ตอนที่หนึ่ง
ไม่ได้ดั่งใจ
“องค์หญิงฟื้นแล้ว รู้สึกอย่างไรบ้างเพคะ หนิงอ้าย เจ้ารีบไปตามหมอหลวงมาเร็วเข้า” เสียงหญิงสาวเอ่ยอย่างนุ่มนวลอยู่ด้านข้างทำให้ฟากฟ้าต้องลืมตาขึ้นมามองดู
“องค์หญิงยังมึนงงหรือไม่เพคะ” เสียงหญิงสาวคนเดิมเอ่ยถามอย่างเอาใจใส่
องค์หญิงหรือ? องค์หญิงอะไรกัน หรือว่าเธออยู่ในกองถ่าย แต่วันนี้ไม่มีนัดถ่ายงานเรื่องไหนนี่นา
ฟากฟ้าคิดอย่างมึนงงด้วยตัวเธอเองทำงานเป็นผู้ช่วยผู้จัดการกองถ่ายทำละคร จึงมักใช้ชีวิตอยู่กับการถ่ายทำจนอาจจะเผลอหลงลืมไป
“องค์หญิงเสวยน้ำชาก่อนเพคะ หนิงอ้ายออกไปตามหมอหลวงแล้ว”
หนิงอ้าย? นั่นมันชื่อนางกำนัลในนิยาย”เชลยรักฮองเฮา”ที่เพิ่งอ่านไปนี่
ฟากฟ้าเริ่มก้มหน้ามองสำรวจตัวเองที่นอนอยู่บนเตียง
เฮ้ย! ทำไมเธอใส่ชุดหรูหราอย่างกับในซีรีส์จีน แล้วเตียงนี่ ห้องนี่ ก็ดูอลังการอย่างกับอยู่ในวัง
ยัยผู้หญิงหน้าขาวที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้านี่ก็เหมือนกัน ใส่ชุดอย่างกับนางกำนัลที่เคยเห็นในละคร
หรือว่า เธอกำลังฝันว่าอยู่ในนิยายเรื่องที่เพิ่งอ่านไป
ฟากฟ้ามองหน้าหญิงที่คุกเข่าอยู่แล้วลองเรียกชื่อเพื่อให้แน่ใจ
“หนิงอัน”
“เพคะ องค์หญิงอยากได้สิ่งใดเพิ่มหรือเพคะ”
ใช่แล้ว... ใช่เรื่องนี้แน่ๆ
จ้าวฮองเฮาในเรื่องที่เพิ่งอ่านเคยเป็นองค์หญิงน้อยแสนงดงาม นางมีนางกำนัลสองคนชื่อว่า หนิงอัน และหนิงอ้าย ก่อนจะรับเพิ่มมาอีกคนคือหนิงเหอ เมื่อตอนที่ได้รับตำแหน่งฮองเฮาแล้ว
นี่เธอโมโหนักเขียนจนถึงกับฝันว่าตัวเองมาเป็นจ้าวเฟยเฟิ่งเสียเองเลยหรือ อืม..ก็ดี จะได้เปลี่ยนบทได้ตามใจชอบ อิ อิ
แล้วมีตัวช่วยบ้างไหม
ในซีรีส์จีนที่เธอเคยดู ส่วนใหญ่เวลาให้นางเอกย้อนเวลาหรือฝ่ามิติ มักจะมีตัวช่วยเสมอ
เอ...ไหนล่ะ
จู่ๆฟากฟ้าในร่างจ้าวเฟยเฟิ่งก็ลุกขึ้นพลิกหมอนสะบัดผ้าห่มราวค้นหาสิ่งของสำคัญ
“องค์หญิงอยากได้สิ่งใดหรือเพคะ”
ไม่เห็นมีอะไรติดตัวมาเลย กำไลก็ไม่มี หรือจะเป็นแหวน ก็ไม่ได้ใส่ เอ...หรือจะต้องคุยทางจิต
ระบบ?
ตัวช่วย?
อะไรดีล่ะ?
นางกำนัลน้อยมององค์หญิงซึ่งทำหน้าบิดๆเบี้ยวๆไปมาด้วยความแตกตื่น
หรือองค์หญิงของนางจะเสียใจจนฟั่นเฟือนไปแล้ว
ฟากฟ้าเรียกหาตัวช่วยอยู่นานก็ยังไม่มีวี่แววจนเริ่มถอดใจ
เฮ้อ...สงสัยจะไม่มี
ไม่มีก็ช่าง เธอลุยเองก็ได้ เชอะ ยัยนักเขียนขี้งก เอ...หรือจะเป็นตัวเธอเองที่ขี้งก เพราะนี่มันฝันของเธอไม่ใช่หรือ
ฟากฟ้าในร่างจ้าวเฟยเฟิ่งล้มตัวนอนลงตามเดิม ไม่นานหมอหลวงก็เข้ามาตรวจและจัดยาบำรุงให้ตามเนื้อเรื่อง
นางกำนัลทั้งสองปรนนิบัติอย่างนุ่มนวลจนเมื่อเห็นว่าองค์หญิงน้อยหลับตาลงจึงได้ย่องออกไปอย่างเงียบเชียบ
“หนิงอัน เจ้าไปเตรียมพระกระยาหารสักหน่อยเถิด เมื่อองค์หญิงตื่นจะได้เสวย ข้าจะรีบไปกำกับการต้มยา หากพระองค์ยังป่วยอยู่เช่นนี้ อาจไม่ทันเข้าร่วมพิธีฝังพระศพของฮ่องเต้” เสียงนางกำนัลทั้งสองกระซิบกระซาบกันอยู่หน้าห้องก่อนจะมีเสียงเดินออกไป
เมื่ออยู่ตามลำพัง ฟากฟ้าในร่างจ้าวเฟยเฟิ่งจึงลืมตาขึ้นมาทบทวนเนื้อเรื่องที่เคยอ่าน
ตอนนี้น่าจะเป็นช่วงที่ฮ่องเต้พระบิดาขององค์หญิงเพิ่งสิ้นพระชนม์ไป องค์หญิงน้อยซึ่งเพิ่งอายุ15 ยังอยู่ในวัยแรกแย้มสดใสร่าเริงไร้เดียงสา เมื่อได้รับข่าวร้ายโดยไม่ทันตั้งตัวจึงตกใจจนสิ้นสติ
หลังจากนี้ก็จะเป็นพิธีพระศพ แล้วบรรดาขุนนางก็จะกดดันให้องค์หญิงน้อยเลือกชายหนุ่มเพื่อสมรสเป็นสวามี
เรื่องนี้นักเขียนได้สร้างเรื่องทำนองว่าฮ่องเต้ที่ศพยังอุ่นไม่มีโอรสหลงเหลืออยู่แล้ว มีเพียงพระธิดาองค์เดียว ดังนั้นการจะสืบทอดบัลลังก์จึงต้องให้องค์หญิงแต่งชายหนุ่มมาเป็นฮ่องเต้ ส่วนนางก็จะได้เป็นฮองเฮา เรื่องจึงมาตกหนักที่จ้าวเฟยเฟิ่ง
องค์หญิงน้อยนางนี้ใช้เวลาเลือกเฟ้นอยู่ไม่กี่วัน ด้วยโดยกดดันอย่างหนัก สุดท้ายจึงเลือกบุตรชายของราชครูซึ่งเคยเห็นหน้าคาตามาบ้าง เหตุผลหนึ่งเพราะเขาไม่มีฐานอำนาจยิ่งใหญ่จนน่ากลัว และอีกเหตุผลหนึ่งก็คือเขามีหน้าตาหล่อเหลาอีกทั้งท่าทางหัวอ่อน ว่าง่าย จึงน่าจะไม่เป็นปัญหากับนางมากนัก
องค์หญิงน้อยนางนี้ใช้เวลาเลือกเฟ้นอยู่ไม่กี่วัน ด้วยโดยกดดันอย่างหนัก สุดท้ายจึงเลือกบุตรชายของราชครูซึ่งเคยเห็นหน้าคาตามาบ้าง เหตุผลหนึ่งเพราะเขาไม่มีฐานอำนาจยิ่งใหญ่จนน่ากลัว และอีกเหตุผลหนึ่งก็คือเขามีหน้าตาหล่อเหลาอีกทั้งท่าทางหัวอ่อน ว่าง่าย จึงน่าจะไม่เป็นปัญหากับนางมากนักนางคงไม่คิดว่าชายหนุ่มหวงฮุ่ยจือผู้ดูเหมือนอยู่ในโอวาทใช้เวลาเพียงไม่กี่ปีถึงกับแต่งสนมเข้ามาจนเต็มวังหลัง องค์หญิงผู้กลายเป็นฮองเฮาจึงต้องเสียเวลาอยู่กับการสู้รบตบมือกับหญิงสาวมากเล่ห์เหล่านี้จนไม่ได้ใส่ใจราชกิจที่ควรต้องทำ เรื่องควรจะดีหากฮ่องเต้หวงฮุ่ยจือมีความสามารถ แต่เขากลับอ่อนแอจนกลายเป็นเครื่องมือของคนอื่น สุดท้ายขุนนางอีกฝ่ายจึงสนับสนุนหวังกุ้ยเฟยให้วางยาสังหารฮ่องเต้และโยนความผิดให้นางเพื่อโค่นล้มช่วงชิงบัลลังก์ แต่นั่นเป็นเนื้อเรื่องที่ยัยนักเขียนทำให้เธอโมโหปรี๊ดแตกจนเก็บมาฝัน เพราะฉะนั้น ในเมื่อมันเป็นฝันของเธอ เรื่องต้องไม่เป็นแบบนั้น เรื่องจะต้องเป็นไปอย่างที่เธอต้องการ ‘เชลยรักฮองเฮา’ อย่างนั้นหรือ
ตอนที่สอง ช่างน่ารำคาญเสียงขุนนางใหญ่น้อยถกเถียงกันวุ่นวายราวอยู่ในตลาดมิใช่ท้องพระโรง ส่งให้จ้าวเฟยเฟิ่งปวดเศียรเวียนเกล้ายิ่งนักฟากฟ้าในร่างองค์หญิงน้อยเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมองค์หญิงจึงต้องรีบตัดสินใจ เพราะขืนชักช้าตาแก่พวกนี้คงเอาแต่พูดมากทั้งวันจนน่ารำคาญ“เสนาบดีกรมพิธีการเองก็มีบุตรชายวัยกำลังพอดี จึงต้องรีบขัดขวางท่านอย่างไรเล่า ท่านราชครู” “เจ้าเองก็มีบุตรชายวัยกำลังเหมาะเช่นกัน เสียแต่ความประพฤติฉาวโฉ่ที่ร่ำลือกันคงไม่อาจเสนอชื่อได้กระมัง” “อ้าวๆๆๆ ไยเอ่ยเช่นนั้นเล่าท่านเสนาบดีกลาโหม บุตรชายข้าฉาวโฉ่อันใด เขาทั้งขยันขันแข็ง เก่งกล้าสามารถ ท่านไม่รู้เรื่องจริงอย่าได้เอาแต่ฟังเสียงเล่าลืออันไม่มีมูล” “บุตรชายของท่านเองก็ได้ข่าวว่าเก่งกาจไม่น้อยนี่ ท่านเสนาบดีกลาโหม” “ไม่อาจสู้บุตรชายของท่านอัครเสนาบดีแน่ขอรับ” เสียงโต้เถียงจากเดิมกลายเป็นเสียงยกยอบุตรชายตนเองและทับถมบุตรชายผู้อื่นจนจ้าวเฟยเฟิ่งเบื่อหน่ายเต็มทน หากเป็นองค์หญิงผู้เพิ่งผ่านพ้นวัยเด็กน้อยคงได้แต่ตื่นกลัวและไม่กล้าเอ่ยคำใด ปล่อยให้พวกเ
ตอนที่สามงานราชกิจ จ้าวเฟยเฟิ่งลุกขึ้นมาปฏิบัติราชกิจดั่งเช่นที่พระบิดาอดีตฮ่องเต้เคยกระทำ ยามเช้านางนั่งบนบัลลังก์ข้างเพื่อตัดสินเรื่องทูลเกล้านำเสนอและการโต้แย้งของเหล่าขุนนางใหญ่น้อย ยามบ่ายนางนั่งตรวจพิจารณาฎีกาและลงนามส่งให้พวกเขานำไปปฏิบัติต่อ องค์หญิงน้อยใช้สติปัญญาตัดสินใจและสั่งการอย่างชาญฉลาดจนขุนนางอาวุโสทั้งหลายอับจนคำพูดและจำต้องทำตามคำสั่งแม้ในใจจะไม่นับถือเชื่อฟัง ฟากฟ้าซึ่งเคยอ่านเรื่องนี้มาแล้วจึงพอจำได้ว่าขุนนางแต่ละฝ่ายมีใครบ้าง และเธอยังเคยช่วยเขียนบทในกองถ่ายมาแล้วหลายเรื่อง หญิงสาวนำความรู้ที่หยิบมาจากละครประกอบกับการแสร้งให้ขุนนางขัดแย้งกัน สุดท้ายพวกเขาก็ขัดขากันไปแก่งแย่งกันมาจนเข้าทางเธอในที่สุด เมื่อเสร็จจากการประชุมเช้าอันน่าเวียนหัว จ้าวเฟยเฟิ่งตัดสินใจเรียกตัวผู้ที่ปฏิบัติงานอย่างแท้จริงเข้ามาสอบถามรายละเอียดเพื่อตัดสินใจได้อย่างถูกต้องโดยไม่ฟังแต่คำเอ่ยอ้างวุ่นวายของขุนนางเฒ่า “ถวายบังคมองค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ” ขุนนางหนุ่มที่ถูกเรียกตัวเข้ามาต่างประสานเสียงทำความเคารพ ด้วยตำแหน่งของพว
ตอนที่สาม งานราชกิจหมดเรื่องภัยแล้ง จ้าวเฟยเฟิ่งจึงหันมาถาม’ไป๋ชุนกัง’ บุตรชายหัวหน้าหมอหลวงซึ่งขณะนี้รับผิดชอบดูแลกรมรักษา“ข้าได้ข่าวว่าอำเภอเมิ่งมีโรคแปลกประหลาดจนผู้คนล้มหายและเจ็บป่วยเกือบทั้งอำเภอ เรื่องนี้คืออย่างไรเล่ามาให้ละเอียด” “ข้าได้ตรวจสอบแล้วผู้คนที่นั่นมีอาการประหลาดมาก แรกเริ่มเพียงมีไข้ปวดหัวตัวร้อนธรรมดา ไม่นานก็ไอจากนั้นจะไอมาก สุดท้ายจะล้มหมอนนอนเสื่อและกินไม่ได้นอนไม่หลับจนขาดใจตายพ่ะย่ะค่ะ” “ส่วนใหญ่ผู้ที่ตายมักมีอายุมาก ส่วนเด็กหรือคนหนุ่มสาวยังพอกินยาหายได้บ้าง หมอที่ส่งไปพยายามจัดยาให้หลายขนานแล้ว ทั้งฝังเข็มและเผายา บางรายก็ดีขึ้นแต่บางรายยังคงช่วยไม่ทันพ่ะย่ะค่ะ” ไป๋ชุนกังรายงานอย่
แนะนำตัวละครจ้าวเฟยเฟิ่ง ฮองเฮาสกุลจ้าว อดีตองค์หญิงน้อยธิดาคนเดียวที่หลงเหลืออยู่ของอดีตฮ่องเต้หวงฮุ่ยจือ ฮ่องเต้ซึ่งแต่งเข้าสกุลจ้าวเพื่อครองบัลลังก์หวังลี่ถิง หวังกุ้ยเฟย บุตรสาวเสนาบดีปกครองจางชงเมิ่ง บุตรชายของอัครเสนาบดีจาง ทำงานเป็นผู้ช่วยของบิดาข่งซีห่าว รั้งตำแหน่งรองแม่ทัพ และเป็นบุตรชายแม่ทัพใหญ่ไป๋ชุนกัง บุตรชายหัวหน้าหมอหลวง ดูแลกรมรักษาหลี่จิ่นติ้ง บุตรชายเสนาบดีกลาโหม ดูแลกรมอาวุธฉีเซี่ยหลิว บุตรชายเสนาบดีกรมคลัง ดูแลกรมอากรหนิงอัน หนิงอ้าย หนิงเหอ นางกำนัลคนสนิทของจ้าวเฟยเฟิ่งเชลยรักของฮองเฮาตัวร้ายโดยวันว่างว่างของหญิงใหญ่องค์หญิงน้อยซึ่งจำต้องก้าวขึ้นเป็นฮองเฮา นางจะหลอกล่อชายหนุ่มให้เป็นเชลยรักและส่งเสริมนางได้อย่างไร นางอยากเป็นฮองเฮาแสนดีมิใช่ฮองเฮาตัวร้ายสักหน่อยฟากฟ้า ผู้ช่วยผู้จัดการกองถ่ายตื่นขึ้นมาในร่างขององค์หญิงน้อยทายาทเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่และจำต้องก้าวขึ้นเป็นฮองเฮาแต่นางจะเป็นฮองเฮาเพียงเพื่อแต่งสวามีขึ้นเป็นฮ่องเต้และคอยปกครองวังหลังไล่ตบตีกับเหล่าสนมหรือจะขึ้นนั่งบัลลังค์ปกครองบ้านเมืองเสียเองนางไม่ยอมเดินตามที่ผู้อื่นกดดันแน่ เธอจ
บทนำ“ฮ่า ฮ่า ฮ่า เป็นอย่างไรเล่า จ้าวฮองเฮาผู้สูงส่ง ไยไม่วางท่าเชิดหน้าแล้วแสดงอำนาจบาตรใหญ่อีกเล่า”เสียงหัวเราะดังแสบแก้วหูจนจ้าวฮองเฮาต้องถลึงตาด้วยความโกรธกริ้วขณะโทสะพุ่งสูงจนต้องกระอักโลหิตพิษออกมาจนเลอะเต็มหน้าและพื้นห้องหญิงสาวสูงศักดิ์มองไปทางเตียงซึ่งมีร่างของฮ่องเต้ผู้เป็นสวามีนอนหายใจรวยรินเต็มทนคล้ายใกล้จะจากไปแล้วนางพลาดเอง นางไม่ควรมัวแต่เย่อหยิ่งจนไม่ใส่ใจรายละเอียดอื่นใดจนเปิดโอกาสให้หวังกุ้ยเฟย สตรีร้ายกาจตรงหน้าฉวยจังหวะวางยาพิษฮ่องเต้ทีละนิดจนบัดนี้ไม่อาจช่วยเหลือได้แล้ว กว่านางจะรู้ตัวและจับได้ ก็กลายเป็นเหยื่อให้พวกเขาได้โอกาสโยนความผิดและจับนางกรอกยาพิษจนต้องนอนเจ็บปวดอยู่เช่นนี้“ไม่ต้องกังวลเรื่องบัลลังก์ทองล่ะ ข้าจะหาชายหนุ่มที่ว่าง่ายสมรสด้วยและแต่งตั้งเขาเป็นฮ่องเต้แสนเชื่อฟังเอง ส่วนข้าก็จะนั่งเป็นฮองเฮาแทนเจ้าอย่างสมเกียรติ จงตายไปอย่างสงบเถอะ จ้าวเฟยเฟิ่ง” หวังกุ้ยเฟยตะโกนก้องอย่างผู้ชนะ ขณะปรายตามองร่างใกล้ตายที่กระเสือกกระสนอย่างสังเวช“ส่วนโอรสบุญธรรมทั้งสามของเจ้า ข้าย่อมดูแลอย่างดี พวกเขาทั้งหล่อเหลาทั้งแข็งแรง ต้องเติบโตขึ้นมาเป็นชายหนุ่มที่ดี
ตอนที่สาม งานราชกิจหมดเรื่องภัยแล้ง จ้าวเฟยเฟิ่งจึงหันมาถาม’ไป๋ชุนกัง’ บุตรชายหัวหน้าหมอหลวงซึ่งขณะนี้รับผิดชอบดูแลกรมรักษา“ข้าได้ข่าวว่าอำเภอเมิ่งมีโรคแปลกประหลาดจนผู้คนล้มหายและเจ็บป่วยเกือบทั้งอำเภอ เรื่องนี้คืออย่างไรเล่ามาให้ละเอียด” “ข้าได้ตรวจสอบแล้วผู้คนที่นั่นมีอาการประหลาดมาก แรกเริ่มเพียงมีไข้ปวดหัวตัวร้อนธรรมดา ไม่นานก็ไอจากนั้นจะไอมาก สุดท้ายจะล้มหมอนนอนเสื่อและกินไม่ได้นอนไม่หลับจนขาดใจตายพ่ะย่ะค่ะ” “ส่วนใหญ่ผู้ที่ตายมักมีอายุมาก ส่วนเด็กหรือคนหนุ่มสาวยังพอกินยาหายได้บ้าง หมอที่ส่งไปพยายามจัดยาให้หลายขนานแล้ว ทั้งฝังเข็มและเผายา บางรายก็ดีขึ้นแต่บางรายยังคงช่วยไม่ทันพ่ะย่ะค่ะ” ไป๋ชุนกังรายงานอย่
ตอนที่สามงานราชกิจ จ้าวเฟยเฟิ่งลุกขึ้นมาปฏิบัติราชกิจดั่งเช่นที่พระบิดาอดีตฮ่องเต้เคยกระทำ ยามเช้านางนั่งบนบัลลังก์ข้างเพื่อตัดสินเรื่องทูลเกล้านำเสนอและการโต้แย้งของเหล่าขุนนางใหญ่น้อย ยามบ่ายนางนั่งตรวจพิจารณาฎีกาและลงนามส่งให้พวกเขานำไปปฏิบัติต่อ องค์หญิงน้อยใช้สติปัญญาตัดสินใจและสั่งการอย่างชาญฉลาดจนขุนนางอาวุโสทั้งหลายอับจนคำพูดและจำต้องทำตามคำสั่งแม้ในใจจะไม่นับถือเชื่อฟัง ฟากฟ้าซึ่งเคยอ่านเรื่องนี้มาแล้วจึงพอจำได้ว่าขุนนางแต่ละฝ่ายมีใครบ้าง และเธอยังเคยช่วยเขียนบทในกองถ่ายมาแล้วหลายเรื่อง หญิงสาวนำความรู้ที่หยิบมาจากละครประกอบกับการแสร้งให้ขุนนางขัดแย้งกัน สุดท้ายพวกเขาก็ขัดขากันไปแก่งแย่งกันมาจนเข้าทางเธอในที่สุด เมื่อเสร็จจากการประชุมเช้าอันน่าเวียนหัว จ้าวเฟยเฟิ่งตัดสินใจเรียกตัวผู้ที่ปฏิบัติงานอย่างแท้จริงเข้ามาสอบถามรายละเอียดเพื่อตัดสินใจได้อย่างถูกต้องโดยไม่ฟังแต่คำเอ่ยอ้างวุ่นวายของขุนนางเฒ่า “ถวายบังคมองค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ” ขุนนางหนุ่มที่ถูกเรียกตัวเข้ามาต่างประสานเสียงทำความเคารพ ด้วยตำแหน่งของพว
ตอนที่สอง ช่างน่ารำคาญเสียงขุนนางใหญ่น้อยถกเถียงกันวุ่นวายราวอยู่ในตลาดมิใช่ท้องพระโรง ส่งให้จ้าวเฟยเฟิ่งปวดเศียรเวียนเกล้ายิ่งนักฟากฟ้าในร่างองค์หญิงน้อยเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมองค์หญิงจึงต้องรีบตัดสินใจ เพราะขืนชักช้าตาแก่พวกนี้คงเอาแต่พูดมากทั้งวันจนน่ารำคาญ“เสนาบดีกรมพิธีการเองก็มีบุตรชายวัยกำลังพอดี จึงต้องรีบขัดขวางท่านอย่างไรเล่า ท่านราชครู” “เจ้าเองก็มีบุตรชายวัยกำลังเหมาะเช่นกัน เสียแต่ความประพฤติฉาวโฉ่ที่ร่ำลือกันคงไม่อาจเสนอชื่อได้กระมัง” “อ้าวๆๆๆ ไยเอ่ยเช่นนั้นเล่าท่านเสนาบดีกลาโหม บุตรชายข้าฉาวโฉ่อันใด เขาทั้งขยันขันแข็ง เก่งกล้าสามารถ ท่านไม่รู้เรื่องจริงอย่าได้เอาแต่ฟังเสียงเล่าลืออันไม่มีมูล” “บุตรชายของท่านเองก็ได้ข่าวว่าเก่งกาจไม่น้อยนี่ ท่านเสนาบดีกลาโหม” “ไม่อาจสู้บุตรชายของท่านอัครเสนาบดีแน่ขอรับ” เสียงโต้เถียงจากเดิมกลายเป็นเสียงยกยอบุตรชายตนเองและทับถมบุตรชายผู้อื่นจนจ้าวเฟยเฟิ่งเบื่อหน่ายเต็มทน หากเป็นองค์หญิงผู้เพิ่งผ่านพ้นวัยเด็กน้อยคงได้แต่ตื่นกลัวและไม่กล้าเอ่ยคำใด ปล่อยให้พวกเ
องค์หญิงน้อยนางนี้ใช้เวลาเลือกเฟ้นอยู่ไม่กี่วัน ด้วยโดยกดดันอย่างหนัก สุดท้ายจึงเลือกบุตรชายของราชครูซึ่งเคยเห็นหน้าคาตามาบ้าง เหตุผลหนึ่งเพราะเขาไม่มีฐานอำนาจยิ่งใหญ่จนน่ากลัว และอีกเหตุผลหนึ่งก็คือเขามีหน้าตาหล่อเหลาอีกทั้งท่าทางหัวอ่อน ว่าง่าย จึงน่าจะไม่เป็นปัญหากับนางมากนักนางคงไม่คิดว่าชายหนุ่มหวงฮุ่ยจือผู้ดูเหมือนอยู่ในโอวาทใช้เวลาเพียงไม่กี่ปีถึงกับแต่งสนมเข้ามาจนเต็มวังหลัง องค์หญิงผู้กลายเป็นฮองเฮาจึงต้องเสียเวลาอยู่กับการสู้รบตบมือกับหญิงสาวมากเล่ห์เหล่านี้จนไม่ได้ใส่ใจราชกิจที่ควรต้องทำ เรื่องควรจะดีหากฮ่องเต้หวงฮุ่ยจือมีความสามารถ แต่เขากลับอ่อนแอจนกลายเป็นเครื่องมือของคนอื่น สุดท้ายขุนนางอีกฝ่ายจึงสนับสนุนหวังกุ้ยเฟยให้วางยาสังหารฮ่องเต้และโยนความผิดให้นางเพื่อโค่นล้มช่วงชิงบัลลังก์ แต่นั่นเป็นเนื้อเรื่องที่ยัยนักเขียนทำให้เธอโมโหปรี๊ดแตกจนเก็บมาฝัน เพราะฉะนั้น ในเมื่อมันเป็นฝันของเธอ เรื่องต้องไม่เป็นแบบนั้น เรื่องจะต้องเป็นไปอย่างที่เธอต้องการ ‘เชลยรักฮองเฮา’ อย่างนั้นหรือ
ตอนที่หนึ่งไม่ได้ดั่งใจ“องค์หญิงฟื้นแล้ว รู้สึกอย่างไรบ้างเพคะ หนิงอ้าย เจ้ารีบไปตามหมอหลวงมาเร็วเข้า” เสียงหญิงสาวเอ่ยอย่างนุ่มนวลอยู่ด้านข้างทำให้ฟากฟ้าต้องลืมตาขึ้นมามองดู“องค์หญิงยังมึนงงหรือไม่เพคะ” เสียงหญิงสาวคนเดิมเอ่ยถามอย่างเอาใจใส่องค์หญิงหรือ? องค์หญิงอะไรกัน หรือว่าเธออยู่ในกองถ่าย แต่วันนี้ไม่มีนัดถ่ายงานเรื่องไหนนี่นา ฟากฟ้าคิดอย่างมึนงงด้วยตัวเธอเองทำงานเป็นผู้ช่วยผู้จัดการกองถ่ายทำละคร จึงมักใช้ชีวิตอยู่กับการถ่ายทำจนอาจจะเผลอหลงลืมไป“องค์หญิงเสวยน้ำชาก่อนเพคะ หนิงอ้ายออกไปตามหมอหลวงแล้ว”หนิงอ้าย? นั่นมันชื่อนางกำนัลในนิยาย”เชลยรักฮองเฮา”ที่เพิ่งอ่านไปนี่ฟากฟ้าเริ่มก้มหน้ามองสำรวจตัวเองที่นอนอยู่บนเตียงเฮ้ย! ทำไมเธอใส่ชุดหรูหราอย่างกับในซีรีส์จีน แล้วเตียงนี่ ห้องนี่ ก็ดูอลังการอย่างกับอยู่ในวังยัยผู้หญิงหน้าขาวที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้านี่ก็เหมือนกัน ใส่ชุดอย่างกับนางกำนัลที่เคยเห็นในละคร หรือว่า เธอกำลังฝันว่าอยู่ในนิยายเรื่องที่เพิ่งอ่านไป ฟากฟ้ามองหน้าหญิงที่คุกเข่าอยู่แล้วลองเรียกชื่อเพื่อให้แน่ใจ“หนิงอัน”“เพคะ องค์หญิงอยากได้สิ่งใดเพิ่มหรือเพคะ”ใช่แล้ว
บทนำ“ฮ่า ฮ่า ฮ่า เป็นอย่างไรเล่า จ้าวฮองเฮาผู้สูงส่ง ไยไม่วางท่าเชิดหน้าแล้วแสดงอำนาจบาตรใหญ่อีกเล่า”เสียงหัวเราะดังแสบแก้วหูจนจ้าวฮองเฮาต้องถลึงตาด้วยความโกรธกริ้วขณะโทสะพุ่งสูงจนต้องกระอักโลหิตพิษออกมาจนเลอะเต็มหน้าและพื้นห้องหญิงสาวสูงศักดิ์มองไปทางเตียงซึ่งมีร่างของฮ่องเต้ผู้เป็นสวามีนอนหายใจรวยรินเต็มทนคล้ายใกล้จะจากไปแล้วนางพลาดเอง นางไม่ควรมัวแต่เย่อหยิ่งจนไม่ใส่ใจรายละเอียดอื่นใดจนเปิดโอกาสให้หวังกุ้ยเฟย สตรีร้ายกาจตรงหน้าฉวยจังหวะวางยาพิษฮ่องเต้ทีละนิดจนบัดนี้ไม่อาจช่วยเหลือได้แล้ว กว่านางจะรู้ตัวและจับได้ ก็กลายเป็นเหยื่อให้พวกเขาได้โอกาสโยนความผิดและจับนางกรอกยาพิษจนต้องนอนเจ็บปวดอยู่เช่นนี้“ไม่ต้องกังวลเรื่องบัลลังก์ทองล่ะ ข้าจะหาชายหนุ่มที่ว่าง่ายสมรสด้วยและแต่งตั้งเขาเป็นฮ่องเต้แสนเชื่อฟังเอง ส่วนข้าก็จะนั่งเป็นฮองเฮาแทนเจ้าอย่างสมเกียรติ จงตายไปอย่างสงบเถอะ จ้าวเฟยเฟิ่ง” หวังกุ้ยเฟยตะโกนก้องอย่างผู้ชนะ ขณะปรายตามองร่างใกล้ตายที่กระเสือกกระสนอย่างสังเวช“ส่วนโอรสบุญธรรมทั้งสามของเจ้า ข้าย่อมดูแลอย่างดี พวกเขาทั้งหล่อเหลาทั้งแข็งแรง ต้องเติบโตขึ้นมาเป็นชายหนุ่มที่ดี
แนะนำตัวละครจ้าวเฟยเฟิ่ง ฮองเฮาสกุลจ้าว อดีตองค์หญิงน้อยธิดาคนเดียวที่หลงเหลืออยู่ของอดีตฮ่องเต้หวงฮุ่ยจือ ฮ่องเต้ซึ่งแต่งเข้าสกุลจ้าวเพื่อครองบัลลังก์หวังลี่ถิง หวังกุ้ยเฟย บุตรสาวเสนาบดีปกครองจางชงเมิ่ง บุตรชายของอัครเสนาบดีจาง ทำงานเป็นผู้ช่วยของบิดาข่งซีห่าว รั้งตำแหน่งรองแม่ทัพ และเป็นบุตรชายแม่ทัพใหญ่ไป๋ชุนกัง บุตรชายหัวหน้าหมอหลวง ดูแลกรมรักษาหลี่จิ่นติ้ง บุตรชายเสนาบดีกลาโหม ดูแลกรมอาวุธฉีเซี่ยหลิว บุตรชายเสนาบดีกรมคลัง ดูแลกรมอากรหนิงอัน หนิงอ้าย หนิงเหอ นางกำนัลคนสนิทของจ้าวเฟยเฟิ่งเชลยรักของฮองเฮาตัวร้ายโดยวันว่างว่างของหญิงใหญ่องค์หญิงน้อยซึ่งจำต้องก้าวขึ้นเป็นฮองเฮา นางจะหลอกล่อชายหนุ่มให้เป็นเชลยรักและส่งเสริมนางได้อย่างไร นางอยากเป็นฮองเฮาแสนดีมิใช่ฮองเฮาตัวร้ายสักหน่อยฟากฟ้า ผู้ช่วยผู้จัดการกองถ่ายตื่นขึ้นมาในร่างขององค์หญิงน้อยทายาทเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่และจำต้องก้าวขึ้นเป็นฮองเฮาแต่นางจะเป็นฮองเฮาเพียงเพื่อแต่งสวามีขึ้นเป็นฮ่องเต้และคอยปกครองวังหลังไล่ตบตีกับเหล่าสนมหรือจะขึ้นนั่งบัลลังค์ปกครองบ้านเมืองเสียเองนางไม่ยอมเดินตามที่ผู้อื่นกดดันแน่ เธอจ