“เจ้านายไม่เคย ‘รัก’ ใคร เจ้านายไม่มีวันเข้าใจความรู้สึกของผมกับคุณอรหรอกครับ”
แม้จะถูกกระทำ ถูกกดต่ำยิ่งกว่าผิวดิน แต่ความนับถือที่พะนายมอบให้ภาคินยังเหมือนเดิม ถึงความเห็นจะไม่ลงรอยกัน
“หึ!! ไอ้นายอย่าว่ากูสอนเลยนะ ‘ความรัก’ ที่มึงอ้าง มันกินไม่ได้ว่ะ และมันไม่มีอยู่จริง ตอนนี้ยัยอรหลงมึง เพราะหลานกูยังเด็ก แต่รอให้ยัยอรโตกว่านี้เถอะ รับประกัน... แม้แต่หางตายัยอรก็ไม่แลมึง”
ชายหนุ่มบริภาษ...เขากรรโชกเสียงห้าว ในมุมมองของภาคิน...ความรัก...เป็นความรู้สึกที่สัมผัสไม่ได้ ถึงมีคุณค่ากับใจ แต่ไม่จำเป็น...เมื่อยังมีหลายสิ่งมากมาย ที่สำคัญกว่า ความรู้สึกไร้ค่าเช่นนั้น
พะนายเม้มปาก เขาเถียงภาคินไม่ได้ เมื่อแม้แต่ตัวเองก็ไม่เคยมั่นใจ ว่าความรักระหว่างวลัยอร กับตัวเองจะสมหวัง เมื่อมันแตกต่างกันเกินไป
สองคนพี่น้องหอบสังขารสะบักสะบอมไม่ต่างกันเดินออกมาจากสถานที่โอ่อ่า มีสายตาหมิ่นๆ มองตามมาตลอดทาง เมื่อสภาพร่างกายของคนทั้งคู่น่าสังเวชเหลือทน... พะแพงเดินเท้าเปล่า เธอไม่มีแม้แต่รองเท้า... พะนายเองก็ย่ำแย่ เขามีร่องรอยบาดเจ็บไปทั้งตัว มีแต่คราบเลือด กับความบอบช้ำ “พี่นาย...แพงไม่มีสตางค์เลย...พี่นายพอมีมั้ย?” หญิงสาวเอ่ยถามพี่ชายเสียงสั่น เธอกัดกระพุ้งแก้มมองตรงไปยังเบื้องหน้า พยายามไม่ใส่ใจสายตาหลายคู่ที่มองมายังเธอ “ยะ อยู่ในกระเป๋ากางเกง...” พะนายกัดฟันพูด เขาเจ็บร้าวไปทั้งกระบอกตา “เราต้องกลับบ้านก่อน ค่อยไปโรงพยาบาล”
บทที่6.เส้นทางใหม่กับหัวใจนักสู้... “พี่นายแพงไปก่อนนะเจอกันเย็นๆ พี่นายนอนพักไปก่อนเถอะ ให้ทำแผลก็ไม่ยอมทำ” หญิงสาวบ่นพี่ชาย ในขณะที่ตัวเองก็บาดเจ็บไม่ต่างกัน พะนายเจ็บที่ตัว แต่พะแพงเจ็บร้าวไปทั้งหัวใจ “แพง...ที่คุณภาคินพูดหมายความว่าไง?” พะนายรั้งแขนน้องสาวไว้ ก่อนที่เธอจะเดินหนีไปอีกทาง... พะแพงชะงัก เธอเม้มเรียวปากแน่น... “ก็อย่างที่เขาพูด ไม่อย่างนั้นพี่นายคงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้” พะนายเม้มปาก เขาเผลอกดแขนบางของพะแพงแรงๆ จนหญิงสาวร้องลั่น “โอ้ย!! พี่นาย แพงเจ็บ” “โทษทีๆ แพง...พี่ขอ
นางตบเข่าฉาด มโนเห็นกิจการพันล้านลอยอยู่ตรงหน้า หากชายหนุ่มคิดจะทุ่มสุดตัว นางเห็นว่าความคิดของพะนาย มีทางเป็นไปได้... “ผมเตรียมมาแล้วครับอยู่ที่บ้าน เดี๋ยวผมไปขนมาบ้านป้าเลย จะได้ลองทำ แล้วรีบเอาไปให้พี่สายหยุดลองชิม” พะนายผุดลุกขึ้นยืน เขาครางซี๊ด เพราะอารามรีบจึงขยับตัวเร็วเกินไป และผลจากการโดนซ้อมเมื่อวันก่อน เขาจึงรู้สึกรวดร้าวไปทั้งตัว ชายหนุ่มกัดฟันทน เขาไม่มีเวลามาโอดครวญ...หากความฝันเป็นจริง เขาจะช่วยได้ทั้งบิดา และพะแพง 15 นาทีต่อมา... อุปกรณ์การทำหนังไก่ทอดจึงถูกนำมาที่บ้านยายสาย เสียงสาวใหญ่ดังโขมงโฉงเฉง เมื่องัดสูตรเด็ดของตัวเองออกมาสั่งสอนพะนาย“อันดับแรกเลยนะพ่อนาย...ล้างหนังไก่
บทที่7.ว่าที่เศรษฐีใหม่ ดังนั้น...เมื่อประตูห้อง ICU เปิดให้ญาติผู้ป่วยเข้าไปได้ คล้ายจึงได้เห็นรอยยิ้มแต้มใบหน้าของบุตรทั้งสอง พร้อมกับเสียงคุยโวของพะนาย...ท่านฟังพร้อมกับยิ้มรู้สึกสบายใจไปด้วย ไม่ต้องคอยเป็นห่วงพะนายที่อยู่ไกลตา “จากนี้ไปนะพ่อ นายจะเลี้ยงพ่อกับแพงเอง...พ่อออกจากโรงพยาบาลครั้งนี้ ลาออกจากงานเลยนะ ไม่ต้องไปทำหรอก มานั่งเป็นกำลังใจให้นายก็พอ” “โม้ไม่หยุดเลยจ้ะพ่อ ตั้งแต่กลับมานี่ ไปรอดหรือเปล่าก็ไม่รู้...คุยยังกับโครงการพันล้าน” พะแพงแอบเหน็บพี่ชาย เธอคิดว่าพะนายทำได้ เมื่อชายหนุ่มเป็นคนขยัน “ไอ้น้องบ้านี่!! ว่าจังเลย คอยดูนะ พะนายคนนี้จะเป็นผู้ชายที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่ยังหนุ่ม เป็นเศรษฐีร้อยล้านให้ดู” พะนาย
มันอาจจะเป็นความคิดของมารดา วลัยอรคิดเศร้าๆ แต่เพราะมารดาไม่สามารถบีบบังคับเธอได้ ท่านจึงไปยืมมือภาคินมาเป็นธุระ!! และก็เป็นไปตามความตั้งใจของภาวนา วลัยอรฮึดฮัด...แต่ไม่กล้าต่อต้านตรงๆ มันจึงเป็นที่มาของการรวมตัวของทุกคนที่สนามบินสวรรณภูมิวันนี้ “แกจะร้องไห้ทำไมยัยอร!! แม่ส่งแกไปเรียนไม่ได้เอาไปฆ่า” โรงเรียนประจำที่อังกฤษ คือที่ที่ภาวนายัดเหยียดให้เธอ หญิงสาวยิ้มเครียด เธออยากจะวิ่งหนี แต่สายตาดุดันของน้าชายสะกดความกล้าทั้งหมดของเธอ จำใจต้องก้มหน้าทำตามคำบัญชา “มันไม่ต่างกันหรอกแม่...ที่นั่นไม่ต่างอะไรกับโรงฆ่าสัตว์” หญิงสาวแย้ง เธอลดเสียงลงกว่าครึ่ง เพราะหากภาคินได้ยิน เธอคงไม่แคล้วถูกดุ &ldqu
เป็นความทรมานที่ชายหนุ่มไม่เคยพบเจอ ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เขาถึงยังสลัดแววตาจัดจ้าของพะแพงออกไปไม่ได้สักที หล่อนเป็นแค่ ‘เหยื่อ’ เป็นแค่ที่ระบายอารมณ์โกรธ พะนายสร้างเรื่องทำให้เขาผิดหวังและเสียหน้า การแก้หน้าเอาคืนไอ้หนุ่มนั่น ก็เป็นการทำให้เขารู้สึกดีขึ้น แต่เปล่าเลย...สิ่งที่เขาทำลงไป ยิ่งทำให้รู้สึกหน่วงๆ ในอก เพราะอะไรล่ะ... ภาคินสะบัดศีรษะแรงๆ เขายันกายลุกขึ้นยืน หากยังอยู่คนเดียวเช่นนี้ เขาคิดฟุ้งซ่านจนนอนไม่หลับ ทางเดียวที่แก้ได้ คือเขาต้องออกไปหาเพื่อนคุย บรรดาเพื่อนเก่าๆ ที่ไม่ได้พบเจอมานาน คงยินดีกันถ้วนหน้า...เมื่อชายหนุ่มฝังตัวอยู่ที่ชนบท หาใช่กลางเมืองกรุงที่มีแต่ความศิวิไลซ์&nbs
บทที่8.ผู้ชายใจดำกำลังจะคลั่ง!! ข่าวฉาวเช้าวันรุ่งขึ้น!! จึงเป็นเรื่องที่สังคมไฮโซกล่าวขานกันมากที่สุด เมื่อสื่อสิงพิมพ์เจ้าใหญ่พาดหัวข่าวครึกโครม สาเหตุเพราะเป็นการโคจรมาเจอกันของสองตระกูลร่ำรวย ที่พอฟัดพอเหวี่ยงกัน หนุ่มสุดฮอตปะทะสาวร้อนฉ่า ภาพอันชิกาในอ้อมกอดของภาคิน ขึ้นเด่นหราหน้าหนึ่งของสื่อสิ่งพิมพ์แทบทุกเจ้า มีนักข่าวตาดีแอบเห็นฉากสำคัญนี่พอดี...เมื่ออันชิกาเล็งหาโอกาสที่จะทำความรู้จักกับชายหนุ่ม มันเป็นเรื่องบังเอิญที่แสนน่ายินดี หลังอุบัติเหตุที่เกิดจากความจงใจของฝ่ายหญิง “หล่อนนี่ร้ายไม่เบาเลยนะย่ะ ย่องไปแอบกิ้กกั๊กกับพ่อรูปหล่อตอนไหนกันอะ?”&
บทที่9.ใครคนนั้น... เป็นเพราะยอดสั่งซื้อของพะนายมีเข้าไม่ขาดสาย...ดังนั่นหลังเลิกฝึกงานกลับมาบ้าน พะแพงจึงยกเลิกที่จะไปขายทอดมันปลากรายที่ตลาดนัด เธอลงมือช่วยพี่ชายอย่างแข็งขัน มีลูกมือเป็นแม่บ้านคนหนึ่ง หล่อนอาศัยอยู่ไม่ไกลจากบ้านของสองพี่น้อง เป็นการจ้างรายวันแบบที่น่าจะยาว หากยังมียอดสั่งซื้อพุ่งขนาดนี้ “สงสัยต้องไปกราบยายสาย...สูตรหนังไก่ของแกเด็ดดวงจริงๆ” เสียงพี่สมจิตรเอ่ยเย้า เธอกำลังใช้ตะหลิวคนหนังไก่ในกระทะเพื่อกันไม่ให้หนังไก่ติดก้นกระทะ “คงต้องอย่างนั้นครับพี่...” พะนายตอบยิ้มๆ เขากำลังสาละวนกับการคัดแยกมันไก่ที่ติดอยู่ที่หนังตามสูตรที่ป้าสายขายไก่ทอดสั่งสอนมา “อะไร!! ได้ยินแว่วๆ ใครจะกราบฉัน”&nb
ชายหนุ่มกลั้นใจตอบ เขากลืนน้ำลายฝืดๆ แต่เมื่อเหลือบมองพะแพง ใจหายวูบ!! เขารู้สึกเช่นนั้น เพราะเกร็ดน้ำตาของพะแพงไหลเป็นทาง กับความจริงอันน่าเจ็บปวดที่ได้ยินด้วยสองหูตัวเอง“เดี๋ยวๆ” ชายหนุ่มรีบละล่ำละลักพูด เขานิ่งไปหนึ่งอึดใจก่อนจะเอ่ยออกมาช้าๆ “แต่งก็แต่ง...” เสียงของภาคินแผ่วลง เมื่อจำต้องเอ่ยประโยคนั้นออกมาแต่...ไม่ได้เป็นอย่างที่ชายหนุ่มคิด พะแพงไม่ได้แสดงอาการดีใจเหมือนอย่างสาวๆ ที่เขาเคยควงหากได้ยินคำสำคัญคำนี้จากปากคนอย่างนายภาคิน อภิเษศโยธาหญิงร่างเล็กใจเด็ด ตวัดตามอง เธอเม้มเรียวปากจนเป็นเส้นตรงก่อนจะแย้มปากขึ้นกล่าวช้าๆ“ไม่จำเป็นค่ะ พะแพงไม่ต้องการความเมตตานั่น แพงยืนยันเหมือนเดิม แพงเลี้ยงลูกเองได้ โดยไม่ต้องรับความเมตตาของคุณ”สิ้นคำพูดของพะแพง...กลุ่มอาคันตุกะถึงกับอึ้งกิมกี่ ยังมีอีกหรือผู้หญิงที่กล้าปฏิเสธผู้ชายเพอร์เฟคอย่างภาคินเมื่อชายหนุ่มทั้งหล่อและรวย“เธอจะพูดง่ายๆ แบบนี้ไม่ได้หรอกนะพะแพง...เธอหนีความจริงไม่พ้นหรอก ยังไงเสียฉันก็เป็น ‘พ่อ’ ของลูกเธอ”
สองหนุ่มเบ้ปาก จิปากเบาๆ เดินตามไปห่างๆ เพื่อเป็นฝ่ายสนับสนุนให้ภาคิน “แพงไม่ต้องการให้ใครมารับผิดชอบ แพงดูแลตัวเองได้ค่ะ” หญิงสาวกล่าวเสียงห้วน เธอเสก้มหน้านิ่ง ไม่เหลือบแลใครสักคน ภาคินทำหน้าเซ็ง เขาพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ เมื่อไม่คิดว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งจะดื้อด้านถึงขนาดนี้ “เราตกลงกันแล้วครับ พวกเรายอมรับ ‘คนมาใหม่’ แต่ไม่ขอรับความเมตตาของใคร” พะนายเอ่ย ใครในที่นี้คือภาคิน “แต่ฉันไม่เห็นด้วยที่แพงท้อง มันเกิดขึ้นเพราะฉัน แล้วทำไมถึงกีดกันฉันล่ะ” ภาคินกล่าวเสียงขุ่น พะแพงตั้งท่ากันเขาตั้งแต่แย้มปาก “คุณก็รู้ คุณไม่ได้ ‘รัก’ ไม่ได้ชอบน้องสาวผม แล้วจะ
“ฉันอยากเจอพะแพง” ภาคินกล่าวเสียงเย็น เขาต้องการเจอหล่อน เมื่อความสงสัยบางอย่างเกาะกุมอยู่ในหัวใจด้านชา วันนั้นเขาเห็นพะแพงที่โรงพยาบาล หล่อนอยู่ในชุดหลวมๆ เพื่อความสะดวกสบายร่างกายของพะแพงยังไม่ได้เปลี่ยนไปมากเท่าไร แต่ที่ภาคินสะดุด!! คือกลางร่างของหล่อนดูแปลกตา การเดินเหินของหล่อนด้วย ดูพะแพงระมัดระวัง การแต่งกายของหล่อนก็แปลกไป เขาว่าจะเข้าไปหา แต่เพราะติดดูแลบิดาที่มาตรวจเช็คร่างกายประจำปี จึงยังไม่มีเวลาเข้าไปหา พอว่าง...พะแพงก็หายไปแล้ว...นั่นคือสิ่งที่ภาคินติดใจ...บวกกับครั้งนั้น ‘คอนดอม’ เขาละเลย เขาไม่ได้สวมอุปกรณ์ป้องกันตอนที่มีความสัมพันธ์กับพะแพง มันจึงมีความเป็นไปได้ที่หล่อนจะ ‘ท้อง’ “ยัยแพงไม่ต้องการเจอคุณ!!” คล้ายตอบแทนบุตรสาว 
บทที่17.กว่าจะรู้ก็เกือบสาย “ผั๊วะ!!” เสียงกำปั้นตันๆ ฟาดผั๊วะเข้าที่โหนกแก้มข้างซ้ายของภาคิน จนใบหน้าหล่อเหลาสะบัด เขายกมือขึ้นปาดลิ่มเลือดที่ไหลปริ่มออกมาทันที เมื่อคนลงมือจงใจใส่น้ำหนักแบบไม่คิดออมแรง “ออกไป!! ที่นี่ไม่ต้อนรับคนอย่างคุณ” พะนายตวาดไล่ เขายืนกางขาปักหลักมั่น จ้องหน้าอดีตเจ้านายแบบไม่หวาดหวั่น เมื่อผู้ชายตรงหน้าคนนี้เป็นคนเดียวที่ทำให้น้องสาวของเขาต้องเปลี่ยนสภาพจากสาวใส เป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว “พูดกันดีๆ ก็ได้นี่ครับ ไม่เห็นต้องใช้กำลังกันเลย” เพิ่มลาภพูดเสียงอ่อย เขายืนหน้ามุ่ย ซ้อนอยู่ด้านหลังภาคิน มีเก่งกาจยืนหน้าตูมอยู่อีกด้าน “นั่นสิ!! ต้
บทที่16.โชคชะตา ฟ้ากำหนด วลัยอรเดินฝ่าความหนาวเย็นเพื่อไปยังตึกเรียน หลังลงจากรถประจำทางที่โดยสารมาจากที่พัก เธอเดินก้มหน้า ไม่ได้มองซ้ายมองขวา เมื่อไม่อยากมองไปรอบๆ ตัว เพราะทุกจุดที่มีที่นั่งพักมักจะมี ‘คู่รัก’ นั่งสนทนากันอยู่ อารมณ์ของหญิงสาวที่แตะเลข18 ตอนนี้คือ ความโทรมนัส โลกไม่ได้มีสีชมพูสำหรับเธอ เมื่อสายตาของหญิงสาวมีแค่สีเทากับสีดำ เสียงถอนใจดังๆ ดังตลอดทางที่เธอลากขาเดินจากถนนหน้ามหาวิทยาลัยจนเกือบถึงตึกเรียนสีอิฐ ในความคิดของวลัยอร เธอยังหาทางออกให้ตัวเองไม่ได้ ไม่ว่าจะถูกกีดกันอย่างไร หัวใจดื้อดึงของเธอก็ยังยึดมั่นอยู่กับผู้ชายคนเดียว นัยน์ตาภักดีแสนซื่อนั่น ไม่ว่าจะสลัดหรือพยายามลืมเท่าใด เธอก็ไม่อาจทำได้สักที พะนายยังคงเป็นผู้ชายคนเดียวที่เธอรู้สึกพิเศษด้วย แม้เขาจะจะต้อยต่ำ จนไม่มีใครในครอบครัวยอมรับ “พี่นาย...”
“ตามใจ เร็วๆ ล่ะ แม่ทำพิซซ่าเห็ดไว้รอ จะได้กินตอนยังร้อนๆ” ภาวนาถอนใจ นางรู้ว่าวลัยอรแอบเหงา จึงพยายามไม่บีบบังคับมาก เวลาจะช่วยให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดี สักวันบุตรสาวจะรู้ สิ่งที่นางทำไป เป็นผลดีกับวลัยอรทั้งนั้น “ค่ะ” สาวใสกดวาง ก่อนจะยัดโทรศัพท์ของตัวเองเก็บไว้ที่เดิม หล่อนเงยหน้ามองสบสายตากับพะนาย ด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์ “พี่นาย...” “พี่นายไม่ได้ไปไหนครับ พี่นายจะอยู่ตรงนี้” พะนายเอื้อมจับมือเรียวขึ้นมากุมไว้ เขาวางมือน้อยๆ นั่นที่เหนืออกซ้ายของตนเอง รอยยิ้มหวานเศร้าผลิบานช้าๆ ริมฝีปากสั่นระริกเพราะกำลังกลั้นสะอื้น 
เสียงกรรโชกของผู้ชายสูงวัย บ้านของเขามีรั้วติดกับบ้านหลังเก่าของพะแพง และเป็นหนึ่งในจำนวนคนที่มายืนออ ตอนที่ภาคินอาละวาด... “เปล่าครับ ผมกับเพื่อนอยากเจอ มีธุระสำคัญมาบอก” เก่งกาจเอื้อมจับแขนเพื่อน เขากระตุกเบาๆ พร้อมกับรีบกล่าวออกหน้าแทน “ธุระอะไร!!” แม้น้ำเสียงจะยังไม่ลดความเข้มข้น แต่เพราะความอยากรู้ตามประสามนุษย์!! ทำให้ชายคนนั้นยังคงถามต่อ “เรื่องงาน...พะนายตกงานไม่ใช่เหรอ? ผมมีงานให้เขาทำ” เก่งกาจสุ่มเดา เมื่อถูกภาคินเฉดหัวส่ง พะนายคงลำบากพอดี แต่สิ่งที่เขาได้รู้เกินคาด ชายผู้นั้นหัวเราะร่า “ฮ่าๆ ไม่ต้องห่วงไอ้นายมันหรอก มันรวยแล้ว” คนเล่าหัวเราะสลับกับเหลือบมองคนต
บทที่15.การพบเจอแบบที่ไม่มีใครคิด...3เดือน…กับความโหยหาที่ไม่อาจปริปากบอกใครได้ ภาพเงาของผู้หญิงนัยน์ตาวาวคนนั้น ยังลอยวนเวียนอยู่รอบตัว หล่อนหายไปจากการรับรู้ ประหนึ่งเหมือนหายตัวได้ เพราะยิ่งภาคินขวนขวายที่จะค้นหา เหมือนกับหล่อนจะหลีกเร้นจนควานหาไม่เจอ ไร้รูปกาย ไร้เงา...และหากภาคินสนใจตัวเอง เขาจะรู้ว่าช่วงเวลาที่ผ่านมานั้น เขาปล่อยปละตนเองขนาดไหน จากผู้ชายที่เชื่อมั่นในตนเอง สนุกสนานกับภาพมายา ชอบที่จะอยู่ท่ามกลางวงล้อมผู้คน...วันนี้สิ่งเหล่านั้นทำให้ผู้ชายคนเดิมเอือมระอา เขาเก็บตัว ชอบอยู่เงียบๆ กับขวดเหล้ามากกว่า ยิ่งภาวนาบินไปเฝ้าวลัยอรที่อังกฤษ!! ภาคินก็ยิ่งปล่อยปละตัวเอง จนทรุดโทรม ผมเผ้าที่เคยเรียบกริบกระเซอะกระเซิง!! สูทเนียบเรียบกริบก็จริง เพราะมีคนคอยดูแล แต่กลิ่นที่ระเหยโชยออกมาจากร่างใหญ่โต กลับมีแต่กลิ่นแอลกอฮอลล์ กับกลิ่นบุหรี่ งานสังคมส่วนใหญ่ถูกงด เมื่อเจ้าตัวไร้อารมณ์ เขางดสังสรรค์ เปลี่ยนเป็นมานั่งดื่มเงียบๆ คนเดียวที่บ้าน เวลาทั้งหมดหลังเลิกงาน...ภาคินอุทิศให้กับสุรา...นอดกอดขวดเหล้าหลับคาโซฟา โดยที่ไม่มีใครกล้าทักท้วง...
บทที่14.การเผชิญหน้ากับความลับที่ถูกซ่อนไว้ เป็นวันที่ครอบครัวมีความสุขอย่างแท้จริง...กิจการของพะนายกำลังไปได้ด้วยดี เขามีออเดอร์ที่จะต้องส่งให้กับร้านประจำทุกวัน และร้านสะดวกซื้อที่ต้องส่งจำนวนมากต่อวัน... วันนี้จึงเป็นวันที่ครอบครัวงามสุวรรณน่าจะมีความสุขที่สุด กับงานขึ้นบ้านใหม่...บ้านในฝันของสองพี่น้อง... คล้ายยืนมองตัวบ้าน นัยน์ตาฝ้าฟางเออคลอไปด้วยน้ำใสใส เขานึกถึงภรรยาคู่ยากที่ด่วนจากโลกนี้ไป ด้วยความเสียดาย หากโรคร้ายไม่คร่าชีวิตนางไป วันนี้คงเป็นวันที่ภรรยาของเขา ยิ้มได้มากกว่าทุกวัน “พ่อ กินข้าวกัน...พี่สมจิตร ป้าสาย เฮียทานข้าวค่ะ” หลังส่งพระที่มาทำพิธีเจิมตัวบ้าน เพื่อให้บ้านหลั