บทที่2.ผู้ชายใจดำที่ไม่ต่างอะไรกับพญามัจจุราช!!
พะแพงกระโจนลงจากรถจักรยานยนต์แบบไม่กลัวเจ็บ เมื่อสิ่งที่เธอเห็นน่าตระหนกมากกว่า
“แพงๆ ไอ้พวกนี้มันรื้อของในบ้านแพงออกมาโยนทิ้งไว้อะ ใครกันเหรอ?”
เสียงถามรอบตัวดังลั่น พะแพงส่ายหน้า เธอแน่ใจว่าไม่รู้จักใครในกลุ่มคนนั่น สักคนเลย
หญิงสาวเม้มปากแน่น เธอมองแผ่นหลังเหยียดตรงของผู้ชายที่ยืนชี้นิ้วสั่ง...เบื้องหน้ากับฝูงผู้ชายวัยฉกรรจ์ เสียงของเขาดังลั่น แฝงแววอำมหิตจนขนแขนของเธอลุกเกรียว
“ขนออกมาให้หมด...หึ!! มีแต่ขยะ ให้มันรู้ไปว่ามันจะมุดหัวหลบซ่อนตัวอยู่ได้อีก!!”
หญิงสาวกลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ เขาโกรธแค้นอะไรกับครอบครัวเธอนักหนา ถึงได้ใจร้ายใจดำเช่นนี้ ใช่...สิ่งที่พวกเขาเหล่านั้นหิ้วมาโยนทิ้ง...มันอาจจะเป็นขยะในสายตาเขา...แต่สำหรับเธอมันคือสมบัติทางใจ ไม่ว่าจะเป็นตำราเก่าๆ หรือแม้แต่หม้อ ไห กระทะ ที่เก่ากึก แต่มันอยู่กับเธอมาตั้งแต่จำความได้
“หยุดนะ!! คุณต้องการอะไรกับฉันกันแน่ นี่บ้านฉันเองค่ะ และถ้าหากคุณยังไม่หยุดทำบ้าๆ นี่ ฉันจะแจ้งความ”
หญิงสาวตะโกนลั่น เสียงดังจอแจรอบตัวสงบลง พร้อมกับการที่ชายผู้นั้น หมุนขวับ!! กลับมามองจ้องหน้าเธอ
ภาคิน อภิเษศโยธา เลิกหัวคิ้วขึ้นสูง เขากวาดตามองผู้หญิงตรงหน้าด้วยสายตาเหยียดหยัน
“ไอ้นายมันมุดหัวอยู่ไหน?!!”
เขาไม่ได้นึกกลัว หลังหรี่ตามองผู้หญิงตัวเล็กคนหนึ่งที่แผดเสียงใสเขา ภาคินตวาดกลับเสียงกัมปนาทปานฟ้าผ่า พะแพงเสหลบตา เมื่อดวงตาเรืองรองของผู้ชายตรงหน้าเหมือนดวงตาพยัคฆ์ร้ายที่จ้องจะตะปบเหยื่อ
“คุณเป็นใครคะ?” พะแพงยืนกำหมัดแน่นรวรวมความกล้าย้อนถามเขาเสียงแข็ง มองสภาพห้องพักที่ใช้ซุกหัวนอนที่ถูกทำลายจนยับเยินด้วยสายตารวดร้าว
“ฉันจะเป็นใครก็ช่าง!! บอกมา...ไอ้เวรนั่นหลบอยู่ที่ไหน?” เสียงคำรามดังๆ ย้อนกลับมาอีก
หญิงสาวอึ้ง!! เธอเริ่มงงกับคำถาม ก็ในเมื่อพี่ชายเธอทำงานอยู่ต่างจังหวัด แล้วชายผู้นี้มาถามหาพะนายทำไม?
“หึ!! เธอคงเป็นน้องมันสินะ...อย่าพยายามช่วยมันเลย เพราะหากฉันเจอมัน ฉันไม่เก็บมันไว้แน่”
คนแปลกหน้าที่คุกคามเธอทั้งกริยาและวาจา เขาสำรากใส่เหมือนพี่ชายเธอทำให้เขาเดือดร้อนนักหนา
“มะ หมายความว่าไง...คุณจะทำอะไรพี่นาย...”
หญิงสาวย้อนถามเสียงสั่น เข่าสั่นจนแทบทรุดเมื่อแววตาเรืองรองนั่นแฝงความอำมหิตเสียจนเธอสั่นไหว
“ฉันควานหามันมาทั่วทั้งภูเก็ต” เสียงเขาพูด พะแพงขมวดคิ้ว ที่ที่เขาเอ่ยถึงพะนายเดินทางไปกับเจ้านายเพื่อทำงาน แล้วเกิดอะไรขึ้นกับพี่ชายของเธอ “แต่ไอ้ลูกหมานั่น ตลบหลังฉัน พายัยอรหนีหายไป ฉันให้เวลามัน2 วันหากมันไม่พายัยอรกลับมาคืนฉัน...ฉันจะถล่มที่นี่ให้ยับ...”
พะแพงกระพริบเปลือกตาปริบๆ เธอพยายามทำความเข้าใจถ้อยคำเหล่านั้น บทสรุปที่เธอรู้...เหมือนกับว่าพี่ชายเธอพาใครสักคนที่เกี่ยวข้องกับผู้ชายคนนี้ ‘หนี’ ไป
“ไอ้นายมันไม่ได้กลับมาที่นี่หรอกคุณ” ชาวบ้านใกล้ๆ ตอบแทนพะแพง เขาไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น แต่สงสารพะแพงที่ต้องรับเรื่องร้ายๆ หลายเรื่องพร้อมกัน
“เป็นอะไรกับมันล่ะ อย่ามาเสือก!!”
ยามเลวภาคินเลวได้มากกว่าที่ทุกคนคิด เพราะในยามที่เขาดี ภาคินไม่ต่างอะไรกับเทพบุตร แต่หากเพลิงพิโรธสุมใจ เขาไม่ต่างอะไรกับพยายม...และหากต้องปลิดชีวิตใครสักคน ชายหนุ่มสามารถกระดิกนิ้วลั่นไกปืน โดยที่มุมปากยังมีรอยยิ้ม
“ขอบคุณค่ะลุงๆ ป้าๆ แพงไหว!!”
หญิงสาวหันมากล่าวกับคนอื่นๆ เบาๆ เธอเชิดหน้าขึ้น “พี่นายไปทำงานกับคนชื่อภาคิน หากคุณอยากเจอพี่นาย ติดต่อเขาไปสิคะ ตระกูลอภิเษศโยธาคุณน่าจะเคยได้ยิน”
ชายหนุ่มกดมุมปากโค้งลง เขากวาดตามองผู้หญิงตัวเล็กตรงหน้า ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
พะแพงหน้าชา!! แววตาของเขาเหมือนกดให้เธอต่ำเรี่ยดิน...
“ฉันนี่ไง ภาคิน พี่ของเธอทำฉันเสียแสบสันต์ และฉันไม่มีวันให้อภัยมันเด็ดขาด!!”
เสียงทุ้มกังวานกล่าวตอบ... เขายกมือขึ้นกอดอก เดินเอื่อยๆ มายืนประจันหน้ากับพะแพง พร้อมกับโน้มตัวลงมาใกล้ๆ จนหญิงสาวต้องผงะหลบ
“เออ...พี่นายทำอะไรคุณล่ะคะ แพงพยายามติดต่อพี่นายเหมือนกัน แต่พี่นายไม่รับสาย”
หญิงสาวตอบเสียงสั่น หัวใจเธอกระตุก!! รู้สึกเหมือนว่ากำลังจะมีข่าวร้ายตามมาอีกระลอก...
ชายหนุ่มยิ้มเย็น แต่พะแพงกลับรู้สึกเหมือนเขากำลังแยกเขี้ยวใส่
ภาคินแทบคลั่ง!! หลานสาววัยรุ่นที่อยู่ในระหว่างปิดภาคเรียน หนีหายไปกับการ์ดประจำตัว ไอ้หนุ่มที่เขาไว้ใจ และรักเหมือนเป็นน้องชาย...แต่มันกลับตลบหลังพาหลานสาวของเขาหายลับเข้ากลีบเมฆ ชายหนุ่มออกตามล่า ไม่ยอมให้คนใต้ฝ่าตีนลูบคมง่ายๆ เขาตามกลิ่นมันมายังบ้านที่มันใช้ซุกหัวนอนมาตั้งแต่เกิด...จนได้เจอกับ...ผู้หญิงคนนี้...
“เธอคงเป็นน้องสาวมัน น้องสาวที่ไอ้พายมันพูดถึงบ่อยๆ สินะ”
ภาคินกระตุกยิ้ม...
“ค่ะ แพงเป็นน้องสาวพี่นาย...แต่พี่นายไม่ได้อยู่ที่นี่ และคุณไม่มีสิทธิ์มาทำลายข้าวของในบ้านแพงด้วย!!”
หญิงสาวตอบเสียงแข็ง เธอมองสิ่งของที่หล่นเกลื่อนด้วยสายตาเจ็บช้ำ
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ ฉันจะทำยิ่งกว่านี้อีก หากไอ้นายมันยังไม่โผล่หัวออกมาจากใต้กระโปรง”
เสียงกร้าวกล่าวตอบ เขากวาดตามองคนรอบๆ ตัว ด้วยสายตาลุกเรือง
“แพง ลุงไปนอนก่อนนะ มีอะไรตะโกนดังๆ ล่ะ”
กลุ่มคนเริ่มสลายตัว...เมื่อเวลาดึกสงัด แม้จะอยากช่วย แต่มันไม่ใช่เรื่องตัวเอง แถมยังต้องตื่นแต่เช้าเพื่อหาเลี้ยงปากท้องอีก
พะแพงพยักหน้ารับ...แม้จะหวั่นกลัวคนตรงหน้า แต่เธอไม่มีวันให้เขารู้เด็ดขาด...
“ไอ้นายมันอยู่ที่ไหน?”
ภาคินถามซ้ำ!!
หญิงสาวส่ายหน้าช้าๆ เรียวปากเธอเม้มแน่น
ชายหนุ่มคิดในใจแค้นๆ
ได้สิ!! หากมันไม่คืนหลานสาวมาให้เขา...มันทำลายอนาคตของวลัยอรจนป่นปี้ ผู้หญิงตรงหน้าเขานี่ ภาคินก็จะขยี้ให้แหลกยับเช่นกัน!! มันจะได้สมน้ำสมเนื้อ...หล่อนต้องเป็นเหยื่อล่อ ต้องเป็นที่สนองอารมณ์งุ่นง่านของเขา
“ไม่คิดว่าคนที่ฉันไว้ใจ!! จะทรยศได้แสบทรวงขนาดนี้”
ชายหนุ่มกรรโชกเสียงขุ่น เขาตะคอกพะแพงส่งผ่านไปให้ไอ้คนที่เป็นพี่ชายหล่อน
“พี่นายทำอะไรให้คุณคะ?”
พะแพงไม่รู้เรื่อง เธอทุกข์หนักเรื่องบิดาอยู่แล้ว ไม่คิดว่าฟ้าดินจะโถมทับ ด้วยเรื่องที่พี่ชายเป็นสาเหตุด้วย
“หึ!! ไอ้คนเนรคุณนั่น กินบนเรือน แต่มันขี้ใส่หลังคาบ้านฉันแบบไร้สำนึก”
ชายหนุ่มว่ากระทบ เขาเปรียบเปรยเสียจนพะแพงเห็นภาพ แต่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี
“ลูกพี่สาวฉัน อายุแค่17 ไอ้หอกนั่นดันทะลึ่งพาหนี ไอ้สารเลว!!”
ภาคินตะโกนลั่น เขาอยากเจอมัน อยากถามมันดังๆ ‘หัวใจมันทำด้วยอะไร ทำไมถึงทำเช่นนี้’ อนาคตของวลัยอรต้องมีราคี เพราะผู้ชายสิ้นคิดแบบพะนาย
“อย่าให้ฉันเจอมันนะ พ่อจะเป่าให้ดิ้น!! เอาให้ตายเหมือนหมาข้างถนน หึ!! หมาตัวหนึ่งยังมีราคาชีวิตมากกว่าไอ้เนรคุณนั่นเลย”
พะแพงหน้าซีดเผือดไหนจะบิดา ไหนจะพี่ชาย หล่อนแทบล้มทั้งยืน ผู้ชายตรงหน้าขู่ฟ่อๆ เขาคิดจะปลิดชีวิตพี่ชายเธอ
“เข้าใจผิดหรือเปล่าคะ? พี่นายไม่ใช่คนแบบนั้นหรอกค่ะ”
พะแพงไม่เชื่อ หล่อนไม่มีวันเชื่อว่าพะนายจะทำเช่นนั้นจริง พี่ชายเธอเป็นคนสุขุม เขาคิดหลายตลบกว่าจะลงมือทำอะไรสักอย่าง แล้วยิ่งเรื่องแบบนี้ เป็นเรื่องร้ายแรงที่สุด หญิงสาวไม่เชื่อเด็ดๆ ไม่เชื่อว่าพะนายจะทำเช่นนั้นจริงๆ
“หึ!! มันทำแล้ว ฉันวิ่งวุ่นหามันอยู่นี่ไง ลากคอมันออกมา อย่าให้ฉันเจอมันก่อน ไม่อย่างนั้น เธอจะได้มันไปแค่ซาก”
ชายหนุ่มคำรามลั่น ภาคิน อภิเษศโยธาถูกลูบคมจากคนใกล้ตัว...หากข่าวนี้เล็ดลอดออกไป เขาคงได้เอาปีบคลุมหัวเดิน
แถมหลานสาวที่ควรมีอนาคตรุ่งเรือง ยังต้องมาแปดเปื้อนเพราะดันหลงคารมคนชั่ว
“ขนออกมาให้หมด ขยะทั้งนั้น ให้มันรู้ไปว่ามันจะซุกหัวอยู่ใต้กระโปรง และยอมให้คนในครอบครัวมันเดือดร้อน”
ชายหนุ่มร้องสั่ง กลุ่มชายฉกรรจ์ย้อนกลับเข้าไปในห้องเช่าของพะแพงอีกครั้ง หญิงสาววิ่งตัวปลิว เธอเข้าไปยืนขวางหน้า พร้อมกับร้องวิงวอนเสียงสั่นพร่า “อย่าทำแบบนี้เลย ถึงของพวกนี้จะไม่มีค่ากับพวกคุณ แต่มันคือทุกสิ่งที่ฉันมี”
ภาคินเหยียดยิ้ม เขามองเศษขยะที่พื้นด้วยแววตาลุกโชน
“ก็ถ้าไม่อยากให้ ‘ขยะ’ พวกนี้กลายเป็นขยะจริงๆ เธอก็เรียกมันออกมา!!”
ชายหนุ่มตะโกนสวน...48 ชั่วโมงที่วลัยอรหายไป หลานสาวของเขาจะป่นปี้ขนาดไหนไม่อยากจะนึก เพราะฉะนั้นเขาต้องแข่งกับเวลา...
“แพงบอกพวกคุณแล้ว พี่นายไม่ได้อยู่ที่นี่ หูแตกกันเรอะไงคะ!!”
หญิงสาวชักฉุน คนพวกนี้มาอวดอำนาจ เอากำลังเข้าข่ม เพราะว่ากันตามจริง เขากำลังคุกคามและทำให้ทรัพย์สินของเธอเสียหาย
“หากเธออยากกลับไปใช้ชีวิตสงบเหมือนเดิม ลากคอไอ้พี่เฮงซวยของเธอออกมาสิ!!”
พะแพงเม้มปาก สติเธอใกล้จะหลุด ไม่รู้วันนี้เป็นวันซวยของเธอหรืออย่างไร เรื่องร้ายๆ ถึงประเดประดังเข้าใส่มากมายเหลือเกิน
“ต่อให้คุณเค้นคอฉันจนตายตรงนี้ ฉันก็ไม่มีปัญญาตามพี่นายมาให้คุณได้หรอกค่ะ ขนาดฉันต้องการตัวเขาที่สุดเวลานี้ ฉันยังไม่มีปัญญาตามหาเขาเลย”
หญิงสาวตะโกนลั่น น้ำตาไหลทะลัก ความอัดอั้นที่ฝืนกลั้นไว้ แตกทะลักทลาย เมื่อถูกบีบจนสิ้นทาง
“จริงด้วยคุณ พ่อไอ้แพงมันเพิ่งถูกหามส่งโรงพยาบาลตอนบ่าย มันไม่รู้เรื่องไอ้นายหรอกคุณ”
เพื่อนบ้านที่ยังไม่ยอมถอยตะโกนสวน เพราะเวทนาผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างพะแพง
“ขอบคุณจ้ะลุง แต่คนใจดำอย่างเขาคงไม่สนใจหรอก เขาแค่ต้องการตามหาคน คนรวยอย่างเขาไม่รู้หรอกความทุกข์ยากเป็นยังไง”
หญิงสาวยกมือปาดน้ำตาร้อนๆ เธอกล่าวขอบคุณเสียงปร่า ดวงตาแดงฉานมองสบนัยน์ตาภาคินแบบไม่นึกกลัว
“พ่อเธอจะเป็นจะตายก็เรื่องของพ่อเธอ ฉันต้องสนด้วยรึ? แต่คนที่ไอ้นายพาไปนั่นสิ!! ชีวิตเด็กผู้หญิงคนหนึ่งต้องมาพังยับเพราะหมาเนรคุณอย่างมัน”
เพลิงโทสะลุกกระพือ เขาต้องสนใจความเป็นความตายของคนที่ไม่เกี่ยวข้องด้วยหรือ...
“หากหล่อนยังอยากเห็นมันมีลมหายใจ...ให้มันคลานกลับมาขอโทษฉัน...ภายในวันนี้นะ ฉันขีดเส้นตายให้ไอ้นายมันแล้ว หากตะวันขึ้น ฉันจะเก็บตายมัน...ไม่ให้มันมีชีวิต ไม่มีลมหายใจอยู่หยามคนอย่างฉันได้!!”
ภาคินกล่าวเสียงเย็นชา...หากมันไม่อยากตาย ก็ให้มันพาวลัยอรกลับมาเร็วๆ
กระบอกตาร้อนผ่าว ลำตัวเกร็งเครียด!! หญิงสาวยืนกำหมัดแน่น...เวลานี้สองบ่า รู้สึกล้าเหลือเกิน
“เอ่อ...”
“อย่ามาวิงวอนฉันเลย...ไม่มีประโยชน์หรอก”
ชายหนุ่มตวาดตัดบท เขายกโทรศัพท์ในมือขึ้นแนบหู กรอกเสียงดังๆ กลับไป แต่นั่นทำให้พะแพงสะดุ้ง!! เมื่อคำสั่งของเขา คือการกำหนดเวลาตาย...ให้พะนาย...
“กูบอกแล้วนี่ หากมันไม่เข้ามาหากูภายในวันนี้ เจอมันที่ไหนก็เป่ามันให้ดิ้น แล้วลากหลานกูกลับมา...”
เปลือกตากระพริบถี่ๆ เข่าอ่อนจนต้องทรุดไปนั่งที่พื้น ความเป็นความตายอยู่ตรงหน้า...บิดาก็ร่อแร่ พี่ชายก็กำลังเผชิญหน้ากับความตาย
หญิงสาวเม้มปาก สูดลมหายใจลึกๆ
“หากแพงจะขอให้ไว้ชีวิตพี่นาย แลกกับ...” หญิงสาวหยุดพูด เธอละอายเกินกว่าจะกล่าว
ภาคินหยุดฟัง เขาเดินมายืนจังก้าตรงหน้าพะแพง โน้มใบหน้าลงมองเธอ พร้อมกับคำถามที่ดังแผ่วๆ
“แลกกับ...ตัวเธอ...งั้นเหรอ...เธอมีค่าขนาดนั้นเชียว”
“ชีวิตทุกคนมีค่าเท่ากันแหละค่ะ ฉันมีเหตุผลพอที่จะทำ คุณไม่มีวันเข้าใจหรอก...”
หญิงสาวยอมเสนอตัว ไหนๆ เธอก็เหลือแค่ครึ่งชีวิต เพราะหากสละไตข้างหนึ่งให้กับบิดา...จะแลกอีกครึ่งที่เหลือเพื่อให้พี่ชายรอด...เธอก็จะทำ!!
“เหรอ...ตรรกะคนแบบเธอฉันคงไม่มีวันเข้าใจ เมื่อมันขึ้นอยู่บนพื้นฐานของการหลอกลวง”
ชายหนุ่มตอบเสียงขุ่น เขายืดตัวตรงๆ สอดมือล้วงกระเป๋า ก่อนจะตะโกนสั่งให้เหล่าลูกสมุน หยุดทำลายข้าวของ... “หยุดโว้ย...กลับออกไปข้างนอก...ตรงนี้กูจัดการเอง...”
การ์ดวัยฉกรรจ์ทำหน้างงๆ แต่ก็พยักใบหน้ารับคำสั่ง...แล้วจึงทยอยเดินหายไปท่ามกลางความมืด
“จะคุยตรงนี้ หรือว่าข้างในดีล่ะ”
ชายหนุ่มเลิกหัวคิ้วขึ้นสูง ใบหน้าเขายียวนจนพะแพงนึกแช่งชักในใจ
หญิงสาวสูดลมหายใจลึกๆ เธอยันกายลุกขึ้นจากพื้น รวบรวมกำลังที่เหลือ พาตัวเองเข้าไปในบ้าน และนั่นคือคำตอบ
ภาคินเดินตามพะแพงไปเอื่อยๆ เขาทำจมูกฟุดฟิดๆ เมื่อกลิ่นอับๆ ลอยมากระทบจมูก
หญิงสาวเดินเก็บข้าวของที่หล่นเกลื่อนพื้น เธอผายมือไปยังเก้าอี้หวายที่ยังมีสภาพการใช้งานที่ดี
“ไม่ล่ะ เธออยากเสนออะไรก็ว่ามา ฉันรอฟังอยู่”
นักธุรกิจอย่างเขา ผลกำไรต้องได้คุ้มค่า ไม่อยากนั้นคงไม่เสียเวลาเร่งด่วน เพื่อหยุดฟังของเสนอของคนอย่างหล่อน ยังไงเสีย วันนี้เขาก็ต้องควานหาตัวไอ้พะนายเจอ แล้วถ้าจะมีของแถมให้พะนายเจ็บใจเล่นๆ หากมันได้รับรู้…มันก็ย่อมเป็นสิ่งดี...
ผู้หญิงหน้าจืดคนนี้...เขาจะขยี้หล่อนให้แหลก ให้สาสมกับที่พะนายมันทำกับวลัยอร แล้วก็จะเขี่ยหล่อนทิ้งเหมือนเศษขยะ!!
พะแพงกลั้นใจ “ถ้าคุณอยาก ‘ฆ่า’ พี่นาย ฉันอยากขอ...ปล่อยพี่นายไปเถอะค่ะ แล้วคุณจะทำอะไรกับฉันก็ได้...”
ข้อเสนอน่าสนใจ มันตรงกับความต้องการของเขาอยู่แล้วด้วย ชายหนุ่มแสร้งอิดออด เขาไหวไหล่เมื่อตัดสินใจยอมรับ
“ก็ได้...ฉันจะไม่ฆ่ามัน...แต่เธอก็ไม่มีสิทธิ์เรียกร้องใดใดจากฉันเลยนะ...หวังว่าเธอคงเชื่อถือได้”
เป็นคำพูดที่ตีเข้ากลางแสกหน้า เขาประณามเธอแบบอ้อมๆ
“ค่ะ...คุณจะไม่เดือดเพราะฉันแน่”
แม้นสิ้นศักดิ์ศรี...ทำตัวเหมือนคนไร้ยางอาย...พะแพงขอยืนกรานตรงนี้ เธอไม่มีวันวิงวอนข้อร้องเขาทั้งสิ้น!!
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หลังจากนี้...
บทที่3.รอยราคีที่ต้องจำจนวันตาย “เธอแน่ใจนะว่าจะไม่เปลี่ยนใจทีหลัง...” ภาคินถามย้ำ เขาไม่ใคร่แน่ใจ หากหล่อนบิดพลิ้วขึ้นมาเหมือนกับพี่ชาย เขาจะอารมณ์เสียหนักขึ้น “ค่ะ...” พะแพงเชิดหน้าขึ้น เธอยอมรับความอดสูไว้ เพื่อต่อลมหายใจและทางเลือกให้พะนาย “ดี!!” ชายหนุ่มกระแทกเสียงหนักๆ เขาเดินปึงๆ ออกไปจากบ้าน พร้อมกับตะโกนเสียงลั่น “พาหล่อนไปหากูที่คอนโด กูจะไปอาบน้ำรอ แล้วถ้าหาไอ้พะนายเจอ จับเป็นมัน!! กูอยากเห็นหน้ามันก่อน” ใครจะคิดว่าบ้านเมืองที่มีกฎหมายคุ้มครอง จะมีคนบางคนใช้ศาลเตี้ย ตัดสินด้วยกำลัง เป็นอิทธิพลมืดที่พะแพงเองก็เพิ่งจะเคยเห็น เธอเคยได้ยินแค่เสียงเล่าลือ ไม่คิดว่าตัวเองจะได้เผชิญหน้ากับมันแบบที่ไม่สามารถเลี่ยงได้... “ครับ” เสียงรับคำแบบพร้อมเพรียง พะแพงทรุดฮวบ เธอร่วงลงไปกองที่พื้น แล้วก็มีผู้ชายหน้าดุเยี่ยมหน้าเข้ามามอง “อย่าลีลา เธอมีเวลาแค่10 นาที อย่าให้ถึงกับต้องลากไป” เป็นคำขู่ที่หญิงสาวสะท้านถึงทรวง... พะแพงสูดลมหายใจลึกๆ ไหนๆ เธอก็ตัดสินใจไปแล้ว ช่วงเวลาเลวร้ายจ
บทที่4.เพียงสายลมพัดผ่าน... เป็น ‘จูบ’ แรกที่หญิงสาวได้รู้จัก มันไม่ได้เริ่มต้นดีนัก เพราะมันเกิดขึ้นจากความจำยอม... แต่ก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิด!! นับว่าภาคินมีฝีมือเชี่ยวพอตัว เขาสามารถโน้มน้าว ทำให้คนที่นอนแข็งเป็นท่อนไม้ หลงเคลิ้มไปกับสัมผัสแผ่วๆ นั่นได้ ‘จูบ’ สิ่งที่สาวๆ วัยแรกรุ่นส่วนใหญ่เคยนึกฝันยามค่ำคืน...พวกหล่อนอยากอยู่ในอ้อมกอดของใครสักคน? ใครสักคนที่ทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย แต่ที่พะแพงกำลังผจญอยู่นี่... มันกลับเต็มไปด้วยความเร่าร้อน ซ่านเสียวและทรมานจนหญิงสาวนึกหวั่นกลัว มันต่างกับที่เธอเคยฝันหวานไว้ ‘จูบ’ ไม่ได้อ่อนหวาน แต่มันกำลังทรมานเธอแทบจะขาดใจตาย...กำหนัดรุ่มร้อน ตามประสาหนุ่มวัยฉกรรจ์ แต่ที่ทำให้ภาคินแปลกใจ เขาทำเหมือนคนอดอยาก...ตะโบม ‘จูบ’ หล่
ยอดอกสีสดถูกอุ้งปากร้อนชื้นอ้างับ เขาครอบครอง ดูดซึมความหวานฉ่ำชื่น ขยำขยี้ บีบบี้ความเต่งตึงนุ่มหยุ่นเคล้นคลึงด้วยความพอใจ ความรู้สึกหวามไหวไหลปร่า แผ่กระจายทั่วทุกตารางนิ้วบนผิวกาย เธอรู้สึกสยิวซาบซ่าน ทุกครั้ง...ยามที่ถูกโลมลูบด้วยฝ่ามือร้อนระอุ!! ร่างกายของเธอแทบจะลุกเป็นไฟ เมื่อถูกฝ่ามือใหญ่ๆ ลูบไล้สัมผัส ให้ตายเถอะ!! เธอไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะรู้สึกกระสันซ่านได้ถึงเพียงนี้ ความรู้สึกเหมือนถูกไฟฟ้าช็อต...กระแสไฟอ่อนๆ นั่นวิ่งพล่านทั่วทั้งตัว มันจุดประกายบางอย่างที่เธอไม่เคยรู้ และมันกำลังทำให้เธออยากรู้ในสิ่งต่อไปที่กำลังจะมาถึง!!“อืมมมม...”เสียงครางผะแผ่ว ดังรอดออกมาจากกลีบปากที่เม้มแน่น ภาคินยิ้มเหยียดๆ มุมปาก เขาพรมจุมพิตหนักๆ ใต้ฐานอกอวบ ลากปลายลิ้นเปียกๆ ลงต่ำ พร้อมทั้งสูดกลิ่นความหอมหวานของเนื้อสาวจนเต็มปอด...ลูบไล้ผิวกายนุ่มนิ่มปลุกกระแสเลือดในกายของหญิงสาวให้เดือดพล่านเพิ่มมากขึ้นมือร้อนไล้วนเหนือแผ่นท้องราบเรียบ ปลายนิ้วเรียวสวยวนรอบแอ่งสะดือบุ๋มชวนชิดเชย ไถลเรื่อยไปยันเอวคอดกิ่วกับสะโพกผายเต็มตรึง!! พะแพงสะดุดลมหายใจตัวเอง เธอกลั้นห
บทที่5.นกปีกหัก... โครม!! หญิงสาวผวา เธอได้ยินเสียงดังปึงปัง...จากภายนอก จนกลั้นความอยากรู้ไม่ได้ เธอแง้มประตูห้อง...เพื่อมองสิ่งที่เกิดขึ้นตรงนั้น...หญิงสาวตะลึงตาค้าง... ที่ถูกหิ้วปีกจากชายสองคนนั่น...คือพะนายพี่ชายเธอไม่ใช่เหรอ? พะแพงดันประตูพรวด เธอถลาเขาไปยืนขวางหน้าภาคิน ดวงตากลมโตไหวระริก แต่เด็ดขาด...เชิดหน้าขึ้นท้าทายกับเขา เสียงสั่นๆ ผ่านริมฝีปากบวมเจ่อ “คุณบอกว่าจะปล่อยพี่นายไปไงคะ!!” นัยน์คมดุถมึงทึง...เขากราดตามองหญิงสาวตรงหน้า แล้วจึงถอนลมหายใจพรวดๆ... “กลับเข้าไปอยู่ในห้องเลยพะแพง...”&nbs
“เจ้านายไม่เคย ‘รัก’ ใคร เจ้านายไม่มีวันเข้าใจความรู้สึกของผมกับคุณอรหรอกครับ” แม้จะถูกกระทำ ถูกกดต่ำยิ่งกว่าผิวดิน แต่ความนับถือที่พะนายมอบให้ภาคินยังเหมือนเดิม ถึงความเห็นจะไม่ลงรอยกัน “หึ!! ไอ้นายอย่าว่ากูสอนเลยนะ ‘ความรัก’ ที่มึงอ้าง มันกินไม่ได้ว่ะ และมันไม่มีอยู่จริง ตอนนี้ยัยอรหลงมึง เพราะหลานกูยังเด็ก แต่รอให้ยัยอรโตกว่านี้เถอะ รับประกัน... แม้แต่หางตายัยอรก็ไม่แลมึง” ชายหนุ่มบริภาษ...เขากรรโชกเสียงห้าว ในมุมมองของภาคิน...ความรัก...เป็นความรู้สึกที่สัมผัสไม่ได้ ถึงมีคุณค่ากับใจ แต่ไม่จำเป็น...เมื่อยังมีหลายสิ่งมากมาย ที่สำคัญกว่า ความรู้สึกไร้ค่าเช่นนั้น พะนายเม้มปาก เขาเถียงภาคินไม่ได้ เมื่อแม้แต่ตัวเองก็ไม่เคยมั่นใจ ว่าความรักระหว่างวลัยอร กับตัวเองจะสมหวัง เมื่อมันแตกต่างกันเกินไป
สองคนพี่น้องหอบสังขารสะบักสะบอมไม่ต่างกันเดินออกมาจากสถานที่โอ่อ่า มีสายตาหมิ่นๆ มองตามมาตลอดทาง เมื่อสภาพร่างกายของคนทั้งคู่น่าสังเวชเหลือทน... พะแพงเดินเท้าเปล่า เธอไม่มีแม้แต่รองเท้า... พะนายเองก็ย่ำแย่ เขามีร่องรอยบาดเจ็บไปทั้งตัว มีแต่คราบเลือด กับความบอบช้ำ “พี่นาย...แพงไม่มีสตางค์เลย...พี่นายพอมีมั้ย?” หญิงสาวเอ่ยถามพี่ชายเสียงสั่น เธอกัดกระพุ้งแก้มมองตรงไปยังเบื้องหน้า พยายามไม่ใส่ใจสายตาหลายคู่ที่มองมายังเธอ “ยะ อยู่ในกระเป๋ากางเกง...” พะนายกัดฟันพูด เขาเจ็บร้าวไปทั้งกระบอกตา “เราต้องกลับบ้านก่อน ค่อยไปโรงพยาบาล”
บทที่6.เส้นทางใหม่กับหัวใจนักสู้... “พี่นายแพงไปก่อนนะเจอกันเย็นๆ พี่นายนอนพักไปก่อนเถอะ ให้ทำแผลก็ไม่ยอมทำ” หญิงสาวบ่นพี่ชาย ในขณะที่ตัวเองก็บาดเจ็บไม่ต่างกัน พะนายเจ็บที่ตัว แต่พะแพงเจ็บร้าวไปทั้งหัวใจ “แพง...ที่คุณภาคินพูดหมายความว่าไง?” พะนายรั้งแขนน้องสาวไว้ ก่อนที่เธอจะเดินหนีไปอีกทาง... พะแพงชะงัก เธอเม้มเรียวปากแน่น... “ก็อย่างที่เขาพูด ไม่อย่างนั้นพี่นายคงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้” พะนายเม้มปาก เขาเผลอกดแขนบางของพะแพงแรงๆ จนหญิงสาวร้องลั่น “โอ้ย!! พี่นาย แพงเจ็บ” “โทษทีๆ แพง...พี่ขอ
นางตบเข่าฉาด มโนเห็นกิจการพันล้านลอยอยู่ตรงหน้า หากชายหนุ่มคิดจะทุ่มสุดตัว นางเห็นว่าความคิดของพะนาย มีทางเป็นไปได้... “ผมเตรียมมาแล้วครับอยู่ที่บ้าน เดี๋ยวผมไปขนมาบ้านป้าเลย จะได้ลองทำ แล้วรีบเอาไปให้พี่สายหยุดลองชิม” พะนายผุดลุกขึ้นยืน เขาครางซี๊ด เพราะอารามรีบจึงขยับตัวเร็วเกินไป และผลจากการโดนซ้อมเมื่อวันก่อน เขาจึงรู้สึกรวดร้าวไปทั้งตัว ชายหนุ่มกัดฟันทน เขาไม่มีเวลามาโอดครวญ...หากความฝันเป็นจริง เขาจะช่วยได้ทั้งบิดา และพะแพง 15 นาทีต่อมา... อุปกรณ์การทำหนังไก่ทอดจึงถูกนำมาที่บ้านยายสาย เสียงสาวใหญ่ดังโขมงโฉงเฉง เมื่องัดสูตรเด็ดของตัวเองออกมาสั่งสอนพะนาย“อันดับแรกเลยนะพ่อนาย...ล้างหนังไก่
“แพง” เสียงของภาคินแหบปร่า ลมหายใจร้อนผ่าวที่เป่ารดอยู่หลังใบหูนั่นอีก มันทำให้หญิงท้องแก่หัวใจระทวย“ขา...” เสียงหวานขานรับ ภาคินยิ้มเครียด เขาเตรียมพร้อมศึกษาความเป็นไปได้มาก็จริง แต่ยังไม่กล้าลงมือ เพราะห่วงคนตัวเล็กจะไม่พร้อม“ฉันๆ” คนกล้าแกร่งเกิดหัวหดขึ้นมาแบบนั้น เขามองเนินท้องนูนๆ ของพะแพง ก่อนจะถอนใจดังเฮือกๆใบหน้าร้อนผ่าว ผิวแก้มซับสีระเรื่อ เมื่อทำใจกล้า เอื้อมมือไปจับมือใหญ่ที่ชักกลับ เหมือนกับว่าสิ่งที่ตั้งใจไว้แต่แรก เขาเกิดปอดขึ้นมาดื้อๆ เธอจับมือของภาคินวางบนเนินหน้าท้อง ตอนที่ทิ้งตัวนั่งบนขอบที่นอน“ลองจับดูสิคะ”เสียงของพะแพงสั่นพร่าไม่ต่างจากภาคินเลย“ฉันๆ” ชายหนุ่มกระอึกกระอัก เขาไม่ได้ต้องการสัมผัสเพียงแค่นี้ เขาอยากชื่นชมพะแพง แม้ว่าหล่อนจะไม่เหมือนเดิม แต่ไม่ว่ายังไง ในสายตาของภาคิน พะแพงก็งดงามเสมอหญิงสาวยิ้มหวาน ริมฝีปากสั่น เมื่อเลื่อนฝ่ามือร้อนผ่าวนั่นมาที่เนินอกตนเอง“แพงเจ็บตรงนี้จังคุณคินดูให้หน่อยได้มั้ยคะ”ชายหนุ่มเง
ภาคินยิ้มกว้าง...คืนนี้เขาคงไม่ต้องนอนตาค้าง...เพราะเขามีเป้าหมายสำคัญอังกฤษ... ภาวนามองพะนายตาประหลับประเหลือก...นางเบ้ปากให้คู่รักของบุตรสาว ไอ้ผู้ชายที่เคยเกือบทำให้วลัยอรหมดอนาคต วันนี้พะนายพิสูจน์ให้เห็นถึงความมั่นคง...และความพยายามของพะนายเอง ก็ทำให้นางทึ่ง!! จนต้องยอมลงให้...ว่าที่บุตรเขย...เพราะบุตรสาวที่เคยเชื่อฟังและหัวอ่อน เริ่มมีข้อโต้แย้ง เหตุผลของวลัยอรเองก็ทำให้นางแย้งไม่ได้เช่นกัน ‘แม่เคยรักใครมั้ยคะ?’ เป็นคำถามที่นางไม่สามารถตอบได้ เมื่อชั่วชีวิตของภาวนา นางไม่เคยรู้จักคำนั้นเมื่อตนเองโตมาพร้อมกับคำว่าหน้าที่...เธอเพิ่งมาตระหนักเอาก็ตอนที่จำต้องก้มหน้ารับคำสั่งบิดา นั่นคือความจำยอมที่ต้องแบกรับไว้บนสองบ่า สามีของเธอ เขามาเพราะผลประโยชน์ ไม่เคยมีจิตพิศวาส อยู่กันไปแกนๆ ตามหน้าที่ ไม่รู้สึกอะไรเลย มีแค่ภาระหน้า
“เห้ย!! อะไรว่ะ แค่มีเมีย... คุณแต่งงานได้กี่วันวะคิน ทำตัวเหินห่างจากเพื่อนแบบนี้ ไม่รู้สึกละอายใจบ้างหรือไง”เพิ่มลาภ กับเก่งกาจ แวะมาหาเพื่อนรัก หลังงานวิวาห์สายฟ้าแลบที่ภาคินเนรมิตได้เพียงแค่ชั่วข้ามคืน แต่...หลังจากนั้น ชายหนุ่มที่เคยประกาศปาวๆ เรื่องอยากโสดตลอดชีวิต กลับหายหัวไปเสียชิป ไม่เคยเห็นเงาภาคินตามสถานบริการ ตามแหล่งชุมชนเองก็เช่นกัน...หากไม่เกี่ยวพันเกี่ยวกับเรื่องงาน แทบจะไม่เห็นชายหนุ่มปรากฏตัว“แหม...” หนุ่มเจ้าของห้องยิ้มแหยๆเขารีบซุกกล่องข้าวเก็บไว้ในลิ้นชักทำงาน เมื่อได้เวลาพักเที่ยงพอดี“ไป๊ไป ไปกินข้าวเที่ยงกัน กว่าจะลากไอ้คุณเพิ่มมาได้นี่ ยากชิปหาย จะกินแต่ฝีมือเมียอยู่นั่นแหละ”เก่งกาจเป็นคนเดียวที่ยังโสด เขามีแพลนงานวิวาห์แต่ยังไม่ถึงเวลา“ก็เมียทำมาให้กิน ไม่กินก็เสียของสิวะ”เพิ่มลาภแก้ตัวเสียงอ่อยๆ ภรรยาสุดที่รักอุตส่าห์แหกตาตื่นมาทำไว้ให้ จะทิ้งขว้างมันก็ใช่ที่ เมื่อมันหมายถึงความใส่ใจของเจ้าหล่อนภาคินกลืนน้ำลายเอือกๆ เขาชำเรืองมองกล่องข้าวของตนเอง
พะแพงกดอินเตอร์คอม “เอาน้ำเย็นขึ้นมาให้แพงที่ห้องทำงาน 2แก้วนะจ้ะ” เธอสั่งงานแม่บ้าน ก่อนจะผายมือเชื้อเชิญ ‘แขก’“ลื้อชื่อ...อาแพง...สินะ”เสียงแหบสั่นแต่ยังทรงอำนาจไม่เปลี่ยน แม้จะหยุดบงการ พักผ่อนเงียบๆ อยู่กับบ้าน ในบั้นปลายของชีวิต“ค่ะ แพง พะแพง งามสุวรรณ ไม่ทราบว่าท่านมีธุระอะไรกับแพงคะ?”เจ้าสัวภพเดินไปทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานของพะแพง ยกมือขึ้นมาว่างทาบบนหัวไม่เท้าที่ท่านถือติดมือมาด้วย สายตาคมกริบมองผู้หญิงตรงหน้าตรงๆ“ลื้อท้องกับอาคินลูกอั้ว!! แล้วลื้อจายักท่าทำไมหะ ไม่กลัวลูกในท้องเกิดมามีปมด้อยเหรอไงล่ะ?” คำถามของท่านทำให้พะแพงตกใจ มือเรียวสั่นระริกจนต้องตัดใจวางปากกาในมือ พร้อมกับพักการทำงานเมื่อดูเหมือนว่าคนที่มาหาเธอจะดูท่าไม่เป็นมิตรเท่าไร“สวัสดีค่ะ แพงไม่คิดว่าท่านจะมา” หญิงสาวกระพุ่มมือไหว้ ตอบเสียงอ่อนอ่อย“ฉันอยากมาที่ไหนล่ะ...ฉันน่ะวางมือหมดแล้ว ให้คินมันดูแล นี่ถ้าไม่ร้อนใจไม่มาเองหรอก ขึ้นรถขึ้นเรือมันลำบาก เดินเหินไม่สะดวกเหม
“ไม่มีใครไม่เคยทำพลาดหรอกนะนาย ทุกคนต้องเคยกันทั้งนั้น มันขึ้นอยู่ว่าเขาจะแก้ไขหรือไม่ เต็มใจที่จะแก้ไขสิ่งที่ทำ...หรือถูกบีบบังคับให้ทำหรือเปล่า”เป็นข้อคิดที่พะนายเก็บมาคิด คำของพ่อไม่เคยทำลาย ชายหนุ่มฟัง เขานิ่งคิด ก่อนจะเอ่ยเสียงแผ่ว “พ่อ แต่มันจะทำให้เขาดูถูกเราเพิ่มขึ้นหรือเปล่าครับ ในเมื่อเขาเคยประณามเราว่าเราคิดจะเกาะเขาเพื่อยกฐานะตัวเอง”คำประณามของภาคิน ไม่เคยลบเลือนไปจากใจ พะนายสลักเอาไว้เพื่อใช้เตือนตัวเอง“เราคิดแบบที่เขาว่าหรือเปล่าล่ะ” พะนายส่ายศีรษะแรงๆ“งั้นก็อย่าไปกลัว นายเองก็ยัง ‘รัก’ คุณหนูคนนั้นเลย แล้วทำไมคุณ เขาจะ ‘รัก’ ยัยแพงไม่ได้ล่ะ”คล้ายเอ่ยแบบเป็นกลาง พะแพงไม่ได้มีอะไรเสียหาย แล้วทำไมผู้ชายคนนั้นจะหลงรักลูกสาวของท่านไม่ได้ แม้เวลานี้เขาจะยังไม่รู้ใจตัวเองเห้อ!! พะนายเบ้ปาก เขาพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ มันเป็นวัวพันหลัก สลัดยังไงก็ไม่พ้น อิหลัก อิเหลื่อ เหมือนน้ำท่วมปาก เขากีดกันภาคินได้ไม่เต็มที่ เมื่อตนเองก็ปองรักสาวบ้าน อภิเษศโยธาอยู่เช่นกัน
บทที่18.จีบเมียให้มาเป็น...เมีย“นี่...คุณจะพาฉันไปไหน...ฉันไม่ไปนะ”พะแพงร้องโวยเมื่อจู่ๆ ภาคินก็ฉุดกระชากลากถูออกมาจากโต๊ะทำงาน“หุบปากเถอะน่า...เดินตามมาเงียบๆ สิ ไม่รู้เป็นไงสิ!! ชอบขัดใจฉันจริง”ภาคินหันมาตะคอก ป้าสาย สมจริตชะเง้อมองมาจากในครัว เพราะทั้งสองสาวใหญ่กำลังทำอาหารมือเที่ยงอยู่พอดี“แพง มีอะไรให้ป้าช่วยมั้ยลูก!!”ในมือของยายสายมีตะบวยอันใหญ่ติดมาด้วย หากพะแพงร้องขอความช่วยเหลือตะบวยตักแกงอันนั้นจะเปลี่ยนสถานะเป็นอาวุธทันที“ไม่มีอะไรหรอกป้า...ฉันแค่จะพา ‘เมีย’ ไปดูของฝาก”ภาคินเบ้ปาก เขาปรามพะแพงด้วยสายตาคมกริบ แต่หญิงสาวไม่สนใจ หล่อนพยายามดิ้นให้หลุดจากการพันธนาการอยู่ดี“ทำไม...ชอบมีปัญหาจังแพง...ฉันไม่ได้ลักขโมยใครมาหรอกน่า”ภาคินบ่น ออกแรงดึงเรียวแขนเสลาจนพะแพงนิ่วหน้า“คุณเอาแต่ใจ...ไม่มีเหตุผล”หญิงสาวเถียงกลับ ใบหน้าอิ่มบึ้งตึง“แล้วใครบอกเธอว่าฉันเป็นคนมีเหตุผลล่ะ
ชายหนุ่มกลั้นใจตอบ เขากลืนน้ำลายฝืดๆ แต่เมื่อเหลือบมองพะแพง ใจหายวูบ!! เขารู้สึกเช่นนั้น เพราะเกร็ดน้ำตาของพะแพงไหลเป็นทาง กับความจริงอันน่าเจ็บปวดที่ได้ยินด้วยสองหูตัวเอง“เดี๋ยวๆ” ชายหนุ่มรีบละล่ำละลักพูด เขานิ่งไปหนึ่งอึดใจก่อนจะเอ่ยออกมาช้าๆ “แต่งก็แต่ง...” เสียงของภาคินแผ่วลง เมื่อจำต้องเอ่ยประโยคนั้นออกมาแต่...ไม่ได้เป็นอย่างที่ชายหนุ่มคิด พะแพงไม่ได้แสดงอาการดีใจเหมือนอย่างสาวๆ ที่เขาเคยควงหากได้ยินคำสำคัญคำนี้จากปากคนอย่างนายภาคิน อภิเษศโยธาหญิงร่างเล็กใจเด็ด ตวัดตามอง เธอเม้มเรียวปากจนเป็นเส้นตรงก่อนจะแย้มปากขึ้นกล่าวช้าๆ“ไม่จำเป็นค่ะ พะแพงไม่ต้องการความเมตตานั่น แพงยืนยันเหมือนเดิม แพงเลี้ยงลูกเองได้ โดยไม่ต้องรับความเมตตาของคุณ”สิ้นคำพูดของพะแพง...กลุ่มอาคันตุกะถึงกับอึ้งกิมกี่ ยังมีอีกหรือผู้หญิงที่กล้าปฏิเสธผู้ชายเพอร์เฟคอย่างภาคินเมื่อชายหนุ่มทั้งหล่อและรวย“เธอจะพูดง่ายๆ แบบนี้ไม่ได้หรอกนะพะแพง...เธอหนีความจริงไม่พ้นหรอก ยังไงเสียฉันก็เป็น ‘พ่อ’ ของลูกเธอ”
สองหนุ่มเบ้ปาก จิปากเบาๆ เดินตามไปห่างๆ เพื่อเป็นฝ่ายสนับสนุนให้ภาคิน “แพงไม่ต้องการให้ใครมารับผิดชอบ แพงดูแลตัวเองได้ค่ะ” หญิงสาวกล่าวเสียงห้วน เธอเสก้มหน้านิ่ง ไม่เหลือบแลใครสักคน ภาคินทำหน้าเซ็ง เขาพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ เมื่อไม่คิดว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งจะดื้อด้านถึงขนาดนี้ “เราตกลงกันแล้วครับ พวกเรายอมรับ ‘คนมาใหม่’ แต่ไม่ขอรับความเมตตาของใคร” พะนายเอ่ย ใครในที่นี้คือภาคิน “แต่ฉันไม่เห็นด้วยที่แพงท้อง มันเกิดขึ้นเพราะฉัน แล้วทำไมถึงกีดกันฉันล่ะ” ภาคินกล่าวเสียงขุ่น พะแพงตั้งท่ากันเขาตั้งแต่แย้มปาก “คุณก็รู้ คุณไม่ได้ ‘รัก’ ไม่ได้ชอบน้องสาวผม แล้วจะ
“ฉันอยากเจอพะแพง” ภาคินกล่าวเสียงเย็น เขาต้องการเจอหล่อน เมื่อความสงสัยบางอย่างเกาะกุมอยู่ในหัวใจด้านชา วันนั้นเขาเห็นพะแพงที่โรงพยาบาล หล่อนอยู่ในชุดหลวมๆ เพื่อความสะดวกสบายร่างกายของพะแพงยังไม่ได้เปลี่ยนไปมากเท่าไร แต่ที่ภาคินสะดุด!! คือกลางร่างของหล่อนดูแปลกตา การเดินเหินของหล่อนด้วย ดูพะแพงระมัดระวัง การแต่งกายของหล่อนก็แปลกไป เขาว่าจะเข้าไปหา แต่เพราะติดดูแลบิดาที่มาตรวจเช็คร่างกายประจำปี จึงยังไม่มีเวลาเข้าไปหา พอว่าง...พะแพงก็หายไปแล้ว...นั่นคือสิ่งที่ภาคินติดใจ...บวกกับครั้งนั้น ‘คอนดอม’ เขาละเลย เขาไม่ได้สวมอุปกรณ์ป้องกันตอนที่มีความสัมพันธ์กับพะแพง มันจึงมีความเป็นไปได้ที่หล่อนจะ ‘ท้อง’ “ยัยแพงไม่ต้องการเจอคุณ!!” คล้ายตอบแทนบุตรสาว