เสี้ยวหนึ่งในความหฤหรรษ์และเสียวสุด ๆ คือความคิดอย่างโง่ ๆ ของเธอที่ว่าไม่อยากให้อาร์เธอกลับขึ้นไปเต้นเซ็กซี่บนเวทีให้สาว ๆ กรี๊ดเขาอีก เธออยากให้เขาทำอย่างนี้กับเธอคนเดียว
แสดงความเซ็กซี่ทางสายตา คำพูด และท่าทางที่เจือด้วยความเป็นสุภาพบุรุษทั้งลีลาร้อนแรงของการเสพสวาทอย่างถึงแก่น เธออยากเก็บเขาไว้ แต่จะทำยังไงในเมื่อเขาแค่รับจ้างมาสอนรักเธอเท่านั้น
“อูย...โอว...อาร์เธอคะ...ฉัน...ฉัน...ซี๊ด...อา...ฉัน...”
หญิงสาวพูดเสียงฟังแทบเป็นศัพท์ ขาเธอสั่นพับ ๆ เพราะแรงกระแทกจากคนตัวใหญ่ที่กำลังทิ่มแทงความอลังการเข้ามาทางด้านหลังจนกลีบแคมทั้งสองข้างปริปลิ้นไปตามจังหวะของการกระแทก
ความยาวของกล้วยหอมขนาดเขื่องทำให้กัญชลิกาไม่สามารถอัดอั้นความสุขสมที่หลั่งล้นเอาไว้ได้ เธอกำลังเข้าใกล้จุดแตกระเบิด นัยน์ตาคู่สวยมองไปยังท้องฟ้าเบื้องบน ที่ที่เธอเห็นดวงดาวอยู่ใกล้มือคว้า
“โอววว...พีชชี่...โอววว...ซี๊ดดด...”
“อ๊า!”
เสียงครวญครางของหญิงสาวดังขึ้นเมื่อเธอเอื้อมถึงดาวดวงนั้นอีกครั้ง และในเวลาเดียวกันที่อาร์เธอรีบถอดถอนกล้วยหอมขนาดใหญ่ออกจากซอกกลีบดอกไม้ก่อนที่น้ำขุ่นข้นสีขาวจะพุ่งกระจายออกมาจากส่วนปลายเรียบลื่นที่เบ่งบานเต็มที่ ราดรดลงบนแก้มก้นขาวสล้าง
เสียงทอดถอนใจของครูหนุ่มสอนรักดังขึ้นในความเงียบสงัดของราตรีเมื่อจังหวะเพลงแร็พก็สิ้นสุดลงพร้อมกัน กัญชลิกาก้มหน้าลงแนบกับราวเหล็กอย่างสิ้นแรง ซึ่งในความเหน็ดเหนื่อยนั้นเต็มไปด้วยความสุขแบบสุดยอดที่เธอสัมผัสมันได้ถึงสองครั้งสองครา
“อุ๊ย! อาร์เธอ”
แล้วหญิงสาวก็อุทานออกมาเมื่อร่างของเธอถูกช้อนไว้ในอ้อมแขนของคนตัวใหญ่อีกครั้ง อาร์เธออุ้มเธอกลับไปวางที่โซฟาตัวยาวภายในห้องรับแขกก่อนที่เขาจะทาบทับเรือนร่างกำยำเปลือยเปล่าตามลงไป
“อาร์เธอ” หญิงสาวเรียกเขาด้วยน้ำเสียงที่ยังเจือไว้ด้วยความหอบเหนื่อย
“หืมม์” เขาขานรับขณะกอดร่างน้อยไว้ในอ้อมแขน
“คุณคิดว่า...มัน ร้อน พอรึเปล่าคะ?”
กัญชลิกาถามเขาอย่างเอียงอาย เธอเหมือนนักเรียนสาวที่จบหลักสูตรใหม่ ๆ และอยากรู้ผลการเรียนของตัวเอง
“ไม่ใช่ร้อนหรอกนะ...มัน...เดือดเลยล่ะ”
คำตอบของผู้พูดทำให้กัญชลิกาหน้าแดง เธอยังรู้สึกถึงความแข็งขันของเขา มันดุนดันอยู่บนเนินสามเหลี่ยมเกลี้ยงเกลาของเธอ สักครู่ชายหนุ่มก็เลื่อนตัวไปอยู่ข้าง ๆ ในท่าค้ำข้อศอกกับเบาะหนังนุ่มในขณะที่แขนอีกข้างพาดไว้บนหน้าท้องแบนราบของหญิงสาว เขามองเธอด้วยแววตาเป็นประกาย นัยน์ตาสีบรูเน็ตเหมือนสีผมของเขาละลายหัวใจของกัญชลิกาโดยที่เธอแทบไม่รู้ตัว
“บอกผมหน่อยได้ไหม พีชชี่...ว่าเมื่อกี๊คุณไคลแม็กซ์กี่ครั้ง”
เขาถามขณะจ้องลึกเข้าไปในดวงตากลมโตของหญิงสาว กัญชลิกาอยากซุกหน้ากับอกของเขา เธออายมากที่เขาถามแบบนี้แต่ก็ไม่อาจปกปิดได้ว่าเธอมีความสุขสุดยอด
“สองครั้งค่ะ”
“โอ...พระเจ้า...นี่มันไม่ธรรมดานะรู้มั้ย”
กัญชลิกาย่นคิ้ว “ทำไมล่ะคะ...ฉันไม่ได้โกหกคุณนะคะอาร์เธอ ฉันมีความสุขกับมันมากจริง ๆ “
“ผมว่าหมอน่าจะวินิจฉัยคุณผิดอย่างมหันต์เลยล่ะ เขาไม่ควรวินิจฉัยว่าคุณตายด้าน เขาน่าจะรู้ว่าคุณน่ะ อ่อนไหวมากเกินไปต่างหาก”
“อ่อนไหวอย่างนั้นหรือคะ?”
“ผมไม่ใช่หมอก็จริง แต่จากประสบการณ์ของผม โดยปกติแล้วผู้หญิงถึงจุดไคลแม็กซ์ยากมาก”
“นี่ก็แสดงว่าฉันผ่านหลักสูตรการเรียนรู้เรื่องรักแล้วซีนะคะ”
“ผมยังไม่ได้บอกคุณเรื่องนั้นเลยนะ”
“แต่ฉันก็ทำให้คุณครวญครางออกมาได้นะคะ”
“ซึ่งคุณอาจจะเอามันไปใช้ประโยชน์...เอ้อ...ผมหมายถึง ในโอกาสต่อไป”
อาร์เธอเสียงเบาลง ในน้ำเสียงนั้นบอกความรู้สึกบางอย่างที่กัญชลิกาไม่กล้าคิด
“หลังจากนี้...คุณก็คงจะกลับไปเป็นแดนเซอร์เต้นโชว์เซ็กซี่อีก...ใช่ไหมคะ?”
“นั่นมันอาชีพของผม ผมหยุดทำมันไม่ได้แน่”
“ฉันเห็นพวกผู้หญิงกรี๊ดคุณหน้าเวที พวกเธอคงจะชอบคุณมาก และคงจะเคยมีคนที่มาเสนอตัวให้คุณถึงที่”
เขาไหวไหล่น้อย ๆ “เคยมี” พอเขาตอบสีหน้าของหญิงสาวก็ตกลงในทันที แต่แล้วแดนเซอร์หนุ่มก็กล่าวต่อ
“แต่คุณอาจจะไม่เชื่อก็ได้ว่าผม...ปฏิเสธพวกเธอไปโดยที่...ผมไม่ได้นึกเสียดายเลย”
บทที่ 13
“ทำไมล่ะคะ...คือ...ฉันหมายถึงว่า...ทำไมคุณไม่ตอบรับน้ำใจของผู้หญิงพวกนั้น”
“เพราะผมมีแฟน”
คำตอบนั้นยิ่งทำให้กัญชลิกาสีหน้าตก อาร์เธอถอนใจเบา ๆ ก่อนกล่าวต่อ
“เอ้อ...ผมหมายถึงตอนนั้น ผมเคยมีแฟน และเรื่องนี้ผมก็ไม่ได้โกหกคุณ”
บัวชมพูซึ่งอยู่ในชุดผ้าสะใบเกาะอกนุ่งผ้าไหมลวดลายงดงามพรั่งพร้อมด้วยเครื่องประดับทองคำและไข่มุกที่มีทั้งสร้อยคอ แหวนและกำไลข้อมือต้องเดินตามเจ้าของร่างสูงใหญ่ซึ่งอยู่ในชุดพื้นเมืองผ้าไหมสีทองอร่าม ใบหน้าคร้ามเข้มนั้นหล่อเหลาตามแบบฉบับของลูกครึ่งไทยรัสเซียมือเรียวบางของเธอถูกผูกติดกับมือหนาใหญ่ของ ศาสตรา พ่อเลี้ยงหนุ่มแห่งปางไม้แม่เมยซึ่งบัดนี้อยู่ในฐานะเจ้าบ่าวที่ต้องปฏิบัติตามพิธีกรรมอย่างล้านนาของชาวเหนือ นั่นคือคู่แต่งงานต้องผูกข้อมือไว้ด้วยกันก่อนจะมีการส่งตัวเข้าเรือนหอโดยญาติผู้ใหญ่ทั้งบิดามารดาของฝ่ายหญิงและชายรวมทั้งคนเฒ่าคนแก่ที่มาร่วมจัดพิธี“ให้ผัวเป็นแก้ว เมียเป็นแสง บ่ดีหื้อเป็นผัวเผต เมียยักษ์ หื้อมีลูกเต็มบ้าน หลานเต็มเมือง หื้อฮักกั๋นแพงกั๋นอยู่ตราบเสี้ยงชีวิต ถ้าผัวเปนไฟ หื้อเมียเปนน้ำ หื้อพ่อชายเป็นหิง แม่ญิงเป็นข้อง”หลังจากเสียงการให้โอวาทในการครองเรือนสิ้นสุดลงหนุ่มสาวทั้งสองจึงเอนหลังลงไปพร้อมกันบนที่นอนซึ่งเป็นฟูกหนาคลุมด้วยผ้าปูรัดมุมตึงแน่น ด้านบนโรยด้วยกลีบดอกไม้ ฟูกหนาตั้งอยู่ชิดหน้าต่างบนพื้นของห้องนอนภายในเรือนไม้สักขนาดใหญ่ซึ่งถูกใช้เป็นห้องหอด้านน
ศาสตราตอบเสียงห้วนแล้วเดินหายเข้าไปในห้องน้ำขณะที่หญิงสาวมองตามพลางถอนหายใจ เธอรู้ว่าถึงยังไงก็ไม่มีทางแทนที่ บัวไพลิน พี่สาวของเธอที่เขารักได้เป็นแน่เธอก็เป็นแค่ตุ๊กตาตัวหนึ่งที่ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายเต็มใจนำมาชักใยให้กระโดโลดเต้น พูดไปก็เหมือนหนังหน้าไฟ ต้องมาแบกรับปัญหาที่ตัวเองไม่ได้ก่อแถมยังถูกศาสตราแสดงท่าทีรังเกียจเข้าให้เสียอีกไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยรู้จักเขา ศาสตราเป็นลูกชายคนเดียวของเจ้าของปางไม้แม่เมย แม่ของเขาเป็นชาวรัสเซียและเขาก็พึ่งเดินทางกลับมาจากต่างประเทศเมื่อไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้การแต่งงานระหว่างเขากับบัวไพลินก็เกิดขึ้นจากความเห็นชอบของผู้ใหญ่ บัวชมพูรู้ดีว่าพี่สาวของเธอไม่เต็มใจและแบ่งรับแบ่งสู้ทุกครั้งที่ศาสตราเดินทางไปหาที่บ้านแต่ในสายตาของบัวชมพู เขาเป็นผู้ชายที่ดูดีมากคนหนึ่ง แม้จะมีเชื้อสายของชาวต่างชาติแต่ศาสตราก็เป็นหนุ่มวัยยี่สิบแปดที่ดูดีมาก เขาสมบูรณ์แบบและเธอก็รู้สึกชื่นชมตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เห็นบทที่ 2 คืนเข้าหอสำหรับบัวชมพูแล้วจะเรียกสิ่งนั้นว่าความหวั่นไหวเลยก็ได้ ในวัยยี่สิบเอ็ดของหญิงสาวซึ่งเปิดธุรกิจทำสปาเล็ก ๆ เธอไม่เคยพบผู้ชายที่ทั้งหล่อเหลาและมีค
เขาเคยตั้งปณิธานว่าจะรักบัวไพลินคนเดียว แต่พอถูกหักหลังเขาก็ตั้งปณิธานใหม่ว่าจะไม่ให้อภัยใครก็ตามที่ใกล้ชิดผู้หญิงคนนั้น ซึ่งก็รวมทั้งบัวชมพู ที่เขาคิดว่าเธอเสแสร้งแกล้งทำดีเพื่อให้เขาลืมเรื่องอัปยศของพี่สาว กลิ่นน้ำมันหอมผสมกับการนวดจากปลายนิ้วไล่ขึ้นไปจนถึงไหล่กว้าง ลำคอและหลังของเขาทำให้ร่างสูงใหญ่รู้สึกผ่อนคลายลงอย่างมาก แต่น่าแปลกที่เขาไม่หลับเหมือนตอนให้หมอนวดแผนไทยนวดให้ที่ต่างประเทศ ดวงตาสีเขียวอมฟ้าคู่นั้นยังคงจับจ้องอยู่บนใบหน้าและท่าทางของหญิงสาวตลอดเวลา“พลิกตัวซีคะ” บัวชมพูสั่งเขาเบา ๆ และชายหนุ่มก็ทำตามด้วยการพลิกตัวนอนหงาย แต่เขาช่างไม่ระวังทำให้ปมของผ้าขนหนูผืนเล็กเจ้ากรรมที่ขมวดเอาไว้หลุดออกจากกันไปกองอยู่ข้างลำตัว“ซีนิธ...เอ้อ...เอ้อ” หญิงสาวหน้าแดงก่ำเมื่อเห็นความแข็งแกร่งที่กลางลำตัวของเขาตั้งลำขึ้นมา บัวชมพูลอบกลืนน้ำลายกับขนาดใหญ่โตของความเป็นชายซึ่งในชีวิตของเธอไม่เคยเห็นของใครชัด ๆ แบบนี้มาก่อน“ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะบัว?” เขาถามแล้วเหยียดยิ้มพลางประสานมือทั้งสองไว้ที่ท้ายทอย “ไม่เคยเห็นอย่างนั้นหรือ?”“ค่ะ...บัวไม่เคยเห็น” รีบตอบแล้วรีบตวัดผ้าขนหนูขึ้นมาปิดเ
เนื้อสาวขาวผ่องสั่นระริก เธอไม่เคยสัมผัสประสบการณ์แบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต ยิ่งเขาจูบเธอก็ยิ่งอยากกอดอยากลูบไล้ไปบนไหล่กว้าง แต่หญิงสาวก็ทำได้แค่กดฝ่ามือไว้กับบ่าของเขาแน่น ภายในเหมือนมีกองไฟสุมอยู่ยังไงยังงั้นศาสตราก็กำลังเพลิดเพลินต่อรสสัมผัสทางปากแสนซาบซ่านซึ่งเขาไม่เคยได้รับมันจากบัวไพลิน พี่สาวของบัวชมพูยังไม่ยอมให้เขาสัมผัสหรือแตะต้องตัวเธอสักหน แม้แต่จูบสักครั้งก็ยังไม่เคย“อืม...อืม...” ร่างสูงครางลึกในลำคอ ลิ้นของเขากระหวัดเกี่ยวลิ้นเล็กที่ตอบสนองเขาเหมือนเธอพึ่งเรียนรู้การจูบ กลิ่นน้ำมันหอมกำจายออกมาอบอวลล้อมรอบคนทั้งสองที่ตอนนี้ร่างกายผุดผ่องของบัวชมพูที่ยังอยู่ในชุดเจ้าสาวกำลังบดเบียดแนบชิดด้านบนของร่างสูงใหญ่เปลือยเปล่าผ้าขนหนูผืนเล็กหลุดไปจากกลางลำตัวของเขาและกองอยู่ด้านข้างเพราะคนตัวโตขยับสะโพกและลำตัวไปมาด้วยความรัญจวนที่กำลังถาโถม ความร้อนจากแรงเสียดสีทำให้กลิ่นน้ำมันหอมยิ่งฟุ้งกระจายขึ้นมาและมันช่วยกระตุ้นกำหนัดในส่วนลึกของทั้งเขาและเธอได้เป็นอย่างดี“ซีนิธ...ปล่อยบัวเถอะค่ะ” บัวชมพูครางเสียงหอบเมื่อเขาเลื่อนริมฝีปากออกและซุกไซ้ใบหน้าไปตามลำคอระหง“อื๊อ...ปล่อยบัวเถอ
“บัว...ผมเป็นคนแรกใช่มั้ย ที่เห็นมัน?” ชายหนุ่มตั้งคำถามขณะบีบคลึงเบา ๆ ที่ฐานเต้ากลม ไม่ใช่ว่าบัวชมพูไม่อยากตอบคำถามของเขา แต่เธอกำลังตื่นเต้นจนพูดอะไรแทบไม่ออกตอนนี้ “ค่ะ” เธอพยักหน้าน้อย ๆ “คุณเป็นคนแรกที่ได้เห็นค่ะ ซีนิธ” หญิงสาวตอบอย่างเอียงอาย ไม่เคยรู้สึกอะไรอย่างนี้มาก่อน ในท้องไส้ปั่นป่วน ความร้อนพุ่งขึ้นสูงและเหมือนจะพาลไม่สบาย เนื้อตัวของเธอกำลังเปิดเผยต่อเขาจนหมดไม่มีเหลือ“บัว...ขอผมดูชัด ๆ “ เขาร้องขอแต่มือหนากลับดึงแขนของเธอออกโดยไม่ฟังเสียงอนุญาตจากเจ้าของเสียก่อน ศาสตราตรึงข้อมือของหญิงสาวไว้ข้าง ๆ ลำตัว ประกายตาสีฟ้าแกมเขียวบนใบหน้าหล่อเหลาเป็นประกายระยิบระยับ เนื้อในของบัวชมพูงดงามเหมือนชื่อของเธอทรวงอกเต็มตึงที่ทั้งอวบใหญ่และหนั่นแน่นกระเพื่อมขึ้นลงตามแรงหายใจและจุดความร้อนรุ่มในกายหนุ่มจนไม่อาจเก็บกลั้น ศาสตราโน้มใบหน้าลงต่ำและกดริมฝีปากร้อนลงบนส่วนยอดสีสวยที่อ่อนไหวและทำให้ร่างสาวสะดุ้งเล็กน้อย“อุ๊ย! ซี๊ด...” เสียงครางที่หลุดออกมาจากปากจิ้มลิ้มเบามากจนเขาแทบไม่ได้ยินในตอนแรก แต่เมื่อพ่อเลี้ยงหนุ่มตวัดปลายลิ้นไปบนยอดอัญมณีสีสวยหญิงสาวก็สะ
“อืม...อืม” ศาสตราครางลึกอยู่ในลำคอ เขาพยายามสะกดกลั้นตัวเองอย่างถึงที่สุด อดไม่ได้ที่จะมองหน้าอกหน้าใจของบัวชมพูที่มันกำลังส่ายไปมาอยู่ต่อหน้าเขาตอนเธอออกแรงนวด ชายหนุ่มประสานมือไว้ใต้ท้ายทอยอีกครั้ง “บัว...คุณเคยนวดให้แขกที่เป็นผู้ชายบ้างไหม?” หญิงสาวเงียบไปชั่วอึดใจก่อนตอบ “ไม่ค่ะ...บัวไม่เคยนวดให้แขกที่เป็นผู้ชายนอกจากคุณพ่อ” “นั่นซี...ถึงว่า มือคุณเบามากเลยนะ” บัวชมพูไม่โต้ตอบอะไร ศาสตราจะรู้บ้างไหมว่าเธอแทบสะกดหัวใจตัวเองไม่อยู่เสียแล้ว เขาทำเหมือนกับจะยั่วเธอ ทำให้ความคิดของเธอเตลิดเปิดเปิงจนกู่ไม่กลับ หญิงสาวหยิบขวดน้ำมันเทใส่มือแล้วละเลงไปบนเนื้อตัวของเขาจนมันวาว มันมีกลิ่นดอกไม้ไทย ๆ หอมรัญจวนใจและกระตุ้นความรู้สึกของคนถูกนวด “บัว” เขาเรียกเธออีกแต่คราวนี้รบกวนสมาธิของเธอด้วยมือซุกซนที่ลูบน้ำมันบนตัวของเขาก่อนไล้มันไปมาบนยอดอกอวบอิ่มของหญิงสาว บีบคลึงและเคล้นเบา ๆ จนบัวชมพูแทบอ่อนระทวย “พ่อเลี้ยง...อูว...อืม” หญิงสาวครางขณะไล้ลิ้นไปบนริมฝีปากแห้งผากของตัวเอง เธอยังคงทำ
บัวชมพูไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไร เธอเรียนรู้แต่การนวดเส้นผ่อนคลายภายนอก แต่ไม่ใช่สำหรับพื้นที่พึงสงวนแบบนี้ แต่หญิงสาวก็เรียนรู้ที่จะลอง มือขาวผ่องเริ่มรูดเนื้อนุ่มที่ห่อหุ้มแท่งเนื้อแข็งขึงขึ้นลง แต่มันกลับยิ่งขยายใหญ่และสิ่งที่ทำให้เธอตกใจเล็ก ๆ คือเสียงครางของเขา“ซี๊ด...อูว...บัว...แรงอีกนิด...อย่างนั้นล่ะ...อืม”มือบางเพิ่มจังหวะรูดขึ้นลงถี่เร็ว มันดูไม่เหมือนการนวดสักเท่าไหร่แต่เธอก็ตื่นเต้นและรวดร้าวที่แก่นกายเมื่อศาสตราเริ่มยกสะโพกขึ้นสูง ความเป็นชายของเขาขยายใหญ่และความยาวที่น่าครั่นคร้ามนั้นเต้นเป็นจังหวะอยู่ในมือของหญิงสาว เมื่อบัวชมพูเพิ่มจังหวะความแรงศาสตราก็ยิ่งส่ายสะโพกร่อนไปมาและใบหน้าหล่อเหลาบิดเบี้ยวเหมือนเจ็บปวด“โอว...อา...ซี๊ด...ใช่...แบบนั้นล่ะ..ซี๊ด”ไม่เพียงเธอจะสัมผัสความขึงขังของศาสตราเท่านั้น แต่มือเรียวบางยังอาบเอิบไปด้วยคราบน้ำมันหอมที่ทำให้แท่งทองของพ่อเลี้ยงหนุ่มเป็นมันมะเมื่อมหยาดเล็ก ๆ จากความเสียวกระสันที่หลั่งล้นออกมาจากส่วนปลายแดงก่ำอาบปลายนิ้วของเธอ บัวชมพูเม้มริมฝีปากแน่น ทำไมเธอถึงอยา
สิ่งแรกที่ชายหนุ่มสัมผัสได้คือติ่งเนื้อนุ่ม ๆ ที่ตอดขึ้นมาเป็นจังหวะ มันกำลังสั่นระริกเหมือนรอคอยมาแสนนาน ศาสตราคลึงด้วยปลายนิ้วเบา ๆ บัวชมพูถึงกับบิดเร่าด้วยความสยิวซ่าน“อู๊ย...ซีนิธ...อ๊า...ซี๊ด”หญิงสาวบิดไหล่ไปมา ศาสตรารู้ในทันทีว่านี่คือส่วนที่อ่อนไหวที่สุดของบัวชมพู เธอเหมือนดอกบัวสยายกลีบแรกแย้ม เขาหนักมือขึ้นอีก บดคลึงหนักขึ้นก่อนจะเลื่อนปลายนิ้วลงไปหยุดที่ปากร่องลึก สัมผัสเนื้อหนึบแน่นและลองแหย่นิ้วเข้าไป“อา...บัว” ศาสตราถึงกับครางเมื่อร่องสวาทตอดรัดนิ้วเขาเบา ๆ นี่ยังไม่ทันได้หยั่งนิ้วเข้าไปลึกมันยังตอดรัดเขาขนาดนี้ แล้วถ้าเขาจะลองสอดนิ้วเข้าไปแบบเต็มที่ล่ะ“ซีนิธ...ได้โปรด...อย่าทรมานบัวอีกเลยนะคะ”“ร้องขอผมสิบัว...อา...คุณอยากจะร้องขอให้ผมทำอะไร”บัวชมพูแยกเรียวขากว้างอีกและทาบมือเรียวบางลงบนมือหนาที่นิ้วของเขาเขี่ยเบา ๆ ไปรอบแคมสีแดงก่ำ“ช่วยด้วยค่ะ...ช่วยบัวด้วยค่ะ”“แบบไหน...?”“แบบนี้ค่ะ...อ๊า”
เสี้ยวหนึ่งในความหฤหรรษ์และเสียวสุด ๆ คือความคิดอย่างโง่ ๆ ของเธอที่ว่าไม่อยากให้อาร์เธอกลับขึ้นไปเต้นเซ็กซี่บนเวทีให้สาว ๆ กรี๊ดเขาอีก เธออยากให้เขาทำอย่างนี้กับเธอคนเดียวแสดงความเซ็กซี่ทางสายตา คำพูด และท่าทางที่เจือด้วยความเป็นสุภาพบุรุษทั้งลีลาร้อนแรงของการเสพสวาทอย่างถึงแก่น เธออยากเก็บเขาไว้ แต่จะทำยังไงในเมื่อเขาแค่รับจ้างมาสอนรักเธอเท่านั้น“อูย...โอว...อาร์เธอคะ...ฉัน...ฉัน...ซี๊ด...อา...ฉัน...”หญิงสาวพูดเสียงฟังแทบเป็นศัพท์ ขาเธอสั่นพับ ๆ เพราะแรงกระแทกจากคนตัวใหญ่ที่กำลังทิ่มแทงความอลังการเข้ามาทางด้านหลังจนกลีบแคมทั้งสองข้างปริปลิ้นไปตามจังหวะของการกระแทกความยาวของกล้วยหอมขนาดเขื่องทำให้กัญชลิกาไม่สามารถอัดอั้นความสุขสมที่หลั่งล้นเอาไว้ได้ เธอกำลังเข้าใกล้จุดแตกระเบิด นัยน์ตาคู่สวยมองไปยังท้องฟ้าเบื้องบน ที่ที่เธอเห็นดวงดาวอยู่ใกล้มือคว้า“โอววว...พีชชี่...โอววว...ซี๊ดดด...”“อ๊า!”เสียงครวญครางของหญิงสาวดังขึ้นเมื่อเธอเอื้อมถึงดาวดวงนั้นอีกครั้ง และในเวลาเดียวกันที่อาร์เธอรีบถอดถอนกล
ร่างเล็กสั่นคลอนไปตามแรงกระเด้า เสียงดังปึ่ก ปึกเพราะเนื้อหนุ่มสาวที่บดเบียดกันอย่างหฤหรรษ์ยิ่งเร่งเร้าให้อาร์เธอเพิ่มแรงขย่มโยกมากขึ้นเป็นทวีคูณ “โอ๊วววว...พีชชี่...พระเจ้า...คับมาก...มันคับจริง...ซี๊ด” อาร์เธอขย่มร่างเล็กด้วยพลังคึกยิ่งกว่าม้าศึกที่ควบข้ามแม่น้ำและขุนเขาไปได้นับพันกิโลก่อนที่เขาจะหยุดทุกอย่างลงและทำให้กัญชลิกาประหลาดใจด้วยการช้อนร่างของเธอไว้ในอ้อมแขน “อาร์เธอ...นี่คุณจะทำอะไรคะ?” หญิงสาวถามด้วยน้ำเสียงที่ยังหอบเหนื่อย อาร์เธอปรายิ้มทรงเสน่ห์และหรี่ตามองอย่างมีนัย “สิ่งที่สำคัญอีกอย่างของการสร้างอารมณ์ คือโลเกชั่น” เขาพูดจบก็พาร่างน้อยในอ้อมแขนเดินออกไปยังระเบียงห้อ
อา...นี่เธอกำลังรู้สึกถึงความเสียวกระสันสุดยอด นั่นคือจุดไคลแม็กซ์ซึ่งมันเกิดขึ้นพียงแค่ชั่ววินาที แต่สิ่งที่เธอสัมผัสคือความสุขล้ำ และความชุ่มฉ่ำที่ทะลักเข้าไปในปากของชายหนุ่ม อาร์เธอกลืนกินหยาดหยดแห่งความสุขนั้นจนหมด เขาไล้ลิ้นไปมาเบา ๆ กวาดเก็บความชุ่มฉ่ำของหยาดไวน์และความหวานที่ไหลออกมาจากถ้ำสวรรค์ รางสูงใหญ่ยกเรียวขาที่พาดบนบ่าของเขาลงและหยัดตัวลุกขึ้นยืนพลางค้ำมือทั้งสองไว้บนบาร์ กัญชลิกาเงยหน้าขึ้นมองเขา เธอเลื่อนแผ่นหลังลงจากบาร์เครื่องดื่มและไล้เลียริมฝีปากจิ้มลิ้มที่อิ่มฉ่ำ ร่างกายของเธอยังเสียดสีอยู่กับความเปล่าเปลือยของอาร์เธอร์ มัดกล้ามของแดนเซอร์หนุ่มยังตึงแน่น มันเต้นระริกเหมือนกำลังรอคอยสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้ง ชายหนุ่มยกยิ้มมุมปากและมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยแววตาที่บ่งบอกถึงความทึ่ง&nb
“ผมเป็นนักดื่มไวน์ตัวยง คุณไม่รู้หรอกว่านอกจากรสชาติของมันที่ทำให้คุณติดใจแล้วคุณยังใช้ประโยชน์อะไรจากมันได้อีกบ้าง”“ฉันอยากรู้ค่ะ...อาร์เธอ”เจ้าของใบหน้าคร้ามเข้มแสนหล่อเหลาอมยิ้มซ่อนนัยก่อนจะเปิดจุกก๊อกขวดไวน์แล้วทำให้สาวไทยตื่นเต้นจนเนื้อตัวสั่นริกด้วยการราดน้ำสีแดงเบอร์กันดีลงบนร่างกลมกลึงเขาราดรดมันตั้งแต่เนินอก ละเลงไปตามเนื้อตัวด้านหน้าของหญิงสาวที่ผิวขาวอมชมพูดูเหมือนขนมหวานถูกอาบด้วยไวน์จนชุ่ม น้ำสีแดงไหลรินและอาบเอิบไปทั่วทั้งปทุมถันอวบใหญ่ทั้งสองที่กำลังไหวกระเพื่อม หน้าท้องแบนราบ และเนินสามเหลี่ยมที่มีรอยสักเล็ก ๆ นั่น มันไหลลงไปที่ซอกขาและต้นขาขาวผ่อง“อูว...อาร์เธอ...ฉันตื่นเต้นจังเลยค่ะ”เธอบอกความรู้สึกซึ่งแดนเซอร์หนุ่มยังไม่ลืมที่จะขยับเรือนร่างแกร่งกำยำของเขาไปตามจังหวะของบทเพลง kiss kiss ที่เล่นซ้ำอีกครั้ง อาร์เธอวางขวดไวน์เปล่าลงบนบาร์ก่อนจะหันมาจับข้อมืออีกข้างของหญิงสาวไว้ดังเดิมและโน้มใบหน้าหล่อเหลาลงต่ำเพื่อลิ้มเลียยอดปทุมถันสีระเรื่อที่เขายังดูดชิมมันไม่อิ่มเอม 
“อู...ซี๊ด...มันคับมาก...พีชชี่ ทั้งคับทั้งแน่น...อา...”พอได้ยินเช่นนั้นหญิงสาวจึงยกบั้นท้ายให้สูงขึ้นอีกขณะที่เธอจับเก้าอี้เอาไว้แน่น กัญชลิกาเอียงหน้ากลับมามองเขาชั่วแว่บและสังเกตเห็นว่าใบหน้าหล่อเหลาของแดนเซอร์หนุ่มกำลังบิดเบี้ยวเหยเกด้วความเสียวแทบจะเรียกได้ว่าสุดชีวิตของเขาเลยทีเดียว“ซี๊ด...อาร์เธอ...ฉันเริ่มเสียวนิด ๆ แล้วล่ะค่ะ...อูว...อา”ร่างกลมกลึงส่ายบั้นท้ายและโยกเข้าหาตัวเขา จากเบา ๆ ก็เริ่มหนักหน่วงโดยที่อาจารย์สอนรักของนักเรียนสาวยืนเกร็งตัวอยู่ด้านหลัง ร่างสูงใหญ่เริ่มกระเด้าความใหญ่โตของกล้วยหอมที่ทั้งแข็งและอลังการเข้าไปในซอกอันคับแคบตามจังหวะเสียงเพลงแร็พที่ยังดังคลอบทรักอันเร่าร้อนไม่หยุด“อา...ซี๊ด...โอววว...พระเจ้า..เสียวเหลือเกิน คุณทำได้ยังไง พีชชี่...ซี๊ด...อา...อา”อาร์เธอจับสะโพกหญิงสาวไว้แน่นและกระแทกท่อนเนื้อขนาดเขื่องเข้าไปในซอกระหว่างแก้มก้น จากความเจ็บปวดก็กลายเป็นความเสียวกระสันเกินพรรณนา ร่างทั้งสองต่างขย่มโยกไปตามเสียงเพลงและจังหวะคึกคักอาร์เธอจินตนาการว่าเขากำลังอยู่บ
แล้วร่างอรชรก็ค่อยเลื่อนบั้นท้ายลงจากเก้าอี้ เธอเปลี่ยนท่าเป็นหันหลังให้เขา ย้ายสะโพกไปตามเสียงเพลงพร้อม ๆ กับเขาและก้มลงบนเก้าอี้ที่เธอนั่งเมื่อครู่บั้นท้ายงอนงามและก้นกอยหนั่นแน่นโด่งขึ้นและดูเหมือนเจ้าตัวตั้งใจส่ายไปมาอย่างเย้ายั่ว กลีบสีแดงแยกออกเผยให้เห็นร่องสวาทจากทางด้านหลังเธอกำลังเชิญชวนเขา อาร์เธอคิดในใจ และเมื่อมาถึงตอนนี้อาจารย์หนุ่มสอนรักก็ไม่อาจหักห้ามความรู้สึกที่มันพลุ่งพล่านขึ้นมาได้อีกต่อไป เขายังเต้นไปตามจังหวะเสียงเพลงแต่ขยับเขข้าไปชิดบั้นท้ายงอนเด้งที่ส่ายไหวไปมาตรงหน้า“พีชชี่.”“อูววว...อาร์เธอ...ฉันอยากให้กล้วยหอมของคุณ...เข้ามาอยู่ในตัวฉัน”เธอบอกเขาเสียงสั่นขณะที่ชายหนุ่มถอนใจและกลืนน้ำลายลงคอเบา ๆ ในเมื่อมันมาถึงขนาดนี้แล้วเขาก็จำเป็นต้องสอนบทเรียนสุดท้ายให้ลูกศิษย์สาวแสนสวยอย่างไม่อาจเลี่ยง“พีชชี่...โอ...คุณสวยงามมาก”
ชายหนุ่มครวญครางจนหน้าแดง เขาไม่เคยรู้สึกซ่านเสียวมากขนาดนี้มาก่อน เขาเคยผ่านผู้หญิงมา แต่ไม่ใช่หลายคน ถึงเขาจะเป็นแดนเซอร์โชว์ความเซ็กซี่ แต่อาร์เธอก็ไม่ชอบการมีคู่นอนพร่ำเพรื่อ ชายหนุ่มยอมรับกับตัวเองอย่างหนึ่งว่าเขาสะดุดตากับใบหน้าสวยหวานของกัญชลิกาตั้งแต่แรกเห็น และการที่เขายอมรับข้อเสนอของเธอ มาเป็นครูสอนเรื่องรักให้ มันก็มาจากหัวใจของเขาที่เรียกร้อง ไม่ใช่เพียงเพราะค่าตอบแทนบทที่ 7&nb
“ผมรู้ว่าคุณทำได้ยอดเยี่ยม” เขาให้กำลังใจ ยิ้มทรงเสน่ห์ของเขากำลังละลายความรู้สึกของเธอ อาร์เธอละมือออกจากแท่งเนื้อกลางลำตัวของเขาและประสานมือทั้งสองไว้ที่ท้ายทอย เขายกสะโพกขึ้นเล็กน้อยเพื่อให้กัญชลิกาได้มองเห็นความยาวและใหญ่นั่นชัดเจน ใช่...มันทั้งยาวและใหญ่เกินบรรยาย กัญชลิการู้สึกร้อนขึ้นมาที่ซอกขา มันทั้งอบอุ่นและชุมชื้นขึ้นมาอย่างน่าอับอาย แต่หญิงสาวก็ลองลูบไล้ความเป็นชายของเขาที่ผงาดสู้มือ ลูบขึ้นลงเพื่อสัมผัสความอุ่นร้อนจากเนื้อหนังที่เต็มไปด้วยเส้นเอ็นปูดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด มันกระตุกเป็นจังหวะในอุ้งมือเรียวบาง เหยียดขยายและพองตัวทุกครั้งเมื่อมือของเธอสัมผัส ส่วนปลายเรียบลื่นและเบ่งบานนั่นต่างหากที่กำ
เป็นคำพูดที่มาจากความรู้สึกจริง ๆ ของเขา แต่ทำให้หญิงสาวเขินจนหน้าแดงอีกครั้ง “แล้วถ้าคุณเห็นมันชัด ๆ คุณจะร้อนรึเปล่าคะ?” “ผมก็อยากรู้เหมือนกัน” “ถ้าอย่างนั้น...” หญิงสาวเว้นคำพูดไว้ก่อนละมือจากขอบบ๊อกเซอร์และเลื่อนไล้ไปที่ขอบคอเสื้อลูกไม้ซีทรูคว้านกว้าง มันเป็นผ้าสแปนเด็กซ์ที่ยืดหยุ่นมากพอที่หญิงสาวจะสามารถรั้งคอเสื้อลงไปใต้ฐานของทรวงสวยอวบใหญ่และแน่นตึง ปล่อยให้มันดีดเด้งออกมาอวดสายตาของอาร์เธอที่มองความอลังการบนเรือนร่างแสนสวยอย่างตกตะลึง “พระเจ้า...พีชชี่...มัน...ใหญ่มากจริง ๆ”