มันอาจจะเป็นความคิดของมารดา วลัยอรคิดเศร้าๆ แต่เพราะมารดาไม่สามารถบีบบังคับเธอได้ ท่านจึงไปยืมมือภาคินมาเป็นธุระ!! และก็เป็นไปตามความตั้งใจของภาวนา วลัยอรฮึดฮัด...แต่ไม่กล้าต่อต้านตรงๆ
มันจึงเป็นที่มาของการรวมตัวของทุกคนที่สนามบินสวรรณภูมิวันนี้
“แกจะร้องไห้ทำไมยัยอร!! แม่ส่งแกไปเรียนไม่ได้เอาไปฆ่า”
โรงเรียนประจำที่อังกฤษ คือที่ที่ภาวนายัดเหยียดให้เธอ หญิงสาวยิ้มเครียด เธออยากจะวิ่งหนี แต่สายตาดุดันของน้าชายสะกดความกล้าทั้งหมดของเธอ จำใจต้องก้มหน้าทำตามคำบัญชา
“มันไม่ต่างกันหรอกแม่...ที่นั่นไม่ต่างอะไรกับโรงฆ่าสัตว์”
หญิงสาวแย้ง เธอลดเสียงลงกว่าครึ่ง เพราะหากภาคินได้ยิน เธอคงไม่แคล้วถูกดุ
&ldqu
เป็นความทรมานที่ชายหนุ่มไม่เคยพบเจอ ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เขาถึงยังสลัดแววตาจัดจ้าของพะแพงออกไปไม่ได้สักที หล่อนเป็นแค่ ‘เหยื่อ’ เป็นแค่ที่ระบายอารมณ์โกรธ พะนายสร้างเรื่องทำให้เขาผิดหวังและเสียหน้า การแก้หน้าเอาคืนไอ้หนุ่มนั่น ก็เป็นการทำให้เขารู้สึกดีขึ้น แต่เปล่าเลย...สิ่งที่เขาทำลงไป ยิ่งทำให้รู้สึกหน่วงๆ ในอก เพราะอะไรล่ะ... ภาคินสะบัดศีรษะแรงๆ เขายันกายลุกขึ้นยืน หากยังอยู่คนเดียวเช่นนี้ เขาคิดฟุ้งซ่านจนนอนไม่หลับ ทางเดียวที่แก้ได้ คือเขาต้องออกไปหาเพื่อนคุย บรรดาเพื่อนเก่าๆ ที่ไม่ได้พบเจอมานาน คงยินดีกันถ้วนหน้า...เมื่อชายหนุ่มฝังตัวอยู่ที่ชนบท หาใช่กลางเมืองกรุงที่มีแต่ความศิวิไลซ์&nbs
บทที่8.ผู้ชายใจดำกำลังจะคลั่ง!! ข่าวฉาวเช้าวันรุ่งขึ้น!! จึงเป็นเรื่องที่สังคมไฮโซกล่าวขานกันมากที่สุด เมื่อสื่อสิงพิมพ์เจ้าใหญ่พาดหัวข่าวครึกโครม สาเหตุเพราะเป็นการโคจรมาเจอกันของสองตระกูลร่ำรวย ที่พอฟัดพอเหวี่ยงกัน หนุ่มสุดฮอตปะทะสาวร้อนฉ่า ภาพอันชิกาในอ้อมกอดของภาคิน ขึ้นเด่นหราหน้าหนึ่งของสื่อสิ่งพิมพ์แทบทุกเจ้า มีนักข่าวตาดีแอบเห็นฉากสำคัญนี่พอดี...เมื่ออันชิกาเล็งหาโอกาสที่จะทำความรู้จักกับชายหนุ่ม มันเป็นเรื่องบังเอิญที่แสนน่ายินดี หลังอุบัติเหตุที่เกิดจากความจงใจของฝ่ายหญิง “หล่อนนี่ร้ายไม่เบาเลยนะย่ะ ย่องไปแอบกิ้กกั๊กกับพ่อรูปหล่อตอนไหนกันอะ?”&
บทที่9.ใครคนนั้น... เป็นเพราะยอดสั่งซื้อของพะนายมีเข้าไม่ขาดสาย...ดังนั่นหลังเลิกฝึกงานกลับมาบ้าน พะแพงจึงยกเลิกที่จะไปขายทอดมันปลากรายที่ตลาดนัด เธอลงมือช่วยพี่ชายอย่างแข็งขัน มีลูกมือเป็นแม่บ้านคนหนึ่ง หล่อนอาศัยอยู่ไม่ไกลจากบ้านของสองพี่น้อง เป็นการจ้างรายวันแบบที่น่าจะยาว หากยังมียอดสั่งซื้อพุ่งขนาดนี้ “สงสัยต้องไปกราบยายสาย...สูตรหนังไก่ของแกเด็ดดวงจริงๆ” เสียงพี่สมจิตรเอ่ยเย้า เธอกำลังใช้ตะหลิวคนหนังไก่ในกระทะเพื่อกันไม่ให้หนังไก่ติดก้นกระทะ “คงต้องอย่างนั้นครับพี่...” พะนายตอบยิ้มๆ เขากำลังสาละวนกับการคัดแยกมันไก่ที่ติดอยู่ที่หนังตามสูตรที่ป้าสายขายไก่ทอดสั่งสอนมา “อะไร!! ได้ยินแว่วๆ ใครจะกราบฉัน”&nb
เช้านี้หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเตรียมไปฝึกงาน หญิงสาวชะเง้อมองถังแช่อาหารสดที่พะนายไปซื้อมาตั้งไว้ตั้งแต่ตอนเย็น...และพะนายกำลังสาละวนอยู่ตรงนั้น เขาลำเลียงหนังไก่ที่เฮียโกสมวิ่งเอามาส่งลงไปในถังทั้งหมด เพราะเดี๋ยวสมจริตจะมาตอนแปดโมง เพื่อเริ่มต้นกระบวนการทำหนังไก่ทอด... “ตื่นแต่เช้าเลยนะ พี่กลับมาตอนตีห้า นัดเฮียไว้เลยต้องรีบมาดู” พะแพงพยักหน้ารับ “กินอะไรยังพี่นาย...จะให้แพงทำให้มั้ย?” หน้ามันๆ ผมยุ่งๆ พะนายที่เคยหล่อเนี๊ยบทุกองศา วันนี้เปลี่ยนไปพอดู เขามัวแต่ทำงาน ไม่ได้แต่งตัวสำรวยเหมือนเมื่อก่อน “ไม่ต้อง พี่ซื้อโจ๊กมา...วางอยู่บนโต๊ะน่ะ แพงเอาไปฝากพ่อด้วยล่ะ” ชายหนุ่มตอบเบาๆ เขาล้วงสมุดจดขึ้นมาเปิดดู ก่อนจะเขียนออเดอร์ที่ต้องส่งช่วงเช้าไปบนกร
ชายหนุ่มสาวเท้าให้เร็วขึ้น เขาเกือบจะวิ่งตามหล่อนเลยทีเดียว เพราะหากปล่อยหล่อนหายลับไปอีกครั้ง ภาคินก็ไม่รู้จะไปตามหาหล่อนที่ไหน? เขาเอื้อมจับข้อมือเรียวไว้ทัน...ก่อนที่หล่อนจะเดินหายไป...“ปล่อยนะ!” พะแพงตวาด ดวงตาเบิกโพลง เธอพยายามดึงมือที่ถูกจับไว้แน่นๆ ให้หลุด หล่อนหน้าซีดเมื่อเงยหน้าขึ้นมองเขาเต็มตา...แต่ภาคินขืนแรงไว้ เขาถลึงตาใส่ เมื่อพนักงานคนอื่นเริ่มหันมามอง“เธอจะส่งเสียงดังทำไม!! หรืออยากให้คนอื่นๆ รู้ว่าเราเป็นมากกว่าคนรู้จัก”ชายหนุ่มกระซิบเสียงเครียดหญิงสาวหน้าซีด เธอเอี้ยวตัวมองไปรอบๆ เริ่มเห็นด้วยกับชายหนุ่ม แต่ก็ไม่อยากตกเป็นเบี้ยล่าง“ก็ปล่อยฉันสิ!!” เธอตอบกลับเสียงขุ่น แต่ลดเสียงลงจนเกือบเป็นเสียงกระซิบ“ไม่...ถ้าฉันปล่อย เธอก็หนีสิ”ภาคินตอบแบบรู้ทัน หากเขาไม่ฝืนจับไว้ มีหรือที่พะแพงจะยอมคุยดีๆ“หึ!!” หล่อนกระแทกเสียงใส่ ทำเหมือนไม่พอใจหนักหนา ภาคินขมวดคิ้ว เขาเริ่มสำรวจตัวเอง ห
บทที่10.มันน่าสงสัย...เหมือนเพื่อนอกหัก? พะแพงยกมือทาบอก เธอหันหลังชนฝา สูดลมหายใจแรงๆ รวบรวมสติที่กระเจิดกระเจิงไปไกลกลับคืนมา “เมื่อไรจะเลิกจองล้างจองผลาญกันสักที” หญิงสาวบ่นพึม เดินคอตกกลับที่ทำงาน แต่ก็ทำงานไม่รู้เรื่องเหมือนเดิม นั่งเหม่อจนหัวหน้ามองลอดแว่น 17:00 นาฬิกา... เวลาเลิกงาน หญิงสาวรวบของใช้ส่วนตัวยัดใส่ในกระเป๋าสะพายลวกๆ ก่อนจะรีบจ้ำอ้าวกลับบ้าน เมื่อพะนายยังต้องการแรงงานช่วย เพราะออเดอร์ของพี่ชายมีเพิ่มขึ้นทุกๆ วัน กว่าจะฝ่าการจารจรที่แสนติดขัดบนถนนมาถึงชุมชนแออัดที่อาศัยอยู่ได้ พะแพงเสียเวลาไปเกือบ1 ชั่วโมง 18:00 นาฬิกาตรงเธอจึงเพิ่งเดินเข้าบ้าน&
บทที่11.พระเจ้าใจร้ายหรือใจดีกันแน่? นายแพทย์หนุ่มใหญ่นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน ตรงหน้าท่านมีเอกสารวางกองเต็มไปหมด พะแพงกระพุ่มมือไหว้ทำความเคารพตามมารยาท เธอทรุดนั่งตรงเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับหมอหนุ่มใหญ่ เมื่อท่านผายมือเป็นเชิงอนุญาต “สวัสดีค่ะ คุณหมอมีข่าวดีจะแจ้งให้แพงทราบใช่ไหมคะ?” หญิงสาวถามพร้อมกับยิ้มอ่อนๆ แพทย์หนุ่มใหญ่ถอนใจเฮือกๆ ก่อนตอบ “มีทั้งข่าวดีและข่าวร้ายครับ” ท่านตอบแบบสำรวม หญิงสาวหัวใจสั่น...เธอยกมือกุมไว้เหนือตัก สูดลมหายใจแรงๆ เตรียมพร้อมที่จะรับฟัง ไม่ว่าจะข่าวดี หรือข่าวร้าย “ที่ข่าวดีก่อนนะครับ” นายแพทย์หนุ่มใหญ่คลี่ยิ้มมุมปาก&nb
คำพูดกับการกระทำของภาคิน!! ทำให้พะแพงรู้อยู่แก่ใจ ชายผู้นั้นไม่มีวันยอมรับเธอ หรือ ‘ลูก’ แน่ๆ เมื่อสิ่งที่เขาต้องการคือผลาญพรหมจรรย์ของเธอ เพื่อลดทอนความเจ็บแสบที่พะนายกระทำไว้กับเขา “ถ้าพี่นายไม่เห็นด้วย...แพงจะไป!!” พะแพงไม่ได้ขู่ แต่หากสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้คนในครอบครัวเดือดร้อน...เธอจะไปจากที่นี่ พะนายทรุดนั่ง เขาฟุบหน้าลงกับผิวโต๊ะ กำปั้นตันๆ ทุบโต๊ะโครมๆ เพื่อระบายความกดดันที่เกิดขึ้น มันบีบคั้นเขา จนหัวใจแทบแหลกสลาย “พี่จะดูแลแพงเอง...พี่จะทำให้แพง มีหน้ามีตา วันหนึ่ง...มันจะต้องเสียใจ!!” พะนายกล่าวเสียงกร้าว เขามองสบนัยน์ตาน้องสาว นัยน์ตาพะนายแดงก่ำ มันมีแววเจ็บร้าว แต่ไม่มีวันท้อ... 
“เห้ย!! อะไรว่ะ แค่มีเมีย... คุณแต่งงานได้กี่วันวะคิน ทำตัวเหินห่างจากเพื่อนแบบนี้ ไม่รู้สึกละอายใจบ้างหรือไง”เพิ่มลาภ กับเก่งกาจ แวะมาหาเพื่อนรัก หลังงานวิวาห์สายฟ้าแลบที่ภาคินเนรมิตได้เพียงแค่ชั่วข้ามคืน แต่...หลังจากนั้น ชายหนุ่มที่เคยประกาศปาวๆ เรื่องอยากโสดตลอดชีวิต กลับหายหัวไปเสียชิป ไม่เคยเห็นเงาภาคินตามสถานบริการ ตามแหล่งชุมชนเองก็เช่นกัน...หากไม่เกี่ยวพันเกี่ยวกับเรื่องงาน แทบจะไม่เห็นชายหนุ่มปรากฏตัว“แหม...” หนุ่มเจ้าของห้องยิ้มแหยๆเขารีบซุกกล่องข้าวเก็บไว้ในลิ้นชักทำงาน เมื่อได้เวลาพักเที่ยงพอดี“ไป๊ไป ไปกินข้าวเที่ยงกัน กว่าจะลากไอ้คุณเพิ่มมาได้นี่ ยากชิปหาย จะกินแต่ฝีมือเมียอยู่นั่นแหละ”เก่งกาจเป็นคนเดียวที่ยังโสด เขามีแพลนงานวิวาห์แต่ยังไม่ถึงเวลา“ก็เมียทำมาให้กิน ไม่กินก็เสียของสิวะ”เพิ่มลาภแก้ตัวเสียงอ่อยๆ ภรรยาสุดที่รักอุตส่าห์แหกตาตื่นมาทำไว้ให้ จะทิ้งขว้างมันก็ใช่ที่ เมื่อมันหมายถึงความใส่ใจของเจ้าหล่อนภาคินกลืนน้ำลายเอือกๆ เขาชำเรืองมองกล่องข้าวของตนเอง
พะแพงกดอินเตอร์คอม “เอาน้ำเย็นขึ้นมาให้แพงที่ห้องทำงาน 2แก้วนะจ้ะ” เธอสั่งงานแม่บ้าน ก่อนจะผายมือเชื้อเชิญ ‘แขก’“ลื้อชื่อ...อาแพง...สินะ”เสียงแหบสั่นแต่ยังทรงอำนาจไม่เปลี่ยน แม้จะหยุดบงการ พักผ่อนเงียบๆ อยู่กับบ้าน ในบั้นปลายของชีวิต“ค่ะ แพง พะแพง งามสุวรรณ ไม่ทราบว่าท่านมีธุระอะไรกับแพงคะ?”เจ้าสัวภพเดินไปทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานของพะแพง ยกมือขึ้นมาว่างทาบบนหัวไม่เท้าที่ท่านถือติดมือมาด้วย สายตาคมกริบมองผู้หญิงตรงหน้าตรงๆ“ลื้อท้องกับอาคินลูกอั้ว!! แล้วลื้อจายักท่าทำไมหะ ไม่กลัวลูกในท้องเกิดมามีปมด้อยเหรอไงล่ะ?” คำถามของท่านทำให้พะแพงตกใจ มือเรียวสั่นระริกจนต้องตัดใจวางปากกาในมือ พร้อมกับพักการทำงานเมื่อดูเหมือนว่าคนที่มาหาเธอจะดูท่าไม่เป็นมิตรเท่าไร“สวัสดีค่ะ แพงไม่คิดว่าท่านจะมา” หญิงสาวกระพุ่มมือไหว้ ตอบเสียงอ่อนอ่อย“ฉันอยากมาที่ไหนล่ะ...ฉันน่ะวางมือหมดแล้ว ให้คินมันดูแล นี่ถ้าไม่ร้อนใจไม่มาเองหรอก ขึ้นรถขึ้นเรือมันลำบาก เดินเหินไม่สะดวกเหม
“ไม่มีใครไม่เคยทำพลาดหรอกนะนาย ทุกคนต้องเคยกันทั้งนั้น มันขึ้นอยู่ว่าเขาจะแก้ไขหรือไม่ เต็มใจที่จะแก้ไขสิ่งที่ทำ...หรือถูกบีบบังคับให้ทำหรือเปล่า”เป็นข้อคิดที่พะนายเก็บมาคิด คำของพ่อไม่เคยทำลาย ชายหนุ่มฟัง เขานิ่งคิด ก่อนจะเอ่ยเสียงแผ่ว “พ่อ แต่มันจะทำให้เขาดูถูกเราเพิ่มขึ้นหรือเปล่าครับ ในเมื่อเขาเคยประณามเราว่าเราคิดจะเกาะเขาเพื่อยกฐานะตัวเอง”คำประณามของภาคิน ไม่เคยลบเลือนไปจากใจ พะนายสลักเอาไว้เพื่อใช้เตือนตัวเอง“เราคิดแบบที่เขาว่าหรือเปล่าล่ะ” พะนายส่ายศีรษะแรงๆ“งั้นก็อย่าไปกลัว นายเองก็ยัง ‘รัก’ คุณหนูคนนั้นเลย แล้วทำไมคุณ เขาจะ ‘รัก’ ยัยแพงไม่ได้ล่ะ”คล้ายเอ่ยแบบเป็นกลาง พะแพงไม่ได้มีอะไรเสียหาย แล้วทำไมผู้ชายคนนั้นจะหลงรักลูกสาวของท่านไม่ได้ แม้เวลานี้เขาจะยังไม่รู้ใจตัวเองเห้อ!! พะนายเบ้ปาก เขาพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ มันเป็นวัวพันหลัก สลัดยังไงก็ไม่พ้น อิหลัก อิเหลื่อ เหมือนน้ำท่วมปาก เขากีดกันภาคินได้ไม่เต็มที่ เมื่อตนเองก็ปองรักสาวบ้าน อภิเษศโยธาอยู่เช่นกัน
บทที่18.จีบเมียให้มาเป็น...เมีย“นี่...คุณจะพาฉันไปไหน...ฉันไม่ไปนะ”พะแพงร้องโวยเมื่อจู่ๆ ภาคินก็ฉุดกระชากลากถูออกมาจากโต๊ะทำงาน“หุบปากเถอะน่า...เดินตามมาเงียบๆ สิ ไม่รู้เป็นไงสิ!! ชอบขัดใจฉันจริง”ภาคินหันมาตะคอก ป้าสาย สมจริตชะเง้อมองมาจากในครัว เพราะทั้งสองสาวใหญ่กำลังทำอาหารมือเที่ยงอยู่พอดี“แพง มีอะไรให้ป้าช่วยมั้ยลูก!!”ในมือของยายสายมีตะบวยอันใหญ่ติดมาด้วย หากพะแพงร้องขอความช่วยเหลือตะบวยตักแกงอันนั้นจะเปลี่ยนสถานะเป็นอาวุธทันที“ไม่มีอะไรหรอกป้า...ฉันแค่จะพา ‘เมีย’ ไปดูของฝาก”ภาคินเบ้ปาก เขาปรามพะแพงด้วยสายตาคมกริบ แต่หญิงสาวไม่สนใจ หล่อนพยายามดิ้นให้หลุดจากการพันธนาการอยู่ดี“ทำไม...ชอบมีปัญหาจังแพง...ฉันไม่ได้ลักขโมยใครมาหรอกน่า”ภาคินบ่น ออกแรงดึงเรียวแขนเสลาจนพะแพงนิ่วหน้า“คุณเอาแต่ใจ...ไม่มีเหตุผล”หญิงสาวเถียงกลับ ใบหน้าอิ่มบึ้งตึง“แล้วใครบอกเธอว่าฉันเป็นคนมีเหตุผลล่ะ
ชายหนุ่มกลั้นใจตอบ เขากลืนน้ำลายฝืดๆ แต่เมื่อเหลือบมองพะแพง ใจหายวูบ!! เขารู้สึกเช่นนั้น เพราะเกร็ดน้ำตาของพะแพงไหลเป็นทาง กับความจริงอันน่าเจ็บปวดที่ได้ยินด้วยสองหูตัวเอง“เดี๋ยวๆ” ชายหนุ่มรีบละล่ำละลักพูด เขานิ่งไปหนึ่งอึดใจก่อนจะเอ่ยออกมาช้าๆ “แต่งก็แต่ง...” เสียงของภาคินแผ่วลง เมื่อจำต้องเอ่ยประโยคนั้นออกมาแต่...ไม่ได้เป็นอย่างที่ชายหนุ่มคิด พะแพงไม่ได้แสดงอาการดีใจเหมือนอย่างสาวๆ ที่เขาเคยควงหากได้ยินคำสำคัญคำนี้จากปากคนอย่างนายภาคิน อภิเษศโยธาหญิงร่างเล็กใจเด็ด ตวัดตามอง เธอเม้มเรียวปากจนเป็นเส้นตรงก่อนจะแย้มปากขึ้นกล่าวช้าๆ“ไม่จำเป็นค่ะ พะแพงไม่ต้องการความเมตตานั่น แพงยืนยันเหมือนเดิม แพงเลี้ยงลูกเองได้ โดยไม่ต้องรับความเมตตาของคุณ”สิ้นคำพูดของพะแพง...กลุ่มอาคันตุกะถึงกับอึ้งกิมกี่ ยังมีอีกหรือผู้หญิงที่กล้าปฏิเสธผู้ชายเพอร์เฟคอย่างภาคินเมื่อชายหนุ่มทั้งหล่อและรวย“เธอจะพูดง่ายๆ แบบนี้ไม่ได้หรอกนะพะแพง...เธอหนีความจริงไม่พ้นหรอก ยังไงเสียฉันก็เป็น ‘พ่อ’ ของลูกเธอ”
สองหนุ่มเบ้ปาก จิปากเบาๆ เดินตามไปห่างๆ เพื่อเป็นฝ่ายสนับสนุนให้ภาคิน “แพงไม่ต้องการให้ใครมารับผิดชอบ แพงดูแลตัวเองได้ค่ะ” หญิงสาวกล่าวเสียงห้วน เธอเสก้มหน้านิ่ง ไม่เหลือบแลใครสักคน ภาคินทำหน้าเซ็ง เขาพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ เมื่อไม่คิดว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งจะดื้อด้านถึงขนาดนี้ “เราตกลงกันแล้วครับ พวกเรายอมรับ ‘คนมาใหม่’ แต่ไม่ขอรับความเมตตาของใคร” พะนายเอ่ย ใครในที่นี้คือภาคิน “แต่ฉันไม่เห็นด้วยที่แพงท้อง มันเกิดขึ้นเพราะฉัน แล้วทำไมถึงกีดกันฉันล่ะ” ภาคินกล่าวเสียงขุ่น พะแพงตั้งท่ากันเขาตั้งแต่แย้มปาก “คุณก็รู้ คุณไม่ได้ ‘รัก’ ไม่ได้ชอบน้องสาวผม แล้วจะ
“ฉันอยากเจอพะแพง” ภาคินกล่าวเสียงเย็น เขาต้องการเจอหล่อน เมื่อความสงสัยบางอย่างเกาะกุมอยู่ในหัวใจด้านชา วันนั้นเขาเห็นพะแพงที่โรงพยาบาล หล่อนอยู่ในชุดหลวมๆ เพื่อความสะดวกสบายร่างกายของพะแพงยังไม่ได้เปลี่ยนไปมากเท่าไร แต่ที่ภาคินสะดุด!! คือกลางร่างของหล่อนดูแปลกตา การเดินเหินของหล่อนด้วย ดูพะแพงระมัดระวัง การแต่งกายของหล่อนก็แปลกไป เขาว่าจะเข้าไปหา แต่เพราะติดดูแลบิดาที่มาตรวจเช็คร่างกายประจำปี จึงยังไม่มีเวลาเข้าไปหา พอว่าง...พะแพงก็หายไปแล้ว...นั่นคือสิ่งที่ภาคินติดใจ...บวกกับครั้งนั้น ‘คอนดอม’ เขาละเลย เขาไม่ได้สวมอุปกรณ์ป้องกันตอนที่มีความสัมพันธ์กับพะแพง มันจึงมีความเป็นไปได้ที่หล่อนจะ ‘ท้อง’ “ยัยแพงไม่ต้องการเจอคุณ!!” คล้ายตอบแทนบุตรสาว 
บทที่17.กว่าจะรู้ก็เกือบสาย “ผั๊วะ!!” เสียงกำปั้นตันๆ ฟาดผั๊วะเข้าที่โหนกแก้มข้างซ้ายของภาคิน จนใบหน้าหล่อเหลาสะบัด เขายกมือขึ้นปาดลิ่มเลือดที่ไหลปริ่มออกมาทันที เมื่อคนลงมือจงใจใส่น้ำหนักแบบไม่คิดออมแรง “ออกไป!! ที่นี่ไม่ต้อนรับคนอย่างคุณ” พะนายตวาดไล่ เขายืนกางขาปักหลักมั่น จ้องหน้าอดีตเจ้านายแบบไม่หวาดหวั่น เมื่อผู้ชายตรงหน้าคนนี้เป็นคนเดียวที่ทำให้น้องสาวของเขาต้องเปลี่ยนสภาพจากสาวใส เป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว “พูดกันดีๆ ก็ได้นี่ครับ ไม่เห็นต้องใช้กำลังกันเลย” เพิ่มลาภพูดเสียงอ่อย เขายืนหน้ามุ่ย ซ้อนอยู่ด้านหลังภาคิน มีเก่งกาจยืนหน้าตูมอยู่อีกด้าน “นั่นสิ!! ต้
บทที่16.โชคชะตา ฟ้ากำหนด วลัยอรเดินฝ่าความหนาวเย็นเพื่อไปยังตึกเรียน หลังลงจากรถประจำทางที่โดยสารมาจากที่พัก เธอเดินก้มหน้า ไม่ได้มองซ้ายมองขวา เมื่อไม่อยากมองไปรอบๆ ตัว เพราะทุกจุดที่มีที่นั่งพักมักจะมี ‘คู่รัก’ นั่งสนทนากันอยู่ อารมณ์ของหญิงสาวที่แตะเลข18 ตอนนี้คือ ความโทรมนัส โลกไม่ได้มีสีชมพูสำหรับเธอ เมื่อสายตาของหญิงสาวมีแค่สีเทากับสีดำ เสียงถอนใจดังๆ ดังตลอดทางที่เธอลากขาเดินจากถนนหน้ามหาวิทยาลัยจนเกือบถึงตึกเรียนสีอิฐ ในความคิดของวลัยอร เธอยังหาทางออกให้ตัวเองไม่ได้ ไม่ว่าจะถูกกีดกันอย่างไร หัวใจดื้อดึงของเธอก็ยังยึดมั่นอยู่กับผู้ชายคนเดียว นัยน์ตาภักดีแสนซื่อนั่น ไม่ว่าจะสลัดหรือพยายามลืมเท่าใด เธอก็ไม่อาจทำได้สักที พะนายยังคงเป็นผู้ชายคนเดียวที่เธอรู้สึกพิเศษด้วย แม้เขาจะจะต้อยต่ำ จนไม่มีใครในครอบครัวยอมรับ “พี่นาย...”