ในห้องลับใต้ดินของตระกูลฉีหนิงชิงเสว่ได้ตื่นขึ้นมาอย่างเงียบๆ จากอาการโคม่าของเธอหลังจากที่รู้ว่ามือและเท้าได้ถูกมัดเอาไว้ เธอก็ได้กรีดร้องออกมาโดยสัญชาตญาณ แต่เนื่องจากมีเทปกาวที่ปิดปากเอาไว้ จึงไม่สามารถส่งเสียงใดๆออกมาได้ลักพาตัว!ในขณะนั้น ความคิดนี้ก็แว้บขึ้นมาในหัวของหนิงชิงเสว่เธอรีบจัดแจงความคิดของเธออย่างรวดเร็ว และความคิดของเธอก็ยิ่งชัดเจนขึ้นในทันทีตระกูลฉีจับฉันมา!ไม่เพียงเท่านั้น ฉันเกรงว่าแม้แต่อุบัติเหตุทางรถยนต์ที่เกิดขึ้นก็มาจากคนในตระกูลได้จัดเตรียมเอาไว้ตระกูลฉีต้องการจะทำอะไรกันแน่?เธอรู้สึกไม่สบายใจอย่างมากและอดไม่ได้ที่จะดิ้นรนอย่างสิ้นหวัง แต่มันก็ไร้ประโยชน์ขณะที่เธอกำลังจมอยู่ในความสิ้นหวังนั้น เธอก็ได้ยินเสียงที่ดังมาจากด้านหลังเธอพยายามที่จะหันไปมองเห็นผู้หญิงคนหนึ่งในชุดเครื่องแบบโรงพยาบาล ดูท่าทางแล้วไม่ค่อยเรียบร้อยพรุงพรัง อุ้มตุ๊กตาสกปรกๆเอาไว้ในอ้อมแขน ซุกตัวอยู่ตรงมุมห้อง บ่นพึมพำกับตัวเอง และมีน้ำลายไหลลงมาที่ริมฝีปากเป็นครั้งคราว“ฮิฮิ เสี่ยวสือโถวเป็นเด็กดี ป้าหลานจะพาไปหาหมอเองนะ ไม่ต้องกลัวโดนฉีดยานะคะ…”“เสี่ยวสือโถว หิวไ
“มันจะเป็นอะไรอีกล่ะ? นี่เป็นสิ่งที่จะทำให้เธอนอนหลับฝันดีต่างหาก”ชายเปลือยท่อนบนตอบกลับตามสัญชาตญาณ และหันกลับมามองเธอ “เธอ... ตื่นแล้วเหรอ?”เขารีบวิ่งออกจากประตูแล้วตะโกนว่า "ลูกพี่ รีบไปแจ้งนายน้อยเฟิง ว่าผู้หญิงคนนี้ตื่นแล้ว"ไม่นาน ชายร่างยักษ์ก็เข็นชายหนุ่มเข้ามาในห้องชายหนุ่มนั่งอยู่ในรถเข็น โดยมีแขนขาทั้งหมดสวมเฝือกอยู่จะเป็นใครได้อีก ถ้าไม่ใช่ฉีเฟิง?หนิงชิงเสว่มองเขาอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า "ฉีเฟิง ตระกูลฉีของแกกล้าดียังไงมาลักพาตัวฉัน!"ในขณะนี้ ฉีเฟิง หมดสิ้นความสง่างามจากสภาพก่อนหน้านี้ไปแล้วอย่างสิ้นเชิง และพูดด้วยสีหน้าดุร้าย "นังโสเภณี นี่คือจุดจบของแกที่มาต่อต้านฉัน เพื่อไอ้คนแซ่ฉู่นั่น"“แกไม่ต้องกังวลไปหรอกนะ หลังจากวันเกิดปู่ของฉันจบลง หนิงชิงเสว่จะเป็นผู้หญิงของฉัน ฉีเฟิงคนนี้”“ตอนนั้นฉันจะเล่นสนุกกับแกอย่างดีเลยล่ะ ฉันเห็นว่าแกมักจะเย็นชาและอวดดีขนาดไหน!”“ใช่แล้ว ฉันจะต้องฆ่าไอ้คนแซ่ฉู่นั่นต่อหน้าเธอให้ได้”"แกมันโรคจิต!"หนิงชิงเสว่ตกใจและเผยสีหน้าซีดเผือก“ใช่ ฉันมันโรคจิต ตั้งแต่ตอนที่แขนขาของฉันถูกไอ้คนนั้นทำให้พิการ ฉันก็สติไม่สมประกอบไปแล้วน่
ในขณะนี้ จิตวิญญาณของทุกคนได้สั่นสะท้าน และจ้องมองไปที่ฉู่ฉิน เหมือนกำลังมองไปที่คนตายอีกครั้งตระกูลฉีได้วางแผนมาแล้วอย่างรอบคอบ เพื่อจัดการกับคน ๆ เดียวงั้น...เขายังไงก็ต้องตายแน่ๆ!อย่างไรก็ตาม ฉู่เฉินถอนหายใจเบา ๆ“ไอ้เจ้าสัตว์ร้าย แกจะถอนหายใจทำไม? เป็นเพราะแกกลัวอย่างงั้นเหรอ?”“ถ้าแกคุกเข่าลงตอนนี้ แล้วตัดแขนแกออกไปซะ บางทีพวกเราอาจจะทำให้ความตายของแกเจ็บปวดน้อยลงได้นะ”ฉีหงเทายืนอยู่ในไกลๆ เยาะเย้ยและพูดว่า“แค่ตัดแขนออกอย่างเดียวไม่พอหรอก ผมเรียนรู้วิธีทรมานมาจากต่างประเทศ ซึ่งก็คือการเฉือนเนื้อออกจากแขนและขาให้เหลือแต่กระดูก”มีเสียงที่เย็นชาดังขึ้น และเมื่อทุกคนมองตามเสียงไป พวกเขาก็ได้เห็นฉีเฟิงที่ถูกเข็นออกมาใบหน้าของฉีเฟิงนั้นดูกระหายเลือด มองไปที่ฉู่เฉินราวกับสัตว์ร้ายกำลังจะดื่มเลือดจากเหยื่อของมันทุกคนรู้สึกขนลุกเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้สิ่งนี้เทียบได้กับการทรมานสิบอันดับแรกในสมัยโบราณหรือไม่?ฉู่เฉินวางมือไพล่หลัง และพูดอย่างใจเย็น “พวกแกทุกคนตั้งใจที่จะล่อให้ฉันออกมา ฉันคิดว่าพวกแกคงมีวิธีที่ดีกว่านี้นะเนี่ย”ขณะที่เขากำลังพูด เขาก็ได้เงยหน้าขึ้นมองชา
นั่นไม่ใช่ระเบิดและไม่ใช่การบดขยี้อีกด้วยแต่กลับเป็นการที่ถูกฉู่เฉินตบเข้าที่หน้าอกอย่างแรงพลั๊ก!ร่างที่ไร้หัวของเขาล้มไปข้างหลังอย่างแรง และไม่เคลื่อนไหวทุกคนในบริเวณนั้นก็ช็อคไปตามๆกันปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ถูกตบหน้าอกสะเทือนถึงสมอง?“เรื่องนี้มันจะเป็นไปได้ยังไง?”รอยยิ้มของฉีหงเทาแข็งค้างบนใบหน้า จากนั้นเขาก็คำรามออกมาจนสุดปอดใบหน้าของฉีเทียนเหอบิดเบี้ยว และมือสองข้างที่ไขว้หลังอยู่อดไม่ได้ที่จะสั่นไหวดวงตาของฉีเฟิงเบิกกว้างราวกับว่าเขากำลังเห็นผี ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อในเวลาเดียวกัน พี่ใหญ่เหอและน้องเหอสอง ก็ตะโกนออกมาด้วยความโศกเศร้า "น้องสาม"ทันใดนั้น ได้ยินเพียง “ฟิ้ว” สองครั้ง ทั้งสองคนก็ได้ล่าถอยและพุ่งตรงไปทางประตูวิลล่าอย่างรวดเร็ว“โอ้พระเจ้า พวกเขาจะวิ่งหนีกันแล้วเหรอ?”ฝูงชนตกใจมากจนล้มลงคางของพวกเขาก็หล่นลงไปกองกับพื้นแน่นอนว่าพี่น้องเหอกำลังจะหนีไป และตั้งแต่วินาทีที่น้องสามเสียชีวิต หัวใจของพวกเขาก็ปั่นป่วนเหมือนถูกพายุพัดโหมกระหน่ำอย่างน้อยน้องสามก็เป็นนักรบกำลังภายใน คาดไม่ถึงว่าจะตายเพราะตบเพียงแค่ครั้งเดียว งั้นฉู่เฉินก็เป็
บอดี้การ์ดหลายคนยังคงนิ่งไม่ขยับ เพียงแค่สบตากันไปมา ด้วยสีหน้าที่ลังเลห้าสิบล้านมันเยอะมากเลยนะแต่พวกเราจะมีชีวิตรอดกลับมาเอาเงินนั้นไหม!เมื่อกี้นายไม่เห็นชะตากรรมอันน่าสลดของสามคนนั้นเหรอ? โดนฆ่าตายจนกระดูกสลายหายไปเป็นฝุ่นผงเลยนะสีหน้าของฉีเทียนเปลี่ยนไป และตวาดอย่างดุเดือด "ออกไปจัดการสิ ไอ้พวกขยะ ยังไงซะมันก็ตีได้แค่คนเดียวเท่านั้นแหละ!”“ หนึ่งร้อยล้าน หากใครฆ่ามันได้ ตระกูลฉีจะให้เงินรางวัลคนนั้นหนึ่งร้อยล้าน!”ดังคำกล่าวที่ว่า ยิ่งรางวัลล่อตาล่อใจแค่ไหนจะต้องมีผู้กล้าออกหน้าอาสา จิตใจของทุกคนปั่นป่วนและหายใจแรงขึ้นบ้าน่า นั่นมันหนึ่งร้อยล้านเลยนะ!ด้วยเงินรางวัลนี้ ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ไปตลอดชีวิตเลย แค่นอนอยู่เฉยๆ ก็เพียงพอแล้วยิ่งไปกว่านั้น ฉีเทียนเหอก็พูดถูก พวกเขามีทั้งหมดห้าสิบถึงหกสิบคน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เชื่อว่าจะรับมือกับไอ้หนุ่มนั้นไม่ได้เมื่อคิดถึงจุดนี้ ความกลัวและความหวาดหวั่นในจิตใจของบอดี้การ์ดตระกูลฉีหลายคนก็สลายหายไปทันที แทนที่ด้วยความโลภอันไม่มีที่สิ้นสุด"ฆ่ามัน!"ทุกคนกัดฟัน และพร้อมใจกันหยิบอาวุธขึ้นมา เพื่อเข้าโจมตีฉ
"นั่นถูกต้องใช่ไหม?" ฉู่เฉินเงยหน้าขึ้นมองและพูดออกไปอย่างไร้อารมณ์ “ถ้าแกบอกฉันถึงทุกคนที่อยู่เบื้องหลังแก ฉันจะไว้ชีวิตตระกูลฉีให้ก็ได้”“แกจินตนาการไม่ออกหรอก!”ฉีเทียนเหอรีบปฏิเสธโดยไม่ต้องคิด "ถ้าอยากจะฆ่านักก็ฆ่าเลยสิ อย่างไรก็ตาม คนแก่อย่างฉันก็มีชีวิตอยู่มานานมากพอแล้ว แต่แกจะไม่มีวันพบศัตรูที่แท้จริงของแก แกจะใช้ชีวิตทั้งชีวิตด้วยความรู้สึกผิดและฝันร้าย”“สุดท้ายแกก็น่าสมเพชไปกว่าฉันซะอีก ฮาฮ่าฮ่า”เขาหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง หัวเราะอย่างภาคภูมิใจ“ไม่พูดใช่ไหม?”สายตาของฉู่เฉินเปลี่ยนกลายเป็นเย็นชา และเขาก็คว้าฉีหงเทาเอาไว้“ไม่ คุณพ่อครับ ช่วยผมด้วย ผมไม่อยากตาย...”ฉีหงเทาพยายามดิ้นรนอย่างสิ้นหวัง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว"หยุดเดี๋ยวนี้นะ!"ใบหน้าของฉีเทียนเหอเปลี่ยนไปอย่างมากฉู่เฉินออกแรงไปที่แขน และหักคอของชีหงเทาในทันที“เทาเอ๋อร์!”ฉีเทียนเหอ ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด“ยังไม่พูดอีกใช่มั้ย?”ฉู่เฉินจับชายวัยกลางคนมาอีกคน และหักคอของเขาเช่นกันเขาก็คือฉีหงเฟยลูกชายคนที่สามของฉีเทียนเหอ และเป็นคนที่มีส่วนร่วมในการเผาสถานรับเลี้ยงเด็ก ชิงซานในตอนนั้น
ทันทีที่เขาเห็นใบหน้าของฉู่เฉินสีหน้าของฉีเฟิงก็แข็งค้างในทันที ไม่คาดคิด ตกตะลึง และไม่น่าเชื่อ"อ๊ากกกกกก!"เขาส่งเสียงร้องราวกับเห็นผี สายตาของเขาขุ่นเคือง: "เป็นแก เป็นแกนี่เอง!"“แม้ว่าฉันจะกลายเป็นผี ฉันก็จะไม่ปล่อยแกไป”“งั้นก็รอจนกว่าแกจะกลายเป็นผีซะเถอะ”ฉู่เฉินยิ้มอย่างไม่แยแส และหักคอเขาอย่างรุนแรงห้องใต้ดิน ชั้นสองหนิงชิงเสว่ได้มองไปที่ชายร่างยักษ์สองคนที่กำลังค่อยๆ เดินเข้ามาหา และใบหน้าของเธอที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและพูดว่า "พวกแก... จะทำอะไร?""จะทำอะไร?"ชายร่างยักษ์เหลือบตามองเธอและพูดว่า "คุณหนูหนิง ใครๆก็บอกว่าคุณเป็นหนึ่งในสี่หญิงงามในหนานเจียง วันนี้ได้มีโอกาสเจอตัวเป็นๆซักที งามสมคำร่ำลือจริงๆ "“แม้ว่าเธอจะถูกจองไว้ให้เป็นผู้หญิงของนายน้อยเฟิง แต่กี่วันที่ผ่านมาพวกพี่ชายก็คอยปกป้องเธออยู่ไม่ห่างเลยนะจ้ะ”“เธอควรต้องตอบแทนให้แก่พวกพี่ชายบ้างถูกไหมล่ะ?”เขาจงใจเน้นคำว่า "ตอบแทน" อย่างชัดเจน ด้วยความโลภในแววตา“แก... แกกล้าดียังไง!”ใบหน้าที่งดงามของหนิงชิงเสว่เปลี่ยนเป็นสีขาวซีด และพยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต"เพี๊ยะ!""เชื่อฟังกับฉันหน่อยสิ"ชา
“คุณปู่ผู้อำนวนการ ทุกคนในตระกูลฉีที่ฆ่าพวกคุณนั้น ตอนนี้พวกเขาได้มาอยู่ต่อหน้าพวกคุณแล้วนะครับ ต่อจากนี้ไปพวกคุณสามารถพักผ่อนอย่างสงบสุขได้สักที”“เสี่ยวสือโถวยังรู้มาอีกว่า ยังมีคนไม่น้อยที่ซ่อนอยู่ในความมืด แต่มันก็ไม่สำคัญ สักวันหนึ่งผมจะกระชากหัวพวกมันทั้งหมดออกมา และส่งพวกมันทั้งหมดลงนรกไปเพื่อสารภาพบาปกับพวกคุณเองครับ!”เขาเปิดไวน์ที่ซื้อมาจากข้างถนน เทลงหน้าหลุมศพ แล้วยืนขึ้นเพื่อจะจากไปภายในโรงพยาบาล.หนิงชิงเสว่เพิ่งฟื้นจากอาการหมดสติ และประโยคแรกที่เธอพูดคือ: "น้องเสี่ยวสือโถว..."แต่หลังจากมองเห็นบริเวณรอบๆ อย่างชัดเจน เธอก็ตระหนักได้ว่า ขณะนี้เธอกำลังนอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาลด้านข้างคือเย่จิง แต่งกายด้วยชุดตำรวจ ยืนเฝ้าข้างเตียงและพูดว่า "ชิงเสว่ คุณได้สติแล้วหรอ?"เมื่อเห็นหนิงชิงเสว่กำลังจะลุกขึ้นนั่ง เย่จิงก็รีบช่วยเธอลุกขึ้นแล้วพูดว่า "อย่าขยับเขยื้อนร่างกายมากนัก หมอบอกว่าคุณแขนหัก น่าจะเกิดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ในครั้งนั้น..."“พี่เย่ ฉัน... ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกันน่ะ?”หนิงชิงเสว่สำรวจห้องผู้ป่วยอย่างกระวนกระวายใจเย่จิงเล่าให้เธอฟังอย่างละเอียดเกี่ยว