บทที่4.เพียงสายลมพัดผ่าน...
เป็น ‘จูบ’ แรกที่หญิงสาวได้รู้จัก มันไม่ได้เริ่มต้นดีนัก เพราะมันเกิดขึ้นจากความจำยอม...
แต่ก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิด!!
นับว่าภาคินมีฝีมือเชี่ยวพอตัว เขาสามารถโน้มน้าว ทำให้คนที่นอนแข็งเป็นท่อนไม้ หลงเคลิ้มไปกับสัมผัสแผ่วๆ นั่นได้
‘จูบ’ สิ่งที่สาวๆ วัยแรกรุ่นส่วนใหญ่เคยนึกฝันยามค่ำคืน...พวกหล่อนอยากอยู่ในอ้อมกอดของใครสักคน? ใครสักคนที่ทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย แต่ที่พะแพงกำลังผจญอยู่นี่... มันกลับเต็มไปด้วยความเร่าร้อน ซ่านเสียวและทรมานจนหญิงสาวนึกหวั่นกลัว มันต่างกับที่เธอเคยฝันหวานไว้ ‘จูบ’ ไม่ได้อ่อนหวาน แต่มันกำลังทรมานเธอแทบจะขาดใจตาย...
กำหนัดรุ่มร้อน ตามประสาหนุ่มวัยฉกรรจ์ แต่ที่ทำให้ภาคินแปลกใจ เขาทำเหมือนคนอดอยาก...ตะโบม ‘จูบ’ หล่อนไม่หยุด อารมณ์พุ่งพล่านของเขาพุ่งสูงขึ้น!! เหมือนกับถูกโยนขึ้นไปบนฟ้า แล้วก็ลอยละลิ่วตงลงไปในขุมนรก!! เขาอยากจูบ อยากสัมผัสเธอมากขึ้น ชายหนุ่มก็เลยยิ่งกอดรัดคนในอ้อมแขนแน่นมากยิ่งขึ้นทุกทีๆ เขาย้ำพรมรอยจุมพิตทั่วใบหน้าหวานที่พยายามจะเบี่ยงหนี...แต่หล่อนหรือจะหนีพ้น เมื่อถูกกักไว้ในอ้อมแขนแข็งแรงยิ่งกว่าปลอกเหล็ก รัดรึง...หน่วงเหนี่ยวหล่อนไว้ ด้วยร่างกายแสนกำยำ...
ความรู้สึกแปลกใหม่วิ่งวนไปทั่วท้องน้อยของพะแพง...เธอขมวดคิ้วนิ่วใบหน้า เผยอปากเหมือนจะคราง จนต้องรีบหุบปากไว้ เมื่อปลายจมูกของภาคินซุกไซ้ลงบนผิวกายนุ่มนิ่ม ตรงลาดไหล่กลมกลึงของเธอ และเสียงสูดลมหายใจแรงๆ นั่น ทำให้หญิงสาวแทบผวา!!
ชายหนุ่มอมยิ้ม กลิ่นหอมๆ ข้างซอกหูของพะแพงเหมือนกลิ่นดอกมะลิยามแย้มกลีบรับหยาดน้ำค้างเวลาเช้าตรู่ หยดน้ำแสนสะอาดที่ประพรมลงมาช่วงเช้าตรู่!!
“ปะ... ปล่อยค่ะ...เอ่อ...ขอเวลาฉันหน่อยได้มั้ยคะ?”
ภาคินหัวเราะลงลูกคอ “หึ หึ!! ฉันให้เวลาเธอมากแล้วน่า... ฉันคิดว่าเธอน่าจะพอทำใจได้บ้างแล้วนะ”
“ค่ะ...เอ่อ” หญิงสาวพยายามท้วง...
“พอเถอะ!! เรามาจบมันตรงนี้ ก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจ”
หนุ่มสุดทะนงตอบเสียงหงุดหงิด เขาชะโงกเข้าไปใกล้ๆ ใกล้เสียจนลมหายใจร้อนๆ ของเขาเป่ารดปลายจมูกเชิดโด่ง พะแพงเบี่ยงหน้าหนี ใบหน้าหวานแดงก่ำร้อนฉ่าและผิวแก้มคงขึ้นสีจัดพอๆ กัน
ชายหนุ่มยิ้มเยาะ หล่อนหยุดพูด และนิ่งชะงัก มันหมายความว่าเขาชนะ!! เขากุมอำนาจอยู่เหนือหล่อนและพี่ชาย
สายตาดุดันทอดมอง...ร่างสั่นระริกในอ้อมแขน กลิ่นสาปสาวระเหย โชยออกมาจากร่างกายของหล่อน มันส่งกลิ่นหอมยวนใจ จนหัวใจด้านชา...เต้นพล่าน...
มุมปากได้รูปกระตุกยิ้ม กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นอีก แล้วจึงโน้มใบหน้า กดริมฝีปากตัวเองแนบกลีบปากหวานหอมที่หมายตา...อีกครั้ง...
พื้นที่นอนไหวยวบเมื่อชายหนุ่มทิ้งน้ำหนักตัวกดทับคนตัวเล็กเต็มลัก!! ที่นอนสปิ๊งเด้งดึ๋ง ทุกครั้งยามที่เขาขยับตัวเสียดสี ฝ่ามือหนากางขยุ้มเนินทรวงอวบอั๋นใต้กรวยผ้าลูกไม้สีซีด แม้มันจะเก่าเพราะผ่านการใช้งานมานานปี แต่กลิ่นสะอาดที่ภาคินได้ดม...แสดงให้รู้ว่าหล่อนรักษาความสะอาดอย่างดี…จู่ๆ ภาพชั้นในผ้าลูกไม้ ที่สั่งตัดจากช่างฝีมือดีจากฝรั่งเศส กับชุดเดรสสวยๆ จากแบรนด์ดัง ก็ผุดขึ้นมากลางใจ...
หากพะแพงได้มีโอกาสสวมชุดเหล่านั้น...
หล่อนคงดูอ่อนหวาน น่าทะนุถนอมกว่านี้
โบราณว่าไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง...มันยังใช้มาได้ทุกยุคทุกสมัย...
เสื้อผ้าเนื้อดี รูปแบบอินเทรน ทำให้คนธรรมดา กลายเป็นนางฟ้ามานัก ต่อนัก...
ชายหนุ่มมองสบนัยน์ตากลมโตที่ไหวระริก...เหมือนระลอกคลื่นเหนือผิวน้ำ ยามถูกสายลมพัดผ่าน...มือแข็งแรงรวบสองมือน้อยที่ค่อนข้างหยาบไปสักหน่อยขึ้นชูไว้เหนือศีรษะ ดวงตาของเธอเบิกกว้าง และคงกำลังตื่นตระหนก
ปลายนิ้วเรียวสวย ไล้ไปตามขอบชั้นในผ้าลูกไม้เก่าๆ “สวย...” ภาคินหลงละเมอ เขาเผลอตัวเอ่ยชมด้วยน้ำเสียงสั่นปร่า
ไม่คิดว่าตัวเองจะตกหลุมเสน่ห์หวาม ในช่วงหวามไหว สายตาคมดุจ้องใบหน้างดงาม และ...
เบี่ยงลำตัวขึ้นทาบทับเรือนร่างอวบอัดของพะแพง มุมปากกระตุกยิ้ม ไม่คิดว่าการไล่ล่าไอ้คนเนรคุณ!! มันจะทำให้เขาได้สิ่งตอบแทนที่แสนถูกใจ ผู้หญิงคนหนึ่งที่น่าจะ...สดสะอาด...กลิ่นสาปสาวบนเรือนร่างของหล่อน ทำให้เลือดในกายของเขาเต้นพล่าน กระหายที่จะได้ดื่มลิ้มรสความสาวสด หล่อนน่าจะทำให้เขาถึงสรวงสวรรค์ชั้นสูงสุดแบบทะลายโลก และดำดิ่งลงใต้ห้วงมหาสมุทรมืดมิด...ในเวลาเดียวกัน
หล่อนน่าเวทนา พอๆ กับการเหยียบซ้ำ
ช่วยไม่ได้ที่หล่อนดันมีพี่ชายเป็น ‘ไอ้เนรคุณ’ คนนั้น
ภาคินโน้มใบหน้าคมคายซุกไซ้ซอกคอหอมๆ ของคนใต้ร่าง หล่อนเบี่ยงใบหน้าหนี แต่มันกลับกลายเป็นการเปิดโอกาสให้เขาได้สูดความหอมจากซอกคอหอมกรุ่นได้ถนัดมากขึ้น “อืมมมม” เสียงครางแผ่วพร่าดังในลำคอ ภาคินพึงใจกับความหอมหวานเย้ายวนที่ได้พบ กลิ่นกายหล่อนหอมสะอาด เป็นกลิ่นสาปจากเนื้อสาวแท้ๆ ไร้การปรุงแต่ง มันทำให้เลือดลมในกายของชายหนุ่มระอุพล่าน!! วิ่งไปจ่อรออยู่ที่จุดกึ่งกลางร่างกาย จนมันขยายตัวแข็งชันเหมือนอยากจะประกาศพลังอำนาจที่ถือครองไว้เต็มทน...
“โอวววว...”
ชายหนุ่มสอดมือคู่นั้นลูบไล้ผิวกายขาวผ่องช่วงลาดบ่ากลมกลึง เพียงแค่สัมผัสแผ่วๆ กลับทำให้คนไม่คุ้นเคยสะท้านเยือก พะแพงหลุบเปลือกตาลง ข่มอารมณ์อดสูที่พลุ่งพล่านอยู่ในช่องอก พยายามที่สุดที่จะไม่สนใจสัมผัสแสนละมุนนั่น และปล่อยให้ชายหนุ่มทำตามความปรารถนาของเขา เมื่อมันเป็นข้อตกลงระหว่างกัน!!
แต่...กายสัมผัสระหว่างหญิงชาย เป็นอารมณ์ที่เกิดขึ้นจากภายใน เพราะฉะนั้นไม่ว่าใครก็ตาม...พวกเขาไม่อาจฝืนต้าน หลังเวลาผ่านไปพอสมควร พะแพงก็เหมือนเฉกเช่นคนอื่นๆ เธอถูกฉุดดึงลงไปในหุบเหวของความปรารถนา ถูกเพลิงพิศวาสโลมเลียกัดกินผิวกายทีละนิดๆ
หญิงสาวรู้สึกชิงชังร่างกายตัวเอง เรือนกายที่ไม่รักดี...ดันเผลอคล้อยตามชายหนุ่ม แตกผลิและเบ่งบานตามสัมผัสแสนยวนใจนั่น!! เผลอตัวแอ่นหยัดร่างกาย บดเบียดผิวนุ่มกับแผ่นอกหนาๆ ของคนที่ทาบทับอยู่ด้านบน ผิวกายร้อนวูบ!! สลับกับเย็นยะเยือก ซ่านสยิวผิวกายแบบที่ไม่เคยรู้สึก เรียวปากเม้มแน่น... พยายามจะกลั้นเสียงครางน่าเกลียดที่อาจจะหลุดลอดออกมาในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า เมื่อความสยิวซ่านกำลังลามไปทั่วผิวกาย
ริมฝีปากหนาหยักโลมไล้ขบเม้มผิวอ่อนบางเหนือช่วงอกอวบ เขาร่นชั้นในผ้าลูกไม้ที่เปราะบางเหมือนจะขาดได้ทุกนาที เนื่องจากเนื้อผ้าแสนเก่านั่น ‘แคว๊ก!!!’ แค่แตะแผ่วๆ ผ้าเปื่อยยุ่ยก็ขาดคามือ ชายหนุ่มกระตุกแรงๆ จนกรวยผ้าขาดผึ่ง!! เขาเหวี่ยงเศษผ้ายุ่ยๆ นั้นจนกระเด็นไปตกอยู่มุมห้อง
ก่อนจะสูดลมหายใจลึกๆ มองประติมากรรมตรงหน้า ด้วยความตะลึงพรึงเพลิด...ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยเห็นความลับ ในร่างกายสาวๆ แต่ที่ภาคินเคยเห็น เทียบไม่ได้กับสิ่งที่ได้เห็นเต็มตาเวลานี้...ทรวงอกเต็มตรึง ขนาดพอเหมาะมือ ปลายยอดสีฉ่ำ พอๆ กับผลเชอร์รี่ที่สุกคาต้น กลิ่นหอมละไมติดปลายจมูก และรสชาติคงหวานล้ำ จนลืมไม่ลง... ความงดงามยวนตาเหมือนเหมือนนางกินรี หรือไม่ก็มักรีผล ที่มีกลิ่นเฉพาะตัว เป็นยอดปรารถนาที่ผู้ชายใฝ่ฝัน ใคร่จะลิ้มลอง
แต่...สิ่งล้ำค่านั่น อยู่ตรงด้านหน้าเขา...เวลานี้เอง
กระแสเชี่ยวกรากของพายุเสน่หานี้ พัดโหมเข้ามาอย่างรุนแรง...ภาคินไม่คิดว่า...ผู้หญิงธรรมดาเยี่ยงพะแพง จะทำให้เกิดขึ้นได้
เวลานี้เขาแน่ใจแล้ว หล่อนคือตัวอันตราย ที่สมควรอยู่ให้ห่างที่สุด หากยังอยากมีชีวิตอิสระ!!
แววตาเว้าวอนเงียบๆ ดึงเขาเข้าไปสู่ห้วงปรารถนาอันเร้นลึก มันทำให้เขารู้สึกฮึกเหิม เกิดภาคภูมิ ที่ตัวเองมีอำนาจมากพอที่จะสยบเจ้าหล่อนลงได้... มันเป็นความสนุกสุขสันต์ ปนกับความตื่นเต้น ภาคินจึงไม่รอช้า เขารีบควานหาความหวานซ่านของทรวงสาว ฟ้อนเฟ้นเต่งเต้าอวบอั๋นที่แสนถูกใจอย่างตะกรุมตะกราม...จนก้านดอกไม้ที่ชูช่อไสวสั่นระริก ยามเมื่อถูกฝ่ามือร้อนๆ เคล้นคลึง ด้วยความหนักหน่วง
ยอดอกสีสดถูกอุ้งปากร้อนชื้นอ้างับ เขาครอบครอง ดูดซึมความหวานฉ่ำชื่น ขยำขยี้ บีบบี้ความเต่งตึงนุ่มหยุ่นเคล้นคลึงด้วยความพอใจ ความรู้สึกหวามไหวไหลปร่า แผ่กระจายทั่วทุกตารางนิ้วบนผิวกาย เธอรู้สึกสยิวซาบซ่าน ทุกครั้ง...ยามที่ถูกโลมลูบด้วยฝ่ามือร้อนระอุ!! ร่างกายของเธอแทบจะลุกเป็นไฟ เมื่อถูกฝ่ามือใหญ่ๆ ลูบไล้สัมผัส ให้ตายเถอะ!! เธอไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะรู้สึกกระสันซ่านได้ถึงเพียงนี้ ความรู้สึกเหมือนถูกไฟฟ้าช็อต...กระแสไฟอ่อนๆ นั่นวิ่งพล่านทั่วทั้งตัว มันจุดประกายบางอย่างที่เธอไม่เคยรู้ และมันกำลังทำให้เธออยากรู้ในสิ่งต่อไปที่กำลังจะมาถึง!!“อืมมมม...”เสียงครางผะแผ่ว ดังรอดออกมาจากกลีบปากที่เม้มแน่น ภาคินยิ้มเหยียดๆ มุมปาก เขาพรมจุมพิตหนักๆ ใต้ฐานอกอวบ ลากปลายลิ้นเปียกๆ ลงต่ำ พร้อมทั้งสูดกลิ่นความหอมหวานของเนื้อสาวจนเต็มปอด...ลูบไล้ผิวกายนุ่มนิ่มปลุกกระแสเลือดในกายของหญิงสาวให้เดือดพล่านเพิ่มมากขึ้นมือร้อนไล้วนเหนือแผ่นท้องราบเรียบ ปลายนิ้วเรียวสวยวนรอบแอ่งสะดือบุ๋มชวนชิดเชย ไถลเรื่อยไปยันเอวคอดกิ่วกับสะโพกผายเต็มตรึง!! พะแพงสะดุดลมหายใจตัวเอง เธอกลั้นห
บทที่5.นกปีกหัก... โครม!! หญิงสาวผวา เธอได้ยินเสียงดังปึงปัง...จากภายนอก จนกลั้นความอยากรู้ไม่ได้ เธอแง้มประตูห้อง...เพื่อมองสิ่งที่เกิดขึ้นตรงนั้น...หญิงสาวตะลึงตาค้าง... ที่ถูกหิ้วปีกจากชายสองคนนั่น...คือพะนายพี่ชายเธอไม่ใช่เหรอ? พะแพงดันประตูพรวด เธอถลาเขาไปยืนขวางหน้าภาคิน ดวงตากลมโตไหวระริก แต่เด็ดขาด...เชิดหน้าขึ้นท้าทายกับเขา เสียงสั่นๆ ผ่านริมฝีปากบวมเจ่อ “คุณบอกว่าจะปล่อยพี่นายไปไงคะ!!” นัยน์คมดุถมึงทึง...เขากราดตามองหญิงสาวตรงหน้า แล้วจึงถอนลมหายใจพรวดๆ... “กลับเข้าไปอยู่ในห้องเลยพะแพง...”&nbs
“เจ้านายไม่เคย ‘รัก’ ใคร เจ้านายไม่มีวันเข้าใจความรู้สึกของผมกับคุณอรหรอกครับ” แม้จะถูกกระทำ ถูกกดต่ำยิ่งกว่าผิวดิน แต่ความนับถือที่พะนายมอบให้ภาคินยังเหมือนเดิม ถึงความเห็นจะไม่ลงรอยกัน “หึ!! ไอ้นายอย่าว่ากูสอนเลยนะ ‘ความรัก’ ที่มึงอ้าง มันกินไม่ได้ว่ะ และมันไม่มีอยู่จริง ตอนนี้ยัยอรหลงมึง เพราะหลานกูยังเด็ก แต่รอให้ยัยอรโตกว่านี้เถอะ รับประกัน... แม้แต่หางตายัยอรก็ไม่แลมึง” ชายหนุ่มบริภาษ...เขากรรโชกเสียงห้าว ในมุมมองของภาคิน...ความรัก...เป็นความรู้สึกที่สัมผัสไม่ได้ ถึงมีคุณค่ากับใจ แต่ไม่จำเป็น...เมื่อยังมีหลายสิ่งมากมาย ที่สำคัญกว่า ความรู้สึกไร้ค่าเช่นนั้น พะนายเม้มปาก เขาเถียงภาคินไม่ได้ เมื่อแม้แต่ตัวเองก็ไม่เคยมั่นใจ ว่าความรักระหว่างวลัยอร กับตัวเองจะสมหวัง เมื่อมันแตกต่างกันเกินไป
สองคนพี่น้องหอบสังขารสะบักสะบอมไม่ต่างกันเดินออกมาจากสถานที่โอ่อ่า มีสายตาหมิ่นๆ มองตามมาตลอดทาง เมื่อสภาพร่างกายของคนทั้งคู่น่าสังเวชเหลือทน... พะแพงเดินเท้าเปล่า เธอไม่มีแม้แต่รองเท้า... พะนายเองก็ย่ำแย่ เขามีร่องรอยบาดเจ็บไปทั้งตัว มีแต่คราบเลือด กับความบอบช้ำ “พี่นาย...แพงไม่มีสตางค์เลย...พี่นายพอมีมั้ย?” หญิงสาวเอ่ยถามพี่ชายเสียงสั่น เธอกัดกระพุ้งแก้มมองตรงไปยังเบื้องหน้า พยายามไม่ใส่ใจสายตาหลายคู่ที่มองมายังเธอ “ยะ อยู่ในกระเป๋ากางเกง...” พะนายกัดฟันพูด เขาเจ็บร้าวไปทั้งกระบอกตา “เราต้องกลับบ้านก่อน ค่อยไปโรงพยาบาล”
บทที่6.เส้นทางใหม่กับหัวใจนักสู้... “พี่นายแพงไปก่อนนะเจอกันเย็นๆ พี่นายนอนพักไปก่อนเถอะ ให้ทำแผลก็ไม่ยอมทำ” หญิงสาวบ่นพี่ชาย ในขณะที่ตัวเองก็บาดเจ็บไม่ต่างกัน พะนายเจ็บที่ตัว แต่พะแพงเจ็บร้าวไปทั้งหัวใจ “แพง...ที่คุณภาคินพูดหมายความว่าไง?” พะนายรั้งแขนน้องสาวไว้ ก่อนที่เธอจะเดินหนีไปอีกทาง... พะแพงชะงัก เธอเม้มเรียวปากแน่น... “ก็อย่างที่เขาพูด ไม่อย่างนั้นพี่นายคงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้” พะนายเม้มปาก เขาเผลอกดแขนบางของพะแพงแรงๆ จนหญิงสาวร้องลั่น “โอ้ย!! พี่นาย แพงเจ็บ” “โทษทีๆ แพง...พี่ขอ
นางตบเข่าฉาด มโนเห็นกิจการพันล้านลอยอยู่ตรงหน้า หากชายหนุ่มคิดจะทุ่มสุดตัว นางเห็นว่าความคิดของพะนาย มีทางเป็นไปได้... “ผมเตรียมมาแล้วครับอยู่ที่บ้าน เดี๋ยวผมไปขนมาบ้านป้าเลย จะได้ลองทำ แล้วรีบเอาไปให้พี่สายหยุดลองชิม” พะนายผุดลุกขึ้นยืน เขาครางซี๊ด เพราะอารามรีบจึงขยับตัวเร็วเกินไป และผลจากการโดนซ้อมเมื่อวันก่อน เขาจึงรู้สึกรวดร้าวไปทั้งตัว ชายหนุ่มกัดฟันทน เขาไม่มีเวลามาโอดครวญ...หากความฝันเป็นจริง เขาจะช่วยได้ทั้งบิดา และพะแพง 15 นาทีต่อมา... อุปกรณ์การทำหนังไก่ทอดจึงถูกนำมาที่บ้านยายสาย เสียงสาวใหญ่ดังโขมงโฉงเฉง เมื่องัดสูตรเด็ดของตัวเองออกมาสั่งสอนพะนาย“อันดับแรกเลยนะพ่อนาย...ล้างหนังไก่
บทที่7.ว่าที่เศรษฐีใหม่ ดังนั้น...เมื่อประตูห้อง ICU เปิดให้ญาติผู้ป่วยเข้าไปได้ คล้ายจึงได้เห็นรอยยิ้มแต้มใบหน้าของบุตรทั้งสอง พร้อมกับเสียงคุยโวของพะนาย...ท่านฟังพร้อมกับยิ้มรู้สึกสบายใจไปด้วย ไม่ต้องคอยเป็นห่วงพะนายที่อยู่ไกลตา “จากนี้ไปนะพ่อ นายจะเลี้ยงพ่อกับแพงเอง...พ่อออกจากโรงพยาบาลครั้งนี้ ลาออกจากงานเลยนะ ไม่ต้องไปทำหรอก มานั่งเป็นกำลังใจให้นายก็พอ” “โม้ไม่หยุดเลยจ้ะพ่อ ตั้งแต่กลับมานี่ ไปรอดหรือเปล่าก็ไม่รู้...คุยยังกับโครงการพันล้าน” พะแพงแอบเหน็บพี่ชาย เธอคิดว่าพะนายทำได้ เมื่อชายหนุ่มเป็นคนขยัน “ไอ้น้องบ้านี่!! ว่าจังเลย คอยดูนะ พะนายคนนี้จะเป็นผู้ชายที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่ยังหนุ่ม เป็นเศรษฐีร้อยล้านให้ดู” พะนาย
มันอาจจะเป็นความคิดของมารดา วลัยอรคิดเศร้าๆ แต่เพราะมารดาไม่สามารถบีบบังคับเธอได้ ท่านจึงไปยืมมือภาคินมาเป็นธุระ!! และก็เป็นไปตามความตั้งใจของภาวนา วลัยอรฮึดฮัด...แต่ไม่กล้าต่อต้านตรงๆ มันจึงเป็นที่มาของการรวมตัวของทุกคนที่สนามบินสวรรณภูมิวันนี้ “แกจะร้องไห้ทำไมยัยอร!! แม่ส่งแกไปเรียนไม่ได้เอาไปฆ่า” โรงเรียนประจำที่อังกฤษ คือที่ที่ภาวนายัดเหยียดให้เธอ หญิงสาวยิ้มเครียด เธออยากจะวิ่งหนี แต่สายตาดุดันของน้าชายสะกดความกล้าทั้งหมดของเธอ จำใจต้องก้มหน้าทำตามคำบัญชา “มันไม่ต่างกันหรอกแม่...ที่นั่นไม่ต่างอะไรกับโรงฆ่าสัตว์” หญิงสาวแย้ง เธอลดเสียงลงกว่าครึ่ง เพราะหากภาคินได้ยิน เธอคงไม่แคล้วถูกดุ &ldqu
“แพง” เสียงของภาคินแหบปร่า ลมหายใจร้อนผ่าวที่เป่ารดอยู่หลังใบหูนั่นอีก มันทำให้หญิงท้องแก่หัวใจระทวย“ขา...” เสียงหวานขานรับ ภาคินยิ้มเครียด เขาเตรียมพร้อมศึกษาความเป็นไปได้มาก็จริง แต่ยังไม่กล้าลงมือ เพราะห่วงคนตัวเล็กจะไม่พร้อม“ฉันๆ” คนกล้าแกร่งเกิดหัวหดขึ้นมาแบบนั้น เขามองเนินท้องนูนๆ ของพะแพง ก่อนจะถอนใจดังเฮือกๆใบหน้าร้อนผ่าว ผิวแก้มซับสีระเรื่อ เมื่อทำใจกล้า เอื้อมมือไปจับมือใหญ่ที่ชักกลับ เหมือนกับว่าสิ่งที่ตั้งใจไว้แต่แรก เขาเกิดปอดขึ้นมาดื้อๆ เธอจับมือของภาคินวางบนเนินหน้าท้อง ตอนที่ทิ้งตัวนั่งบนขอบที่นอน“ลองจับดูสิคะ”เสียงของพะแพงสั่นพร่าไม่ต่างจากภาคินเลย“ฉันๆ” ชายหนุ่มกระอึกกระอัก เขาไม่ได้ต้องการสัมผัสเพียงแค่นี้ เขาอยากชื่นชมพะแพง แม้ว่าหล่อนจะไม่เหมือนเดิม แต่ไม่ว่ายังไง ในสายตาของภาคิน พะแพงก็งดงามเสมอหญิงสาวยิ้มหวาน ริมฝีปากสั่น เมื่อเลื่อนฝ่ามือร้อนผ่าวนั่นมาที่เนินอกตนเอง“แพงเจ็บตรงนี้จังคุณคินดูให้หน่อยได้มั้ยคะ”ชายหนุ่มเง
ภาคินยิ้มกว้าง...คืนนี้เขาคงไม่ต้องนอนตาค้าง...เพราะเขามีเป้าหมายสำคัญอังกฤษ... ภาวนามองพะนายตาประหลับประเหลือก...นางเบ้ปากให้คู่รักของบุตรสาว ไอ้ผู้ชายที่เคยเกือบทำให้วลัยอรหมดอนาคต วันนี้พะนายพิสูจน์ให้เห็นถึงความมั่นคง...และความพยายามของพะนายเอง ก็ทำให้นางทึ่ง!! จนต้องยอมลงให้...ว่าที่บุตรเขย...เพราะบุตรสาวที่เคยเชื่อฟังและหัวอ่อน เริ่มมีข้อโต้แย้ง เหตุผลของวลัยอรเองก็ทำให้นางแย้งไม่ได้เช่นกัน ‘แม่เคยรักใครมั้ยคะ?’ เป็นคำถามที่นางไม่สามารถตอบได้ เมื่อชั่วชีวิตของภาวนา นางไม่เคยรู้จักคำนั้นเมื่อตนเองโตมาพร้อมกับคำว่าหน้าที่...เธอเพิ่งมาตระหนักเอาก็ตอนที่จำต้องก้มหน้ารับคำสั่งบิดา นั่นคือความจำยอมที่ต้องแบกรับไว้บนสองบ่า สามีของเธอ เขามาเพราะผลประโยชน์ ไม่เคยมีจิตพิศวาส อยู่กันไปแกนๆ ตามหน้าที่ ไม่รู้สึกอะไรเลย มีแค่ภาระหน้า
“เห้ย!! อะไรว่ะ แค่มีเมีย... คุณแต่งงานได้กี่วันวะคิน ทำตัวเหินห่างจากเพื่อนแบบนี้ ไม่รู้สึกละอายใจบ้างหรือไง”เพิ่มลาภ กับเก่งกาจ แวะมาหาเพื่อนรัก หลังงานวิวาห์สายฟ้าแลบที่ภาคินเนรมิตได้เพียงแค่ชั่วข้ามคืน แต่...หลังจากนั้น ชายหนุ่มที่เคยประกาศปาวๆ เรื่องอยากโสดตลอดชีวิต กลับหายหัวไปเสียชิป ไม่เคยเห็นเงาภาคินตามสถานบริการ ตามแหล่งชุมชนเองก็เช่นกัน...หากไม่เกี่ยวพันเกี่ยวกับเรื่องงาน แทบจะไม่เห็นชายหนุ่มปรากฏตัว“แหม...” หนุ่มเจ้าของห้องยิ้มแหยๆเขารีบซุกกล่องข้าวเก็บไว้ในลิ้นชักทำงาน เมื่อได้เวลาพักเที่ยงพอดี“ไป๊ไป ไปกินข้าวเที่ยงกัน กว่าจะลากไอ้คุณเพิ่มมาได้นี่ ยากชิปหาย จะกินแต่ฝีมือเมียอยู่นั่นแหละ”เก่งกาจเป็นคนเดียวที่ยังโสด เขามีแพลนงานวิวาห์แต่ยังไม่ถึงเวลา“ก็เมียทำมาให้กิน ไม่กินก็เสียของสิวะ”เพิ่มลาภแก้ตัวเสียงอ่อยๆ ภรรยาสุดที่รักอุตส่าห์แหกตาตื่นมาทำไว้ให้ จะทิ้งขว้างมันก็ใช่ที่ เมื่อมันหมายถึงความใส่ใจของเจ้าหล่อนภาคินกลืนน้ำลายเอือกๆ เขาชำเรืองมองกล่องข้าวของตนเอง
พะแพงกดอินเตอร์คอม “เอาน้ำเย็นขึ้นมาให้แพงที่ห้องทำงาน 2แก้วนะจ้ะ” เธอสั่งงานแม่บ้าน ก่อนจะผายมือเชื้อเชิญ ‘แขก’“ลื้อชื่อ...อาแพง...สินะ”เสียงแหบสั่นแต่ยังทรงอำนาจไม่เปลี่ยน แม้จะหยุดบงการ พักผ่อนเงียบๆ อยู่กับบ้าน ในบั้นปลายของชีวิต“ค่ะ แพง พะแพง งามสุวรรณ ไม่ทราบว่าท่านมีธุระอะไรกับแพงคะ?”เจ้าสัวภพเดินไปทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานของพะแพง ยกมือขึ้นมาว่างทาบบนหัวไม่เท้าที่ท่านถือติดมือมาด้วย สายตาคมกริบมองผู้หญิงตรงหน้าตรงๆ“ลื้อท้องกับอาคินลูกอั้ว!! แล้วลื้อจายักท่าทำไมหะ ไม่กลัวลูกในท้องเกิดมามีปมด้อยเหรอไงล่ะ?” คำถามของท่านทำให้พะแพงตกใจ มือเรียวสั่นระริกจนต้องตัดใจวางปากกาในมือ พร้อมกับพักการทำงานเมื่อดูเหมือนว่าคนที่มาหาเธอจะดูท่าไม่เป็นมิตรเท่าไร“สวัสดีค่ะ แพงไม่คิดว่าท่านจะมา” หญิงสาวกระพุ่มมือไหว้ ตอบเสียงอ่อนอ่อย“ฉันอยากมาที่ไหนล่ะ...ฉันน่ะวางมือหมดแล้ว ให้คินมันดูแล นี่ถ้าไม่ร้อนใจไม่มาเองหรอก ขึ้นรถขึ้นเรือมันลำบาก เดินเหินไม่สะดวกเหม
“ไม่มีใครไม่เคยทำพลาดหรอกนะนาย ทุกคนต้องเคยกันทั้งนั้น มันขึ้นอยู่ว่าเขาจะแก้ไขหรือไม่ เต็มใจที่จะแก้ไขสิ่งที่ทำ...หรือถูกบีบบังคับให้ทำหรือเปล่า”เป็นข้อคิดที่พะนายเก็บมาคิด คำของพ่อไม่เคยทำลาย ชายหนุ่มฟัง เขานิ่งคิด ก่อนจะเอ่ยเสียงแผ่ว “พ่อ แต่มันจะทำให้เขาดูถูกเราเพิ่มขึ้นหรือเปล่าครับ ในเมื่อเขาเคยประณามเราว่าเราคิดจะเกาะเขาเพื่อยกฐานะตัวเอง”คำประณามของภาคิน ไม่เคยลบเลือนไปจากใจ พะนายสลักเอาไว้เพื่อใช้เตือนตัวเอง“เราคิดแบบที่เขาว่าหรือเปล่าล่ะ” พะนายส่ายศีรษะแรงๆ“งั้นก็อย่าไปกลัว นายเองก็ยัง ‘รัก’ คุณหนูคนนั้นเลย แล้วทำไมคุณ เขาจะ ‘รัก’ ยัยแพงไม่ได้ล่ะ”คล้ายเอ่ยแบบเป็นกลาง พะแพงไม่ได้มีอะไรเสียหาย แล้วทำไมผู้ชายคนนั้นจะหลงรักลูกสาวของท่านไม่ได้ แม้เวลานี้เขาจะยังไม่รู้ใจตัวเองเห้อ!! พะนายเบ้ปาก เขาพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ มันเป็นวัวพันหลัก สลัดยังไงก็ไม่พ้น อิหลัก อิเหลื่อ เหมือนน้ำท่วมปาก เขากีดกันภาคินได้ไม่เต็มที่ เมื่อตนเองก็ปองรักสาวบ้าน อภิเษศโยธาอยู่เช่นกัน
บทที่18.จีบเมียให้มาเป็น...เมีย“นี่...คุณจะพาฉันไปไหน...ฉันไม่ไปนะ”พะแพงร้องโวยเมื่อจู่ๆ ภาคินก็ฉุดกระชากลากถูออกมาจากโต๊ะทำงาน“หุบปากเถอะน่า...เดินตามมาเงียบๆ สิ ไม่รู้เป็นไงสิ!! ชอบขัดใจฉันจริง”ภาคินหันมาตะคอก ป้าสาย สมจริตชะเง้อมองมาจากในครัว เพราะทั้งสองสาวใหญ่กำลังทำอาหารมือเที่ยงอยู่พอดี“แพง มีอะไรให้ป้าช่วยมั้ยลูก!!”ในมือของยายสายมีตะบวยอันใหญ่ติดมาด้วย หากพะแพงร้องขอความช่วยเหลือตะบวยตักแกงอันนั้นจะเปลี่ยนสถานะเป็นอาวุธทันที“ไม่มีอะไรหรอกป้า...ฉันแค่จะพา ‘เมีย’ ไปดูของฝาก”ภาคินเบ้ปาก เขาปรามพะแพงด้วยสายตาคมกริบ แต่หญิงสาวไม่สนใจ หล่อนพยายามดิ้นให้หลุดจากการพันธนาการอยู่ดี“ทำไม...ชอบมีปัญหาจังแพง...ฉันไม่ได้ลักขโมยใครมาหรอกน่า”ภาคินบ่น ออกแรงดึงเรียวแขนเสลาจนพะแพงนิ่วหน้า“คุณเอาแต่ใจ...ไม่มีเหตุผล”หญิงสาวเถียงกลับ ใบหน้าอิ่มบึ้งตึง“แล้วใครบอกเธอว่าฉันเป็นคนมีเหตุผลล่ะ
ชายหนุ่มกลั้นใจตอบ เขากลืนน้ำลายฝืดๆ แต่เมื่อเหลือบมองพะแพง ใจหายวูบ!! เขารู้สึกเช่นนั้น เพราะเกร็ดน้ำตาของพะแพงไหลเป็นทาง กับความจริงอันน่าเจ็บปวดที่ได้ยินด้วยสองหูตัวเอง“เดี๋ยวๆ” ชายหนุ่มรีบละล่ำละลักพูด เขานิ่งไปหนึ่งอึดใจก่อนจะเอ่ยออกมาช้าๆ “แต่งก็แต่ง...” เสียงของภาคินแผ่วลง เมื่อจำต้องเอ่ยประโยคนั้นออกมาแต่...ไม่ได้เป็นอย่างที่ชายหนุ่มคิด พะแพงไม่ได้แสดงอาการดีใจเหมือนอย่างสาวๆ ที่เขาเคยควงหากได้ยินคำสำคัญคำนี้จากปากคนอย่างนายภาคิน อภิเษศโยธาหญิงร่างเล็กใจเด็ด ตวัดตามอง เธอเม้มเรียวปากจนเป็นเส้นตรงก่อนจะแย้มปากขึ้นกล่าวช้าๆ“ไม่จำเป็นค่ะ พะแพงไม่ต้องการความเมตตานั่น แพงยืนยันเหมือนเดิม แพงเลี้ยงลูกเองได้ โดยไม่ต้องรับความเมตตาของคุณ”สิ้นคำพูดของพะแพง...กลุ่มอาคันตุกะถึงกับอึ้งกิมกี่ ยังมีอีกหรือผู้หญิงที่กล้าปฏิเสธผู้ชายเพอร์เฟคอย่างภาคินเมื่อชายหนุ่มทั้งหล่อและรวย“เธอจะพูดง่ายๆ แบบนี้ไม่ได้หรอกนะพะแพง...เธอหนีความจริงไม่พ้นหรอก ยังไงเสียฉันก็เป็น ‘พ่อ’ ของลูกเธอ”
สองหนุ่มเบ้ปาก จิปากเบาๆ เดินตามไปห่างๆ เพื่อเป็นฝ่ายสนับสนุนให้ภาคิน “แพงไม่ต้องการให้ใครมารับผิดชอบ แพงดูแลตัวเองได้ค่ะ” หญิงสาวกล่าวเสียงห้วน เธอเสก้มหน้านิ่ง ไม่เหลือบแลใครสักคน ภาคินทำหน้าเซ็ง เขาพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ เมื่อไม่คิดว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งจะดื้อด้านถึงขนาดนี้ “เราตกลงกันแล้วครับ พวกเรายอมรับ ‘คนมาใหม่’ แต่ไม่ขอรับความเมตตาของใคร” พะนายเอ่ย ใครในที่นี้คือภาคิน “แต่ฉันไม่เห็นด้วยที่แพงท้อง มันเกิดขึ้นเพราะฉัน แล้วทำไมถึงกีดกันฉันล่ะ” ภาคินกล่าวเสียงขุ่น พะแพงตั้งท่ากันเขาตั้งแต่แย้มปาก “คุณก็รู้ คุณไม่ได้ ‘รัก’ ไม่ได้ชอบน้องสาวผม แล้วจะ
“ฉันอยากเจอพะแพง” ภาคินกล่าวเสียงเย็น เขาต้องการเจอหล่อน เมื่อความสงสัยบางอย่างเกาะกุมอยู่ในหัวใจด้านชา วันนั้นเขาเห็นพะแพงที่โรงพยาบาล หล่อนอยู่ในชุดหลวมๆ เพื่อความสะดวกสบายร่างกายของพะแพงยังไม่ได้เปลี่ยนไปมากเท่าไร แต่ที่ภาคินสะดุด!! คือกลางร่างของหล่อนดูแปลกตา การเดินเหินของหล่อนด้วย ดูพะแพงระมัดระวัง การแต่งกายของหล่อนก็แปลกไป เขาว่าจะเข้าไปหา แต่เพราะติดดูแลบิดาที่มาตรวจเช็คร่างกายประจำปี จึงยังไม่มีเวลาเข้าไปหา พอว่าง...พะแพงก็หายไปแล้ว...นั่นคือสิ่งที่ภาคินติดใจ...บวกกับครั้งนั้น ‘คอนดอม’ เขาละเลย เขาไม่ได้สวมอุปกรณ์ป้องกันตอนที่มีความสัมพันธ์กับพะแพง มันจึงมีความเป็นไปได้ที่หล่อนจะ ‘ท้อง’ “ยัยแพงไม่ต้องการเจอคุณ!!” คล้ายตอบแทนบุตรสาว