แขกเหรื่อทยอยมา งานเลี้ยงยังไม่ได้เริ่มอย่างเป็นทางการแต่มู่หรงยิ่นจงใจให้เลขาเจียงหลินเปิดเผยข่าวที่เกี่ยวข้องกับบุคคลสำคัญ มีแขกหลายคนรู้แล้ว และต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์“เมื่อกี้ฉันได้ยินคนพูดว่า ในงานเลี้ยงวันเกิดวันนี้ มีบุคคลสำคัญลึกลับท่านหนึ่งมา แม้แต่พวกผู้อำนวยการเฉาก็ยอมแหกกฎมาร่วมงานเลี้ยงเพราะบุคคลสำคัญ เสี่ยวเหลียง เธอรู้หรือเปล่าว่าบุคคลสำคัญท่านนี้เป็นใคร”อวี๋ผิงกล่าวถาม“ไม่รู้ อาจจะเป็นคนของตระกูลมู่หรงจากตัวมณฑลมั้งครับ”เหลียงควนกล่าว“แต่ฉันได้ยินมาว่าบุคคลสำคัญท่านนี้เหมือนจะแซ่หลิน ไม่ได้แซ่มู่หรงนะ” อวี๋ผิงกล่าวอย่างสงสัย“ช่างบุคคลสำคัญอะไรนั่นเถอะครับ อีกเดี๋ยวปรากฏตัวในงานเลี้ยง ก็รู้แล้วไม่ใช่เหรอครับ”หลิวฟู่อวี่ไม่ได้ใส่ใจมากนัก อย่างไรก็ตามสำหรับพวกเขา บุคคลสำคัญเช่นนี้อยู่ไกลเกินกว่าจะเอื้อม“มีเหตุผล บุคคลสำคัญแบบนี้ ไม่ใช่สิ่งที่พวกเราจะเข้าถึงได้”ตอนนี้อวี๋ผิงอารมณ์ดีใช้ได้ กล่าวกับเหลียงควน “เสี่ยวเหลียง ครั้งนี้ต้องขอบคุณเธอมาก! ในเมื่อเธอกับเสียวอวี่เป็นเพื่อนร่วมชั้น ต่อไปก็ไปมาหาสู่กันบ่อยๆ ยินดีต้อนรับมาเป็นแขกที่บ้าน มาลองชิมฝีมือกา
หลินหยางคิดไม่ถึงว่ามู่หรงยิ่นจะคุยง่ายขนาดนี้“ขอแค่คุณเอ่ยปากแล้ว ต่อให้เป็นการซื้อขายที่ขาดทุน ฉันก็ทำ แม้เป็นผลประโยชน์ที่สูงแค่ไหน เมื่อเทียบกับคุณ ก็เทียบอะไรไม่ได้ ข้อเรียกร้องใดๆ ที่คุณขอ ฉันไม่มีทางปฏิเสธแน่นอน”มู่หรงยิ่นกล่าวด้วยดวงตาเปล่งประกาย“แค่กๆ…ผมออกไปเดินเล่นสักพัก”หลินหยางไม่อาจต้านทานเสน่ห์และการหยอกล้อที่เหมือนจริงแต่ก็ไม่จริงของมู่หรงยิ่นได้ เขาหาข้ออ้างหนีไปก่อนแล้ว มีเสียงหัวเราะที่ไพเราะของมู่หรงยิ่นดังมาจากข้างหลังหลินหยางเดินไปที่สวนดอกไม้นอกห้องจัดเลี้ยง มีแขกจับกลุ่มคุยและดื่มสังสรรค์กันที่นี่ไม่น้อย“ไอ้บอด แกอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”ฉินเยียนหรานกำลังนั่งคุยกับลูกเศรษฐีหลายคน สังเกตเห็นหลินหยางกะทันหัน ทำให้เธอประหลาดใจมาก คิดว่าตนเองตาฝาดฉินเยียนหรานลุกขึ้นยืน มองหลินหยางตั้งแต่หัวจรดเท้าครู่หนึ่ง“ใส่ของแบรนด์เนมทั้งตัวด้วย ไปขโมยมาจากไหน? แกแอบเข้ามาได้ยังไง? คิดจะทำอะไร?”ฉินเยียนหรานยิงคำถามมาเป็นชุด“เกี่ยวอะไรกับคุณ”หลินหยางกล่าวอย่างไม่เกรงใจ“ครั่นเนื้อครั่นตัวเหรอ? กล้าเถียงฉัน! แกคิดว่าหนีออกจากบ้านฉันแล้ว ฉันก็จัดการแกไม่ได้แล้วเ
หลินหยางเห็นสีหน้าฉินโม่หนงเคร่งขรึม แต่กลับไม่พูดอะไร เขากล่าวต่อ “ผมถามคุณหน่อย การแต่งงานของผมกับตระกูลหลิว คุณก็โกหกผมด้วยใช่หรือเปล่า? หลิวเฉิงจื้อไม่เคยเสนอยกเลิกการแต่งงานเลย เป็นคุณที่โกหกทั้งสองฝ่าย ใช่หรือเปล่า?”“ดูเหมือนแกจะรู้แล้ว”ฉินโม่หนงก็ไม่คิดจะปิดบังอีก จึงยอมรับโดยตรง“ถูกต้อง ฉันเป็นคนยกเลิกการแต่งงานเอง”หลินหยางยกหัวแม่มือให้ ไฟแห่งความโกรธในใจลุกโชน“เก่งมาก ฉินโม่หนง คุณเก่งจริงๆ คุณปั่นทุกคนจนหัวหมุน รู้สึกประสบความสำเร็จมากเลยใช่หรือเปล่า?”หลินหยางเดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าว สายตาดุร้าย มีกลิ่นอายของการบีบคั้นฉินโม่หนงถอยหลังหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว เธอไม่มีอะไรจะพูด“วันนี้ผมมาที่นี่ ก็เพื่อมอบเซอร์ไพรส์ให้คุณ งานเลี้ยงใกล้จะเริ่มแล้ว คุณเตรียมตัวรอได้เลย”หลินหยางพูดจบ ก็หมุนตัวเดินจากไป“หลินหยาง! แกจะทำแบบนี้จริงเหรอ?” ฉินโม่หนงกล่าวจากด้านหลังหลินหยางหันกลับมากล่าว “ใช่! ผมจะทำแบบนี้ นอกเสียจากคุณจะฆ่าผมตอนนี้ แต่คุณไม่มีความสามารถนี้”“เรื่องบางเรื่อง มันไม่ใช่อย่างที่แกคิด แกฟังฉันอธิบายได้หรือเปล่า?”“ความจริงวางอยู่ตรงหน้า ไม่จำเป็นต้องไปคิ
“อีกฝ่ายส่งยอดฝีมือระดับเจ็ดคนหนึ่งมา สถานการณ์คับขัน แขกสำคัญท่านนี้ลงมือช่วยเหลืออีกครั้ง ฆ่ายอดฝีมือระดับเจ็ดในกระบวนท่าเดียว ช่วยชีวิตผมเอาไว้”ทุกคนเข้าใจในทันที“ที่แท้ช่วยชีวิตนายท่านติดต่อกันสองครั้ง โชคดีจริงๆ!”“โชคดี? นอกจากโชคดีแล้วยังต้องมีความสามารถที่แท้จริงด้วยมั้ง เจอยอดฝีมือระดับเจ็ดลอบฆ่า โชคแบบนี้ให้คุณ คุณก็รักษาไว้ไม่ได้หรอก”“ฆ่ายอดฝีมือระดับเจ็ดในกระบวนท่าเดียว มันก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าทึ่งมากนัก ส่วนพูดถึงทักษะการแพทย์ หรืออยู่เหนือกว่าฉีอีซินอีกเหรอ? ก็โชคดีนั่นแหละ”“ฉันคิดว่าเป็นบุคคลสำคัญอะไรเสียอีก ก็ไม่เท่าไหร่นี่นา และยังบอกว่าผู้อำนวยการเฉามาเพราะบุคคลสำคัญ พูดเหลวไหลทั้งนั้น”ทุกคนวิจารณ์เสียงเบาฉินโม่หนงที่อยู่ข้างล่างก็ขมวดคิ้วเช่นกัน คิดในใจ นี่ก็ไม่นับเป็นบุคคลสำคัญนี่นา ทำไมผู้อำนวยการเฉาถึงให้เกียรติ?“ตอนนี้ขอเชิญผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตของผม แขกสำคัญของตระกูลมู่หรงขึ้นเวที”มู่หรงจางพูดจบ สายตาของทุกคนมองไปทางเดินฝั่งซ้ายของเวที แต่ก็ไม่เห็นหลินหยางออกมาปรากฏตัวสักที“คุณหลินเป็นคนถ่อมตน ดูเหมือนไม่อยากปรากฏตัวในที่สาธารณะ อีกเดี๋ยวผมไป
สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่ทางเดินด้านซ้ายของเวทีอีกครั้ง ต่างก็อยากเห็นว่าคุณหลินที่โด่งดังในชั่วข้ามคืนในเมืองลั่วคนนี้หน้าตาเป็นอย่างไรประเด็นคือเฉาเค่อหมิงพูดชัดเจนแล้ว คุณหลินเป็นคนเมืองลั่ว อีกทั้งยังอายุน้อยมาก ไม่ใช่ตาแก่อย่างที่ทุกคนจินตนาการสิ่งนี้ยิ่งทำให้ทุกคนอยากรู้อยากเห็นแล้วทว่าหลินหยางไม่ปรากฏตัวออกมาให้เห็นแม้แต่เงา มีเพียงมู่หรงจางเดินออกมาคนเดียว“ทุกท่าน ต้องขออภัย คุณหลินเป็นคนถ่อมตน ไม่ยอมปรากฏตัวต่อหน้าทุกคน เขาไปแล้ว”มู่หรงจางก็หมดหนทางเช่นกัน เขาไปหลังเวทีก็ไม่เจอหลินหยางกับมู่หรงยิ่นจึงได้แต่โทรหามู่หรงยิ่น มู่หรงยิ่นบอกในโทรศัพท์ว่าหลินหยางไปแล้ว ไม่ออกปรากฏตัวในงานเลี้ยงวันเกิด“เพราะอะไร? มีตรงไหนที่พวกเราทำได้ไม่ดีใช่หรือเปล่า ทำให้คุณหลินโกรธ?” มู่หรงจางกล่าวถาม“น่าจะไม่ใช่ หนูก็ไม่เจอเขาเหมือนกัน ในโทรศัพท์เขาพูดกับหนูแค่ว่าไม่ออกงานกิจกรรมแล้ว และแสดงความขอโทษ อีกทั้งยังให้พวกเราอย่าเพิ่งเปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวกับเขามากเกินไป”มู่หรงยิ่นกล่าวในโทรศัพท์“ยิ่นเอ๋อร์ ถ้าอย่างนั้นลูกก็ไม่ต้องออกงานงานเลี้ยงวันเกิดแล้ว ไปหาคุณหลินดีกว่า ลองถามส
หลิ่วเฉิงจื้อยกแก้วเหล้าขึ้นมาทักทายกลับ ในใจมีข้อกังขา“เลขาเจียงบอกว่ามีผู้สูงศักดิ์คอยช่วยเหลือ ผู้สูงศักดิ์คนนี้เป็นใคร?”“จะต้องเป็นเหลียงควนแน่นอน พ่อของเขารับปากแล้วไม่ใช่หรือว่าจะให้คุณเข้าร่วมสมาคมการค้าวั่นเหา? คิดว่าจะต้องเป็นเพราะพูดชื่นชมต่อหน้าประธานยิ่นแน่นอน” อวี๋ผิงกล่าวหลิ่วเฉิงจื้อพยักหน้าเล็กน้อยพร้อมกล่าว “ถ้าอย่างนั้นคงจะต้องขอบคุณเสี่ยวเหลียงหน่อยเสียแล้ว”“เสียวอวี่ ครั้งนี้ลูกสร้างผลงานชิ้นใหญ่แล้ว ถ้าหากไม่ใช่เป็นเพราะความสัมพันธ์ระดับนี้ของลูก พวกเราไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงแล้วจริง ๆ” อวี๋ผิงกล่าวอย่างดีใจหลิ่วฟู่อวี่เองก็สีหน้าดีใจ กล่าว “หนูขอไปหาเขาเพื่อขอบคุณเขาต่อหน้าหน่อยนะคะ”“พวกเราเองก็ไปด้วย”หลิ่วเฉิงจื้อลุกขึ้น พาอวี๋ผิงเดินมายังโต๊ะของเหลียงควน“เสี่ยวเหลียง ครั้งนี้ขอบคุณเธอมาก ๆ ที่ช่วยพวกเราเอาไว้ ถ้าหากไม่ได้เธอ ติ่งเซิ่งกรุ๊ปจะเลือกร่วมมือกับพวกเราได้ยังไงกัน!”เหลียงควนได้ยินก็ตกตะลึง กล่าวอย่างประหลาดใจ “ติ่งเซิ่งกรุ๊ปเลือกพวกคุณแล้ว?”“ถูกต้อง! เลขาเจียงเพิ่งจะมาแจ้งข่าวด้วยตัวเอง เธอยังไม่รู้ใช่ไหม?” อวี๋ผิงกล่าวเหลียงควนคิดใน
“การตัดสินใจของประธานยิ่น ย่อมมีเหตุผลของเธอ ไม่ใช่สิ่งที่ฉันจะสามารถคาดคะเนได้” เจียงหลินกล่าว“แล้วคุณหลินท่านนั้นละ? เขามีความเป็นมายังไงกันแน่?”ฉินโม่หนงกล่าวถามต่อ“ไม่แน่ใจ วันหลังมีข้อมูลที่ละเอียด ฉันจะบอกคุณอีกที”เมื่อฉินโม่หนงเห็นว่าเรื่องนี้ชี้ขาดเรียบร้อยแล้ว จึงทำได้แค่เพียงเลิกรา หันเหความสนใจไปที่คุณหลิน“เธอคิดหาหนทางช่วยฉันให้ได้ติดต่อกับคุณหลิน ฉันจะให้รางวัลอย่างงาม”เจียงหลินพยักหน้า แล้วก็เดินจากไปทั้งครอบครัวของหลิ่วเฉิงจื้อดีใจเป็นอย่างยิ่ง ได้ร่วมมือกับติ่งเซิ่งกรุ๊ปอย่างราบรื่น ยังได้ลูกเขยในอนาคตที่ร่ำรวยมาอีกคนหนึ่งด้วย ได้กำไรสุด ๆ เลย“เสี่ยวหยางล่ะ? ฉันให้เขารออยู่ด้านนอกไม่ใช่เหรอ?”หลิ่วเฉิงจื้อกล่าว“คุณตามหาเขาทำไม? ตอนนี้เขามีผู้หญิงรวยเลี้ยงดูแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องเป็นห่วง” อวี๋ผิงเบะปากกล่าว“พ่อคะ พ่อคงไม่คิดจะให้หนูแต่งงานกับเขาหรอกใช่ไหมคะ?” หลิ่วฟู่อวี่กล่าว“ไม่มีทาง! เสียวอวี่ ลูกวางใจ ต่อให้พ่อของลูกมีความคิดนี้ แม่ก็ไม่มีทางเห็นด้วย เหลียงควนถึงจะเป็นลูกเขยของแม่ในอนาคต สวะอย่างหลินหยาง คู่ควรกับลูกที่ไหนกัน?”อวี๋ผิงกล่าวหล
การแต่งกายที่ไม่เหมือนเดิม ทำให้บุคลิกของเธอผิดไปอย่างกับคนละคน เรียกได้ว่าเป็นผู้หญิงที่มีสไตล์หลากหลาย“คุณแต่งตัวแบบนี้ แตกต่างจากตอนปกตินะครับ”“สวยไหมคะ?” มู่หรงยิ่นกล่าวถามพร้อมรอยยิ้มหวาน“สวยครับ”หลินหยางพยักหน้าอย่างจริงใจ“แล้วคุณชอบไหมคะ?”มู่หรงยิ่นโน้มตัวไปด้านหน้าเล็กน้อย มือทั้งสองข้างเท้าคาง ดวงตางามใสราวกับน้ำในทะเลสาบ เปล่งประกายแสงที่ทำให้คนลุ่มหลงหลินหยางคิดไม่ถึงว่าทันทีที่มู่หรงยิ่นนั่งลง ก็จะจู่โจมเขา“แน่นอนว่าชอบสิครับ”เพลิงราคะของหลินหยางที่เกิดขึ้นสงบลงไปเพราะการแช่สมุนไพร ไม่ได้ถูกระบายออกมา ทันทีที่ถูกมู่หรงยิ่นยั่วเย้า เพลิงราคะก็ปะทุขึ้นมาทันทีมู่หรงยิ่นแสยะยิ้ม ราวกับพอใจในคำตอบของหลินหยางทั้งสองคนสบตากันแบบนี้ ราวกับว่าอยากจะนาบตราลงไปในดวงตาของกันและกันจนกระทั่งพนักงานมาเสิร์ฟเหล้า สายตาของทั้งสองจึงละออกจากกันหลินหยางกระแอมทีหนึ่ง ยกแก้วเหล้าขึ้นแล้วกล่าว “ขอบคุณสำหรับการจัดการของคุณในค่ำคืนนี้”มู่หรงยิ่นหน้าแดงเล็กน้อย จิบเหล้าอึกหนึ่งเพื่อสงบสติอารมณ์“ปากบอกว่าขอบคุณ แต่ไม่มีความจริงใจเท่าไหร่เลย”“ถ้าอย่างนั้นคุณอยากให้ผมขอ