ฟากฟ้าในร่างจ้าวเฟยเฟิ่งหันไปมองชายหนุ่มด้วยสีหน้านิ่งเฉยเพราะยังหมั่นไส้อยู่มากที่เขาไม่ใส่ใจหญิงสาวผู้งดงามเพียบพร้อมอย่างองค์หญิงน้อยนางนี้ กลับมัวแต่ไปเย่อกับสนมตามตำหนักต่างๆทุกคืน
“หวงฮุ่ยจือ ข้าเรียกท่านมาด้วยเพื่อให้จดบันทึกเรื่องที่คุยกันในวันนี้ และส่งให้ท่านราชครู ก่อนการประชุมเช้ารุ่งขึ้น ให้ท่านราชครูเข้ามาพบข้าก่อนเพื่อปรึกษาหารือกันอีกที เข้าใจหรือไม่”
จ้าวเฟยเฟิ่งต้องการใช้ให้เขาเป็นแค่ผู้ส่งสารเท่านั้น ถึงอย่างไรความรู้ความสามารถด้านอักษรของเขาก็ไม่เป็นรองผู้ใด บิดาของเขายังนับเป็นอาจารย์ของนาง ปรึกษาผู้อาวุโสเอาไว้บ้างย่อมปลอดภัยกว่า
เชอะ คิดจะเป็นตัวเลือกของนางเพื่อนั่งตำแหน่งฮ่องเต้หรือ
ฝันไปเถอะ คราวนี้จงเป็นแค่ม้าใช้อยู่ข้างเก้าอี้ก็พอแล้ว
องค์หญิงน้อยคิดอย่างกระหยิ่มใจ
“เอาล่ะ หากหมดเรื่องแล้วก็ออกไปได้ จำไว้ว่าให้ส่งรายงานมาทุกสามวัน หากมีเรื่องเร่งด่วนให้รีบมารายงาน และอย่าให้มีการโกงกินหรือเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นโดยที่ข้าไม่รู้” องค์หญิงน้อยกำชับส่งท้ายแล้วมองส่งชายหนุ่มทั้งสี่ออกไป
แค่นี้ พวกเขาก็คงไปบอกเล่าให้บิดาได้รับฟังแล้ว ว่านางไม่ใช่องค์หญิงน้อยไร้เดียงสาอีกต่อไป
จ้าวเฟยเฟิ่งนางนี้จะปกครองบ้านเมืองด้วยตนเองอย่างดี
ส่วนเหล่าชายหนุ่มน่ะหรือ
รอต่อแถวไปก่อนเถอะ
เอาไว้ว่างเมื่อไหร่ นางจะไปเล่นด้วยให้สาสมใจ
เรื่องที่องค์หญิงจ้าวเฟยเฟิ่งเรียกขุนนางหนุ่มเข้าไปปรึกษาหารือและตัดสินใจเรื่องสำคัญอย่างเด็ดขาดทำให้ขุนนางอาวุโสต่างดิ้นพล่านด้วยไม่อาจยอมรับ
พวกเขาอยากเห็นองค์หญิงน้อยผู้อ่อนแอและสั่งได้ต่างหาก ไม่อยากได้องค์หญิงผู้เก่งกาจ และมีวี่แววจะนั่งปกครองเมืองเองเช่นนี้
“เจ้าบอกว่าองค์หญิงทรงสั่งการเองโดยไม่ปรึกษาผู้ใดเลยหรือ” อัครเสนาบดีจางเอ่ยถามบุตรชายทันทีที่ฟังจบ
“ใช่ขอรับ นางเอ่ยอย่างเป็นขั้นเป็นตอนโดยไม่มีผู้ใดช่วยเหลือ อีกทั้งยังดูเหมือนคิดไปพูดไป ไม่ได้เตรียมการมาก่อน” จางชงเมิ่งเองย่อมรู้สึกแปลกใจ เขาเคยเห็นองค์หญิงมาหลายคราแต่ไม่เคยเห็นนางในลักษณะเช่นนี้มาก่อน
ท่าทางเช่นนี้ของนางช่างชวนให้ค้นหาและปลุกความฮึกเหิมในใจยิ่งนัก
ผู้บิดาได้เอ่ยบอกแล้วว่าจะส่งชื่อเขาให้องค์หญิงได้พิจารณาแต่งเป็นสวามี แม้จะต้องเปลี่ยนแซ่แต่บิดาของเขายังมีบุตรชายอีกหลายคน เรื่องนี้จึงไม่นำมาใส่ใจ ที่สำคัญกว่าคือต้องให้เขาได้นั่งครองบัลลังก์เป็นฮ่องเต้ต่างหาก
เดิมทีเขาปฏิเสธอย่างแน่นหนัก ด้วยไม่อยากเป็นเพียงหุ่นเชิดของบิดา จึงยืนกรานไม่ยอมจนบิดาเปลี่ยนใจจะเสนอชื่อน้องชายคนรองแทนแล้ว
“ท่านพ่อ ท่านยังอยากจะส่งข้าเข้าชิงตำแหน่งสวามีขององค์หญิงหรือไม่” จางชงเมิ่งตัดสินใจถาม
“นั่นย่อมแน่นอน เจ้าทั้งฉลาด มีไหวพริบ เอาตัวรอดเก่ง เป็นตัวเลือกที่ดีกว่าน้องชายมาก เจ้าเปลี่ยนใจแล้วหรือ”
“ใช่ ข้ายินดีเข้าแย่งชิงตำแหน่งนี้”
“แต่องค์หญิงยังคงบ่ายเบี่ยงไม่ยอมพิจารณา พวกเราคงต้องกดดันนางให้มากขึ้นอีก จะปล่อยให้นางมัวแต่เล่นอยู่เช่นนี้ไม่ได้”
ขุนนางอาวุโสพากันนัดพูดคุยในทางลับเพื่อหาทางกดดันองค์หญิงจ้าวเฟยเฟิ่ง แต่หญิงสาวหรือจะยินยอมให้พวกเขาได้ทำสำเร็จสมความตั้งใจ
องค์หญิงน้อยรู้ดีว่าขุนนางต่างเห็นแก่ได้ แม้จะแบ่งฝ่ายชัดเจนแต่หากมีผลประโยชน์ที่มากกว่ามาเสนอ พวกเขาก็พร้อมจะเปลี่ยนข้างได้ราวจิ้งจกเปลี่ยนสี
นางจึงส่งนางกำนัลน้อยไปกระจายข่าวยั่วยุทางโน้นทีทางนี้ที จนปั่นป่วนไปทั่ว อีกทั้งยังให้ขันทีเรียกชายหนุ่มมากหน้าหลายตาเข้ามาที่ห้องส่วนพระองค์ ทางหนึ่งเพื่อถามไถ่งานการ อีกทางเพื่อให้พวกเขาระแวงกันเองจนไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกัน
วันนี้เป็นลำดับของ’หลี่จิ่นติ้ง’ บุตรชายของเสนาบดีกลาโหม ซึ่งรับผิดชอบดูแลกรมอาวุธ และ’ฉีเซี่ยหลิว’ บุตรชายเสนาบดีกรมคลัง ซึ่งรับผิดชอบดูแลกรมอากร
บิดาเหล่านี้ต่างส่งเสริมผลักดันบุตรชายของตนเองจนมีตำแหน่งใหญ่โตในกรมกองที่ตนเองดูแลอยู่ทั้งๆที่อายุยังไม่มาก บางคนมีความสามารถย่อมทำงานได้ดี แต่บางคนอาศัยเพียงเส้นสายของบิดาจึงเพียงนั่งเล่นเช้าชามเย็นชาม อย่างเช่นฉีเซี่ยหลิว คนนี้
“อากรปีนี้น้อยกว่าเดิมมากนัก เพราะเหตุใดหรือ”
“ปีนี้บ้านเมืองเราประสบทั้งภัยแล้ง ทั้งน้ำท่วม อีกทั้งฝนฟ้าไม่ตกต้องตามฤดูกาล และยังเจอโรคระบาด อาจจะเกิดสงครามและชาวบ้านยังเกียจคร้านไม่ยอมทำมาหากินจึงไม่มีเงินทองให้เก็บเข้าคลังหลวงพ่ะย่ะค่ะ”
“ฟังแล้วบ้านเมืองของเราคงใกล้ล่มสลายแล้วสินะ” องค์หญิงน้อยประชดประชัน
ตอนที่ห้าพระสวามีหรือ“หามิได้ ด้วยบารมีขององค์หญิง ถึงอย่างไรย่อมผ่านพ้นไปได้แน่พ่ะย่ะค่ะ”แหนะ ยังจะมาประจบอีก ฟากฟ้าในร่างจ้าวเฟยเฟิ่งมองใบหน้ายิ้มกริ่มท่าทีประจบเอาใจด้วยคิดว่าตนเองหล่อเหลาเอาการและเป็นตัวเลือกลำดับต้นๆของการเป็นพระสวามีอย่างอยากจะจิ้มลูกตาวาววับนั้นให้สาแก่ใจ งานการไม่ทำ วันวันเอาแต่ทำตัวหล่อ กินเหล้า ป้อสาว ผู้ชายแบบนี้จะเอามาทำไมให้รกหูรกตา “หากยังเก็บอากรไม่ได้ เช่นนั้นก็ไม่ต้องมีเจ้ากรมอากร ปลดฉีเซี่ยหลิวออก งานที่ค้างให้รองเจ้ากรมดูแลไปก่อน หลังจากนี้ให้ส่งรายงานตรงมาที่ข้า และเสนอชื่อผู้ที่เหมาะสมมาให้คัดเลือกตั้งเป็นเจ้ากรมคนใหม่ด้วย” คำส
ตอนที่หกเลือกทีละคนอีกคนที่จ้าวเฟยเฟิ่งโยนภาพวาดทิ้งตั้งแต่ยังไม่ทันได้อ่านก็คือ ‘ฉ่งต๋าเห่ย’ บุตรชายของเสนาบดีกรมพิธีการผู้ฉาวโฉ่ เชอะ ก่อเรื่องมากมายขนาดนี้ บิดาของเขายังกล้าส่งชื่อมาเสนออีก น่าจับเข้าคุกเสียให้เข็ดทั้งพ่อทั้งลูก องค์หญิงน้อยกาหัวสองพ่อลูกเอาไว้ในใจแล้ว แน่นอนว่าเสนาบดีฉีซึ่งเพิ่งถูกจ้าวเฟยเฟิ่งประกาศปลดตำแหน่งเจ้ากรมอากรของบุตรชายไม่กล้าส่งชื่อเขาเข้ามาอีกแน่ ฎีกาที่ได้รับมีเพียงการเรียกร้องความเป็นธรรมให้นางทบทวนเรื่องนี้อีกทีเท่านั้น คนที่องค์หญิงน้อยหยิบออกมาจากกองท่วมสูงจึงเหลือเพียงอีกสามคน
ตอนที่เจ็ดปกป้องสาวงามข่งซีห่าวเดินล่องลอยกลับจากการเข้าเฝ้าองค์หญิงจ้าวเฟยเฟิ่งด้วยใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเขาไม่เคยคิดเสนอตัวเป็นหนึ่งในพระสวามีของลูกพี่ลูกน้อง ด้วยคิดเพียงว่าตนเองไม่คู่ควร อีกทั้งยังรู้สึกผิดจากการที่ไม่เคยปกป้องสองแม่ลูกจนอาหญิงต้องสิ้นชีวิตลงแต่เมื่อหญิงซึ่งเปรียบเสมือนน้องสาวถูกรังแก เขาย่อมไม่อยู่นิ่งเฉยยิ่งนางซบหน้าออดอ้อน กลิ่นกายอันหอมกรุ่น ผมสลวยดุจเส้นไหม ผิวกายขาวเนียนละเอียด และใบหน้างดงามซึ่งเงยอ้อนจนมองเห็นชัดเจนกระทั่งขนตางอนยาว และปากแดงอิ่มนางช่างดูอ่อนหวาน น่ารัก จนเขาอยากโอบกอดเอาไว้เพื่อปกป้องให้พ้นภัย นั่นทำให้ใจที่ไม่เคยคิดเกินเลยกลับเต้นแรงด้วยเขาเกิดความคิดช่วงชิงตำแหน่งพระสวามีเสียแล้ว แต่มิใช่เพื่ออำนาจวาสนาในการเป็นฮ่องเต้ผู้อยู่เหนือปวงชนเขาเพียงอยากปกป้องสาวงามและช่วยให้นางได้ทำในสิ่งที่ปรารถนาเท่านั้นเมื่อเจรจากับข่งซีห่าวได้สำเร็จแล้ว จ้าวเฟยเฟิ่งจึงเข้าหาชายคนต่อไปนั่นก็คือ ไป๋ชุนกัง บุตรชายของหัวหน้าหมอหลวง
ตอนที่แปดง่ายไปไหมคราวนี้หลี่จิ่นติ้งไม่อิดออดอีก ก้าวเข้าใกล้ร่างบางอันหอมกรุ่นพลางสูดดมกลิ่นกายหอมหวาน ตามองมือที่ขยับชี้บอกกล่าวราวอยากจับมือบางมากอบกุมเอาไว้อีกครา “หากทำเสร็จแล้ว รีบนำมาให้ข้าดู ข้าอยากเห็นเร็วๆ” “ได้ พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะเร่งจัดการโดยเร็ว” หลี่จิ่นติ้งเป็นอีกคนที่เดินลอยออกจากตำหนักอีกทั้งยังเร่งกลับไปเจรจากับบิดาให้ช่วยหาทางเสนอให้เขาได้เป็นพระสวามีขององค์หญิงน้อยผู้งดงามแสนหอมหวานนางนี้ จ้าวเฟยเฟิ่งนั่งลงถอนหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อย&nbs
ตอนที่เก้ามาได้ไง“น้องเฟยจำเรื่องเมื่อสองปีก่อนไม่ได้หรือ ยามนั้นพี่ตามท่านพ่อเข้ามาในวัง ส่วนเจ้ากำลังร้องไห้เนื่องจากเพิ่งโดนฮองเฮาทำโทษ พี่รอท่านพ่อจนเบื่อหน่ายจึงเดินเล่นแล้วได้ยินเสียงร้องไห้และเดินตามหากระทั่งได้พบแมวสาวตัวน้อยหน้าตามอมแมม” “น้องเฟยยามนั้นช่างน่าสงสารนัก ข้าจึงปลอบโยนอยู่หลายคำ หลังจากนั้นยามท่านพ่อเข้าวัง ข้ามักจะขอติดตามเข้ามาและแอบไปหาเจ้าที่ตำหนัก พวกเราพูดคุย ฝึกวาดอักษร เล่นหมาก ดีดพิณ และเล่าเรื่องต่างๆให้กันฟังจนสนิทสนม” “ก่อนอดีตฮ่องเต้จะสิ้นพระชนม์ พี่ให้สัญญาไว้ว่าจะทูลขอสมรสพระราชทานกับเจ้าให้ได้ พวกเราแลกของแทนใจเป็นหยกคู่สลักอักษรชงเฟยซึ่งพี่สั่งทำขึ้นเป็นพิเศษ หยกนี้พี่พกติดตัวตลอด แล้วของเจ้าเล่าอยู่ที่ใด” 
ตอนที่สิบทบทวนความจำ“หากข้าจะไม่แต่งสวามี จะได้ไม่มีผู้ใดได้เป็นฮ่องเต้ เพียงให้พวกเขาเป็นอนุหรือชายอุ่นเตียง เลี้ยงเอาไว้ข้างกายให้ช่วยงานเท่านั้น ดีหรือไม่” จ้าวเฟยเฟิ่งตัดสินใจบอกเจตนาเพื่อให้นางกำนัลทั้งสองได้เข้าใจในการกระทำผิดแปลกของนางในช่วงนี้“องค์หญิงคิดเช่นนี้นี่เอง” หนิงอันผู้เข้าใจได้เร็วกว่าพยักหน้าอย่างเข้าใจ“พวกขุนนางข้างนอกนั่นจะยอมหรือเพคะ” หนิงอ้ายขัดขึ้นมา“ไม่ยอมแล้วอย่างไร ข้าไม่แต่งเสียอย่าง อีกทั้งจะเอาบุตรชายของพวกเขามาชุบเลี้ยงอย่างดี ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่อาจขึ้นนั่งบัลลังก์เป็นฮ่องเต้ได้ จนกว่าข้าจะตั้งครรภ์มังกรและคลอดโอรสออกมาสืบราชบัลลังก์”“ความคิดขององค์หญิงใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้นะ หนิงอ้าย เพียงแต่จะหาชายซึ่งยินยอมอยู่เบื้องหลังสตรีแล้วค้ำจุนบัลลังก์เพียงอย่างเดียวโดยไม่มีอำนาจวาสนาได้หรือเพคะ”“วันนี้ จางชงเมิ่งเอ่ยบอกกับข้าว่าเขายอมเป็นคนผู้นั้น แต่ข้าไม่มั่นใจว่าเป็นแผนเจ้าเล่ห์เพื่อหลอกล่อใ
ตอนที่สิบเอ็ด เพียงแสดงให้ดู“บิดาของข้ากุมอำนาจอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องวิ่งวุ่นวาย” เสียงตอบอย่างหยิ่งผยอง “เชอะ” “น้องเฟย พี่เพียงอยากเตือนว่าการยั่วยวนพวกเขาที่เจ้าทำอยู่ไม่ส่งผลดี หากต้องการบุรุษหนุนหลังขอเพียงพี่ผู้เดียวก็เพียงพอแล้ว” “สรุปก็คือจะบอกว่าท่านดีที่สุด” “ย่อมใช่” เสียงตอบของคนหลงตัวเอง “น้องเฟยลองใคร่ครวญให้กระจ่าง พี่ไม่มีตำแหน่งยศศักดิ์ย่อมไม่ต้องลดเกียรติมา
ตอนที่สิบสองจะกดดันอะไรหนักหนาองค์หญิงน้อยถูกปล่อยลงบนเตียงโดยจางชงเมิ่งรีบกระโดดหายออกไปโดยไม่เอ่ยแม้คำร่ำลาจ้าวเฟยเฟิ่งนอนกลิ้งไปกลิ้งมาอย่างครุ่นคิดด้วยเริ่มไม่แน่ใจในความสัมพันธ์ของสองหนุ่มสาวที่ผ่านมาจางชงเมิ่งกระทำทุกอย่างราวคุ้นเคย ทั้งการจุมพิตหวานล้ำ การโอบคลึงและกลืนกินทรวงอกอิ่ม อีกทั้งการแนบชิดสนิทแน่น แต่เขาไม่กล้าล่วงเกินมากไปกว่านั้นทั้งๆที่มีโอกาสจะทำได้หมายความว่าเขายังทะนุถนอมสาวน้อยเอาไว้เพื่อรอพิธีสมรสอย่างถูกต้องเช่นนั้นหรือ หากเป็นเช่นนั้นจริง คำบอกรักหรือความสัมพันธ์ที่ผ่านมาของทั้งสองคนน่าจะเกิดจากความจริงใจและความเห็นอกเห็นใจจนกลายเป็นความผูกพันหรือว่านางควรจะเชื่อคำพูดของเขาแล้วเลือกจางชงเมิ่งเข้ามาเป็นอนุคนแรกเพื่อกดข่มเหล่าขุนนางเอาไว้ หากแม้แต่บุตรชายอัครเสนาบดียังเป็นได้เพียงอนุของนาง แล้วชายหนุ่มที่เหลือจะมีค่าอันใดเมื่อคิดถึงร่างสูงสง่าหล่อเหลา ยามเขายืนต่อหน้า สันหลังตั้งตรงแลผึ่งผาย เมื่อได้ชิดใกล้จึงสัมผัสถึงมัดก
ตอนที่สามสิบสอง เนื้อเรื่องที่เปลี่ยนไปจ้าวเฟยเฟิ่งมองไปทางคนสกุลหวังสองพ่อลูกซึ่งนั่งพิงกันอยู่โดยไม่เอ่ยขอความเมตตา“เสนาบดีหวังเล่า ไม่แก้ตัวสักหน่อยหรือ”“ข้าไม่มีสิ่งใดจะแก้ตัว ขอเพียงประหารในคราวเดียวอย่าได้เจ็บปวดจนเกินไปจะเป็นพระกรุณายิ่งแล้ว”“แล้วคุณหนูหวังเล่า”“ผู้แพ้เป็นมาร ผู้ชนะย่อมเป็นพระ ครั้งนี้เจ้าได้ชัยไปก็ด้วยโชคดีที่มีอนุหลายคนคอยช่วยเหลือ ครั้งหน้าอย่าหวังว่าเรื่องจะดำเนินไปเช่นนี้อีก ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าได้มีโอกาสดีดีเช่นนี้อีกแน่” วาจาถูกเอ่ยด้วยความเคียดแค้นและไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ สายตาของหวังลี่ถิงถูกส่งออกมาสื่อให้เห็นว่านางไม่ยินยอมและจะหาโอกาสกลับมาอีกแน่หรือว่านิยายเรื่องนี้จะวนกลับไปใหม่และต้องเดินเรื่องวนไปวนมาอยู่อย่างนี้หรือ ไม่...ฟากฟ้าในร่างจ้าวเฟยเฟิ่งไม่ยอม เธอเข้ามาเดินเรื่องและสวมบทบาทของจ้าวฮองเฮามาจนใกล้จบเรื่องแล้ว เธอจะไม่ยอมให้เรื่องวนกลับไปเริ่มต้นใหม่แน่จ้าวฮองเฮาออกราชโองการสั่งประห
ตอนที่สามสิบเอ็ด ผิดแผนอัครเสนาบดีจาง เสนาบดีคลัง เสนาบดีกรมพิธีการ ขุนนางคนสำคัญอีกสามสี่คนซึ่งทยอยเดินเข้ามาต่างแยกย้ายกันไปนั่งเรียงสองฝั่งห้องโถง ในขณะที่จางชงเมิ่ง ข่งซีห่าวและไป๋ชุนกังเดินไปยืนด้านหลังจ้าวฮองเฮาในฐานะอนุชายเกากงกงก้าวออกมาจากด้านข้างพร้อมประกาศเสียงดัง“ถวายบังคมจ้าวฮองเฮา”เสียงทำความเคารพและถวายพระพรดังขึ้นกึกก้องพร้อมเพรียง“พวกเจ้ายังไม่รีบคุกเข่าลงอีก” เกากงกงตวาดกลุ่มคนที่โดนควบคุมอยู่ตรงกลางอย่างโมโห คนพวกนี้สั่งการให้จับกุมเขาไปขังไว้ในตำหนักร้าง กว่าจะมีคนไปช่วยออกมาก็อดข้าวอดน้ำอยู่หลายวันทหารต่างช่วยกันใช้อาวุธกระแทกเข้าที่หลังและขาจนคนทั้งกลุ่มต้องคุกเข่าลงอย่างไม่เต็มใจ“ข้าไม่เกี่ยวข้องด้วย เพียงถูกเชิญมาอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว ถึงอย่างไรข้าก็มีฐานะเป็นอ๋องคนหนึ่ง เจ้าควรให้เกียรติข้าบ้างนะจ้าวฮองเฮา” อ๋องหย่งรีบเอ่ยขึ้นเมื่อโดนกระแทกจนจำต้องคุกเข่าเป็นคนสุดท้าย“ไม่รู้เรื่องหรือ ให้เกียรติหรือ ท่านทำสิ่งใดไว้ย่อมร
“เจ้าเนี่ยนะ ข้าไม่เชื่อ” จ้าวเฟยเฟิ่งเอ่ยคำดูหมิ่นออกมา“ไม่เชื่อก็ถามพวกเขาดูสิ แผนทั้งหมดข้าเป็นคนคิดแล้วบอกให้ท่านพ่อทำตามโดยการติดต่อกับอ๋องหย่ง ส่วนหวงฮุ่ยจือก็เห็นด้วยกับข้า แม้จะอยากแต่งงานกันแต่เขาถูกเจ้าทำลายเกียรติไปแล้ว จึงยอมช่วยงานเพื่อเร่งส่งเจ้าไปยมโลกโดยเร็ว”“หมอไป๋ไม่มีเหตุผลที่ต้องช่วยเจ้า” จ้าวเฟยเฟิ่งข้องใจ“เดิมทีไม่มี แต่บิดาของเขาอยู่ในกำมือข้า หากเขาไม่ทำย่อมกลายเป็นบุตรอกตัญญู อีกทั้งหลังจากนี้ ข้าย่อมตอบแทนด้วยตำแหน่งลาภยศอย่างจุใจ”“เจ้าซื้อหนิงเหอด้วยสิ่งใดหรือ”“ด้วยสิ่งที่นางไม่เคยได้จากเจ้าอย่างไรเล่า พี่หนิงเหออยากได้การยอมรับและอยากได้ชีวิตครอบครัวที่ดี ข้ารับปากจะยกฉีเซี่ยหลิวให้พวกเขาได้แต่งงานกัน หลังจากนี้นางก็จะกลายเป็นฮูหยินเอกสกุลฉีมีชีวิตอย่างสุขสบาย ไม่ต้องคอยรับใช้คนเอาแต่ใจเช่นเจ้า”“หากข้าตาย คิดหรือว่าจะได้บัลลังก์และตำแหน่งฮ่องเต้ไปง่ายๆ ยังมีอัครเสนาบดีจางอยู่อีกทั้งคน”“ย่อมง่ายดายด้วยพวกเราจะยัด
ตอนที่สามสิบ เจ้าแผนการเมื่อเห็นว่าองครักษ์เงาถูกส่งออกไปแล้ว หวงฮุ่ยจือจึงรีบลุกขึ้นเดินออกไปอย่างรวดเร็วจ้าวเฟยเฟิ่งสบตานิ่งเฉยของไป๋ชุนกังก่อนจะล้มตัวลงนอนอย่างหมดสิ้นเรี่ยวแรงไม่นานก็มีเสียงคนหลายคนเดินตรงมายังห้องบรรทมโดยมีนางกำนัลหนิงเหอเปิดประตูนำเข้ามาจ้าวฮองเฮามองใบหน้าที่เดินเรียงกันมาอย่างพร้อมเพรียงด้วยสายตาฉงนสงสัยโดนเฉพาะคนสุดท้ายซึ่งนางไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน“หนิงเหอ เหตุใดจึงเป็นเจ้าที่พาคนพวกนี้เข้ามา เกากงกงเล่า อยู่ที่ใด ไยไม่มากราบทูลขออนุญาตก่อน” จ้าวฮองเฮาตรัสถามเสียงอ่อนแรงความจริงนางสงสัยอยู่แต่แรกแล้วว่า ช่วงหลายวันมานี้ เหตุใดนางกำนัลหนิงอันและหนิงอ้ายจึงหายหน้าไป อีกทั้งเกากงกงเองก็หายไปเช่นกัน มีเพียงหนิงเหอซึ่งอยู่ดูแลรับใช้ แต่ด้วยอ่อนแรงเต็มทนจึงไม่อยากถามให้มากความ “พวกเราคงรบกวนเวลาฮองเฮาไม่นาน ไม่ต้องสร้างความยุ่งยากให้เกากงกงหรอกพ่ะย่ะค่ะ” เสนาบดีหวังเอ่ยตอบเสียงระรื่น“พวกเจ้ามีเรื
ตอนที่ยี่สิบเก้าเจ็บป่วยหลังจากคืนนั้น จ้าวเฟยเฟิ่งจึงแสร้งแวะไปที่ตำหนักของอนุข่งซีห่าวและอนุไป๋ชุนกัง เพื่อไม่ให้ผู้คนครหานินทาว่านางไม่โปรดปรานพวกเขา แต่หญิงสาวเพียงนั่งกินอาหารและจับจูงกันเข้าห้องนอนเพื่อสร้างภาพเท่านั้นภายในห้องนอนกลับเป็นการนั่งลงพูดคุยกันของสองหนุ่มสาวเพื่อถกสถานการณ์ในช่วงนี้ผ่านการแวะเวียนยังตำหนักของเหล่าอนุทุกค่ำคืน ไม่นานจ้าวเฟยเฟิ่งก็มีอาการป่วยไข้จนสังเกตได้แค่ก แค่ก แค่ก“น้องเฟย ช่วงนี้เจ้าดูอ่อนเพลียและมีสีหน้าซีดเซียวมาก อีกทั้งยังไอไม่หยุดเช่นนี้ กลับไปพักก่อนดีหรือไม่”จางชงเมิ่งซึ่งเพิ่งมาถึงยังห้องอักษรทันได้ยินเสียงไอของฮองเฮาสาวจึงรีบก้าวเข้ามาถามอย่างห่วงใยแม้เขาจะไม่พอใจที่หญิงสาวแวะเวียนไปหาชายอื่น แต่ไม่อาจว่ากล่าวอันใดได้ด้วยนางมีตำแหน่งเป็นถึงฮองเฮา“หมอหลวงไป๋ตรวจดูแล้ว บอกว่าเพียงโดนไอเย็นมากไปหน่อย กินยาฝังเข็มแล้ว อีกไม่กี่วันก็ดีขึ้นเอง”“งานพวกนี้ไม่ได้เร่งมากนัก พี
ตอนที่ยี่สิบแปด หาหลักฐาน“เชอะ ทำลายหลักฐานมาแล้วล่ะสิ จึงกล้าท้าทายเช่นนี้”“ทำลายที่ใด กลับจากจวนสกุลหวังพี่ก็ตรงมาที่นี่ จะมีเวลาใดทำอย่างที่เจ้าว่า น้องเฟย เจ้าฟังพี่หน่อยเถิด หวังลี่ถิงมีเจตนาไม่ดีต้องการยุแยงให้พวกเราแตกคอกัน พี่ย่อมรู้ตัวอยู่ก่อนไม่ปล่อยให้นางได้ทำสำเร็จตามแผนแน่” “แล้วในห้องนั่น เข้าไปทำสิ่งใดกัน” “นางแสร้งว่ามีของสำคัญจึงให้พี่ช่วยค้นหา พี่ทำทีเป็นช่วยหาของแต่สังเกตท่าทางของนางโดยตลอด จู่ๆนางก็แสร้งทำถ้วยน้ำชาหกใส่ชุดเสื้อผ้าแล้วขอตัวไปเปลี่ยนที่หลังฉากเพื่อยั่วยวน แต่นางหรือจะงดงามเท่าน้องเฟย พี่ไม่มีวันหลงกลตื้นๆพวกนี้ จึงฉวยโอกาสค้นข้าวของในห้องของนางจนทั่ว” 
ตอนที่ยี่สิบเจ็ด ทำสิ่งใดกันในขณะที่ไป๋ชุนกังยังได้รับการไหว้วานจากเสนาบดีหวังให้เข้าไปตรวจรักษาบุตรสาวเกือบทุกวัน อีกทั้งจางชงเมิ่งซึ่งยังต้องแวะเวียนไปสืบหาความคืบหน้าที่จวนสกุลหวังนั่นทำให้หวังลี่ถิงมีโอกาสได้ใกล้ชิดและใช้ความอ่อนหวานน่ารักยั่วยวนชายหนุ่มทั้งสามอย่างเต็มที่โดยไม่มีผู้ใดขัดขวางข่าวคราวที่องครักษ์เงาและสายสืบส่งมาถึงจ้าวฮองเฮาสร้างความขุ่นเคืองจนหญิงสาวไม่เป็นอันทำงานทำการด้วยช่วงนี้มีงานมากฮองเฮาสาวจึงไม่ใคร่ได้แวะเวียนไปยังตำหนักของอนุจาง อีกทั้งยังไม่ได้เรียกตัวไป๋ชุนกังหรือหวงฮุ่ยจือมาเข้าเฝ้า พวกเขาทั้งสามจึงได้โอกาสหลบลี้หนีหน้าไม่ต้องเผชิญกับกลิ่นเหม็นเปรี้ยวของน้ำส้มอันคละคลุ้ง“วันนี้อนุจางแวะไปที่จวนสกุลหวังพ่ะย่ะค่ะ”“พบผู้ใด คนพ่อหรือคนลูก”“เสนาบดีหวังยังไม่กลับพ่ะย่ะค่ะ เขาแวะพูดคุยกับเสนาบดีกลาโหมที่ร้านอาหารกลางทาง”“เช่นนั้นก็พบหวังลี่ถิงสินะ”“ใช่พ่ะย่ะค่ะ”
เสียงสั่งการด้วยความโมโหก่อนจ้าวเฟยเฟิ่งจะสะบัดหน้าเดินออกไปยังตำหนักของจางชงเมิ่งเพื่อตอกหน้าผู้คนจนขบวนนางกำนัลและขันทีเดินตามแทบไม่ทันจางชงเมิ่งซึ่งเพิ่งกลับเข้ามาในตำหนักของตนเองโดยยังไม่ได้รับรู้ว่ามีเรื่องใดถูกจ้าวฮองเฮาพุ่งเข้ากระชากตัวมาจุมพิตดุเดือดต่อหน้าผู้คนบริเวณหน้าตำหนักคล้ายต้องการแสดงให้ได้โจษจันเมื่อจุมพิตจนพอใจ จ้าวฮองเฮาก็ลากมืออนุชายคนโปรดเข้าไปในห้องนอนโดยไม่ใส่ใจเรื่องอื่นมือบางกระชากชุดเสื้อของชายหนุ่มออกโดยไม่ปรานีก่อนจะถอดชุดเสื้อหนาหนักของตนเองออกอย่างรวดเร็ว สองร่างเข้าพัวพันนัวเนียกันอย่างเร่าร้อน ทั้งมือและปากต่างคลึงเคล้นเลียไล้กันด้วยความร้อนแรงจางชงเมิ่งแม้ไม่เข้าใจแต่เมื่อหญิงสาวจู่โจมมาถึงเพียงนั้น เขาย่อมคล้อยตามและตอบสนองอย่างเต็มที่ จ้าวเฟยเฟิ่งผลักร่างหนาให้นอนลงแล้วขึ้นนั่งตรงกลางหว่างขาด้วยตนเองแท่งทวนแกร่งถูกดึงขึ้นๆลงๆเพื่อสำรวจความแข็งแรง ก่อนที่ร่างบางจะจับท่อนลำไปจดจ่อกับปากร่องดอกไม้ฉ่ำแล้วหย่อนตัวเองลงมาอย่างเหมาะเจาะหญิงสาวโยกขยับควบคุมการเข้าออกอย่างฮึกเหิม ขณะมือหนาทำได้เ
ตอนที่ยี่สิบหก บังอาจเสนอหน้า “น้องเฟยคิดผิดแล้ว ยิ่งพวกเขาได้เป็นอนุ ยิ่งน่าดึงเป็นพวกที่สุด จะมีผู้ใดได้ใกล้ชิดกับเจ้าได้เท่าพวกเขาอีก”“แต่ข้าไม่เคยคิดจะไปนอนกับพวกเขา”“ผู้ใดจะล่วงรู้เรื่องในตำหนักหลังของฮองเฮาเล่า”“เช่นนั้นข้าควรทำอย่างไร”“เจ้ารับพวกเขาเข้ามาแล้ว คงคืนคำมิได้ เอาเป็นว่าใช้งานพวกเขาให้เต็มที่ เมื่อไม่เห็นประโยชน์ก็ปลดเสีย คนใดมีความดีก็ตั้งตำแหน่งให้ออกไปมีหน้ามีตา คนใดทรยศหรือไม่น่าวางใจก็ปลดทิ้งและลงโทษไปตามสมควร" จางชงเมิ่งออกความเห็น“เหล่าขุนนางจะไม่กล่าวหาว่าข้าเป็นหญิงใจร้ายใช่หรือไม่”“พวกเขาคงครหานินทาอยู่บ้าง แต่จะใส่ใจไยเล่า ไม่ว่าเจ้าจะทำสิ่งใดล้วนไม่พ้นคำนินทาทั้งสิ้น แม้แต่เรื่องที่พวกเรากำลังทำกันอยู่”“เรื่องใดหรือ”“เรื่องที่เจ้าร่วมรักอยู่แต่กับพี่อย่างไรเล่า อีกไม่กี่วันก็คงมีคำครหาออกมาแน่”“เช่นนั้นควรแก้ไขอย่างไรดี”