ตอนที่หก
เลือกทีละคน
อีกคนที่จ้าวเฟยเฟิ่งโยนภาพวาดทิ้งตั้งแต่ยังไม่ทันได้อ่านก็คือ ‘ฉ่งต๋าเห่ย’ บุตรชายของเสนาบดีกรมพิธีการผู้ฉาวโฉ่
เชอะ ก่อเรื่องมากมายขนาดนี้ บิดาของเขายังกล้าส่งชื่อมาเสนออีก น่าจับเข้าคุกเสียให้เข็ดทั้งพ่อทั้งลูก
องค์หญิงน้อยกาหัวสองพ่อลูกเอาไว้ในใจแล้ว
แน่นอนว่าเสนาบดีฉีซึ่งเพิ่งถูกจ้าวเฟยเฟิ่งประกาศปลดตำแหน่งเจ้ากรมอากรของบุตรชายไม่กล้าส่งชื่อเขาเข้ามาอีกแน่ ฎีกาที่ได้รับมีเพียงการเรียกร้องความเป็นธรรมให้นางทบทวนเรื่องนี้อีกทีเท่านั้น
คนที่องค์หญิงน้อยหยิบออกมาจากกองท่วมสูงจึงเหลือเพียงอีกสามคนคือ ไป๋ชุนกัง บุตรชายหัวหน้าหมอหลวง เจ้ากรมรักษา, หลี่จิ่นติ้ง บุตรชายเสนาบดีกลาโหม เจ้ากรมอาวุธ และข่งซีห่าว บุตรชายของแม่ทัพใหญ่ซึ่งรั้งตำแหน่งรองแม่ทัพ
ความจริงสกุลข่งเป็นสกุลเดิมของมารดา นับว่าพวกเขาเป็นญาติกันทางสายเลือดโดยตรง
สนมข่งเป็นบุตรสาวของอดีตแม่ทัพใหญ่ เป็นน้องสาวของแม่ทัพใหญ่คนปัจจุบันและเป็นอาสาวของข่งซีห่าว นางเป็นหญิงสาวใสซื่อเมื่อพบรักกับฮ่องเต้ยามพระองค์ออกตรวจทัพจึงได้ถวายตัวแล้วตามกลับมายังวังหลวง ไม่นานนางก็โดนเล่ห์กลในวังหลวงจนตาย องค์หญิงจ้าวเฟยเฟิ่งจึงเกิดมาอย่างเดียวดายไร้มารดาคอยเหลียวแล และไม่เคยติดต่อกับสกุลข่งมาก่อน
แต่ถึงอย่างไรพวกเขาก็น่าจะมีความจริงใจและเป็นผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ จงรักภักดี
จ้าวเฟยเฟิ่งตัดสินใจเข้าทางสกุลข่งก่อน เพื่อให้พวกเขามาเป็นฐานสนับสนุนด้านกำลัง ไม่ให้ผู้อื่นมาเสียงดังใส่นางอีก
ข่งซีห่าววุ่นวายอยู่กับการฝึกหัดทหารใหม่และการตระเตรียมกองกำลังรวมทั้งอาวุธและเสบียง เขายังคงรั้งอยู่ในเมืองหลวงเพื่อเป็นทัพหลังให้บิดา
จนได้รับคำสั่งเรียกตัวให้เข้าเฝ้าองค์หญิงจ้าวเฟยเฟิ่ง ซึ่งความจริงก็คือญาติผู้น้องของเขาในเวลาใกล้ค่ำ
“พี่ซีห่าว ไม่ต้องเกรงใจ มากินอาหารด้วยกันเถอะ”
คำเรียกขานอย่างสนิทสนมอีกทั้งการชวนให้ร่วมโต๊ะเสวยทำให้ข่งซีห่าวทำตัวไม่ถูก
“พวกเราเป็นญาติใกล้ชิดกัน ที่ผ่านมาด้วยอยู่ต่อหน้าผู้อื่นข้าจึงจำต้องวางตัว แต่ที่นี่ไม่มีผู้ใด พี่ซีห่าวนั่งลงเถิด”
ข่งซีห่าวเดินไปนั่งตรงข้ามองค์หญิงน้อยพลางมองใบหน้างดงามซึ่งคล้ายกับบิดาและเขาอยู่หลายส่วน
“น้องเฟยเฟิ่งเหนื่อยมากหรือไม่” ในเมื่อองค์หญิงเรียกขานอย่างญาติพี่น้อง เขาจึงเรียกนางตามลำดับญาติเช่นกัน
“เหนื่อยมาก งานราชกิจถึงจะมากแต่ค่อยๆจัดการไปย่อมพอใช้ได้ แต่พวกตาแก่พูดมากข้างนอกนั่น น่ารำคาญยิ่งนัก พี่ซีห่าวย่อมรู้ว่าพวกเขาวันวันเอาแต่กดดันให้ข้าแต่งสวามี แต่งแล้วอย่างไร ทุกวันนี้ถึงไม่แต่งข้าก็ทำงานได้อย่างดี ไยต้องมีฮ่องเต้ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะมีความสามารถเพียงใดมาให้ยุ่งยากด้วยเล่า”
จ้าวเฟยเฟิ่งบ่นกระเง้ากระงอด จีบปากจีบคอด้วยกิริยาน่ารักคล้ายน้องสาวตัวน้อยกำลังฟ้องพี่ชายว่าโดนกลั่นแกล้งรังแก
ข่งซีห่าวซึ่งไม่เคยมีน้องสาวและใช้ชีวิตอยู่ในกองทัพซึ่งมีแต่ชายหนุ่มมาโดยตลอด เมื่อได้เห็นกิริยาน่าเอ็นดูจึงรู้สึกอยากปกป้องดูแล
“น้องเฟยเฟิ่งไม่ต้องสนใจพวกเขา หากผู้ใดพูดมากนักพี่จะเอาดาบฟันปากไม่ให้มีปากไว้พูดอีก”
โอ้...ดุเดือดจัง
“หากทำเช่นนั้น พวกเขาที่เหลือก็จะโวยวายว่าโดนรังแกอีก เพียงข้าสั่งปลดเจ้ากรมอากรฉีนั่นคนเดียว พวกเขายังเอาแต่เรียกร้องโวยวายส่งฎีกามาจนท่วมโต๊ะไปหมดแล้ว”
“คนไม่ทำงานย่อมต้องถูกปลด น้องเฟยเฟิ่งทำถูกต้องแล้ว ไม่ต้องกังวลใจ พี่จะอยู่ข้างเจ้าเอง ผู้ใดโวยวายมากนักก็จับไปช่วยงานที่ชายแดนก็หมดเรื่อง”
อืม...ดี ความคิดนี้ใช้ได้
“น้องเฟยเฟิ่ง อย่าได้เกรงกลัวพวกเขา พี่และท่านพ่ออยู่เคียงข้างน้องเสมอ ที่ผ่านมาพวกเราล้วนเสียใจที่ไม่อาจปกป้องอาหญิงได้ แต่พวกเราจะปกป้องเจ้าอย่างเต็มที่ พี่ให้สัญญา” ข่งซีห่าวเอ่ยคำสัญญาอย่างลูกผู้ชาย
“ขอบคุณพี่ซีห่าว ได้ยินเพียงนี้ ข้าก็ตื้นตันดีใจจนไม่อาจเอ่ยคำแล้ว ข้าเกิดและเติบโตอย่างเดียวดาย อยู่ในวังหลวงก็เป็นเพียงเด็กน้อยไร้การเหลียวแล โชคดีที่เหลือรอดจากเภทภัยจนกลายเป็นทายาทเพียงหนึ่งเดียว กลับมาถูกกดดันจากเหล่าขุนนางอีก” จ้าวเฟยเฟิ่งแสร้งซับน้ำตาที่ไหลคลออยู่ในหน่วยตาเรียวดั่งหงส์
“เจ้าไม่ต้องร้องไห้ พี่จะเสนอให้เลื่อนการพิจารณาเลือกสวามีออกไปเอง แคว้นเยียนกำลังจะบุกเข้ามาแล้ว จะมัวแต่เลือกสวามีอยู่ได้อย่างไร ตาแก่พวกนี้ช่างสิ้นคิดนัก” ข่งซีห่าวรีบเสนอข้ออ้างที่น่าฟังออกมา
“ขอบคุณพี่ซีห่าว เพียงมีพี่อยู่ข้าก็อุ่นใจแล้ว”
จ้าวเฟยเฟิ่งเยื้องย่างเข้ามาทรุดนั่งเคียงข้างพลางซบหน้าเล็กน่ารักลงกับไหล่แกร่งของชายหนุ่มคล้ายอยากหาที่พึ่งพิง
ข่งซีห่าวถูกทำจนค้างแข็ง สีหน้าเลิ่กลั่กทำตัวไม่ถูก แต่เมื่อองค์หญิงน้อยซบนิ่งหลับตาคล้ายอบอุ่นใจ เขาจึงเพียงลูบผมสลวยบางเบาเพื่อปลอบประโลม
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นยิ้มอ่อนหวานจนชายหนุ่มใจละลาย
“พี่ซีห่าวช่างดียิ่งนัก หากไม่ติดว่าพวกเราเป็นญาติสนิทกัน ข้าอยากเลือกพี่เป็นสวามีเสียให้รู้แล้วรู้รอด”
ไม่ติด ข้าไม่ติด พวกเราไม่ได้ใช้แซ่เดียวกัน ในอดีตลูกพี่ลูกน้องแต่งงานกันเองมีมากมายหลายคู่ ข้าย่อมไม่ติดแน่ น้องเฟยเฟิ่ง
ข่งซีห่าวตะโกนก้องภายในใจ แต่เบื้องหน้ากลับไม่กล้าเอ่ยสักคำเมื่อเห็นสายตาไว้เนื้อเชื่อใจของลูกพี่ลูกน้องสาว
“มีพี่ซีห่าวอยู่ พวกเขาคงไม่กล้ามากเรื่อง ถึงอย่างไรท่านลุงก็ยังกุมกำลังทหารเอาไว้ พี่ซีห่าวหาเวลาเข้ามาพบข้าให้บ่อยหน่อยได้หรือไม่ อ้างว่ามาปรึกษาเรื่องการรบก็ได้ สร้างเรื่องให้ใหญ่โต พวกเขาจะได้ว้าวุ่นใจเรื่องนี้จนไม่กล้าเร่งรัดข้าอีก”
“ได้ พี่จะหมั่นมาพบน้องเฟยเฟิ่ง ขอเพียงเจ้าอนุญาต พี่จะมาให้ทุกวันยังได้”
ข่งซีห่าวรีบรับปากด้วยใจที่เต้นรัว
“ฮ่า ฮ่า พี่ซีห่าวก็พูดเกินไป พวกเราต่างมีงานการมากล้นจะมาทุกวันได้อย่างไร เอาเป็นว่าทุกสามสี่วันก็แล้วกัน”
“ได้ ตามรับสั่งองค์หญิง”
ตอนที่เจ็ดปกป้องสาวงามข่งซีห่าวเดินล่องลอยกลับจากการเข้าเฝ้าองค์หญิงจ้าวเฟยเฟิ่งด้วยใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเขาไม่เคยคิดเสนอตัวเป็นหนึ่งในพระสวามีของลูกพี่ลูกน้อง ด้วยคิดเพียงว่าตนเองไม่คู่ควร อีกทั้งยังรู้สึกผิดจากการที่ไม่เคยปกป้องสองแม่ลูกจนอาหญิงต้องสิ้นชีวิตลงแต่เมื่อหญิงซึ่งเปรียบเสมือนน้องสาวถูกรังแก เขาย่อมไม่อยู่นิ่งเฉยยิ่งนางซบหน้าออดอ้อน กลิ่นกายอันหอมกรุ่น ผมสลวยดุจเส้นไหม ผิวกายขาวเนียนละเอียด และใบหน้างดงามซึ่งเงยอ้อนจนมองเห็นชัดเจนกระทั่งขนตางอนยาว และปากแดงอิ่มนางช่างดูอ่อนหวาน น่ารัก จนเขาอยากโอบกอดเอาไว้เพื่อปกป้องให้พ้นภัย นั่นทำให้ใจที่ไม่เคยคิดเกินเลยกลับเต้นแรงด้วยเขาเกิดความคิดช่วงชิงตำแหน่งพระสวามีเสียแล้ว แต่มิใช่เพื่ออำนาจวาสนาในการเป็นฮ่องเต้ผู้อยู่เหนือปวงชนเขาเพียงอยากปกป้องสาวงามและช่วยให้นางได้ทำในสิ่งที่ปรารถนาเท่านั้นเมื่อเจรจากับข่งซีห่าวได้สำเร็จแล้ว จ้าวเฟยเฟิ่งจึงเข้าหาชายคนต่อไปนั่นก็คือ ไป๋ชุนกัง บุตรชายของหัวหน้าหมอหลวง
ตอนที่แปดง่ายไปไหมคราวนี้หลี่จิ่นติ้งไม่อิดออดอีก ก้าวเข้าใกล้ร่างบางอันหอมกรุ่นพลางสูดดมกลิ่นกายหอมหวาน ตามองมือที่ขยับชี้บอกกล่าวราวอยากจับมือบางมากอบกุมเอาไว้อีกครา “หากทำเสร็จแล้ว รีบนำมาให้ข้าดู ข้าอยากเห็นเร็วๆ” “ได้ พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะเร่งจัดการโดยเร็ว” หลี่จิ่นติ้งเป็นอีกคนที่เดินลอยออกจากตำหนักอีกทั้งยังเร่งกลับไปเจรจากับบิดาให้ช่วยหาทางเสนอให้เขาได้เป็นพระสวามีขององค์หญิงน้อยผู้งดงามแสนหอมหวานนางนี้ จ้าวเฟยเฟิ่งนั่งลงถอนหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อย&nbs
ตอนที่เก้ามาได้ไง“น้องเฟยจำเรื่องเมื่อสองปีก่อนไม่ได้หรือ ยามนั้นพี่ตามท่านพ่อเข้ามาในวัง ส่วนเจ้ากำลังร้องไห้เนื่องจากเพิ่งโดนฮองเฮาทำโทษ พี่รอท่านพ่อจนเบื่อหน่ายจึงเดินเล่นแล้วได้ยินเสียงร้องไห้และเดินตามหากระทั่งได้พบแมวสาวตัวน้อยหน้าตามอมแมม” “น้องเฟยยามนั้นช่างน่าสงสารนัก ข้าจึงปลอบโยนอยู่หลายคำ หลังจากนั้นยามท่านพ่อเข้าวัง ข้ามักจะขอติดตามเข้ามาและแอบไปหาเจ้าที่ตำหนัก พวกเราพูดคุย ฝึกวาดอักษร เล่นหมาก ดีดพิณ และเล่าเรื่องต่างๆให้กันฟังจนสนิทสนม” “ก่อนอดีตฮ่องเต้จะสิ้นพระชนม์ พี่ให้สัญญาไว้ว่าจะทูลขอสมรสพระราชทานกับเจ้าให้ได้ พวกเราแลกของแทนใจเป็นหยกคู่สลักอักษรชงเฟยซึ่งพี่สั่งทำขึ้นเป็นพิเศษ หยกนี้พี่พกติดตัวตลอด แล้วของเจ้าเล่าอยู่ที่ใด” 
ตอนที่สิบทบทวนความจำ“หากข้าจะไม่แต่งสวามี จะได้ไม่มีผู้ใดได้เป็นฮ่องเต้ เพียงให้พวกเขาเป็นอนุหรือชายอุ่นเตียง เลี้ยงเอาไว้ข้างกายให้ช่วยงานเท่านั้น ดีหรือไม่” จ้าวเฟยเฟิ่งตัดสินใจบอกเจตนาเพื่อให้นางกำนัลทั้งสองได้เข้าใจในการกระทำผิดแปลกของนางในช่วงนี้“องค์หญิงคิดเช่นนี้นี่เอง” หนิงอันผู้เข้าใจได้เร็วกว่าพยักหน้าอย่างเข้าใจ“พวกขุนนางข้างนอกนั่นจะยอมหรือเพคะ” หนิงอ้ายขัดขึ้นมา“ไม่ยอมแล้วอย่างไร ข้าไม่แต่งเสียอย่าง อีกทั้งจะเอาบุตรชายของพวกเขามาชุบเลี้ยงอย่างดี ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่อาจขึ้นนั่งบัลลังก์เป็นฮ่องเต้ได้ จนกว่าข้าจะตั้งครรภ์มังกรและคลอดโอรสออกมาสืบราชบัลลังก์”“ความคิดขององค์หญิงใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้นะ หนิงอ้าย เพียงแต่จะหาชายซึ่งยินยอมอยู่เบื้องหลังสตรีแล้วค้ำจุนบัลลังก์เพียงอย่างเดียวโดยไม่มีอำนาจวาสนาได้หรือเพคะ”“วันนี้ จางชงเมิ่งเอ่ยบอกกับข้าว่าเขายอมเป็นคนผู้นั้น แต่ข้าไม่มั่นใจว่าเป็นแผนเจ้าเล่ห์เพื่อหลอกล่อใ
ตอนที่สิบเอ็ด เพียงแสดงให้ดู“บิดาของข้ากุมอำนาจอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องวิ่งวุ่นวาย” เสียงตอบอย่างหยิ่งผยอง “เชอะ” “น้องเฟย พี่เพียงอยากเตือนว่าการยั่วยวนพวกเขาที่เจ้าทำอยู่ไม่ส่งผลดี หากต้องการบุรุษหนุนหลังขอเพียงพี่ผู้เดียวก็เพียงพอแล้ว” “สรุปก็คือจะบอกว่าท่านดีที่สุด” “ย่อมใช่” เสียงตอบของคนหลงตัวเอง “น้องเฟยลองใคร่ครวญให้กระจ่าง พี่ไม่มีตำแหน่งยศศักดิ์ย่อมไม่ต้องลดเกียรติมา
ตอนที่สิบสองจะกดดันอะไรหนักหนาองค์หญิงน้อยถูกปล่อยลงบนเตียงโดยจางชงเมิ่งรีบกระโดดหายออกไปโดยไม่เอ่ยแม้คำร่ำลาจ้าวเฟยเฟิ่งนอนกลิ้งไปกลิ้งมาอย่างครุ่นคิดด้วยเริ่มไม่แน่ใจในความสัมพันธ์ของสองหนุ่มสาวที่ผ่านมาจางชงเมิ่งกระทำทุกอย่างราวคุ้นเคย ทั้งการจุมพิตหวานล้ำ การโอบคลึงและกลืนกินทรวงอกอิ่ม อีกทั้งการแนบชิดสนิทแน่น แต่เขาไม่กล้าล่วงเกินมากไปกว่านั้นทั้งๆที่มีโอกาสจะทำได้หมายความว่าเขายังทะนุถนอมสาวน้อยเอาไว้เพื่อรอพิธีสมรสอย่างถูกต้องเช่นนั้นหรือ หากเป็นเช่นนั้นจริง คำบอกรักหรือความสัมพันธ์ที่ผ่านมาของทั้งสองคนน่าจะเกิดจากความจริงใจและความเห็นอกเห็นใจจนกลายเป็นความผูกพันหรือว่านางควรจะเชื่อคำพูดของเขาแล้วเลือกจางชงเมิ่งเข้ามาเป็นอนุคนแรกเพื่อกดข่มเหล่าขุนนางเอาไว้ หากแม้แต่บุตรชายอัครเสนาบดียังเป็นได้เพียงอนุของนาง แล้วชายหนุ่มที่เหลือจะมีค่าอันใดเมื่อคิดถึงร่างสูงสง่าหล่อเหลา ยามเขายืนต่อหน้า สันหลังตั้งตรงแลผึ่งผาย เมื่อได้ชิดใกล้จึงสัมผัสถึงมัดก
ตอนที่สิบสามเสนอตัว“เจ้าหลี่จิ่นติ้งนั่น คราแรกดูยังพอใช้ได้ แต่ไปๆมาๆกลับโผงผางเถรตรงเกินไป อีกทั้งอยู่ในคำสั่งของบิดาจนไม่กล้าบิดพลิ้ว มองอย่างไรก็ไม่เหมาะ ส่วนหมอไป๋นั่นก็อ่อนปวกเปียกน่ารำคาญ แม้จะสามารถดูแลเจ้าได้ แต่คงไม่เหมาะเป็นสวามีอีกเช่นกัน” ข่งซีห่าวเอ่ยคำวิพากษ์วิจารณ์ชายหนุ่มตัวเลือกออกมาอย่างไม่ต้องถาม“พี่ซีห่าวเห็นว่าผู้ใดเหมาะสมบ้างหรือ” องค์หญิงน้อยลองถามออกมา“จางชงเมิ่ง ความจริงเขาดูเหมาะสมทั้งท่วงท่ากิริยาและความสามารถ ติดที่บิดามีตำแหน่งใหญ่โตเกินไป หากเขาได้เป็นฮ่องเต้คงกลืนราชวงศ์จ้าวจนไม่เหลือและอาจไม่เก็บเจ้าเอาไว้”“แล้วพี่ซีห่าวไม่คิดจะช่วงชิงตำแหน่งนี้บ้างหรือ” จ้าวเฟยเฟิ่งโยนหินถามทาง“เอ่อ...หากจะสารภาพความจริง พี่ต้องบอกว่าคิดและอยากได้มาก แต่พี่ยังไม่มั่นใจว่าหากได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้แล้วจะสามารถปกครองบ้านเมืองได้ดีเพียงใด”ชายหนุ่มเหล่านี้ไม่ได้มองการแต่งงานกับนางเป็นเรื่องใหญ่ พวกเขามองถึงบัล
ตอนที่สิบสี่รับข้าเถิดฟากฟ้าในร่างของจ้าวเฟยเฟิ่งนั่งยิ้มแย้มอย่างอารมณ์ดีที่ได้แก้แค้นแทนจ้าวเฟยเฟิ่งในเรื่องเดิม แม้ในเรื่องนี้หวงฮุ่ยจือนั่นจะยังไม่ได้สิ่งใดก็ตามแต่จากคำพูดและสายตาที่บอกเสนอตัวออกมา หญิงสาวมองไม่เห็นถึงความจริงใจและความชื่นชอบอย่างแท้จริงแม้แต่น้อย นั่นย่อมแสดงว่าเขาไม่ได้ชอบองค์หญิงน้อยตั้งแต่แรก เพียงทำตามบิดาและผู้ชักใยเบื้องหลังเท่านั้นเรื่องการดูหมิ่นหวงฮุ่ยจือต่อหน้าผู้คนสร้างแรงกระเพื่อมทั้งด้านดีและด้านร้ายออกมาให้เห็นด้านดีคือเหล่าชายหนุ่มอื่นไม่กล้าเข้ามาวุ่นวายกับจ้าวเฟยเฟิ่งอีก ส่วนด้านร้ายคือทุกฝ่ายต่างเร่งปรึกษาหาพวกพ้องและผลักดันชายหนุ่มที่เห็นว่าเหมาะสมออกมา“น้องเฟยไม่ชอบหวงฮุ่ยจือถึงเพียงนั้นเชียวหรือ” เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยถามขณะกระโดดเข้ามาทางหน้าต่าง“เจ้ามาทางนี้อีกแล้ว ข้าจะสั่งให้คนปิดหน้าต่างเสีย”จ้าวเฟยเฟิ่งมองร่างสง่าซึ่งยืนยิ้มอย่างไม่ถือสาอาการกระเง้ากระงอดขององค์หญิงน้อย“น้องเฟย
ตอนที่สามสิบสอง เนื้อเรื่องที่เปลี่ยนไปจ้าวเฟยเฟิ่งมองไปทางคนสกุลหวังสองพ่อลูกซึ่งนั่งพิงกันอยู่โดยไม่เอ่ยขอความเมตตา“เสนาบดีหวังเล่า ไม่แก้ตัวสักหน่อยหรือ”“ข้าไม่มีสิ่งใดจะแก้ตัว ขอเพียงประหารในคราวเดียวอย่าได้เจ็บปวดจนเกินไปจะเป็นพระกรุณายิ่งแล้ว”“แล้วคุณหนูหวังเล่า”“ผู้แพ้เป็นมาร ผู้ชนะย่อมเป็นพระ ครั้งนี้เจ้าได้ชัยไปก็ด้วยโชคดีที่มีอนุหลายคนคอยช่วยเหลือ ครั้งหน้าอย่าหวังว่าเรื่องจะดำเนินไปเช่นนี้อีก ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าได้มีโอกาสดีดีเช่นนี้อีกแน่” วาจาถูกเอ่ยด้วยความเคียดแค้นและไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ สายตาของหวังลี่ถิงถูกส่งออกมาสื่อให้เห็นว่านางไม่ยินยอมและจะหาโอกาสกลับมาอีกแน่หรือว่านิยายเรื่องนี้จะวนกลับไปใหม่และต้องเดินเรื่องวนไปวนมาอยู่อย่างนี้หรือ ไม่...ฟากฟ้าในร่างจ้าวเฟยเฟิ่งไม่ยอม เธอเข้ามาเดินเรื่องและสวมบทบาทของจ้าวฮองเฮามาจนใกล้จบเรื่องแล้ว เธอจะไม่ยอมให้เรื่องวนกลับไปเริ่มต้นใหม่แน่จ้าวฮองเฮาออกราชโองการสั่งประห
ตอนที่สามสิบเอ็ด ผิดแผนอัครเสนาบดีจาง เสนาบดีคลัง เสนาบดีกรมพิธีการ ขุนนางคนสำคัญอีกสามสี่คนซึ่งทยอยเดินเข้ามาต่างแยกย้ายกันไปนั่งเรียงสองฝั่งห้องโถง ในขณะที่จางชงเมิ่ง ข่งซีห่าวและไป๋ชุนกังเดินไปยืนด้านหลังจ้าวฮองเฮาในฐานะอนุชายเกากงกงก้าวออกมาจากด้านข้างพร้อมประกาศเสียงดัง“ถวายบังคมจ้าวฮองเฮา”เสียงทำความเคารพและถวายพระพรดังขึ้นกึกก้องพร้อมเพรียง“พวกเจ้ายังไม่รีบคุกเข่าลงอีก” เกากงกงตวาดกลุ่มคนที่โดนควบคุมอยู่ตรงกลางอย่างโมโห คนพวกนี้สั่งการให้จับกุมเขาไปขังไว้ในตำหนักร้าง กว่าจะมีคนไปช่วยออกมาก็อดข้าวอดน้ำอยู่หลายวันทหารต่างช่วยกันใช้อาวุธกระแทกเข้าที่หลังและขาจนคนทั้งกลุ่มต้องคุกเข่าลงอย่างไม่เต็มใจ“ข้าไม่เกี่ยวข้องด้วย เพียงถูกเชิญมาอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว ถึงอย่างไรข้าก็มีฐานะเป็นอ๋องคนหนึ่ง เจ้าควรให้เกียรติข้าบ้างนะจ้าวฮองเฮา” อ๋องหย่งรีบเอ่ยขึ้นเมื่อโดนกระแทกจนจำต้องคุกเข่าเป็นคนสุดท้าย“ไม่รู้เรื่องหรือ ให้เกียรติหรือ ท่านทำสิ่งใดไว้ย่อมร
“เจ้าเนี่ยนะ ข้าไม่เชื่อ” จ้าวเฟยเฟิ่งเอ่ยคำดูหมิ่นออกมา“ไม่เชื่อก็ถามพวกเขาดูสิ แผนทั้งหมดข้าเป็นคนคิดแล้วบอกให้ท่านพ่อทำตามโดยการติดต่อกับอ๋องหย่ง ส่วนหวงฮุ่ยจือก็เห็นด้วยกับข้า แม้จะอยากแต่งงานกันแต่เขาถูกเจ้าทำลายเกียรติไปแล้ว จึงยอมช่วยงานเพื่อเร่งส่งเจ้าไปยมโลกโดยเร็ว”“หมอไป๋ไม่มีเหตุผลที่ต้องช่วยเจ้า” จ้าวเฟยเฟิ่งข้องใจ“เดิมทีไม่มี แต่บิดาของเขาอยู่ในกำมือข้า หากเขาไม่ทำย่อมกลายเป็นบุตรอกตัญญู อีกทั้งหลังจากนี้ ข้าย่อมตอบแทนด้วยตำแหน่งลาภยศอย่างจุใจ”“เจ้าซื้อหนิงเหอด้วยสิ่งใดหรือ”“ด้วยสิ่งที่นางไม่เคยได้จากเจ้าอย่างไรเล่า พี่หนิงเหออยากได้การยอมรับและอยากได้ชีวิตครอบครัวที่ดี ข้ารับปากจะยกฉีเซี่ยหลิวให้พวกเขาได้แต่งงานกัน หลังจากนี้นางก็จะกลายเป็นฮูหยินเอกสกุลฉีมีชีวิตอย่างสุขสบาย ไม่ต้องคอยรับใช้คนเอาแต่ใจเช่นเจ้า”“หากข้าตาย คิดหรือว่าจะได้บัลลังก์และตำแหน่งฮ่องเต้ไปง่ายๆ ยังมีอัครเสนาบดีจางอยู่อีกทั้งคน”“ย่อมง่ายดายด้วยพวกเราจะยัด
ตอนที่สามสิบ เจ้าแผนการเมื่อเห็นว่าองครักษ์เงาถูกส่งออกไปแล้ว หวงฮุ่ยจือจึงรีบลุกขึ้นเดินออกไปอย่างรวดเร็วจ้าวเฟยเฟิ่งสบตานิ่งเฉยของไป๋ชุนกังก่อนจะล้มตัวลงนอนอย่างหมดสิ้นเรี่ยวแรงไม่นานก็มีเสียงคนหลายคนเดินตรงมายังห้องบรรทมโดยมีนางกำนัลหนิงเหอเปิดประตูนำเข้ามาจ้าวฮองเฮามองใบหน้าที่เดินเรียงกันมาอย่างพร้อมเพรียงด้วยสายตาฉงนสงสัยโดนเฉพาะคนสุดท้ายซึ่งนางไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน“หนิงเหอ เหตุใดจึงเป็นเจ้าที่พาคนพวกนี้เข้ามา เกากงกงเล่า อยู่ที่ใด ไยไม่มากราบทูลขออนุญาตก่อน” จ้าวฮองเฮาตรัสถามเสียงอ่อนแรงความจริงนางสงสัยอยู่แต่แรกแล้วว่า ช่วงหลายวันมานี้ เหตุใดนางกำนัลหนิงอันและหนิงอ้ายจึงหายหน้าไป อีกทั้งเกากงกงเองก็หายไปเช่นกัน มีเพียงหนิงเหอซึ่งอยู่ดูแลรับใช้ แต่ด้วยอ่อนแรงเต็มทนจึงไม่อยากถามให้มากความ “พวกเราคงรบกวนเวลาฮองเฮาไม่นาน ไม่ต้องสร้างความยุ่งยากให้เกากงกงหรอกพ่ะย่ะค่ะ” เสนาบดีหวังเอ่ยตอบเสียงระรื่น“พวกเจ้ามีเรื
ตอนที่ยี่สิบเก้าเจ็บป่วยหลังจากคืนนั้น จ้าวเฟยเฟิ่งจึงแสร้งแวะไปที่ตำหนักของอนุข่งซีห่าวและอนุไป๋ชุนกัง เพื่อไม่ให้ผู้คนครหานินทาว่านางไม่โปรดปรานพวกเขา แต่หญิงสาวเพียงนั่งกินอาหารและจับจูงกันเข้าห้องนอนเพื่อสร้างภาพเท่านั้นภายในห้องนอนกลับเป็นการนั่งลงพูดคุยกันของสองหนุ่มสาวเพื่อถกสถานการณ์ในช่วงนี้ผ่านการแวะเวียนยังตำหนักของเหล่าอนุทุกค่ำคืน ไม่นานจ้าวเฟยเฟิ่งก็มีอาการป่วยไข้จนสังเกตได้แค่ก แค่ก แค่ก“น้องเฟย ช่วงนี้เจ้าดูอ่อนเพลียและมีสีหน้าซีดเซียวมาก อีกทั้งยังไอไม่หยุดเช่นนี้ กลับไปพักก่อนดีหรือไม่”จางชงเมิ่งซึ่งเพิ่งมาถึงยังห้องอักษรทันได้ยินเสียงไอของฮองเฮาสาวจึงรีบก้าวเข้ามาถามอย่างห่วงใยแม้เขาจะไม่พอใจที่หญิงสาวแวะเวียนไปหาชายอื่น แต่ไม่อาจว่ากล่าวอันใดได้ด้วยนางมีตำแหน่งเป็นถึงฮองเฮา“หมอหลวงไป๋ตรวจดูแล้ว บอกว่าเพียงโดนไอเย็นมากไปหน่อย กินยาฝังเข็มแล้ว อีกไม่กี่วันก็ดีขึ้นเอง”“งานพวกนี้ไม่ได้เร่งมากนัก พี
ตอนที่ยี่สิบแปด หาหลักฐาน“เชอะ ทำลายหลักฐานมาแล้วล่ะสิ จึงกล้าท้าทายเช่นนี้”“ทำลายที่ใด กลับจากจวนสกุลหวังพี่ก็ตรงมาที่นี่ จะมีเวลาใดทำอย่างที่เจ้าว่า น้องเฟย เจ้าฟังพี่หน่อยเถิด หวังลี่ถิงมีเจตนาไม่ดีต้องการยุแยงให้พวกเราแตกคอกัน พี่ย่อมรู้ตัวอยู่ก่อนไม่ปล่อยให้นางได้ทำสำเร็จตามแผนแน่” “แล้วในห้องนั่น เข้าไปทำสิ่งใดกัน” “นางแสร้งว่ามีของสำคัญจึงให้พี่ช่วยค้นหา พี่ทำทีเป็นช่วยหาของแต่สังเกตท่าทางของนางโดยตลอด จู่ๆนางก็แสร้งทำถ้วยน้ำชาหกใส่ชุดเสื้อผ้าแล้วขอตัวไปเปลี่ยนที่หลังฉากเพื่อยั่วยวน แต่นางหรือจะงดงามเท่าน้องเฟย พี่ไม่มีวันหลงกลตื้นๆพวกนี้ จึงฉวยโอกาสค้นข้าวของในห้องของนางจนทั่ว” 
ตอนที่ยี่สิบเจ็ด ทำสิ่งใดกันในขณะที่ไป๋ชุนกังยังได้รับการไหว้วานจากเสนาบดีหวังให้เข้าไปตรวจรักษาบุตรสาวเกือบทุกวัน อีกทั้งจางชงเมิ่งซึ่งยังต้องแวะเวียนไปสืบหาความคืบหน้าที่จวนสกุลหวังนั่นทำให้หวังลี่ถิงมีโอกาสได้ใกล้ชิดและใช้ความอ่อนหวานน่ารักยั่วยวนชายหนุ่มทั้งสามอย่างเต็มที่โดยไม่มีผู้ใดขัดขวางข่าวคราวที่องครักษ์เงาและสายสืบส่งมาถึงจ้าวฮองเฮาสร้างความขุ่นเคืองจนหญิงสาวไม่เป็นอันทำงานทำการด้วยช่วงนี้มีงานมากฮองเฮาสาวจึงไม่ใคร่ได้แวะเวียนไปยังตำหนักของอนุจาง อีกทั้งยังไม่ได้เรียกตัวไป๋ชุนกังหรือหวงฮุ่ยจือมาเข้าเฝ้า พวกเขาทั้งสามจึงได้โอกาสหลบลี้หนีหน้าไม่ต้องเผชิญกับกลิ่นเหม็นเปรี้ยวของน้ำส้มอันคละคลุ้ง“วันนี้อนุจางแวะไปที่จวนสกุลหวังพ่ะย่ะค่ะ”“พบผู้ใด คนพ่อหรือคนลูก”“เสนาบดีหวังยังไม่กลับพ่ะย่ะค่ะ เขาแวะพูดคุยกับเสนาบดีกลาโหมที่ร้านอาหารกลางทาง”“เช่นนั้นก็พบหวังลี่ถิงสินะ”“ใช่พ่ะย่ะค่ะ”
เสียงสั่งการด้วยความโมโหก่อนจ้าวเฟยเฟิ่งจะสะบัดหน้าเดินออกไปยังตำหนักของจางชงเมิ่งเพื่อตอกหน้าผู้คนจนขบวนนางกำนัลและขันทีเดินตามแทบไม่ทันจางชงเมิ่งซึ่งเพิ่งกลับเข้ามาในตำหนักของตนเองโดยยังไม่ได้รับรู้ว่ามีเรื่องใดถูกจ้าวฮองเฮาพุ่งเข้ากระชากตัวมาจุมพิตดุเดือดต่อหน้าผู้คนบริเวณหน้าตำหนักคล้ายต้องการแสดงให้ได้โจษจันเมื่อจุมพิตจนพอใจ จ้าวฮองเฮาก็ลากมืออนุชายคนโปรดเข้าไปในห้องนอนโดยไม่ใส่ใจเรื่องอื่นมือบางกระชากชุดเสื้อของชายหนุ่มออกโดยไม่ปรานีก่อนจะถอดชุดเสื้อหนาหนักของตนเองออกอย่างรวดเร็ว สองร่างเข้าพัวพันนัวเนียกันอย่างเร่าร้อน ทั้งมือและปากต่างคลึงเคล้นเลียไล้กันด้วยความร้อนแรงจางชงเมิ่งแม้ไม่เข้าใจแต่เมื่อหญิงสาวจู่โจมมาถึงเพียงนั้น เขาย่อมคล้อยตามและตอบสนองอย่างเต็มที่ จ้าวเฟยเฟิ่งผลักร่างหนาให้นอนลงแล้วขึ้นนั่งตรงกลางหว่างขาด้วยตนเองแท่งทวนแกร่งถูกดึงขึ้นๆลงๆเพื่อสำรวจความแข็งแรง ก่อนที่ร่างบางจะจับท่อนลำไปจดจ่อกับปากร่องดอกไม้ฉ่ำแล้วหย่อนตัวเองลงมาอย่างเหมาะเจาะหญิงสาวโยกขยับควบคุมการเข้าออกอย่างฮึกเหิม ขณะมือหนาทำได้เ
ตอนที่ยี่สิบหก บังอาจเสนอหน้า “น้องเฟยคิดผิดแล้ว ยิ่งพวกเขาได้เป็นอนุ ยิ่งน่าดึงเป็นพวกที่สุด จะมีผู้ใดได้ใกล้ชิดกับเจ้าได้เท่าพวกเขาอีก”“แต่ข้าไม่เคยคิดจะไปนอนกับพวกเขา”“ผู้ใดจะล่วงรู้เรื่องในตำหนักหลังของฮองเฮาเล่า”“เช่นนั้นข้าควรทำอย่างไร”“เจ้ารับพวกเขาเข้ามาแล้ว คงคืนคำมิได้ เอาเป็นว่าใช้งานพวกเขาให้เต็มที่ เมื่อไม่เห็นประโยชน์ก็ปลดเสีย คนใดมีความดีก็ตั้งตำแหน่งให้ออกไปมีหน้ามีตา คนใดทรยศหรือไม่น่าวางใจก็ปลดทิ้งและลงโทษไปตามสมควร" จางชงเมิ่งออกความเห็น“เหล่าขุนนางจะไม่กล่าวหาว่าข้าเป็นหญิงใจร้ายใช่หรือไม่”“พวกเขาคงครหานินทาอยู่บ้าง แต่จะใส่ใจไยเล่า ไม่ว่าเจ้าจะทำสิ่งใดล้วนไม่พ้นคำนินทาทั้งสิ้น แม้แต่เรื่องที่พวกเรากำลังทำกันอยู่”“เรื่องใดหรือ”“เรื่องที่เจ้าร่วมรักอยู่แต่กับพี่อย่างไรเล่า อีกไม่กี่วันก็คงมีคำครหาออกมาแน่”“เช่นนั้นควรแก้ไขอย่างไรดี”