บทที่3.รอยราคีที่ต้องจำจนวันตาย
“เธอแน่ใจนะว่าจะไม่เปลี่ยนใจทีหลัง...”
ภาคินถามย้ำ เขาไม่ใคร่แน่ใจ หากหล่อนบิดพลิ้วขึ้นมาเหมือนกับพี่ชาย เขาจะอารมณ์เสียหนักขึ้น
“ค่ะ...” พะแพงเชิดหน้าขึ้น เธอยอมรับความอดสูไว้ เพื่อต่อลมหายใจและทางเลือกให้พะนาย
“ดี!!” ชายหนุ่มกระแทกเสียงหนักๆ เขาเดินปึงๆ ออกไปจากบ้าน พร้อมกับตะโกนเสียงลั่น
“พาหล่อนไปหากูที่คอนโด กูจะไปอาบน้ำรอ แล้วถ้าหาไอ้พะนายเจอ จับเป็นมัน!! กูอยากเห็นหน้ามันก่อน”
ใครจะคิดว่าบ้านเมืองที่มีกฎหมายคุ้มครอง จะมีคนบางคนใช้ศาลเตี้ย ตัดสินด้วยกำลัง เป็นอิทธิพลมืดที่พะแพงเองก็เพิ่งจะเคยเห็น เธอเคยได้ยินแค่เสียงเล่าลือ ไม่คิดว่าตัวเองจะได้เผชิญหน้ากับมันแบบที่ไม่สามารถเลี่ยงได้...
“ครับ”
เสียงรับคำแบบพร้อมเพรียง พะแพงทรุดฮวบ เธอร่วงลงไปกองที่พื้น แล้วก็มีผู้ชายหน้าดุเยี่ยมหน้าเข้ามามอง
“อย่าลีลา เธอมีเวลาแค่10 นาที อย่าให้ถึงกับต้องลากไป”
เป็นคำขู่ที่หญิงสาวสะท้านถึงทรวง...
พะแพงสูดลมหายใจลึกๆ ไหนๆ เธอก็ตัดสินใจไปแล้ว ช่วงเวลาเลวร้ายจากนี้ไปต่างหากที่เธอต้องเผชิญหน้าทน
ภาคินนั่งหน้าตึง เขาเอ่ยปากถามลูกน้องข้างตัว
“ดมกลิ่นไอ้นายไปถึงไหนแล้ววะ?”
“ใกล้แล้วครับนาย ก่อนเช้าผมรับประกัน เราต้องควานหามันเจอแน่”
เอกภพเลขานุการกึ่งบอดี้การ์ดตอบเสียงทุ้ม
“ดีมาก ฉันไม่ผิดหวังเลยที่เรียกนายกลับมาทำงานนี้” ภาคินแค่นยิ้ม เอกภพคือตัวแทนเขา หนุ่มใหญ่ทำงานอยู่ที่นิวยอร์ค เป็นดั่งนอมินี เมื่อภาคินไม่ชอบอากาศเย็น เขาชอบทะเลกับอากาศอุ่นๆ มากกว่า ชายหนุ่มจึงตั้งฐานบัญชาการอยู่ที่เมืองไทย มีนอมินีอย่างเอกภพคอยกินตำแหน่งอยู่ในต่างแดน ทั้งโซนยุโรป หรืออเมริกา...โยธาสตาซ์อินดัสเทรียส!! บริษัทส่งออกพืชผลทางการเกษตรรายใหญ่ ไม่มีใครไม่รู้จักเขา หากเป็นเกษตรกร เมื่อชายหนุ่มแทบจะเป็นเจ้าใหญ่รายเดียวที่กว้านซื้อสินค้าทางการเกษตรทุกชนิด...เขาเที่ยงธรรม...แต่ก็นักเลงพอตัว...ด้วยวัย 35 ปี
มือขวาของภาคินคือเอกภพ และที่ทำให้ชายหนุ่มแทบคลั่ง เพราะพะนายถูกชายหนุ่มปลุกปั้น เขาหวังให้หนุ่มรุ่นน้องเป็นดั่งแขนซ้าย แต่...พะนายดันตลบหลังเขา ด้วยการพาหลานสาววัยรุ่นของเขาหนี เป็นการหยามหน้าชายหนุ่ม ในแบบที่เขาอภัยให้ไม่ได้จริงๆ
“ครับ...” เอกภพผ่อนลมหายใจ เขาสลดใจแทนพะนาย อนาคตคงดับดิ้น เมื่อเป็นแค่สุนัขข้างทาง แต่ดันหวังเปิดกระป๋องอาหาร นั่นเท่ากับพะนายโง่จัด...วลัยอรเป็นเหมือนไข่ในหิน...หล่อนเป็นดั่งหัวใจของครอบครัวอภิเษศโยธา เพราะหล่อนเป็นหลานสาวคนแรก และคนเดียว...เนื่องจากภาคินยังทำตัวลอยชาย เขายังไม่มีคู่ครอง แถมความคิดนั้น ไม่เคยอยู่ในสมองชายหนุ่ม เขารักอิสระ และเป็นดั่งพญานกเหยี่ยว ที่สอดส่ายสายตาหาเหยื่ออันโอชะ ก่อนจะตะปบกัดกิน และทิ้งซากเน่าๆ ไว้เบื้องหลัง...
“อย่าลืม...จับเป็น ฉันยังไม่อยากให้มันตาย...”
เขาเว้นโทษตายให้พะนาย เพราะน้องสาวของชายหนุ่มร้องขอ...แลกกับ ‘พรหมจรรย์’ ของหล่อน
เป็นผลกำไรที่อยากหัวเราะลั่น!!
“สั่งอาหารให้ฉันด้วย หลังอาบน้ำเสร็จฉันคงหิวน่าดู”
ภาคินเตรียมพร้อม...อีกไม่เกิน30 นาที หล่อนก็คงมาถึง เขาจะฟาดฟัดหล่อนบนเตียงยันเช้าตรู่ กับช่วงเวลาเกือบ4 ชั่วโมงเต็ม แล้วก็จะปลิดชีพพะนาย...เด็ดลมหายใจของมัน ถีบส่งมันลงนรกด้วยตัวเอง ให้สาสมกับสิ่งที่มันทำ
“ครับ...”
“เยี่ยม!!”
ชายหนุ่มเอนกายพิงเบาะหนังนุ่ม หลุบเปลือกตาลง เพื่อพักสายตา เขาตะเวนหาพะนายไล่ตั้งแต่ภูเก็ต ตามรอยมันมาถึงกรุงเทพฯ และเร็วๆ นี้คงได้ตัวมัน พร้อมกับวลัยอร...
ห้องสวีทหรู คอนโดที่ชายหนุ่มซื้อทิ้งไว้ มันถูกตกแต่งสวยงาม มีเครื่องอำนวยความสะดวกครบครัน ด้วยเม็ดเงินก้อนใหญ่ สมฐานะมหาเศรษฐี ภาคินถอดสูท เขาเหวี่ยงเสื้อสูทอาร์มานี่หล่นบนพื้น ไม่ได้ใส่ใจว่าเสื้อสูทตัวนี้จะราคาแพงแค่ไหน ตามด้วยกางเกงผ้าเนื้อนุ่มพอดีตัวยี่ห้อเดียวกัน ที่ถูกสลัดทิ้งแบบไม่ใส่ใจ ขณะนี้บนร่างกายกำยำ มีเพียงอันเดอร์แวร์ตัวจิ๋วเกาะสะโพกสอบอยู่ชิ้นเดียว เขาสลัดกางเกงชั้นในยี่ห้อ Calvin Klein ทิ้งเป็นชิ้นสุดท้าย ก่อนจะก้าวเท้าลงไปในอ่างกุชชี่ ที่มีคนเตรียมพร้อมไว้ให้ น้ำอุ่นกำลังดี แถมยังเต็มไปด้วยฟองนุ่มๆ กลิ่นหอมลอยฟุ้ง ชายหนุ่มหย่อนตัวลงนั่ง เขาอิงศีรษะกับขอบอ่างโดยมีผ้าเช็ดตัวขนนุ่มรองรับไว้...ก่อนจะหลุบเปลือกตาลง ปล่อยให้สายน้ำอุ่นผ่อนคลายความตึงเครียดที่เกิดขึ้น กับ 24 ชั่วโมงที่แทบไม่ได้หลับไม่ได้นอน
พะแพงเหลียวซ้ายแลขวา เธอเดินขาสั่นตามกลุ่มชายฉกรรจ์3 นาย เขาต้อนเธอเหมือนกลัวว่าเธอจะหนี หลังช่วยกันปิดห้องเช่าโทรมๆ ของเธอจนแน่นหนาดี ใบหน้าเธอคงตลกสิ้นดี เมื่อตั้งแต่ก้าวเข้ามาในอาคารหลังนี้ มีแต่สิ่งที่ทำให้เธอตื่นตะลึง!! นับตั้งแต่โคมระย้าเหนือล็อบบี้
โคมไฟแชนเดอเลียร์เหนือฝ้าเพดานนั่น เท่าที่รู้ราคา มันเป็นราคาเรือนแสน แต่ที่เห็นนี่เธอไม่กล้าแม้แต่จะคิด...มันหรูระยับเสียจน ราคาแสนคงเอาไม่อยู่
ตามด้วยลิฟต์แก้วโปร่งๆ ที่เหมือนกับยืนอยู่บนอากาศ ในตอนที่ลิฟต์ขยับเคลื่อนที่
พรมหนานุ่มสีแดงชาด...ปูตามทางเดิน...ขนของมันนุ่มมากกว่าที่นอนของพะแพงเสียอีก
“ถ้าอยากมีชีวิตรอดออกมาจากห้องเจ้านาย อย่าพยายามทำให้ท่านอารมณ์เสีย”
คำเตือนสั้นๆ ก่อนเธอจะถูกผลักเข้ามาในห้อง...
ประตูห้องถูกปิดฉับ!! ปิดทางหนีของพะแพงโดยสิ้นเชิง
หญิงสาวมองไปรอบๆ ตัว ภายในโออ่า...จนเธอนึกขยาด...ไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว เพราะกลัวจะทำให้สิ่งของ ของเขาเกิดความเสียหาย เธอคงไม่มีปัญญาชดใช้ เมื่อเวลานี้เธอต้องเก็บทุกบาท ทุกสตางค์ ไว้เพื่อยื้อลมหายใจบิดา
พะแพงรวบรวมความกล้า...เธอเดินขาสั่นๆ ไปทรุดนั่งที่เก้าอี้ตัวหนึ่ง ที่อลังการไม่แพ้สิ่งของชิ้นอื่นๆ
หญิงสาวตัดพ้อโชคชะตาในใจ คนรวยก็รวยเสียจนใช้จ่ายแบบฟุ่มเฟือยได้แบบสบายใจเฉิบ คนเหล่านั้น แทบไม่รู้จักความลำบาก เขาไม่เคยต้องอด เมื่อมีเงินอัดแน่นเต็มกระเป๋า ในขณะที่คนจน ก็จนข้นแค้น แม้แต่เสื้อผ้าห่มกายยังไม่ต่างอะไรกับผ้าขี้ริ้ว
หญิงสาวก้มหน้าลง เธอพยายามนึกถึงใบหน้าพี่ชาย...เพราะหากพะนายเป็นอะไรไป ใครล่ะจะดูแลบิดา เมื่อเธอกำลังจะสละอวัยวะชิ้นหนึ่งให้ท่าน อายุของเธอก็จะสั้นลง...ดังนั้นพะแพงจึงฝากความหวังของเธอ ไว้ที่พี่ชายคนเดียว เขาแข็งแรงและเข้มแข็ง คงทำให้บิดามีบั้นปลายชีวิตที่มีความสุขได้
ส่วนตัวเอง จะเป็นเช่นไร...ก็สุดแล้วแต่โชคชะตาจะบันดาล
ภาคินก้าวออกจากอ่างน้ำ เมื่อรู้สึกว่าเวลาผ่านไปพอสมควร
เหยื่อสาวเนื้อหวาน ที่รอให้เขาเชือดน่าจะมาถึงแล้ว
ชายหนุ่มฉวยผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ มาพันกายช่วงล่าง เขาเดินย่ำลงไปบนพื้นพรม กราดตามองหาหญิงผู้นั้น ก่อนจะกระตุกยิ้มด้วยความสาแก่ใจ เพราะหญิงสาวนั่งสงบอยู่บนเก้าอี้ตัวหนึ่งกลางห้องโถง...
ปลายเท้าเปลือยที่พะแพงมองเห็น เธอกลั้นใจ พยายามทำใจให้สงบ แม้มันจะเป็นการยากยิ่ง
ปลายเล็บเท้าของชายหนุ่มถูกทำความสะอาดและตัดแต่งจนได้รูป แสดงให้เห็นว่าเขาใส่ใจตัวเองไม่ใช่น้อย แม้แต่อวัยวะต่ำสุด ชายหนุ่มยังดูแลอย่างดี
ชายผ้าเช็ดตัวที่ไหวไปมา ยามที่ชายตรงหน้าขยับเนื้อตัว ยิ่งทำให้พะแพงใจแกว่ง!! ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้ามอง
“เธอจะก้มหน้าหาเศษเงินอีกนานมั้ย?”
เสียงแหบห้าวร้องถาม เขาขยับข้อมือแรงๆ เพราะกำลังเช็ดผมเปียกๆ บนศีรษะ
พะแพงสะดุ้งโหยง...เธอกำลังรวบรวมความกล้า แม้มันจะมีแค่น้อยนิด แต่มันก็ยังช่วยให้เธอฝืนสู้ตาคมดุของภาคินได้
“เอ่อ...”
“ที่ของเธอน่าจะอยู่ตรงนั้นมากกว่านะ”
ชายหนุ่มชี้นิ้วไปที่เตียงนอน...เขายิ้มเหยาะเพราะสีหน้าพะแพงสลดลงไปทันใด
“ค่ะ ฉันรู้... แต่ขอเวลาฉันนิดได้ไหมคะ?”
เธอไม่ได้อ้อนวอน แค่ขอเวลา ผู้หญิงอย่างเธอไม่ชินเรื่องพวกนี้ จู่ๆ จะให้กระโจนขึ้นเตียง แล้วปล่อยให้ใครก็ไม่รู้มายุ่มย่ามกับเนื้อกับตัว...มันเป็นอะไรที่ฝืนความรู้สึก ดังนั้นจึงอยากขอเวลาทำใจสักหน่อย...
“ไม่ว่าตอนนี้ หรืออีก10 นาทีข้างหน้า มันไม่ต่างกันหรอกคนสวย”
ชายหนุ่มเปรยเยาะๆ เขากระตุกชายผ้าทิ้งลงข้างตัว ก่อนจะเดินโทงๆ ไปยังเตียงนอนขนาดใหญ่ที่อยู่หลังบานประตูห้องนอน เขาเอี้ยวตัวมามองพะแพง พยักหน้าเรียกเธอ...แล้วก็เดินโยกซ้าย โยกขวา เหมือนเป็นเรื่องปกติธรรมดาเสียเหลือเกิน
ปล่อยให้หญิงสาวนั่งเบิกตาโตๆ เธอมองแก้มก้นเป็นปั้นๆ ของภาคินตาค้าง...
เกิดมาจนมีอายุเกือบ23 ปี พะแพงสาบาน แม้แต่พี่ชาย เธอก็ยังไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน ‘ผู้ชายเปลือย’
แม่เจ้าเธออยากจะร้องกรี๊ดๆ
ใช่สิ!! เขาคงไม่อาย เมื่อหุ่นของเขา เท่าที่สายตาของเธอจับโฟกัสได้...นายแบบหนังสือปลุกใจชื่อดัง คงต้องกัดลิ้นตาย หากได้มาเห็นภาคินในตอนนี้
เท่าที่พะแพงจำได้...ผู้ชายเปลือยอกเธอเห็นออกบ่อย เมื่อแหล่งชุมชนแออัดนั้น หลังเลิกงานหนุ่มๆ รักดีก็จะออกกำลังกาย และการถอดเสื้อเนื่องจากอุณหภูมิในตัวร้อนจัด จึงไม่ใช่เรื่องแปลก แต่เธอไม่เคยสะดุดตาหนุ่มคนไหน เท่ากับผู้ชายที่เพิ่งเดินเปลือย...ให้เธอเห็นเต็มตาคนนี้เลย
พะแพงไม่เคยรู้มาก่อน ว่าก้นผู้ชายจะสะกดสายตาคนมองได้ชะงัด
ก้นของภาคินเต่งและงอน...และเท่าที่ได้ยินมา ผู้ชายส่วนใหญ่จะก้นปอด แต่ที่เห็นเต็มตาอยู่นี่
ก้นผู้ชายเต่งๆ งอนๆ และเมื่อยามที่เขาก้าวเดิน...มันก็ชวนมองไม่ใช่น้อย
เธอเผลอมองตามจนเขาหายลับไปหลังบานประตูนั่น
“พะแพง...เธอควรทำตามสัญญาได้แล้วนะ”
เสียงตะโกนเรียกดังๆ ดังมาจากด้านในห้อง จนหญิงสาวสะดุ้ง!! เธอหลุดออกมาจากภวังค์ รีบยันกายลุกขึ้นยืนช้าๆ ลากขาที่หนักอึ้ง!! เดินเข้าสู่แดนประหารด้วยหัวใจโทรมน้ำตา...
จนกระทั่งเดินมาหยุดอยู่กลางห้องนอน ที่มีแสงสว่างเพียงน้อยนิด
ภาคินนั่งอยู่บนโซฟา เขาตวัดขาไขว่ทบกัน ปิดบังของสงวนของตัวเองไว้อย่างมิดเม้น
ชายหนุ่มหรี่ตาลง เขาลุ้นและกำลังประเมินหุ่นของแม่สาวเศษขยะเน่าๆ มันจะคุ้มไหม? หากเขาจะลงทุนเกลือกกลั้วกับหล่อนด้วย
“จะถอดเอง หรือจะให้ฉันถอดให้...”
หญิงสาวผงะ เธอเบิกตาโตๆ มองหน้าเขาอีกครั้ง ลมหายใจสะดุด รีบก้มหน้าหลบสายตาวาววาม
“ว่าไงล่ะ เธอตัดสินใจเองนี่นา... ฉันไม่ได้บังคับเธอเลย ลมหายใจของไอ้พี่เวรของเธอนั่น ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเธอแล้วนะ”
ภาคินขู่...หากหล่อนยังมัวแต่ยื้อเวลา...เขาก็ไม่ปรารถนาที่จะบังคับ...ความเป็นความตายของพะนาย ขึ้นอยู่กับหล่อนคนเดียว
มือสั่นๆ ยกขึ้นจับรังดุมตรงอกเสื้อ หลังจากนิ่งทำใจอยู่ชั่วครู่
ภาคินคราง... ‘อืม’ มันเป็นอะไรที่เกิดคาด!! แม่สาวน้อยตรงหน้าหุ่นดีจนเขาคาดไม่ถึง ลาดไหล่หล่อนกลมกลึงใต้เสื้อเชิ้ตพอดีตัวสีขุ่นๆ เพราะความเก่าเนื้อผ้า หลังงปลดเปลื้องสิ่งที่เขาเห็นสร้างความตื่นตะลึงได้ไม่ใช่น้อย เนินอกอวบอิ่มกลมพอเหมาะมือ รับกับช่วงเอวกิ่วคอดแค่ฝ่ามือเดียวของหล่อน เขาไล่สายตาเรื่อยลงไปถึงสะโพกผายกลมกลึงใต้กางเกงสีขรึมๆ ที่ก็คงเก่าไม่แพ้กันกับเสื้อเชิ้ตสีซีดๆ นั่น ชายหนุ่มพ่นลมหายใจแรงๆ เพื่อระบายความร้อนในร่างกายที่วิ่งพล่านผิดปกติ!! รอยยิ้มเหยียดๆ ปรากฏขึ้นมุมปากหนาหยัก หล่อนจะดูดีไม่มีที่ติ แต่หล่อนก็เป็นแค่ดอกไม้ข้างทาง... ที่จะถูกเด็ดดมและทิ้งขวางเมื่อมันไม่มีราคา และไม่สามารถยกขึ้นเชิดชู หรือปักลงในแจกันทอง เป็นได้แค่ของใช้ชั่วคราว พอหมดประโยชน์ หล่อนก็จะเป็นแค่กากเดนที่ไร้คุณค่า...
“ขึ้นเตียงสิ เธอคงไม่คิดว่าฉันจะใจดี อุ้มเธอเดินขึ้นไปบนนั้นหรอกนะ”
ขนาดจะมีอะไรกันบนเตียงนั่น ภาคินก็ยังไม่วายเหน็บพะแพงให้หล่อนเจ็บจี๊ดๆ ในใจ
ใช่เธอมันไร้ค่า ไม่มีราคาคู่ควรสำหรับการยกย่อง
แต่สักวันหนึ่งเถอะ สักวันหนึ่ง เธอดันตัวเองให้สูงเทียมฟ้า มีราคาให้เขาได้แต่แหงนมอง...
พะแพงทิ้งเสื้อเชิ้ตในมือลงข้างเตียง เธอเดินหน้าชาขึ้นไปนอนหลับตาปี๋บนเตียงใหญ่...โดยที่ถอดได้แต่เสื้อตัวเดียว มือเธอหมดแรงตอนที่รูดซิปกางเกง เธอทำไม่ได้หรอก มันน่าอายเกินทน...
ภาคินยันกายขึ้นช้าๆ เขาเดินมาหยุดข้างเตียง ทอดสายตาโชนแสง มองเขม็งมายังคนตัวสั่นเทาตรงหน้า คงเป็นเพราะความกลัว บวกกับความไร้เดียงสา เขาได้กลิ่นเช่นนั้นโชยออกมาจากร่างกายของเธอ ภาคินยิ้มเยาะ!! เขาทอดสายตามองพะแพงด้วยความสมเพช เขาต้องการอะไรจากหล่อน? ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นหัวเราะ!! “ฮ่าๆ” ผู้ชายอย่างเขาจะต้องการอะไรล่ะ มันก็เหมือนหนุ่มๆ อีกหลายคน พวกเขาย่อมต้องการ ‘พรหมจรรย์’ จากผู้หญิงจนๆ อย่างพวกเธอไง...อย่างอื่นนะเหรอคงไม่มี เมื่อเนื้อตัวของหล่อนถูกตีเป็นราคา และอย่างน้อยที่สุดหล่อนก็คือของเล่นชั่วคราวของเขา หรืออีกในหนึ่งก็คือ ‘เครื่องเล่นของเศรษฐี’
พะแพงเม้มริมฝีปากแน่น เธอสูดลมหายใจลึกๆ เมื่อเธอเลือกเดินทางนี้ สิ่งสำคัญของเธอ แต่มันช่างไร้ค่ากับคนตรงหน้าเหลือเกิน ช่างมันเถอะกับไอ้ความบริสุทธิ์ผุดผ่องที่ไม่มีใครเห็นค่า...หากสิ่งๆ นี้ สามารถช่วยพี่ชายให้รอดชีวิตได้...มันจะเป็นรอยราคีที่เธอจะจำไปจนวันตาย...ก็ช่างมัน!!
หยดน้ำตาค่อยๆ รินไหล เธอยกมือขึ้นปาดคราบน้ำตาร้อนๆ นั้น ไม่ต้องการแสดงความอ่อนแอให้เขามองเห็นและเปิดทางให้ภาคินได้ซ้ำเติม
“รับประกันเลยพะแพง...เธอจะจำคืนนี้ไปจนวันตาย”
ชายหนุ่มกล่าวเสียงแหบ ตอนที่เขาโน้มใบหน้าลงมากระซิบข้างหูหญิงสาว
พะแพงแย้งในใจ...ใช่เธอจะไม่มีวันลืมคืนนี้ แต่ไม่ใช่เพราะความทรงจำดีๆ ที่มีต่อกัน...
เธอจะสาปส่งเขา บันทึกทุกอย่างไว้ด้วยความเกลียดชัง...เขาจะเป็นความดำมืดในชีวิตของเธอ ที่ต้องจาลึกไว้ ด้วยหัวใจที่โทรมไปด้วยน้ำตา
หญิงสาวเม้มปากแน่น ร่างกายสะท้านเยือก เมื่อริมฝีปากรุ่มร้อนแตะต้องผิวกายเปลือยเปล่า...
บทที่4.เพียงสายลมพัดผ่าน... เป็น ‘จูบ’ แรกที่หญิงสาวได้รู้จัก มันไม่ได้เริ่มต้นดีนัก เพราะมันเกิดขึ้นจากความจำยอม... แต่ก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิด!! นับว่าภาคินมีฝีมือเชี่ยวพอตัว เขาสามารถโน้มน้าว ทำให้คนที่นอนแข็งเป็นท่อนไม้ หลงเคลิ้มไปกับสัมผัสแผ่วๆ นั่นได้ ‘จูบ’ สิ่งที่สาวๆ วัยแรกรุ่นส่วนใหญ่เคยนึกฝันยามค่ำคืน...พวกหล่อนอยากอยู่ในอ้อมกอดของใครสักคน? ใครสักคนที่ทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย แต่ที่พะแพงกำลังผจญอยู่นี่... มันกลับเต็มไปด้วยความเร่าร้อน ซ่านเสียวและทรมานจนหญิงสาวนึกหวั่นกลัว มันต่างกับที่เธอเคยฝันหวานไว้ ‘จูบ’ ไม่ได้อ่อนหวาน แต่มันกำลังทรมานเธอแทบจะขาดใจตาย...กำหนัดรุ่มร้อน ตามประสาหนุ่มวัยฉกรรจ์ แต่ที่ทำให้ภาคินแปลกใจ เขาทำเหมือนคนอดอยาก...ตะโบม ‘จูบ’ หล่
ยอดอกสีสดถูกอุ้งปากร้อนชื้นอ้างับ เขาครอบครอง ดูดซึมความหวานฉ่ำชื่น ขยำขยี้ บีบบี้ความเต่งตึงนุ่มหยุ่นเคล้นคลึงด้วยความพอใจ ความรู้สึกหวามไหวไหลปร่า แผ่กระจายทั่วทุกตารางนิ้วบนผิวกาย เธอรู้สึกสยิวซาบซ่าน ทุกครั้ง...ยามที่ถูกโลมลูบด้วยฝ่ามือร้อนระอุ!! ร่างกายของเธอแทบจะลุกเป็นไฟ เมื่อถูกฝ่ามือใหญ่ๆ ลูบไล้สัมผัส ให้ตายเถอะ!! เธอไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะรู้สึกกระสันซ่านได้ถึงเพียงนี้ ความรู้สึกเหมือนถูกไฟฟ้าช็อต...กระแสไฟอ่อนๆ นั่นวิ่งพล่านทั่วทั้งตัว มันจุดประกายบางอย่างที่เธอไม่เคยรู้ และมันกำลังทำให้เธออยากรู้ในสิ่งต่อไปที่กำลังจะมาถึง!!“อืมมมม...”เสียงครางผะแผ่ว ดังรอดออกมาจากกลีบปากที่เม้มแน่น ภาคินยิ้มเหยียดๆ มุมปาก เขาพรมจุมพิตหนักๆ ใต้ฐานอกอวบ ลากปลายลิ้นเปียกๆ ลงต่ำ พร้อมทั้งสูดกลิ่นความหอมหวานของเนื้อสาวจนเต็มปอด...ลูบไล้ผิวกายนุ่มนิ่มปลุกกระแสเลือดในกายของหญิงสาวให้เดือดพล่านเพิ่มมากขึ้นมือร้อนไล้วนเหนือแผ่นท้องราบเรียบ ปลายนิ้วเรียวสวยวนรอบแอ่งสะดือบุ๋มชวนชิดเชย ไถลเรื่อยไปยันเอวคอดกิ่วกับสะโพกผายเต็มตรึง!! พะแพงสะดุดลมหายใจตัวเอง เธอกลั้นห
บทที่5.นกปีกหัก... โครม!! หญิงสาวผวา เธอได้ยินเสียงดังปึงปัง...จากภายนอก จนกลั้นความอยากรู้ไม่ได้ เธอแง้มประตูห้อง...เพื่อมองสิ่งที่เกิดขึ้นตรงนั้น...หญิงสาวตะลึงตาค้าง... ที่ถูกหิ้วปีกจากชายสองคนนั่น...คือพะนายพี่ชายเธอไม่ใช่เหรอ? พะแพงดันประตูพรวด เธอถลาเขาไปยืนขวางหน้าภาคิน ดวงตากลมโตไหวระริก แต่เด็ดขาด...เชิดหน้าขึ้นท้าทายกับเขา เสียงสั่นๆ ผ่านริมฝีปากบวมเจ่อ “คุณบอกว่าจะปล่อยพี่นายไปไงคะ!!” นัยน์คมดุถมึงทึง...เขากราดตามองหญิงสาวตรงหน้า แล้วจึงถอนลมหายใจพรวดๆ... “กลับเข้าไปอยู่ในห้องเลยพะแพง...”&nbs
“เจ้านายไม่เคย ‘รัก’ ใคร เจ้านายไม่มีวันเข้าใจความรู้สึกของผมกับคุณอรหรอกครับ” แม้จะถูกกระทำ ถูกกดต่ำยิ่งกว่าผิวดิน แต่ความนับถือที่พะนายมอบให้ภาคินยังเหมือนเดิม ถึงความเห็นจะไม่ลงรอยกัน “หึ!! ไอ้นายอย่าว่ากูสอนเลยนะ ‘ความรัก’ ที่มึงอ้าง มันกินไม่ได้ว่ะ และมันไม่มีอยู่จริง ตอนนี้ยัยอรหลงมึง เพราะหลานกูยังเด็ก แต่รอให้ยัยอรโตกว่านี้เถอะ รับประกัน... แม้แต่หางตายัยอรก็ไม่แลมึง” ชายหนุ่มบริภาษ...เขากรรโชกเสียงห้าว ในมุมมองของภาคิน...ความรัก...เป็นความรู้สึกที่สัมผัสไม่ได้ ถึงมีคุณค่ากับใจ แต่ไม่จำเป็น...เมื่อยังมีหลายสิ่งมากมาย ที่สำคัญกว่า ความรู้สึกไร้ค่าเช่นนั้น พะนายเม้มปาก เขาเถียงภาคินไม่ได้ เมื่อแม้แต่ตัวเองก็ไม่เคยมั่นใจ ว่าความรักระหว่างวลัยอร กับตัวเองจะสมหวัง เมื่อมันแตกต่างกันเกินไป
สองคนพี่น้องหอบสังขารสะบักสะบอมไม่ต่างกันเดินออกมาจากสถานที่โอ่อ่า มีสายตาหมิ่นๆ มองตามมาตลอดทาง เมื่อสภาพร่างกายของคนทั้งคู่น่าสังเวชเหลือทน... พะแพงเดินเท้าเปล่า เธอไม่มีแม้แต่รองเท้า... พะนายเองก็ย่ำแย่ เขามีร่องรอยบาดเจ็บไปทั้งตัว มีแต่คราบเลือด กับความบอบช้ำ “พี่นาย...แพงไม่มีสตางค์เลย...พี่นายพอมีมั้ย?” หญิงสาวเอ่ยถามพี่ชายเสียงสั่น เธอกัดกระพุ้งแก้มมองตรงไปยังเบื้องหน้า พยายามไม่ใส่ใจสายตาหลายคู่ที่มองมายังเธอ “ยะ อยู่ในกระเป๋ากางเกง...” พะนายกัดฟันพูด เขาเจ็บร้าวไปทั้งกระบอกตา “เราต้องกลับบ้านก่อน ค่อยไปโรงพยาบาล”
บทที่6.เส้นทางใหม่กับหัวใจนักสู้... “พี่นายแพงไปก่อนนะเจอกันเย็นๆ พี่นายนอนพักไปก่อนเถอะ ให้ทำแผลก็ไม่ยอมทำ” หญิงสาวบ่นพี่ชาย ในขณะที่ตัวเองก็บาดเจ็บไม่ต่างกัน พะนายเจ็บที่ตัว แต่พะแพงเจ็บร้าวไปทั้งหัวใจ “แพง...ที่คุณภาคินพูดหมายความว่าไง?” พะนายรั้งแขนน้องสาวไว้ ก่อนที่เธอจะเดินหนีไปอีกทาง... พะแพงชะงัก เธอเม้มเรียวปากแน่น... “ก็อย่างที่เขาพูด ไม่อย่างนั้นพี่นายคงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้” พะนายเม้มปาก เขาเผลอกดแขนบางของพะแพงแรงๆ จนหญิงสาวร้องลั่น “โอ้ย!! พี่นาย แพงเจ็บ” “โทษทีๆ แพง...พี่ขอ
นางตบเข่าฉาด มโนเห็นกิจการพันล้านลอยอยู่ตรงหน้า หากชายหนุ่มคิดจะทุ่มสุดตัว นางเห็นว่าความคิดของพะนาย มีทางเป็นไปได้... “ผมเตรียมมาแล้วครับอยู่ที่บ้าน เดี๋ยวผมไปขนมาบ้านป้าเลย จะได้ลองทำ แล้วรีบเอาไปให้พี่สายหยุดลองชิม” พะนายผุดลุกขึ้นยืน เขาครางซี๊ด เพราะอารามรีบจึงขยับตัวเร็วเกินไป และผลจากการโดนซ้อมเมื่อวันก่อน เขาจึงรู้สึกรวดร้าวไปทั้งตัว ชายหนุ่มกัดฟันทน เขาไม่มีเวลามาโอดครวญ...หากความฝันเป็นจริง เขาจะช่วยได้ทั้งบิดา และพะแพง 15 นาทีต่อมา... อุปกรณ์การทำหนังไก่ทอดจึงถูกนำมาที่บ้านยายสาย เสียงสาวใหญ่ดังโขมงโฉงเฉง เมื่องัดสูตรเด็ดของตัวเองออกมาสั่งสอนพะนาย“อันดับแรกเลยนะพ่อนาย...ล้างหนังไก่
บทที่7.ว่าที่เศรษฐีใหม่ ดังนั้น...เมื่อประตูห้อง ICU เปิดให้ญาติผู้ป่วยเข้าไปได้ คล้ายจึงได้เห็นรอยยิ้มแต้มใบหน้าของบุตรทั้งสอง พร้อมกับเสียงคุยโวของพะนาย...ท่านฟังพร้อมกับยิ้มรู้สึกสบายใจไปด้วย ไม่ต้องคอยเป็นห่วงพะนายที่อยู่ไกลตา “จากนี้ไปนะพ่อ นายจะเลี้ยงพ่อกับแพงเอง...พ่อออกจากโรงพยาบาลครั้งนี้ ลาออกจากงานเลยนะ ไม่ต้องไปทำหรอก มานั่งเป็นกำลังใจให้นายก็พอ” “โม้ไม่หยุดเลยจ้ะพ่อ ตั้งแต่กลับมานี่ ไปรอดหรือเปล่าก็ไม่รู้...คุยยังกับโครงการพันล้าน” พะแพงแอบเหน็บพี่ชาย เธอคิดว่าพะนายทำได้ เมื่อชายหนุ่มเป็นคนขยัน “ไอ้น้องบ้านี่!! ว่าจังเลย คอยดูนะ พะนายคนนี้จะเป็นผู้ชายที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่ยังหนุ่ม เป็นเศรษฐีร้อยล้านให้ดู” พะนาย
ชายหนุ่มกลั้นใจตอบ เขากลืนน้ำลายฝืดๆ แต่เมื่อเหลือบมองพะแพง ใจหายวูบ!! เขารู้สึกเช่นนั้น เพราะเกร็ดน้ำตาของพะแพงไหลเป็นทาง กับความจริงอันน่าเจ็บปวดที่ได้ยินด้วยสองหูตัวเอง“เดี๋ยวๆ” ชายหนุ่มรีบละล่ำละลักพูด เขานิ่งไปหนึ่งอึดใจก่อนจะเอ่ยออกมาช้าๆ “แต่งก็แต่ง...” เสียงของภาคินแผ่วลง เมื่อจำต้องเอ่ยประโยคนั้นออกมาแต่...ไม่ได้เป็นอย่างที่ชายหนุ่มคิด พะแพงไม่ได้แสดงอาการดีใจเหมือนอย่างสาวๆ ที่เขาเคยควงหากได้ยินคำสำคัญคำนี้จากปากคนอย่างนายภาคิน อภิเษศโยธาหญิงร่างเล็กใจเด็ด ตวัดตามอง เธอเม้มเรียวปากจนเป็นเส้นตรงก่อนจะแย้มปากขึ้นกล่าวช้าๆ“ไม่จำเป็นค่ะ พะแพงไม่ต้องการความเมตตานั่น แพงยืนยันเหมือนเดิม แพงเลี้ยงลูกเองได้ โดยไม่ต้องรับความเมตตาของคุณ”สิ้นคำพูดของพะแพง...กลุ่มอาคันตุกะถึงกับอึ้งกิมกี่ ยังมีอีกหรือผู้หญิงที่กล้าปฏิเสธผู้ชายเพอร์เฟคอย่างภาคินเมื่อชายหนุ่มทั้งหล่อและรวย“เธอจะพูดง่ายๆ แบบนี้ไม่ได้หรอกนะพะแพง...เธอหนีความจริงไม่พ้นหรอก ยังไงเสียฉันก็เป็น ‘พ่อ’ ของลูกเธอ”
สองหนุ่มเบ้ปาก จิปากเบาๆ เดินตามไปห่างๆ เพื่อเป็นฝ่ายสนับสนุนให้ภาคิน “แพงไม่ต้องการให้ใครมารับผิดชอบ แพงดูแลตัวเองได้ค่ะ” หญิงสาวกล่าวเสียงห้วน เธอเสก้มหน้านิ่ง ไม่เหลือบแลใครสักคน ภาคินทำหน้าเซ็ง เขาพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ เมื่อไม่คิดว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งจะดื้อด้านถึงขนาดนี้ “เราตกลงกันแล้วครับ พวกเรายอมรับ ‘คนมาใหม่’ แต่ไม่ขอรับความเมตตาของใคร” พะนายเอ่ย ใครในที่นี้คือภาคิน “แต่ฉันไม่เห็นด้วยที่แพงท้อง มันเกิดขึ้นเพราะฉัน แล้วทำไมถึงกีดกันฉันล่ะ” ภาคินกล่าวเสียงขุ่น พะแพงตั้งท่ากันเขาตั้งแต่แย้มปาก “คุณก็รู้ คุณไม่ได้ ‘รัก’ ไม่ได้ชอบน้องสาวผม แล้วจะ
“ฉันอยากเจอพะแพง” ภาคินกล่าวเสียงเย็น เขาต้องการเจอหล่อน เมื่อความสงสัยบางอย่างเกาะกุมอยู่ในหัวใจด้านชา วันนั้นเขาเห็นพะแพงที่โรงพยาบาล หล่อนอยู่ในชุดหลวมๆ เพื่อความสะดวกสบายร่างกายของพะแพงยังไม่ได้เปลี่ยนไปมากเท่าไร แต่ที่ภาคินสะดุด!! คือกลางร่างของหล่อนดูแปลกตา การเดินเหินของหล่อนด้วย ดูพะแพงระมัดระวัง การแต่งกายของหล่อนก็แปลกไป เขาว่าจะเข้าไปหา แต่เพราะติดดูแลบิดาที่มาตรวจเช็คร่างกายประจำปี จึงยังไม่มีเวลาเข้าไปหา พอว่าง...พะแพงก็หายไปแล้ว...นั่นคือสิ่งที่ภาคินติดใจ...บวกกับครั้งนั้น ‘คอนดอม’ เขาละเลย เขาไม่ได้สวมอุปกรณ์ป้องกันตอนที่มีความสัมพันธ์กับพะแพง มันจึงมีความเป็นไปได้ที่หล่อนจะ ‘ท้อง’ “ยัยแพงไม่ต้องการเจอคุณ!!” คล้ายตอบแทนบุตรสาว 
บทที่17.กว่าจะรู้ก็เกือบสาย “ผั๊วะ!!” เสียงกำปั้นตันๆ ฟาดผั๊วะเข้าที่โหนกแก้มข้างซ้ายของภาคิน จนใบหน้าหล่อเหลาสะบัด เขายกมือขึ้นปาดลิ่มเลือดที่ไหลปริ่มออกมาทันที เมื่อคนลงมือจงใจใส่น้ำหนักแบบไม่คิดออมแรง “ออกไป!! ที่นี่ไม่ต้อนรับคนอย่างคุณ” พะนายตวาดไล่ เขายืนกางขาปักหลักมั่น จ้องหน้าอดีตเจ้านายแบบไม่หวาดหวั่น เมื่อผู้ชายตรงหน้าคนนี้เป็นคนเดียวที่ทำให้น้องสาวของเขาต้องเปลี่ยนสภาพจากสาวใส เป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว “พูดกันดีๆ ก็ได้นี่ครับ ไม่เห็นต้องใช้กำลังกันเลย” เพิ่มลาภพูดเสียงอ่อย เขายืนหน้ามุ่ย ซ้อนอยู่ด้านหลังภาคิน มีเก่งกาจยืนหน้าตูมอยู่อีกด้าน “นั่นสิ!! ต้
บทที่16.โชคชะตา ฟ้ากำหนด วลัยอรเดินฝ่าความหนาวเย็นเพื่อไปยังตึกเรียน หลังลงจากรถประจำทางที่โดยสารมาจากที่พัก เธอเดินก้มหน้า ไม่ได้มองซ้ายมองขวา เมื่อไม่อยากมองไปรอบๆ ตัว เพราะทุกจุดที่มีที่นั่งพักมักจะมี ‘คู่รัก’ นั่งสนทนากันอยู่ อารมณ์ของหญิงสาวที่แตะเลข18 ตอนนี้คือ ความโทรมนัส โลกไม่ได้มีสีชมพูสำหรับเธอ เมื่อสายตาของหญิงสาวมีแค่สีเทากับสีดำ เสียงถอนใจดังๆ ดังตลอดทางที่เธอลากขาเดินจากถนนหน้ามหาวิทยาลัยจนเกือบถึงตึกเรียนสีอิฐ ในความคิดของวลัยอร เธอยังหาทางออกให้ตัวเองไม่ได้ ไม่ว่าจะถูกกีดกันอย่างไร หัวใจดื้อดึงของเธอก็ยังยึดมั่นอยู่กับผู้ชายคนเดียว นัยน์ตาภักดีแสนซื่อนั่น ไม่ว่าจะสลัดหรือพยายามลืมเท่าใด เธอก็ไม่อาจทำได้สักที พะนายยังคงเป็นผู้ชายคนเดียวที่เธอรู้สึกพิเศษด้วย แม้เขาจะจะต้อยต่ำ จนไม่มีใครในครอบครัวยอมรับ “พี่นาย...”
“ตามใจ เร็วๆ ล่ะ แม่ทำพิซซ่าเห็ดไว้รอ จะได้กินตอนยังร้อนๆ” ภาวนาถอนใจ นางรู้ว่าวลัยอรแอบเหงา จึงพยายามไม่บีบบังคับมาก เวลาจะช่วยให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดี สักวันบุตรสาวจะรู้ สิ่งที่นางทำไป เป็นผลดีกับวลัยอรทั้งนั้น “ค่ะ” สาวใสกดวาง ก่อนจะยัดโทรศัพท์ของตัวเองเก็บไว้ที่เดิม หล่อนเงยหน้ามองสบสายตากับพะนาย ด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์ “พี่นาย...” “พี่นายไม่ได้ไปไหนครับ พี่นายจะอยู่ตรงนี้” พะนายเอื้อมจับมือเรียวขึ้นมากุมไว้ เขาวางมือน้อยๆ นั่นที่เหนืออกซ้ายของตนเอง รอยยิ้มหวานเศร้าผลิบานช้าๆ ริมฝีปากสั่นระริกเพราะกำลังกลั้นสะอื้น 
เสียงกรรโชกของผู้ชายสูงวัย บ้านของเขามีรั้วติดกับบ้านหลังเก่าของพะแพง และเป็นหนึ่งในจำนวนคนที่มายืนออ ตอนที่ภาคินอาละวาด... “เปล่าครับ ผมกับเพื่อนอยากเจอ มีธุระสำคัญมาบอก” เก่งกาจเอื้อมจับแขนเพื่อน เขากระตุกเบาๆ พร้อมกับรีบกล่าวออกหน้าแทน “ธุระอะไร!!” แม้น้ำเสียงจะยังไม่ลดความเข้มข้น แต่เพราะความอยากรู้ตามประสามนุษย์!! ทำให้ชายคนนั้นยังคงถามต่อ “เรื่องงาน...พะนายตกงานไม่ใช่เหรอ? ผมมีงานให้เขาทำ” เก่งกาจสุ่มเดา เมื่อถูกภาคินเฉดหัวส่ง พะนายคงลำบากพอดี แต่สิ่งที่เขาได้รู้เกินคาด ชายผู้นั้นหัวเราะร่า “ฮ่าๆ ไม่ต้องห่วงไอ้นายมันหรอก มันรวยแล้ว” คนเล่าหัวเราะสลับกับเหลือบมองคนต
บทที่15.การพบเจอแบบที่ไม่มีใครคิด...3เดือน…กับความโหยหาที่ไม่อาจปริปากบอกใครได้ ภาพเงาของผู้หญิงนัยน์ตาวาวคนนั้น ยังลอยวนเวียนอยู่รอบตัว หล่อนหายไปจากการรับรู้ ประหนึ่งเหมือนหายตัวได้ เพราะยิ่งภาคินขวนขวายที่จะค้นหา เหมือนกับหล่อนจะหลีกเร้นจนควานหาไม่เจอ ไร้รูปกาย ไร้เงา...และหากภาคินสนใจตัวเอง เขาจะรู้ว่าช่วงเวลาที่ผ่านมานั้น เขาปล่อยปละตนเองขนาดไหน จากผู้ชายที่เชื่อมั่นในตนเอง สนุกสนานกับภาพมายา ชอบที่จะอยู่ท่ามกลางวงล้อมผู้คน...วันนี้สิ่งเหล่านั้นทำให้ผู้ชายคนเดิมเอือมระอา เขาเก็บตัว ชอบอยู่เงียบๆ กับขวดเหล้ามากกว่า ยิ่งภาวนาบินไปเฝ้าวลัยอรที่อังกฤษ!! ภาคินก็ยิ่งปล่อยปละตัวเอง จนทรุดโทรม ผมเผ้าที่เคยเรียบกริบกระเซอะกระเซิง!! สูทเนียบเรียบกริบก็จริง เพราะมีคนคอยดูแล แต่กลิ่นที่ระเหยโชยออกมาจากร่างใหญ่โต กลับมีแต่กลิ่นแอลกอฮอลล์ กับกลิ่นบุหรี่ งานสังคมส่วนใหญ่ถูกงด เมื่อเจ้าตัวไร้อารมณ์ เขางดสังสรรค์ เปลี่ยนเป็นมานั่งดื่มเงียบๆ คนเดียวที่บ้าน เวลาทั้งหมดหลังเลิกงาน...ภาคินอุทิศให้กับสุรา...นอดกอดขวดเหล้าหลับคาโซฟา โดยที่ไม่มีใครกล้าทักท้วง...
บทที่14.การเผชิญหน้ากับความลับที่ถูกซ่อนไว้ เป็นวันที่ครอบครัวมีความสุขอย่างแท้จริง...กิจการของพะนายกำลังไปได้ด้วยดี เขามีออเดอร์ที่จะต้องส่งให้กับร้านประจำทุกวัน และร้านสะดวกซื้อที่ต้องส่งจำนวนมากต่อวัน... วันนี้จึงเป็นวันที่ครอบครัวงามสุวรรณน่าจะมีความสุขที่สุด กับงานขึ้นบ้านใหม่...บ้านในฝันของสองพี่น้อง... คล้ายยืนมองตัวบ้าน นัยน์ตาฝ้าฟางเออคลอไปด้วยน้ำใสใส เขานึกถึงภรรยาคู่ยากที่ด่วนจากโลกนี้ไป ด้วยความเสียดาย หากโรคร้ายไม่คร่าชีวิตนางไป วันนี้คงเป็นวันที่ภรรยาของเขา ยิ้มได้มากกว่าทุกวัน “พ่อ กินข้าวกัน...พี่สมจิตร ป้าสาย เฮียทานข้าวค่ะ” หลังส่งพระที่มาทำพิธีเจิมตัวบ้าน เพื่อให้บ้านหลั