว้มั่น เธอเหมือนนักโทษถูกลงทัณฑ์ แต่เป็นนักโทษที่ถูกลงโทษด้วยลีลาพิศวาสของพ่อเลี้ยงหนุ่มลูกครึ่งผู้หล่อเหลาที่ทำให้เสียวซ่านเข้าไปถึงทรวง“บัว...อืม...อูว...อูว”ครางไปด้วยพร้อมทั้งดูดกลืนเม็ดอัญมณีสีสวยจนรอบ ๆ เป็นสีแดงก่ำ ศาสตราเลื่อนมือไปลูบไล้บนก้นกอยหนั่นแน่น แทรกปลายนิ้วเข้าไปที่ร่องแคบระหว่างสองแก้มก้น เสียดสีนิ้วแกร่งกับกลีบนุ่มจากด้านหลัง“ซี๊ด...อ๊า...ซี๊ด...พ่อเลี้ยงขา...บัวเสียวค่ะ...”บัวชมพูแหงนหน้าและหายใจหอบเมื่อถูกจู่โจมด้วยปากของศาสตราที่ไล้เลียอย
บัวชมพูครางเสียงแหบพร่า ความสุขพ้นผ่านไปแล้วแต่ก็ดูเหมือนว่ามันยังไม่เพียงพอสำหรับเธอ และศาสตราก็รู้ว่าถึงเวลาที่เขาจะทำให้ภรรยาของเขามีความสุขชนิดที่ยั้งไม่อยู่เลยทีเดียว “บัว...”ชายหนุ่มยืดลำตัวขึ้นและยืนเผชิญหน้ากับหญิงสาวที่มือทั้งสองยังคงโหนอยู่กับเถาวัลย์เหนือศีรษะและขาข้างหนึ่งพาดอยู่บนเถาวัลย์อีกเส้น มันเป็นท่าที่ยั่วยวนเขาอย่างที่สุด ร่างกายอันเปลือยเปล่าผ่องผุดของหญิงสาวช่างเย้ายวนอยู่ท่ามกลางละอองน้ำตกสาดซ่า “ผมจะทำให้คุณมีความสุขอีกครั้ง” “เร็ว ๆ เถอะค่ะ พ่อเลี้ยง...บัวจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว รู้ไหมคะ” เธอออดอ้อนพ่อเลี้ยงหนุ่มลูกครึ่งเจ้าของร่างกายอันกำยำสูงใหญ่ด้วยน้ำเสียงเว้
หญิงสาวถามเขาเสียงหอบพร่าขณะที่ร่างทั้งร่างยังโยกโยนไปตามแรงกระแทกที่ไม่มีเบาลงเลย รอยยิ้มทรงเสน่ห์จุดขึ้นบนริมฝีปากหยัก ถึงเขาจะอยู่ในท่าทางที่กำลังร่วมรักกับเธอแต่บัวชมพูก็ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าเขายิ่งดูหล่อเหลามากแค่ไหน “บัวชอบรึเปล่าล่ะ”เขาถามกลับและยื่นริมฝีปากเข้าไปจุมพิตหญิงสาวพร้อมกันกับที่ยังขยับสะโพกไม่ยอมหยุด บัวชมพูยิ้มเอียงอาย “ชอบซีคะ...ดูซี...บัวน่ะ...เสร็จคุณไปตั้งสองครั้งแล้ว...แต่คุณ...ก็ยังทนอยู่เลย” “เอาอีกสักครั้งมั้ย เมียจ๋า” “เรียกบัวว่ายังไงนะคะ” หญิงสาวแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน “เมียจ๋า” เขาว่าพลางไล้ปลายจมูกโด่งไปบนแก้มสาว “ผัว
แล้วร่างอรชรก็ค่อยเลื่อนบั้นท้ายลงจากเก้าอี้ เธอเปลี่ยนท่าเป็นหันหลังให้เขา ย้ายสะโพกไปตามเสียงเพลงพร้อม ๆ กับเขาและก้มลงบนเก้าอี้ที่เธอนั่งเมื่อครู่บั้นท้ายงอนงามและก้นกอยหนั่นแน่นโด่งขึ้นและดูเหมือนเจ้าตัวตั้งใจส่ายไปมาอย่างเย้ายั่ว กลีบสีแดงแยกออกเผยให้เห็นร่องสวาทจากทางด้านหลังเธอกำลังเชิญชวนเขา อาร์เธอคิดในใจ และเมื่อมาถึงตอนนี้อาจารย์หนุ่มสอนรักก็ไม่อาจหักห้ามความรู้สึกที่มันพลุ่งพล่านขึ้นมาได้อีกต่อไป เขายังเต้นไปตามจังหวะเสียงเพลงแต่ขยับเขข้าไปชิดบั้นท้ายงอนเด้งที่ส่ายไหวไปมาตรงหน้า“พีชชี่.”“อูววว...อาร์เธอ...ฉันอยากให้กล้วยหอมของคุณ...เข้ามาอยู่ในตัวฉัน”เธอบอกเขาเสียงสั่นขณะที่ชายหนุ่มถอนใจและกลืนน้ำลายลงคอเบา ๆ ในเมื่อมันมาถึงขนาดนี้แล้วเขาก็จำเป็นต้องสอนบทเรียนสุดท้ายให้ลูกศิษย์สาวแสนสวยอย่างไม่อาจเลี่ยง“พีชชี่...โอ...คุณสวยงามมาก”
ชายหนุ่มครวญครางจนหน้าแดง เขาไม่เคยรู้สึกซ่านเสียวมากขนาดนี้มาก่อน เขาเคยผ่านผู้หญิงมา แต่ไม่ใช่หลายคน ถึงเขาจะเป็นแดนเซอร์โชว์ความเซ็กซี่ แต่อาร์เธอก็ไม่ชอบการมีคู่นอนพร่ำเพรื่อ ชายหนุ่มยอมรับกับตัวเองอย่างหนึ่งว่าเขาสะดุดตากับใบหน้าสวยหวานของกัญชลิกาตั้งแต่แรกเห็น และการที่เขายอมรับข้อเสนอของเธอ มาเป็นครูสอนเรื่องรักให้ มันก็มาจากหัวใจของเขาที่เรียกร้อง ไม่ใช่เพียงเพราะค่าตอบแทนบทที่ 7&nb
“ผมรู้ว่าคุณทำได้ยอดเยี่ยม” เขาให้กำลังใจ ยิ้มทรงเสน่ห์ของเขากำลังละลายความรู้สึกของเธอ อาร์เธอละมือออกจากแท่งเนื้อกลางลำตัวของเขาและประสานมือทั้งสองไว้ที่ท้ายทอย เขายกสะโพกขึ้นเล็กน้อยเพื่อให้กัญชลิกาได้มองเห็นความยาวและใหญ่นั่นชัดเจน ใช่...มันทั้งยาวและใหญ่เกินบรรยาย กัญชลิการู้สึกร้อนขึ้นมาที่ซอกขา มันทั้งอบอุ่นและชุมชื้นขึ้นมาอย่างน่าอับอาย แต่หญิงสาวก็ลองลูบไล้ความเป็นชายของเขาที่ผงาดสู้มือ ลูบขึ้นลงเพื่อสัมผัสความอุ่นร้อนจากเนื้อหนังที่เต็มไปด้วยเส้นเอ็นปูดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด มันกระตุกเป็นจังหวะในอุ้งมือเรียวบาง เหยียดขยายและพองตัวทุกครั้งเมื่อมือของเธอสัมผัส ส่วนปลายเรียบลื่นและเบ่งบานนั่นต่างหากที่กำ
เป็นคำพูดที่มาจากความรู้สึกจริง ๆ ของเขา แต่ทำให้หญิงสาวเขินจนหน้าแดงอีกครั้ง “แล้วถ้าคุณเห็นมันชัด ๆ คุณจะร้อนรึเปล่าคะ?” “ผมก็อยากรู้เหมือนกัน” “ถ้าอย่างนั้น...” หญิงสาวเว้นคำพูดไว้ก่อนละมือจากขอบบ๊อกเซอร์และเลื่อนไล้ไปที่ขอบคอเสื้อลูกไม้ซีทรูคว้านกว้าง มันเป็นผ้าสแปนเด็กซ์ที่ยืดหยุ่นมากพอที่หญิงสาวจะสามารถรั้งคอเสื้อลงไปใต้ฐานของทรวงสวยอวบใหญ่และแน่นตึง ปล่อยให้มันดีดเด้งออกมาอวดสายตาของอาร์เธอที่มองความอลังการบนเรือนร่างแสนสวยอย่างตกตะลึง “พระเจ้า...พีชชี่...มัน...ใหญ่มากจริง ๆ”
กล้ามเนื้อสีแทนของเขาดูแวววาวยามสะท้อนแสงไฟราวกับมันฉาบด้วยน้ำผึ้งที่หญิงสาวแอบกลืนน้ำลายเหมือนกับว่าเธอเริ่มกระหายหิว รูปร่างของอาร์เธอสมส่วนและสมบูรณ์แบบ นัยน์ตาทรงเสน่ห์สีน้ำตาลบรูเน็ตกำลังเชิญชวนหญิงสาวอย่างเปิดเผยกล้ามเนื้อทุกมัดของเขาเหมือนกำลังตื่นเต้น แต่สิ่งที่ทำให้กัญชลิการู้สึกเขินอายจนแก้มแดงเพราะเลือดสูบฉีดคือกล้ามเนื้อส่วนที่อยู่ตรงกลางร่างกายของเขาเธอไม่เคยเห็นผู้ชายในสภาพกึ่งเปลือยต่อหน้าเลยสักหน ไม่ใช่แค่มัดกล้ามเนื้อของเขาเท่านั้นที่เคร่งเครียด แต่บ๊อกเซอร์ของเขามีบางอย่างที่กำลังดันตัวขึ้นมาจนเป้าตุงเห็นเป็นรูปร่างชัดเจน และมันทำให้เธอคิดถึงกล้วยหอมที่เธอลิ้มเลียมันเมื่อครู่กัญชลิกาเลียปากของเธอที่เริ่มแห้งผาก เธออยากพิสูจน์ตัวเองไม่ใช่หรือว่าเธอก็ทำให้ผู้ชายร้อนได้เช่นกัน เมื่อคิดดังนั้นร่างเล็กในชุดกระโปรงผ้าลูกไม้ซีทรูสุดเซ็กซี่จึงโน้มลำตัวลงไปหาร่างสูงใหญ่ที่อยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน เริ่มต้นด้วยการจูบเขาก่อน บนริมฝีปากหนาได้รูปและบนคางสากระคายด้วยขนสั้น ๆ เรื
“คุณต้องเรียนรู้มัน...เรียนรู้วิธีการที่จะทำให้ผมรู้สึกร้อน เพราะเมื่อไหร่ที่ผมเริ่มจะร้อน นั่นก็คือคุณ...จะไม่ใช่เจ้าหญิงน้ำแข็งอย่างที่หมอบอก” เขาเลิกคิ้วน้อย ๆ และขยับเข้าใกล้ร่างเล็กซึ่งเธอยังกุมกล้วยหอมไว้ในมือ อาร์เธอใช้มืออีกข้างค่อย ๆ ปอกเปลือกกล้วยหอมสีเหลืองนวลขนาดเขื่องลงมาประมาณครึ่งผลก่อนจะสั่งเธอด้วยน้ำเสียงอันนุ่มนวล “ผมอยากให้คุณลอง...เอิ่ม...กินมันอย่างเซ็กซี่ ผมยังไม่สอนให้คุณเล่นกับตัวเอง แต่อยากให้คุณเรียนรู้วิธีการเล่นกับสิ่งที่อยู่รอบข้าง” “แบบนี้หรือคะ?” หญิงสาวถามเขาด้วยเสียงแหบเบาและโน้มใบหน้าสวยหวานลงไปหากล้วยหอมในมือของเธอที่อาร์เธอยังกอบกุมไว้ ดวงตาคู่งามยังจับจ้องอยู่ที่เขาแต่กลีบปากอิ่มสวยและชุมฉ่ำอ้าออก&n
“นะ...นั่งลงก่อนซี”“ข้าง ๆ คุณรึเปล่า?”เธอถามแล้วเขาพยักหน้า กัญชลิกาพาร่างอ้อนแอ้นเย้ายวนเข้ามาหย่อนตัวลงนั่งข้างเขา เธอก็รู้สึกประหม่าไม่แตกต่างจากชายหนุ่ม ก็แค่เริ่มบทเรียน รัก นี่นะ หญิงสาวคิดและหันมายิ้มอวดฟันเรียบขาวสะอาดกับเขา“คุณต้องไม่ยิ้มกว้างแบบนี้ พีชชี่”พอเขาสั่งหญิงสาวก็หุบปาก เธอนิ่วหน้าอย่างสงสัย“คุณต้องเซ็กซี่อย่างมาริลีน มอนโร...ใช่...เธอยิ้มแต่ไม่อวดฟันขาว เธอยื่นปากออกมานิด ๆ ไม่อ้ากว้าง ทำให้มันดูเย้ายวน”อาร์เธออธิบายต่อ และกัญชลิกาก็พยายามทำอย่างเขาว่า มันดูเหมือนบทเรียนแสนยากสำหรับเธอ ไม่เคยทำเซ็กซี่แบบนี้ต่อหน้าผู้ชายคนไหนมาก่อนในชีวิตปากอิ่มจิ้มลิ้มเคลือบกลอสสีแดงอมชมพูยื่นออกมาเล็กน้อย มันดูเซ็กซี่มากพอแล้วสำหรับชายหนุ่มที่นั่งข้าง ๆ และจ้องมองดูดวงหน้าสวยหวานซึ่งเขาคิดว่า กัญชลิกาเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่สวยมากพอตัว“โอเค...ต่อไป...” เขาว่าพลางเอียงตัวเข้าหาหญิงสาว เธอทำปากให้เป็นปกติ แต่หน้าอกหน้าใจที่กำลังดันชุดลูกไม้อยู่ใกล้เขานี่ซี มัน
แต่สิ่งที่ดึงดูดสายตาของอาร์เธอมากกว่านั้นคือเนินอกแสนสวยที่อวบล้นออกมาจากคอเสื้อสายเดี่ยวคว้านกว้าง กัญชลิกาก็เป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาแต่ทำไมเขาถึงได้รู้สึกรุ่มร้อนขึ้นมาเล็กน้อยยามเมื่อเธอย่างกรายเข้ามาใกล้หญิงสาวร่างเล็กบอบบางนั่งในท่าไขว่ห้าง เธอประสานมือไว้บนตักแสดงท่าทีเหมือนกำลังอยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่ในขณะที่อาร์เธอยังเยือกเย็นทั้งที่ข้างในของเขากำลังร้อนขึ้นมาทีละน้อย“เอ้อ...อาร์เธอคะ...คือ...ที่เราตกลงกันคืนนั้น”“ผมโอเคครับ พีชชี่”อาร์เธอแทรกขึ้น เขารู้สึกคอแห้งผากขึ้นมาในทันใดแต่แล้วรอยยิ้มจางทว่าทรงเสน่ห์ก็ผุดขึ้นที่มุมปากหยักได้รูปบนใบหน้าหล่อเหลา“ที่คุณบอกกับกับผมว่า จะว่าจ้างให้ผมมาสอนคุณเพื่อพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้เป็นอย่างที่หมอวินิจฉัยว่า...”“ฉันตายด้าน” กัญชลิกาไหวไหล่เล็กน้อย “ฉันรู้ว่าคุณอาจจะรู้สึกแบบว่า...เอ้อ...ประดักประเดิด...แต่ฉันก็อยากพิสูจน์ตัวเองว่าฉันไม่ได้เป็นอย่างนั้น”กัญชลิกาอธิบายด้วยน้ำเสียงที่ไม่มั่นคงนัก ใช่...เธอเข้าพบจิตแพทย์เมื่อไม่นานมานี้จ
กรัชเพชรนามปากกาสำหรับนิยายอีโรติกเร่าร้อนและเพื่อผู้เปี่ยมความรักในหัวใจค่ะสอนรักให้เธอร้อนอาเธอร์ – กัญชลิกาหมอบอกว่าเธอตายด้าน!กัญชลิกา เลยต้องจ้าง อาร์เธอนักเต้นหนุ่มกล้ามล่ำและร้อนแรงที่สุดบนเวทีให้มาช่วยสอนกลเม็ดเด็ดพรายเรื่องรักและพิสูจน์ว่าเธอ ก็ ร้อน ไม่น้อยหน้าผู้หญิงคนไหน ๆ ในโลกเช่นกัน“อู๊ว...อ๊า...ซี๊ด...อา...อาร์เธอ...อา...อา”&nb