ตอนที่สาม
งานราชกิจ
จ้าวเฟยเฟิ่งลุกขึ้นมาปฏิบัติราชกิจดั่งเช่นที่พระบิดาอดีตฮ่องเต้เคยกระทำ ยามเช้านางนั่งบนบัลลังก์ข้างเพื่อตัดสินเรื่องทูลเกล้านำเสนอและการโต้แย้งของเหล่าขุนนางใหญ่น้อย ยามบ่ายนางนั่งตรวจพิจารณาฎีกาและลงนามส่งให้พวกเขานำไปปฏิบัติต่อ
องค์หญิงน้อยใช้สติปัญญาตัดสินใจและสั่งการอย่างชาญฉลาดจนขุนนางอาวุโสทั้งหลายอับจนคำพูดและจำต้องทำตามคำสั่งแม้ในใจจะไม่นับถือเชื่อฟัง
ฟากฟ้าซึ่งเคยอ่านเรื่องนี้มาแล้วจึงพอจำได้ว่าขุนนางแต่ละฝ่ายมีใครบ้าง และเธอยังเคยช่วยเขียนบทในกองถ่ายมาแล้วหลายเรื่อง หญิงสาวนำความรู้ที่หยิบมาจากละครประกอบกับการแสร้งให้ขุนนางขัดแย้งกัน สุดท้ายพวกเขาก็ขัดขากันไปแก่งแย่งกันมาจนเข้าทางเธอในที่สุด
เมื่อเสร็จจากการประชุมเช้าอันน่าเวียนหัว จ้าวเฟยเฟิ่งตัดสินใจเรียกตัวผู้ที่ปฏิบัติงานอย่างแท้จริงเข้ามาสอบถามรายละเอียดเพื่อตัดสินใจได้อย่างถูกต้องโดยไม่ฟังแต่คำเอ่ยอ้างวุ่นวายของขุนนางเฒ่า
“ถวายบังคมองค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ” ขุนนางหนุ่มที่ถูกเรียกตัวเข้ามาต่างประสานเสียงทำความเคารพ ด้วยตำแหน่งของพวกเขาส่วนใหญ่ไม่ได้เข้าประชุมในท้องพระโรงหรืออย่างมากอาจได้ยืนในตำแหน่งท้ายๆเท่านั้น เมื่อองค์หญิงเรียกพบเป็นการส่วนพระองค์จึงรู้สึกแปลกใจไม่น้อย
“ตามสบาย ไม่ต้องมากพิธี เราเรียกพวกเจ้ามาสอบถามให้เข้าใจขอพวกเจ้าตอบตามจริงอย่าได้ปกปิด จะได้แก้ไขปัญหาและช่วยราษฎรได้อย่างทันท่วงที” จ้าวเฟยเฟิ่งเอ่ยอย่างเป็นการเป็นงาน
“ท่านผู้ช่วยอัครเสนาบดี เรื่องภัยแล้งที่เมืองตงหัวจัดการอย่างไรบ้างแล้ว” จ้าวเฟยเฟิ่งหันไปถาม’จางชงเมิ่ง’ บุตรชายของอัครเสนาบดีจาง เดิมที่บิดาของเขาทั้งผลักทั้งดันให้เขาเข้ารับตำแหน่งใหญ่โต แต่ด้วยอายุยังน้อยและมีคำครหานินทาหนาหู เขาจึงขอเป็นเพียงผู้ช่วยบิดาเท่านั้น ซึ่งตำแหน่งนี้กลับไม่ได้มีเบี้ยหวัดหรือยศศักดิ์อย่างเป็นทางการ
“ภัยแล้งครั้งนี้หนักหนานัก ด้วยกินเวลายาวนานจนผู้คนอดตายและทุกข์ยาก กระหม่อมขอเสนอให้เร่งส่งเสบียงไปเพิ่มเติมอีกมากหน่อย และส่งกำลังพลไปขุดหาตาน้ำหรือแหล่งน้ำอีกพ่ะย่ะค่ะ” จางชงเมิ่งไม่ปกปิดความจริงเช่นบิดา เขาทูลบอกและเสนอทางแก้ไขในคราวเดียว
จ้าวเฟยเฟิ่งมองจ้องชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา ผิวขาวสะอาด ท่วงท่าสง่าผ่าเผย ด้วยสายตาชื่นชม
อืม...นับว่าพอใช้ได้ เมื่อเช้าตาเฒ่าอัครเสนาบดียังบอกว่าปัญหานี้ได้จัดการแก้ไขไปแล้ว ไม่มีเรื่องต้องหนักใจ เชอะ หมกเม็ดชัดๆ
“เจ้าคิดว่าเสบียงเท่าใดจึงจะเพียงพอ”
“คงต้องใช้ถึงสามสิบคันเกวียนพ่ะย่ะค่ะ”
“เมืองตงหัวอยู่ไกลมาก เอาเช่นนี้ ให้คนจัดส่งจากเมืองหลวงไปสิบคันเกวียน ส่วนที่เหลือให้เบิกเงินจากท้องพระคลังไปจัดซื้อหาจากเมืองใกล้เคียงแล้วรีบจัดส่งเข้าไปก่อน คงพอบรรเทาได้เร็วกว่า”
“ส่วนเรื่องน้ำ หากยังขุดหาไม่เจอก็ให้ชาวบ้านลองปลูกพืชทนแล้งแทน อีกทั้งให้พวกเขาเปลี่ยนอาชีพมาเลี้ยงสัตว์ซึ่งขาดน้ำได้นาน ทั้งพืชและสัตว์เลี้ยงให้เร่งจัดส่งไปให้ในส่วนแรก อีกไม่นานพวกเขาจะได้มีอาหารและรายได้ ดีกว่าต้องรอน้ำเพียงอย่างเดียว”
“อ้อ กำลังพลที่ส่งไปบอกให้พวกเขาลองหาวิธีผันน้ำจากแหล่งน้ำข้างเคียงเข้ามาด้วย ข้าได้ร่างแผนภาพให้ลองทำดูแล้ว”
องค์หญิงจ้าวเฟยเฟิ่งบอกวิธีแก้ปัญหาตามลำดับ อีกทั้งยังส่งแผนภาพอย่างละเอียดให้จนชายหนุ่มทั้งสี่ที่ยืนอยู่ต้องเงยหน้าขึ้นมองด้วยความแปลกใจ
นี่ใช่องค์หญิงน้อยผู้ไม่รู้ความอย่างที่บิดาของพวกเขาพยายามบอกเล่าจริงหรือ
นางทั้งเฉลียวฉลาด ทั้งรู้จักคิด มีความรู้มาก และยังเป็นห่วงเป็นใยราษฎร
วิธีการที่นางสั่งมาทั้งแก้ปัญหาได้ดีทั้งระยะสั้น ระยะยาว อีกทั้งยังเป็นขั้นเป็นตอน นี่ช่างไม่น่าเชื่อว่าจะออกมาจากสมองของเด็กสาวอายุเพียง15ขวบปี
“รับด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะ” จางชงเมิ่งรีบตอบรับด้วยกิริยาที่เคารพนบนอบมากกว่าเดิม
เชอะ วิธีแก้ปัญหาพวกนี้ในละครที่เธอเคยทำมามีมากกว่านี้อีกเยอะ เรื่องภัยแล้งนี่ถือว่าเด็กๆ
ฟากฟ้าในร่างจ้าวเฟยเฟิ่งคิดอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง และไม่วายกำชับ
“ตรวจสอบให้ดีอย่าให้มีขุนนางโกงกินจนสร้างความเดือดร้อนให้ราษฎรได้ หาไม่ข้าจะลงโทษให้หนักทีเดียว”
เรื่องโกงกินมีทุกยุคทุกสมัย นางต้องกำราบเอาไว้ก่อน
หมดเรื่องภัยแล้ง จ้าวเฟยเฟิ่งจึงหันมาถาม’ไป๋ชุนกัง’ บุตรชายหัวหน้าหมอหลวงซึ่งขณะนี้รับผิดชอบดูแลกรมรักษา
ตอนที่สาม งานราชกิจหมดเรื่องภัยแล้ง จ้าวเฟยเฟิ่งจึงหันมาถาม’ไป๋ชุนกัง’ บุตรชายหัวหน้าหมอหลวงซึ่งขณะนี้รับผิดชอบดูแลกรมรักษา“ข้าได้ข่าวว่าอำเภอเมิ่งมีโรคแปลกประหลาดจนผู้คนล้มหายและเจ็บป่วยเกือบทั้งอำเภอ เรื่องนี้คืออย่างไรเล่ามาให้ละเอียด” “ข้าได้ตรวจสอบแล้วผู้คนที่นั่นมีอาการประหลาดมาก แรกเริ่มเพียงมีไข้ปวดหัวตัวร้อนธรรมดา ไม่นานก็ไอจากนั้นจะไอมาก สุดท้ายจะล้มหมอนนอนเสื่อและกินไม่ได้นอนไม่หลับจนขาดใจตายพ่ะย่ะค่ะ” “ส่วนใหญ่ผู้ที่ตายมักมีอายุมาก ส่วนเด็กหรือคนหนุ่มสาวยังพอกินยาหายได้บ้าง หมอที่ส่งไปพยายามจัดยาให้หลายขนานแล้ว ทั้งฝังเข็มและเผายา บางรายก็ดีขึ้นแต่บางรายยังคงช่วยไม่ทันพ่ะย่ะค่ะ” ไป๋ชุนกังรายงานอย่
แนะนำตัวละครจ้าวเฟยเฟิ่ง ฮองเฮาสกุลจ้าว อดีตองค์หญิงน้อยธิดาคนเดียวที่หลงเหลืออยู่ของอดีตฮ่องเต้หวงฮุ่ยจือ ฮ่องเต้ซึ่งแต่งเข้าสกุลจ้าวเพื่อครองบัลลังก์หวังลี่ถิง หวังกุ้ยเฟย บุตรสาวเสนาบดีปกครองจางชงเมิ่ง บุตรชายของอัครเสนาบดีจาง ทำงานเป็นผู้ช่วยของบิดาข่งซีห่าว รั้งตำแหน่งรองแม่ทัพ และเป็นบุตรชายแม่ทัพใหญ่ไป๋ชุนกัง บุตรชายหัวหน้าหมอหลวง ดูแลกรมรักษาหลี่จิ่นติ้ง บุตรชายเสนาบดีกลาโหม ดูแลกรมอาวุธฉีเซี่ยหลิว บุตรชายเสนาบดีกรมคลัง ดูแลกรมอากรหนิงอัน หนิงอ้าย หนิงเหอ นางกำนัลคนสนิทของจ้าวเฟยเฟิ่งเชลยรักของฮองเฮาตัวร้ายโดยวันว่างว่างของหญิงใหญ่องค์หญิงน้อยซึ่งจำต้องก้าวขึ้นเป็นฮองเฮา นางจะหลอกล่อชายหนุ่มให้เป็นเชลยรักและส่งเสริมนางได้อย่างไร นางอยากเป็นฮองเฮาแสนดีมิใช่ฮองเฮาตัวร้ายสักหน่อยฟากฟ้า ผู้ช่วยผู้จัดการกองถ่ายตื่นขึ้นมาในร่างขององค์หญิงน้อยทายาทเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่และจำต้องก้าวขึ้นเป็นฮองเฮาแต่นางจะเป็นฮองเฮาเพียงเพื่อแต่งสวามีขึ้นเป็นฮ่องเต้และคอยปกครองวังหลังไล่ตบตีกับเหล่าสนมหรือจะขึ้นนั่งบัลลังค์ปกครองบ้านเมืองเสียเองนางไม่ยอมเดินตามที่ผู้อื่นกดดันแน่ เธอจ
บทนำ“ฮ่า ฮ่า ฮ่า เป็นอย่างไรเล่า จ้าวฮองเฮาผู้สูงส่ง ไยไม่วางท่าเชิดหน้าแล้วแสดงอำนาจบาตรใหญ่อีกเล่า”เสียงหัวเราะดังแสบแก้วหูจนจ้าวฮองเฮาต้องถลึงตาด้วยความโกรธกริ้วขณะโทสะพุ่งสูงจนต้องกระอักโลหิตพิษออกมาจนเลอะเต็มหน้าและพื้นห้องหญิงสาวสูงศักดิ์มองไปทางเตียงซึ่งมีร่างของฮ่องเต้ผู้เป็นสวามีนอนหายใจรวยรินเต็มทนคล้ายใกล้จะจากไปแล้วนางพลาดเอง นางไม่ควรมัวแต่เย่อหยิ่งจนไม่ใส่ใจรายละเอียดอื่นใดจนเปิดโอกาสให้หวังกุ้ยเฟย สตรีร้ายกาจตรงหน้าฉวยจังหวะวางยาพิษฮ่องเต้ทีละนิดจนบัดนี้ไม่อาจช่วยเหลือได้แล้ว กว่านางจะรู้ตัวและจับได้ ก็กลายเป็นเหยื่อให้พวกเขาได้โอกาสโยนความผิดและจับนางกรอกยาพิษจนต้องนอนเจ็บปวดอยู่เช่นนี้“ไม่ต้องกังวลเรื่องบัลลังก์ทองล่ะ ข้าจะหาชายหนุ่มที่ว่าง่ายสมรสด้วยและแต่งตั้งเขาเป็นฮ่องเต้แสนเชื่อฟังเอง ส่วนข้าก็จะนั่งเป็นฮองเฮาแทนเจ้าอย่างสมเกียรติ จงตายไปอย่างสงบเถอะ จ้าวเฟยเฟิ่ง” หวังกุ้ยเฟยตะโกนก้องอย่างผู้ชนะ ขณะปรายตามองร่างใกล้ตายที่กระเสือกกระสนอย่างสังเวช“ส่วนโอรสบุญธรรมทั้งสามของเจ้า ข้าย่อมดูแลอย่างดี พวกเขาทั้งหล่อเหลาทั้งแข็งแรง ต้องเติบโตขึ้นมาเป็นชายหนุ่มที่ดี
ตอนที่หนึ่งไม่ได้ดั่งใจ“องค์หญิงฟื้นแล้ว รู้สึกอย่างไรบ้างเพคะ หนิงอ้าย เจ้ารีบไปตามหมอหลวงมาเร็วเข้า” เสียงหญิงสาวเอ่ยอย่างนุ่มนวลอยู่ด้านข้างทำให้ฟากฟ้าต้องลืมตาขึ้นมามองดู“องค์หญิงยังมึนงงหรือไม่เพคะ” เสียงหญิงสาวคนเดิมเอ่ยถามอย่างเอาใจใส่องค์หญิงหรือ? องค์หญิงอะไรกัน หรือว่าเธออยู่ในกองถ่าย แต่วันนี้ไม่มีนัดถ่ายงานเรื่องไหนนี่นา ฟากฟ้าคิดอย่างมึนงงด้วยตัวเธอเองทำงานเป็นผู้ช่วยผู้จัดการกองถ่ายทำละคร จึงมักใช้ชีวิตอยู่กับการถ่ายทำจนอาจจะเผลอหลงลืมไป“องค์หญิงเสวยน้ำชาก่อนเพคะ หนิงอ้ายออกไปตามหมอหลวงแล้ว”หนิงอ้าย? นั่นมันชื่อนางกำนัลในนิยาย”เชลยรักฮองเฮา”ที่เพิ่งอ่านไปนี่ฟากฟ้าเริ่มก้มหน้ามองสำรวจตัวเองที่นอนอยู่บนเตียงเฮ้ย! ทำไมเธอใส่ชุดหรูหราอย่างกับในซีรีส์จีน แล้วเตียงนี่ ห้องนี่ ก็ดูอลังการอย่างกับอยู่ในวังยัยผู้หญิงหน้าขาวที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้านี่ก็เหมือนกัน ใส่ชุดอย่างกับนางกำนัลที่เคยเห็นในละคร หรือว่า เธอกำลังฝันว่าอยู่ในนิยายเรื่องที่เพิ่งอ่านไป ฟากฟ้ามองหน้าหญิงที่คุกเข่าอยู่แล้วลองเรียกชื่อเพื่อให้แน่ใจ“หนิงอัน”“เพคะ องค์หญิงอยากได้สิ่งใดเพิ่มหรือเพคะ”ใช่แล้ว
องค์หญิงน้อยนางนี้ใช้เวลาเลือกเฟ้นอยู่ไม่กี่วัน ด้วยโดยกดดันอย่างหนัก สุดท้ายจึงเลือกบุตรชายของราชครูซึ่งเคยเห็นหน้าคาตามาบ้าง เหตุผลหนึ่งเพราะเขาไม่มีฐานอำนาจยิ่งใหญ่จนน่ากลัว และอีกเหตุผลหนึ่งก็คือเขามีหน้าตาหล่อเหลาอีกทั้งท่าทางหัวอ่อน ว่าง่าย จึงน่าจะไม่เป็นปัญหากับนางมากนักนางคงไม่คิดว่าชายหนุ่มหวงฮุ่ยจือผู้ดูเหมือนอยู่ในโอวาทใช้เวลาเพียงไม่กี่ปีถึงกับแต่งสนมเข้ามาจนเต็มวังหลัง องค์หญิงผู้กลายเป็นฮองเฮาจึงต้องเสียเวลาอยู่กับการสู้รบตบมือกับหญิงสาวมากเล่ห์เหล่านี้จนไม่ได้ใส่ใจราชกิจที่ควรต้องทำ เรื่องควรจะดีหากฮ่องเต้หวงฮุ่ยจือมีความสามารถ แต่เขากลับอ่อนแอจนกลายเป็นเครื่องมือของคนอื่น สุดท้ายขุนนางอีกฝ่ายจึงสนับสนุนหวังกุ้ยเฟยให้วางยาสังหารฮ่องเต้และโยนความผิดให้นางเพื่อโค่นล้มช่วงชิงบัลลังก์ แต่นั่นเป็นเนื้อเรื่องที่ยัยนักเขียนทำให้เธอโมโหปรี๊ดแตกจนเก็บมาฝัน เพราะฉะนั้น ในเมื่อมันเป็นฝันของเธอ เรื่องต้องไม่เป็นแบบนั้น เรื่องจะต้องเป็นไปอย่างที่เธอต้องการ ‘เชลยรักฮองเฮา’ อย่างนั้นหรือ
ตอนที่สอง ช่างน่ารำคาญเสียงขุนนางใหญ่น้อยถกเถียงกันวุ่นวายราวอยู่ในตลาดมิใช่ท้องพระโรง ส่งให้จ้าวเฟยเฟิ่งปวดเศียรเวียนเกล้ายิ่งนักฟากฟ้าในร่างองค์หญิงน้อยเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมองค์หญิงจึงต้องรีบตัดสินใจ เพราะขืนชักช้าตาแก่พวกนี้คงเอาแต่พูดมากทั้งวันจนน่ารำคาญ“เสนาบดีกรมพิธีการเองก็มีบุตรชายวัยกำลังพอดี จึงต้องรีบขัดขวางท่านอย่างไรเล่า ท่านราชครู” “เจ้าเองก็มีบุตรชายวัยกำลังเหมาะเช่นกัน เสียแต่ความประพฤติฉาวโฉ่ที่ร่ำลือกันคงไม่อาจเสนอชื่อได้กระมัง” “อ้าวๆๆๆ ไยเอ่ยเช่นนั้นเล่าท่านเสนาบดีกลาโหม บุตรชายข้าฉาวโฉ่อันใด เขาทั้งขยันขันแข็ง เก่งกล้าสามารถ ท่านไม่รู้เรื่องจริงอย่าได้เอาแต่ฟังเสียงเล่าลืออันไม่มีมูล” “บุตรชายของท่านเองก็ได้ข่าวว่าเก่งกาจไม่น้อยนี่ ท่านเสนาบดีกลาโหม” “ไม่อาจสู้บุตรชายของท่านอัครเสนาบดีแน่ขอรับ” เสียงโต้เถียงจากเดิมกลายเป็นเสียงยกยอบุตรชายตนเองและทับถมบุตรชายผู้อื่นจนจ้าวเฟยเฟิ่งเบื่อหน่ายเต็มทน หากเป็นองค์หญิงผู้เพิ่งผ่านพ้นวัยเด็กน้อยคงได้แต่ตื่นกลัวและไม่กล้าเอ่ยคำใด ปล่อยให้พวกเ
ตอนที่สาม งานราชกิจหมดเรื่องภัยแล้ง จ้าวเฟยเฟิ่งจึงหันมาถาม’ไป๋ชุนกัง’ บุตรชายหัวหน้าหมอหลวงซึ่งขณะนี้รับผิดชอบดูแลกรมรักษา“ข้าได้ข่าวว่าอำเภอเมิ่งมีโรคแปลกประหลาดจนผู้คนล้มหายและเจ็บป่วยเกือบทั้งอำเภอ เรื่องนี้คืออย่างไรเล่ามาให้ละเอียด” “ข้าได้ตรวจสอบแล้วผู้คนที่นั่นมีอาการประหลาดมาก แรกเริ่มเพียงมีไข้ปวดหัวตัวร้อนธรรมดา ไม่นานก็ไอจากนั้นจะไอมาก สุดท้ายจะล้มหมอนนอนเสื่อและกินไม่ได้นอนไม่หลับจนขาดใจตายพ่ะย่ะค่ะ” “ส่วนใหญ่ผู้ที่ตายมักมีอายุมาก ส่วนเด็กหรือคนหนุ่มสาวยังพอกินยาหายได้บ้าง หมอที่ส่งไปพยายามจัดยาให้หลายขนานแล้ว ทั้งฝังเข็มและเผายา บางรายก็ดีขึ้นแต่บางรายยังคงช่วยไม่ทันพ่ะย่ะค่ะ” ไป๋ชุนกังรายงานอย่
ตอนที่สามงานราชกิจ จ้าวเฟยเฟิ่งลุกขึ้นมาปฏิบัติราชกิจดั่งเช่นที่พระบิดาอดีตฮ่องเต้เคยกระทำ ยามเช้านางนั่งบนบัลลังก์ข้างเพื่อตัดสินเรื่องทูลเกล้านำเสนอและการโต้แย้งของเหล่าขุนนางใหญ่น้อย ยามบ่ายนางนั่งตรวจพิจารณาฎีกาและลงนามส่งให้พวกเขานำไปปฏิบัติต่อ องค์หญิงน้อยใช้สติปัญญาตัดสินใจและสั่งการอย่างชาญฉลาดจนขุนนางอาวุโสทั้งหลายอับจนคำพูดและจำต้องทำตามคำสั่งแม้ในใจจะไม่นับถือเชื่อฟัง ฟากฟ้าซึ่งเคยอ่านเรื่องนี้มาแล้วจึงพอจำได้ว่าขุนนางแต่ละฝ่ายมีใครบ้าง และเธอยังเคยช่วยเขียนบทในกองถ่ายมาแล้วหลายเรื่อง หญิงสาวนำความรู้ที่หยิบมาจากละครประกอบกับการแสร้งให้ขุนนางขัดแย้งกัน สุดท้ายพวกเขาก็ขัดขากันไปแก่งแย่งกันมาจนเข้าทางเธอในที่สุด เมื่อเสร็จจากการประชุมเช้าอันน่าเวียนหัว จ้าวเฟยเฟิ่งตัดสินใจเรียกตัวผู้ที่ปฏิบัติงานอย่างแท้จริงเข้ามาสอบถามรายละเอียดเพื่อตัดสินใจได้อย่างถูกต้องโดยไม่ฟังแต่คำเอ่ยอ้างวุ่นวายของขุนนางเฒ่า “ถวายบังคมองค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ” ขุนนางหนุ่มที่ถูกเรียกตัวเข้ามาต่างประสานเสียงทำความเคารพ ด้วยตำแหน่งของพว
ตอนที่สอง ช่างน่ารำคาญเสียงขุนนางใหญ่น้อยถกเถียงกันวุ่นวายราวอยู่ในตลาดมิใช่ท้องพระโรง ส่งให้จ้าวเฟยเฟิ่งปวดเศียรเวียนเกล้ายิ่งนักฟากฟ้าในร่างองค์หญิงน้อยเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมองค์หญิงจึงต้องรีบตัดสินใจ เพราะขืนชักช้าตาแก่พวกนี้คงเอาแต่พูดมากทั้งวันจนน่ารำคาญ“เสนาบดีกรมพิธีการเองก็มีบุตรชายวัยกำลังพอดี จึงต้องรีบขัดขวางท่านอย่างไรเล่า ท่านราชครู” “เจ้าเองก็มีบุตรชายวัยกำลังเหมาะเช่นกัน เสียแต่ความประพฤติฉาวโฉ่ที่ร่ำลือกันคงไม่อาจเสนอชื่อได้กระมัง” “อ้าวๆๆๆ ไยเอ่ยเช่นนั้นเล่าท่านเสนาบดีกลาโหม บุตรชายข้าฉาวโฉ่อันใด เขาทั้งขยันขันแข็ง เก่งกล้าสามารถ ท่านไม่รู้เรื่องจริงอย่าได้เอาแต่ฟังเสียงเล่าลืออันไม่มีมูล” “บุตรชายของท่านเองก็ได้ข่าวว่าเก่งกาจไม่น้อยนี่ ท่านเสนาบดีกลาโหม” “ไม่อาจสู้บุตรชายของท่านอัครเสนาบดีแน่ขอรับ” เสียงโต้เถียงจากเดิมกลายเป็นเสียงยกยอบุตรชายตนเองและทับถมบุตรชายผู้อื่นจนจ้าวเฟยเฟิ่งเบื่อหน่ายเต็มทน หากเป็นองค์หญิงผู้เพิ่งผ่านพ้นวัยเด็กน้อยคงได้แต่ตื่นกลัวและไม่กล้าเอ่ยคำใด ปล่อยให้พวกเ
องค์หญิงน้อยนางนี้ใช้เวลาเลือกเฟ้นอยู่ไม่กี่วัน ด้วยโดยกดดันอย่างหนัก สุดท้ายจึงเลือกบุตรชายของราชครูซึ่งเคยเห็นหน้าคาตามาบ้าง เหตุผลหนึ่งเพราะเขาไม่มีฐานอำนาจยิ่งใหญ่จนน่ากลัว และอีกเหตุผลหนึ่งก็คือเขามีหน้าตาหล่อเหลาอีกทั้งท่าทางหัวอ่อน ว่าง่าย จึงน่าจะไม่เป็นปัญหากับนางมากนักนางคงไม่คิดว่าชายหนุ่มหวงฮุ่ยจือผู้ดูเหมือนอยู่ในโอวาทใช้เวลาเพียงไม่กี่ปีถึงกับแต่งสนมเข้ามาจนเต็มวังหลัง องค์หญิงผู้กลายเป็นฮองเฮาจึงต้องเสียเวลาอยู่กับการสู้รบตบมือกับหญิงสาวมากเล่ห์เหล่านี้จนไม่ได้ใส่ใจราชกิจที่ควรต้องทำ เรื่องควรจะดีหากฮ่องเต้หวงฮุ่ยจือมีความสามารถ แต่เขากลับอ่อนแอจนกลายเป็นเครื่องมือของคนอื่น สุดท้ายขุนนางอีกฝ่ายจึงสนับสนุนหวังกุ้ยเฟยให้วางยาสังหารฮ่องเต้และโยนความผิดให้นางเพื่อโค่นล้มช่วงชิงบัลลังก์ แต่นั่นเป็นเนื้อเรื่องที่ยัยนักเขียนทำให้เธอโมโหปรี๊ดแตกจนเก็บมาฝัน เพราะฉะนั้น ในเมื่อมันเป็นฝันของเธอ เรื่องต้องไม่เป็นแบบนั้น เรื่องจะต้องเป็นไปอย่างที่เธอต้องการ ‘เชลยรักฮองเฮา’ อย่างนั้นหรือ
ตอนที่หนึ่งไม่ได้ดั่งใจ“องค์หญิงฟื้นแล้ว รู้สึกอย่างไรบ้างเพคะ หนิงอ้าย เจ้ารีบไปตามหมอหลวงมาเร็วเข้า” เสียงหญิงสาวเอ่ยอย่างนุ่มนวลอยู่ด้านข้างทำให้ฟากฟ้าต้องลืมตาขึ้นมามองดู“องค์หญิงยังมึนงงหรือไม่เพคะ” เสียงหญิงสาวคนเดิมเอ่ยถามอย่างเอาใจใส่องค์หญิงหรือ? องค์หญิงอะไรกัน หรือว่าเธออยู่ในกองถ่าย แต่วันนี้ไม่มีนัดถ่ายงานเรื่องไหนนี่นา ฟากฟ้าคิดอย่างมึนงงด้วยตัวเธอเองทำงานเป็นผู้ช่วยผู้จัดการกองถ่ายทำละคร จึงมักใช้ชีวิตอยู่กับการถ่ายทำจนอาจจะเผลอหลงลืมไป“องค์หญิงเสวยน้ำชาก่อนเพคะ หนิงอ้ายออกไปตามหมอหลวงแล้ว”หนิงอ้าย? นั่นมันชื่อนางกำนัลในนิยาย”เชลยรักฮองเฮา”ที่เพิ่งอ่านไปนี่ฟากฟ้าเริ่มก้มหน้ามองสำรวจตัวเองที่นอนอยู่บนเตียงเฮ้ย! ทำไมเธอใส่ชุดหรูหราอย่างกับในซีรีส์จีน แล้วเตียงนี่ ห้องนี่ ก็ดูอลังการอย่างกับอยู่ในวังยัยผู้หญิงหน้าขาวที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้านี่ก็เหมือนกัน ใส่ชุดอย่างกับนางกำนัลที่เคยเห็นในละคร หรือว่า เธอกำลังฝันว่าอยู่ในนิยายเรื่องที่เพิ่งอ่านไป ฟากฟ้ามองหน้าหญิงที่คุกเข่าอยู่แล้วลองเรียกชื่อเพื่อให้แน่ใจ“หนิงอัน”“เพคะ องค์หญิงอยากได้สิ่งใดเพิ่มหรือเพคะ”ใช่แล้ว
บทนำ“ฮ่า ฮ่า ฮ่า เป็นอย่างไรเล่า จ้าวฮองเฮาผู้สูงส่ง ไยไม่วางท่าเชิดหน้าแล้วแสดงอำนาจบาตรใหญ่อีกเล่า”เสียงหัวเราะดังแสบแก้วหูจนจ้าวฮองเฮาต้องถลึงตาด้วยความโกรธกริ้วขณะโทสะพุ่งสูงจนต้องกระอักโลหิตพิษออกมาจนเลอะเต็มหน้าและพื้นห้องหญิงสาวสูงศักดิ์มองไปทางเตียงซึ่งมีร่างของฮ่องเต้ผู้เป็นสวามีนอนหายใจรวยรินเต็มทนคล้ายใกล้จะจากไปแล้วนางพลาดเอง นางไม่ควรมัวแต่เย่อหยิ่งจนไม่ใส่ใจรายละเอียดอื่นใดจนเปิดโอกาสให้หวังกุ้ยเฟย สตรีร้ายกาจตรงหน้าฉวยจังหวะวางยาพิษฮ่องเต้ทีละนิดจนบัดนี้ไม่อาจช่วยเหลือได้แล้ว กว่านางจะรู้ตัวและจับได้ ก็กลายเป็นเหยื่อให้พวกเขาได้โอกาสโยนความผิดและจับนางกรอกยาพิษจนต้องนอนเจ็บปวดอยู่เช่นนี้“ไม่ต้องกังวลเรื่องบัลลังก์ทองล่ะ ข้าจะหาชายหนุ่มที่ว่าง่ายสมรสด้วยและแต่งตั้งเขาเป็นฮ่องเต้แสนเชื่อฟังเอง ส่วนข้าก็จะนั่งเป็นฮองเฮาแทนเจ้าอย่างสมเกียรติ จงตายไปอย่างสงบเถอะ จ้าวเฟยเฟิ่ง” หวังกุ้ยเฟยตะโกนก้องอย่างผู้ชนะ ขณะปรายตามองร่างใกล้ตายที่กระเสือกกระสนอย่างสังเวช“ส่วนโอรสบุญธรรมทั้งสามของเจ้า ข้าย่อมดูแลอย่างดี พวกเขาทั้งหล่อเหลาทั้งแข็งแรง ต้องเติบโตขึ้นมาเป็นชายหนุ่มที่ดี
แนะนำตัวละครจ้าวเฟยเฟิ่ง ฮองเฮาสกุลจ้าว อดีตองค์หญิงน้อยธิดาคนเดียวที่หลงเหลืออยู่ของอดีตฮ่องเต้หวงฮุ่ยจือ ฮ่องเต้ซึ่งแต่งเข้าสกุลจ้าวเพื่อครองบัลลังก์หวังลี่ถิง หวังกุ้ยเฟย บุตรสาวเสนาบดีปกครองจางชงเมิ่ง บุตรชายของอัครเสนาบดีจาง ทำงานเป็นผู้ช่วยของบิดาข่งซีห่าว รั้งตำแหน่งรองแม่ทัพ และเป็นบุตรชายแม่ทัพใหญ่ไป๋ชุนกัง บุตรชายหัวหน้าหมอหลวง ดูแลกรมรักษาหลี่จิ่นติ้ง บุตรชายเสนาบดีกลาโหม ดูแลกรมอาวุธฉีเซี่ยหลิว บุตรชายเสนาบดีกรมคลัง ดูแลกรมอากรหนิงอัน หนิงอ้าย หนิงเหอ นางกำนัลคนสนิทของจ้าวเฟยเฟิ่งเชลยรักของฮองเฮาตัวร้ายโดยวันว่างว่างของหญิงใหญ่องค์หญิงน้อยซึ่งจำต้องก้าวขึ้นเป็นฮองเฮา นางจะหลอกล่อชายหนุ่มให้เป็นเชลยรักและส่งเสริมนางได้อย่างไร นางอยากเป็นฮองเฮาแสนดีมิใช่ฮองเฮาตัวร้ายสักหน่อยฟากฟ้า ผู้ช่วยผู้จัดการกองถ่ายตื่นขึ้นมาในร่างขององค์หญิงน้อยทายาทเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่และจำต้องก้าวขึ้นเป็นฮองเฮาแต่นางจะเป็นฮองเฮาเพียงเพื่อแต่งสวามีขึ้นเป็นฮ่องเต้และคอยปกครองวังหลังไล่ตบตีกับเหล่าสนมหรือจะขึ้นนั่งบัลลังค์ปกครองบ้านเมืองเสียเองนางไม่ยอมเดินตามที่ผู้อื่นกดดันแน่ เธอจ