เมื่อเขาเดินออกจากห้องไปทันใดนั้นดวงตาที่งดงามของฉู่เมิ่งเหยาก็เป็นประกายขึ้นมา และได้ก้าวไปข้างหน้าหลายก้าว เพื่อมองเขาและพูดว่า "หล่อ หล่อมากจริงๆ เสื้อผ้าก็ดูดีมาก ไม่เล็กหรือใหญ่เกินไป กำลังพอดีตัวเลย"ฉู่เฉินรู้สึกเขินเล็กน้อยกับคำชมของเธอ จากนั้นก็ได้ยินเธอพูดอีกประโยคหนึ่ง: "น่าเสียดายจัง ฉันสงสัยว่าในอนาคตจะโดนผู้หญิงคนไหนเอาเปรียบ"ฉู่เฉิน: "...""พรึด"ฉู่เมิ่งเหยาหัวเราะออกมา แล้วคว้าแขนของเขาแล้วพูด: "ไปกันเถอะ น้องฉู่สุดหล่อของพวกเรา ฉันจะพานายไปดูว่ามีหญิงสาวสวยๆ คนไหนบ้าง แล้วจะได้แนะนำสักหนึ่งคนให้นายในฐานะภรรยา"ยี่สิบนาทีต่อมา โรงแรมหรูที่ใหญ่ที่สุดในฉู่โจว – ประตูไป๋จินฮันฉู่เฉินและฉู่เมิ่งเหยาลงจากรถ เว่ยไห่หลงพร้อมกับเว่ยซือยวี่และคนอื่น ๆ ที่รออยู่ก็เข้ามาทักทายพวกเขาทันทีเว่ยซือยวี่บ่นด้วยความไม่พอใจ "ทำไมพวกเธอถึงชักช้าแบบนี้? จะให้พวกเรารอไปถึงเมื่อไหร่?"คำพูดเหล่านี้ของเธอ เหมือนมีความอิจฉาริษยาแฝงอยู่ทั้งในประโยคและสายตาของเธออีกด้วยเนื่องจากวันนี้ฉู่เมิ่งเหยาแต่งตัวมาได้สวยมาก ทั้งด้านมารยาทละรูปลักษณ์ ได้บดบังความสวยของเธอจนมิด"ขอโทษที" ฉู่
สังเกตเห็นสายตาที่จับจ้องของทุกคน ฉู่เมิ่งเหยาก็ดูค่อนข้างฝืนๆ เพราะเธอรู้ว่าคนหนุ่มหญิงสาวในงานเลี้ยงเป็นคนที่มีอำนาจที่มาจากตระกูลชนชั้นสูงของฉู่โจว และภูมิหลังไม่ได้เหมือนกับเธอฉู่เฉินจับมือของเธอแน่นและกระซิบข้างหูของเธอ “พี่หก ไม่ต้องกังวลไปแค่เป็นตัวของตัวเองก็พอ คืนนี้ที่นี่คือโลกของพี่”หัวใจของฉู่เมิ่งเหยาอบอุ่นขึ้นมาทันที และเธอก็พยักหน้าเบา ๆ ก่อนที่จะตามเว่ยไห่หลงและคนอื่น ๆ ที่อยู่ข้างหน้าไป หาที่นั่งของตัวเองและนั่งลง“ฉันจะไปเข้าห้องน้ำก่อน” เว่ยซือยวี่ไม่ได้มองที่ฉู่เฉินและพวกเขาทั้งสองคนด้วยซ้ำ และเดินออกไปหลังจากทิ้งคำพูดนี้เอาไว้เว่ยไห่หลงก็เดินหนีไปเช่นกัน และไปคุยกับคนรู้จักพวกทายาทรุ่นที่สองที่คุ้นเคยกันทุกคนกำลังรออยู่!รอให้นายน้อยเจียงปรากฏตัว!เพราะเขาเป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงในคืนนี้ เขาจึงเป็นราชาแห่งค่ำคืนนี้!จากฐานะตระกูลที่ใหญ่ที่สุดในฉู่โจว ตระกูลเจียงมีอิทธิพลที่จะทำให้ทุกคนต้องรอคอยเสียงเพลงเต้นรำอันไพเราะดังขึ้น และชายหนุ่มและหญิงสาวหลายคนก็เริ่มจับคู้เต้นรำบนฟลอร์แต่สายตาของผู้ชายส่วนใหญ่ในงานนั้นยังคงจับจ้องมองไปที่ฉู่เมิ่งเหยาหากนี่เ
ทันทีที่เธอนึกถึงตอนที่ฉู่เฉินกล้าที่จะตบเธอก่อนหน้านี้ เธอก็หวังว่าเจียงอี้ฟานจะฉีกฉู่เฉินออกเป็นชิ้นๆชั้นล่างฉู่เฉินได้กินอาหารไปหลายอย่างแล้วเขาเช็ดปากและพูดกับฉู่เมิ่งเหยาว่า "พี่หก ทำไมนายน้อยเจียงถึงยังไม่ออกมาอีก ผมคิดว่าพวกเราควรกลับได้แล้ว"ขณะที่ฉู่เมิ่งเหยากำลังจะพูด เสียงหัวเราะก็ดังก้องมาแต่ไกล: "ขอโทษทีทุกคน ฉันมาสายไปหน่อย"ฉู่เฉินหันหน้าไปและเห็นชายหนุ่มในชุดสูทสีขาว สวมนาฬิกาโรเล็กซ์รุ่นหายากที่ค่อยๆ เดินออกมาอย่างช้าๆความสูง180 ซม. ของเขาประกอบกับรูปลักษณ์ที่หล่อเหลาและเสียงที่นุ่มนวล ทำให้บรรยากาศถึงจุดน่าประทับใจอย่างมากในทันที“นายน้อยเจียงมาแล้ว!”“นายน้อยเจียง คุณดูหล่อมาก!”“นายน้อยเจียง ฉันขอเต้นรำกับคุณได้ไหม”“……”การปรากฏตัวของเจียงอี้ฟานทำให้ทุกคนโค้งคำนับและก้มหัวให้เขา ยิ่งกว่านั้นผู้หญิงบางคนถึงกับกรีดร้องออกมาไม่หยุดเจียงอี้ฟานยิ้มและแสดงความเคารพต่อทุกคนทีละคน โดยไม่รู้ว่าเขาทำให้ผู้หญิงตกหลุมรักไปแล้วกี่คนแม้แต่เว่ยไห่หลงก็ก้าวไปข้างหน้าและพูดด้วยความเคารพว่า "นายน้อยเจียง!"“ไห่หลง พวกเราทุกคนรุ่นราวคราวเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องสุภา
แขกในงานจากทุกทิศทางต่างพากันมองดูคนสองคนจับมือทักทายกัน ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมารู้ไหมว่านายน้อยเจียงเป็นนักรบนะ!เด็กแซ่ฉู่คนนี้โชคร้ายแล้วมีเพียงฉู่เมิ่งเหยาเท่านั้นที่มีใบหน้าสงบนิ่ง เมื่อดูดีๆ เธอมองไปที่เจียงอี้ฟานด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสงสารฉู่เฉินเป็นถึงปรมาจารย์วรยุทธ จะไปกลัวอะไรแบบนี้ได้ยังไง?ต่อหน้าทุกคน ใบหน้าของเจียงอี้ฟานค่อนข้างซับซ้อน ไม่รู้ว่าเจ็บปวดหรือตกใจ แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือต้องอดทนอดกลั้นเอาไว้ให้ได้เดิมทีเขาตั้งใจจะบีบมือฉู่เฉินอย่างแรง และทำให้เขาดูอับอายต่อหน้าสาธารณชนที่คาดไม่ถึงไปกว่านั้น ก็คือฉู่เฉินกลับทำตรงข้ามและจับมือของเขาไว้แน่น ทำให้เขาเจ็บปวดมากขึ้นเรื่อยๆ“เด็กคนนี้มีความแข็งแกร่งแบบนี้ได้ยังไง?”“มันเป็นไปไม่ได้ เธอก็รู้ว่าฉันมีวรยุทธในระดับชกด้วยฐานข้อศอก!”เจียงอี้ฟานคำรามอยู่ในใจ ใช้กำลังทั้งหมดของเขาจับมือของฉู่เฉินไว้แน่นแต่ก็เต็มไปด้วยความผิดหวัง ไม่ว่าเขาจะพยายามสักแค่ไหน ก็ไม่สามารถทำให้ใบหน้าของฉู่เฉินเปลี่ยนไปได้เลยแม้แต่น้อยในทางตรงกันข้าม ฉู่เฉินจับมือของเขา และมันก็เริ่มระเบิดเหมือนกับประทัดเจียงอี้ฟานพยายา
ผู้หญิงหลายคนในงานเลี้ยงมีสีหน้าเปลี่ยนไป โดยเฉพาะเว่ยซือยวี่เพราะพวกเธอล้วนแต่เป็นหนึ่งในนางบำเรอของเจียงอี้ฟานพวกเธอยังคิดว่าตัวเองสำคัญมากในใจของเจียงอี้ฟาน แต่ที่น่าประหลาดใจคือพวกเธอเทียบไม่ได้กับฉู่เมิ่งเหยาเลยสักนิดโดยเฉพาะเว่ยซือยวี่ แววตาเปลี่ยนเป็นสีเขียวด้วยความริษยาฉู่เมิ่งเหยา!นังตัวแสบ แกมีสิทธิ์อะไรที่จะเป็นหัวหน้านางบำเรอของนายน้อยเจียง?ฉู่เมิ่งเหยาไม่คิดว่าเจียงอี้ฟานจะไร้ยางอายถึงขนาดนี้ ทำเรื่องบ้าอะไรนางบำรงบำเรออะไรกัน อีกทั้งเขายังอยากจะให้ตัวเองเป็นนางบำเรออีกด้วยเธอถากถางทันทีและพูดว่า "นายน้อยเจียง ถ้าคุณมีความต้องการทางเพศมากนัก ทำไมคุณไม่ไปหาคนอื่นล่ะ ฉันรังเกียจ!"“กล้าดียังไงมาปฏิเสธฉัน?” สายตาของเจียงอี้ฟานหรี่ลง“ถ้าฉันปฏิเสธคุณจะทำไมล่ะ?”ฉู่เฉินลุกขึ้นและพูดว่า "แกเป็นแค่ทายาทรุ่นที่สอง แต่แกแค่อาศัยกินบุญเก่าของบรรพบุรุษแก เพื่อมีอำนาจมากกว่าคนธรรมดาทั่วไป แกจะสร้างนางบำเรอแปดคนได้อย่างไร แกคิดว่าเป็นองค์ชายในสมัยโบราณเหรอ?”“ในฉู่โจว ฉันคือองค์ชาย!” เจียงอี้ฟานหัวเราะอย่างภาคภูมิใจ“เสี่ยวเฉิน หยุดพูดเรื่องไร้สาระกับเขาได้แล้ว ไปกัน
เมื่อได้สบสายตาที่โกรธเกรี้ยวของเว่ยไห่หลง ฉู่เฉินก็มองเขาด้วยสีหน้าเย็นชาและพูดว่า "ถ้าแกยังพูดไร้สาระอีก แกจะได้มีสภาพไม่ต่างจากมัน!"เสียงของเว่ยไห่หลงหยุดลง และเขาก็โกรธแทบตาย โกรธจนอยากจะระเบิดออกมา แต่สุดท้ายเขาก็ยังไม่กล้าพูดอะไรเขาเคยเห็นความโหดเหี้ยมของฉู่เฉินแล้ว เมื่อฉู่เฉินบอกว่าจะทุบตีก็คือทุบตีจริงๆทั้งห้องโถงเงียบลงอย่างน่าขนลุก แขกในงานยังคงตกตะลึงกับความจริงที่ว่าฉู่เฉินตบหน้าเจียงอี้ฟานอย่างบ้าคลั่งหลังจากที่เจียงอี้ฟานลุกขึ้น ใบหน้าที่บิดเบี้ยวของเขาจ้องฉู่เฉินด้วยจิตสังหารอย่างบ้าคลั่งในแววตา: "ไอ้เด็กนรก ฉันเจียงอี้ฟาน คนนี้มีอายุยี่สิบกว่าปีแล้ว และแกเป็นคนแรกที่กล้าทำกับฉันแบบนี้""โอเค ดีมาก เยี่ยมยอดมาก!"“ตายซะ!”ความเย็นชาแวบขึ้นมาในแววตาของเขา ในขณะที่เขาก้าวไปข้างหน้าและปล่อยหมัดๆหนึ่งใส่ฉู่เฉินโดยตรง เผยให้เห็นวรยุทธที่แท้จริงของเขาอยู่ในระดับการชกด้วยฐานข้อศอกเขาไม่ได้ตั้งใจที่จะเปิดเผยวรยุทธของเขา แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจอะไรอีกต่อไปแล้ว เขาแค่อยากจะฆ่าฉู่เฉินเพียงเท่านั้นในพริบตา หมัดของเจียงอี้ฟานก็อยู่ห่างจากใบหน้าของฉู่เฉินไม่ถึงสิบนิ้วเจ
แต่เมื่อเขาเห็นเจียงอี้ฟานถูกทุบตีเช่นนี้ ตัวเขายังต้องกลับไปอธิบายให้ตระกูลเจียงฟังเขาพยักหน้าและมองฉู่เฉินด้วยสายตาเศร้าหมองและพูดว่า “เจ้าหนุ่ม แกไม่คิดว่าที่ทำลงไปนั้น มันโหดเหี้ยมเกินไปหน่อยเหรอ?”“งั้นเหรอ? ฉันคิดว่ามันยังน้อยไปด้วยซ้ำ ถ้าแกมาช้ากว่านี้ ไอ้บ้านี่คงเหลือแต่ร่างไร้วิญญาณแล้ว” ฉู่เฉินพูดอย่างไร้อารมณ์สีหน้าของผู้เฒ่าจู้มืดมนลง: "แกกล้าหาญมากพ่อหนุ่ม ฉันไม่รู้ว่าแกมาจากนิกายหรือสำนักไหน? แกไปเรียนวิชาพวกนี้มาจากใคร?"เขาเห็นว่าฉู่เฉินยังเด็กและสามารถเอาชนะเจียงอี้ฟานที่มีวรยุทธระดับชกด้วยฐานข้อศอกได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นจึงระแวงภูมิหลังของฉู่เฉินฉู่เฉินเหมือนจะเห็นความคิดของเขาทะลุปรุโปร่งและเยาะเย้ย “ฉันไม่มีนิกายหรือสำนัก และไม่มีอาจารย์ด้วย”ด้วยคำพูดเหล่านี้ ผู้เฒ่าจู้รู้สึกโล่งใจและพูดอย่างเย็นชาทันทีว่า "เจ้าหนุ่ม ฉันจะให้โอกาสแก คุกเข่าลงซะ ตัดแขนออกมาข้างหนึ่ง แล้วไปที่ตระกูลเจียงกับฉันเพื่อชดใช้บาปของแกและฉันอาจคิดพิจารณาไว้ชีวิตของแกก็ได้!”“ไอ้แก่ ถ้าอยากจะสู้ก็เข้ามาเลย มัวแต่เล่นน้ำลายอยู่ได้” ฉู่เฉินยิ้มเยาะ“รนหาที่ตาย!”ผู้เฒ่าจู้โกรธมากและ
เจียงอี้ฟานรู้แจ้งแล้วว่า แม้แต่ตัวของผู้เฒ่าจู้ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉู่เฉิน ถ้าไม่ยอมรับความขี้ขลาดของตัวเองอีก ตัวเขาอาจจะตายได้ในวันนี้ดังนั้น เขาจึงคุกเข่าลงทันที!ในขณะที่เขาคุกเข่าลง ทุกคนในห้องโถงก็ตกใจมากจนคางแทบหล่นลงไปกองกับพื้น และไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองตอนนี้นายน้อยผู้ยิ่งใหญ่ของตระกูลเจียงกำลังคุกเข่าต่อหน้าชายหนุ่มคนหนึ่งเจียงอี้ฟานไม่สนใจสายตาของทุกคน ริมฝีปากสั่นเทา และมองไปที่ฉู่เฉินด้วยความกลัว: "ฉันยอมรับความพ่ายแพ้ ปล่อยฉันไปเถอะ ความแค้นระหว่างพวกเราช่วยลืมไปเถอะนะ"นั่นคือสิ่งที่เขาพูด แต่จิตสังหารอันบ้าคลั่งในใจก็ไม่สามารถระงับได้เจียงอี้ฟานอายุขนาดนี้แล้ว เคยถูกดูถูกเช่นนี้ตอนไหน?เขาสาบานว่าจะตอบโต้ฉู่เฉินทุกวิถีทาง เมื่อกลับไปที่ตระกูลฉู่เฉินรู้ดีว่าเขาคิดอะไรอยู่ในใจ และกำลังจะลงมือสังหารเขาทันทีฉู่เมิ่งเหยาลุกขึ้นและพูดว่า "เสี่ยวเฉิน ช่างมันเถอะ เมื่อนายน้อยเจียงยอมถอยให้แล้ว พวกเราก็ไม่ควรก้าวร้าวไปมากกว่านี้"เธอไม่ได้เห็นอกเห็นใจเจียงอี้ฟาน แต่กลัวอำนาจของตระกูลเจียงมากกว่า เพราะตระกูลเจียงมีอิทธิพลมากมายในกองทัพ และดูเหมือนจะมีความเกี่ย