หน้าหลัก / โรแมนติก / เชลยพรหมจรรย์ / บทที่2.ผู้ชายใจดำที่ไม่ต่างอะไรกับพญามัจจุราช!!

แชร์

บทที่2.ผู้ชายใจดำที่ไม่ต่างอะไรกับพญามัจจุราช!!

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-02-19 12:49:24

บทที่2.ผู้ชายใจดำที่ไม่ต่างอะไรกับพญามัจจุราช!!

          พะแพงกระโจนลงจากรถจักรยานยนต์แบบไม่กลัวเจ็บ เมื่อสิ่งที่เธอเห็นน่าตระหนกมากกว่า

          “แพงๆ ไอ้พวกนี้มันรื้อของในบ้านแพงออกมาโยนทิ้งไว้อะ ใครกันเหรอ?”

          เสียงถามรอบตัวดังลั่น พะแพงส่ายหน้า เธอแน่ใจว่าไม่รู้จักใครในกลุ่มคนนั่น สักคนเลย

          หญิงสาวเม้มปากแน่น เธอมองแผ่นหลังเหยียดตรงของผู้ชายที่ยืนชี้นิ้วสั่ง...เบื้องหน้ากับฝูงผู้ชายวัยฉกรรจ์ เสียงของเขาดังลั่น แฝงแววอำมหิตจนขนแขนของเธอลุกเกรียว

          “ขนออกมาให้หมด...หึ!! มีแต่ขยะ ให้มันรู้ไปว่ามันจะมุดหัวหลบซ่อนตัวอยู่ได้อีก!!”

          หญิงสาวกลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ เขาโกรธแค้นอะไรกับครอบครัวเธอนักหนา ถึงได้ใจร้ายใจดำเช่นนี้ ใช่...สิ่งที่พวกเขาเหล่านั้นหิ้วมาโยนทิ้ง...มันอาจจะเป็นขยะในสายตาเขา...แต่สำหรับเธอมันคือสมบัติทางใจ ไม่ว่าจะเป็นตำราเก่าๆ หรือแม้แต่หม้อ ไห กระทะ ที่เก่ากึก แต่มันอยู่กับเธอมาตั้งแต่จำความได้

          “หยุดนะ!! คุณต้องการอะไรกับฉันกันแน่ นี่บ้านฉันเองค่ะ และถ้าหากคุณยังไม่หยุดทำบ้าๆ นี่ ฉันจะแจ้งความ”

          หญิงสาวตะโกนลั่น เสียงดังจอแจรอบตัวสงบลง พร้อมกับการที่ชายผู้นั้น หมุนขวับ!! กลับมามองจ้องหน้าเธอ

          ภาคิน อภิเษศโยธา เลิกหัวคิ้วขึ้นสูง เขากวาดตามองผู้หญิงตรงหน้าด้วยสายตาเหยียดหยัน

          “ไอ้นายมันมุดหัวอยู่ไหน?!!”

          เขาไม่ได้นึกกลัว หลังหรี่ตามองผู้หญิงตัวเล็กคนหนึ่งที่แผดเสียงใสเขา ภาคินตวาดกลับเสียงกัมปนาทปานฟ้าผ่า พะแพงเสหลบตา เมื่อดวงตาเรืองรองของผู้ชายตรงหน้าเหมือนดวงตาพยัคฆ์ร้ายที่จ้องจะตะปบเหยื่อ

          “คุณเป็นใครคะ?” พะแพงยืนกำหมัดแน่นรวรวมความกล้าย้อนถามเขาเสียงแข็ง มองสภาพห้องพักที่ใช้ซุกหัวนอนที่ถูกทำลายจนยับเยินด้วยสายตารวดร้าว

          “ฉันจะเป็นใครก็ช่าง!! บอกมา...ไอ้เวรนั่นหลบอยู่ที่ไหน?” เสียงคำรามดังๆ ย้อนกลับมาอีก

          หญิงสาวอึ้ง!! เธอเริ่มงงกับคำถาม ก็ในเมื่อพี่ชายเธอทำงานอยู่ต่างจังหวัด แล้วชายผู้นี้มาถามหาพะนายทำไม?

          “หึ!! เธอคงเป็นน้องมันสินะ...อย่าพยายามช่วยมันเลย เพราะหากฉันเจอมัน ฉันไม่เก็บมันไว้แน่”

          คนแปลกหน้าที่คุกคามเธอทั้งกริยาและวาจา เขาสำรากใส่เหมือนพี่ชายเธอทำให้เขาเดือดร้อนนักหนา

          “มะ หมายความว่าไง...คุณจะทำอะไรพี่นาย...”

          หญิงสาวย้อนถามเสียงสั่น เข่าสั่นจนแทบทรุดเมื่อแววตาเรืองรองนั่นแฝงความอำมหิตเสียจนเธอสั่นไหว

          “ฉันควานหามันมาทั่วทั้งภูเก็ต” เสียงเขาพูด พะแพงขมวดคิ้ว ที่ที่เขาเอ่ยถึงพะนายเดินทางไปกับเจ้านายเพื่อทำงาน แล้วเกิดอะไรขึ้นกับพี่ชายของเธอ “แต่ไอ้ลูกหมานั่น ตลบหลังฉัน พายัยอรหนีหายไป ฉันให้เวลามัน2 วันหากมันไม่พายัยอรกลับมาคืนฉัน...ฉันจะถล่มที่นี่ให้ยับ...”

          พะแพงกระพริบเปลือกตาปริบๆ เธอพยายามทำความเข้าใจถ้อยคำเหล่านั้น บทสรุปที่เธอรู้...เหมือนกับว่าพี่ชายเธอพาใครสักคนที่เกี่ยวข้องกับผู้ชายคนนี้ ‘หนี’ ไป

          “ไอ้นายมันไม่ได้กลับมาที่นี่หรอกคุณ” ชาวบ้านใกล้ๆ ตอบแทนพะแพง เขาไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น แต่สงสารพะแพงที่ต้องรับเรื่องร้ายๆ หลายเรื่องพร้อมกัน

          “เป็นอะไรกับมันล่ะ อย่ามาเสือก!!”

          ยามเลวภาคินเลวได้มากกว่าที่ทุกคนคิด เพราะในยามที่เขาดี ภาคินไม่ต่างอะไรกับเทพบุตร แต่หากเพลิงพิโรธสุมใจ เขาไม่ต่างอะไรกับพยายม...และหากต้องปลิดชีวิตใครสักคน ชายหนุ่มสามารถกระดิกนิ้วลั่นไกปืน โดยที่มุมปากยังมีรอยยิ้ม

          “ขอบคุณค่ะลุงๆ ป้าๆ แพงไหว!!”

          หญิงสาวหันมากล่าวกับคนอื่นๆ เบาๆ เธอเชิดหน้าขึ้น “พี่นายไปทำงานกับคนชื่อภาคิน หากคุณอยากเจอพี่นาย ติดต่อเขาไปสิคะ ตระกูลอภิเษศโยธาคุณน่าจะเคยได้ยิน”

          ชายหนุ่มกดมุมปากโค้งลง เขากวาดตามองผู้หญิงตัวเล็กตรงหน้า ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า

          พะแพงหน้าชา!! แววตาของเขาเหมือนกดให้เธอต่ำเรี่ยดิน...

          “ฉันนี่ไง ภาคิน พี่ของเธอทำฉันเสียแสบสันต์ และฉันไม่มีวันให้อภัยมันเด็ดขาด!!”

          เสียงทุ้มกังวานกล่าวตอบ... เขายกมือขึ้นกอดอก เดินเอื่อยๆ มายืนประจันหน้ากับพะแพง พร้อมกับโน้มตัวลงมาใกล้ๆ จนหญิงสาวต้องผงะหลบ

          “เออ...พี่นายทำอะไรคุณล่ะคะ แพงพยายามติดต่อพี่นายเหมือนกัน แต่พี่นายไม่รับสาย”

          หญิงสาวตอบเสียงสั่น หัวใจเธอกระตุก!! รู้สึกเหมือนว่ากำลังจะมีข่าวร้ายตามมาอีกระลอก...

          ชายหนุ่มยิ้มเย็น แต่พะแพงกลับรู้สึกเหมือนเขากำลังแยกเขี้ยวใส่

          ภาคินแทบคลั่ง!! หลานสาววัยรุ่นที่อยู่ในระหว่างปิดภาคเรียน หนีหายไปกับการ์ดประจำตัว ไอ้หนุ่มที่เขาไว้ใจ และรักเหมือนเป็นน้องชาย...แต่มันกลับตลบหลังพาหลานสาวของเขาหายลับเข้ากลีบเมฆ ชายหนุ่มออกตามล่า ไม่ยอมให้คนใต้ฝ่าตีนลูบคมง่ายๆ เขาตามกลิ่นมันมายังบ้านที่มันใช้ซุกหัวนอนมาตั้งแต่เกิด...จนได้เจอกับ...ผู้หญิงคนนี้...

          “เธอคงเป็นน้องสาวมัน น้องสาวที่ไอ้พายมันพูดถึงบ่อยๆ สินะ”

          ภาคินกระตุกยิ้ม...

          “ค่ะ แพงเป็นน้องสาวพี่นาย...แต่พี่นายไม่ได้อยู่ที่นี่ และคุณไม่มีสิทธิ์มาทำลายข้าวของในบ้านแพงด้วย!!”

          หญิงสาวตอบเสียงแข็ง เธอมองสิ่งของที่หล่นเกลื่อนด้วยสายตาเจ็บช้ำ

          “ทำไมจะไม่ได้ล่ะ ฉันจะทำยิ่งกว่านี้อีก หากไอ้นายมันยังไม่โผล่หัวออกมาจากใต้กระโปรง”

          เสียงกร้าวกล่าวตอบ เขากวาดตามองคนรอบๆ ตัว ด้วยสายตาลุกเรือง

          “แพง ลุงไปนอนก่อนนะ มีอะไรตะโกนดังๆ ล่ะ”

          กลุ่มคนเริ่มสลายตัว...เมื่อเวลาดึกสงัด แม้จะอยากช่วย แต่มันไม่ใช่เรื่องตัวเอง แถมยังต้องตื่นแต่เช้าเพื่อหาเลี้ยงปากท้องอีก

          พะแพงพยักหน้ารับ...แม้จะหวั่นกลัวคนตรงหน้า แต่เธอไม่มีวันให้เขารู้เด็ดขาด...

          “ไอ้นายมันอยู่ที่ไหน?”

          ภาคินถามซ้ำ!!

          หญิงสาวส่ายหน้าช้าๆ เรียวปากเธอเม้มแน่น

          ชายหนุ่มคิดในใจแค้นๆ

          ได้สิ!! หากมันไม่คืนหลานสาวมาให้เขา...มันทำลายอนาคตของวลัยอรจนป่นปี้ ผู้หญิงตรงหน้าเขานี่ ภาคินก็จะขยี้ให้แหลกยับเช่นกัน!! มันจะได้สมน้ำสมเนื้อ...หล่อนต้องเป็นเหยื่อล่อ ต้องเป็นที่สนองอารมณ์งุ่นง่านของเขา

          “ไม่คิดว่าคนที่ฉันไว้ใจ!! จะทรยศได้แสบทรวงขนาดนี้”

          ชายหนุ่มกรรโชกเสียงขุ่น เขาตะคอกพะแพงส่งผ่านไปให้ไอ้คนที่เป็นพี่ชายหล่อน

          “พี่นายทำอะไรให้คุณคะ?”

          พะแพงไม่รู้เรื่อง เธอทุกข์หนักเรื่องบิดาอยู่แล้ว ไม่คิดว่าฟ้าดินจะโถมทับ ด้วยเรื่องที่พี่ชายเป็นสาเหตุด้วย

          “หึ!! ไอ้คนเนรคุณนั่น กินบนเรือน แต่มันขี้ใส่หลังคาบ้านฉันแบบไร้สำนึก”

          ชายหนุ่มว่ากระทบ เขาเปรียบเปรยเสียจนพะแพงเห็นภาพ แต่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี

          “ลูกพี่สาวฉัน อายุแค่17 ไอ้หอกนั่นดันทะลึ่งพาหนี ไอ้สารเลว!!”

          ภาคินตะโกนลั่น เขาอยากเจอมัน อยากถามมันดังๆ ‘หัวใจมันทำด้วยอะไร ทำไมถึงทำเช่นนี้’ อนาคตของวลัยอรต้องมีราคี เพราะผู้ชายสิ้นคิดแบบพะนาย

          “อย่าให้ฉันเจอมันนะ พ่อจะเป่าให้ดิ้น!! เอาให้ตายเหมือนหมาข้างถนน หึ!! หมาตัวหนึ่งยังมีราคาชีวิตมากกว่าไอ้เนรคุณนั่นเลย”

          พะแพงหน้าซีดเผือดไหนจะบิดา ไหนจะพี่ชาย หล่อนแทบล้มทั้งยืน ผู้ชายตรงหน้าขู่ฟ่อๆ เขาคิดจะปลิดชีวิตพี่ชายเธอ

“เข้าใจผิดหรือเปล่าคะ? พี่นายไม่ใช่คนแบบนั้นหรอกค่ะ”

พะแพงไม่เชื่อ หล่อนไม่มีวันเชื่อว่าพะนายจะทำเช่นนั้นจริง พี่ชายเธอเป็นคนสุขุม เขาคิดหลายตลบกว่าจะลงมือทำอะไรสักอย่าง แล้วยิ่งเรื่องแบบนี้ เป็นเรื่องร้ายแรงที่สุด หญิงสาวไม่เชื่อเด็ดๆ ไม่เชื่อว่าพะนายจะทำเช่นนั้นจริงๆ

“หึ!! มันทำแล้ว ฉันวิ่งวุ่นหามันอยู่นี่ไง ลากคอมันออกมา อย่าให้ฉันเจอมันก่อน ไม่อย่างนั้น เธอจะได้มันไปแค่ซาก”

ชายหนุ่มคำรามลั่น ภาคิน อภิเษศโยธาถูกลูบคมจากคนใกล้ตัว...หากข่าวนี้เล็ดลอดออกไป เขาคงได้เอาปีบคลุมหัวเดิน

แถมหลานสาวที่ควรมีอนาคตรุ่งเรือง ยังต้องมาแปดเปื้อนเพราะดันหลงคารมคนชั่ว

“ขนออกมาให้หมด ขยะทั้งนั้น ให้มันรู้ไปว่ามันจะซุกหัวอยู่ใต้กระโปรง และยอมให้คนในครอบครัวมันเดือดร้อน”

ชายหนุ่มร้องสั่ง กลุ่มชายฉกรรจ์ย้อนกลับเข้าไปในห้องเช่าของพะแพงอีกครั้ง หญิงสาววิ่งตัวปลิว เธอเข้าไปยืนขวางหน้า พร้อมกับร้องวิงวอนเสียงสั่นพร่า “อย่าทำแบบนี้เลย ถึงของพวกนี้จะไม่มีค่ากับพวกคุณ แต่มันคือทุกสิ่งที่ฉันมี”

ภาคินเหยียดยิ้ม เขามองเศษขยะที่พื้นด้วยแววตาลุกโชน

“ก็ถ้าไม่อยากให้ ‘ขยะ’ พวกนี้กลายเป็นขยะจริงๆ เธอก็เรียกมันออกมา!!”

ชายหนุ่มตะโกนสวน...48 ชั่วโมงที่วลัยอรหายไป หลานสาวของเขาจะป่นปี้ขนาดไหนไม่อยากจะนึก เพราะฉะนั้นเขาต้องแข่งกับเวลา...

“แพงบอกพวกคุณแล้ว พี่นายไม่ได้อยู่ที่นี่ หูแตกกันเรอะไงคะ!!”

หญิงสาวชักฉุน คนพวกนี้มาอวดอำนาจ เอากำลังเข้าข่ม เพราะว่ากันตามจริง เขากำลังคุกคามและทำให้ทรัพย์สินของเธอเสียหาย

“หากเธออยากกลับไปใช้ชีวิตสงบเหมือนเดิม ลากคอไอ้พี่เฮงซวยของเธอออกมาสิ!!”

พะแพงเม้มปาก สติเธอใกล้จะหลุด ไม่รู้วันนี้เป็นวันซวยของเธอหรืออย่างไร เรื่องร้ายๆ ถึงประเดประดังเข้าใส่มากมายเหลือเกิน

“ต่อให้คุณเค้นคอฉันจนตายตรงนี้ ฉันก็ไม่มีปัญญาตามพี่นายมาให้คุณได้หรอกค่ะ ขนาดฉันต้องการตัวเขาที่สุดเวลานี้ ฉันยังไม่มีปัญญาตามหาเขาเลย”

หญิงสาวตะโกนลั่น น้ำตาไหลทะลัก ความอัดอั้นที่ฝืนกลั้นไว้ แตกทะลักทลาย เมื่อถูกบีบจนสิ้นทาง

“จริงด้วยคุณ พ่อไอ้แพงมันเพิ่งถูกหามส่งโรงพยาบาลตอนบ่าย มันไม่รู้เรื่องไอ้นายหรอกคุณ”

เพื่อนบ้านที่ยังไม่ยอมถอยตะโกนสวน เพราะเวทนาผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างพะแพง

“ขอบคุณจ้ะลุง แต่คนใจดำอย่างเขาคงไม่สนใจหรอก เขาแค่ต้องการตามหาคน คนรวยอย่างเขาไม่รู้หรอกความทุกข์ยากเป็นยังไง”

หญิงสาวยกมือปาดน้ำตาร้อนๆ เธอกล่าวขอบคุณเสียงปร่า ดวงตาแดงฉานมองสบนัยน์ตาภาคินแบบไม่นึกกลัว

“พ่อเธอจะเป็นจะตายก็เรื่องของพ่อเธอ ฉันต้องสนด้วยรึ? แต่คนที่ไอ้นายพาไปนั่นสิ!! ชีวิตเด็กผู้หญิงคนหนึ่งต้องมาพังยับเพราะหมาเนรคุณอย่างมัน”

เพลิงโทสะลุกกระพือ เขาต้องสนใจความเป็นความตายของคนที่ไม่เกี่ยวข้องด้วยหรือ...

“หากหล่อนยังอยากเห็นมันมีลมหายใจ...ให้มันคลานกลับมาขอโทษฉัน...ภายในวันนี้นะ ฉันขีดเส้นตายให้ไอ้นายมันแล้ว หากตะวันขึ้น ฉันจะเก็บตายมัน...ไม่ให้มันมีชีวิต ไม่มีลมหายใจอยู่หยามคนอย่างฉันได้!!”

ภาคินกล่าวเสียงเย็นชา...หากมันไม่อยากตาย ก็ให้มันพาวลัยอรกลับมาเร็วๆ

กระบอกตาร้อนผ่าว ลำตัวเกร็งเครียด!! หญิงสาวยืนกำหมัดแน่น...เวลานี้สองบ่า รู้สึกล้าเหลือเกิน

“เอ่อ...”

“อย่ามาวิงวอนฉันเลย...ไม่มีประโยชน์หรอก”

ชายหนุ่มตวาดตัดบท เขายกโทรศัพท์ในมือขึ้นแนบหู กรอกเสียงดังๆ กลับไป แต่นั่นทำให้พะแพงสะดุ้ง!! เมื่อคำสั่งของเขา คือการกำหนดเวลาตาย...ให้พะนาย...

“กูบอกแล้วนี่ หากมันไม่เข้ามาหากูภายในวันนี้ เจอมันที่ไหนก็เป่ามันให้ดิ้น แล้วลากหลานกูกลับมา...”

เปลือกตากระพริบถี่ๆ เข่าอ่อนจนต้องทรุดไปนั่งที่พื้น ความเป็นความตายอยู่ตรงหน้า...บิดาก็ร่อแร่ พี่ชายก็กำลังเผชิญหน้ากับความตาย

หญิงสาวเม้มปาก สูดลมหายใจลึกๆ

“หากแพงจะขอให้ไว้ชีวิตพี่นาย แลกกับ...” หญิงสาวหยุดพูด เธอละอายเกินกว่าจะกล่าว

ภาคินหยุดฟัง เขาเดินมายืนจังก้าตรงหน้าพะแพง โน้มใบหน้าลงมองเธอ พร้อมกับคำถามที่ดังแผ่วๆ

“แลกกับ...ตัวเธอ...งั้นเหรอ...เธอมีค่าขนาดนั้นเชียว”

“ชีวิตทุกคนมีค่าเท่ากันแหละค่ะ ฉันมีเหตุผลพอที่จะทำ คุณไม่มีวันเข้าใจหรอก...”

หญิงสาวยอมเสนอตัว ไหนๆ เธอก็เหลือแค่ครึ่งชีวิต เพราะหากสละไตข้างหนึ่งให้กับบิดา...จะแลกอีกครึ่งที่เหลือเพื่อให้พี่ชายรอด...เธอก็จะทำ!!

“เหรอ...ตรรกะคนแบบเธอฉันคงไม่มีวันเข้าใจ เมื่อมันขึ้นอยู่บนพื้นฐานของการหลอกลวง”

ชายหนุ่มตอบเสียงขุ่น เขายืดตัวตรงๆ  สอดมือล้วงกระเป๋า ก่อนจะตะโกนสั่งให้เหล่าลูกสมุน หยุดทำลายข้าวของ... “หยุดโว้ย...กลับออกไปข้างนอก...ตรงนี้กูจัดการเอง...”

การ์ดวัยฉกรรจ์ทำหน้างงๆ แต่ก็พยักใบหน้ารับคำสั่ง...แล้วจึงทยอยเดินหายไปท่ามกลางความมืด

“จะคุยตรงนี้ หรือว่าข้างในดีล่ะ”

ชายหนุ่มเลิกหัวคิ้วขึ้นสูง ใบหน้าเขายียวนจนพะแพงนึกแช่งชักในใจ

หญิงสาวสูดลมหายใจลึกๆ เธอยันกายลุกขึ้นจากพื้น รวบรวมกำลังที่เหลือ พาตัวเองเข้าไปในบ้าน และนั่นคือคำตอบ

ภาคินเดินตามพะแพงไปเอื่อยๆ เขาทำจมูกฟุดฟิดๆ เมื่อกลิ่นอับๆ ลอยมากระทบจมูก

หญิงสาวเดินเก็บข้าวของที่หล่นเกลื่อนพื้น เธอผายมือไปยังเก้าอี้หวายที่ยังมีสภาพการใช้งานที่ดี

“ไม่ล่ะ เธออยากเสนออะไรก็ว่ามา ฉันรอฟังอยู่”

นักธุรกิจอย่างเขา ผลกำไรต้องได้คุ้มค่า ไม่อยากนั้นคงไม่เสียเวลาเร่งด่วน เพื่อหยุดฟังของเสนอของคนอย่างหล่อน ยังไงเสีย วันนี้เขาก็ต้องควานหาตัวไอ้พะนายเจอ แล้วถ้าจะมีของแถมให้พะนายเจ็บใจเล่นๆ หากมันได้รับรู้…มันก็ย่อมเป็นสิ่งดี...

ผู้หญิงหน้าจืดคนนี้...เขาจะขยี้หล่อนให้แหลก ให้สาสมกับที่พะนายมันทำกับวลัยอร แล้วก็จะเขี่ยหล่อนทิ้งเหมือนเศษขยะ!!

พะแพงกลั้นใจ “ถ้าคุณอยาก ‘ฆ่า’ พี่นาย ฉันอยากขอ...ปล่อยพี่นายไปเถอะค่ะ แล้วคุณจะทำอะไรกับฉันก็ได้...”

ข้อเสนอน่าสนใจ มันตรงกับความต้องการของเขาอยู่แล้วด้วย ชายหนุ่มแสร้งอิดออด เขาไหวไหล่เมื่อตัดสินใจยอมรับ

“ก็ได้...ฉันจะไม่ฆ่ามัน...แต่เธอก็ไม่มีสิทธิ์เรียกร้องใดใดจากฉันเลยนะ...หวังว่าเธอคงเชื่อถือได้”

เป็นคำพูดที่ตีเข้ากลางแสกหน้า เขาประณามเธอแบบอ้อมๆ

“ค่ะ...คุณจะไม่เดือดเพราะฉันแน่”

แม้นสิ้นศักดิ์ศรี...ทำตัวเหมือนคนไร้ยางอาย...พะแพงขอยืนกรานตรงนี้ เธอไม่มีวันวิงวอนข้อร้องเขาทั้งสิ้น!!

ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หลังจากนี้...

บทที่เกี่ยวข้อง

  • เชลยพรหมจรรย์   บทที่3.รอยราคีที่ต้องจำจนวันตาย

    บทที่3.รอยราคีที่ต้องจำจนวันตาย “เธอแน่ใจนะว่าจะไม่เปลี่ยนใจทีหลัง...” ภาคินถามย้ำ เขาไม่ใคร่แน่ใจ หากหล่อนบิดพลิ้วขึ้นมาเหมือนกับพี่ชาย เขาจะอารมณ์เสียหนักขึ้น “ค่ะ...” พะแพงเชิดหน้าขึ้น เธอยอมรับความอดสูไว้ เพื่อต่อลมหายใจและทางเลือกให้พะนาย “ดี!!” ชายหนุ่มกระแทกเสียงหนักๆ เขาเดินปึงๆ ออกไปจากบ้าน พร้อมกับตะโกนเสียงลั่น “พาหล่อนไปหากูที่คอนโด กูจะไปอาบน้ำรอ แล้วถ้าหาไอ้พะนายเจอ จับเป็นมัน!! กูอยากเห็นหน้ามันก่อน” ใครจะคิดว่าบ้านเมืองที่มีกฎหมายคุ้มครอง จะมีคนบางคนใช้ศาลเตี้ย ตัดสินด้วยกำลัง เป็นอิทธิพลมืดที่พะแพงเองก็เพิ่งจะเคยเห็น เธอเคยได้ยินแค่เสียงเล่าลือ ไม่คิดว่าตัวเองจะได้เผชิญหน้ากับมันแบบที่ไม่สามารถเลี่ยงได้... “ครับ” เสียงรับคำแบบพร้อมเพรียง พะแพงทรุดฮวบ เธอร่วงลงไปกองที่พื้น แล้วก็มีผู้ชายหน้าดุเยี่ยมหน้าเข้ามามอง “อย่าลีลา เธอมีเวลาแค่10 นาที อย่าให้ถึงกับต้องลากไป” เป็นคำขู่ที่หญิงสาวสะท้านถึงทรวง... พะแพงสูดลมหายใจลึกๆ ไหนๆ เธอก็ตัดสินใจไปแล้ว ช่วงเวลาเลวร้ายจ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-19
  • เชลยพรหมจรรย์   บทที่4.เพียงสายลมพัดผ่าน... 1

    บทที่4.เพียงสายลมพัดผ่าน... เป็น ‘จูบ’ แรกที่หญิงสาวได้รู้จัก มันไม่ได้เริ่มต้นดีนัก เพราะมันเกิดขึ้นจากความจำยอม... แต่ก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิด!! นับว่าภาคินมีฝีมือเชี่ยวพอตัว เขาสามารถโน้มน้าว ทำให้คนที่นอนแข็งเป็นท่อนไม้ หลงเคลิ้มไปกับสัมผัสแผ่วๆ นั่นได้ ‘จูบ’ สิ่งที่สาวๆ วัยแรกรุ่นส่วนใหญ่เคยนึกฝันยามค่ำคืน...พวกหล่อนอยากอยู่ในอ้อมกอดของใครสักคน? ใครสักคนที่ทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย แต่ที่พะแพงกำลังผจญอยู่นี่... มันกลับเต็มไปด้วยความเร่าร้อน ซ่านเสียวและทรมานจนหญิงสาวนึกหวั่นกลัว มันต่างกับที่เธอเคยฝันหวานไว้ ‘จูบ’ ไม่ได้อ่อนหวาน แต่มันกำลังทรมานเธอแทบจะขาดใจตาย...กำหนัดรุ่มร้อน ตามประสาหนุ่มวัยฉกรรจ์ แต่ที่ทำให้ภาคินแปลกใจ เขาทำเหมือนคนอดอยาก...ตะโบม ‘จูบ’ หล่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-22
  • เชลยพรหมจรรย์   บทที่4.เพียงสายลมพัดผ่าน... 2

    ยอดอกสีสดถูกอุ้งปากร้อนชื้นอ้างับ เขาครอบครอง ดูดซึมความหวานฉ่ำชื่น ขยำขยี้ บีบบี้ความเต่งตึงนุ่มหยุ่นเคล้นคลึงด้วยความพอใจ ความรู้สึกหวามไหวไหลปร่า แผ่กระจายทั่วทุกตารางนิ้วบนผิวกาย เธอรู้สึกสยิวซาบซ่าน ทุกครั้ง...ยามที่ถูกโลมลูบด้วยฝ่ามือร้อนระอุ!! ร่างกายของเธอแทบจะลุกเป็นไฟ เมื่อถูกฝ่ามือใหญ่ๆ ลูบไล้สัมผัส ให้ตายเถอะ!! เธอไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะรู้สึกกระสันซ่านได้ถึงเพียงนี้ ความรู้สึกเหมือนถูกไฟฟ้าช็อต...กระแสไฟอ่อนๆ นั่นวิ่งพล่านทั่วทั้งตัว มันจุดประกายบางอย่างที่เธอไม่เคยรู้ และมันกำลังทำให้เธออยากรู้ในสิ่งต่อไปที่กำลังจะมาถึง!!“อืมมมม...”เสียงครางผะแผ่ว ดังรอดออกมาจากกลีบปากที่เม้มแน่น ภาคินยิ้มเหยียดๆ มุมปาก เขาพรมจุมพิตหนักๆ ใต้ฐานอกอวบ ลากปลายลิ้นเปียกๆ ลงต่ำ พร้อมทั้งสูดกลิ่นความหอมหวานของเนื้อสาวจนเต็มปอด...ลูบไล้ผิวกายนุ่มนิ่มปลุกกระแสเลือดในกายของหญิงสาวให้เดือดพล่านเพิ่มมากขึ้นมือร้อนไล้วนเหนือแผ่นท้องราบเรียบ ปลายนิ้วเรียวสวยวนรอบแอ่งสะดือบุ๋มชวนชิดเชย ไถลเรื่อยไปยันเอวคอดกิ่วกับสะโพกผายเต็มตรึง!! พะแพงสะดุดลมหายใจตัวเอง เธอกลั้นห

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-22
  • เชลยพรหมจรรย์   บทที่1.ข่าวร้ายที่หัวใจเกือบสลาย 1

    บทที่1.ข่าวร้ายที่หัวใจเกือบสลายเสียงจอแจของผู้คนดังเหมือนฝูงนกตอนเย็นๆ ที่ส่งเสียงทักทายกันหลังจากออกจากรังไปหากินมาทั้งวัน...ไม่ต่างกับมนุษย์ พวกเขาเองก็กำลังเดินเลือกซื้ออาหารมื้อเย็น เมื่อเลิกงานที่ทำมาตั้งแต่เช้าเช่นกัน วิถีชีวิตคนใช้แรงงาน...ต้องดิ้นรนหาเลี้ยงปากท้องตัวเองเป็นประจำทุกวัน แม่ค้าสาวใหญ่ สาวน้อยส่งเสียงเชื้อเชิญลูกค้าเสียงหวานแจ้ว พ่อค้าหนุ่มใหญ่หนวดเคราเฟิ้มก็ไม่ยอมน้อยหน้า ส่งเสียงร้องเรียกลูกค้ามากหน้าเสียงดังลั่น!! เป็นวัฐจักรที่พะแพงเห็นจนชินตา เมื่อเธอเองก็เป็นหนึ่งในบรรดาแม่ค้าที่ขายของอยู่ข้างทางด้วยเหมือนกัน เพราะต้องหาเลี้ยงปากท้องตัวเองเมื่อรายได้ที่เข้ามา ไม่พอเพียงกับรายจ่ายที่จ่ายออก...มันช่วยไม่ได้นี่... เธอไม่ได้เกิดมาในครอบครัวร่ำรวย ครอบครัวเล็กๆ ของเธอ มี3 ชีวิต เธอกับครอบครัวอาศัยอยู่ในห้องเช่าแคบๆ ของชุมชนแออัดด้านหลังตลาดนัดยามเย็นที่พะแพงตั้งแผงขายของอยู่นั่นเอง...บิดาของเธอนั่นเหรอ ก็เป็นแค่ รปภ. แก่ๆ ของกิจการค้าข้าวขนาดใหญ่ ที่ตัวตึกตั้งตระหง่านอยู่ริมถนน หน้าแหล่งชุมชนแออัด แต่ท่านก็ยังสู้อุตส่าห์กัดฟันเลี้ยงลูกน้อยทั้งสอง แม้จะลำบากเลือ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-19
  • เชลยพรหมจรรย์   บทที่1.ข่าวร้ายที่หัวใจเกือบสลาย 2

    “ค่ะ ได้ค่ะ...แพงเต็มใจ” หญิงสาวยิ้มกร่อยๆ น้ำตาเอ่อเต็มหน่วยตา...จะอายุสั้นลงก็ช่างปะไร...เมื่อเธอมีที่ยึดเหนี่ยวใจ คือบิดาเพียงผู้เดียว “คุณพยาบาลเอาเอกสารมาให้คุณเขาเซ็นยินยอมด้วยล่ะ หมอขอตัวไปดูคนไข้คนอื่นก่อน ส่วนคนไข้รายนี้ก็ย้ายเข้าไปในห้อง ICU เลย จนกว่าอาการจะดีขึ้น” ท่านร้องสั่งพยาบาลประจำตัว ฉวยหูฟังคล้องคอ ก่อนจะเดินออกไปนอกห้องเพื่อตรวจอาการคนไข้รายอื่นๆ พยาบาลสาวยิ้มให้กำลังใจ เธอค้นเอกสารมายื่นให้พะแพง...เพื่อทำความเข้าใจ พะแพงทำความเข้าใจกับเอกสารอยู่นาน เธอลงมือเซ็นเมื่ออ่านจนจบ ผู้รับผลประโยชน์คือบิดา แม้เธอจะต้องเสียอวัยวะชิ้นหนึ่งไป แลกกับการให้บิดามีอายุยาวนานขึ้น หญิงสาวเดินตัวลอยออกมาจากห้องนายแพทย์ผู้นั้น สมองเธอยังหมุนคว้าง ไร้ที่ยึดเหนี่ยวกับที่พึ่งพาทางใจ “แพงๆ เป็นไงบ้าง หมอว่าไอ้คล้ายมันเป็นอะไรเหรอ?” เชิดชาย กับทัดเทพ ยืนหน้าซีดอยู่ด้านนอก เมื่อเขาสองคนเห็นคล้ายถูกเข็นเข้าไปในห้อง ICU “พ่อเป็นโรคไตค่ะ ยังไม่วาย แต่ก็เฉียดๆ ต้องรีบเปลี่ยนเร็วที่สุด” พะแพงตอบ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-19

บทล่าสุด

  • เชลยพรหมจรรย์   บทที่4.เพียงสายลมพัดผ่าน... 2

    ยอดอกสีสดถูกอุ้งปากร้อนชื้นอ้างับ เขาครอบครอง ดูดซึมความหวานฉ่ำชื่น ขยำขยี้ บีบบี้ความเต่งตึงนุ่มหยุ่นเคล้นคลึงด้วยความพอใจ ความรู้สึกหวามไหวไหลปร่า แผ่กระจายทั่วทุกตารางนิ้วบนผิวกาย เธอรู้สึกสยิวซาบซ่าน ทุกครั้ง...ยามที่ถูกโลมลูบด้วยฝ่ามือร้อนระอุ!! ร่างกายของเธอแทบจะลุกเป็นไฟ เมื่อถูกฝ่ามือใหญ่ๆ ลูบไล้สัมผัส ให้ตายเถอะ!! เธอไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะรู้สึกกระสันซ่านได้ถึงเพียงนี้ ความรู้สึกเหมือนถูกไฟฟ้าช็อต...กระแสไฟอ่อนๆ นั่นวิ่งพล่านทั่วทั้งตัว มันจุดประกายบางอย่างที่เธอไม่เคยรู้ และมันกำลังทำให้เธออยากรู้ในสิ่งต่อไปที่กำลังจะมาถึง!!“อืมมมม...”เสียงครางผะแผ่ว ดังรอดออกมาจากกลีบปากที่เม้มแน่น ภาคินยิ้มเหยียดๆ มุมปาก เขาพรมจุมพิตหนักๆ ใต้ฐานอกอวบ ลากปลายลิ้นเปียกๆ ลงต่ำ พร้อมทั้งสูดกลิ่นความหอมหวานของเนื้อสาวจนเต็มปอด...ลูบไล้ผิวกายนุ่มนิ่มปลุกกระแสเลือดในกายของหญิงสาวให้เดือดพล่านเพิ่มมากขึ้นมือร้อนไล้วนเหนือแผ่นท้องราบเรียบ ปลายนิ้วเรียวสวยวนรอบแอ่งสะดือบุ๋มชวนชิดเชย ไถลเรื่อยไปยันเอวคอดกิ่วกับสะโพกผายเต็มตรึง!! พะแพงสะดุดลมหายใจตัวเอง เธอกลั้นห

  • เชลยพรหมจรรย์   บทที่4.เพียงสายลมพัดผ่าน... 1

    บทที่4.เพียงสายลมพัดผ่าน... เป็น ‘จูบ’ แรกที่หญิงสาวได้รู้จัก มันไม่ได้เริ่มต้นดีนัก เพราะมันเกิดขึ้นจากความจำยอม... แต่ก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิด!! นับว่าภาคินมีฝีมือเชี่ยวพอตัว เขาสามารถโน้มน้าว ทำให้คนที่นอนแข็งเป็นท่อนไม้ หลงเคลิ้มไปกับสัมผัสแผ่วๆ นั่นได้ ‘จูบ’ สิ่งที่สาวๆ วัยแรกรุ่นส่วนใหญ่เคยนึกฝันยามค่ำคืน...พวกหล่อนอยากอยู่ในอ้อมกอดของใครสักคน? ใครสักคนที่ทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย แต่ที่พะแพงกำลังผจญอยู่นี่... มันกลับเต็มไปด้วยความเร่าร้อน ซ่านเสียวและทรมานจนหญิงสาวนึกหวั่นกลัว มันต่างกับที่เธอเคยฝันหวานไว้ ‘จูบ’ ไม่ได้อ่อนหวาน แต่มันกำลังทรมานเธอแทบจะขาดใจตาย...กำหนัดรุ่มร้อน ตามประสาหนุ่มวัยฉกรรจ์ แต่ที่ทำให้ภาคินแปลกใจ เขาทำเหมือนคนอดอยาก...ตะโบม ‘จูบ’ หล่

  • เชลยพรหมจรรย์   บทที่3.รอยราคีที่ต้องจำจนวันตาย

    บทที่3.รอยราคีที่ต้องจำจนวันตาย “เธอแน่ใจนะว่าจะไม่เปลี่ยนใจทีหลัง...” ภาคินถามย้ำ เขาไม่ใคร่แน่ใจ หากหล่อนบิดพลิ้วขึ้นมาเหมือนกับพี่ชาย เขาจะอารมณ์เสียหนักขึ้น “ค่ะ...” พะแพงเชิดหน้าขึ้น เธอยอมรับความอดสูไว้ เพื่อต่อลมหายใจและทางเลือกให้พะนาย “ดี!!” ชายหนุ่มกระแทกเสียงหนักๆ เขาเดินปึงๆ ออกไปจากบ้าน พร้อมกับตะโกนเสียงลั่น “พาหล่อนไปหากูที่คอนโด กูจะไปอาบน้ำรอ แล้วถ้าหาไอ้พะนายเจอ จับเป็นมัน!! กูอยากเห็นหน้ามันก่อน” ใครจะคิดว่าบ้านเมืองที่มีกฎหมายคุ้มครอง จะมีคนบางคนใช้ศาลเตี้ย ตัดสินด้วยกำลัง เป็นอิทธิพลมืดที่พะแพงเองก็เพิ่งจะเคยเห็น เธอเคยได้ยินแค่เสียงเล่าลือ ไม่คิดว่าตัวเองจะได้เผชิญหน้ากับมันแบบที่ไม่สามารถเลี่ยงได้... “ครับ” เสียงรับคำแบบพร้อมเพรียง พะแพงทรุดฮวบ เธอร่วงลงไปกองที่พื้น แล้วก็มีผู้ชายหน้าดุเยี่ยมหน้าเข้ามามอง “อย่าลีลา เธอมีเวลาแค่10 นาที อย่าให้ถึงกับต้องลากไป” เป็นคำขู่ที่หญิงสาวสะท้านถึงทรวง... พะแพงสูดลมหายใจลึกๆ ไหนๆ เธอก็ตัดสินใจไปแล้ว ช่วงเวลาเลวร้ายจ

  • เชลยพรหมจรรย์   บทที่2.ผู้ชายใจดำที่ไม่ต่างอะไรกับพญามัจจุราช!!

    บทที่2.ผู้ชายใจดำที่ไม่ต่างอะไรกับพญามัจจุราช!! พะแพงกระโจนลงจากรถจักรยานยนต์แบบไม่กลัวเจ็บ เมื่อสิ่งที่เธอเห็นน่าตระหนกมากกว่า “แพงๆ ไอ้พวกนี้มันรื้อของในบ้านแพงออกมาโยนทิ้งไว้อะ ใครกันเหรอ?” เสียงถามรอบตัวดังลั่น พะแพงส่ายหน้า เธอแน่ใจว่าไม่รู้จักใครในกลุ่มคนนั่น สักคนเลย หญิงสาวเม้มปากแน่น เธอมองแผ่นหลังเหยียดตรงของผู้ชายที่ยืนชี้นิ้วสั่ง...เบื้องหน้ากับฝูงผู้ชายวัยฉกรรจ์ เสียงของเขาดังลั่น แฝงแววอำมหิตจนขนแขนของเธอลุกเกรียว “ขนออกมาให้หมด...หึ!! มีแต่ขยะ ให้มันรู้ไปว่ามันจะมุดหัวหลบซ่อนตัวอยู่ได้อีก!!” หญิงสาวกลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ เขาโกรธแค้นอะไรกับครอบครัวเธอนักหนา ถึงได้ใจร้ายใจดำเช่นนี้ ใช่...สิ่งที่พวกเขาเหล่านั้นหิ้วมาโยนทิ้ง...มันอาจจะเป็นขยะในสายตาเขา...แต่สำหรับเธอมันคือสมบัติทางใจ ไม่ว่าจะเป็นตำราเก่าๆ หรือแม้แต่หม้อ ไห กระทะ ที่เก่ากึก แต่มันอยู่กับเธอมาตั้งแต่จำความได้ “หยุดนะ!! คุณต้องการอะไรกับฉันกันแน่ นี่บ้านฉันเองค่ะ และถ้าหากคุณยังไม่หยุดทำบ้าๆ นี่ ฉันจะแจ้งความ” หญิงสาวตะโกนลั่น เสียงดัง

  • เชลยพรหมจรรย์   บทที่1.ข่าวร้ายที่หัวใจเกือบสลาย 2

    “ค่ะ ได้ค่ะ...แพงเต็มใจ” หญิงสาวยิ้มกร่อยๆ น้ำตาเอ่อเต็มหน่วยตา...จะอายุสั้นลงก็ช่างปะไร...เมื่อเธอมีที่ยึดเหนี่ยวใจ คือบิดาเพียงผู้เดียว “คุณพยาบาลเอาเอกสารมาให้คุณเขาเซ็นยินยอมด้วยล่ะ หมอขอตัวไปดูคนไข้คนอื่นก่อน ส่วนคนไข้รายนี้ก็ย้ายเข้าไปในห้อง ICU เลย จนกว่าอาการจะดีขึ้น” ท่านร้องสั่งพยาบาลประจำตัว ฉวยหูฟังคล้องคอ ก่อนจะเดินออกไปนอกห้องเพื่อตรวจอาการคนไข้รายอื่นๆ พยาบาลสาวยิ้มให้กำลังใจ เธอค้นเอกสารมายื่นให้พะแพง...เพื่อทำความเข้าใจ พะแพงทำความเข้าใจกับเอกสารอยู่นาน เธอลงมือเซ็นเมื่ออ่านจนจบ ผู้รับผลประโยชน์คือบิดา แม้เธอจะต้องเสียอวัยวะชิ้นหนึ่งไป แลกกับการให้บิดามีอายุยาวนานขึ้น หญิงสาวเดินตัวลอยออกมาจากห้องนายแพทย์ผู้นั้น สมองเธอยังหมุนคว้าง ไร้ที่ยึดเหนี่ยวกับที่พึ่งพาทางใจ “แพงๆ เป็นไงบ้าง หมอว่าไอ้คล้ายมันเป็นอะไรเหรอ?” เชิดชาย กับทัดเทพ ยืนหน้าซีดอยู่ด้านนอก เมื่อเขาสองคนเห็นคล้ายถูกเข็นเข้าไปในห้อง ICU “พ่อเป็นโรคไตค่ะ ยังไม่วาย แต่ก็เฉียดๆ ต้องรีบเปลี่ยนเร็วที่สุด” พะแพงตอบ

  • เชลยพรหมจรรย์   บทที่1.ข่าวร้ายที่หัวใจเกือบสลาย 1

    บทที่1.ข่าวร้ายที่หัวใจเกือบสลายเสียงจอแจของผู้คนดังเหมือนฝูงนกตอนเย็นๆ ที่ส่งเสียงทักทายกันหลังจากออกจากรังไปหากินมาทั้งวัน...ไม่ต่างกับมนุษย์ พวกเขาเองก็กำลังเดินเลือกซื้ออาหารมื้อเย็น เมื่อเลิกงานที่ทำมาตั้งแต่เช้าเช่นกัน วิถีชีวิตคนใช้แรงงาน...ต้องดิ้นรนหาเลี้ยงปากท้องตัวเองเป็นประจำทุกวัน แม่ค้าสาวใหญ่ สาวน้อยส่งเสียงเชื้อเชิญลูกค้าเสียงหวานแจ้ว พ่อค้าหนุ่มใหญ่หนวดเคราเฟิ้มก็ไม่ยอมน้อยหน้า ส่งเสียงร้องเรียกลูกค้ามากหน้าเสียงดังลั่น!! เป็นวัฐจักรที่พะแพงเห็นจนชินตา เมื่อเธอเองก็เป็นหนึ่งในบรรดาแม่ค้าที่ขายของอยู่ข้างทางด้วยเหมือนกัน เพราะต้องหาเลี้ยงปากท้องตัวเองเมื่อรายได้ที่เข้ามา ไม่พอเพียงกับรายจ่ายที่จ่ายออก...มันช่วยไม่ได้นี่... เธอไม่ได้เกิดมาในครอบครัวร่ำรวย ครอบครัวเล็กๆ ของเธอ มี3 ชีวิต เธอกับครอบครัวอาศัยอยู่ในห้องเช่าแคบๆ ของชุมชนแออัดด้านหลังตลาดนัดยามเย็นที่พะแพงตั้งแผงขายของอยู่นั่นเอง...บิดาของเธอนั่นเหรอ ก็เป็นแค่ รปภ. แก่ๆ ของกิจการค้าข้าวขนาดใหญ่ ที่ตัวตึกตั้งตระหง่านอยู่ริมถนน หน้าแหล่งชุมชนแออัด แต่ท่านก็ยังสู้อุตส่าห์กัดฟันเลี้ยงลูกน้อยทั้งสอง แม้จะลำบากเลือ

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status