ศาสตราตอบเสียงห้วนแล้วเดินหายเข้าไปในห้องน้ำขณะที่หญิงสาวมองตามพลางถอนหายใจ เธอรู้ว่าถึงยังไงก็ไม่มีทางแทนที่ บัวไพลิน พี่สาวของเธอที่เขารักได้เป็นแน่
เธอก็เป็นแค่ตุ๊กตาตัวหนึ่งที่ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายเต็มใจนำมาชักใยให้กระโดโลดเต้น พูดไปก็เหมือนหนังหน้าไฟ ต้องมาแบกรับปัญหาที่ตัวเองไม่ได้ก่อแถมยังถูกศาสตราแสดงท่าทีรังเกียจเข้าให้เสียอีก
ไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยรู้จักเขา ศาสตราเป็นลูกชายคนเดียวของเจ้าของปางไม้แม่เมย แม่ของเขาเป็นชาวรัสเซียและเขาก็พึ่งเดินทางกลับมาจากต่างประเทศเมื่อไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้
การแต่งงานระหว่างเขากับบัวไพลินก็เกิดขึ้นจากความเห็นชอบของผู้ใหญ่ บัวชมพูรู้ดีว่าพี่สาวของเธอไม่เต็มใจและแบ่งรับแบ่งสู้ทุกครั้งที่ศาสตราเดินทางไปหาที่บ้าน
แต่ในสายตาของบัวชมพู เขาเป็นผู้ชายที่ดูดีมากคนหนึ่ง แม้จะมีเชื้อสายของชาวต่างชาติแต่ศาสตราก็เป็นหนุ่มวัยยี่สิบแปดที่ดูดีมาก เขาสมบูรณ์แบบและเธอก็รู้สึกชื่นชมตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เห็น
บทที่ 2 คืนเข้าหอ
สำหรับบัวชมพูแล้วจะเรียกสิ่งนั้นว่าความหวั่นไหวเลยก็ได้ ในวัยยี่สิบเอ็ดของหญิงสาวซึ่งเปิดธุรกิจทำสปาเล็ก ๆ เธอไม่เคยพบผู้ชายที่ทั้งหล่อเหลาและมีความเป็นสุภาพบุรุษอย่างศาสตรา เธอแอบมองเขาบ่อย ๆ ตอนแวะไปหาบัวไพลินที่บ้าน
มองเรือนร่างสูงใหญ่กำยำและรอยยิ้มทรงเสน่ห์ที่ยังประทับตราตรึงในความทรงจำตั้งแต่แรกเห็น แต่เธอก็ไม่เคยเปิดเผยเรื่องนี้ให้ใครรับรู้และยังแสดงความยินดีกับพี่สาวเมื่อใกล้เวลาพิธีแต่งงาน
เธอตื่นเต้นเวลาได้พูดคุยกับเขา แต่ดูเหมือนความฝันของตัวเองจะห่างไกลเพราะพ่อเลี้ยงลูกครึ่งหนุ่มดูจะให้ความสนใจกับพี่สาวของเธอมากเป็นพิเศษ
บัวชมพูหยุดความคิดของตัวเองลงเมื่อเจ้าของร่างสูงก้าวออกมาจากห้องน้ำ เขาอยู่ในผ้าขนหนูผืนเดียวซึ่งมันก็มีขนาดเล็กแค่ปกปิดด้านหน้าอย่างหมิ่นเหม่แถมสั้นเต่อขึ้นมาถึงต้นขา
ตามลำตัวสีแทนและบนหน้าอกที่เต็มไปด้วยไรขนมีละอองน้ำเกาะพราว ศาสตราถือผ้าเช็ดตัวผืนเล็กออกมาด้วย เขาขยี้มันบนเรือนผมสีน้ำตาลประกายทองแล้วเดินตรงไปหย่อนตัวลงนั่งบนฟูก
ดูเขาจะไม่สนใจหญิงสาวซึ่งยังอยู่ในชุดแต่งงานซึ่งเป็นสะใบเกาะอกเผยให้เห็นหน้าท้องแบนราบดูเซ็กซี่เล็ก ๆ เจ้าของใบหน้ารูปไข่ใต้กรอบเรือนผมยาวดำขลับถูกมุ่นเป็นมวยไว้กลอกดวงตากลมโตมองเขาขณะเม้มปากจิ้มลิ้มไว้แน่น
“คุณศาสตราอาบน้ำเสร็จแล้วหรือคะ?”
“เรียกผมว่าซีนิธ” เขาตอบกลับมาห้วน ๆ และหันมามองเธอชัด ๆ ถึงบัวชมพูจะมีใบหน้าละม้ายคล้ายบัวไพลินแต่เขากลับมองเห็นความแตกต่างฉายชัดอยู่ในดวงตาแสนซื่อและดูเหมือนไร้เดียงสาคู่นั้น แต่ถ้าหากเป็นพี่น้องกันนิสัยก็คงไม่แตกต่างกันอยู่แล้ว
“คุณเปิดสปาอยู่ใช่มั้ยตอนนี้...เอ้อ...”
“บัวค่ะ” หญิงสาวต้องบอกชื่อเหมือนพึ่งเคยทำความรู้จักกับเขา แต่ความจริงศาสตราก็ไม่ได้สนิทกับเธอเหมือนบัวไพลิน เขาได้คุยกับเธอเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น
“ค่ะ...บัวทำสปาอยู่ที่บ้าน มันเป็นสปาเล็ก ๆ น่ะค่ะ”
หญิงสาวตอบแต่ไม่ยอมสบตากับเขาตรง ๆ หัวใจของเธอเต้นแรงเมื่ออยู่ต่อหน้าศาสตรา เหมือนตอนพบเขาเมื่อก่อนจนกระทั่งตอนนี้ความหวั่นไหวนั้นก็ไม่ได้ลดน้อยลงเลย ตรงข้ามมันกลับยิ่งทวีคูณ พาลทำให้เธอมือสั่นจนต้องจับมันไว้บนตักแน่น
“ถ้าอย่างนั้นเธอก็คงนวดเป็นซีนะ นวดแบบ Thai Massage น่ะ ตอนอยู่ต่างประเทศฉันชอบมาก”
เขาพูดแต่ดวงตายังคงดุดัน บัวชมพูไม่ทันได้เห็นประกายกล้าในดวงตาคู่นั้น เธอได้แต่พยักหน้ารับ
“ค่ะ”
“ช่วยนวดให้ฉันหน่อย...น้ำมันหอมอยู่ที่หัวนอน ฉันให้คนเอามันมาไว้เอง”
ศาสตรากล่าวจบก็ล้มตัวลงนอนคว่ำ ยืดขาหนาใหญ่ไปบนฟูกขณะที่หญิงสาวหันไปมองขวดน้ำมันหอมเล็ก ๆ สองสามขวดวางเรียงอยู่ที่หัวนอน บัวชมพูหันกลับมามองแผ่นหลังของชายหนุ่ม เขาไม่พูดเรื่องบาดหมางใจของบัวไพลินอีก แต่เขากำลังคิดอะไรอยู่นะ
ร่างแน่งน้อยขยับห่างจากเขาและเอื้อมมือหยิบขวดน้ำมันขึ้นมาก่อนบรรจงเทใส่ฝ่ามือแล้วเริ่มนวดให้เขาเบา ๆ จากปลายนิ้วเท้าไล่ขึ้นไปถึงแผ่นหลังกว้าง แขนหนาใหญ่จนกระทั่งถึงปลายนิ้วแกร่ง
ศาสตรานอนอยู่ในท่าตะแคงใบหน้ามายังเธอ เขาลืมตามองทุกท่วงท่าการนวดของหญิงสาว พินิจใบหน้าสวยหวานเรื่อยลงมาถึงลำคอระหง
บัวชมพูมีทุกอย่างไม่ผิดเพี้ยนไปจากบัวไพลิน ทั้งใบหน้าแสนสวย เครื่องหน้างดงาม ผิวขาวละเอียด รูปร่างบอบบางแต่เขากลับสังเกตเห็นบางอย่างที่ทำให้ไม่แน่ใจ
นั่นคือเนินอกอวบอิ่มที่โผล่พ้นผ้าสะใบเกาะอก มันล้นออกมาเห็นเป็นร่องอิ่มชวนให้รู้สึกวาบหวาม มันดูใหญ่เกินตัวของเธอ แต่ศาสตราก็พยายามบังคับใจ
เขาเคยตั้งปณิธานว่าจะรักบัวไพลินคนเดียว แต่พอถูกหักหลังเขาก็ตั้งปณิธานใหม่ว่าจะไม่ให้อภัยใครก็ตามที่ใกล้ชิดผู้หญิงคนนั้น ซึ่งก็รวมทั้งบัวชมพู ที่เขาคิดว่าเธอเสแสร้งแกล้งทำดีเพื่อให้เขาลืมเรื่องอัปยศของพี่สาว กลิ่นน้ำมันหอมผสมกับการนวดจากปลายนิ้วไล่ขึ้นไปจนถึงไหล่กว้าง ลำคอและหลังของเขาทำให้ร่างสูงใหญ่รู้สึกผ่อนคลายลงอย่างมาก แต่น่าแปลกที่เขาไม่หลับเหมือนตอนให้หมอนวดแผนไทยนวดให้ที่ต่างประเทศ ดวงตาสีเขียวอมฟ้าคู่นั้นยังคงจับจ้องอยู่บนใบหน้าและท่าทางของหญิงสาวตลอดเวลา“พลิกตัวซีคะ” บัวชมพูสั่งเขาเบา ๆ และชายหนุ่มก็ทำตามด้วยการพลิกตัวนอนหงาย แต่เขาช่างไม่ระวังทำให้ปมของผ้าขนหนูผืนเล็กเจ้ากรรมที่ขมวดเอาไว้หลุดออกจากกันไปกองอยู่ข้างลำตัว“ซีนิธ...เอ้อ...เอ้อ” หญิงสาวหน้าแดงก่ำเมื่อเห็นความแข็งแกร่งที่กลางลำตัวของเขาตั้งลำขึ้นมา บัวชมพูลอบกลืนน้ำลายกับขนาดใหญ่โตของความเป็นชายซึ่งในชีวิตของเธอไม่เคยเห็นของใครชัด ๆ แบบนี้มาก่อน“ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะบัว?” เขาถามแล้วเหยียดยิ้มพลางประสานมือทั้งสองไว้ที่ท้ายทอย “ไม่เคยเห็นอย่างนั้นหรือ?”“ค่ะ...บัวไม่เคยเห็น” รีบตอบแล้วรีบตวัดผ้าขนหนูขึ้นมาปิดเ
เนื้อสาวขาวผ่องสั่นระริก เธอไม่เคยสัมผัสประสบการณ์แบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต ยิ่งเขาจูบเธอก็ยิ่งอยากกอดอยากลูบไล้ไปบนไหล่กว้าง แต่หญิงสาวก็ทำได้แค่กดฝ่ามือไว้กับบ่าของเขาแน่น ภายในเหมือนมีกองไฟสุมอยู่ยังไงยังงั้นศาสตราก็กำลังเพลิดเพลินต่อรสสัมผัสทางปากแสนซาบซ่านซึ่งเขาไม่เคยได้รับมันจากบัวไพลิน พี่สาวของบัวชมพูยังไม่ยอมให้เขาสัมผัสหรือแตะต้องตัวเธอสักหน แม้แต่จูบสักครั้งก็ยังไม่เคย“อืม...อืม...” ร่างสูงครางลึกในลำคอ ลิ้นของเขากระหวัดเกี่ยวลิ้นเล็กที่ตอบสนองเขาเหมือนเธอพึ่งเรียนรู้การจูบ กลิ่นน้ำมันหอมกำจายออกมาอบอวลล้อมรอบคนทั้งสองที่ตอนนี้ร่างกายผุดผ่องของบัวชมพูที่ยังอยู่ในชุดเจ้าสาวกำลังบดเบียดแนบชิดด้านบนของร่างสูงใหญ่เปลือยเปล่าผ้าขนหนูผืนเล็กหลุดไปจากกลางลำตัวของเขาและกองอยู่ด้านข้างเพราะคนตัวโตขยับสะโพกและลำตัวไปมาด้วยความรัญจวนที่กำลังถาโถม ความร้อนจากแรงเสียดสีทำให้กลิ่นน้ำมันหอมยิ่งฟุ้งกระจายขึ้นมาและมันช่วยกระตุ้นกำหนัดในส่วนลึกของทั้งเขาและเธอได้เป็นอย่างดี“ซีนิธ...ปล่อยบัวเถอะค่ะ” บัวชมพูครางเสียงหอบเมื่อเขาเลื่อนริมฝีปากออกและซุกไซ้ใบหน้าไปตามลำคอระหง“อื๊อ...ปล่อยบัวเถอ
“บัว...ผมเป็นคนแรกใช่มั้ย ที่เห็นมัน?” ชายหนุ่มตั้งคำถามขณะบีบคลึงเบา ๆ ที่ฐานเต้ากลม ไม่ใช่ว่าบัวชมพูไม่อยากตอบคำถามของเขา แต่เธอกำลังตื่นเต้นจนพูดอะไรแทบไม่ออกตอนนี้ “ค่ะ” เธอพยักหน้าน้อย ๆ “คุณเป็นคนแรกที่ได้เห็นค่ะ ซีนิธ” หญิงสาวตอบอย่างเอียงอาย ไม่เคยรู้สึกอะไรอย่างนี้มาก่อน ในท้องไส้ปั่นป่วน ความร้อนพุ่งขึ้นสูงและเหมือนจะพาลไม่สบาย เนื้อตัวของเธอกำลังเปิดเผยต่อเขาจนหมดไม่มีเหลือ“บัว...ขอผมดูชัด ๆ “ เขาร้องขอแต่มือหนากลับดึงแขนของเธอออกโดยไม่ฟังเสียงอนุญาตจากเจ้าของเสียก่อน ศาสตราตรึงข้อมือของหญิงสาวไว้ข้าง ๆ ลำตัว ประกายตาสีฟ้าแกมเขียวบนใบหน้าหล่อเหลาเป็นประกายระยิบระยับ เนื้อในของบัวชมพูงดงามเหมือนชื่อของเธอทรวงอกเต็มตึงที่ทั้งอวบใหญ่และหนั่นแน่นกระเพื่อมขึ้นลงตามแรงหายใจและจุดความร้อนรุ่มในกายหนุ่มจนไม่อาจเก็บกลั้น ศาสตราโน้มใบหน้าลงต่ำและกดริมฝีปากร้อนลงบนส่วนยอดสีสวยที่อ่อนไหวและทำให้ร่างสาวสะดุ้งเล็กน้อย“อุ๊ย! ซี๊ด...” เสียงครางที่หลุดออกมาจากปากจิ้มลิ้มเบามากจนเขาแทบไม่ได้ยินในตอนแรก แต่เมื่อพ่อเลี้ยงหนุ่มตวัดปลายลิ้นไปบนยอดอัญมณีสีสวยหญิงสาวก็สะ
บัวชมพูซึ่งอยู่ในชุดผ้าสะใบเกาะอกนุ่งผ้าไหมลวดลายงดงามพรั่งพร้อมด้วยเครื่องประดับทองคำและไข่มุกที่มีทั้งสร้อยคอ แหวนและกำไลข้อมือต้องเดินตามเจ้าของร่างสูงใหญ่ซึ่งอยู่ในชุดพื้นเมืองผ้าไหมสีทองอร่าม ใบหน้าคร้ามเข้มนั้นหล่อเหลาตามแบบฉบับของลูกครึ่งไทยรัสเซียมือเรียวบางของเธอถูกผูกติดกับมือหนาใหญ่ของ ศาสตรา พ่อเลี้ยงหนุ่มแห่งปางไม้แม่เมยซึ่งบัดนี้อยู่ในฐานะเจ้าบ่าวที่ต้องปฏิบัติตามพิธีกรรมอย่างล้านนาของชาวเหนือ นั่นคือคู่แต่งงานต้องผูกข้อมือไว้ด้วยกันก่อนจะมีการส่งตัวเข้าเรือนหอโดยญาติผู้ใหญ่ทั้งบิดามารดาของฝ่ายหญิงและชายรวมทั้งคนเฒ่าคนแก่ที่มาร่วมจัดพิธี“ให้ผัวเป็นแก้ว เมียเป็นแสง บ่ดีหื้อเป็นผัวเผต เมียยักษ์ หื้อมีลูกเต็มบ้าน หลานเต็มเมือง หื้อฮักกั๋นแพงกั๋นอยู่ตราบเสี้ยงชีวิต ถ้าผัวเปนไฟ หื้อเมียเปนน้ำ หื้อพ่อชายเป็นหิง แม่ญิงเป็นข้อง”หลังจากเสียงการให้โอวาทในการครองเรือนสิ้นสุดลงหนุ่มสาวทั้งสองจึงเอนหลังลงไปพร้อมกันบนที่นอนซึ่งเป็นฟูกหนาคลุมด้วยผ้าปูรัดมุมตึงแน่น ด้านบนโรยด้วยกลีบดอกไม้ ฟูกหนาตั้งอยู่ชิดหน้าต่างบนพื้นของห้องนอนภายในเรือนไม้สักขนาดใหญ่ซึ่งถูกใช้เป็นห้องหอด้านน
“บัว...ผมเป็นคนแรกใช่มั้ย ที่เห็นมัน?” ชายหนุ่มตั้งคำถามขณะบีบคลึงเบา ๆ ที่ฐานเต้ากลม ไม่ใช่ว่าบัวชมพูไม่อยากตอบคำถามของเขา แต่เธอกำลังตื่นเต้นจนพูดอะไรแทบไม่ออกตอนนี้ “ค่ะ” เธอพยักหน้าน้อย ๆ “คุณเป็นคนแรกที่ได้เห็นค่ะ ซีนิธ” หญิงสาวตอบอย่างเอียงอาย ไม่เคยรู้สึกอะไรอย่างนี้มาก่อน ในท้องไส้ปั่นป่วน ความร้อนพุ่งขึ้นสูงและเหมือนจะพาลไม่สบาย เนื้อตัวของเธอกำลังเปิดเผยต่อเขาจนหมดไม่มีเหลือ“บัว...ขอผมดูชัด ๆ “ เขาร้องขอแต่มือหนากลับดึงแขนของเธอออกโดยไม่ฟังเสียงอนุญาตจากเจ้าของเสียก่อน ศาสตราตรึงข้อมือของหญิงสาวไว้ข้าง ๆ ลำตัว ประกายตาสีฟ้าแกมเขียวบนใบหน้าหล่อเหลาเป็นประกายระยิบระยับ เนื้อในของบัวชมพูงดงามเหมือนชื่อของเธอทรวงอกเต็มตึงที่ทั้งอวบใหญ่และหนั่นแน่นกระเพื่อมขึ้นลงตามแรงหายใจและจุดความร้อนรุ่มในกายหนุ่มจนไม่อาจเก็บกลั้น ศาสตราโน้มใบหน้าลงต่ำและกดริมฝีปากร้อนลงบนส่วนยอดสีสวยที่อ่อนไหวและทำให้ร่างสาวสะดุ้งเล็กน้อย“อุ๊ย! ซี๊ด...” เสียงครางที่หลุดออกมาจากปากจิ้มลิ้มเบามากจนเขาแทบไม่ได้ยินในตอนแรก แต่เมื่อพ่อเลี้ยงหนุ่มตวัดปลายลิ้นไปบนยอดอัญมณีสีสวยหญิงสาวก็สะ
เนื้อสาวขาวผ่องสั่นระริก เธอไม่เคยสัมผัสประสบการณ์แบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต ยิ่งเขาจูบเธอก็ยิ่งอยากกอดอยากลูบไล้ไปบนไหล่กว้าง แต่หญิงสาวก็ทำได้แค่กดฝ่ามือไว้กับบ่าของเขาแน่น ภายในเหมือนมีกองไฟสุมอยู่ยังไงยังงั้นศาสตราก็กำลังเพลิดเพลินต่อรสสัมผัสทางปากแสนซาบซ่านซึ่งเขาไม่เคยได้รับมันจากบัวไพลิน พี่สาวของบัวชมพูยังไม่ยอมให้เขาสัมผัสหรือแตะต้องตัวเธอสักหน แม้แต่จูบสักครั้งก็ยังไม่เคย“อืม...อืม...” ร่างสูงครางลึกในลำคอ ลิ้นของเขากระหวัดเกี่ยวลิ้นเล็กที่ตอบสนองเขาเหมือนเธอพึ่งเรียนรู้การจูบ กลิ่นน้ำมันหอมกำจายออกมาอบอวลล้อมรอบคนทั้งสองที่ตอนนี้ร่างกายผุดผ่องของบัวชมพูที่ยังอยู่ในชุดเจ้าสาวกำลังบดเบียดแนบชิดด้านบนของร่างสูงใหญ่เปลือยเปล่าผ้าขนหนูผืนเล็กหลุดไปจากกลางลำตัวของเขาและกองอยู่ด้านข้างเพราะคนตัวโตขยับสะโพกและลำตัวไปมาด้วยความรัญจวนที่กำลังถาโถม ความร้อนจากแรงเสียดสีทำให้กลิ่นน้ำมันหอมยิ่งฟุ้งกระจายขึ้นมาและมันช่วยกระตุ้นกำหนัดในส่วนลึกของทั้งเขาและเธอได้เป็นอย่างดี“ซีนิธ...ปล่อยบัวเถอะค่ะ” บัวชมพูครางเสียงหอบเมื่อเขาเลื่อนริมฝีปากออกและซุกไซ้ใบหน้าไปตามลำคอระหง“อื๊อ...ปล่อยบัวเถอ
เขาเคยตั้งปณิธานว่าจะรักบัวไพลินคนเดียว แต่พอถูกหักหลังเขาก็ตั้งปณิธานใหม่ว่าจะไม่ให้อภัยใครก็ตามที่ใกล้ชิดผู้หญิงคนนั้น ซึ่งก็รวมทั้งบัวชมพู ที่เขาคิดว่าเธอเสแสร้งแกล้งทำดีเพื่อให้เขาลืมเรื่องอัปยศของพี่สาว กลิ่นน้ำมันหอมผสมกับการนวดจากปลายนิ้วไล่ขึ้นไปจนถึงไหล่กว้าง ลำคอและหลังของเขาทำให้ร่างสูงใหญ่รู้สึกผ่อนคลายลงอย่างมาก แต่น่าแปลกที่เขาไม่หลับเหมือนตอนให้หมอนวดแผนไทยนวดให้ที่ต่างประเทศ ดวงตาสีเขียวอมฟ้าคู่นั้นยังคงจับจ้องอยู่บนใบหน้าและท่าทางของหญิงสาวตลอดเวลา“พลิกตัวซีคะ” บัวชมพูสั่งเขาเบา ๆ และชายหนุ่มก็ทำตามด้วยการพลิกตัวนอนหงาย แต่เขาช่างไม่ระวังทำให้ปมของผ้าขนหนูผืนเล็กเจ้ากรรมที่ขมวดเอาไว้หลุดออกจากกันไปกองอยู่ข้างลำตัว“ซีนิธ...เอ้อ...เอ้อ” หญิงสาวหน้าแดงก่ำเมื่อเห็นความแข็งแกร่งที่กลางลำตัวของเขาตั้งลำขึ้นมา บัวชมพูลอบกลืนน้ำลายกับขนาดใหญ่โตของความเป็นชายซึ่งในชีวิตของเธอไม่เคยเห็นของใครชัด ๆ แบบนี้มาก่อน“ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะบัว?” เขาถามแล้วเหยียดยิ้มพลางประสานมือทั้งสองไว้ที่ท้ายทอย “ไม่เคยเห็นอย่างนั้นหรือ?”“ค่ะ...บัวไม่เคยเห็น” รีบตอบแล้วรีบตวัดผ้าขนหนูขึ้นมาปิดเ
ศาสตราตอบเสียงห้วนแล้วเดินหายเข้าไปในห้องน้ำขณะที่หญิงสาวมองตามพลางถอนหายใจ เธอรู้ว่าถึงยังไงก็ไม่มีทางแทนที่ บัวไพลิน พี่สาวของเธอที่เขารักได้เป็นแน่เธอก็เป็นแค่ตุ๊กตาตัวหนึ่งที่ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายเต็มใจนำมาชักใยให้กระโดโลดเต้น พูดไปก็เหมือนหนังหน้าไฟ ต้องมาแบกรับปัญหาที่ตัวเองไม่ได้ก่อแถมยังถูกศาสตราแสดงท่าทีรังเกียจเข้าให้เสียอีกไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยรู้จักเขา ศาสตราเป็นลูกชายคนเดียวของเจ้าของปางไม้แม่เมย แม่ของเขาเป็นชาวรัสเซียและเขาก็พึ่งเดินทางกลับมาจากต่างประเทศเมื่อไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้การแต่งงานระหว่างเขากับบัวไพลินก็เกิดขึ้นจากความเห็นชอบของผู้ใหญ่ บัวชมพูรู้ดีว่าพี่สาวของเธอไม่เต็มใจและแบ่งรับแบ่งสู้ทุกครั้งที่ศาสตราเดินทางไปหาที่บ้านแต่ในสายตาของบัวชมพู เขาเป็นผู้ชายที่ดูดีมากคนหนึ่ง แม้จะมีเชื้อสายของชาวต่างชาติแต่ศาสตราก็เป็นหนุ่มวัยยี่สิบแปดที่ดูดีมาก เขาสมบูรณ์แบบและเธอก็รู้สึกชื่นชมตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เห็นบทที่ 2 คืนเข้าหอสำหรับบัวชมพูแล้วจะเรียกสิ่งนั้นว่าความหวั่นไหวเลยก็ได้ ในวัยยี่สิบเอ็ดของหญิงสาวซึ่งเปิดธุรกิจทำสปาเล็ก ๆ เธอไม่เคยพบผู้ชายที่ทั้งหล่อเหลาและมีค
บัวชมพูซึ่งอยู่ในชุดผ้าสะใบเกาะอกนุ่งผ้าไหมลวดลายงดงามพรั่งพร้อมด้วยเครื่องประดับทองคำและไข่มุกที่มีทั้งสร้อยคอ แหวนและกำไลข้อมือต้องเดินตามเจ้าของร่างสูงใหญ่ซึ่งอยู่ในชุดพื้นเมืองผ้าไหมสีทองอร่าม ใบหน้าคร้ามเข้มนั้นหล่อเหลาตามแบบฉบับของลูกครึ่งไทยรัสเซียมือเรียวบางของเธอถูกผูกติดกับมือหนาใหญ่ของ ศาสตรา พ่อเลี้ยงหนุ่มแห่งปางไม้แม่เมยซึ่งบัดนี้อยู่ในฐานะเจ้าบ่าวที่ต้องปฏิบัติตามพิธีกรรมอย่างล้านนาของชาวเหนือ นั่นคือคู่แต่งงานต้องผูกข้อมือไว้ด้วยกันก่อนจะมีการส่งตัวเข้าเรือนหอโดยญาติผู้ใหญ่ทั้งบิดามารดาของฝ่ายหญิงและชายรวมทั้งคนเฒ่าคนแก่ที่มาร่วมจัดพิธี“ให้ผัวเป็นแก้ว เมียเป็นแสง บ่ดีหื้อเป็นผัวเผต เมียยักษ์ หื้อมีลูกเต็มบ้าน หลานเต็มเมือง หื้อฮักกั๋นแพงกั๋นอยู่ตราบเสี้ยงชีวิต ถ้าผัวเปนไฟ หื้อเมียเปนน้ำ หื้อพ่อชายเป็นหิง แม่ญิงเป็นข้อง”หลังจากเสียงการให้โอวาทในการครองเรือนสิ้นสุดลงหนุ่มสาวทั้งสองจึงเอนหลังลงไปพร้อมกันบนที่นอนซึ่งเป็นฟูกหนาคลุมด้วยผ้าปูรัดมุมตึงแน่น ด้านบนโรยด้วยกลีบดอกไม้ ฟูกหนาตั้งอยู่ชิดหน้าต่างบนพื้นของห้องนอนภายในเรือนไม้สักขนาดใหญ่ซึ่งถูกใช้เป็นห้องหอด้านน