“เฉินฝาน!”นี่เป็นครั้งแรกในท้องพระโรงที่มีคนมากมายเรียกชื่อเฉินฝานในเวลาเดียวกันแม้แต่ฉินเย่ว์เหมยที่สุขุมเยือกเย็นมาตลอดยังลุกขึ้นมา แล้วเดินลงมาจากบัลลังก์มังกร“เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้ากำลังพูดอะไรอยู่? วันนี้สติไม่ค่อยปลอดโปร่งใช่หรือไม่? หงอิง ท่านอัครเสนาบดีฝ่ายซ้ายสุขภาพไม่ดี รีบประคองเขาไปที่สำนักหมอหลวงประเดี๋ยวนี้!”เฉินฝานหลบหงอิง “ฝ่าบาท ตอนนี้กระหม่อมมีสติดีมาก มิได้สับสนมึนงงเลยสักนิดเดียวพ่ะย่ะค่ะ”ผลคือเขาหลบหงอิงได้ แต่หลบอ๋องตวนไม่ได้อ๋องตวนเข้ามาคว้าแขนเฉินฝานแล้วพาออกไป “โอ๊ย ลูกเขยแสนดีของข้า เมื่อวานเจ้าทายตัวเลขนั้นได้ยอดเยี่ยมมาก แต่ข้าไม่ยอมรับ ตอนนี้เรากลับไปทายกันต่อนะ!”“อ๋องตวน... ท่านพ่อตาแสนดีของข้า...”หวังตวนมีพละกำลังเหนือมนุษย์แต่กำเนิด ต่อให้เฉินฝานมีฝีมือในระดับหนึ่งก็ไม่อาจสลัดหลุดออกจากการจับกุมของอ๋องตวนได้โอวหยางน่าหลันยิ้มที่มุมปากน่าสนุกดีให้ต้าชิ่งซื้อเศษเหล็กจำนวนมากของแคว้นหลู่ ยังคุ้มกว่าการเข้ายึดเมืองลู่ตูโดยตรงเสียอีกการค้าที่คุ้มค่าถึงเพียงนี้ นางโอวหยางน่าหลันจะพลาดได้อย่างไร“เข้ามา!”โอวหยางน่าหลันโบกมือ ชายร่างใหญ
”อืม!” โอวหยางน่าหลันพยักหน้า “ความจำของท่านอัครเสนาบดีฝ่ายซ้ายช่างน่าทึ่งยิ่งนัก ยังเคยท่องตำราจนทำให้บัณฑิตใหญ่คนหนึ่งกระอักเลือดมาแล้ว”“เฮ้อ!” เฉินฝานโบกมือ “นั่นมันตอนที่ยังเยาว์วัยบ้าดีเดือด ไม่รู้จักเคารพครูบาอาจารย์ อย่าพูดถึงเลยพ่ะย่ะค่ะ องค์หญิง เรามาคุยเรื่องสำคัญต่อเถิด!”เฉินฝานชูสองนิ้วออกมา“ท่าน...” โอวหยางน่าหลันจ้องมองนิ้วมือของเฉินฝาน สีหน้าดูระแวดระวัง “หมายความว่าอย่างไร? หากจะลดลงไปสองครั้งละก็ ท่านอย่าพูดเลย”“หนึ่งล้านชิ้นต่อครั้ง ปีละสามครั้ง อย่างน้อยติดต่อกันสามปี เป็นเงื่อนไขต่ำที่สุดแล้ว”“องค์หญิง ท่านอย่าเพิ่งใจร้อน ความหมายของข้าคือเพิ่มอีกสองล้านชิ้น ก็คือสามล้านชิ้นต่อครั้ง และสั่งเดือนละครั้ง”“...”“!!!”ภายในท้องพระโรง ไม่เพียงแต่ขุนนางต้าชิ่งที่ไม่เข้าใจคำพูดของเฉินฝาน แม้แต่โอวหยางน่าหลันที่อยู่ตรงหน้าเฉินฝานก็ไม่เข้าใจเหมือนกันนางจ้องมองเฉินฝานด้วยแววตาสงสัยเฉินฝานตรงหน้านี้คือเฉินฝานที่ใช้เป็ดควบคุมตั๊กแตน ใช้เป็ดย่างทำให้อำเภอที่ยากจนที่สุดของต้าชิ่งกลายเป็นอำเภอที่ร่ำรวยที่สุด สร้างอาวุธลึกลับ และเอาชนะกองทัพเมืองเตียนตูหนึ่งแสนสาม
ชายผู้นี้ ช่างประหลาดมากจริง ๆเงื่อนไขที่เขาเสนอมายิ่งเกินจะคาดเดาโอวหยางน่าหลันที่ดำเนินการอย่างรวดเร็วเด็ดขาดและไม่เคยพ่ายแพ้มาตลอด กลับไม่อาจตัดสินใจได้อยู่ชั่วขณะ “ท่าน... จะซื้ออาวุธหกล้านชิ้นจากแคว้นหลู่ของข้าภายในสามเดือนจริง ๆ หรือ?” โอวหยางน่าหลันยังคงไม่อยากจะเชื่อเฉินฝานก้าวเดินอย่างมั่นคง ยืดตัวตรง พุ่งไปหาโอวหยางน่าหลันอย่างน่าเกรงขามและเด็ดเดี่ยวแน่วแน่แววตาของเขาราวกับคบไฟ เสียงดังก้องกังวาล “สุภาพบุรุษเมื่อเอ่ยวาจา สี่ม้ายากจะตามกลับคืน!”โอวหยางหน่าหลันถอยหลังไปหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัวทั้ง ๆ ที่บุรุษผู้นี้หน้าตาดูสะอาดสะอ้าน แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะมีความน่าเกรงขามมากถึงเพียงนี้ริมฝีปากแดงร้อนรุ่ม ก่อนจะขยับเล็กน้อย “เช่นนั้น...”“องค์หญิง!” มีคนในคณะทูตเตือนโอวหยางน่าหลันเสียงดัง “พระองค์อย่าทรงโดนเขาหลอกลวงนะพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมคิดว่าเขาแค่อยากถ่วงเวลาเท่านั้น”“ไม่ใช่!” อีกคนในคณะทูตส่งเสียงกล่าว คนผู้นั้นมีผมหยิก สวมสร้อยทองคำเส้นใหญ่บนคอแค่เห็นแวบแรกก็รู้ว่าเป็นพ่อค้าชายผมหยิกเดินเข้ามาหา ก่อนจะมองเฉินฝานอย่างพิจารณารอบหนึ่งแล้วกล่าวกับโอวหยางน่าหลันว่
“จริงๆ แล้วเรื่องรบราฆ่าฟัน ข้าก็ไม่ค่อยชอบเช่นกัน พวกเขาบอกว่าท่านนับเลขไม่เป็นสินะ”โอวหยางน่าหลันจ้องเฉินฝาน ก่อนจะพูดไปเรื่อยด้วยรอยยิ้ม “ข้าเองก็หาใช่คนไร้เหตุผล จะให้โอกาสท่านสักครั้ง”โอวหยางน่าหลันพูดพลางหันหน้าไปหาพ่อค้าผมหยิกผู้นั้น “เมื่อครู่เจ้าบอกว่า ท่านอัครเสนาบดีนับเลขไม่เป็นไม่ใช่หรือ? เช่นนั้นเจ้าคงกล้าประลองกับท่านอัครเสนาบดีสักรอบสินะ”“องค์หญิง!” ชายผมหยิกตบหน้าอก “ขอเพียงท่านอัครเสนาบดีผู้นี้กล้าประลองกับกระหม่อม กระหม่อมก็ประลองเป็นเพื่อนได้ทันทีพ่ะย่ะค่ะ!”“เช่นนั้น...” โอวหยางน่าหลันหันมายิ้มพลางถามเฉินฝาน “ท่านกล้าหรือไม่?”ในใจโอวหยางน่าหลันอยากให้เฉินฝานประลองกับชายผมหยิกอย่างยิ่งยวดหากเฉินฝานไม่สามารถนับได้แม้กระทั่งตัวเลข เช่นนั้นนางก็ไม่มีแรงจูงใจให้ชิงตัวแล้วเล่นในต้าชิ่งได้ แต่ไม่มีความจำเป็นต้องชิงตัวกลับไปที่แคว้นหลู่แล้วเฉินฝานยิ้มแย้มเช่นกัน “เจรจาการค้าขายนั้น มักต้องมีอุปสรรคสักเล็กน้อยเพื่อเรียกน้ำย่อย ลดความน่าเบื่อของการเจรจาการค้า เพียงแต่ไม่ทราบว่า... องค์หญิงจะให้พวกเราประลองกันอย่างไรเล่า?”โอวหยางน่าหลัน “ก็ประลองโจทย์ไก่กระต่า
เรื่องที่ชายผมหยิกโด่งดังที่สุดคงหนีไม่พ้นที่เขาเคยใช้เวลาเพียงหนึ่งก้านธูปนับแกะวงใหญ่ แกะพวกนั้นมีมากถึงสามพันกว่าตัว พวกเสิ่นหมิงหยวนยืนชมความครึกครื้นอยู่ทางด้านข้างพวกเขาชอบเห็นเฉินฝานอับอายขายหน้า“รู้แล้ว ๆ จะไว้หน้าแน่นอน” ชายผมหยิกเอ่ยพลางหัวเราะลั่น จะต้องทำให้อัครเสนาบดีผู้นี้อับอายขายหน้าอย่างถึงที่สุดชายผมหยิกกับเฉินฝานยืนอยู่เบื้องหน้ากรงใหญ่ ภายในกรงมองเห็นเพียงหัวและขาของไก่กับกระต่ายเท่านั้นชายผมหยิกกระดกนิ้วมือทั้งสิบไปมา พูดพึมพำในปาก ส่วนเฉินฟานก็ชี้นิ้วไปยังไก่และกระต่ายในกรงเช่นกัน แต่ว่าการเคลื่อนไหวของเขาช้ากว่าชายผมหยิกมากฉินเย่ว์เหมยไม่กล้าดูแล้ว ปากของอ๋องตวนก็พึมพำตลอด ถึงแม้ลูกเขยของข้าจะไม่ค่อยเก่งเรื่องการคำนวณ แต่เขาเดาตัวเลขเก่ง เดาเลขเก่งก็เป็นลูกเขยที่ดีของเขาแล้ว“ผ่านไปครึ่งถ้วยชา”เสียงแหลมของหลี่เต๋อฉวนดังขึ้นความจริงแล้วเวลาหนึ่งถ้วยชาก็คือประมาณสองนาที ตอนนี้เวลาผ่านไปหนึ่งนาทีแล้วเฉินฝานมองไปทางชายผมหยิกที่อยู่ด้านข้างอย่างเบื่อหน่ายเล็กน้อย อีกฝ่ายยังคงกระดกนิ้วมืออย่างว่องไว ริมฝีปากขยับรวดเร็ว“พวกท่านดูเขาสิ ไม่ค
“ข้าไม่ยอม ชาวต้าชิ่งอย่างพวกท่านจะต้องโกงเป็นแน่ ต้องมีคนบอกคำตอบให้เฉินฝานล่วงหน้าอย่างแน่นอน”ชายผมหยิกส่งเสียงดังหากให้เขาขอโทษเฉินฟาน เช่นนั้นชื่อเสียงของเทพคำนวณอันดับหนึ่งในใต้หล้าของเขาจะไม่หายไปเหรอ?เขาอาศัยชื่อเสียงนี้ทำให้กิจการใหญ่โตขึ้นมานะ“พอได้แล้ว!” โอวหยางน่าหลันตวาดด้วยความโมโห “เจ้าแพ้ก็คือแพ้ คุกเข่าขอโทษท่านอัครเสนาบดีเสีย!”ในฐานะที่เป็นผู้กุมอำนาจที่แท้จริงของแคว้นหลู่ โอวหยางน่าหลันพบเจอคนนับไม่ถ้วน และจัดการเรื่องราวมานับไม่ถ้วนนางรู้ว่าเฉินฝานไม่ได้โกงเฉินฝานชนะแล้ว ในใจของโอวหยางน่าหลัน ความจริงแล้ว...ดีใจมากเลยเนื่องจากเฉินฝานชนะแล้ว พิสูจน์ว่าเขาเป็นคนที่เข้าใจตัวเลข เรื่องการซื้ออาวุธหกล้านชิ้นในเวลาสามเดือนก็เป็นความจริง“ไม่จำเป็นต้องขอโทษหรอกพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมอยากเสนอเงื่อนไขข้อหนึ่งกับองค์หญิงโอวหยาง” เฉินฝานกล่าวเงื่อนไขที่เขากำลังจะเสนอ มีค่ามากกว่าเข่าของชายผมหยิกมากนัก“เชิญท่านพูดมา” โอวหยางน่าหลันตอบรับอย่างตรงไปตรงมามากถึงแม้ชายผมหยิกจะเป็นพ่อค้ารายใหญ่ที่สุดของแคว้นหลู่ แต่ถ้าชื่อเสียงของชายผมหยิกเสียหาย ทำเงินได้น้อยลง แคว้
ครั้งนี้ บรรดาขุนนางต้าชิ่งในท้องพระโรงต่างเงียบกริบอย่างผิดปกติไม่มีการคัดค้านเสียงดัง ยิ่งไม่มีการดุด่าเสียงดัง ทุกคนล้วนก้มหน้า ถอนหายใจด้วยความโศกเศร้าฝ่าบาททรงปล่อยให้เฉินฝานทำตามอำเภอใจ เสิ่นหมิงหยวนก็คอยชมเรื่องสนุกอยู่ด้านข้าง พวกเขาโกรธไปคัดค้านไปจะมีประโยชน์อันใดขุนนางอาวุโสบางคนถึงกับแอบเช็ดน้ำตารากฐานสองร้อยกว่าปีของต้าชิ่งเกรงว่าจะจบสิ้นแล้วโอวหยางน่าหลันแค่นเสียงเบา ๆ “การซื้อขายไม่ใช่แค่ลมปากก็ได้นะ”“องค์หญิงตรัสถูกต้อง การทำการค้าไม่ใช่เรื่องแค่ลมปากก็ได้ ต้องให้ความสำคัญกับความจริงใจด้วย” เฉินฝานหันไปพูดกับเสิ่นหยวนเลี่ยงว่า “เสิ่นหยวนเลี่ยง!”“เจ้าเรียกข้าว่าอะไรนะ?” เสิ่นหยวนเลี่ยงทำหน้าบูดบึ้งมาก เฉินฝานเรียกชื่อเขาตรง ๆ แถมยังต่อหน้าขุนนางนับร้อยด้วยเสิ่นหยวนเลี่ยงยังคงไม่ชินกับการเปลี่ยนสถานะของเฉินฝาน ยังคงมองว่าเฉินฝานเป็นเพียงคนบ้านนอกคนหนึ่ง“เสิ่นหยวนเลี่ยงไง? มีอะไร?” เฉินฝานหัวเราะหยันเบา ๆ “เจ้าเปลี่ยนชื่อแล้วหรือ?” “ข้าเปลี่ยนชื่อที่ไหนกัน? แต่เป็นเจ้าต่างหากที่...”“บังอาจ!”“เพียะ!”ตบหน้าเสิ่นหยวนเลี่ยงไปหนึ่งฉาด“หา!”คนทั้งท้อง
โอวหยางน่าหลันเลิกผมของตัวเอง บิดสะโพกเดินเข้ามาอย่างอ่อนช้อย ร่างอวบอิ่มของเธอแทบจะแนบชิดกับร่างของเฉินฝานแล้วยอดอกคู่นั้นกระเพื่อมเป็นระลอกหลังจากเฉินฝานเอาชนะชายผมหยิกมาได้ ความตั้งใจที่ชิงตัวเฉินฝานของโอวหยางน่าหลันก็ยิ่งแน่วแน่มากขึ้นมือเรียวงามของโอวหยางน่าหลันลูบผ่านหน้าอกของเฉินฝาน ก่อนจะยื่นไปหาภูเขาเงินเบื้องหน้า นางหยิบแท่งเงินขึ้นมาจ่อที่ริมฝีปากแล้วเป่าลมเบา ๆเมื่อโอวหยางน่าหลันวางเงินลงและชักมือกลับมา นางยังไม่ระวังสัมผัสโดนหน้าของเฉินฝานนางไม่ได้ขอโทษ เธอคลี่ยิ้มงดงาม“ท่านอัครเสนาบดีซ้ายตรงไปตรงมาขนาดนี้ ข้าชอบ!”“ได้!” โอวหยางน่าหลันยกมือเรียวสวยขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะเอานิ้วชี้จิ้มหน้าอกเฉินฝานเบา ๆ ริมฝีปากแดงเผยอเล็กน้อย “ภายในสามเดือน จะส่งอาวุธหกล้านชิ้น และวัวหนึ่งหมื่นห้าพันตัวให้แก่ต้าชิ่ง!”เวลานี้ ความรู้สึกของโอวหยางน่าหลันเหมือนกับเสิ่นหมิงหยวนไม่มีผิดต้องรีบทำการค้านี้โดยเร็ว สูบเงินออกจากท้องพระคลังของต้าชิ่งโดยเร็ว จากนั้นเฉินฝานก็จะกลายเป็นผู้ร้ายในสายตาของต้าชิ่งนางแย่งเฉินฝานมาก็ไม่ใช่เรื่องยากแล้ว“แต่...” โอวหยางน่าหลันกล่าวอีกว่า
“อะไรนะ!?”“ตอนนี้องค์หญิงเสี่ยวฉู่พาฝ่าบาทไปที่ประตูอู่แล้วขอรับ เจ้าสิ่งนั้น ปะ ปะ...”“ปืนไรเฟิล”“ใช่ ๆ ปืนไรเฟิล ปากกระบอกปืนไรเฟิลจ่อพระเศียรของฝ่าบาทอยู่เลยขอรับ!”“หา นี่เป็นเพราะอะไรกัน?”บรรดาพี่สาวน้องสาวตระกูลฉินได้ยินข่าวขึ้นมา“กราบทูลบรรดาองค์หญิง ข้อเรียกร้องขององค์หญิงเสี่ยวฉู่คืออยากให้ท่านอัครเสนาบดีกับฝ่าบาทอภิเษกสมรสกันเดี๋ยวนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ”“เหลวไหล!”เฉินฝานพุ่งตัวออกไปราวกับพายุเวลานี้บรรดาพี่น้องตระกูลฉินที่เพิ่งแสดงท่าทีรีบร้อนทำหน้าร้อนใจกลับมีสีหน้าแจ่มใส ถึงขนาดที่นั่งลงปรึกษาหารือกันฉินเย่ว์โหรว “พี่หญิงรอง ท่านมีฝีมือดี ท่านรีบไปขวางอยู่ที่หอด้านบนประตูอู่ อย่าให้นายท่านลงมา” ฉินเย่ว์เจียว “ไม่มีปัญหา พอถึงเวลานั้นข้าจะเรียกน้องหวั่นเอ๋อร์ นายท่านหนีไม่รอดแน่”ฉินเย่ว์ฉิน “เช่นนั้นข้าจะให้พี่น้องในวังเซียวเหยาก่อนหน้านี้ไปเดินเล่นแถว ๆ ประตูอู่ให้หมดเลย จะต้องครึกครื้นเป็นแน่ รับรองว่าพี่น้องทหารองครักษ์พวกนั้นจะต้องมองสาวงามอย่างไม่หวาดไม่ไหว”สามพี่น้อง “ความปรารถนาของเสี่ยวฉู่ พวกเราในฐานะพี่สาวจะต้องช่วยอย่างเต็มที่!”เมื่อมองถนนละแวกป
“ข้าไม่ได้ขัดขืนจริง ๆ” เย่ลวี่เลี่ยก้มหน้าลง ชายสูงแปดฉื่อทำสีหน้าที่เต็มไปด้วยความท้อแท้ใจ เขาอยากขัดขืนอยู่แล้ว แต่ฉินเย่ว์ฉู่ไม่ได้ให้โอกาสนั้นกับเขาเลยตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่บุกเข้ามาในกระโจมใหญ่ของเย่ลวี่เลี่ย ก็ยิงปืนกำจัดองครักษ์ของเย่ลวี่เลี่ยก่อนพูดแล้วก็น่าอับอาย เย่ลวี่เลี่ยที่เคยผ่านศึกมาอย่างโชกโชนตกใจกลัวรูเลือดตรงกลางหน้าผากขององครักษ์ เขาไม่เคยเห็นอาวุธที่รวดเร็วขนาดนี้มาก่อนเลยได้ยินแค่เสียงดังปัง หน้าผากขององครักษ์ก็มีรูเลือดใหญ่ขนาดนี้แล้ว ความเร็วที่แม้แต่เทพเซียนก็ทำไม่ได้ ความแม่นยำที่แม้แต่เทพเซียนก็ยังทำไม่ได้ในตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่ยกปืนขึ้นแล้วลั่นไกอีกครั้ง เมื่อเย่ลวี่เลี่ยได้ยินเสียง เขาก็ตกใจจนสลบไปทันที หลับไปตื่นหนึ่งถึงค่อยพบว่าฉินเย่ว์ฉินยิงใส่หมวกเล็กของเขาเท่านั้นตกใจสาวน้อยจนสลบไป ไม่ว่าสือจิ่งซานผู้นี้จะถามอย่างไร เย่ลวี่เลี่ยก็ไม่บอกเขา .....ในคืนที่เย่ลวี่เลี่ยถูกจับ ข่าวก็ไปถึงเมืองหลวงแล้ว “เครื่องอัดเสียงพลังงานแสงอาทิตย์ เครื่องเสียง...” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยอ่านคำเหล่านี้ก็ถามเฉินฝานด้วยความมึนงงว่า “จดหมายของเสี่ยวฉู่บอกว่า นางแค่อาศ
“นางไม่รู้หรือว่าพวกเราไม่อยากลงมือจริงจัง?” “พอไปถึงค่ายทหารของชาวหู ไม่ใช่แค่โดนฆ่าธรรมดาแบบนั้นหรอกนะ” ชาวหูไม่มีทางปล่อยสตรีชาวต้าชิ่งใด ๆ ที่ตกอยู่ในมือพวกเขา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสตรีชาวต้าชิ่งที่หน้าตางดงามฐานะสูงศักดิ์อย่างฉินเย่ว์ฉู่ พฤติกรรมของพวกเขาใช้คำว่าเดรัจฉานมาอธิบายยังไม่พอเลย สือจิ่งซานสะบัดแขนเสื้อ “พอได้แล้ว สตรีนางเดียวไม่มีค่าพอให้เราต้องใส่ใจหรอก นางอยากตายก็ปล่อยนางไปเถิด โจวจวี่ เจ้าส่งคนไปบอกเยลวี่เลี่ยว่าให้พวกเขาเหลือศพไว้ครบถ้วน ข้าจะซื้อศพไว้ใช้ประโยชน์” ไม่ต้องให้สือจิ่งซานรอนานเกินไป วันรุ่งขึ้นทหารลาดตระเวนก็มารายงาน “ว่าไงนะ? เยลวี่เลี่ยมาด้วยตนเอง?”“ท่านแม่ทัพใหญ่ หากพูดให้ตรงคือเยลวี่เลี่ยโดนฮูหยินเล็กของท่านอัครเสนาบดีจับกุมมาขอรับ”“เจ้าพูดอีกทีสิ?”ทหารลาดตระเวนพูดซ้ำถึงสามรอบเต็ม ๆ สือจิ่งซานก็ยังไม่เชื่อไม่ใช่แค่สือจิ่งซานที่ไม่เชื่อ ต่อให้เป็นผู้ถูกจับกุมอย่างเยลวี่เลี่ยก็ไม่เชื่อเช่นกัน เขาจะโดนสตรีนางเดียวจับกุมได้อย่างไรยิ่งไปกว่านั้นสตรีผู้นี้ยังอายุน้อย พาทหารหญิงรุ่นราวคราวเดียวกันมาแค่ร้อยกว่าคนเมื่อฉินเย่ว์ฉู่พาเยลวี่เล
สือจิ่งซานยกมุมปากยิ้มคลุมเครือ “แปรพักตร์อันใดกัน ฝ่าบาทกับท่านอัครเสนาบดีเห็นอกเห็นใจกองทัพหมาป่าเรา จึงส่งสะใภ้คนเล็กมา เช่นนั้นกองทัพหมาป่าเราย่อมต้องต้อนรับสะใภ้ท่านนี้ให้ดี ๆ”“แม่ทัพใหญ่กล่าวถูกต้อง พวกเราต้อง ‘ต้อนรับ’ ให้ดี ๆ!” โจวจวี่พูดคล้อยตามทันที ไม่นานนักก็มีคำสั่งจากในกระโจมใหญ่ ให้ทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนยุคโบราณที่จารีตเคร่งครัดอย่างยิ่ง การเปลือยท่อนบนเช่นนี้เป็นพฤติกรรมดูหมิ่นไม่ให้ความกียรติสตรีอย่างรุนแรงยิ่งกว่านั้นฉินเย่ว์ฉู่เป็นภรรยาเอกของอัครเสนาบดีขั้นหนึ่ง องค์หญิงแห่งต้าชิ่ง พระขนิษฐาแท้ๆ ของฮ่องเต้หญิงหากฉินเย่ว์ฉู่เป็นเพียงสตรีทั่วไปในยุคนี้ เกรงว่ามีแต่จะตกใจจนมือไม้อ่อนไปหมดทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนออกจากกระโจม รอดูท่าทางตกใจกลัวจนร้องไห้โฮยกใหญ่ของฉินเย่ว์ฉู่“ผู้ชายมากมายถึงเพียงนี้ข่มขู่เด็กสาวคนเดียวจะไม่เกินไปหน่อยหรือ” มีบางคนรู้สึกว่าแบบนี้ไม่ค่อยดีนัก แต่คำพูดของเขาก็โดนคนอื่นสวนกลับทันที “เกินไปอันใดเล่า เฉินฝานเป็นคนส่งมา ให้เขาหยามพวกเราได้เท่านั้น แต่ไม่ยอมให้พวกเราตอบโต้คืนหรือ? เปลือย
เย่ว์หนูได้รับบาดเจ็บในระหว่างที่ปกป้องเฉินฝานครั้งหนึ่ง ร่างกายของนางตอนนี้จึงไม่แข็งแรงเหมือนเมื่อก่อน เดิมทีเฉินฝานอยากให้หวงหวั่นเอ๋อร์ตามฉินเย่ว์ฉู่ไป มีหวงหวั่นเอ๋อร์อยู่ อย่างน้อยที่สุดก็ไม่มีปัญหาเรื่องความปลอดภัยของฉินเย่ว์ฉู่ ผลปรากฏว่าฉินเย่ว์ฉู่ปฏิเสธแม้กระทั่งหวงหวั่นเอ๋อร์ด้วยฉินเย่ว์ฉู่พาทหารหญิงไปหนึ่งร้อยกว่าคน มุ่งตรงสู่ทางเหนือ บุกไปยังกองทัพหมาป่าอย่างกล้าหาญ “เจ้าปล่อยให้นางไปเช่นนี้หรือ?” คนที่ตำหนิเฉินฝาน ไม่ใช่แค่พี่น้องตระกูลฉินทั้งสามคนในจวนสกุลเฉิน แม้แต่ฉินเย่ว์เหมยที่อยู่ในวังหลวงก็รีบออกมาเช่นกันนางคิดว่าไม่ว่าอย่างไร อย่างน้อยที่สุดเฉินฝานต้องให้ฉินเย่ว์ฉู่นำกองพลมือปืนไป“เย่ว์ฉู่เป็นน้องเล็กของพวกเจ้า น้องเล็กของพวกเจ้ามีนิสับแบบไหน พวกเจ้าไม่รู้เลยหรือไร?” คำพูดประโยคเดียวของเฉินฝานทำให้พวกนางสำลักแล้วแม้ว่าฉินเย่ว์ฉู่จะเป็นน้องเล็กสุดในตระกูลฉิน ทว่าตั้งแต่เด็กจนโต นางมีความคิดของตัวเองมากที่สุด ขอเพียงเป็นเรื่องที่นางตัดสินใจแล้ว ไม่มีใครสามารถทำให้นางเปลี่ยนใจได้“แต่ว่า...” ฉินเย่ว์โหรวที่เป็นคนกังวลใจมากที่สุด ขมวดคิ้วมุ่น ดูกลัดกล
การปรากฏตัวของนาง ทำให้ทุกคนรู้สึกปีติยินดีกันมากแต่ฉินเย่ว์เจียวกลับถลึงมองสตรีผู้นั้น “พอได้แล้ว เสี่ยวฉู่เจ้าเด็กตัวแสบ แสร้งทำตัวเป็นผู้ใหญ่อันใด ยังไม่รีบเข้ามาอีก?” ฉินเย่ว์ฉู่ขี่ม้าเข้ามา ขณะที่นางผ่านฉินเย่ว์เจียวยังไม่ลืมเถียงกลับว่า “พี่หญิงรอง ข้าอายุยี่สิบแล้ว เป็นผู้ใหญ่ตั้งนานแล้วนะ”ฉินเย่ว์เจียวเชิดหน้าขึ้นสูง “ไม่ว่าเจ้าจะอายุเท่าไหร่ ถึงอย่างไรในสายตาข้า เจ้าก็เป็นเด็กตลอดกาล” ฉินเย่ว์ฉู่ควบม้าตรงมาหาเฉินฝาน แล้วฟ้องเขาว่า “นายท่านดูสิเจ้าคะ พี่หญิงรองรังแกข้าอีกแล้ว นางรังแกข้ามาตลอด ท่านไม่จัดการนางบ้างหรือ?”เฉินฝานมองฉินเย่ว์ฉู่ที่สดใสมั่นใจในตัวเองตรงหน้า ภาพที่เขาเห็นฉินเย่ว์ฉู่ครั้งแรกเมื่อสิบปีก่อนฉายขึ้นมาในสมอง เกิดความรู้สึกราวกับว่าเวลาผ่านไปชาติหนึ่งเด็กสาวที่ขี้กลัวในวันวาน บัดนี้กลายเป็นโฉมสะคราญที่มีสง่าราศี เฉินฝานรู้สึกภาคภูมิใจเล็กน้อย“เหตุใดที่กลับมาตอนนี้ ไม่ต้องเข้าเรียนแล้วหรือ?” เฉินฝานถามตั้งแต่ฉินเย่ว์ฉู่อายุสิบห้า เฉินฝานก็ส่งนางไปเรียนที่โรงเรียนสตรีในเมืองเซียนตู“นายท่าน ข้าน้อยเรียนจบแล้วเจ้าค่ะ”“เรียนจบแล้ว?”“ข้าน้อยเ
วันนี้เป็นวันหยุดพักผ่อน ซึ่งทั้งเดือนจะมีเพียงวันเดียวเท่านั้น นี่เป็นวันที่หาได้ยาก ในฐานะที่ฉินเย่ว์โหรวเป็นภรรยาเอกที่ดูแลบ้านย่อมไม่ปล่อยให้หลุดมือไปง่าย ๆ นางได้เตรียมการไว้ล่วงหน้าหลายวันแล้วว่าวันนี้พวกเขาจะไปเที่ยวเล่นกินอาหารที่ชานเมืองกันทั้งครอบครัวนี่เป็นสิ่งที่เฉินฝานเสนอขึ้นเมื่อหลายปีก่อน หลังจากครั้งนั้น ฉินเย่ว์โหรวก็หลงใหลอยู่สุดซึ้ง ขอเพียงเฉินฝานมีวันหยุด นางจะต้องออกไปให้ได้สถานที่เที่ยวเล่นกินอาหารกันในครั้งนี้มีทิวทัศน์งดงามราวกับภาพวาดเหมือนเช่นเคยเฉินฝานนั่งอยู่บนเก้าอี้พนักพิง กินผลไม้มองบุตรชายบุตรสาวเล่นกันอย่างสนุกสนานบนทุ่งหญ้า ส่วนบรรดาภรรยาก็ยุ่งอยู่กับการเตรียมอาหารกลางวันกลิ่นอาหารที่เฉินฝานชอบลอยอยู่ในอากาศอาหารของพวกเขาทั้งหมดเป็นรูปแบบยุคปัจจุบัน เนื้อแกะย่างทั้งตัว สเต๊กซี่โครงย่าง หมูสามชั้นย่าง ปีกไก่ย่าง กระดูกอ่อนย่าง... ยังมีหม้อไฟทะเล และผลไม้แช่เย็นต่าง ๆ นานา“อืม~” เฉินฝานสูดจมูก แล้วแค่นเสียงเบา ๆ ด้วยความพึงพอใจ เขาหลับตาพักผ่อน พักผ่อนสักพักก็เริ่มกินได้แล้ว“ฮี่!”เฉินฝานเพิ่งจะนอนหลับก็ตกใจตื่นกับเสียงร้องฮี่ของม้า “
หลังจากสือจิ่งซานควบคุมกองทัพหมาป่า เขาก็เปลี่ยนตัวแม่ทัพก่อนหน้านี้ทั้งหมด ตอนนี้ทหารเหล่านี้ล้วนเชื่อฟังสือจิ่งซานเท่านั้น“ใครบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทและท่านอัครเสนาบดีที่นี่?”สือจิ่งซานตวาดอย่างเย็นชา เขาเดินแหวกแม่ทัพเหล่านั้นพร้อมกับเอ่ยวาจา หลังจากนั้นก็หันกาย สายตากวาดมองไปบนร่างแม่ทัพเหล่านั้นห“ข้าน้อยไม่บังอาจวิจารณ์ เดิมทีสิ่งที่ข้าน้อยพูดก็เป็นความจริง หากไม่มีกองทัพหมาป่าของเรา ไม่มีท่านแม่ทัพใหญ่ ต้าชิ่งจะสงบสุขเหมือนทุกวันนี้ได้อย่างไร เวลานี้กลับให้เฉินฝานผู้นั้นยึดความดีความชอบทั้งหมดไว้เพียงผู้เดียว” “ถูกต้อง พวกเรารู้สึกว่าไม่ยุติธรรมกับท่านแม่ทัพใหญ่เลย”แม้ว่าเสียงของพวกแม่ทัพจะเบาลงแล้ว แต่ความโกรธเกรี้ยวและความไม่พอใจในคำพูดกลับยิ่งรุนแรงขึ้น “เหลวไหล เดิมทีความสงบสุขของต้าชิ่งก็เป็นหน้าที่ของกองทัพหมาป่าเรา ในฐานะที่ข้าเป็นแม่ทัพใหญ่ของกองทัพหมาป่ายิ่งต้องทำเช่นเดียว ต่อไปหากมีใครกล้าบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทกับอัครเสนาบดีอีก ลงโทษโบยด้วยไม้พลองทหาร!”“ท่านแม่ทัพใหญ่...”“ทหาร!” สือจิ่งซานตัดบทคนผู้นั้น “นำตัวสวี่ต๋าออกไปโบยด้วยไม้พลองทหารห้าสิบที!” ไม่นานนัก
ตอนนี้น่าจะถือว่ารักษาสัญญาแล้วกระมังฉินเย่ว์เหมยรับประทานอาหารค่ำที่จวนสกุลเฉิน พี่น้องทั้งห้าคุยเล่นกันในห้องจนดึกดื่น หลี่เต๋อฉวนเร่งอยู่หลายครั้ง ฉินเย่ว์เหมยถึงค่อยอำลาบรรดาน้องสาวของตนด้วยความอาลัยอาวรณ์“พี่หญิงใหญ่ ท่านถอนรับสั่งได้หรือไม่?”เมื่อเห็นฉินเย่ว์เหมยกำลังจะจากไป ฉินเย่ว์ฉินก็รีบเอ่ยขึ้นมา“รับสั่งใดเล่า?” ฉินเย่ว์เหมยหันหน้ากลับมาถาม“ก็เรื่อง ก็เรื่อง...” เสียงของฉินเย่ว์ฉินแผ่วเบา หน้าแดงเล็กน้อย “เข้าหอในวันนี้”แม้ยามนี้ฉินเย่ว์ฉินไม่รังเกียจเฉินฝานแล้ว แต่นางยังไม่ได้เตรียมใจแต่งงานกับเฉินฝาน “เหตุใดต้องถอนคืนด้วย เจ้าเองก็อายุไม่น้อยแล้ว ควรจะมีทายาทให้สามีของเจ้าได้แล้ว เช้านี้ข้าตรวจดูปฏิทินโหรแล้ว วันนี้เป็นวันดี ไม่อนุญาตให้ปฏิเสธอีก”นี่ก็คือการปราบปรามโดยสายเลือด ก่อนที่ฉินเย่ว์เหมยจะมา พวกฉินเย่ว์เจียวไม่อาจเอ่ยถึงเรื่องเข้าหอได้เลย เวลานี้เมื่อฉินเย่ว์เหมยเอ่ย ฉินเย่ว์ฉินไม่อาจโต้แย้งได้แม้แต่คำเดียว “ยังจะว่าข้าอีก ท่านก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ ไม่ใช่ว่าท่านเองก็หาเหตุผลต่าง ๆ เพื่อหนีนายท่านหรือไร” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยหันกายเดินจากไป ฉินเย่ว์ฉ