เขาก็ไม่ได้อธิบาย แต่กล่าวว่า “น้าหลิวพูดถูกแล้ว”“ตอนนี้นายไม่ได้แตะการพนันกับยาเสพติดแล้วใช่ไหม? ของสองอย่างนี้แตะไม่ได้เด็ดขาด!” จู่ๆ หลิวเฉิงจื้อก็จริงจังขึ้นมา“ผมไม่เคยแตะของสองอย่างนี้เลย ล้วนเป็นฉินโม่หนงกุเรื่องขึ้นมาเพื่อใส่ร้ายผม”หลินหยางพูด ในสมองก็คิดแล้วว่าคืนนี้จะต้องลงโทษฉินโม่หนงให้สาสมอีกครั้ง ตีก้นโด่งของเธอให้ลายเลยผู้หญิงชั่วคนนี้ น่ารังเกียจมาก!“ฉันว่าแล้ว นายประพฤติตัวดี รักการเรียนตั้งแต่เด็ก จะไปมัวเมาของแบบนี้ได้ยังไง ฉินโม่หนงคนนี้จิตใจอำมหิต ซ่อนความคิดชั่วๆ ไว้ในใจ”ใบหน้าหลิวเฉิงจื้อเต็มไปด้วยความโกรธ“น่าเสียดายที่ตอนนี้เธอปีกกล้าขาแข็งแล้ว ฉันทำอะไรเธอไม่ได้ ไม่สามารถระบายความแค้นนี้ให้นาย ล้วนเป็นเพราะน้าหลิวไร้ความสามารถ!”หลินหยางปลื้มปีติในใจ เขากล่าว “น้าหลิว คุณอย่าพูดแบบนี้ ความแค้นของผม ผมแก้แค้นเอง”“อืม! นายมีความมุ่งมั่นส่วนนี้ก็ดีแล้ว”ใบหน้าของหลิวเฉิงอวี้เต็มไปด้วยความปลื้มปีติ เขากล่าว “นายกลับมาเถอะ เข้ามาทำงานที่บริษัท วันหน้าฉันจะยกจื้อเฉิง กรุ๊ปให้นายทั้งหมด ถึงแม้ปัจจุบันจื้อเฉิง กรุ๊ปจะสู้ซิงเย่ กรุ๊ปของฉินโม่หนงไม่ได้ แ
ครอบครัวหลิวเฉิงจื้อเข้าไปในห้องจัดเลี้ยง ส่วนหลินหยางเดินไปด้านข้างเขาไม่มีบัตรเชิญ และคนที่ไม่มีบัตรเชิญ ห้ามเดินเข้าทางประตูใหญ่ห้องจัดเลี้ยง แต่ต้องเข้าทางประตูหลัง ตรงไปยังห้องรับรองแขกวีไอพีที่อยู่หลังห้องจัดเลี้ยงมู่หรงหว่านเอ๋อร์รออยู่ที่นอกห้องรับรองแขกวีไอพีนานแล้ว เมื่อเห็นหลินหยาง บนใบหน้าเต็มไปด้วยความดีใจทันที“คุณหลิน เชิญ”หลินหยางเดินเข้าห้องรับรอง ข้างในนอกจากมู่หรงจางกับมู่หรงยิ่น ยังมีชายวัยกลางคนอีกหนึ่งคน หน้าตาคล้ายคลึงกับมู่หรงจางมากเขาคือมู่หรงเจ๋อ ลูกชายคนโตของมู่หรงจาง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขคนปัจจุบันของมณฑลหนานตู“พี่ใหญ่ ฉันขอแนะนำให้พี่รู้จักก่อน ท่านนี้ก็คือคุณหลิน ไม่เพียงฝีมือสูงมาก ทักษะการแพทย์ยิ่งเลิศล้ำ”มู่หรงยิ่นลุกขึ้นแนะนำ หันไปกล่าวกับหลินหยาง “หลินหยาง นี่คือมู่หรงเจ๋อพี่ชายคนโตของฉัน”มู่หรงเจ๋อมองหลินหยางแวบหนึ่ง อย่างไรก็ตามคนที่มีตำแหน่งสูง มีมาดและบารมีของตนเองท่าทีที่เขามีต่อหลินหยาง ไม่ได้เคารพเขาเหมือนคนอื่นๆ ของตระกูลมู่หรงมากนัก“ผมรู้เรื่องของเมื่อวานแล้ว คุณก็ถือว่าเป็นคนหนุ่มที่มีความสามารถ ไม่เลว”มู่หรงเจ๋
มู่หรงยิ่นสมกับที่เป็นราชินีธุรกิจ พริบตาเดียวก็มองเห็นมูลค่าที่แท้จริงของสูตรยาตัวนี้“มู่หรงเจ๋อ ถ้าแกพูดไม่เป็น แกก็หุบปากของแกซะ ไม่อย่างนั้นแกก็รีบกลับหนานหลิงไปเลย”มู่หรงจางกล่าวด้วยสีหน้าบึ้งตึง“พ่อ ผมเป็นรัฐมนตรีของกระทรวงสาธารณสุข ผมรู้จักเภสัชกรรมดีกว่าพ่อ ไม่ว่าจะยาชนิดไหน ก็จำเป็นต้องผ่านการตรวจพิสูจน์ก่อนถึงจะกินได้ นี่คือกฎ” มู่หรงเจ๋อกล่าว“กฎบ้าบออะไรของแกนั่นมันไม่มีผลกับฉัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขอย่างแก ควบคุมฉันไม่ได้! ฉันเชื่อคุณหลิน”ใบหน้ามู่หรงจางเต็มไปด้วยความโกรธ เขากลัวมู่หรงเจ๋อวางมาด พูดจาไม่ดีล่วงเกินหลินหยางหลินหยางดื่มชา ยิ้มแต่ไม่ได้พูดอะไร“พี่ใหญ่ พี่พูดให้น้อยลงหน่อยเถอะ อย่าทำให้พ่อไม่พอใจเลย”มู่หรงยิ่นส่งซิกทางสายตาให้มู่หรงเจ๋อหยุดมู่หรงเจ๋อถึงจะหันหน้าไปทางอื่นโดยไม่พูดอะไรอีก“คุณหลิน ไม่รู้ว่าความคิดที่ฉันพูดเมื่อกี้ คุณถือสาหรือเปล่า?” มู่หรงยิ่นกล่าวถาม“ในเมื่อมอบสูตรยาให้นายท่าน ก็เป็นของพวกคุณแล้ว ส่วนจะใช้ยังไง ใช้หรือไม่ใช้ นั่นมันเรื่องของพวกคุณ” หลินหยางวางถ้วยชาลงพลางกล่าวเวลานี้เอง เลขาของมู่หรงยิ่นเคาะประตูเ
เลขามู่หรงเจ๋อพบข้อมูลของพิษน้ำแข็งฟอสฟอรัสจริงด้วย ข้อความขึ้นว่า พิษน้ำแข็งฟอสฟอรัสเป็นยาพิษชนิดพิเศษที่มนุษย์สร้างขึ้น ส่วนผสมซับซ้อน พิษรุนแรงมาก และยังบอกอีกด้วยว่าระดับการแพทย์ในปัจจุบัน รักษาไม่หายเมื่อไรที่ถูกพิษชนิดนี้ ต้องตายอย่างไร้ข้อกังขา ไม่มียารักษามู่หรงเจ๋ออ่านข้อมูลจบ รู้สึกตกใจมาก สายตาที่มองไปทางหลินหยางเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว“บนโลกใบนี้มีทักษะการแพทย์ที่อัศจรรย์ขนาดนี้จริงเหรอ? อีกทั้งยังอยู่บนตัวของเด็กหนุ่มที่อายุแค่ยี่สิบต้นๆ น่าเหลือเชื่อมาก!”มู่หรงเจ๋อในฐานะที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รู้ความลึกซึ้งและซับซ้อนของการแพทย์เป็นอย่างดี ไม่ได้เรียนในสายเฉพาะทาง ไม่มีประสบการณ์ที่มากพอ ไม่สามารถบ่มเพาะบุคคลที่มีทักษะการแพทย์สูงได้แน่นอน“คุณลองถามผู้เชี่ยวชาญของโรงพยาบาลมณฑลดู พิษนี้มีอยู่จริงหรือไม่ พวกเขาสามารถรักษาได้หรือไม่?”มู่หรงเจ๋อออกคำสั่งกับเลขาอีกครั้ง เพราะยังไม่เชื่ออย่างสนิทใจหลังจากเฉาเค่อหมิงแสดงความขอบคุณต่อหลินหยางอย่างจริงใจแล้ว จึงจะอวยพรมู่หรงจาง หลังจากนั้นจึงเดินมาจับมือทักทายมู่หรงเจ๋อ“ผู้อำนวยการเฉา ผมได้ยินมาว่า
“น่าจะเป็นผู้อำนวยการเฉามั้ง เมื่อกี้ตอนผมมา บังเอิญเห็นประธานยิ่นต้อนรับผู้อำนวยการเฉาด้วยตัวเองพอดี”“ผู้อำนวยการเฉามาแล้ว? ตามหลักไม่สมควรนี่นา ผู้อำนวยการเฉาไม่เคยร่วมงานแบบนี้ ต่อให้ตระกูลมู่หรงมีเกียรติแค่ไหน ก็เชิญเขาไม่ได้หรอกมั้ง”“นี่แสดงให้เห็นว่าประธานยิ่นมีความสามารถไงล่ะ! เอาเป็นว่าฉันเห็นผู้อำนวยการเฉาพาคุณนายเฉากับคุณหนูมาด้วยตาตัวเอง ตอนนี้น่าจะอยู่ห้องรับรองที่อยู่ข้างหลัง”ฉินโม่หนงก็ประหลาดใจเช่นกัน เธอครุ่นคิด เฉาเค่อหมิงมาร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของมู่หรงจางด้วยตนเอง เบื้องหลังมีเจตนาพิเศษอะไรหรือเปล่าฉินโม่หนงลุกขึ้นยืน ไปหาเจียงหลินที่อยู่ในห้องจัดเลี้ยงจนเจอ“เลขาเจียง ผู้อำนวยการเฉามาจริงๆ เหรอ?”“อืม อยู่ห้องรับรองที่อยู่ข้างหลัง” เจียงหลินกล่าวตอบเสียงเบาฉินโม่หนงลงทุนลงแรงกับเจียงหลินไปไม่น้อย เธอติดสินบนเจียงหลิน ดังนั้นตอนนั้นเธอจึงสามารถสร้างความร่วมมือกับตระกูลมู่หรงอย่างราบรื่นฉินโม่หนงคิดว่าวงการธุรกิจเหมือนสนามรบ ข่าวกรองมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อวงการธุรกิจ ดังนั้นเธอยินดีลงทุนลงแรงใช้เงินจำนวนมากติดสินบนเจียงหลิน“ตกลงมู่หรงยิ่นเลือกร่วมมือกับ
สีหน้าหลิวเฉิงจื้อดูผิดหวัง เขาหาที่นั่งที่หนึ่งนั่งลงอย่างไม่ใส่ใจงานเลี้ยงครั้งนี้สำหรับเขา มันไม่มีอะไรน่าสนใจอีกแล้วอวี๋ผิงปลอบใจเขา เธอกล่าว “ช่างเถอะ อย่ากดดันตัวเองมากเกินไป ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็ขายบริษัทให้หงชังไฮ่ จากนั้นพวกเราออกจากเมืองลั่วก็สิ้นเรื่อง”“ผมรับไม่ได้”หลิวเฉิงจื้อเคาะโต๊ะพลางกล่าว“หลิวฟู่อวี่ ฉันตามหาเธอตั้งนาน เธออยู่นี่เองเหรอ”เวลานี้เอง ผู้ชายหน้าตาดี ออร่าไม่ธรรมดาคนหนึ่งเดินเข้ามาทักทายหลิวฟู่อวี่“เหลียงควน? นายกลับประเทศตั้งแต่เมื่อไหร่?” หลิวฟู่อวี่กล่าวถาม“เพิ่งกลับมาเมื่อวาน นี่คือคุณอากับคุณน้าสินะ? สวัสดีครับ”เหลียงควนเป็นฝ่ายแนะนำตัวเองก่อน “ผมชื่อเหลียงควน เป็นเพื่อนร่วมชั้นสมัยมัธยมปลายกับฟู่อวี่ พ่อของผมคือเหลียงเจี้ยนของเจี้ยนเซิ่ง กรุ๊ป”“เธอคือลูกชายประธานเหลียงของเจี้ยนเซิ่ง กรุ๊ป?”หลิวเฉิงจื้อรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เจี้ยนเซิ่ง กรุ๊ปเป็นอุตสาหกรรมเก่าแก่ของเมืองลั่ว แต่โครงสร้างไม่ได้ใหญ่มากเมื่อสามปีก่อนเหลียงเจี้ยนเข้าร่วมสมาคมการค้าวั่นเหา หลังจากได้ขึ้นเรือใหญ่อย่างตระกูลมู่หรง พัฒนาอย่างรวดเร็ว โครงสร้างได้แซงจื้อเฉิง
เหลียงควนกล่าวด้วยรอยยิ้ม“คุณชายเหลียง คุณรู้จักเธอเหรอ?” วังลี่กล่าวถาม“แน่นอน! ฉันกับฟู่อวี่เป็นเพื่อนร่วมชั้นสมัยมัธยมปลาย ฉันจีบเธอตั้งแต่สมัยมัธยมปลายแล้ว แต่น่าเสียดาย ฟู่อวี่ไม่ได้ชอบฉัน ตอนนี้ในใจฉันยังรู้สึกเสียดายมากอยู่เลย”เหลียงควนกล่าวด้วยรอยยิ้มหลิวฟู่อวี่เห็นวังลี่ได้ยินแล้วแสดงสีหน้าไม่สบอารมณ์ เธอจึงรู้สึกย่ามใจ ในที่สุดก็สามารถเชิดหน้าเชิดตาต่อหน้าเพื่อนร่วมชั้นพวกนี้ได้สักครั้งแล้ว“ตอนสมัยมัธยมปลายไม่รู้ความ ยิ่งกว่านั้นที่บ้านฉันเข้มงวดมาก ไม่อนุญาตให้ฉันมีแฟน” หลิ่วฟู่อวี่กล่าวอธิบายเพื่อนของเหลียงควนกล่าวตามน้ำ “ฟังที่พูดมา งั้นตอนนี้รู้ความแล้ว ถ้าหากคุณชายเหลียงจีบเธออีกครั้ง เธอจะไม่ปฏิเสธอีกแล้วใช่ไหม?”หลิวฟู่อวี่รู้สึกกระอักกระอ่วนทันที บอกตามตรง เธอไม่ได้ชอบเหลียงควน แต่จำเป็นต้องเอาใจเขา ล่วงเกินไม่ได้“เรื่องของความรักต้องค่อยเป็นค่อยไป อีกอย่างไม่แน่ว่าคุณชายเหลียงอาจจะมีแฟนนานแล้ว ยังจะชอบฉันซะที่ไหนล่ะ”หลิวฟู่อวี่ก็กล่าวอย่างมีไหวพริบเช่นกัน“ในใจฉันมีเธอเสมอ สามปีนี้ ฉันไม่เคยมีแฟนเลย” เหลียงควนกล่าว“คุณชายเหลียงลุ่มหลงในความรักจริง
แขกเหรื่อทยอยมา งานเลี้ยงยังไม่ได้เริ่มอย่างเป็นทางการแต่มู่หรงยิ่นจงใจให้เลขาเจียงหลินเปิดเผยข่าวที่เกี่ยวข้องกับบุคคลสำคัญ มีแขกหลายคนรู้แล้ว และต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์“เมื่อกี้ฉันได้ยินคนพูดว่า ในงานเลี้ยงวันเกิดวันนี้ มีบุคคลสำคัญลึกลับท่านหนึ่งมา แม้แต่พวกผู้อำนวยการเฉาก็ยอมแหกกฎมาร่วมงานเลี้ยงเพราะบุคคลสำคัญ เสี่ยวเหลียง เธอรู้หรือเปล่าว่าบุคคลสำคัญท่านนี้เป็นใคร”อวี๋ผิงกล่าวถาม“ไม่รู้ อาจจะเป็นคนของตระกูลมู่หรงจากตัวมณฑลมั้งครับ”เหลียงควนกล่าว“แต่ฉันได้ยินมาว่าบุคคลสำคัญท่านนี้เหมือนจะแซ่หลิน ไม่ได้แซ่มู่หรงนะ” อวี๋ผิงกล่าวอย่างสงสัย“ช่างบุคคลสำคัญอะไรนั่นเถอะครับ อีกเดี๋ยวปรากฏตัวในงานเลี้ยง ก็รู้แล้วไม่ใช่เหรอครับ”หลิวฟู่อวี่ไม่ได้ใส่ใจมากนัก อย่างไรก็ตามสำหรับพวกเขา บุคคลสำคัญเช่นนี้อยู่ไกลเกินกว่าจะเอื้อม“มีเหตุผล บุคคลสำคัญแบบนี้ ไม่ใช่สิ่งที่พวกเราจะเข้าถึงได้”ตอนนี้อวี๋ผิงอารมณ์ดีใช้ได้ กล่าวกับเหลียงควน “เสี่ยวเหลียง ครั้งนี้ต้องขอบคุณเธอมาก! ในเมื่อเธอกับเสียวอวี่เป็นเพื่อนร่วมชั้น ต่อไปก็ไปมาหาสู่กันบ่อยๆ ยินดีต้อนรับมาเป็นแขกที่บ้าน มาลองชิมฝีมือกา
“ท่านรัฐมนตรี ท่านช่วยตบหน้ามัน แก้แค้นให้ผมหน่อยได้ไหม?”จ้าวเจิ้งฮ่าวรีบกล่าว“อนาคตอันน้อยนิดของแก...” หวังเทียนเหิงกล่าวอย่างเยาะหยัน“คงจะไม่ทำร้ายใครอีกใช่ไหม? แกควรคิดให้ดีล่ะ...”หลินหยางกล่าวด้วยความประหลาดใจหวังเทียนเหิงกลับตะคอก “ฉันจะทำร้ายแกจะทำไม!”ในระหว่างที่พูด เขาก็ตบหน้าเข้าไปฉาดหนึ่งท่าทางของเขาเหยียดหยามมาก หลินหยางปรมาจารย์ระดับเจ็ดแล้วยังไง ต่อหน้าฐานะอย่างตนเอง เขามีสิทธิ์อะไรมาขัดขืน?ต้องโดนตบหน้าแต่โดยดีเหมือนกัน!ครู่ต่อมา ความเหยียดหยามบนใบหน้าของเขาก็ชะงักไปทันทีฝ่ามือของเขาถูกหลินหยางจับเอาไว้ในมือ“ยังกล้าตอบโต้อีกเหรอ? ฉันเป็นถึงตัวแทนของทางการแห่งหนานหลิงเชียวนะ?!”หวังเทียนเหิงกล่าวด้วยความโมโห“รู้แล้ว ๆ”หลินหยางใบหน้าแฝงไปด้วยรอยยิ้ม“รู้แล้วก็...”หวังเทียนเหิงยังพูดไม่ทันจบประโยค หลินหยางกลับตบหน้าเขาฉาดหนึ่งอย่างรวดเร็ว สำหรับหลินหยางแล้วถือเป็นการใช้กำลังเพียงน้อยนิดเท่านั้นแต่หวังเทียนเหิงกลับถูกตบลอยกระเด็นออกไปทันที ฟันผสมเลือดปลิวอยู่กลางอากาศ!นี่ยังไม่หมด ยังไม่รอให้เขาตกถึงพื้น หลินหยางเตะเขาลอยกระเด็นออกไปอีก หวังเ
เจียงรั่วหานหัวใจตึงเครียดขึ้นมาทันที เป็นห่วงชายชู้ของตนเอง ครั้งนี้หลินหยางตกอยู่ในอันตรายจริง ๆ!อย่างไรเสียใช้ยศตำแหน่งข่มเหงคนอื่น!ซ่งหว่านอวี๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก็ถอนหายใจในใจเช่นกัน ต่อให้ตำแหน่งของหลินหยางที่เมืองลั่วสูงกว่านี้แล้วจะยังไงต่อหน้าผู้มีอิทธิพลอย่างหวังเทียนเหิง ก็ทำได้แค่เพียงอดกลั้นเท่านั้น!“จะตรวจสอบงั้นก็ได้ แต่ก็ต้องทำตามขั้นตอนทางกฎหมาย”หลี่หรูเยว่สีหน้าไม่สุขุม แต่กลับไม่กล้าให้หลินหยางมีข้อหาขัดขวางทางการติดตัว“กฎหมาย?” หวังเทียนเหิงยิ้มเยาะ กล่าวด้วยท่าทีหยิ่งยโส “คำพูดของฉัน ก็คือกฎหมาย! มีปัญหา? เข้าไปในห้องกับฉันค่อย ๆ คุยกัน ถ้าทำให้ฉันพอใจได้ ไม่แน่ว่าฉันอาจจะปล่อยแกไปสักครั้ง!”เขาทำตัวอวดดีกำเริบเสิบสาน! ถึงอย่างไรเหยียนฮ่าวก็ได้แทรกแซงคดีนี้ด้วยตนเองแล้ว ถ้าอยากจะจับหลินหยางให้อยู่หมัด! ต้องมีหลักฐานแน่ชัด ทำให้หลินหยางดิ้นไม่หลุดตลอดไป!ส่วนการหลับนอนกับปรมาจารย์ระดับแปดคนหนึ่ง นั่นก็เป็นเพียงเรื่องของผลพลอยได้เท่านั้น!เขาจ้องมองสำรวจรูปร่างที่สวยงามประณีตของหลี่หรูเยว่ด้วยสายตาที่ร้อนผ่าว มีความร้อนกลุ่มหนึ่งพลุ่งพล่านขึ้นในท้องน้อยข
แต่กลัวว่าเขาจะฉวยโอกาสช่วงจังหวะชุลมุน ลงมือกับจ้าวเจิ้งฮ่าว!“นายพลจ้าววางใจ”สีหน้าเฉิงคั่วหนักใจ ก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่งในฐานะที่เขาเป็นปรมาจารย์ระดับห้า ประกอบกับมีนักรบทหารองครักษ์ชาวตงอิ๋งที่มีระดับมานะสร้างกลุ่มหนึ่งคอยช่วยเหลือ ก็มากพอที่จะจับตัวปรมาจารย์หนึ่งในนั้นได้“แม่งเอ๊ย ในเมื่อพวกแกทั้งหมดยอมเป็นสุนัขรับใช้ของหลินหยาง ถ้าอย่างนั้นก็ไปตายให้หมด! คิดว่าปรมาจารย์ระดับเก้าของฉันมีไว้ประดับเหรอไงวะ!?”จ้าวเจี้ยนชิงดวงตาแดงก่ำด้วยความริษยา ตนเป็นผู้บังคับบัญชาของเมืองลั่วมานานหลายปี ยังไม่มีลูกน้องที่แข็งแกร่งขนาดนี้ หลินหยางเพิ่งมาได้ไม่นาน ก็มีปรมาจารย์ระดับหกถึงสี่คนเป็นสุนัขรับใช้?!หลินหยางยิ่งใช้ชีวิตดีเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งอยากจะสับหลินหยางให้แหลกเป็นหมื่น ๆ ชิ้น!แต่ทว่ายังไม่ทันได้ลงมือเขาก็รู้สึกเย็นวาบไปทั่วทั้งตัว แรงอาฆาตที่เย็นยะเยือกขั้นสุดกลุ่มหนึ่งลอยมา!“จ้าวเจี้ยนชิง แกอยากตายใช่ไหม?”ในเวลานี้ หลี่หรูเยว่ยืนอยู่ที่ประตูคฤหาสน์ ในมือของเธอใช้โซ่เหล็ก จูงม๋อจื่อที่เหมือนกับเป็นสัตว์ร้าย จ้องมองเขาด้วยความเย็นชาจ้าวเจี้ยนชิงรูม่านตาหดทันที กล่าวอย
ก็แค่ปรมาจารย์ระดับหกคนหนึ่งเท่านั้น เขาไม่สนใจอยู่แล้วแต่ปรมาจารย์ระดับหกคนหนึ่งไม่คิดเลยว่าจะมาเป็นยามให้หลินหยาง เขาไม่สามารถเข้าใจได้!แม้ว่าเขาจะเป็นปรมาจารย์ระดับเก้าก็ยังไม่เคยได้รับการปฏิบัติแบบนี้!จ้าวเจิ้งฮ่าวและคนอื่น ๆ ต่างก็อ้าปากค้างอย่างตกตะลึงสถานการณ์ตรงราวกับเป็นภาพลวงตาเลยทีเดียว!ไอ้หมอนี่หัวสมองมีปัญหาเหรอไง? ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้เป็นปรมาจารย์ระดับหก แต่กลับมาเป็นยามให้คนที่มีระดับเจ็ดอย่างหลินหยาง?!“นับว่าแกพอมีความสามารถอยู่บ้าง แต่การรับใช้คนที่กำลังจะตาย เป็นการทำให้ตัวเองเสื่อมถอยแท้ ๆ เลย!”จ้าวเจี้ยนชิงกล่าวด้วยสีหน้าเย็นชา “หลินหยางทำลายการค้าระหว่างกองทัพกับชาวตงอิ๋ง ฉันมาเพื่อค้นหาหลักฐาน”“ตอนนี้ฉันให้โอกาสแกกลับตัวกลับใจหนึ่งครั้ง สวามิภักดิ์ต่อฉัน! ไม่อย่างนั้น จะถือว่าแกขัดขวางการสอบสวน! ฝ่าฝืนกฎหมายระดับประเทศ! ฉันจะประหารชีวิตแกทันที”เขามีความคิดที่จะชักจูงคนคนนี้ถึงอย่างไรปรมาจารย์ระดับหกในเมืองลั่วก็นับว่าเป็นยอดฝีมือ ฆ่าไปก็น่าเสียดายแต่ทว่าอาต้ากลับกล่าวเสียงเย็นชา “รับเลี้ยงฉัน? แกคู่ควรเหรอ! ไสหัวไป!”“แกคิดให้ดี ๆ กล้าขัดขวาง
เจียงรั่วหานกล่าวโต้เถียงด้วยสีหน้าแดงก่ำแต่นี่ก็คือเรื่องจริงถึงอย่างไรตนก็ไม่ได้ขึ้นเตียงกับหลินหยาง แต่ทว่าทำในรถ...“ไม่ต้องรีบ นั่งลงคุยกัน...” ซ่งหว่านอวี๋ท่าทางสบาย ๆ พูดจาปลอบโยนอย่างมีเลศนัย “เป็นเพราะพี่กลัวเธอถูกหลินหยางหลอกเอา หลินหยางนั่นบังคับให้พี่ทำเรื่องแบบนั้น เขาไม่ใช่คนดีอะไร!”“พี่หว่านอวี๋พี่ไม่เข้าใจเขา!”เจียงรั่วหานกลับวางแก้วกาแฟลง รีบพูดขึ้นว่า “อันที่จริงหลินหยางเป็นคนดีคนหนึ่ง ก่อนหน้านี้ที่เขาทำแบบนั้นกับพี่ อัน อันที่จริงเป็นเพราะจ้าวเจิ้งฮ่าวเป็นต้นเหตุ!”“ฉันบอกเขาแล้ว ว่าต่อไปห้ามแตะต้องพี่อีก!”ไม่แตะต้องฉัน?ฉันต้องการให้เธอช่วยเหลือเรื่องนี้เหรอ?เธอกินอิ่มแล้วไม่กะจะไม่เหลือไว้ให้ฉันกินสักคำเลยเหรอไง!ซ่งหว่านอวี๋สีหน้าดูแย่เล็กน้อย เธอกินอาหารทะเลมื้อหรูจนเคยชินแล้ว จะกินอาหารจืดชืดลงได้ยังไงอีก?“พี่หว่านอวี๋ ต่อไปฉันคงต้องอาศัยพี่คอยเป็นที่กำบังให้ฉันแล้ว ครอบครัวนี้ ฉันทนอยู่ต่อไปไม่ได้อีกแม้แต่วันเดียวแล้ว!”เจียงรั่วหานยังหันหน้าไปมองซ่งหว่านอวี๋ด้วยท่าทางขอร้อง“เรื่องเล็กน้อย...”ซ่งหว่านอวี๋กล่าวพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ ไม่ว่าจะพู
ฉินเจิ้งคุนกลับส่งสัญญาณมือให้เงียบเอาไว้“เรื่องพวกนี้ห้ามเอาไปพูดข้างนอกส่งเดช! การต่อสู้ของบุคคลใหญ่โตไม่ใช่สิ่งที่พวกเราวิจารณ์ได้!”เขากล่าวเตือนด้วยท่าทีขึงขังถึงแม้ว่าตระกูลฉินจะมีชื่อเสียงโด่งดังในหนานโจว แต่ในสายตาของตระกูลใหญ่ที่ล้ำลึกจนไม่อาจคาดเดาของซานโจวบนพวกนั้น วงศ์ตระกูลบ้านนอกอย่างตระกูลฉิน ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึงการต่อสู้ระดับนั้น เพียงแค่ควันหลง ก็มากพอที่จะทำให้ทั้งตระกูลฉินตายไร้ที่ฝังศพแล้ว!ฉินอี๋หลิงรีบหุบปากทันทีเช่นกันไม่กล้าส่งเสียงดัง เพราะหวาดกลัวว่าคนบนฟ้า!“หลินไร้ศัตรูแอบรายงานแต่ละวงศ์ตระกูลใหญ่แห่งหนานโจวอย่างลับ ๆ ให้ช่วยเขาตามหาหลานชายของเขา ถ้าหากใครหาเจอ เขาก็จะยอมรับคำขอร้องของคนนั้นหนึ่งข้อ” ฉินเจิ้งคุนค่อย ๆ พูด“จริงเหรอคะ?”ฉินอี๋หลิงสีหน้าตื่นเต้นดีใจ หัวใจไฟลุกโชนถึงแม้ว่าวงศ์ตระกูลของหลินไร้ศัตรูจะล่มสลายไปแล้ว แต่ก็ยังไม่สิ้นอำนาจโดยสมบูรณ์!คำมั่นสัญญาของเขาหนึ่งข้อ สามารถตัดสินว่าใครจะได้ครอบครองตำแหน่งหัวหน้าตระกูลฉิน!“มีเบาะแสของหลานชายคนนั้นของเขาแล้วเหรอยัง!”เธอรีบกล่าวถาม“ง่ายแบบนั้นซะที่ไหน...”ฉินเจิ้งคุนส่ายหน้
ตนในตอนนี้ ต่อสู้ข้ามสามระดับชั้นก็ไม่เป็นปัญหา มีลูกน้องไม่กี่คน ตนก็ไม่ต้องโดนรุมโจมตีอีกบ่อย ๆมีสิทธิ์แสร้งทำเป็นเก่ง ถ้าอย่างนั้นก็ต้องทำแต่ทว่าหลี่หรูเยว่กับปรมาจารย์ทั้งสี่คนมีความปรับตัวให้เข้ากับสไตล์แบบนี้ไม่ค่อยได้เท่าไหร่หลูอ้าวตงว่าอวดดีมากพอแล้ว แต่เมื่อเทียบกับหลินหยาง นั่นก็เป็นแค่เรื่องจิ๊บจ๊อยเท่านั้น...“ไปกันเถอะ กลับไปที่บ้านให้ฉันรักษาอาการบาดเจ็บให้พวกแกก่อน อีกเดี๋ยวไปกับฉันฆ่าคนของจ้าวเจี้ยนชิงให้เรียบ”หลินหยางเดินลงจากภูเขาแต่หลี่หรูเยว่และคนอื่น ๆ อีกห้าคนกลับสบตากันแวบหนึ่ง เห็นสีหน้าตกใจจากนัยน์ตาของอีกฝ่ายหลินหยางพูดจาสบาย ๆ มาก ราวกับว่าในสายตาของเขา การฆ่าหัวหน้ากองทหารรักษาการณ์ ง่ายเหมือนกับซื้อผักพวกเขากลับไม่ทันได้คิดมาก รีบตามหลินหยางลงจากเขา คอยตามปรนนิบัติ...อีกด้านหนึ่งภายในห้องหนังสือสไตล์โบราณแห่งหนึ่งฉินเจิ้งคุนกระแทกโทรศัพท์มือถือลงบนโต๊ะ พูดด้วยความโมโห “ไอ้สารเลวนี่อวดดีมาก! แม้แต่สายโทรศัพท์ของฉันกล้าตัดทิ้ง!”ฉินอี๋หลิงที่อยู่ด้านข้างสีหน้าดูแย่เช่นกัน บทสนทนาเมื่อครู่นี้เธอได้ยินหมดแล้วหลินหยางไม่ให้เกียรติเลยแม้แต
หรือไม่ก็โทรศัพท์ไปหยอกหลูอ้าวตงอีกสักที?ไม่มีอะไรทำก็ไปยั่วโมโหหลูอ้าวตงสักหน่อย ได้กลายเป็นความเคยชินของหลินหยางไปแล้วแต่ทว่าทันทีที่หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา กลับมีโทรศัพท์สายหนึ่งโทรเข้ามาเบอร์โทรศัพท์นั่นคือ...ฉินเจิ้งคุน?หลินหยางมีความประหลาดใจเล็กน้อย จะว่าไป ฉินเจิ้งคุนควรจะส่งคนมาไล่ฆ่าตนถึงจะถูกอย่างไรเสียสิ่งของที่ไม่ได้มาครอบครองก็ต้องทำลายทิ้ง ถึงจะเหมาะสมกับสไตล์ของตระกูลใหญ่อย่างพวกเขาผลปรากฏว่าการตามล่าของตระกูลฉินที่รอคอยมาไม่ถึงสักที...เขารับสายแล้วพูดว่า “ผมคิดว่าคุณตายไปแล้วเสียอีกนะ...”“ไอ้บ้า!”ทันทีที่ฉินเจิ้งคุนต่อสายติดก็ได้ยินประโยคนี้ โมโหจนสะอึกทันที “คนที่ใกล้ตายอย่างแกยังจะกล้าพูดจาเหลวไหล! ตอนนี้แกได้ถูกหลูอ้าวตงตามฆ่าเหมือนกับหนูท่อที่น่ารังเกียจแล้วละมั้ง!”“ถ้าอย่างนั้นคงต้องทำให้คุณต้องผิดหวังแล้ว...”หลินหยางเหลือบตามองลูกน้องที่เพิ่งรับเอาไว้เมื่อสักครู่นี้แวบหนึ่ง หลูอ้าวตงทั้งส่งสมุนไพรทั้งส่งผู้หญิงมาให้ โดนตนจัดการจนรู้สึกไม่ค่อยสบายขึ้นมาอยู่หน่อย ๆ เสียแล้วแต่ทว่าฉินเจิ้งคุนกลับไม่เชื่อ กล่าวเสียงเย้ยหยัน “เลิกพูดจาไร้สาระ ต
เขาหยิบยาพิษสี่เม็ดออกมาจากในกระเป๋าเฉียนคุน โยนให้พวกเขา“ยาพิษนี้มีแค่ฉันเท่านั้นที่ถอนได้ ถ้าหากพวกแกกล้าทรยศ จะต้องตายอย่างน่าเวทนามากแน่อย่างแน่นอน”ปรมาจารย์ทั้งสี่เข้าใจว่าหลินหยางไม่เชื่อใจพวกเขาเลยแม้แต่น้อย ยาพิษนี้ไม่กินก็ต้องกิน จากนั้นก็กลืนยาพิษลงไปโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อยเมื่อทั้งสี่คนกลืนยาพิษลงไปแล้ว หลินหยางถึงได้ไปช่วยรักษาม๋อจื่อภายใต้การจับตามองอย่างประหม่าของหลี่หรูเยว่หลินหยางใช้เข็มวาสนาฝืนลิขิต ม๋อจื่อค่อนข้างไม่ธรรมดา รากฐานกระดูกแข็งแรงมากมาตั้งแต่กำเนิด มุมมองของหลินหยาง เหมาะที่จะเดินเส้นทางเทพวรยุทธ์มากแต่น่าเสียดายที่ถังฮ่าวหรานความคิดตื้นเขิน ใช้วิชาแปลงอสูรสวรรค์ฝึกฝนเขาจนกลายเป็นคนไร้ประโยชน์หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ม๋อจื่อก็ฟื้นขึ้นมา ทันทีที่ลืมตาดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำ ท่าทางดุร้าย“ม๋อเอ๋อร์ฟื้นแล้ว!”หลี่หรูเยว่ดีใจเป็นอย่างยิ่งขึ้นมาทันที หันหน้าไปมองหลินหยางพูดด้วยความซาบซึ้งใจ “ขอบพระคุณนายท่าน!”ก่อนหน้านี้ม๋อจื่อดูเหมือนคนกำลังใกล้ตาย เวลาแค่เพียงครู่เดียวหลินหยางก็รักษาเขาจนหายดีแล้วนับว่าเธอนับถือฝีมือการรักษาของหลินหยางอย่างถ