บัวชมพูซึ่งอยู่ในชุดผ้าสะใบเกาะอกนุ่งผ้าไหมลวดลายงดงามพรั่งพร้อมด้วยเครื่องประดับทองคำและไข่มุกที่มีทั้งสร้อยคอ แหวนและกำไลข้อมือต้องเดินตามเจ้าของร่างสูงใหญ่ซึ่งอยู่ในชุดพื้นเมืองผ้าไหมสีทองอร่าม ใบหน้าคร้ามเข้มนั้นหล่อเหลาตามแบบฉบับของลูกครึ่งไทยรัสเซีย
มือเรียวบางของเธอถูกผูกติดกับมือหนาใหญ่ของ ศาสตรา พ่อเลี้ยงหนุ่มแห่งปางไม้แม่เมยซึ่งบัดนี้อยู่ในฐานะเจ้าบ่าวที่ต้องปฏิบัติตามพิธีกรรมอย่างล้านนาของชาวเหนือ นั่นคือคู่แต่งงานต้องผูกข้อมือไว้ด้วยกันก่อนจะมีการส่งตัวเข้าเรือนหอโดยญาติผู้ใหญ่ทั้งบิดามารดาของฝ่ายหญิงและชายรวมทั้งคนเฒ่าคนแก่ที่มาร่วมจัดพิธี
“ให้ผัวเป็นแก้ว เมียเป็นแสง บ่ดีหื้อเป็นผัวเผต เมียยักษ์ หื้อมีลูกเต็มบ้าน หลานเต็มเมือง หื้อฮักกั๋นแพงกั๋นอยู่ตราบเสี้ยงชีวิต ถ้าผัวเปนไฟ หื้อเมียเปนน้ำ หื้อพ่อชายเป็นหิง แม่ญิงเป็นข้อง”
หลังจากเสียงการให้โอวาทในการครองเรือนสิ้นสุดลงหนุ่มสาวทั้งสองจึงเอนหลังลงไปพร้อมกันบนที่นอนซึ่งเป็นฟูกหนาคลุมด้วยผ้าปูรัดมุมตึงแน่น ด้านบนโรยด้วยกลีบดอกไม้ ฟูกหนาตั้งอยู่ชิดหน้าต่างบนพื้นของห้องนอนภายในเรือนไม้สักขนาดใหญ่ซึ่งถูกใช้เป็นห้องหอ
ด้านนอกเสียงบรรเลงดนตรีไทยยังขับกล่อมแขกเหรื่อที่มาร่วมเลี้ยงฉลองการจัดงานสมรสระหว่างลูกสาวนักธุรกิจชื่อดังและพ่อเลี้ยงเจ้าของปางไม้แม่เมย
เมื่อประตูห้องนอนปิดลงภายในนั้นจึงเหลือเพียงหนุ่มสาวที่นอนอยู่บนฟูกผืนเดียวกัน ข้อมือของเขาและเธอต่างถูกมัดไว้ด้วยด้ายที่ทำจากด้ายดิบหรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าฝ้ายไหมมือ
ร่างเล็กบอบบางของหญิงสาวชาวไทยนอนตะแคงหันหน้าเข้าหาคนตัวใหญ่ซึ่งเป็นลูกครึ่งไทยรัสเซีย ดวงตาสีเขียวอมฟ้าแวววาวบนใบหน้าหล่อเหลากำลังจับจ้องมายังเจ้าสาวของเขา
“คุณจะออกไปจากห้องตอนนี้ก็ได้นะ บัวชมพู”
น้ำเสียงดุดันที่ดังขึ้นทำให้หญิงสาวมีอาการสะดุ้งเล็กน้อย แต่บัวชมพูก็ทำสีหน้าอย่างปกติทั้งที่ในใจเริ่มหวาดหวั่นต่อท่าทีของเจ้าบ่าวที่แสดงความไม่เป็นมิตรออกมา
แน่นอนว่าศาสตราไม่ได้มีความสุขกับการแต่งงานในครั้งนี้ เขาแสดงอาการเคร่งขรึมตลอดเวลาของงานพิธี และมีเพียงเขาและเธอกับญาติสนิทในครอบครัวเท่านั้นที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
นี่ไม่ใช่พิธีแต่งงานที่ถูกจัดขึ้นสำหรับเธอ แต่เป็นงานสมรสที่ต้องจัดขึ้นเพราะ บัวไพลิน พี่สาวของเธอและเป็นเจ้าสาวตัวจริงได้ก่อเหตุอัปยศให้แก่ครอบครัวด้วยการหนีตามผู้ชายอีกคนไปก่อนพิธีแต่งงานเพียงวันเดียว
บัวชมพูผู้มีใบหน้าละม้ายคล้ายกับบัวไพลินซึ่งมีอายุห่างกันแค่ปีเดียวถูกบิดามารดาขอร้องให้ต้องมาทำหน้าที่เจ้าสาวแก้ขัดไปก่อน เพราะพิธีสมรสระหว่างลูกสาวนักธุรกิจใหญ่ของเมืองลำปางและศาสตรา บุตรชายคนเดียวของเจ้าของปางไม้ชื่อดังถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่และคงไม่อาจล้มเลิกงานครั้งนี้ได้เนื่องด้วยต้องรักษาชื่อเสียงของทั้งสองฝ่ายเอาไว้
เหนือสิ่งอื่นใดคือความอัปยศที่บัวไพลินก่อนั้นไม่อาจแพร่งพรายออกไปให้ใครได้รู้ บัวชมพูจึงจำต้องแบกรับหน้าที่ที่เธอก็ไม่ได้เต็มใจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เพื่อรักษาชื่อเสียงของครอบครัว
แต่ตอนนี้ปัญหาใหญ่ไม่ได้อยู่ที่หน้าที่ใหม่ในชีวิตนั่นคือการเป็นเจ้าสาวและเมียของพ่อเลี้ยงศาสตรา แต่กลับกลายเป็นว่าเธอต้องมานั่งเห็นหน้าบอกบุญไม่รับของเขาตลอดทั้งงาน
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ” บัวชมพูตอบเขาด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก “ถ้าฉันออกไปตอนนี้อาจเกิดเสียงครหาว่าคุณเอาได้”
“ดูคุณกลัวเรื่องนี้เหลือเกินนะ เกียรติยศ ชื่อเสียง...ทำไมพี่สาวของคุณถึงไม่คิดแบบนี้บ้าง!”
“ซีนิธ” หญิงสาวครางชื่อที่เขาให้พี่สาวของเธอเรียกตลอดระยะเวลาที่คบหากัน
“ฉันอยากขอโทษสำหรับเรื่องทุกอย่างแทนพี่บีนะคะ”
“ไม่มีอะไรจะลบล้างความผิดของพี่สาวคุณครั้งนี้ได้หรอก! บีทำเหมือนกับเล่นขายของ หรือคุณไม่ได้คิดอย่างผม“
“นั่นคุณจะไปไหนคะ?”
บัวชมพูร้องถามเมื่อชายหนุ่มถอดด้ายที่มัดมือของเขาและเธอเอาไว้และขยับลุกจากฟูกหนา
“คุณไม่ต้องกลัวไปหรอกว่าผมจะออกจากห้องหอนี่ ผมจะไปอาบน้ำ ผมเหนื่อย อยากพักผ่อน”
ศาสตราตอบเสียงห้วนแล้วเดินหายเข้าไปในห้องน้ำขณะที่หญิงสาวมองตามพลางถอนหายใจ เธอรู้ว่าถึงยังไงก็ไม่มีทางแทนที่ บัวไพลิน พี่สาวของเธอที่เขารักได้เป็นแน่เธอก็เป็นแค่ตุ๊กตาตัวหนึ่งที่ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายเต็มใจนำมาชักใยให้กระโดโลดเต้น พูดไปก็เหมือนหนังหน้าไฟ ต้องมาแบกรับปัญหาที่ตัวเองไม่ได้ก่อแถมยังถูกศาสตราแสดงท่าทีรังเกียจเข้าให้เสียอีกไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยรู้จักเขา ศาสตราเป็นลูกชายคนเดียวของเจ้าของปางไม้แม่เมย แม่ของเขาเป็นชาวรัสเซียและเขาก็พึ่งเดินทางกลับมาจากต่างประเทศเมื่อไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้การแต่งงานระหว่างเขากับบัวไพลินก็เกิดขึ้นจากความเห็นชอบของผู้ใหญ่ บัวชมพูรู้ดีว่าพี่สาวของเธอไม่เต็มใจและแบ่งรับแบ่งสู้ทุกครั้งที่ศาสตราเดินทางไปหาที่บ้านแต่ในสายตาของบัวชมพู เขาเป็นผู้ชายที่ดูดีมากคนหนึ่ง แม้จะมีเชื้อสายของชาวต่างชาติแต่ศาสตราก็เป็นหนุ่มวัยยี่สิบแปดที่ดูดีมาก เขาสมบูรณ์แบบและเธอก็รู้สึกชื่นชมตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เห็นบทที่ 2 คืนเข้าหอสำหรับบัวชมพูแล้วจะเรียกสิ่งนั้นว่าความหวั่นไหวเลยก็ได้ ในวัยยี่สิบเอ็ดของหญิงสาวซึ่งเปิดธุรกิจทำสปาเล็ก ๆ เธอไม่เคยพบผู้ชายที่ทั้งหล่อเหลาและมีค
เขาเคยตั้งปณิธานว่าจะรักบัวไพลินคนเดียว แต่พอถูกหักหลังเขาก็ตั้งปณิธานใหม่ว่าจะไม่ให้อภัยใครก็ตามที่ใกล้ชิดผู้หญิงคนนั้น ซึ่งก็รวมทั้งบัวชมพู ที่เขาคิดว่าเธอเสแสร้งแกล้งทำดีเพื่อให้เขาลืมเรื่องอัปยศของพี่สาว กลิ่นน้ำมันหอมผสมกับการนวดจากปลายนิ้วไล่ขึ้นไปจนถึงไหล่กว้าง ลำคอและหลังของเขาทำให้ร่างสูงใหญ่รู้สึกผ่อนคลายลงอย่างมาก แต่น่าแปลกที่เขาไม่หลับเหมือนตอนให้หมอนวดแผนไทยนวดให้ที่ต่างประเทศ ดวงตาสีเขียวอมฟ้าคู่นั้นยังคงจับจ้องอยู่บนใบหน้าและท่าทางของหญิงสาวตลอดเวลา“พลิกตัวซีคะ” บัวชมพูสั่งเขาเบา ๆ และชายหนุ่มก็ทำตามด้วยการพลิกตัวนอนหงาย แต่เขาช่างไม่ระวังทำให้ปมของผ้าขนหนูผืนเล็กเจ้ากรรมที่ขมวดเอาไว้หลุดออกจากกันไปกองอยู่ข้างลำตัว“ซีนิธ...เอ้อ...เอ้อ” หญิงสาวหน้าแดงก่ำเมื่อเห็นความแข็งแกร่งที่กลางลำตัวของเขาตั้งลำขึ้นมา บัวชมพูลอบกลืนน้ำลายกับขนาดใหญ่โตของความเป็นชายซึ่งในชีวิตของเธอไม่เคยเห็นของใครชัด ๆ แบบนี้มาก่อน“ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะบัว?” เขาถามแล้วเหยียดยิ้มพลางประสานมือทั้งสองไว้ที่ท้ายทอย “ไม่เคยเห็นอย่างนั้นหรือ?”“ค่ะ...บัวไม่เคยเห็น” รีบตอบแล้วรีบตวัดผ้าขนหนูขึ้นมาปิดเ
เนื้อสาวขาวผ่องสั่นระริก เธอไม่เคยสัมผัสประสบการณ์แบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต ยิ่งเขาจูบเธอก็ยิ่งอยากกอดอยากลูบไล้ไปบนไหล่กว้าง แต่หญิงสาวก็ทำได้แค่กดฝ่ามือไว้กับบ่าของเขาแน่น ภายในเหมือนมีกองไฟสุมอยู่ยังไงยังงั้นศาสตราก็กำลังเพลิดเพลินต่อรสสัมผัสทางปากแสนซาบซ่านซึ่งเขาไม่เคยได้รับมันจากบัวไพลิน พี่สาวของบัวชมพูยังไม่ยอมให้เขาสัมผัสหรือแตะต้องตัวเธอสักหน แม้แต่จูบสักครั้งก็ยังไม่เคย“อืม...อืม...” ร่างสูงครางลึกในลำคอ ลิ้นของเขากระหวัดเกี่ยวลิ้นเล็กที่ตอบสนองเขาเหมือนเธอพึ่งเรียนรู้การจูบ กลิ่นน้ำมันหอมกำจายออกมาอบอวลล้อมรอบคนทั้งสองที่ตอนนี้ร่างกายผุดผ่องของบัวชมพูที่ยังอยู่ในชุดเจ้าสาวกำลังบดเบียดแนบชิดด้านบนของร่างสูงใหญ่เปลือยเปล่าผ้าขนหนูผืนเล็กหลุดไปจากกลางลำตัวของเขาและกองอยู่ด้านข้างเพราะคนตัวโตขยับสะโพกและลำตัวไปมาด้วยความรัญจวนที่กำลังถาโถม ความร้อนจากแรงเสียดสีทำให้กลิ่นน้ำมันหอมยิ่งฟุ้งกระจายขึ้นมาและมันช่วยกระตุ้นกำหนัดในส่วนลึกของทั้งเขาและเธอได้เป็นอย่างดี“ซีนิธ...ปล่อยบัวเถอะค่ะ” บัวชมพูครางเสียงหอบเมื่อเขาเลื่อนริมฝีปากออกและซุกไซ้ใบหน้าไปตามลำคอระหง“อื๊อ...ปล่อยบัวเถอ
“บัว...ผมเป็นคนแรกใช่มั้ย ที่เห็นมัน?” ชายหนุ่มตั้งคำถามขณะบีบคลึงเบา ๆ ที่ฐานเต้ากลม ไม่ใช่ว่าบัวชมพูไม่อยากตอบคำถามของเขา แต่เธอกำลังตื่นเต้นจนพูดอะไรแทบไม่ออกตอนนี้ “ค่ะ” เธอพยักหน้าน้อย ๆ “คุณเป็นคนแรกที่ได้เห็นค่ะ ซีนิธ” หญิงสาวตอบอย่างเอียงอาย ไม่เคยรู้สึกอะไรอย่างนี้มาก่อน ในท้องไส้ปั่นป่วน ความร้อนพุ่งขึ้นสูงและเหมือนจะพาลไม่สบาย เนื้อตัวของเธอกำลังเปิดเผยต่อเขาจนหมดไม่มีเหลือ“บัว...ขอผมดูชัด ๆ “ เขาร้องขอแต่มือหนากลับดึงแขนของเธอออกโดยไม่ฟังเสียงอนุญาตจากเจ้าของเสียก่อน ศาสตราตรึงข้อมือของหญิงสาวไว้ข้าง ๆ ลำตัว ประกายตาสีฟ้าแกมเขียวบนใบหน้าหล่อเหลาเป็นประกายระยิบระยับ เนื้อในของบัวชมพูงดงามเหมือนชื่อของเธอทรวงอกเต็มตึงที่ทั้งอวบใหญ่และหนั่นแน่นกระเพื่อมขึ้นลงตามแรงหายใจและจุดความร้อนรุ่มในกายหนุ่มจนไม่อาจเก็บกลั้น ศาสตราโน้มใบหน้าลงต่ำและกดริมฝีปากร้อนลงบนส่วนยอดสีสวยที่อ่อนไหวและทำให้ร่างสาวสะดุ้งเล็กน้อย“อุ๊ย! ซี๊ด...” เสียงครางที่หลุดออกมาจากปากจิ้มลิ้มเบามากจนเขาแทบไม่ได้ยินในตอนแรก แต่เมื่อพ่อเลี้ยงหนุ่มตวัดปลายลิ้นไปบนยอดอัญมณีสีสวยหญิงสาวก็สะ
“บัว...ผมเป็นคนแรกใช่มั้ย ที่เห็นมัน?” ชายหนุ่มตั้งคำถามขณะบีบคลึงเบา ๆ ที่ฐานเต้ากลม ไม่ใช่ว่าบัวชมพูไม่อยากตอบคำถามของเขา แต่เธอกำลังตื่นเต้นจนพูดอะไรแทบไม่ออกตอนนี้ “ค่ะ” เธอพยักหน้าน้อย ๆ “คุณเป็นคนแรกที่ได้เห็นค่ะ ซีนิธ” หญิงสาวตอบอย่างเอียงอาย ไม่เคยรู้สึกอะไรอย่างนี้มาก่อน ในท้องไส้ปั่นป่วน ความร้อนพุ่งขึ้นสูงและเหมือนจะพาลไม่สบาย เนื้อตัวของเธอกำลังเปิดเผยต่อเขาจนหมดไม่มีเหลือ“บัว...ขอผมดูชัด ๆ “ เขาร้องขอแต่มือหนากลับดึงแขนของเธอออกโดยไม่ฟังเสียงอนุญาตจากเจ้าของเสียก่อน ศาสตราตรึงข้อมือของหญิงสาวไว้ข้าง ๆ ลำตัว ประกายตาสีฟ้าแกมเขียวบนใบหน้าหล่อเหลาเป็นประกายระยิบระยับ เนื้อในของบัวชมพูงดงามเหมือนชื่อของเธอทรวงอกเต็มตึงที่ทั้งอวบใหญ่และหนั่นแน่นกระเพื่อมขึ้นลงตามแรงหายใจและจุดความร้อนรุ่มในกายหนุ่มจนไม่อาจเก็บกลั้น ศาสตราโน้มใบหน้าลงต่ำและกดริมฝีปากร้อนลงบนส่วนยอดสีสวยที่อ่อนไหวและทำให้ร่างสาวสะดุ้งเล็กน้อย“อุ๊ย! ซี๊ด...” เสียงครางที่หลุดออกมาจากปากจิ้มลิ้มเบามากจนเขาแทบไม่ได้ยินในตอนแรก แต่เมื่อพ่อเลี้ยงหนุ่มตวัดปลายลิ้นไปบนยอดอัญมณีสีสวยหญิงสาวก็สะ
เนื้อสาวขาวผ่องสั่นระริก เธอไม่เคยสัมผัสประสบการณ์แบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต ยิ่งเขาจูบเธอก็ยิ่งอยากกอดอยากลูบไล้ไปบนไหล่กว้าง แต่หญิงสาวก็ทำได้แค่กดฝ่ามือไว้กับบ่าของเขาแน่น ภายในเหมือนมีกองไฟสุมอยู่ยังไงยังงั้นศาสตราก็กำลังเพลิดเพลินต่อรสสัมผัสทางปากแสนซาบซ่านซึ่งเขาไม่เคยได้รับมันจากบัวไพลิน พี่สาวของบัวชมพูยังไม่ยอมให้เขาสัมผัสหรือแตะต้องตัวเธอสักหน แม้แต่จูบสักครั้งก็ยังไม่เคย“อืม...อืม...” ร่างสูงครางลึกในลำคอ ลิ้นของเขากระหวัดเกี่ยวลิ้นเล็กที่ตอบสนองเขาเหมือนเธอพึ่งเรียนรู้การจูบ กลิ่นน้ำมันหอมกำจายออกมาอบอวลล้อมรอบคนทั้งสองที่ตอนนี้ร่างกายผุดผ่องของบัวชมพูที่ยังอยู่ในชุดเจ้าสาวกำลังบดเบียดแนบชิดด้านบนของร่างสูงใหญ่เปลือยเปล่าผ้าขนหนูผืนเล็กหลุดไปจากกลางลำตัวของเขาและกองอยู่ด้านข้างเพราะคนตัวโตขยับสะโพกและลำตัวไปมาด้วยความรัญจวนที่กำลังถาโถม ความร้อนจากแรงเสียดสีทำให้กลิ่นน้ำมันหอมยิ่งฟุ้งกระจายขึ้นมาและมันช่วยกระตุ้นกำหนัดในส่วนลึกของทั้งเขาและเธอได้เป็นอย่างดี“ซีนิธ...ปล่อยบัวเถอะค่ะ” บัวชมพูครางเสียงหอบเมื่อเขาเลื่อนริมฝีปากออกและซุกไซ้ใบหน้าไปตามลำคอระหง“อื๊อ...ปล่อยบัวเถอ
เขาเคยตั้งปณิธานว่าจะรักบัวไพลินคนเดียว แต่พอถูกหักหลังเขาก็ตั้งปณิธานใหม่ว่าจะไม่ให้อภัยใครก็ตามที่ใกล้ชิดผู้หญิงคนนั้น ซึ่งก็รวมทั้งบัวชมพู ที่เขาคิดว่าเธอเสแสร้งแกล้งทำดีเพื่อให้เขาลืมเรื่องอัปยศของพี่สาว กลิ่นน้ำมันหอมผสมกับการนวดจากปลายนิ้วไล่ขึ้นไปจนถึงไหล่กว้าง ลำคอและหลังของเขาทำให้ร่างสูงใหญ่รู้สึกผ่อนคลายลงอย่างมาก แต่น่าแปลกที่เขาไม่หลับเหมือนตอนให้หมอนวดแผนไทยนวดให้ที่ต่างประเทศ ดวงตาสีเขียวอมฟ้าคู่นั้นยังคงจับจ้องอยู่บนใบหน้าและท่าทางของหญิงสาวตลอดเวลา“พลิกตัวซีคะ” บัวชมพูสั่งเขาเบา ๆ และชายหนุ่มก็ทำตามด้วยการพลิกตัวนอนหงาย แต่เขาช่างไม่ระวังทำให้ปมของผ้าขนหนูผืนเล็กเจ้ากรรมที่ขมวดเอาไว้หลุดออกจากกันไปกองอยู่ข้างลำตัว“ซีนิธ...เอ้อ...เอ้อ” หญิงสาวหน้าแดงก่ำเมื่อเห็นความแข็งแกร่งที่กลางลำตัวของเขาตั้งลำขึ้นมา บัวชมพูลอบกลืนน้ำลายกับขนาดใหญ่โตของความเป็นชายซึ่งในชีวิตของเธอไม่เคยเห็นของใครชัด ๆ แบบนี้มาก่อน“ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะบัว?” เขาถามแล้วเหยียดยิ้มพลางประสานมือทั้งสองไว้ที่ท้ายทอย “ไม่เคยเห็นอย่างนั้นหรือ?”“ค่ะ...บัวไม่เคยเห็น” รีบตอบแล้วรีบตวัดผ้าขนหนูขึ้นมาปิดเ
ศาสตราตอบเสียงห้วนแล้วเดินหายเข้าไปในห้องน้ำขณะที่หญิงสาวมองตามพลางถอนหายใจ เธอรู้ว่าถึงยังไงก็ไม่มีทางแทนที่ บัวไพลิน พี่สาวของเธอที่เขารักได้เป็นแน่เธอก็เป็นแค่ตุ๊กตาตัวหนึ่งที่ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายเต็มใจนำมาชักใยให้กระโดโลดเต้น พูดไปก็เหมือนหนังหน้าไฟ ต้องมาแบกรับปัญหาที่ตัวเองไม่ได้ก่อแถมยังถูกศาสตราแสดงท่าทีรังเกียจเข้าให้เสียอีกไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยรู้จักเขา ศาสตราเป็นลูกชายคนเดียวของเจ้าของปางไม้แม่เมย แม่ของเขาเป็นชาวรัสเซียและเขาก็พึ่งเดินทางกลับมาจากต่างประเทศเมื่อไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้การแต่งงานระหว่างเขากับบัวไพลินก็เกิดขึ้นจากความเห็นชอบของผู้ใหญ่ บัวชมพูรู้ดีว่าพี่สาวของเธอไม่เต็มใจและแบ่งรับแบ่งสู้ทุกครั้งที่ศาสตราเดินทางไปหาที่บ้านแต่ในสายตาของบัวชมพู เขาเป็นผู้ชายที่ดูดีมากคนหนึ่ง แม้จะมีเชื้อสายของชาวต่างชาติแต่ศาสตราก็เป็นหนุ่มวัยยี่สิบแปดที่ดูดีมาก เขาสมบูรณ์แบบและเธอก็รู้สึกชื่นชมตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เห็นบทที่ 2 คืนเข้าหอสำหรับบัวชมพูแล้วจะเรียกสิ่งนั้นว่าความหวั่นไหวเลยก็ได้ ในวัยยี่สิบเอ็ดของหญิงสาวซึ่งเปิดธุรกิจทำสปาเล็ก ๆ เธอไม่เคยพบผู้ชายที่ทั้งหล่อเหลาและมีค
บัวชมพูซึ่งอยู่ในชุดผ้าสะใบเกาะอกนุ่งผ้าไหมลวดลายงดงามพรั่งพร้อมด้วยเครื่องประดับทองคำและไข่มุกที่มีทั้งสร้อยคอ แหวนและกำไลข้อมือต้องเดินตามเจ้าของร่างสูงใหญ่ซึ่งอยู่ในชุดพื้นเมืองผ้าไหมสีทองอร่าม ใบหน้าคร้ามเข้มนั้นหล่อเหลาตามแบบฉบับของลูกครึ่งไทยรัสเซียมือเรียวบางของเธอถูกผูกติดกับมือหนาใหญ่ของ ศาสตรา พ่อเลี้ยงหนุ่มแห่งปางไม้แม่เมยซึ่งบัดนี้อยู่ในฐานะเจ้าบ่าวที่ต้องปฏิบัติตามพิธีกรรมอย่างล้านนาของชาวเหนือ นั่นคือคู่แต่งงานต้องผูกข้อมือไว้ด้วยกันก่อนจะมีการส่งตัวเข้าเรือนหอโดยญาติผู้ใหญ่ทั้งบิดามารดาของฝ่ายหญิงและชายรวมทั้งคนเฒ่าคนแก่ที่มาร่วมจัดพิธี“ให้ผัวเป็นแก้ว เมียเป็นแสง บ่ดีหื้อเป็นผัวเผต เมียยักษ์ หื้อมีลูกเต็มบ้าน หลานเต็มเมือง หื้อฮักกั๋นแพงกั๋นอยู่ตราบเสี้ยงชีวิต ถ้าผัวเปนไฟ หื้อเมียเปนน้ำ หื้อพ่อชายเป็นหิง แม่ญิงเป็นข้อง”หลังจากเสียงการให้โอวาทในการครองเรือนสิ้นสุดลงหนุ่มสาวทั้งสองจึงเอนหลังลงไปพร้อมกันบนที่นอนซึ่งเป็นฟูกหนาคลุมด้วยผ้าปูรัดมุมตึงแน่น ด้านบนโรยด้วยกลีบดอกไม้ ฟูกหนาตั้งอยู่ชิดหน้าต่างบนพื้นของห้องนอนภายในเรือนไม้สักขนาดใหญ่ซึ่งถูกใช้เป็นห้องหอด้านน