แชร์

บทที่40 เปิดเผย

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-31 10:40:16

“อยากฟังนิทานหรือไม่ ข้ามีนิทานเรื่องหนึ่งจะเล่าให้ฟัง” อยู่ ๆ จิวหลิงก็เอ่ยขึ้นหลังจากที่ทุกคนต่างฝ่ายก็ต่างเงียบมาครู่ใหญ่ เขาไม่รอให้นางตอบก็รินสุราให้นางและเริ่มเล่านิทานที่ตนเตรียมเอาไว้

“เด็กผู้ชายผู้หนึ่ง เติบโตมาในบ้านหลังใหญ่ ผู้เป็นพ่อคือว่าที่ประมุขคนต่อไป แต่ก่อนที่ผู้เป็นพ่อจะได้สืบทอดตำแหน่งก็ถูกผู้ละโมบไล่เข่นฆ่าเพื่อช่วงชิงตำแหน่ง เด็กชายได้แต่หอบความแค้นนั้นพาน้องชายหนีตาย เพื่อหวังว่าวันหน้าจะกลับมาแก้แค้นและทวงคืน”

“ไม่รู้ปลายทาง ไม่รู้ว่าชีวิตจะไปถึงวันนั้นหรือไม่ แต่ก็สู้อย่างเต็มที่ เขาเดินทางไกลเพื่อมาขอเป็นศิษย์ของสำนักศึกษาที่โด่งดัง ได้เป็นศิษย์ที่เก่งกาจผู้หนึ่งของสำนัก แต่สุดท้ายก็ไม่อาจล่วงรู้ว่าวันหน้าจะแก้แค้นและทวงคืนได้หรือไม่ แม้ว่ามีอาจารย์ที่ล่วงรู้ฟ้าดิน แต่ชะตาของเขาอาจารย์กลับไม่อาจบอกได้”

“เสี่ยวหนิง การที่เจ้ามีฝันบอกเหตุมันดียิ่ง หากเปลี่ยนกันได้ ข้าก็อยากจะแลกเปลี่ยนกับเจ้า อยากจะรู้ล่วงหน้าเพื่อช่วยเหลือบิดามารดาเอาไว้”

บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • เฉินอันหนิง องค์หญิงผู้หวนคืน   บทที่41 คนผู้นั้นกับคนผู้นี้

    เพราะรับปากว่าจะช่วยเป็นหูเป็นตาให้ จิวหลิงจึงพยายามตีสนิทกับหานอ๋องขณะที่จิวหูนั้นหายหน้าหายตาไม่ได้เข้ามาข้องเกี่ยวใด ๆ ราวกับว่าต้องการหลบหน้าก็ไม่ปาน ใช่ว่าเฉินอันหนิงจะมองไม่เห็นท่าทีที่ผิดปกติของบุรุษสวมหน้ากาก ทว่านางก็ไม่ได้สอบถามใด ๆไม่อยากเจอก็ไม่ต้องเจอ นางมิได้สนใจคนเช่นนั้นอยู่แล้ว“พี่ใหญ่” หานอ๋องส่งเสียงเรียกพี่สาวที่หลายวันมานี้ดูอย่างไรก็ไม่ปกติ พี่สาวของเขามักจะมาเดินเล่นที่ลานหน้าห้องพักของบุรุษหน้ากากอยู่บ่อยครั้ง...ไม่รู้ว่าลานตรงนี้งดงามหรือต้องการรอพบผู้ใดกันแน่“มีเรื่องอันใดเสี่ยวหาน หรือจะไปปราบโจรแล้ว”“ข้าจะไปพรุ่งนี้ วันนี้จึงคิดจะพาท่านไปเดินเล่นในตลาดก่อน”“เดินเล่นในตลาดหรือ...เช่นนั้นเราไปไหว้พระด้วยดีหรือไม่ ข้าอยากไหว้พระ” นางถามออกไป ทว่าก็รู้แก่ใจดีว่าไม่มีน้องคนใดขัดใจนาง หานอ๋องก็เช่นกัน“เอาสิ ท่านอยากไปที่ใดข้าย่อมตามใจท่าน”“เด็กดีของข้า”&ld

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-01
  • เฉินอันหนิง องค์หญิงผู้หวนคืน   บทที่42 อารามซินหนี่

    อารามซินหนี่จากที่พักของทางการมายังอารามซินหนี่ไม่นับว่าไกล ใช้เวลาไม่นานก็มาถึง นัยน์ตาคู่หวานกวาดสายตามองไปเบื้องหน้าในทันทีที่ก้าวลงจากรถม้า ท่าทีของนางนับว่าสงบนิ่งทว่าภายในใจกลับมีความตื่นตระหนก ครุ่นคิดถึงความฝันที่นางเคยคิดว่าไม่เกี่ยวข้องกับฝันบอกเหตุขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ก่อนจะฝันเห็นน้องชายถูกชายสวมหน้ากากปริศนาทำร้ายนางฝันถึงสถานที่แห่งหนึ่ง เพราะที่แห่งนั้นคล้ายกับอารามซุยหลิงนางจึงทึกทักว่าตนฝันเห็นอารามซุยหลิงจึงไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก ทว่าในเวลาได้เห็นอารามซินหนี่แห่งนี้...นางไม่อาจไม่สนใจที่นี่คล้ายกับอารามซุยหลิงไม่มีผิด แทบจะเรียกได้ว่าฝาแฝดเลยด้วยซ้ำ เป็นไปได้อย่างไรกัน“ช่างคล้ายเสียจริง” เสียงพึมพำจากด้านหลังฉุดดึงให้เฉินอันหนิงตื่นจากภวังค์ความตกใจ นางหันกลับไปมองก่อนจะต้องขมวดคิ้ว เป็นเสียงจากบุรุษสวมหน้ากากที่ทอดสายตามองเบื้องหน้าด้วยดวงตามีประกายสั่นไหว หากดูไม่ผิดคล้ายว่าจะมีความเจ็บปวดในตาคู่นั้น“คล้ายอันใดหรือ” จิวหลิงที่ยืนอยู่ข้างกันส่งเสียงถาม คล้ายฉุดดึงสติของจิวหูให้กลับมา บุรุษหน้ากากส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะตอบปัด“ไม่มีอันใดพี่ใหญ่ ข้าเพียงพูดไปเช่นน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-02
  • เฉินอันหนิง องค์หญิงผู้หวนคืน   บทที่43 พี่ใหญ่

    “คุยเรียบร้อยแล้วหรือ” เป็นจิวหลิงที่เห็นนางเป็นผู้แรกเมื่อนางก้าวออกมา เฉินอันหนิงก้าวเข้าไปหาพวกเขาที่ยังคงยืนอยู่ด้วยกันมิได้แยกกันไปไหน แม้แต่เฉินซีหานและองครักษ์ของนางก็ยังอยู่“เรียบร้อยแล้ว”“จิวหลิง...อาจารย์ของท่านรู้เรื่องที่ผู้อื่นไม่อาจรู้หรือ?” แม้จะรู้ดีว่าเรื่องบางเรื่องก็ตอบยาก แต่สุดท้ายนางก็ยังสอบถามจิวหลิงออกไปตามที่ไต้ซือเหว่ยเสิ่นชี้ทาง “เขาหยั่งรู้ฟ้าดินเช่นนั้นหรือ?”“จะเรียกว่าหยั่งรู้ฟ้าดินก็คงได้ อาจารย์ของข้าเพียงแค่มองหน้าก็รู้ถึงอดีตและอนาคตของผู้คน” จิวหลิงตอบอย่างไม่ปิดบัง รู้ ที่หมายถึงรู้อดีตและอนาคตของผู้คนอื่นที่ไม่ใช่ผู้เกี่ยวข้องและมีวาสนาต่อกันดั่งเช่นพวกเขา อาจารย์รู้เรื่องราวของผู้คน แต่ไม่อาจบอกได้เกี่ยวกับอนาคตและอดีตของพวกเขาศิษย์พี่น้องรวมถึงบิดาและมารดาของท่านเอง แต่ก็ยังเรียกว่าหยั่งรู้กระมัง“เหตุใดจึงรู้”“จะว่าอย่างไรดี...สืบทอดมาจากทางสายเลือดน่ะ ข้าเองก็ไม่อาจอธิบายได้” เขาตอบเท่านั้นก่อนจะโบ้ยไปให้ศิษ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-03
  • เฉินอันหนิง องค์หญิงผู้หวนคืน   เกริ่นนำ

    นัยน์ตาโศกทอดมองประตูตำหนักที่เปิดกว้างออกหลังจากที่ถูกปิดตายมานานนับเดือนก่อนจะเบือนหน้าหนียามที่บุรุษในชุดสีเหลืองอร่ามลายมังกรก้าวผ่านประตูนั้นมาพร้อมกับสตรีอาภรณ์สีแดงชาดประดับลายมังกร คนทั้งคู่ก็คือฮ่องเต้และฮองเฮาองค์ปัจจุบันแห่งแคว้นเฉินทว่าสำหรับเฉินอันหนิงองค์หญิงใหญ่แห่งแคว้นเฉินแล้วคนทั้งคู่เป็นเพียงแค่ชายโฉด หญิงชั่วที่ปล้นบัลลังก์ของผู้อื่นเท่านั้น“ยังจองหองได้อีกเช่นนั้นหรือพี่หญิงของข้า” น้ำเสียงเย้ยหยันมากกว่าจะเป็นมิตรส่งมาก่อนที่ฮองเฮาผู้สูงศักดิ์อย่างเฉินซูเหมยจะกรีดกรายเข้ามาใกล้พี่สาวต่างมารดาที่สถานะยามนี้คืออดีตองค์หญิงแห่งราชวงค์ก่อนสายตาวาวโรจน์จ้องเขม็งไม่ปกปิดความอาฆาตแค้นพร้อม ๆ กับร้องตวาดเสียงดังลั่น “ออกไปให้ห่างจากข้า นังอสรพิษ”ยามที่น้องสาวต่างมารดาเข้ามาใกล้เฉินอันหนิงให้รู้สึกสะอิดสะเอียดจนแทบจะอาเจียน ยิ่งภาพเหตุการณ์นองเลือดที่ผ่านพ้นมาไม่นานผุดขึ้นมาในหัวนางก็ยิ่งเคียดแค้นคนตรงหน้านังงูพิษผู้นี้กับสามีชั่วข้าของมันร่วมมือกันสังหารได้กระทั่งพี่น้องสายเลือดเดียวกัน วางยาสังหารได้กระทั่งบิดา ฆ่าล้างตระกูลขุนนางไปนับสิบโดยไม่รู้สึกรู้สา นางมิใช่คน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-27
  • เฉินอันหนิง องค์หญิงผู้หวนคืน   บทที่1 หวนคืนวันวาน

    ความอบอุ่นอันคุ้นเคยปลุกให้เฉินอันหนิงรู้สึกตัวตื่น นางลืมตาขึ้นอย่างมึนงงก่อนจะหลับตาลงอีกครั้งเพราะความหนักอึ้งที่เปลือกตา นี่คือโลกหลังความตายเช่นนั้นหรือ ไยดูคุ้นเคยยิ่ง…“เจ้าก้อนแป้งขี้เซาจะให้พ่อรออีกนานเพียงใดกัน” สุรเสียงอันคุ้นเคยและเต็มเปี่ยมไปด้วยความอบอุ่นดังขึ้นจากใกล้ ๆ เรียกให้นางต้องลืมตาขึ้นอีกครั้งนั่นเสียงของเสด็จพ่อมิใช่หรือ…ไม่เพียงแค่เสียงแต่บุรุษผู้สูงศักดิ์ที่นางรักยิ่งกว่าผู้ใดยังมาอยู่ตรงหน้านางอีกด้วย ดวงตาของนางร้อนผ่าว เฉินอันหนิงแทบไม่อยากเชื่อสายตาว่าเสด็จพ่อในยามยังหนุ่มจะยิ้มอ่อนโยนอยู่เบื้องหน้านาง“เสด็จพ่อ อะ” ความปิติยินดีที่ได้พบบิดาอีกครั้งชะงักกึกยามที่เอื้อนเอ่ยเรียกออกไปทว่าเสียงที่ได้ยินกลับแปลกประหลาด“เป็นอันใดไปเจ้าก้อนแป้งน้อย ฝันร้ายหรือ เหตุใดจึงร้องไห้เล่า” เฉินไท่เสียน ฮ่องเต้แห่งแคว้นเฉินเอ่ยถามพร้อมกับยื่นพระหัตถ์อบอุ่นมาลูบศีรษะเล็ก ๆ ของธิดาองค์โตเป็นการปลอบประโลมยามที่เห็นหยดน้ำตาเม็ดโตกำลังจะไหลอาบแก้มยามพระหัตถ์คุ้นเคยของพระบิดายื่นมาสัมผัสเฉินอันหนิงทั้งสับสนและอบอุ่นในคราเดียวกัน นี่คือความอบอุ่นที่นางคุ้นเคยอย่างแน่นอย ห

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-27
  • เฉินอันหนิง องค์หญิงผู้หวนคืน   บทที่2 ต้องมิใช่

    แม้จะเป็นเรื่องมหัศจรรย์เกินกว่าจะเชื่อ และสับสนว่าเป็นจริงหรือไม่ แต่สุดท้ายเฉินอันหนิงก็ยึดเอาความคิดนี้เป็นเหตุผลอธิบายทุกสิ่งที่เกิดขึ้นนางหวนกลับมาแล้ว… หวนกลับมาในวันวานที่ยังคงสงบสุขนอกจากเสด็จแม่ที่จากไปเพราะอาการเจ็บป่วย ทุกคนยังคงอยู่และเกมชิงอำนาจก็ยังมิได้เริ่ม…มีเพียงการช่วงชิงความโปรดปรานเพื่อตำแหน่งฮองเฮาที่ว่างอยู่เท่านั้นดีล่ะ ในเมื่อได้หวนกลับมาในวันคืนเก่า นางจะไม่ยอมให้เหตุการณ์มันเป็นเช่นเดิมอีกไม่มีวัน!!!นางขอเอาชีวิตใหม่เป็นเดิมพัน !“อะแฮ่ม” ปล่อยให้เงียบกันอยู่ไม่นานเฉินไท่เสียนฮ่องเต้ก็กระแอมขึ้นหลังจากที่เถียงไม่ออกมาครู่ใหญ่ บุรุษสูงศักดิ์กว่าคนทั้งแผ่นดินหันมาหาธิดาองค์โตก่อนจะเอ่ยเสียงอ่อนโยน “พ่อยอมรับว่าพ่อผิด เจ้าก้อนแป้งยกโทษให้พ่อได้หรือไม่ พ่อสัญญาว่าจะไม่ทำผิดต่อเจ้าอีก”เจ้าก้อนแป้งของโอรสสวรรค์ลอบสูดหายใจหนัก ๆ ทันทีที่คิดได้ว่าตนควรทำสิ่งใด นางเชิดหน้าบ่ายหนีพร้อมทั้งยกมือกอดอกอย่างเอาแต่ใจก่อนจะเอ่ยอย่างแสนงอน “หนิงเอ๋อร์ไม่ยกโทษให้เสด็จพ่อหรอกเพคะ เสด็จพ่อรักน้องคนใหม่มากกว่าหนิงเอ๋อร์”“โธ่ เจ้าก้อนแป้ง พ่อจะไปรักผู้ใดมากกว่าเจ้าได้”“แ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-27
  • เฉินอันหนิง องค์หญิงผู้หวนคืน   บทที่3  พี่เหยียน

    ฮ่องเต้ไท่เสียนใช้เวลากับองค์หญิงใหญ่อีกเล็กน้อยและออกจากตำหนักไปเมื่อถึงเวลาประชุมเช้า พระองค์ยังต้องไปจัดการกับฎีกาอีกหลายฉบับ ไหนจะขุนนางพูดมากนั่นอีก เกิดเป็นโอรสสวรรค์นี่ช่างยากเย็นยิ่ง จะใช้เวลากับบุตรสาวทั้งวันก็มิได้“ถวายพระพรฝ่าบาท ขอพระองค์ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่น ๆ ปี” เสียงฉะฉานทว่ายังมิเข็มแข็งหนักแน่นอย่างบุรุษโตเต็มวัยดังขึ้นหลังจากที่โอรสสวรรค์ออกมานอกตำหนักขององค์หญิงได้ไม่ไกล สายตาคู่คมกริบทอดมองเจ้าหนูน้อยที่สูงกว่าเจ้าก้อนแป้งของตนไม่มากที่คุกเข่าทำความเคารพก่อนจะส่งสัญญาณให้ลุกขึ้น“มาหาเจ้าก้อนแป้งสินะ”“พะย่ะค่ะ” เด็กชายวัยแปดหนาวตอบรับอย่างไม่หลบตา โอรสสวรรค์จ้องมองท่าทีนั้นพลางพยักหน้าอย่างพอพระทัย แม้จะเป็นเพียงเด็กแต่กลับมิได้มีท่าทีเกรงกลัวต่อสิ่งใด ซ้ำท่าทียังองอาจและฉายแววเก่งกล้ามิใช่น้อย บิดาเป็นเช่นไรบุตรก็เป็นเช่นนั้น…ไม่เสียแรงที่เขาให้มาเป็นเพื่อนเล่นอยู่ข้างกายเจ้าก้อนแป้ง“เจ้าก้อนแป้งเพิ่งหายไข้ ระวังอย่าให้นางต้องลมนาน ๆ ด้วยเล่า”“กระหม่อมจะระวังพะย่ะค่ะ” ฟู่จื่อเหยียน บุตรชายของฟู่เสวียนหัวหน้าองครักษ์เสื้อแพรผู้ได้รับหน้าที่คอยเป็นเพื่อนเล่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-27
  • เฉินอันหนิง องค์หญิงผู้หวนคืน   บทที่4 ที่แท้ก็...

    ฟู่จื่อเหยียนนั่งรอองค์หญิงตัวน้อยเงียบ ๆ โดนมิได้พูดจาใด ๆ โดยนิสัยใจคอแล้วคุณชายตระกูลฟู่นับว่าพูดน้อยและสุขุมกว่าเด็กชายในวัยเดียวกัน การที่คุณชายฟู่นั่งเงียบอยู่จึงมิใช่เรื่องชวนให้ประหลาดใจ ผู้ใดบ้างในตำหนักอันหนิงแห่งนี้มิทราบว่าแม้จะเป็นคุณชายที่สุขุมเช่นนี้หากแต่ยามอยู่ต่อหน้าองค์หญิงกลับอ่อนโยนและห่วงใยองค์หญิงใหญ่เป็นอย่างยิ่ง“พี่เหยียน”“อย่าวิ่งสิพะย่ะค่ะ เดี๋ยวจะทรงหกล้ม” เสียงนั้นอ่อนโยนแต่ก็แฝงความดุเล็กน้อย คล้ายกับยามที่เสด็จพ่อดุนาง องค์หญิงตัวน้อยยิ้มให้พร้อมกับบอกอย่างมั่นใจ“หนิงเอ๋อร์ไม่ล้มหรอก ไม่อย่างแน่นอน”“ทรงมั่นใจเกินไป”“คิกคิก ท่านห่วงเกินไปแล้ว หนิงเอ๋อร์ไม่ล้มหรอก” ไม่ตรัสเปล่า องค์หญิงตัวน้อยยังทรงวิ่งไปรอบ ๆ ตัวเขาอย่างนึกสนุก“โธ่”“พี่เหยียนก็มาวิ่งด้วยกันสิ มา” นิ้วเล็ก ๆ เอื้อมมาจับแขนแข็งแรงก่อนจะออกแรงให้เขาวิ่งด้วย คล้ายกับทุก ๆ วัน ราวกับเด็กไร้เดียงสาวที่ในหัวมีเพียงเรื่องการเที่ยวเล่น กินและนอน ฟู่จื่อเหยียนแม้จะห่วงพระวรกายองค์หญิงน้อยทว่าก็มิได้ขัดใจคนเพิ่งหายไข้ ยอมวิ่งเล่นเป็นเพื่อนองค์หญิงโดยไม่อิดออดองค์หญิงเพิ่งหายไข้ มิควรขัดใจ..

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-27

บทล่าสุด

  • เฉินอันหนิง องค์หญิงผู้หวนคืน   บทที่43 พี่ใหญ่

    “คุยเรียบร้อยแล้วหรือ” เป็นจิวหลิงที่เห็นนางเป็นผู้แรกเมื่อนางก้าวออกมา เฉินอันหนิงก้าวเข้าไปหาพวกเขาที่ยังคงยืนอยู่ด้วยกันมิได้แยกกันไปไหน แม้แต่เฉินซีหานและองครักษ์ของนางก็ยังอยู่“เรียบร้อยแล้ว”“จิวหลิง...อาจารย์ของท่านรู้เรื่องที่ผู้อื่นไม่อาจรู้หรือ?” แม้จะรู้ดีว่าเรื่องบางเรื่องก็ตอบยาก แต่สุดท้ายนางก็ยังสอบถามจิวหลิงออกไปตามที่ไต้ซือเหว่ยเสิ่นชี้ทาง “เขาหยั่งรู้ฟ้าดินเช่นนั้นหรือ?”“จะเรียกว่าหยั่งรู้ฟ้าดินก็คงได้ อาจารย์ของข้าเพียงแค่มองหน้าก็รู้ถึงอดีตและอนาคตของผู้คน” จิวหลิงตอบอย่างไม่ปิดบัง รู้ ที่หมายถึงรู้อดีตและอนาคตของผู้คนอื่นที่ไม่ใช่ผู้เกี่ยวข้องและมีวาสนาต่อกันดั่งเช่นพวกเขา อาจารย์รู้เรื่องราวของผู้คน แต่ไม่อาจบอกได้เกี่ยวกับอนาคตและอดีตของพวกเขาศิษย์พี่น้องรวมถึงบิดาและมารดาของท่านเอง แต่ก็ยังเรียกว่าหยั่งรู้กระมัง“เหตุใดจึงรู้”“จะว่าอย่างไรดี...สืบทอดมาจากทางสายเลือดน่ะ ข้าเองก็ไม่อาจอธิบายได้” เขาตอบเท่านั้นก่อนจะโบ้ยไปให้ศิษ

  • เฉินอันหนิง องค์หญิงผู้หวนคืน   บทที่42 อารามซินหนี่

    อารามซินหนี่จากที่พักของทางการมายังอารามซินหนี่ไม่นับว่าไกล ใช้เวลาไม่นานก็มาถึง นัยน์ตาคู่หวานกวาดสายตามองไปเบื้องหน้าในทันทีที่ก้าวลงจากรถม้า ท่าทีของนางนับว่าสงบนิ่งทว่าภายในใจกลับมีความตื่นตระหนก ครุ่นคิดถึงความฝันที่นางเคยคิดว่าไม่เกี่ยวข้องกับฝันบอกเหตุขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ก่อนจะฝันเห็นน้องชายถูกชายสวมหน้ากากปริศนาทำร้ายนางฝันถึงสถานที่แห่งหนึ่ง เพราะที่แห่งนั้นคล้ายกับอารามซุยหลิงนางจึงทึกทักว่าตนฝันเห็นอารามซุยหลิงจึงไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก ทว่าในเวลาได้เห็นอารามซินหนี่แห่งนี้...นางไม่อาจไม่สนใจที่นี่คล้ายกับอารามซุยหลิงไม่มีผิด แทบจะเรียกได้ว่าฝาแฝดเลยด้วยซ้ำ เป็นไปได้อย่างไรกัน“ช่างคล้ายเสียจริง” เสียงพึมพำจากด้านหลังฉุดดึงให้เฉินอันหนิงตื่นจากภวังค์ความตกใจ นางหันกลับไปมองก่อนจะต้องขมวดคิ้ว เป็นเสียงจากบุรุษสวมหน้ากากที่ทอดสายตามองเบื้องหน้าด้วยดวงตามีประกายสั่นไหว หากดูไม่ผิดคล้ายว่าจะมีความเจ็บปวดในตาคู่นั้น“คล้ายอันใดหรือ” จิวหลิงที่ยืนอยู่ข้างกันส่งเสียงถาม คล้ายฉุดดึงสติของจิวหูให้กลับมา บุรุษหน้ากากส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะตอบปัด“ไม่มีอันใดพี่ใหญ่ ข้าเพียงพูดไปเช่นน

  • เฉินอันหนิง องค์หญิงผู้หวนคืน   บทที่41 คนผู้นั้นกับคนผู้นี้

    เพราะรับปากว่าจะช่วยเป็นหูเป็นตาให้ จิวหลิงจึงพยายามตีสนิทกับหานอ๋องขณะที่จิวหูนั้นหายหน้าหายตาไม่ได้เข้ามาข้องเกี่ยวใด ๆ ราวกับว่าต้องการหลบหน้าก็ไม่ปาน ใช่ว่าเฉินอันหนิงจะมองไม่เห็นท่าทีที่ผิดปกติของบุรุษสวมหน้ากาก ทว่านางก็ไม่ได้สอบถามใด ๆไม่อยากเจอก็ไม่ต้องเจอ นางมิได้สนใจคนเช่นนั้นอยู่แล้ว“พี่ใหญ่” หานอ๋องส่งเสียงเรียกพี่สาวที่หลายวันมานี้ดูอย่างไรก็ไม่ปกติ พี่สาวของเขามักจะมาเดินเล่นที่ลานหน้าห้องพักของบุรุษหน้ากากอยู่บ่อยครั้ง...ไม่รู้ว่าลานตรงนี้งดงามหรือต้องการรอพบผู้ใดกันแน่“มีเรื่องอันใดเสี่ยวหาน หรือจะไปปราบโจรแล้ว”“ข้าจะไปพรุ่งนี้ วันนี้จึงคิดจะพาท่านไปเดินเล่นในตลาดก่อน”“เดินเล่นในตลาดหรือ...เช่นนั้นเราไปไหว้พระด้วยดีหรือไม่ ข้าอยากไหว้พระ” นางถามออกไป ทว่าก็รู้แก่ใจดีว่าไม่มีน้องคนใดขัดใจนาง หานอ๋องก็เช่นกัน“เอาสิ ท่านอยากไปที่ใดข้าย่อมตามใจท่าน”“เด็กดีของข้า”&ld

  • เฉินอันหนิง องค์หญิงผู้หวนคืน   บทที่40 เปิดเผย

    “อยากฟังนิทานหรือไม่ ข้ามีนิทานเรื่องหนึ่งจะเล่าให้ฟัง” อยู่ ๆ จิวหลิงก็เอ่ยขึ้นหลังจากที่ทุกคนต่างฝ่ายก็ต่างเงียบมาครู่ใหญ่ เขาไม่รอให้นางตอบก็รินสุราให้นางและเริ่มเล่านิทานที่ตนเตรียมเอาไว้“เด็กผู้ชายผู้หนึ่ง เติบโตมาในบ้านหลังใหญ่ ผู้เป็นพ่อคือว่าที่ประมุขคนต่อไป แต่ก่อนที่ผู้เป็นพ่อจะได้สืบทอดตำแหน่งก็ถูกผู้ละโมบไล่เข่นฆ่าเพื่อช่วงชิงตำแหน่ง เด็กชายได้แต่หอบความแค้นนั้นพาน้องชายหนีตาย เพื่อหวังว่าวันหน้าจะกลับมาแก้แค้นและทวงคืน”“ไม่รู้ปลายทาง ไม่รู้ว่าชีวิตจะไปถึงวันนั้นหรือไม่ แต่ก็สู้อย่างเต็มที่ เขาเดินทางไกลเพื่อมาขอเป็นศิษย์ของสำนักศึกษาที่โด่งดัง ได้เป็นศิษย์ที่เก่งกาจผู้หนึ่งของสำนัก แต่สุดท้ายก็ไม่อาจล่วงรู้ว่าวันหน้าจะแก้แค้นและทวงคืนได้หรือไม่ แม้ว่ามีอาจารย์ที่ล่วงรู้ฟ้าดิน แต่ชะตาของเขาอาจารย์กลับไม่อาจบอกได้”“เสี่ยวหนิง การที่เจ้ามีฝันบอกเหตุมันดียิ่ง หากเปลี่ยนกันได้ ข้าก็อยากจะแลกเปลี่ยนกับเจ้า อยากจะรู้ล่วงหน้าเพื่อช่วยเหลือบิดามารดาเอาไว้”

  • เฉินอันหนิง องค์หญิงผู้หวนคืน   บทที่39 ถึงเมืองซินอู๋

    เพราะได้รับการรักษาจากศิษย์จากสำนักเฟยผิง เพียงชั่วข้ามคืนพิษก็ถูกขจัดออกจนหมด บาดแผลตามร่างกายแม้ว่าจะไม่ได้สมานชั่วพริบตาแต่การเคลื่อนย้ายไปรักษาในเมืองก็ทำได้โดยไม่ติดปัญหาอะไรแล้ว ประจวบเหมาะกับเค่อซินเดินทางมาถึงเมื่อกลางดึก เฉินซีหานจึงทิ้งองครักษ์คนสนิทเอาไว้คอยดูแลจนกว่าสตรีผู้นั้นจะฟื้นและออกเดินทางในเช้าวันนั้นการเดินทางสู่เมืองซินอู๋เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง เพราะเสียเวลาไปสามวัน การเดินทางจึงต้องรีบเร่งขึ้น ทำให้กองทหารของหานอ๋องถึงเมืองซินอู๋ตามกำหนดการเดิม แม้ว่าเพื่อให้เดินทางถึงตามกำหนดทุกคนจะต้องเร่งรีบจนไม่หยุดพักเมื่อใกล้ถึงเมืองซินอู๋ก็ตามหลายวันมานี้เฉินอันหนิงแทบไม่ได้คุยกับสองสหายที่เพิ่งได้รับรู้ว่าเป็นถึงศิษย์ของสำนักศึกษาอันโด่งดัง อันเนื่องมาจากเจ้าลูกเจี๊ยบคอยตามประกบนางไม่เปิดโอกาสให้พูดจากับสหายสักเท่าไหร่ เมื่อถึงเมืองซินอู๋และนำกำลังทหารเข้าพักที่จวนรับรองของที่ว่าการเมืองเป็นที่เรียบร้อย นางจึงอาศัยจังหวะที่เฉินซีหานหารือกับนายอำเภอและผู้ว่าการเมืองหลบออกมาหาจอมยุทธทั้งสอง“พวกท่

  • เฉินอันหนิง องค์หญิงผู้หวนคืน   บทที่38 เบื้องหลังของจิวหู

    เวลาค่ำคืนไม่นับว่าเงียบสักเท่าไหร่ เชื้อพระวงค์ทั้งสองของต้าเฉินเข้าไปพักผ่อนกันแล้ว แม้แต่เหล่าองครักษ์และทหารก็หาที่นอนพักกันแทบจะทั้งหมด ทว่าสหายชาวยุทธขององค์หญิงกลับไม่ได้พักผ่อนดั่งคนอื่น ๆ ในตอนแรกบุรุษทั้งสองจะแยกย้ายกันไปพักทว่ากลับได้กลิ่นสมุนไพรจากกระโจมคนไข้เสียก่อน จิวหลิงจึงอดไม่ได้ที่จะขอตรวจอาการของคนไข้สตรีที่หานอ๋องช่วยเหลือเอาไว้ถูกพิษที่หมอหลวงที่ติดตามมาไม่สามารถปรุงยาถอนพิษได้ ทำได้เพียงรักษาให้บรรเทา สองชาวยุทธจึงอาสาต้มยาถอนพิษให้กับแม่นางผู้เคราะห์ร้ายว่ากันว่าสำนักศึกษาเฟยผิงเป็นสำนักศึกษาที่สอนสั่งทั้งวรยุทธ กำลังภายใน วิชาการปกครอง วิชาการทหาร วิชาแพทย์ และวิชาพิษ นับเป็นสำนักศึกษาที่สิบแคว้นต่างปรารถนาให้ลูกหลานได้เข้าเรียนที่นั่น เพียงแค่แนะนำตัวว่าตนเป็นศิษย์จากสำนักเฟยผิง แม้แต่ราชสำนักยังต้องไว้หน้า และพวกเขาทั้งสองก็เป็นศิษย์จากสำนักแห่งนั้นที่น้อยคนนักจะได้เข้าร่ำเรียนไม่ใช่เพียงแค่เฉินอันหนิงที่ปิดบังสถานะของตน บุรุษทั้งสองเองก็ไม่ได้เปิดเผยทั้งหมดเช่นกัน พวกเขาเป็นศิษย์

  • เฉินอันหนิง องค์หญิงผู้หวนคืน   บทที่37 พบเจอซีหาน

    เมื่อเค่อซานมาถึงก็เริ่มการเดินทางต่อ ออกจากตัวอำเภอไม่ใกล้ไม่ไกลก็ถึงจุดที่เฉินซีหานตั้งค่ายทหาร น้องชายผู้นั้นไม่รู้ตกใจที่เห็นนาง หรือตกใจที่นางนั่งอยู่บนม้าตัวเดียวกับบุรุษถึงได้อ้าปากค้างไป และไม่ทันที่เขาจะได้พูดอันใดนางก็ยื่นม้วนคำสั่งสีทองให้เขา“ข้าไม่ได้ตามเจ้ามานะ ข้าจะไปหาเสด็จอา” องค์หญิงอันหนิงเอ่ยคล้ายบอกเป็นนัย ๆ ว่านางไม่ได้ดื้อดึงตามเขามานะ นางมีสิ่งที่ต้องทำจึงได้มา และแค่บังเอิญเป็นเส้นทางเดียวกันเท่านั้น ม้วนสีทองที่นางไม่ได้เรียกว่าราชโองการแต่เป็นข้ออ้างถูกรับไปอ่านเป็นที่เรียบร้อย แล้วมีหรือเฉินซีหานจะไม่รู้ว่าสิ่งนี้เป็นเพียงข้ออ้างผู้ใดสามารถข่มขู่ทำให้ฮ่องเต้ออกราชโองการได้...ก็คือองค์หญิงใหญ่อย่างไรเล่า“มันคือข้ออ้าง ท่านให้เสด็จพ่อหาข้ออ้างให้ท่าน”“เจ้าจะรู้มากไปแล้วเสี่ยวหาน” ถูกน้องชายรู้ทันใช่ว่านางจะสลด นางเพียงบ่นให้ก่อนจะรับม้วนคำสั่งกลับมาเก็บเอาไว้ แม้จะเป็นเพียงข้ออ้าง แต่คนทั่วไปก็เห็นเป็นของศักดิ์สิทธิ์ จะวางทิ้งวางขว้างก

  • เฉินอันหนิง องค์หญิงผู้หวนคืน   บทที่36 ข่าวคราวน้องสี่

    หลังจากพักค้างแรมในป่าเช้าวันต่อมาคณะของเฉินอันหนิงก็ออกเดินทางต่อ แม้ว่าในใจนางจะนึกห่วงเค่อซินที่ควรจะตามมาทันแต่กลับไร้วี่แวว แต่ก็มั่นใจในฝีมือขององครักษ์คนสนิทจึงทำเพียงทิ้งข่าวเอาไว้และเดินทางต่อ การเดินทางในวันที่สามเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่มีโจรหรือสิ่งใดมาขัดขวาง แต่ก็มีผู้ทำให้นางขุ่นเคืองใจอยู่เช่นกันเจ้าคนต่ำช้าหาเรื่องนางตั้งแต่เริ่มออกเดินทาง ชวนนางทะเลาะได้ทุกเค่อทั้งที่ศิษย์พี่ของเขาบอกว่าเป็นคนพูดน้อย...แล้วนางก็บ้าจี้ทะเลาะกลับไปเสียด้วยน่าชังนักเชียวความมืดเริ่มย่ามกาย การเดินทางในวันที่สามใกล้จบลงเมื่อเข้าสู่เขตอำเภอหยวนหนาน เมืองหนานเว่ย เฉินอันหนิงเลิกให้ความสนใจคนต่ำช้าและมองเมืองที่ดูจะใหญ่กว่าเมืองเสียนจิ้งแต่ผู้คนไม่พลุกพล่านเท่าไหร่อย่างสำรวจก่อนจะหันไปสั่งเค่อซุนที่รอรับคำสั่งอยู่แล้ว“หาโรงเตี๊ยมที่ใกล้ที่สุดให้ข้า”“ขอรับนายหญิง”จิวหลิงมองตามม้าที่ควบออกไปของเค่อซุนที่ตลอดการเดินทางหลังเค่อซินแยกไปเอาม้า เขาและอีกฝ่ายก็ได้ค

  • เฉินอันหนิง องค์หญิงผู้หวนคืน   บทที่35 มีใจหรือ

    ท่าทีที่บ่งบอกว่าไม่ใช่เรื่องง่ายดายจนอยากจะล้มเลิกของเฉินอันหนิงทำให้จิวหูส่ายหน้าพร้อมกับลอบยิ้ม ก่อนจะเอ่ย “วันนี้พอแค่นี้แล้วกัน มากกว่านี้เกรงว่าเจ้าจะจำไม่ได้”“จะหาว่าความจำข้าไม่ดีหรือไร”“ข้ามิได้พูด” จิวหูพูดแล้วก็นิ่งไปครู่ก่อนจะเอ่ยถาม “หากเปลี่ยนเป็นขลุ่ย อยากฟังหรือไม่”“เจ้ามีขลุ่ย?”“ย่อมมี” ขลุ่ยไม้ถูกดึงออกมาจากที่ใดนางไม่รู้ แต่ก็แสดงให้เห็นว่าเขามีขลุ่ยอยู่จริง ๆ อยู่ ๆ นางก็นึกถึงวรรณคดีเรื่องหนึ่งในชาติที่เป็นคะนิ้งขึ้นมา สมัยเรียนนางวาดรูปพระเอกผู้นั้นเหน็บปี่เอาไว้ด้านหลัง...เขาก็พกขลุ่ยไว้ด้านหลังเช่นกันหรือ?ขลุ่ยของเขาทำให้ผู้คนหลับได้หรือไม่จิวหูไม่รับรู้แม้แต่น้อยว่านางคิดอันใด บุรุษหนุ่มหันมาสอบถามนางในทันทีที่ตรวจสอบว่าขลุ่ยที่พกติดตัวมีปัญหาหรือไม่ “อยากฟังหรือไม่เล่า”“ฟัง ข้าจะฟัง” นางเอ่ยล้วก็เงียบรอฟัง ไม่นานบุรุษสวมหน้ากากก็เริ่มบรรเลง

DMCA.com Protection Status