“เสี่ยวหยาง ฉันเสียใจมากจริงๆ ตอนนั้นฉันไม่ควรตอบตกลงถอนหมั้น นายก็คงไม่ตกต่ำจนติดการพนัน หรือกระทั่งติดยาเสพติด เป็นฉันที่ทำร้ายนาย”หลิวเฉิงจิ้อกล่าวด้วยสีหน้าเสียใจ“คุณมันหน้าซื่อใจคดจริงๆ ตอนนั้นเป็นคุณที่กลับคำพูด จะยกเลิกการหมั้นให้ได้ไม่ใช่เหรอ?”หลินหยางยิ้มอย่างเย็นชา“ฉันจะยกเลิกการหมั้นได้ยังไง! ฉินโม่หนงเป็นคนพูดเรื่องนี้” หลิวเฉิงจื้อกล่าว“หืม? คุณพูดว่าอะไรนะ?”หลินหยางขมวดคิ้วกล่าว“ไม่นานหลังจากที่พ่อแม่นายตาย ฉินโม่หนงก็เป็นฝ่ายมาหาฉัน บอกว่าจะยกเลิกการหมั้น ฉันไม่เห็นด้วย เธอบอกว่านี่เป็นความปรารถนาสุดท้ายก่อนตายของพ่อนาย และให้นายยอมรับเธอเป็นแม่บุญธรรม ยิ่งกว่านั้นให้แต่งงานกับฉินเยียนหรานลูกสาวของเธอ”“ฉินโม่หนงยังบอกว่านายก็เห็นด้วยกับการยกเลิกการหมั้น ไม่ยอมแต่งงานกับเสียวอวี่ ฉันคิดว่าในเมื่อเป็นความปรารถนาสุดท้ายของพี่หลิน ก็เลยตอบตกลง”ฟังหลิวเฉิงจื้อพูดจบ หลินหยางขมวดคิ้ว เริ่มพิจารณาคำพูดของหลิวเฉิงจื้อว่าจริงหรือเท็จตอนนั้นฉินโม่หนงบอกเขาว่า หลิวเฉิงจื้อถอนหมั้น ยืนกรานที่จะยกเลิกสัญญาแต่งงานตอนนี้สิ่งที่ออกจากปากของหลิวเฉิงจื้อ กลับเป็นนิทาน
เขาก็ไม่ได้อธิบาย แต่กล่าวว่า “น้าหลิวพูดถูกแล้ว”“ตอนนี้นายไม่ได้แตะการพนันกับยาเสพติดแล้วใช่ไหม? ของสองอย่างนี้แตะไม่ได้เด็ดขาด!” จู่ๆ หลิวเฉิงจื้อก็จริงจังขึ้นมา“ผมไม่เคยแตะของสองอย่างนี้เลย ล้วนเป็นฉินโม่หนงกุเรื่องขึ้นมาเพื่อใส่ร้ายผม”หลินหยางพูด ในสมองก็คิดแล้วว่าคืนนี้จะต้องลงโทษฉินโม่หนงให้สาสมอีกครั้ง ตีก้นโด่งของเธอให้ลายเลยผู้หญิงชั่วคนนี้ น่ารังเกียจมาก!“ฉันว่าแล้ว นายประพฤติตัวดี รักการเรียนตั้งแต่เด็ก จะไปมัวเมาของแบบนี้ได้ยังไง ฉินโม่หนงคนนี้จิตใจอำมหิต ซ่อนความคิดชั่วๆ ไว้ในใจ”ใบหน้าหลิวเฉิงจื้อเต็มไปด้วยความโกรธ“น่าเสียดายที่ตอนนี้เธอปีกกล้าขาแข็งแล้ว ฉันทำอะไรเธอไม่ได้ ไม่สามารถระบายความแค้นนี้ให้นาย ล้วนเป็นเพราะน้าหลิวไร้ความสามารถ!”หลินหยางปลื้มปีติในใจ เขากล่าว “น้าหลิว คุณอย่าพูดแบบนี้ ความแค้นของผม ผมแก้แค้นเอง”“อืม! นายมีความมุ่งมั่นส่วนนี้ก็ดีแล้ว”ใบหน้าของหลิวเฉิงอวี้เต็มไปด้วยความปลื้มปีติ เขากล่าว “นายกลับมาเถอะ เข้ามาทำงานที่บริษัท วันหน้าฉันจะยกจื้อเฉิง กรุ๊ปให้นายทั้งหมด ถึงแม้ปัจจุบันจื้อเฉิง กรุ๊ปจะสู้ซิงเย่ กรุ๊ปของฉินโม่หนงไม่ได้ แ
ครอบครัวหลิวเฉิงจื้อเข้าไปในห้องจัดเลี้ยง ส่วนหลินหยางเดินไปด้านข้างเขาไม่มีบัตรเชิญ และคนที่ไม่มีบัตรเชิญ ห้ามเดินเข้าทางประตูใหญ่ห้องจัดเลี้ยง แต่ต้องเข้าทางประตูหลัง ตรงไปยังห้องรับรองแขกวีไอพีที่อยู่หลังห้องจัดเลี้ยงมู่หรงหว่านเอ๋อร์รออยู่ที่นอกห้องรับรองแขกวีไอพีนานแล้ว เมื่อเห็นหลินหยาง บนใบหน้าเต็มไปด้วยความดีใจทันที“คุณหลิน เชิญ”หลินหยางเดินเข้าห้องรับรอง ข้างในนอกจากมู่หรงจางกับมู่หรงยิ่น ยังมีชายวัยกลางคนอีกหนึ่งคน หน้าตาคล้ายคลึงกับมู่หรงจางมากเขาคือมู่หรงเจ๋อ ลูกชายคนโตของมู่หรงจาง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขคนปัจจุบันของมณฑลหนานตู“พี่ใหญ่ ฉันขอแนะนำให้พี่รู้จักก่อน ท่านนี้ก็คือคุณหลิน ไม่เพียงฝีมือสูงมาก ทักษะการแพทย์ยิ่งเลิศล้ำ”มู่หรงยิ่นลุกขึ้นแนะนำ หันไปกล่าวกับหลินหยาง “หลินหยาง นี่คือมู่หรงเจ๋อพี่ชายคนโตของฉัน”มู่หรงเจ๋อมองหลินหยางแวบหนึ่ง อย่างไรก็ตามคนที่มีตำแหน่งสูง มีมาดและบารมีของตนเองท่าทีที่เขามีต่อหลินหยาง ไม่ได้เคารพเขาเหมือนคนอื่นๆ ของตระกูลมู่หรงมากนัก“ผมรู้เรื่องของเมื่อวานแล้ว คุณก็ถือว่าเป็นคนหนุ่มที่มีความสามารถ ไม่เลว”มู่หรงเจ๋
มู่หรงยิ่นสมกับที่เป็นราชินีธุรกิจ พริบตาเดียวก็มองเห็นมูลค่าที่แท้จริงของสูตรยาตัวนี้“มู่หรงเจ๋อ ถ้าแกพูดไม่เป็น แกก็หุบปากของแกซะ ไม่อย่างนั้นแกก็รีบกลับหนานหลิงไปเลย”มู่หรงจางกล่าวด้วยสีหน้าบึ้งตึง“พ่อ ผมเป็นรัฐมนตรีของกระทรวงสาธารณสุข ผมรู้จักเภสัชกรรมดีกว่าพ่อ ไม่ว่าจะยาชนิดไหน ก็จำเป็นต้องผ่านการตรวจพิสูจน์ก่อนถึงจะกินได้ นี่คือกฎ” มู่หรงเจ๋อกล่าว“กฎบ้าบออะไรของแกนั่นมันไม่มีผลกับฉัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขอย่างแก ควบคุมฉันไม่ได้! ฉันเชื่อคุณหลิน”ใบหน้ามู่หรงจางเต็มไปด้วยความโกรธ เขากลัวมู่หรงเจ๋อวางมาด พูดจาไม่ดีล่วงเกินหลินหยางหลินหยางดื่มชา ยิ้มแต่ไม่ได้พูดอะไร“พี่ใหญ่ พี่พูดให้น้อยลงหน่อยเถอะ อย่าทำให้พ่อไม่พอใจเลย”มู่หรงยิ่นส่งซิกทางสายตาให้มู่หรงเจ๋อหยุดมู่หรงเจ๋อถึงจะหันหน้าไปทางอื่นโดยไม่พูดอะไรอีก“คุณหลิน ไม่รู้ว่าความคิดที่ฉันพูดเมื่อกี้ คุณถือสาหรือเปล่า?” มู่หรงยิ่นกล่าวถาม“ในเมื่อมอบสูตรยาให้นายท่าน ก็เป็นของพวกคุณแล้ว ส่วนจะใช้ยังไง ใช้หรือไม่ใช้ นั่นมันเรื่องของพวกคุณ” หลินหยางวางถ้วยชาลงพลางกล่าวเวลานี้เอง เลขาของมู่หรงยิ่นเคาะประตูเ
เลขามู่หรงเจ๋อพบข้อมูลของพิษน้ำแข็งฟอสฟอรัสจริงด้วย ข้อความขึ้นว่า พิษน้ำแข็งฟอสฟอรัสเป็นยาพิษชนิดพิเศษที่มนุษย์สร้างขึ้น ส่วนผสมซับซ้อน พิษรุนแรงมาก และยังบอกอีกด้วยว่าระดับการแพทย์ในปัจจุบัน รักษาไม่หายเมื่อไรที่ถูกพิษชนิดนี้ ต้องตายอย่างไร้ข้อกังขา ไม่มียารักษามู่หรงเจ๋ออ่านข้อมูลจบ รู้สึกตกใจมาก สายตาที่มองไปทางหลินหยางเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว“บนโลกใบนี้มีทักษะการแพทย์ที่อัศจรรย์ขนาดนี้จริงเหรอ? อีกทั้งยังอยู่บนตัวของเด็กหนุ่มที่อายุแค่ยี่สิบต้นๆ น่าเหลือเชื่อมาก!”มู่หรงเจ๋อในฐานะที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รู้ความลึกซึ้งและซับซ้อนของการแพทย์เป็นอย่างดี ไม่ได้เรียนในสายเฉพาะทาง ไม่มีประสบการณ์ที่มากพอ ไม่สามารถบ่มเพาะบุคคลที่มีทักษะการแพทย์สูงได้แน่นอน“คุณลองถามผู้เชี่ยวชาญของโรงพยาบาลมณฑลดู พิษนี้มีอยู่จริงหรือไม่ พวกเขาสามารถรักษาได้หรือไม่?”มู่หรงเจ๋อออกคำสั่งกับเลขาอีกครั้ง เพราะยังไม่เชื่ออย่างสนิทใจหลังจากเฉาเค่อหมิงแสดงความขอบคุณต่อหลินหยางอย่างจริงใจแล้ว จึงจะอวยพรมู่หรงจาง หลังจากนั้นจึงเดินมาจับมือทักทายมู่หรงเจ๋อ“ผู้อำนวยการเฉา ผมได้ยินมาว่า
“น่าจะเป็นผู้อำนวยการเฉามั้ง เมื่อกี้ตอนผมมา บังเอิญเห็นประธานยิ่นต้อนรับผู้อำนวยการเฉาด้วยตัวเองพอดี”“ผู้อำนวยการเฉามาแล้ว? ตามหลักไม่สมควรนี่นา ผู้อำนวยการเฉาไม่เคยร่วมงานแบบนี้ ต่อให้ตระกูลมู่หรงมีเกียรติแค่ไหน ก็เชิญเขาไม่ได้หรอกมั้ง”“นี่แสดงให้เห็นว่าประธานยิ่นมีความสามารถไงล่ะ! เอาเป็นว่าฉันเห็นผู้อำนวยการเฉาพาคุณนายเฉากับคุณหนูมาด้วยตาตัวเอง ตอนนี้น่าจะอยู่ห้องรับรองที่อยู่ข้างหลัง”ฉินโม่หนงก็ประหลาดใจเช่นกัน เธอครุ่นคิด เฉาเค่อหมิงมาร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของมู่หรงจางด้วยตนเอง เบื้องหลังมีเจตนาพิเศษอะไรหรือเปล่าฉินโม่หนงลุกขึ้นยืน ไปหาเจียงหลินที่อยู่ในห้องจัดเลี้ยงจนเจอ“เลขาเจียง ผู้อำนวยการเฉามาจริงๆ เหรอ?”“อืม อยู่ห้องรับรองที่อยู่ข้างหลัง” เจียงหลินกล่าวตอบเสียงเบาฉินโม่หนงลงทุนลงแรงกับเจียงหลินไปไม่น้อย เธอติดสินบนเจียงหลิน ดังนั้นตอนนั้นเธอจึงสามารถสร้างความร่วมมือกับตระกูลมู่หรงอย่างราบรื่นฉินโม่หนงคิดว่าวงการธุรกิจเหมือนสนามรบ ข่าวกรองมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อวงการธุรกิจ ดังนั้นเธอยินดีลงทุนลงแรงใช้เงินจำนวนมากติดสินบนเจียงหลิน“ตกลงมู่หรงยิ่นเลือกร่วมมือกับ
สีหน้าหลิวเฉิงจื้อดูผิดหวัง เขาหาที่นั่งที่หนึ่งนั่งลงอย่างไม่ใส่ใจงานเลี้ยงครั้งนี้สำหรับเขา มันไม่มีอะไรน่าสนใจอีกแล้วอวี๋ผิงปลอบใจเขา เธอกล่าว “ช่างเถอะ อย่ากดดันตัวเองมากเกินไป ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็ขายบริษัทให้หงชังไฮ่ จากนั้นพวกเราออกจากเมืองลั่วก็สิ้นเรื่อง”“ผมรับไม่ได้”หลิวเฉิงจื้อเคาะโต๊ะพลางกล่าว“หลิวฟู่อวี่ ฉันตามหาเธอตั้งนาน เธออยู่นี่เองเหรอ”เวลานี้เอง ผู้ชายหน้าตาดี ออร่าไม่ธรรมดาคนหนึ่งเดินเข้ามาทักทายหลิวฟู่อวี่“เหลียงควน? นายกลับประเทศตั้งแต่เมื่อไหร่?” หลิวฟู่อวี่กล่าวถาม“เพิ่งกลับมาเมื่อวาน นี่คือคุณอากับคุณน้าสินะ? สวัสดีครับ”เหลียงควนเป็นฝ่ายแนะนำตัวเองก่อน “ผมชื่อเหลียงควน เป็นเพื่อนร่วมชั้นสมัยมัธยมปลายกับฟู่อวี่ พ่อของผมคือเหลียงเจี้ยนของเจี้ยนเซิ่ง กรุ๊ป”“เธอคือลูกชายประธานเหลียงของเจี้ยนเซิ่ง กรุ๊ป?”หลิวเฉิงจื้อรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เจี้ยนเซิ่ง กรุ๊ปเป็นอุตสาหกรรมเก่าแก่ของเมืองลั่ว แต่โครงสร้างไม่ได้ใหญ่มากเมื่อสามปีก่อนเหลียงเจี้ยนเข้าร่วมสมาคมการค้าวั่นเหา หลังจากได้ขึ้นเรือใหญ่อย่างตระกูลมู่หรง พัฒนาอย่างรวดเร็ว โครงสร้างได้แซงจื้อเฉิง
เหลียงควนกล่าวด้วยรอยยิ้ม“คุณชายเหลียง คุณรู้จักเธอเหรอ?” วังลี่กล่าวถาม“แน่นอน! ฉันกับฟู่อวี่เป็นเพื่อนร่วมชั้นสมัยมัธยมปลาย ฉันจีบเธอตั้งแต่สมัยมัธยมปลายแล้ว แต่น่าเสียดาย ฟู่อวี่ไม่ได้ชอบฉัน ตอนนี้ในใจฉันยังรู้สึกเสียดายมากอยู่เลย”เหลียงควนกล่าวด้วยรอยยิ้มหลิวฟู่อวี่เห็นวังลี่ได้ยินแล้วแสดงสีหน้าไม่สบอารมณ์ เธอจึงรู้สึกย่ามใจ ในที่สุดก็สามารถเชิดหน้าเชิดตาต่อหน้าเพื่อนร่วมชั้นพวกนี้ได้สักครั้งแล้ว“ตอนสมัยมัธยมปลายไม่รู้ความ ยิ่งกว่านั้นที่บ้านฉันเข้มงวดมาก ไม่อนุญาตให้ฉันมีแฟน” หลิ่วฟู่อวี่กล่าวอธิบายเพื่อนของเหลียงควนกล่าวตามน้ำ “ฟังที่พูดมา งั้นตอนนี้รู้ความแล้ว ถ้าหากคุณชายเหลียงจีบเธออีกครั้ง เธอจะไม่ปฏิเสธอีกแล้วใช่ไหม?”หลิวฟู่อวี่รู้สึกกระอักกระอ่วนทันที บอกตามตรง เธอไม่ได้ชอบเหลียงควน แต่จำเป็นต้องเอาใจเขา ล่วงเกินไม่ได้“เรื่องของความรักต้องค่อยเป็นค่อยไป อีกอย่างไม่แน่ว่าคุณชายเหลียงอาจจะมีแฟนนานแล้ว ยังจะชอบฉันซะที่ไหนล่ะ”หลิวฟู่อวี่ก็กล่าวอย่างมีไหวพริบเช่นกัน“ในใจฉันมีเธอเสมอ สามปีนี้ ฉันไม่เคยมีแฟนเลย” เหลียงควนกล่าว“คุณชายเหลียงลุ่มหลงในความรักจริง