กลางดึกขณะแพรวากำลังเพลิดเพลินผ่อนคลายไปกับการนอนแช่น้ำในอ่าง เสียงโทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น
ครืด ครืด ครืด
ร่างเล็กระบายลมหายใจพรืดใหญ่ เมื่อถูกขัดจังหวะ มองรายชื่อที่ปรากฏก็ต้องขมวดคิ้ว ก่อนจะตัดสินใจรับสายในที่สุด
"สวัสดีค่ะพี่เปรม"
(โอ้ รอดตายไปทีที่น้องวายังไม่นอน ขอโทษนะที่พี่ต้องรบกวนกลางดึกแบบนี้ แต่ทางท่าที่เวียดนามเพิ่งแจ้งเข้ามา ว่ามีสินค้าภายในตู้ของลูกค้าได้รับความเสียหาย)
"ช่วยอธิบายให้ละเอียดหน่อยค่ะ"
ใบหน้าสวยเริ่มเคร่งเครียด เธอคว้าผ้าขนหนูมาพันรอบกายและเดินออกไปนั่งคุยยังห้องนั่งเล่นแทน พลางล้วงสมุดบันทึกในกระเป๋ามาจดรายละเอียดไปด้วย
(ผลไม้ของแบรนด์ Fruity Thailand กล่องบรรจุลูกค้าแตก ทำให้พอเปิดตู้มาพวกผลไม้ที่อยู่ด้านล่างถูกทับจนช้ำหมดเลย ส่วนกล่องด้านบนยังปกติดีค่ะ)
เปรมธิดา หัวหน้าฝ่าย AE รีบอธิบาย
"เป็นตู้เดียวเหรอคะ"
(เป็นเหมือนกันหมดทั้ง 3 ตู้เลยค่ะ คาดว่าจะเสียหายประมาณ 1 ใน 3 เลย พี่เครียดมาก ที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีปัญหาแบบนี้)
"ให้ทางเวียดนามถ่ายรูปความเสียหายมาหน่อยค่ะ ขอละเอียดถ่ายทุกมุม ส่วนสินค้าที่ไม่เสียหายให้รถรับไปก่อน พรุ่งนี้เช้าแจ้งลูกค้าด้วยนะคะ แล้วให้ทีมที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเข้าประชุมตอน 8 โมงค่ะ"
(โอเคได้ค่ะ)
"วาฝากรวบรวมข้อมูลทั้งหมดด้วยนะคะ"
(ได้ค่ะๆ ขอบคุณน้องวามากๆเลยนะ)
เปรมธิดาพอจะหายใจได้โล่งขึ้นบ้าง หากไม่มีคนกลางเช่นแพรวามาช่วยสอบสวน เธอก็จะเป็นฝ่ายโดนลูกค้าตำหนิ และอาจต้องรับผิดชอบแทนหากเธอหาสาเหตุไม่เจอ
"ค่ะ เจอกันพรุ่งนี้"
พอมีปัญหาเข้ามาแบบนี้ หญิงสาวก็หมดอารมณ์จะไปนอนแช่น้ำร้อนต่อแล้ว เธอถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้าก่อนจะลุกไปแต่งตัว ต่อสายหาหัวหน้าฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเพื่อรวบรวมข้อมูลอีกแรง กว่าที่ร่างเล็กจะได้ล้มตัวนอนก็เกือบตี 1 เข้าไปแล้ว
บริษัท JRV LOGISTICS
พนักงานหลายร้อยคนทยอยเดินเข้าตึกสำนักงานสูงใจกลางกรุง พูดคุยหยอกล้อสนุกสนาน แตกต่างจากบุคคลภายในห้องประชุมที่ต้องมาบริษัทก่อนเวลาเกือบชั่วโมง หัวหน้าฝ่ายแต่ละฝ่ายมีสีหน้าเคร่งเครียด เมื่อถูกลูกค้าโวยวายเรียกร้องให้รับผิดชอบค่าเสียหายทั้งหมดทันทีที่ทราบเรื่อง
"บริษัท Fruity Thailand เป็นลูกค้าเรามา 6 ปี แล้ว ที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีปัญหากล่องลังแตกมาก่อนเลย แต่รอบนี้เป็นพร้อมกันหมดผมว่าน่าจะเกิดปัญหาจากความแข็งแรงของกล่องบรรจุภัณฑ์ลูกค้านะครับ"
"ถ้าแบบนั้น ลูกค้าก็เป็นคนผิดสิ จะมาเรียกร้องให้เรารับผิดชอบได้ยังไง"
"พนักงานที่ท่ารถวางของลูกค้าไม่ดีหรือเปล่า"
"อย่ามาโยนความผิดให้ฝ่ายผม ลูกค้าเหมาตู้ ลูกน้องผมมีหน้าที่แค่ขับรถไปที่ล้ง ส่วนการนำขึ้นทางนั้นเป็นคนจัดการเอง"
และตามมาด้วยข้อถกเถียงอีกหลายอย่าง ต่างฝ่ายต่างไม่มีใครอยากเป็นผู้รับผิดชอบ
แพรวา เลขาสาวในชุดเสื้อแขนยาวตัวโคร่งและกระโปรงยาวลายประหลาดไม่ต่างจากทุกวัน นั่งนวดขมับตัวเองด้วยความวิงเวียน วิกผมหยิกฟูและแว่นหนาเตอะช่วยซ่อนสีหน้าหงุดหงิดไว้ได้อย่างดี
เมื่อเสียงโต้เถียงดังราวกับไม่มีวันจบสิ้น ร่างเล็กเริ่มทนไม่ไหวพยายามยกมือขึ้นเพื่อขอจังหวะพูด แต่หญิงสาวแสนจืดชืดกลับไม่เป็นที่สนใจ จนเธออยากจะตบโต๊ะเสียงดัง แต่ก็ต้องข่มใจเอาไว้และแสร้งปัดแก้วน้ำบนโต๊ะแทน
เพล้ง!
เสียงแก้วแตกหยุดการโต้เถียงและเรียกความสนใจของทุกคนได้ทันที เธอแสร้งส่งยิ้มเก้อเขินก่อนจะลุกขึ้นสรุปการประชุม
"เอาล่ะค่ะ คุยกันแบบนี้คงหาข้อสรุปไม่ได้ ทางทีมที่ท่าเรือช่วยหาหลักฐานดูทีค่ะ ว่าลูกค้ามีการเปลี่ยนกล่องบรรจุภัณฑ์จริงหรือเปล่า เพราะจากภาพมันก็ดูต่างจากเดิมจริงๆ หลังจากได้ข้อมูลแล้วส่งให้ทีมวิศวะคำนวณดูว่าถ้ากล่องบางลงจะมีโอกาสเกิดปัญหาลังแตกแค่ไหน ทาง AE ช่วยประสานงานและสรุปยอดค่าเสียหายทั้งหมดด้วย อีก 2 ชั่วโมงเราค่อยมาคุยกันอีกที ตอนนั้นน่าจะได้ข้อมูลมากพอแล้ว"
ทุกคนพยักหน้าหงึกๆ เห็นด้วยกับวิธีของเลขาสาว จนไม่มีใครโต้แย้งอะไรออกมาอีก และรีบไปจัดการหน้าที่ในส่วนของตนเอง
ยังไม่ทันจะเริ่มงาน แพรวาก็รู้สึกเหมือนพลังงานในร่างกายถูกสูบออกไปจนหมด เธอรวบรวมข้อมูลทั้งหมดและกลับไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ
ร่างเล็กขึ้นลิฟต์มายังชั้นบนสุดและจัดเตรียมเอกสารสำหรับเจ้านายหนุ่มเช่นปกติ เธอเหลือบมองนาฬิกาบนโต๊ะก็รู้สึกแปลกใจที่ยังไม่เห็นประธานหนุ่มเหมือนทุกวัน
แอ๊ดดด~
เสียงเปิดประตูห้องทำงานทำให้หญิงสาวสะดุ้ง เมื่อหันกลับไปก็พบใบหน้าเฉยชาของบุคคลที่เธอกำลังคิดอยู่เปิดประตูออกมา
แพรวารีบลุกขึ้นโค้งทำความเคารพ โอนิกซ์ไม่ได้พูดอะไร แต่สายตาคมของเขากลับฉายแววหงุดหงิดไม่พอใจจนเธอรู้สึกได้
"เอ่อ คือ..."
"ขอกาแฟ"
อีกฝ่ายแทรกขึ้นมาก่อนและหมุนตัวกลับเข้าห้องทันที ปล่อยให้เลขาสาวมึนงงกับทีท่าของเขา
แพรวาสะบัดหัวเรียกสติ การประชุมเมื่อครู่ทำสมองเธอทำงานอย่างหนัก และยังต้องขบคิดถึงวิธีการรับมือในขั้นต่อไปอีก ก่อนที่หญิงสาวลุกไปชงกาแฟร้อนตามที่ประธานหนุ่มต้องการ
ไม่ใช่ว่าโอนิกซ์ขี้เกียจหรือไม่สนใจบริษัท แต่ประธานหนุ่มไม่ชอบคนโง่ไร้สมอง เขาชอบคนมีความคิด รู้จักรับมือและแก้ไขสถานการณ์ได้ ดังนั้นเมื่อเจอปัญหาแต่ละครั้ง จะต้องมีแนวทางแก้ไขมาเสนอพร้อมกัน และประธานหนุ่มจะตัดสินใจอีกครั้งว่าจะแก้ไขอย่างไร
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
"ขออนุญาตค่ะ"
"เชิญ"
เมื่อได้ยินเสียงภายในตอบรับแพรวาก็ก้มหน้าเดินตัวลีบเข้ามายังห้องทำงานกว้าง แม้จะไม่ได้มองเขา แต่สายตาเย็นเฉียบของประธานที่มองมาก็ทำให้เธอขนลุกวาบ ราวกับเธอไปทำเรื่องอะไรให้อีกฝ่ายขุ่นเคืองใจ
"กาแฟค่ะ" แพรวาค่อยๆ วางแก้วกาแฟหอมกรุ่นบนโต๊ะทำงานช้าๆ แต่วันนี้โอนิกซ์กลับพูดแทรกขึ้นมาก่อนที่เธอจะแจ้งรายงานประจำวัน
"เธอตั้งใจใช่ไหม"
"คะ?"
ร่างเล็กในชุดเสื้อผ้าหลวมโครกเงยหน้าขึ้น มองกลับด้วยความมึนงง
"นัดกินข้าวเมื่อวาน เธอรู้อยู่แล้วใช่ไหมว่าคุณไพศาลพยายามจะจับคู่ฉันกับลูกสาวเขา"
"เอ่อ คือ..."
"ตอบ!"
น้ำเสียงเข้มดุดันบวกกับสายตาภายใต้กรอบแว่นจ้องมาอย่างคาดคั้น ทำให้แพรวาไม่มีทางเลือกนอกจากยอมรับไปตรงๆ
"ค่ะ คุณไพศาลขอมาค่ะ ว่าไม่ต้องให้วาเดินทางไปด้วย" ร่างเล็กก้มหน้างุด ตอบเสียงอ่อย
"ใครเป็นเจ้านายเธอกันแน่"
"ขอโทษค่ะ"
"อย่าให้มีครั้งหน้าอีก เธอไม่ได้มีหน้าที่จับคู่ฉันให้ใคร"
"ทราบแล้วค่ะ"
ร่างสูงเงียบไป คว้าแก้วตรงหน้าขึ้นมาจิบ ปล่อยให้ความขมเข้มข้นของกาแฟค่อยๆ แทรกซึมผ่านลิ้นลงสู่ลำคอ
แพรวาลอบมองท่าทีของเจ้านายอีกครั้ง เมื่อเห็นเขาไม่ได้พูดอะไรต่อจึงเริ่มรายงานตารางงานให้ชายหนุ่มฟังตามปกติ และแจ้งเรื่องปัญหาสินค้าเสียหายต่อ
โอนิกซ์นั่งฟังเธอเงียบๆ โดยใบหน้าหล่อเหลาเรียบเฉยตามเดิม ไม่แสดงท่าทีหงุดหงิดไม่พอใจแต่อย่างใด เหม่อมองไปทางอื่นราวกับตกอยู่ในห้วงความคิด จนกระทั่งเธออธิบายจบ เขาจึงวางแก้วในมือและหมุนเก้าอี้ทำงานมาทางเธอ เรียวขากำยำใต้กางเกงสแล็คถูกยกขึ้นไขว้ในท่าทีสบายๆ โอนิกซ์วางแขนข้างหนึ่งกับพนัก อีกข้างยกเท้าคาง
"คิดว่าจะจัดการปัญหานี้ยังไง" น้ำเสียงทุ้มราบเรียบไร้อารมณ์ถามขึ้น
"วาคิดว่าจะเสนอให้ช่วยลูกค้ารับผิดชอบค่าเสียหายประมาณ 30% ของทั้งหมดค่ะ"
แพรวาคาดไว้อยู่แล้วว่าชายหนุ่มต้องถามความเห็น จึงเสนอสิ่งที่ตัวเองคิดเอาไว้ออกไป
"ไหนเธอบอกว่าปัญหาเกิดจากกล่องบรรจุลูกค้าไม่ได้มาตรฐาน ดังนั้นเราก็ไม่จำเป็นต้องช่วยรับผิดชอบ เธอกำลังทำให้บริษัทเสียเปรียบรู้หรือเปล่า" คำพูดเชิงตำหนิและสายตาเย็นชาของเขา คงทำให้คนอื่นตัวสั่นหวาดกลัวจนต้องขอโทษที่พูดอะไรโง่ๆออกไป แต่ไม่ใช่กับแพรวา
"วาลองประเมินค่าเสียหายลูกค้าแล้วคร่าวๆ ประมาณ 3 แสนกว่าบาท ดังนั้นเราช่วยทางนั้นแค่ 9 หมื่นบาท เพื่อแสดงน้ำใจ ก่อนจะแจกแจงให้ลูกค้าฟังถึงปัญหาว่าทางบริษัทไม่ได้มีส่วนผิด และให้ทางบริษัท Fruity Thailand ไปจัดการแก้ไขปัญหาต่อเอง อีกทั้งอีก 4 เดือนจะมีการเซ็นสัญญาใหม่ ทางเรามีการปรับขึ้นราคาค่าขนส่งในปีนี้ การแสดงความจริงใจเล็กน้อยน่าจะช่วยให้อีกฝ่ายตัดสินใจต่อสัญญากับเราได้ง่ายขึ้นค่ะ"
"..."
"..."
ต่างฝ่ายต่างนิ่งเงียบไปหลังจากที่แพรวาอธิบายความคิดเห็นของเธอจบ ร่างเล็กลอบกลืนน้ำลาย รู้ว่าท่าทางเมื่อครู่ของตนเองช่างขัดแย้งกับบุคลิกที่พยายามสร้างขึ้นมาแค่ไหน
ภายในห้องเงียบสนิทมีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำเท่านั้น แต่สายตาประเมินอย่างโจ่งแจ้งของประธานหนุ่มที่จ้องเธอไม่วางตา ทำให้แพรวาเริ่มรู้สึกถึงเหงื่อเย็นๆ ที่ซึมตามไรผม
"แล้วรายงานให้ฉันรู้ด้วยว่าลูกค้าว่าไง"
โอนิกซ์เอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ ก่อนจะขยับเก้าอี้กลับไปทางโต๊ะตามเดิม และเริ่มลงมืออ่านเอกสารกองโต
ร่างเล็กยิ้มกว้าง เมื่อความเห็นของเธอได้รับการอนุมัติ รีบโค้งตัวและหมุนกายจากไปเพื่อไปจัดการปัญหาที่คั่งค้างต่อให้เสร็จ
เมื่อเข้าประชุมอีกครั้งทุกอย่างก็ราบรื่นผิดกับเมื่อเช้า และตามที่เธอคาด ลูกค้าได้มีการปรับเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์เพื่อลดต้นทุนการผลิตแต่กลับไม่ได้มาตรฐาน หลังจากเปรมส่งหลักฐานให้อีกฝ่ายดู ทางนั้นก็มีน้ำเสียงอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด และยังขอบคุณที่ทางบริษัทจะช่วยเหลือค่าเสียหายทั้งที่ไม่มีความผิด แผนซื้อใจของแพรวาดูเหมือนจะได้ผลดีทีเดียว
หัวหน้าฝ่ายต่างๆ มีสีหน้าดีขึ้น นึกขอบคุณเลขาสาวที่สามารถจัดเตรียมวางแผนรับมือแก้ไขปัญหาได้ดีเช่นนี้ จนเป็นที่ยอมรับกันทั่ว
ช่วงบ่าย แพรวามีเข้าประชุมพร้อมโอนิกซ์อีกเกือบ 2 ชั่วโมง เขาพูดเพียงไม่กี่ประโยคแต่กลับสามารถทำให้เหล่าหัวหน้าอาวุโสของบริษัทหน้าถอดสี จนแพรวาเกือบจะโทรเรียกรถพยาบาลมาสแตนด์บายรอเสียแล้ว
หญิงสาวก้าวยาวๆ เพื่อเร่งเดินให้ทันประธานหนุ่มที่เดินกลับห้องทำงาน พลางหอบเอกสารกองโตแนบอกมาด้วย
ปึก!
แต่แล้วคนตรงหน้าจู่ๆ ก็หยุดกะทันหัน ทำให้เลขาสาวที่รีบเร่งเดินตามชนเข้ากับแผ่นหลังกว้างเต็มแรง จนล้มลงไปนั่งก้นจ้ำเบ้าอยู่กับพื้น แฟ้มเอกสารหล่นกระจาย
โอนิกซ์ถอนหายใจ ส่ายหน้าระอา เหลือบมองความซุ่มซ่ามของเธอด้วยแววตากึ่งสมเพชกึ่งสะใจ ก่อนจะแสดงความมีน้ำใจโดยการพูดว่า
"รีบลุกขึ้นมา แล้วตามฉันเข้ามาในห้อง"
ว่าจบประธานหนุ่มก็หมุนกายเดินจากไปทันที แพรวาได้แต่มองค้อน ก่นด่าความเย็นชาของเขาในใจตามหลังไป พลางก้มเก็บแฟ้มที่หล่นเกลื่อนเพื่อไปจัดวางที่โต๊ะทำงานของเธอ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
"เข้ามา"
เธอถอนหายใจ พยายามตั้งสติเพื่อรับมือกับอารมณ์หงุดหงิดของตัวเอง ก่อนจะผลักประตูเข้าไป
"ค่ะ เรียกวามีอะไรเหรอคะ"
"อะนี่"
แพรวามึนงง มองการ์ดสีดำเงาในมือของชายหนุ่มที่ยื่นมาให้อย่างไม่เข้าใจ
"ทำไมเหรอคะ"
"ถือว่าเป็นโบนัสที่จัดการปัญหาได้ดี อยากได้อะไรก็เอาการ์ดนี่ไปรูดซะ ฉันให้หนึ่งอย่าง"
คำเฉลยของประธานหนุ่มทำดวงตากลมโตใต้แว่นหนาเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจและตื้นตัน มือบางสั่นเล็กน้อยด้วยความตื่นเต้นขณะยื่นไปรับบัตรเครดิตใบหรูของอีกฝ่าย
"อะ...อะไร...ก็ได้เหรอคะ" แพรวาย้ำถามอีกครั้งราวกับไม่เชื่อหู
"อืม อะไรก็ได้...เลือกดีๆ คงรู้ว่าฉันไม่ได้ใจดีบ่อยๆ"
"ขอบคุณค่ะ"
หญิงสาวยิ้มกว้างกุมบัตรเครดิตในมือแน่น หัวใจพองโตอย่างประหลาดเมื่อได้รับการยอมรับจากโอนิกซ์ ตลอดเวลาที่เธอทำงานกับเขา แทบไม่เคยได้รับคำชมใดๆ ทั้งที่ต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจอย่างมาก แต่เขาก็ทำเพียงพยักหน้ารับ แต่หากทำอะไรผิดพลาด ชายหนุ่มมาดขรึมตรงหน้าก็พร้อมจะเชือดเฉือนด้วยคำพูดเจ็บแสบจนเธอแทบมุดแผ่นดินหนี
โอนิกซ์ชะงักค้างไป เมื่อได้เห็นรอยยิ้มของเลขาสาวชัดๆ อกซ้ายวูบโหวงแปลกๆ ตาเขาคงเบลอไปเสียแล้วถึงเห็นยัยเฉิ่มน่ารักน่าเอ็นดูขึ้นมาได้ ร่างสูงสะบัดมือเป็นสัญญาณไล่เธอออกไป
"ใช้เสร็จก็เอามาคืนซะ"
"ได้ค่ะ"
แพรวาแทบกระโดดตัวลอยออกจากห้อง ความหงุดหงิดเมื่อครู่ที่เขาเป็นต้นเหตุจนเธอล้มไปกองกับพื้นหายวับไปกับตา
โอนิกซ์ส่ายหัวกับท่าทางเด๋อด๋าของเลขาส่วนตัว ช่างดูไม่ต่างจากเด็กได้ของขวัญ สมองเฉียบคมคาดเดาไปต่างๆ นานา ว่าเธอจะซื้ออะไรหลังจากโดนเขาโขกสับใช้งานมาหลายปี หวังว่าเธอคงจะไม่ซื้อบ้าน งานนี้อาจมีหมดตัว
ประธานหนุ่มรับรู้มาเสมอถึงความทุ่มเทในงานของแพรวา และความ สามารถของเธอก็เป็นที่พอใจเขามาก ไม่เช่นนั้นเงินเดือนของเลขาสาวคงไม่เหยียบ 6 หลักเช่นนี้
เขาเคี่ยวเข็ญกดดันเพื่อให้เธอพัฒนาฝีมือจนสามารถตอบสนองทุกความต้องการของเขาโดยไม่ต้องสั่งด้วยซ้ำ ครั้งนี้จึงมอบรางวัลการทำงานเป็นการตอบแทนเสียหน่อย
ติ๊ง~
เสียงแจ้งเตือนในโทรศัพท์ดังขึ้น ประธานหนุ่มหยิบมันขึ้นมาดู ก่อนที่ใบหน้าเรียบเฉยเย็นชาจะเผยรอยยิ้มที่นานๆ ครั้ง ถึงจะปรากฏ
'14:53 ยอดหักบัตรเครดิต 249.00'
เลขาของเขาช่างมีอะไรให้ประหลาดใจได้เสมอจริงๆ
โกดังสินค้ารถยุโรปคันใหญ่แล่นไปตามทางดินลูกรังของพื้นที่ห่างไกลตัวเมือง ต้นไม้หนาทึบช่วยพรางสายตาจากบุคคลภายนอกได้เป็นอย่างดี รอบโกดังมีรั้วเหล็กสนิมเกาะล้อมเอาไว้อีกชั้น เมื่อดูจากภายนอกก็ไม่ต่างจากสถานที่ถูกปล่อยทิ้งร้าง หากแต่ความจริงภายในอัดแน่นไปด้วยสินค้าผิดกฎหมายโอนิกซ์เดินทางมาพร้อมกับลูกน้องเพื่อมาประชุมกับกลุ่มเพื่อนตามปกติ ใบหน้าเฉยชาสวมแว่นตาทรงสี่เหลี่ยมนั้นไม่ต่างจากหนุ่มเนิร์ดคงแก่เรียน มักมีหนังสือติดมือเสมอ ใครที่พบเขามักจะนึกว่าชายหนุ่มเป็นหมอหรือทนายความ แต่ความจริงเขาคือมาเฟียดีๆ นี่เองภายในโกดังมีลูกน้องหลายคนเดินไปเดินมาขวักไขว่ ตรวจเช็กสินค้าก่อนส่ง โอนิกซ์ซึ่งมีบริษัทโลจิสติกส์เป็นของตัวเอง จึงสามารถแอบลักลอบส่งสินค้าพวกนี้ไปกับเรือได้สบายชั้นใต้ดินของโกดังเป็นทางเดินคดเคี้ยว แยกย่อยหลายทิศทาง ชวนให้สับสน แต่คนที่คุ้นเคยเส้นทางดีอย่างเขาสามารถหลับตาเดินมาจนถึงห้องประชุมกว้างได้สบาย"ไง มาเร็วตลอดเลยมึง" วิคเตอร์นั่งเอกเขนกอยู่กลางโซฟาเพียงลำพัง พร้อมจิบกระป๋องเบียร์ในมือไปด้วยเอ่ยทัก ก่อนจะโยนกระป๋องเบียร์เย็นเฉียบอีกอันมาทางเขา"..."โอ
วันเสาร์คอนโดแพรวาหญิงสาวตื่นขึ้นมาในช่วงสายๆ วันหยุดทั้งทีจึงขอนอนให้เต็มที่หน่อย เธอลุกขึ้นนั่งบิดกายอย่างเกียจคร้าน ผมยาวสลวยสีแดงยุ่งฟูเล็กน้อย ใบหน้ากระจ่างใสเซ็กซี่ชวนมองยังคงง่วงงุน เธอขยี้ตาเบาๆ ก่อนจะลุกออกจากเตียงหญิงสาวสวมเพียงเสื้อเชิ้ตผ้าแพรเย็นสบายสีม่วง ช่วงล่างมีเพียงแพนตี้สีขาวโอบอุ้มสะโพกกลมมน แพรวาเดินเข้าครัวชงกาแฟและทอดไข่ดาวแฮมไส้กรอกง่ายๆ ทุกครั้งที่ขยับตัว ก้มๆ เงยๆ กางเกงในสีสะอาดมักโผล่วับๆ แวมๆ เย้ายวนสายตา โชคดีที่เธออยู่เพียงลำพังหลังจากไข่สุกได้ที่ก็ตักใส่จาน เธอยกจานมานั่งขัดสมาธิบนโซฟากลางห้องนั่งเล่น หยิบมือถือไล่เปิดอ่านอัปเดตข่าวสารพลางใช้ส้อมจิ้มไส้กรอกเข้าปากครืด ครืด ครืดขณะนั้นเองโทรศัพท์ในมือก็ดังขึ้น ปรากฏชื่อเพื่อนสาวสมัยมหาวิทยาลัยขึ้นบนหน้าจอ"ว่าไงแก"(ฮายยยเพื่อน ไม่ได้คุยกันนานมาก เป็นไงบ้าง) เจเปนหญิงสาวรูปร่างอวบอั๋นเย้ายวนส่งเสียงร้องทักมาตามสาย"ก็เรื่อยๆ เหมือนเดิม แกล่ะ"(แทบตายค่ะ งานบริษัทฉันนรกมาก!)แพรวาขำออกมากับคำพูดของเพื่อนสนิท แม้จะทุกคนจะแยกย้ายกันไปดำเนินชีวิตของตัวเอง แต่ทุกครั้งที่ได้พูดคุยกัน
วันจันทร์บริษัท JRV LOGISTICSแพรวามาทำงานตามปกติ พนักงานหลายคนมองผ่านเธอราวกับอากาศธาตุเช่นเดิม ช่างแตกต่างจากเมื่อวันเสาร์ตอนเธอไปเดินห้างเหลือเกิน แต่เธอก็ไม่ได้สนใจ เพราะข้อดีของการเป็นยัยเฉิ่มคือไม่โดนถูกจับจ้องเพ่งเล็ง และนำเธอไปเป็นหัวข้อนินทาว่าร้ายลับหลังเธอลุกไปชงกาแฟให้ประธานหนุ่มเช่นเดียวกับทุกวัน ยืนกลั้นใจอยู่หน้าห้องทำงานอยู่นาน แอบกังวลเล็กน้อยกลัวเขาจะจำได้ ว่าเลขาจืดชืดจะเป็นคนเดียวกับสาวสวยสุดเปรี้ยวที่เขาเดินชนวันก่อนก๊อก ก๊อก ก๊อก"เชิญ"ร่างเล็กก้มหน้างุด หอบเอกสารในวงแขน มืออีกข้างถือถ้วยกาแฟร้อนๆ เหลือบมองใบหน้าด้านข้างของเจ้านายไปด้วย ขณะที่เขาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง สีหน้าหล่อเหลายังคงเรียบนิ่งทำใจดวงน้อยเริ่มสงบลง"กาแฟค่ะ""อืม"เขาตอบรับเรียบๆ หมุนเก้าอี้กลับมาประจำที่ เมื่อแน่ใจว่าอีกฝ่ายไม่มีเรื่องจะพูด เธอจึงแจ้งตารางงานวันนี้ให้เขาฟังโอนิกซ์หลับตาลงช้าๆ ราวกับไม่สนใจ ปล่อยให้เสียงหวานให้พูดต่อไปโดยไม่ขัด"วันนี้ช่วงเช้าประธานมีแค่เซ็นเอกสาร อาหารกลางวันวาเตรียมเป็นเซ็ตซูชิหน้ารวมให้ ส่วนในช่วงบ่าย บ่าย 2 โมง บริษัท BBK Rubber ขอเข้าพบเพื
หลายวันต่อมาพื้นที่รกร้างห่างไกลผู้คนช่วงกลางดึกเงียบสงัด ชายฉกรรจ์เกือบ 30 คน ยืนกระจายทั่วบริเวณเฝ้าสังเกตสิ่งผิดปกติ ในขณะที่คนอีกส่วนใช้ชะแลงงัดลังไม้ หยิบอาวุธด้านในส่งให้อีกฝ่ายตรวจเช็กหัวหน้ากลุ่มพยักหน้าพึงพอใจ ส่งสายตาให้ลูกน้องที่อยู่ด้านหลังขนถ่ายสินค้าขึ้นท้ายรถบรรทุกทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นไปอย่างราบรื่น ก่อนที่เสียงปืนหลายนัดจะดังขึ้นปัง ปัง ปัง!คนทั้งสองกลุ่มรีบล้วงอาวุธปืนเงาวับขึ้นมาเตรียมความพร้อม พยายามยิงตอบโต้ผู้ไม่หวังดี"เฮ้ย! คุมกันของขึ้นรถ!""ฉิบหาย ใครว่ะ! พวกมึงยิงสกัดไว้"เสียงปืนดังขึ้นตามมาอีกหลายนัด ทั้ง 2 ฝ่ายยิงปะทะกันอยู่นาน ต่างพยายามหลบหลังรถเพื่อกำบังกาย พลางยิงตอบโต้อีกฝ่ายไปบ้าง ชายฉกรรจ์สวมไอ้โม่งคลุมปิดบังทั่วใบหน้าจู่ๆ ก็เข้ามาปิดล้อมการซื้อขาย การแต่งกายเช่นนี้ไม่ใช่ตำรวจแน่นอน"อ๊ากกก!""แม่งเอ๊ย! หมายความว่ายังไงแบบนี้ เจ้านายกูต้องไม่พอใจแน่" หัวหน้ากลุ่มหันมาตะคอกถามลูกน้องของกลุ่มมาเฟียเสียงดัง บ่งบอกถึงความโมโห"ผมก็ไม่ทราบ ยังไงรีบขนของก่อน ทางนี้พวกผมจัดการให้""ฮึ่ย!"ร่างกำยำสบถคำหยาบออกมาอีกหลายคำ กำอาวุธในมือแน่น โบกมือโบ
วันต่อมาบริษัท JRV LOGISTICSแพรวามาทำงานตามปกติ ตระเตรียมเอกสารการประชุมและแฟ้มงานมากมายให้ประธานหนุ่ม วันนี้ก็เป็นอีกวันที่วุ่นวาย ปัญหาภายในเล็กน้อยยิบย่อยมากมายคอยให้หญิงสาวไปจัดการเสียงฝีเท้ากระทบพื้นหินอ่อนทำให้เลขาสาวเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสาร เธอส่งยิ้มให้ผู้มาใหม่อย่างเป็นมิตร"สวัสดีค่ะคุณไทเป ไม่เจอกันนานเลย" เธอเอ่ยทักทายคนสนิทของเจ้านาย การที่ทำงานกับโอนิกซ์หลายปี ทำให้มีโอกาสพบเจอลูกน้องของเขาหลายครั้ง"ครับ ตอนนี้นายว่างอยู่หรือเปล่า""คุณโอนิกซ์ไม่มีแขกค่ะ น่าจะเซ็นเอกสารอยู่"ไทเปพยักหน้าให้เลขาสาว ไม่ได้สนใจการแต่งกายแปลกประหลาดล้าสมัยของเธอ แพรวาเตรียมจะลุกเคาะประตูแจ้งเจ้านายให้ก่อน แต่ชายหนุ่มก็ส่ายหน้าทำให้เธอนั่งลงตามเดิมก๊อก ก๊อก"ไทเปครับ""อืม เข้ามา" เสียงทุ้มตอบกลับ"คุณไทเปรับกาแฟหรือของว่างไหมคะ""ไม่ครับ ขอตัวก่อน"ว่าจบชายหนุ่มก็ผลักประตูห้องทำงานใหญ่เข้าไป แพรวาจึงกลับมาสนใจกับกองเอกสารต่อ"ได้อะไรไหม" โอนิกซ์เอนกายพิงพนักเก้าอี้เอ่ยถามขึ้นทันทีเมื่อพบหน้าคนสนิท"เท่าที่ผมตรวจสอบดู ยังไม่พบความผิดปกติของลูกน้องเราคนไหนนะคร
ร่างไร้สติของหญิงสาวถูกยัดใส่เบาะหลังรถ โดยมีชายหนุ่มก้าวขึ้นมานั่งด้านข้าง ใบหน้าหล่อเหลาเคร่งเครียดเหลือบมองคนข้างตัวด้วยแววตาหลากหลายความรู้สึกศีรษะที่ถูกคลุมเอาไว้เอนซบไหล่หนาโดยไม่รู้ตัว ความใกล้ชิดส่งผลให้กลิ่นกายหอมหวานคุ้นเคยของเธอ ลอยมากระทบจมูกโอนิกซ์อีกครั้งเขาพ่นลมหายใจออกมา เบือนหันหน้าหนี เพื่อหวังว่าจะไม่ต้องได้กลิ่นเย้ายวน แต่กลับไม่ยอมผลักไสเธอออก ปล่อยให้เธอซบต่อไป"แผลเป็นไงบ้างครับ" ไทเปเอ่ยขึ้นมาทำลายความเงียบโอนิกซ์ก้มมองหลังมือตนเองที่ถูกหญิงสาวข่วนเสียเลือดซิบเป็นทาง เริ่มรู้สึกแสบๆ คันๆ ขึ้นมาบ้าง"ฤทธิ์มากฉิบ""ทำแผลก่อนไหมครับ""ช่างมัน กลับเพนต์เฮ้าส์เลย"ลูกน้องอีกคนพยักหน้ารับ ขับรถตรงกลับที่พักทันทีเพนต์เฮ้าส์โอนิกซ์"อื้อออ~"หญิงสาวส่งเสียงในลำคอเบาๆ เริ่มรู้สึกตัวขึ้นมา ความเจ็บจี๊ดบริเวณท้ายทอยเป็นสิ่งแรกที่รู้สึก กำลังจะยกมือขึ้นไปจับ แต่ก็ต้องเบิกตาโพลง หัวใจหล่นวูบเมื่อข้อมือถูกเชือกมัดไว้ ไล่ย้อนคิดถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าก็เริ่มสติแตก เมื่อรู้ว่าเธอถูกลักพาตัวมาแพรวาดิ้นให้หลุดไปจากพันธนาการนี้ แต่เชือกนั้นก็มัดเธอเอาไว้แน่นเห
พรึ่บ!ร่างเธอถูกเหวี่ยงลงกับเตียงอย่างแรงราวกับเป็นเพียงสิ่งของ ทำท้องน้อยจุกแปลบจนหน้าเบ้ พยายามหยัดกายขึ้นเตรียมจะวิ่งหนี แต่ร่างหนาของประธานกลับก้าวขึ้นคร่อมเธอเสียก่อน บดเบียดกายร้อนผ่าวแนบชิดร่างเล็กแนบแน่น จนไม่เหลือพื้นที่ให้อากาศแทรกผ่านแพรวาหน้าซีด เริ่มรับรู้ถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดต่อไป แม้จะออกแรงขัดขืนอีกครั้ง แต่ดูเหมือนว่ามันสายเกินไปแล้วเสื้อคลุมสีเบจถูกกระชากออกจากร่าง พยายามจะต่อต้านแล้วแต่ก็ไม่อาจสู้แรงร่างสูงได้ภายในห้องมืดสนิท มีเพียงแสงไฟของอาคารภายนอกฉายเข้ามาผ่านกระจกเท่านั้น โอนิกซ์จัดการรูดเนกไทสีน้ำเงินเข้มที่ต้นคอตัวเองออก คนตัวเล็กพยายามใช้จังหวะนั้นพุ่งตัวหนี แต่ก็ถูกกระชากต้นแขนกลับมานอนดังเดิม"อึก...ขอร้อง...อย่าทำอะไรวาเลย...ฮือ...วาบอกทุกอย่างไปหมดแล้ว"เธอยกมือขึ้นพนมไหว้งกๆ ขอความเห็นใจครั้งสุดท้าย ใบหน้าสวยเปรอะเปื้อนด้วยคราบน้ำตา แต่คนใจร้ายก็ไม่สนใจ รวบข้อมือบางขึ้นเหนือหัว ก่อนจะใช้เนกไทในมือมัดมันเข้าด้วยกัน แล้วผูกปลายอีกด้านไว้กับหัวเตียงดวงตาสีเข้มใต้กรอบแว่นเย็นเฉียบไร้เมตตา ไล่มองเรือนร่างของเลขาสาวนิ่งๆ แม้เขาจะไม่ได้แสดงท่าทาง
วันต่อมาหญิงสาวสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาในช่วงสายของวัน ทั้งร่างปวดร้าวไปหมดโดยเฉพาะช่วงล่าง เธอหน้าเบ้ย้อนถึงเหตุการณ์เมื่อวาน ก็ต้องหน้าร้อนผ่าว ไม่รู้ว่าเกิดจากความอายหรือโมโหมากกว่ากันที่ถูกประธานหนุ่มย่ำยีตลอดคืน เธอไม่แน่ใจว่าเขาจากไปตอนไหน แต่ช่วงฟ้าสางเขายังไม่หยุดด้วยซ้ำ!สมเพชและหงุดหงิดตัวเองที่เผลอคล้อยตามไปกับสัมผัสเร่าร้อนนั้น สาบานว่าจะไม่ยอมให้เขาล่วงเกินเธออีกแล้วเรียวแขนเล็กเต็มไปด้วยรอยแดงจากการถูกมัดพยายามหยัดตัวขึ้นมา ร่างกายเธอบอบช้ำไม่ต่างจากถูกรุมโทรม เนื้อตัวเปล่าเปลือย มีเพียงผ้าห่มสีขาวห่อคลุมร่างเอาไว้ ความโกรธแล่นขึ้นมาเป็นริ้วๆ เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นรอยหยดเลือดบนผ้าปูเตียงเธอเพิ่งมีโอกาสได้สำรวจห้องเป็นครั้งแรก มันดูเหมือนห้องพักในโรงแรมทั่วไป ขนาดไม่ใหญ่มาก มีเตียงขนาด 6 ฟุตวางอยู่กลางห้อง ด้านข้างเป็นตู้เสื้อผ้าติดกระจกเงา ปลายเตียงมีโทรทัศน์ขนาด 50 นิ้วติดผนัง ส่วนข้างๆ นั้นเป็นประตูที่เธอคิดว่าคงเป็นห้องน้ำใบหน้าสวยเหยเกเมื่อลองขยับตัว ส่วนสงวนเจ็บแปลบขึ้นมาจนต้องชะงักค้าง เธอสูดหายใจเป่าปากกลั้นใจลุกต่อ แต่ความเจ็บปวดก็ตรงเข้าเล่นงานอีก ไม่กล้ามองสภ
เพนต์เฮ้าส์โอนิกซ์โอนิกซ์ส่งยิ้มพลางยื่นนิ้วมือไปหาลูกน้อยในอ้อมแขน ซึ่งอัศวินก็หัวเราะร่าพยายามยื่นมือมาคว้ากำนิ้วบิดาเอาไว้ เขาพยายามบีบๆ คลายๆ อยู่หลายครั้ง และมักจะส่งเสียงโต้ตอบบ้างเวลาผู้เป็นพ่อพูดคุยด้วยแม้จะยังไม่รู้ความก็ตามไม่แปลกใจเลยทำไมเพื่อนเขาถึงอยากพาลูกชายตัวเล็กของตนกลับบ้านไปด้วย อัศวินเลี้ยงง่ายและอารมณ์ดี บางครั้งเขาก็มักจะเพลินกับการหยอกล้อกับลูกจนลืมเวลาไป"เล่นพอยังคะตัวเล็ก หม่ามี๊พาไปอาบน้ำดีกว่า""คิก คิก คิก"อัศวินหัวเราะคิกคักขณะดวงตากลมโตบ้องแบ๊วมองมารดาและยิ้มจนตาหยี"กวนปะป๊านานแล้วนะคะ ไปกัน"โอนิกซ์ส่งยิ้มอ่อนโยนให้ภรรยา ประคองทารกให้หญิงสาวรับไปอุ้มต่อ สายตาอบอุ่นสื่อความหมายสบมองกัน แม้ไม่มีคำพูดใดๆ ออกมา แต่ทั้งคู่ก็มีความสุขมากในทุกช่วงเวลาแพรวาอุ้มอัศวินเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ ส่วนโอนิกซ์ก็หยิบโน้ตบุ๊กมานั่งเคลียร์งานที่คั่งค้างต่ออีกนิดหน่อยมุมปากหยักยกยิ้มเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะดังแววออกมาจากห้องน้ำ จนอดใจไม่ไหวต้องวางโน้ตบุ๊กบนตักลงแล้วเดินไปดูสองแม่ลูกแทนแพรวานำอ่างอาบน้ำสำหรับเด็กมาตั้งไว้บนเคาน์เตอร์อ่างล้างหน
3 เดือนต่อมาบริษัท JRV LOGISTICSประธานหนุ่มเจ้าของบริษัทโลจิสติกส์ขนาดใหญ่ ก้มอ่านเอกสารร่างสัญญาฉบับใหม่ มือขวาควงปากกา มือซ้ายก็ประคองร่างของลูกชายตัวเล็กโยกกล่อมให้หลับภายในห้องทำงานเต็มไปด้วยอุปกรณ์เลี้ยงเด็ก ทั้งเปลที่นอน และคอกกั้นบุนวมอย่างดี พร้อมตุ๊กตาของเล่นขนาดต่างๆ จนไม่เหลือคราบห้องของประธานบริษัทแม้แต่น้อยแพรวาเปิดประตูเข้ามา หลังจากคลอดลูกน้อยรูปร่างเธอก็กลับสู่สภาพเดิมอย่างรวดเร็ว แทบจะดูไม่ออกว่าเคยผ่านการตั้งครรภ์มาก่อนใบหน้าสวยดูเปล่งประกายความงามชัดเจน ผิวขาวเนียนตัดกับเส้นผมสีดำสนิทยาวจรดแผ่นหลัง เธอสวมชุดเสื้อสูทสีครีมคู่กับกระโปรงเอวสูงสีเดียวกัน ราศีภรรยาประธานบริษัทจับทุกระเบียบนิ้วมุมปากที่ทาทับด้วยลิปสติกสีนู้ดยกยิ้มขึ้น จรดฝีเท้าเงียบเชียบไม่ให้รบกวนการนอนหลับของลูกน้อยโอนิกซ์เงยหน้าขึ้นจากกองเอกสาร สายตาใต้กรอบแว่นดูอ่อนโยนเมื่อมองผู้มาใหม่ วางปากกาในมือลง"นี่เอกสารประชุมอาทิตย์หน้าค่ะ""เหนื่อยไหมครับ""นิกซ์ต่างหาก วินดื้อไหมเอ่ย""เล่นเสร็จ เพิ่งหลับไปเมื่อกี้"สายตาอ่อนโยนมองใบหน้าหลับใหลของลูกชายที่ถอดแบบมาจากเขาแทบจะพิมพ์เดียวกัน ยก
2 เดือนต่อมาโรงพยาบาลแพรวานั่งๆ นอนๆ อยู่แต่บนเตียงคนไข้ โอนิกซ์ย้ายเธอมาที่โรงพยาบาลได้สองวันแล้วเพื่อรอวันคลอด ตอนนี้แพรวายังไม่ค่อยรู้สึกตื่นเต้นเท่าไร ต่างจากคนเป็นสามีที่ดูตื่นตัวพร้อมทุกสถานการณ์ เขาจัดเตรียมอุปกรณ์สำหรับทารกแรกเกิดไว้พร้อมสรรพ รวมถึงจัดการออกแบบตกแต่งห้องนอนรับแขกเก่าที่แพรวาเคยนอนเป็นห้องเด็กอ่อน แม้ลูกยังต้องนอนห้องเดียวกับพวกเขาอีกหลายปีก็ตามท้องเธอโตเสียแทบเดินไม่ไหว จะลุกจะนั่งต้องมีโอนิกซ์คอยช่วยพยุงวันนี้ก็เป็นอีกวันที่ห้องพักของเธอครึกครื้น"พี่วาเอาแอปเปิลไหม คลีปอกให้" คลีโอและลีโอหอบกระเช้าผลไม้มาเยี่ยมว่าที่คุณแม่ตั้งแต่เช้า"ได้จ้ะ ขอบคุณนะ""ค่า เดี๋ยวคลีไปล้างก่อน"คลีโอเดินไปยังส่วนครัวของห้องพักซึ่งไม่ต่างจากโรงแรมดีๆ มีอุปกรณ์ช่วยอำนวยความสะดวกครบครัน แถมยังมีแยกโซนสำหรับคนไข้และญาติเวลามาเยี่ยมไว้ด้วย ห้องรับแขกก็กว้างขวาง แบ่งเป็นสัดส่วนจึงไม่รบกวนการพักผ่อนของคนไข้"ปอกเป็นเหรอไง เอามีดมานี่ พี่ทำเอง" ลีโอที่แทบทนดูไม่ไหว ดึงมีดคมออกจากมือแฟนสาว และดันตัวเธอไปข้างๆ ก่อนจะจัดการแอปเปิลสีแดงด้วยตัวเองชายหนุ่มจัดการป
ย่านใจกลางเมืองเหล่ามาเฟียสี่คน ยืนหน้าเครียดมองประตูร้านขนมหวานด้วยความไม่แน่ใจ ก่อนจะหันกลับมามองเพื่อนที่เป็นคนเสนอความคิด"เอาจริงดิ พาพวกกูมาคุยงานในร้านขนมเนี่ยนะ" ลีออนเอ่ยขึ้นมาอย่างอดไม่ได้"แล้วยังไง""ดูหน้าแต่ละคนก่อน แล้วค่อยถามว่ายังไง""มึงก็รู้กูห่างเมียนานไม่ได้ มันปวดหัวอยากจะอ้วก ถ้าอยากคุยงานก็คุยที่นี่" โอนิกซ์ตอบกลับเสียงเรียบ ก่อนจะจูงมือภรรยาสาวที่ท้องโตเข้าไปในร้านเป็นคนแรก"แน่ใจเหรอวะ" ลีออนหันมาขอความเห็นจากเพื่อนที่เหลือ ซึ่งวิคเตอร์ก็ทำได้เพียงถอนหายใจ ส่วนไคโรและลีโอก็ส่ายหน้าไม่ได้ตอบคำถาม และพาแฟนตัวเองเข้าไปในร้านด้วยเช่นกัน"เชี่ย พวกกูสองคนมาทำห่าอะไรเนี่ย นึกว่านัดเดทคู่""กูยอมให้มึงควงได้วันหนึ่ง แต่ถ้าเริ่มลวนลามกูเมื่อไร กูถีบมึงแน่""ถุย! กูเนี่ยนะ จะลวนลามมึง พูดจาน่าถูกกระสุนฝังหัวจริงๆ""หึ"วิคเตอร์ทำเพียงแค่แค่นหัวเราะ และเดินตามคนอื่นเข้าไปในร้าน สุดท้ายเพื่อนผู้เรื่องมากก็หมดข้อโต้แย้ง ยืนกระฟัดกระเฟียดอยู่ครู่หนึ่งก็ยอมตามเข้ามาโอนิกซ์แยกโต๊ะระหว่างกลุ่มสาวๆ ในนั่งริมหน้าต่างร้าน ส่วนกลุ่มเขาแยกมาอีกโต๊ะก่อ
คฤหาสน์ตระกูลโอนิกซ์แพรวาคลี่ยิ้มละลายใจ ขณะผลักร่างสูงของผู้เป็นสามีลงบนเตียงกว้างในห้องนอนของเขา โอนิกซ์หอบหายใจเข้าออกหนักหน่วงด้วยความตื่นเต้น เฝ้ามองหญิงสาวค่อยๆ คลานขึ้นมาคร่อมร่างด้วยท่าทางยั่วเย้าชวนคลั่งคอเสื้อเว้าลงมา จนสามารถมองเห็นเนื้อนุ่มคู่สวยใต้ชุดเดรสน้ำเงิน ความกระสันทำช่วงล่างปวดหนึบ ดุนดันเป้ากางเกงขึ้นเป็นลำคนตัวเล็กยกยิ้มอย่างคนมีอำนาจเหนือกว่า มือน้อยลูบไล้ลำกายแข็งขืนผ่านกางเกง เฝ้ามองคนข้างใต้พยายามบดเบียดช่วงล่างเข้าหามือเธอ"จะให้รางวัลอะไรนิกซ์ครับ" เขาถามเสียงกระเส่า ความรู้สึกตื่นตัววูบหวิวทรมานเหมือนตนกำลังโดนทำโทษมากกว่า"รอดูสิคะ ใจร้อนจัง""อ่า เมียขี้ยั่วจัง"มือซุกซนเริ่มทำการปลดตะขอกางเกงพร้อมดึงมันลง โอนิกซ์ก็ยกสะโพกช่วยให้เธอจัดการกับกางเกงเกะกะโดยง่าย ท่อนเอ็นร้อนแข็งแทบชี้หน้า แต่ก็ยังมี บ็อกเซอร์อีกตัวปกปิดเอาไว้แพรวานั่งคุกเข่าอยู่กลางหว่างขา ใช้มือสัมผัสความใหญ่โตผ่านเนื้อผ้าอย่างยั่วยวนใจเย็น แต่คนที่นอนหอบหายใจกลับจะเป็นฝ่ายทนไม่ไหวเสียเอง รูดชั้นในลง โยนทิ้งออกไปในที่สุดท่อนเอ็นใหญ่ขนาดเท่าข้อมือหญิงสาวปรากฏสู่สาย
หลังมื้ออาหารจบลง งานประมูลสินค้าเพื่อร่วมบริจาคเงินให้แก่เด็กด้อยโอกาสจึงเริ่มขึ้น แขกที่มาร่วมงานทยอยเดินไปยังโซนหน้าเวทีโอนิกซ์โอบเอวภรรยาคนสวยไว้ตลอดทาง ระมัดระวังทุกย่างก้าวจนเธอนั่งลงข้างไปรยาเรียบร้อย เขาจึงนั่งขนาบข้าง ไม่นานไฟในห้องจัดเลี้ยงก็ถูกหรี่ลง พร้อมเสียงพิธีกรดำเนินงานดังขึ้น"สวัสดีครับ ขอต้อนรับทุกท่านเข้าสู่งานประมูลเพื่อการกุศลครั้งที่ 4 รายได้จากการประมูลทั้งหมด หลักหักค่าใช้จ่ายแล้วจะนำไปช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาสยังพื้นที่ห่างไกล ของที่นำมาร่วมประมูลในวันนี้มีมูลค่ารวมกันเกือบ 50 ล้านบาทเลยทีเดียว ขอให้ทุกท่านสนุกไปกับงานในครั้งนี้นะครับ"แขกที่มาร่วมงานต่างปรบมือเสียงดัง ตื่นเต้นที่จะได้ชมของล้ำค่ามากมาย และยังได้โอกาสอวดบารมีและเงินในบัญชีให้คนอื่นรับรู้ด้วย"ของชิ้นแรก เปิดกันมาด้วยแจกันเครื่องลายครามจากราชวงศ์ชิง ของประเทศจีนโบราณ พร้อมใบรับประกัน ขอเปิดการประมูลที่ หนึ่งล้านบาทครับ"เมื่อพิธีกรให้สัญญา ผู้ร่วมงานก็ชูป้ายขานราคากันอย่างสนุกสนาน แพรวาตกใจกับราคาที่สูงลิ่วของของแต่ละอย่าง ความคิดที่อยากจะร่วมงานเพื่อช่วยเหลือเด็กน้อยต้องถูกหยุดไว้ชั่วคร
ครืด ครืด ครืดโอนิกซ์ล้วงโทรศัพท์ในกระเป๋าขึ้นมา ก็ต้องขมวดคิ้ว เมื่อเห็นชื่อมารดาปรากฏที่หน้าจอ ก่อนจะต้องกดรับสายอย่างไม่มีทางเลือก(ลูก วันนี้อย่าลืมมางานเลี้ยงการกุศลที่โรงแรม คาเรน ฮิลล์ นะ)"ผมบอกตอนไหนว่าจะไปครับ"(ไม่ต้องบอก เพราะแม่ไม่ให้ทางเลือกจ๊ะ)"วาเขาเหนื่อย แม่ยังจะให้ลูกสะใภ้ไปเดินร่อนในงานอีกเหรอครับ"(หนูวาโอเค เธอรับปากแม่เมื่อวานเรียบร้อยจ้า แต่งตัวมาหล่อๆ สวยๆ แล้วเจอกัน 1 ทุ่ม รักลูกจ้า)"เดี๋ยว! แม่ครับ"โอนิกซ์ร้องเรียกมารดาเสียงดัง แต่คุณหญิงไปรยาก็ไม่อยู่รอฟังคำบ่นจากปากลูกชาย กดวางสายไปเสียก่อน โอนิกซ์จึงทำได้เพียงถอนหายใจ"วาไปรับปากแม่เหรอ ว่าจะไปงานเลี้ยงอะไรนั่น""ค่ะ คุณแม่โทรหาเมื่อวาน อยากให้เราสองคนไปร่วมงานด้วย""เฮ้อออ~ วาน่าจะปฏิเสธไป งานพวกนี้น่าเบื่อจะตาย ทำวาเหนื่อยเปล่าๆ""ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คุณแม่บอกเป็นงานประมูลเพื่อนำเงินช่วยเหลือไปมอบให้เด็กด้อยโอกาส เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ถ้าวาช่วยได้ก็อยากจะช่วย" หญิงสาวอธิบายเพิ่มทำให้ผู้เป็นสามีหมดทางแย้งดูเหมือนมารดาจะจับทางถูก เข้าหาแพรวาก่อนเพื่อมัดมือชกให้เขาเข้าร่วมงานไปด้วย"เอาเถอะ
หลายวันต่อมาบริษัท JRV LOGISTICSภาพประธานหนุ่มแสนหล่อเหลาโอบประคองเอวบางของสาวสวยผมดำประบ่าเดินเคียงคู่กันเข้ามาในบริษัท สร้างความแตกตื่นให้กับเหล่าพนักงานเป็นอย่างมาก ทุกคนต่างพยายามแย่งกันชะโงกดูใบหน้าหญิงสาวผู้โชคดีว่าเธอคือใครโอนิกซ์ไม่ได้เข้าบริษัทมาหลายเดือน แต่เมื่อกลับมาอีกทีก็พกสาวสวยมาด้วย จึงเป็นที่สนใจใคร่รู้ของพนักงานทุกคน"ใครอ่าแก สวยจังเลย""แฟนประธานหรือเปล่า ใช่คนเดียวกับที่มีคนเคยไปเจอไหม""ฉันว่าฉันคุ้นๆ หน้าผู้หญิงนะ เหมือนเคยเห็นที่ไหน ใช่ดารา นางแบบหรือเปล่า""แกดูที่เขามองกันสิ ขนาดยืนอยู่ตรงนี้ยังเห็นประกายความรักเลย""เฮอะ จะอยู่ได้นานแค่ไหน คนก่อนก็โผล่มาแป๊บเดียว ก็หายไปแล้ว""ยัยนี่! ประธานเราไม่ค่อยวุ่นวายกับผู้หญิงก็รู้กันอยู่ ฉันว่าคนนี้จริงจัง"เสียงซุบซิบแสดงความเห็นของกลุ่มพนักงานดังขึ้น หลังจากทั้งคู่ผ่านบริเวณนั้นไปแล้ว แม้จะอยากรู้ใจแทบขาด ว่าหญิงสาวคนนั้นคือใคร แต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปถาม ได้แต่คาดเดากันไปต่างๆ นานาทั้งสองขึ้นลิฟต์ตรงไปยังชั้นบนสุดของตึกสำนักงานหรู เพียงออหญิงสาววัยกลางคนลุกขึ้นจากโต๊ะด้วยท่าทีลุกลี้ลุกลนเมื่อเห็นสองหนุ
ทันทีที่ประตูลิฟต์ปิดลง ริมฝีปากนุ่มทั้งสองก็พุ่งเข้ามาหากัน ชายหนุ่มรวบร่างเล็กเข้ามาในอ้อมกอด บดจูบร้อนแรงใส่เธอไม่หยุดหย่อน แพรวาก็ไม่น้อยหน้า ท่อนแขนเล็กโอบลำคอหนา เผยอริมฝีปากตอบกลับอย่างเร่าร้อนดุเดือดฝ่ามือร้อนไล่ตามแผ่นหลังลงไปบีบขยำสะโพกกลมกลึงของเธอหนักหน่วง พร้อมบดเบียดแก่นกายร้อนผ่าวที่แข็งดุนกางเกงออกมาเป็นลำชิดกายสาวเรียวลิ้นเปียกชื้นกระหวัดเกี่ยวพันสลับบดจูบดูดเม้ม ส่งผลให้น้ำลายสีใสไหลเลอะมุมปาก แต่อารมณ์ปรารถนาที่พุ่งสูงทำให้สองหนุ่มสาวที่ตกอยู่ในห้วงตัณหาไม่ได้ใส่ใจมันสักนิดติ๊ง~เสียงลิฟต์ดังขึ้นเมื่อถึงชั้นเป้าหมาย แต่ก็ไม่ได้ทำให้ทั้งคู่ยอมแยกจากกัน โอนิกซ์ดึงคนตัวเล็กออกมาโดยที่ริมฝีปากทั้งคู่ไม่ละห่างกันแม้เพียงเสี้ยววิมือน้อยสอดเข้าไปขยุ้มกลุ่มเส้นผมดกหนา แทรกลิ้นเข้าไปโพรงปากคนตัวสูง ดูดดุนปลายลิ้นสาก พลางลากมืออีกข้างสัมผัสกล้ามหน้าอกแกร่งใต้เสื้อเชิ้ตสีเข้มโอนิกซ์เหลือบตามองหมายเลขห้อง โชคดีที่ทั้งชั้นมีเพียงไม่กี่ห้องจึงไม่มีลูกค้าอื่นสัญจรเดินผ่านไปมาขัดจังหวะคนทั้งคู่คีย์การ์ดสีขาวในกระเป๋าเสื้อถูกล้วงออกมา แตะเข้าที่แผงวงจรประตูก็ได