“ปัจจุบันการเกณฑ์ทหารเป็นเรื่องยาก ทุกเมืองและทุกอำเภอ บวกกับกองทัพหมาป่า ตอนนี้มีกำลังพลไม่ถึงห้าแสนนาย กองทัพหมาป่าทำสงครามกับชาวหูทางตอนเหนือมานาน เวลานี้สูญเสียกำลังทหารไปกว่าห้าหมื่นนายแล้ว ต้องการกำลังเพิ่มอย่างเร่งด่วน เกณฑ์ในการเกณฑ์ทหารก็เปลี่ยนจากอายุสิบเจ็ดถึงสามสิบปี เป็นอายุสิบห้าถึงสามสิบห้าปี แต่ว่า...”น้ำเสียงของฟางซินฮุ่ยหนักแน่น “ไม่มีทางจากสิบสองถึงห้าสิบปีแน่นอน”“ฟางซินฮุ่ย เจ้า...พูดเช่นนี้ไม่กลัวฟ้าผ่าหรือ?” หญิงวัยกลางคนพยายามตะเกียกตะกายลุกขึ้น ชี้หน้าฟางซินฮุ่ยพร้อมกับด่าทอ“ประกาศการเกณฑ์ทหาร ข้าต้องการบุคคลที่อายุไม่เกินเกณฑ์” ฟางซินฮุ่ยพูดไม่เก่ง ใบหน้าของเขาแดงเล็กน้อย”“ข้าเชื่อท่านเลขาธิการ!” จู่ๆ เสิ่นหมิงหยวนก็พูดเข้าข้างฟางซินฮุ่ย “ทว่าเวลานี้แคว้นของเราภายในไม่สงบและยังถูกภายนอกรุกราน กรมกลาโหมงานค่อนข้างหนัก หรือว่านายกองเกณฑ์ทหารภายใต้การดูแลของกรมกลาโหมกระทำการนี้ เพื่อปฏิบัติกิจให้สำเร็จตามที่ได้รับมอบหมาย?”“พี่สาวท่านนี้” เสิ่นหมิงหยวนเดินไปตรงหน้าหญิงวัยกลางคน โน้มตัวลงแล้วพูดอย่างอ่อนโยน “บ้านของท่านอยู่ที่ใด?”หญิงวัยกลางคนเพิ่งบอกว่า
การกระทำของนายกองเกณฑ์ทหารคนนี้น่าโมโหยิ่งนัก แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นครึ่งปีที่ผ่านมานี้ ฟางซินฮุ่ยสั่งปลดนายกองเกณฑ์ทหารหลายต่อหลายคน โดยเหตุผลในการสั่งปลดแทบจะเหมือนกันทุกคน ซึ่งก็คือจำนวนทหารเกณฑ์ไม่ถึงเป้าเปลี่ยนทหารกลุ่มใหม่มาทำงาน ทว่าปัญหาที่พบเจอยังคงเหมือนเดิมความเป็นจริงฟางซินฮุ่ยรู้ว่านี่ไม่ใช่ปัญหาของนายกองเกณฑ์ทหาร เขาทำเช่นนี้ ก็เพราะจนปัญญาจริงๆหากไม่ปลดพวกเขา ยามราชสำนักกล่าวโทษ พวกเขาไม่เพียงจะเสียงาน แต่ยังต้องถูกลงโทษอีก“เฮ้อ!”เสิ่นหมิงหยวนถอนหายใจ “แม้จะลงโทษนายกองเกณฑ์ทหารคนนี้ ทว่าอนาคตย่อมมีนายกองเกณฑ์ทหารเช่นนี้อีกหลายคนต้องโดนลงโทษ ท้ายที่สุดแล้ว เป็นเพราะแคว้นของเราประสบปัญหาขาดแคลนผู้ชาย”“ฝ่าบาท!” เสิ่นหยวนเลี่ยงคุกเข่าอย่างกะทันหัน “ก่อนหน้านี้กระหม่อมทำหน้าที่ได้ไม่ดี ไม่ดูแลผู้ใต้บัญชาการให้ดี นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป กระหม่อมจะดูแลท้องพระคลังด้วยตนเอง ใช้เงินครึ่งหนึ่งของท้องพระคลัง แก้ปัญหาขาดแคลนบุรุษ”“เรื่องเงินไม่มีปัญหาแล้ว เรื่องต่อไปคือ...” หลิวเกาจัวชำเลืองมองซื่อหลางกรมขุนนางเหลยชางเจียน “เรื่องของกรมขุนนาง”เสิ่นหมิงหยวน “เหลยซื
“เป็นถึงจักรพรรดิ แต่กลับพูดพร่ามร่ายยาว ไม่แปลกที่ตอนนี้ต้าชิ่งตกอยู่ในสภาพเช่นนี้!”โอวหยางน่าหลันยิ่งพูดก็ยิ่งเหิมเกริม การกระทำของนางไม่ได้เป็นการหยามเกียรติฉินเย่ว์เหมยแล้ว แต่เป็นการดูแคลนจักรพรรดิต้าชิ่งณ ท้องพระโรงต้าชิ่ง ต่อหน้าขุนนางฝ่ายบุ๋นและฝ่ายบู๊ โอวหยางน่าหลันที่เป็นเพียงองค์หญิงจากแคว้นอื่น ดูหมิ่นจักรพรรดิต้าชิ่งโอวหยางน่าหลันไม่กลัว ในทางตรงกันข้ามนางลำพองใจยิ่งนัก นางมั่นใจว่า แม้นางจะด่าทอด้วยวาจาหยาบคายกว่านี้ พวกขุนนางต้าชิ่งก็ทำได้เพียงโมโหแต่ไม่กล้าพูดสิ่งใดเป็นจริงตามคาด...โอวหยางน่าหลันกวาดสายตาไปยังรอบๆ ท้องพระโรง จากนั้นถอนสายตากลับด้วยความพอใจในท้องพระโรง หลายต่อหลายคนเคืองขุ่น โดยเฉพาะขุนนางฝ่ายบุ๊น แต่พวกเขาก็ทำได้เพียงเงียบแม้แคว้นหลู่จะมีขนาดเล็ก แต่กลับเป็นแคว้นที่ไม่ขาดแคลนบุรุษที่สุด แคว้นหนึ่งในแผ่นดินใหญ่ อีกทั้งแคว้นหลู่เต็มไปด้วยเหมืองเหล็ก การตีเหล็กของแคว้นหลู่ล้ำเลิศ อาวุธสงครามเป็นหนึ่งหลังจากบุรุษแคว้นต้าชิ่งลดน้อยลง แคว้นหลู่ก็จ้องจะเขมิบพื้นที่ของแคว้นต้าชิ่ง หลายปีมานี้พวกเขาบีบต้อนต้าชิ่งทุกทาง ตั้งแต่จักรพรรดิ จวบจนถึงสา
“แค่ขุนนางคนหนึ่งเท่านั้น ท่านไม่อาจยกให้ได้ ดูเหมือนว่า...” โอวหยางน่าหลันทำสีหน้าเข้าใจ“ว่ากันว่า จักรพรรดิต้าชิ่งชื่นชอบพรรณไม้เดียวกัน เวลานี้ดูแล้ว คล้ายข่าวลือนี้จะเป็นความจริง เฮ้อ!”โอวหยางน่าหลันถอนหายใจ ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย “ของเล่นที่ผู้อื่นเล่นแล้ว ข้าเองก็ไม่อยากเล่น จักรพรรดิต้าชิ่ง เมื่อครู่ท่านบอกว่าหากข้ามีธุระก็ให้เข้าประเด็น ใช่หรือไม่?”พูดถึงตอนท้าย สีหน้าของโอวหยางน่าหลันเย็นชา“จักรพรรดิต้าชิ่ง สัญญาสั่งซื้ออาวุธของแคว้นต้าชิ่งของพวกท่านในปีนี้เล่า?”เมื่อครั้นจักรพรรดิองค์ก่อนของต้าชิ่งประชวรหนัก แคว้นหลู่อาศัยจังหวะช่วงที่ต้าชิ่งชุลมุนวุ่นวาย ส่งทูตมายังต้าชิ่ง บังคับให้ต้าชิ่งสั่งอาวุธอย่างน้อยปีละสิบล้านตำลึงเงินในเวลานั้นจักรพรรดิต้าชิ่งทำได้เพียงตอบตกลง เพราะหากไม่ตกลง แคว้นหลู่จะนำทัพเข้าโจมตีตอนนั้น แคว้นต้าชิ่งไม่เพียงได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ จำนวนชายหญิงก็อยู่ในขั้นวิกฤต บุรุษเริ่มลดน้อยลง อีกทั้งชาวหูทางตอนเหนือ ก็เริ่มร้ายกาจขึ้น ราวกับสุนัขจิ้งจอกหิวโซจ้องจะเขมือบดินแดนทางเหนือของแคว้นต้าชิ่งฉินเย่ว์เหมยมองหน้าฟางซินฮุ่ย “ฟางซ
“ใต้เท้าเสิ่น อาวุธสงครามของแคว้นหลู่คุณภาพดี แต่แคว้นหลู่ไม่ได้ขายอาวุธดีๆ ให้กับพวกเรา” ฟางซินฮุ่ยพูดด้วยความจนปัญญา“เรื่องนี้ข้าเป็นพยานได้ แคว้นหลู่ตั้งใจขายอาวุธที่ขึ้นสนิม ไม่อาจใช้งานได้มาให้ต้าชิ่งของเรา”เหอจื่อหลินไม่อาจทนต่อความร้ายกาจของโอวหยางน่าหลันมานานแล้ว เพียงแต่ก่อนหน้านี้ไม่มีโอกาสพูดหลังกลับมาถึงเมืองหลวง เหอจื่อหลินไปหาฟางซินฮุ่ยเพื่อเติมอาวุธเพิ่ม แต่ฟางซินฮุ่ยกลับไม่อาจนำออกมาให้เขาเมื่อร้อนใจ เหอจื่อหลินจึงไปที่คลังอาวุธด้วยตนเอง ด้วยเหตุนี้เขาจึงเห็นอาวุธที่แคว้นหลู่ส่งมา ล้วนเป็นอาวุธขึ้นสนิมเรื่องนี้เหอจื่อหลินอยากบอกเฉินฝานและฉินเย่ว์เหมยมานานแล้ว เพียงแต่ก่อนหน้านี้เฉินฝานและฉินเย่ว์เหมยง่วนอยู่กับเรื่องจำนวนบุรุษปัญหาเรื่องบุรุษนั้นร้ายแรง เหอจื่อหลินจึงเก็บเรื่องนี้เอาไว้ไม่ได้พูดออกไป“ฝ่าบาท ท่านดูสิเพคะ!”หงอิงหยิบดาบเล่มหนึ่งและลูกธนูดอกหนึ่งมาตรงหน้าฉินเย่ว์เหมยเมื่อครู่ฟางซินฮุ่ยกล่าวว่าอาวุธที่แคว้นหลู่ส่งมาไม่อาจใช้งานได้ นางก็แอบไปคลังเก็บอาวุธแล้วดาบและธนูในมือหงอิงเต็มไปด้วยสนิม ไม่อาจใช้งานได้“หงอิง เจ้าเพิ่งนำมาจากคลังเก็บ
แต่เป็นเพราะแคว้นหลู่ยกทัพโจมตีเมืองลู่ตู ไม่ส่งผลดีใดๆ ต่อเขาเมืองลู่ตูคือเมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของต้าชิ่ง ทั้งยังเป็นฐานสำคัญที่มั่นคงที่สุดของเสิ่นหมิงหยวน หากแคว้นหลู่ยึดครองเมืองลู่ตู เช่นนั้นก็เท่ากับว่าฐานของเขาถูกทำลายอีกเรื่องหนึ่ง โอวหยางน่าหลันเกลียดเสิ่นหมิงหยวนมากโอวหยางน่าหลันในฐานะผู้ครองอำนาจแท้จริงของแคว้นหลู่ เช่นเดียวกับฉินเย่ว์เหมย เกลียดขุนนางชั่วอย่างเสิ่นหมิงหยวนเป็นที่สุดหากว่า ถ้าหาก สุดท้ายแคว้นหลู่ถูกต้าชิ่งยึดครอง คนแรกที่โอวหยางน่าหลันจะจัดการก็คือเสิ่นหมิงหยวน“องค์หญิงโอวหยางเข้าใจความหมายของข้าผิดแล้ว ทำให้องค์หญิงโอวหยางเข้าใจผิด ข้าต้องขอโทษด้วย”ตอนพูดถ้อยคำนี้ ริมฝีปากของฉินเย่ว์เหมยขยับอย่างไม่เป็นตัวเองหากบุรุษแคว้นต้าชิ่งมากกว่านี้เล็กน้อย นางจะท้าชนกับโอวหยางน่าหลันแล้ว“เข้าใจผิดหรือ? ข้าว่าไม่ใช่กระมัง” จุดประสงค์ของโอวหยางน่าหลันในครั้งนี้ คือเมืองลู่ตูของแคว้นต้าชิ่ง ไม่ง่ายเลยกว่าจะหาเหตุผลประกาศสงคราม นางไม่อาจปล่อยให้โอกาสนี้หลุดมือไปง่ายๆนอกเสียจากว่า แคว้นต้าชิ่งจะเป็นฝ่ายยกเมืองลู่ตูให้นางเอง“องค์หญิง ท่านเข้าใจผิดแล้
“เรื่องเข้าใจผิดคลี่คลายลงแล้ว เช่นนั้นพวกเรามาคุยเรื่องสำคัญกันต่อเถิด!”ถึงอย่างไรในฐานะผู้ปกครองแคว้นหนึ่ง โอวหยางน่าหลันใจเย็นลงอย่างรวดเร็ว กลับมามีท่าทางหยิ่งยโสโอหังดังเดิม“ใช่ ๆ คุยเรื่องสำคัญ ๆ” เสิ่นหมิงหยวนรีบเอ่ยตามทันที “การที่องค์หญิงเสด็จมาในครานี้ หลัก ๆ ก็ด้วยเรื่องการสั่งซื้ออาวุธอันล่าช้าระหว่างสองแคว้น บัดนี้ลงมือเสียเลยดีกว่าจะมัวรอเลือกวันดี แคว้นเราจะสั่งซื้อในตอนนี้เลย”“จากอาวุธหนึ่งแสนห้าหมื่นชิ้นแต่เดิม เปลี่ยนเป็นสามแสนชิ้น ของทุกชิ้นจากแคว้นหลู่ล้วนเป็นของชั้นเลิศ องค์หญิงสามารถส่งของมาได้ตามพระราชอัธยาศัย ทรงคิดเห็นอย่างไร?”ส่งของได้ตามใจ นั่นก็หมายความว่าแคว้นหลู่สามารถส่งขยะมาได้เรื่อย ๆ ทุกคนในท้องพระโรงรวมถึงฉินเย่ว์เหมยล้วนเป็นชาวต้าชิ่ง ฟังแล้วก็รู้สึกโกรธเกรี้ยวในใจไม่หยุด ทว่าก็ทำได้เพียงข่มกลั้นไว้ใครใช้ให้...ตอนนี้ชายฉกรรจ์ของต้าชิ่งร่วงโรยลงเล่า“เป็นอย่างไร?”ดวงหน้าของโอวหยางน่าหลันมีรอยยิ้ม แต่รอยยิ้มนั้นดูบิดเบี้ยวดุร้ายน่ากลัว“หากตอนที่ข้าเพิ่งมา พวกท่านเสนอมาเช่นนี้ ข้ายังคงพิจารณาดูได้บ้าง แต่ทว่าตอนนี้...”โอวหยางน่าหล
“เงื่อนไขที่เสียเอกราชและเสียเกียรติของแคว้นเช่นนี้ ต้าชิ่งของเราไม่อาจยอมรับได้เป็นอันขาด!”เสิ่นหมิงหยวนพลันแข็งกร้าวขึ้นมาเช่นกัน ตะโกนคำขวัญดังสนั่น“หากยอมรับ แล้วพวกเราจะสู้หน้าบรรพกษัตริย์ต้าชิ่งได้อย่างไร? จะสู้หน้าประชาชนชาวต้าฉิงมากมายของเราได้อย่างไร?”“ออกรบ! รบกับแคว้นหลู่จนตายไปข้างหนึ่ง!”เมื่อสถานการณ์ดำเนินมาถึงจุดนี้ เสิ่นหมิงหยวนพลันดีอกดีใจอย่างยิ่งให้กองทัพลาดตระเวนไปสู้กับกองทัพสามแสนนายของแคว้นหลู่จนแตกพ่ายกันไปข้างหนึ่ง นั่นช่างเป็นเรื่องดีเหลือเกินจริง ๆ หากกองทัพลาดตระเวนต่อสู้จนถูกทำลายหมดแล้ว เช่นนั้นเขาก็ไม่จำเป็นต้องหวั่นเกรงเฉินฝานแล้ว“ออกรบ! สู้กับแคว้นหลู่จนตายไปข้างหนึ่ง!”“ออกรบ! สู้กับแคว้นหลู่จนตายไปข้างหนึ่ง!”พรรคพวกของเสิ่นหมิงหยวนตะโกนตามขึ้นมาเช่นกัน“ไสหัวกลับแคว้นหลู่ของท่านเสีย ต้าชิ่งของเราไม่ต้อนรับท่าน!”เหล่าขุนนางต้าชิ่งที่กำลังโกรธเกรี้ยวเริ่มขับไล่โอวหยางน่าหลันออกไป“ฮึ! ต้าชิ่งปฏิบัติกับแขกเช่นนี้หรือ? ดีมาก!” โอวหยางน่าหลันเอ่ยอย่างแข็งกระด้างทันที “เช่นนั้นก็...”“องค์หญิงทรงตรัสถูกต้องแล้ว ทรงตรัสได้ถูกต้อง!” เฉิน
“เงื่อนไขที่เสียเอกราชและเสียเกียรติของแคว้นเช่นนี้ ต้าชิ่งของเราไม่อาจยอมรับได้เป็นอันขาด!”เสิ่นหมิงหยวนพลันแข็งกร้าวขึ้นมาเช่นกัน ตะโกนคำขวัญดังสนั่น“หากยอมรับ แล้วพวกเราจะสู้หน้าบรรพกษัตริย์ต้าชิ่งได้อย่างไร? จะสู้หน้าประชาชนชาวต้าฉิงมากมายของเราได้อย่างไร?”“ออกรบ! รบกับแคว้นหลู่จนตายไปข้างหนึ่ง!”เมื่อสถานการณ์ดำเนินมาถึงจุดนี้ เสิ่นหมิงหยวนพลันดีอกดีใจอย่างยิ่งให้กองทัพลาดตระเวนไปสู้กับกองทัพสามแสนนายของแคว้นหลู่จนแตกพ่ายกันไปข้างหนึ่ง นั่นช่างเป็นเรื่องดีเหลือเกินจริง ๆ หากกองทัพลาดตระเวนต่อสู้จนถูกทำลายหมดแล้ว เช่นนั้นเขาก็ไม่จำเป็นต้องหวั่นเกรงเฉินฝานแล้ว“ออกรบ! สู้กับแคว้นหลู่จนตายไปข้างหนึ่ง!”“ออกรบ! สู้กับแคว้นหลู่จนตายไปข้างหนึ่ง!”พรรคพวกของเสิ่นหมิงหยวนตะโกนตามขึ้นมาเช่นกัน“ไสหัวกลับแคว้นหลู่ของท่านเสีย ต้าชิ่งของเราไม่ต้อนรับท่าน!”เหล่าขุนนางต้าชิ่งที่กำลังโกรธเกรี้ยวเริ่มขับไล่โอวหยางน่าหลันออกไป“ฮึ! ต้าชิ่งปฏิบัติกับแขกเช่นนี้หรือ? ดีมาก!” โอวหยางน่าหลันเอ่ยอย่างแข็งกระด้างทันที “เช่นนั้นก็...”“องค์หญิงทรงตรัสถูกต้องแล้ว ทรงตรัสได้ถูกต้อง!” เฉิน
“เรื่องเข้าใจผิดคลี่คลายลงแล้ว เช่นนั้นพวกเรามาคุยเรื่องสำคัญกันต่อเถิด!”ถึงอย่างไรในฐานะผู้ปกครองแคว้นหนึ่ง โอวหยางน่าหลันใจเย็นลงอย่างรวดเร็ว กลับมามีท่าทางหยิ่งยโสโอหังดังเดิม“ใช่ ๆ คุยเรื่องสำคัญ ๆ” เสิ่นหมิงหยวนรีบเอ่ยตามทันที “การที่องค์หญิงเสด็จมาในครานี้ หลัก ๆ ก็ด้วยเรื่องการสั่งซื้ออาวุธอันล่าช้าระหว่างสองแคว้น บัดนี้ลงมือเสียเลยดีกว่าจะมัวรอเลือกวันดี แคว้นเราจะสั่งซื้อในตอนนี้เลย”“จากอาวุธหนึ่งแสนห้าหมื่นชิ้นแต่เดิม เปลี่ยนเป็นสามแสนชิ้น ของทุกชิ้นจากแคว้นหลู่ล้วนเป็นของชั้นเลิศ องค์หญิงสามารถส่งของมาได้ตามพระราชอัธยาศัย ทรงคิดเห็นอย่างไร?”ส่งของได้ตามใจ นั่นก็หมายความว่าแคว้นหลู่สามารถส่งขยะมาได้เรื่อย ๆ ทุกคนในท้องพระโรงรวมถึงฉินเย่ว์เหมยล้วนเป็นชาวต้าชิ่ง ฟังแล้วก็รู้สึกโกรธเกรี้ยวในใจไม่หยุด ทว่าก็ทำได้เพียงข่มกลั้นไว้ใครใช้ให้...ตอนนี้ชายฉกรรจ์ของต้าชิ่งร่วงโรยลงเล่า“เป็นอย่างไร?”ดวงหน้าของโอวหยางน่าหลันมีรอยยิ้ม แต่รอยยิ้มนั้นดูบิดเบี้ยวดุร้ายน่ากลัว“หากตอนที่ข้าเพิ่งมา พวกท่านเสนอมาเช่นนี้ ข้ายังคงพิจารณาดูได้บ้าง แต่ทว่าตอนนี้...”โอวหยางน่าหล
แต่เป็นเพราะแคว้นหลู่ยกทัพโจมตีเมืองลู่ตู ไม่ส่งผลดีใดๆ ต่อเขาเมืองลู่ตูคือเมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของต้าชิ่ง ทั้งยังเป็นฐานสำคัญที่มั่นคงที่สุดของเสิ่นหมิงหยวน หากแคว้นหลู่ยึดครองเมืองลู่ตู เช่นนั้นก็เท่ากับว่าฐานของเขาถูกทำลายอีกเรื่องหนึ่ง โอวหยางน่าหลันเกลียดเสิ่นหมิงหยวนมากโอวหยางน่าหลันในฐานะผู้ครองอำนาจแท้จริงของแคว้นหลู่ เช่นเดียวกับฉินเย่ว์เหมย เกลียดขุนนางชั่วอย่างเสิ่นหมิงหยวนเป็นที่สุดหากว่า ถ้าหาก สุดท้ายแคว้นหลู่ถูกต้าชิ่งยึดครอง คนแรกที่โอวหยางน่าหลันจะจัดการก็คือเสิ่นหมิงหยวน“องค์หญิงโอวหยางเข้าใจความหมายของข้าผิดแล้ว ทำให้องค์หญิงโอวหยางเข้าใจผิด ข้าต้องขอโทษด้วย”ตอนพูดถ้อยคำนี้ ริมฝีปากของฉินเย่ว์เหมยขยับอย่างไม่เป็นตัวเองหากบุรุษแคว้นต้าชิ่งมากกว่านี้เล็กน้อย นางจะท้าชนกับโอวหยางน่าหลันแล้ว“เข้าใจผิดหรือ? ข้าว่าไม่ใช่กระมัง” จุดประสงค์ของโอวหยางน่าหลันในครั้งนี้ คือเมืองลู่ตูของแคว้นต้าชิ่ง ไม่ง่ายเลยกว่าจะหาเหตุผลประกาศสงคราม นางไม่อาจปล่อยให้โอกาสนี้หลุดมือไปง่ายๆนอกเสียจากว่า แคว้นต้าชิ่งจะเป็นฝ่ายยกเมืองลู่ตูให้นางเอง“องค์หญิง ท่านเข้าใจผิดแล้
“ใต้เท้าเสิ่น อาวุธสงครามของแคว้นหลู่คุณภาพดี แต่แคว้นหลู่ไม่ได้ขายอาวุธดีๆ ให้กับพวกเรา” ฟางซินฮุ่ยพูดด้วยความจนปัญญา“เรื่องนี้ข้าเป็นพยานได้ แคว้นหลู่ตั้งใจขายอาวุธที่ขึ้นสนิม ไม่อาจใช้งานได้มาให้ต้าชิ่งของเรา”เหอจื่อหลินไม่อาจทนต่อความร้ายกาจของโอวหยางน่าหลันมานานแล้ว เพียงแต่ก่อนหน้านี้ไม่มีโอกาสพูดหลังกลับมาถึงเมืองหลวง เหอจื่อหลินไปหาฟางซินฮุ่ยเพื่อเติมอาวุธเพิ่ม แต่ฟางซินฮุ่ยกลับไม่อาจนำออกมาให้เขาเมื่อร้อนใจ เหอจื่อหลินจึงไปที่คลังอาวุธด้วยตนเอง ด้วยเหตุนี้เขาจึงเห็นอาวุธที่แคว้นหลู่ส่งมา ล้วนเป็นอาวุธขึ้นสนิมเรื่องนี้เหอจื่อหลินอยากบอกเฉินฝานและฉินเย่ว์เหมยมานานแล้ว เพียงแต่ก่อนหน้านี้เฉินฝานและฉินเย่ว์เหมยง่วนอยู่กับเรื่องจำนวนบุรุษปัญหาเรื่องบุรุษนั้นร้ายแรง เหอจื่อหลินจึงเก็บเรื่องนี้เอาไว้ไม่ได้พูดออกไป“ฝ่าบาท ท่านดูสิเพคะ!”หงอิงหยิบดาบเล่มหนึ่งและลูกธนูดอกหนึ่งมาตรงหน้าฉินเย่ว์เหมยเมื่อครู่ฟางซินฮุ่ยกล่าวว่าอาวุธที่แคว้นหลู่ส่งมาไม่อาจใช้งานได้ นางก็แอบไปคลังเก็บอาวุธแล้วดาบและธนูในมือหงอิงเต็มไปด้วยสนิม ไม่อาจใช้งานได้“หงอิง เจ้าเพิ่งนำมาจากคลังเก็บ
“แค่ขุนนางคนหนึ่งเท่านั้น ท่านไม่อาจยกให้ได้ ดูเหมือนว่า...” โอวหยางน่าหลันทำสีหน้าเข้าใจ“ว่ากันว่า จักรพรรดิต้าชิ่งชื่นชอบพรรณไม้เดียวกัน เวลานี้ดูแล้ว คล้ายข่าวลือนี้จะเป็นความจริง เฮ้อ!”โอวหยางน่าหลันถอนหายใจ ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย “ของเล่นที่ผู้อื่นเล่นแล้ว ข้าเองก็ไม่อยากเล่น จักรพรรดิต้าชิ่ง เมื่อครู่ท่านบอกว่าหากข้ามีธุระก็ให้เข้าประเด็น ใช่หรือไม่?”พูดถึงตอนท้าย สีหน้าของโอวหยางน่าหลันเย็นชา“จักรพรรดิต้าชิ่ง สัญญาสั่งซื้ออาวุธของแคว้นต้าชิ่งของพวกท่านในปีนี้เล่า?”เมื่อครั้นจักรพรรดิองค์ก่อนของต้าชิ่งประชวรหนัก แคว้นหลู่อาศัยจังหวะช่วงที่ต้าชิ่งชุลมุนวุ่นวาย ส่งทูตมายังต้าชิ่ง บังคับให้ต้าชิ่งสั่งอาวุธอย่างน้อยปีละสิบล้านตำลึงเงินในเวลานั้นจักรพรรดิต้าชิ่งทำได้เพียงตอบตกลง เพราะหากไม่ตกลง แคว้นหลู่จะนำทัพเข้าโจมตีตอนนั้น แคว้นต้าชิ่งไม่เพียงได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ จำนวนชายหญิงก็อยู่ในขั้นวิกฤต บุรุษเริ่มลดน้อยลง อีกทั้งชาวหูทางตอนเหนือ ก็เริ่มร้ายกาจขึ้น ราวกับสุนัขจิ้งจอกหิวโซจ้องจะเขมือบดินแดนทางเหนือของแคว้นต้าชิ่งฉินเย่ว์เหมยมองหน้าฟางซินฮุ่ย “ฟางซ
“เป็นถึงจักรพรรดิ แต่กลับพูดพร่ามร่ายยาว ไม่แปลกที่ตอนนี้ต้าชิ่งตกอยู่ในสภาพเช่นนี้!”โอวหยางน่าหลันยิ่งพูดก็ยิ่งเหิมเกริม การกระทำของนางไม่ได้เป็นการหยามเกียรติฉินเย่ว์เหมยแล้ว แต่เป็นการดูแคลนจักรพรรดิต้าชิ่งณ ท้องพระโรงต้าชิ่ง ต่อหน้าขุนนางฝ่ายบุ๋นและฝ่ายบู๊ โอวหยางน่าหลันที่เป็นเพียงองค์หญิงจากแคว้นอื่น ดูหมิ่นจักรพรรดิต้าชิ่งโอวหยางน่าหลันไม่กลัว ในทางตรงกันข้ามนางลำพองใจยิ่งนัก นางมั่นใจว่า แม้นางจะด่าทอด้วยวาจาหยาบคายกว่านี้ พวกขุนนางต้าชิ่งก็ทำได้เพียงโมโหแต่ไม่กล้าพูดสิ่งใดเป็นจริงตามคาด...โอวหยางน่าหลันกวาดสายตาไปยังรอบๆ ท้องพระโรง จากนั้นถอนสายตากลับด้วยความพอใจในท้องพระโรง หลายต่อหลายคนเคืองขุ่น โดยเฉพาะขุนนางฝ่ายบุ๊น แต่พวกเขาก็ทำได้เพียงเงียบแม้แคว้นหลู่จะมีขนาดเล็ก แต่กลับเป็นแคว้นที่ไม่ขาดแคลนบุรุษที่สุด แคว้นหนึ่งในแผ่นดินใหญ่ อีกทั้งแคว้นหลู่เต็มไปด้วยเหมืองเหล็ก การตีเหล็กของแคว้นหลู่ล้ำเลิศ อาวุธสงครามเป็นหนึ่งหลังจากบุรุษแคว้นต้าชิ่งลดน้อยลง แคว้นหลู่ก็จ้องจะเขมิบพื้นที่ของแคว้นต้าชิ่ง หลายปีมานี้พวกเขาบีบต้อนต้าชิ่งทุกทาง ตั้งแต่จักรพรรดิ จวบจนถึงสา
การกระทำของนายกองเกณฑ์ทหารคนนี้น่าโมโหยิ่งนัก แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นครึ่งปีที่ผ่านมานี้ ฟางซินฮุ่ยสั่งปลดนายกองเกณฑ์ทหารหลายต่อหลายคน โดยเหตุผลในการสั่งปลดแทบจะเหมือนกันทุกคน ซึ่งก็คือจำนวนทหารเกณฑ์ไม่ถึงเป้าเปลี่ยนทหารกลุ่มใหม่มาทำงาน ทว่าปัญหาที่พบเจอยังคงเหมือนเดิมความเป็นจริงฟางซินฮุ่ยรู้ว่านี่ไม่ใช่ปัญหาของนายกองเกณฑ์ทหาร เขาทำเช่นนี้ ก็เพราะจนปัญญาจริงๆหากไม่ปลดพวกเขา ยามราชสำนักกล่าวโทษ พวกเขาไม่เพียงจะเสียงาน แต่ยังต้องถูกลงโทษอีก“เฮ้อ!”เสิ่นหมิงหยวนถอนหายใจ “แม้จะลงโทษนายกองเกณฑ์ทหารคนนี้ ทว่าอนาคตย่อมมีนายกองเกณฑ์ทหารเช่นนี้อีกหลายคนต้องโดนลงโทษ ท้ายที่สุดแล้ว เป็นเพราะแคว้นของเราประสบปัญหาขาดแคลนผู้ชาย”“ฝ่าบาท!” เสิ่นหยวนเลี่ยงคุกเข่าอย่างกะทันหัน “ก่อนหน้านี้กระหม่อมทำหน้าที่ได้ไม่ดี ไม่ดูแลผู้ใต้บัญชาการให้ดี นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป กระหม่อมจะดูแลท้องพระคลังด้วยตนเอง ใช้เงินครึ่งหนึ่งของท้องพระคลัง แก้ปัญหาขาดแคลนบุรุษ”“เรื่องเงินไม่มีปัญหาแล้ว เรื่องต่อไปคือ...” หลิวเกาจัวชำเลืองมองซื่อหลางกรมขุนนางเหลยชางเจียน “เรื่องของกรมขุนนาง”เสิ่นหมิงหยวน “เหลยซื
“ปัจจุบันการเกณฑ์ทหารเป็นเรื่องยาก ทุกเมืองและทุกอำเภอ บวกกับกองทัพหมาป่า ตอนนี้มีกำลังพลไม่ถึงห้าแสนนาย กองทัพหมาป่าทำสงครามกับชาวหูทางตอนเหนือมานาน เวลานี้สูญเสียกำลังทหารไปกว่าห้าหมื่นนายแล้ว ต้องการกำลังเพิ่มอย่างเร่งด่วน เกณฑ์ในการเกณฑ์ทหารก็เปลี่ยนจากอายุสิบเจ็ดถึงสามสิบปี เป็นอายุสิบห้าถึงสามสิบห้าปี แต่ว่า...”น้ำเสียงของฟางซินฮุ่ยหนักแน่น “ไม่มีทางจากสิบสองถึงห้าสิบปีแน่นอน”“ฟางซินฮุ่ย เจ้า...พูดเช่นนี้ไม่กลัวฟ้าผ่าหรือ?” หญิงวัยกลางคนพยายามตะเกียกตะกายลุกขึ้น ชี้หน้าฟางซินฮุ่ยพร้อมกับด่าทอ“ประกาศการเกณฑ์ทหาร ข้าต้องการบุคคลที่อายุไม่เกินเกณฑ์” ฟางซินฮุ่ยพูดไม่เก่ง ใบหน้าของเขาแดงเล็กน้อย”“ข้าเชื่อท่านเลขาธิการ!” จู่ๆ เสิ่นหมิงหยวนก็พูดเข้าข้างฟางซินฮุ่ย “ทว่าเวลานี้แคว้นของเราภายในไม่สงบและยังถูกภายนอกรุกราน กรมกลาโหมงานค่อนข้างหนัก หรือว่านายกองเกณฑ์ทหารภายใต้การดูแลของกรมกลาโหมกระทำการนี้ เพื่อปฏิบัติกิจให้สำเร็จตามที่ได้รับมอบหมาย?”“พี่สาวท่านนี้” เสิ่นหมิงหยวนเดินไปตรงหน้าหญิงวัยกลางคน โน้มตัวลงแล้วพูดอย่างอ่อนโยน “บ้านของท่านอยู่ที่ใด?”หญิงวัยกลางคนเพิ่งบอกว่า
สตรีวัยกลางคนสะอึกสะอื้น นัยน์ตาของนางเปี่ยมล้นไปด้วยความเคียดแค้น“ลูกชายของข้า รอขุนนางชั่วถูกประหาร แก้แค้นให้ลูกสำเร็จ แม่จะตามลูกและพ่อของลูกไปนะ!”“อั๊ยย๊า!” หลิวเกาจัวกระเด้งตัวออกมาพูด “คนหนึ่งอายุห้าสิบ? อีกคนอายุสิบสอง? คนหนึ่งแก่ชราไร้เรี่ยวแรง อีกคนยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม กลับถูกบังคับไปเป็นทหาร นี่เป็นการฆ่ากันชัดๆ ไม่ใช่หรือ? ใต้เท้าฟาง ใต้เท้าฟาง ท่านกระทำเกินไปแล้ว”“เกินไปจริงๆ”ภายในท้องพระโรง ขุนนางจำนวนไม่น้อยเห็นด้วยกับคำพูดของหลิวเกาจัว“ปัจจุบันแคว้นของเราบุรุษน้อย การเกณฑ์ทหารเป็นเรื่องยากลำบาก ทว่าบังคับให้คนแก่วัยห้าสิบและเด็กวัยสิบสองไปเป็นทหารเช่นนี้เกินไปเล็กน้อย”“ฝ่าบาท ท่านคือจักรพรรดิแคว้นต้าชิ่ง รักปวงประชาดั่งลูก ฝ่าบาทโปรดทวงคืนความยุติธรรมให้หม่อมฉันด้วยเพคะ”“พู่...”หญิงวัยกลางคนอาเจียนเป็นเลือดอีกครั้ง“ตึ้ง!”นางล้มลงบนพื้นอย่างแรง นอนหายใจรวยรินอยู่ตรงนั้น“เร็วเข้า!” ฉินเย่ว์เหมยร้องเรียกหลี่เต๋อฉวนเร็วควัน “เอาตัวนางลงไป ให้หมอหลวงดูอาการ”“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท!”หลี่เต๋อฉวนเดินนำหมอลวงสองคนวิ่งไปทางหญิงวัยกลางคน“อย่า!”หมอหลวงเพิ่งแ