“เฉินฝาน!”นี่เป็นครั้งแรกในท้องพระโรงที่มีคนมากมายเรียกชื่อเฉินฝานในเวลาเดียวกันแม้แต่ฉินเย่ว์เหมยที่สุขุมเยือกเย็นมาตลอดยังลุกขึ้นมา แล้วเดินลงมาจากบัลลังก์มังกร“เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้ากำลังพูดอะไรอยู่? วันนี้สติไม่ค่อยปลอดโปร่งใช่หรือไม่? หงอิง ท่านอัครเสนาบดีฝ่ายซ้ายสุขภาพไม่ดี รีบประคองเขาไปที่สำนักหมอหลวงประเดี๋ยวนี้!”เฉินฝานหลบหงอิง “ฝ่าบาท ตอนนี้กระหม่อมมีสติดีมาก มิได้สับสนมึนงงเลยสักนิดเดียวพ่ะย่ะค่ะ”ผลคือเขาหลบหงอิงได้ แต่หลบอ๋องตวนไม่ได้อ๋องตวนเข้ามาคว้าแขนเฉินฝานแล้วพาออกไป “โอ๊ย ลูกเขยแสนดีของข้า เมื่อวานเจ้าทายตัวเลขนั้นได้ยอดเยี่ยมมาก แต่ข้าไม่ยอมรับ ตอนนี้เรากลับไปทายกันต่อนะ!”“อ๋องตวน... ท่านพ่อตาแสนดีของข้า...”หวังตวนมีพละกำลังเหนือมนุษย์แต่กำเนิด ต่อให้เฉินฝานมีฝีมือในระดับหนึ่งก็ไม่อาจสลัดหลุดออกจากการจับกุมของอ๋องตวนได้โอวหยางน่าหลันยิ้มที่มุมปากน่าสนุกดีให้ต้าชิ่งซื้อเศษเหล็กจำนวนมากของแคว้นหลู่ ยังคุ้มกว่าการเข้ายึดเมืองลู่ตูโดยตรงเสียอีกการค้าที่คุ้มค่าถึงเพียงนี้ นางโอวหยางน่าหลันจะพลาดได้อย่างไร“เข้ามา!”โอวหยางน่าหลันโบกมือ ชายร่างใหญ
”อืม!” โอวหยางน่าหลันพยักหน้า “ความจำของท่านอัครเสนาบดีฝ่ายซ้ายช่างน่าทึ่งยิ่งนัก ยังเคยท่องตำราจนทำให้บัณฑิตใหญ่คนหนึ่งกระอักเลือดมาแล้ว”“เฮ้อ!” เฉินฝานโบกมือ “นั่นมันตอนที่ยังเยาว์วัยบ้าดีเดือด ไม่รู้จักเคารพครูบาอาจารย์ อย่าพูดถึงเลยพ่ะย่ะค่ะ องค์หญิง เรามาคุยเรื่องสำคัญต่อเถิด!”เฉินฝานชูสองนิ้วออกมา“ท่าน...” โอวหยางน่าหลันจ้องมองนิ้วมือของเฉินฝาน สีหน้าดูระแวดระวัง “หมายความว่าอย่างไร? หากจะลดลงไปสองครั้งละก็ ท่านอย่าพูดเลย”“หนึ่งล้านชิ้นต่อครั้ง ปีละสามครั้ง อย่างน้อยติดต่อกันสามปี เป็นเงื่อนไขต่ำที่สุดแล้ว”“องค์หญิง ท่านอย่าเพิ่งใจร้อน ความหมายของข้าคือเพิ่มอีกสองล้านชิ้น ก็คือสามล้านชิ้นต่อครั้ง และสั่งเดือนละครั้ง”“...”“!!!”ภายในท้องพระโรง ไม่เพียงแต่ขุนนางต้าชิ่งที่ไม่เข้าใจคำพูดของเฉินฝาน แม้แต่โอวหยางน่าหลันที่อยู่ตรงหน้าเฉินฝานก็ไม่เข้าใจเหมือนกันนางจ้องมองเฉินฝานด้วยแววตาสงสัยเฉินฝานตรงหน้านี้คือเฉินฝานที่ใช้เป็ดควบคุมตั๊กแตน ใช้เป็ดย่างทำให้อำเภอที่ยากจนที่สุดของต้าชิ่งกลายเป็นอำเภอที่ร่ำรวยที่สุด สร้างอาวุธลึกลับ และเอาชนะกองทัพเมืองเตียนตูหนึ่งแสนสาม
ชายผู้นี้ ช่างประหลาดมากจริง ๆเงื่อนไขที่เขาเสนอมายิ่งเกินจะคาดเดาโอวหยางน่าหลันที่ดำเนินการอย่างรวดเร็วเด็ดขาดและไม่เคยพ่ายแพ้มาตลอด กลับไม่อาจตัดสินใจได้อยู่ชั่วขณะ “ท่าน... จะซื้ออาวุธหกล้านชิ้นจากแคว้นหลู่ของข้าภายในสามเดือนจริง ๆ หรือ?” โอวหยางน่าหลันยังคงไม่อยากจะเชื่อเฉินฝานก้าวเดินอย่างมั่นคง ยืดตัวตรง พุ่งไปหาโอวหยางน่าหลันอย่างน่าเกรงขามและเด็ดเดี่ยวแน่วแน่แววตาของเขาราวกับคบไฟ เสียงดังก้องกังวาล “สุภาพบุรุษเมื่อเอ่ยวาจา สี่ม้ายากจะตามกลับคืน!”โอวหยางหน่าหลันถอยหลังไปหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัวทั้ง ๆ ที่บุรุษผู้นี้หน้าตาดูสะอาดสะอ้าน แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะมีความน่าเกรงขามมากถึงเพียงนี้ริมฝีปากแดงร้อนรุ่ม ก่อนจะขยับเล็กน้อย “เช่นนั้น...”“องค์หญิง!” มีคนในคณะทูตเตือนโอวหยางน่าหลันเสียงดัง “พระองค์อย่าทรงโดนเขาหลอกลวงนะพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมคิดว่าเขาแค่อยากถ่วงเวลาเท่านั้น”“ไม่ใช่!” อีกคนในคณะทูตส่งเสียงกล่าว คนผู้นั้นมีผมหยิก สวมสร้อยทองคำเส้นใหญ่บนคอแค่เห็นแวบแรกก็รู้ว่าเป็นพ่อค้าชายผมหยิกเดินเข้ามาหา ก่อนจะมองเฉินฝานอย่างพิจารณารอบหนึ่งแล้วกล่าวกับโอวหยางน่าหลันว่
“จริงๆ แล้วเรื่องรบราฆ่าฟัน ข้าก็ไม่ค่อยชอบเช่นกัน พวกเขาบอกว่าท่านนับเลขไม่เป็นสินะ”โอวหยางน่าหลันจ้องเฉินฝาน ก่อนจะพูดไปเรื่อยด้วยรอยยิ้ม “ข้าเองก็หาใช่คนไร้เหตุผล จะให้โอกาสท่านสักครั้ง”โอวหยางน่าหลันพูดพลางหันหน้าไปหาพ่อค้าผมหยิกผู้นั้น “เมื่อครู่เจ้าบอกว่า ท่านอัครเสนาบดีนับเลขไม่เป็นไม่ใช่หรือ? เช่นนั้นเจ้าคงกล้าประลองกับท่านอัครเสนาบดีสักรอบสินะ”“องค์หญิง!” ชายผมหยิกตบหน้าอก “ขอเพียงท่านอัครเสนาบดีผู้นี้กล้าประลองกับกระหม่อม กระหม่อมก็ประลองเป็นเพื่อนได้ทันทีพ่ะย่ะค่ะ!”“เช่นนั้น...” โอวหยางน่าหลันหันมายิ้มพลางถามเฉินฝาน “ท่านกล้าหรือไม่?”ในใจโอวหยางน่าหลันอยากให้เฉินฝานประลองกับชายผมหยิกอย่างยิ่งยวดหากเฉินฝานไม่สามารถนับได้แม้กระทั่งตัวเลข เช่นนั้นนางก็ไม่มีแรงจูงใจให้ชิงตัวแล้วเล่นในต้าชิ่งได้ แต่ไม่มีความจำเป็นต้องชิงตัวกลับไปที่แคว้นหลู่แล้วเฉินฝานยิ้มแย้มเช่นกัน “เจรจาการค้าขายนั้น มักต้องมีอุปสรรคสักเล็กน้อยเพื่อเรียกน้ำย่อย ลดความน่าเบื่อของการเจรจาการค้า เพียงแต่ไม่ทราบว่า... องค์หญิงจะให้พวกเราประลองกันอย่างไรเล่า?”โอวหยางน่าหลัน “ก็ประลองโจทย์ไก่กระต่า
เรื่องที่ชายผมหยิกโด่งดังที่สุดคงหนีไม่พ้นที่เขาเคยใช้เวลาเพียงหนึ่งก้านธูปนับแกะวงใหญ่ แกะพวกนั้นมีมากถึงสามพันกว่าตัว พวกเสิ่นหมิงหยวนยืนชมความครึกครื้นอยู่ทางด้านข้างพวกเขาชอบเห็นเฉินฝานอับอายขายหน้า“รู้แล้ว ๆ จะไว้หน้าแน่นอน” ชายผมหยิกเอ่ยพลางหัวเราะลั่น จะต้องทำให้อัครเสนาบดีผู้นี้อับอายขายหน้าอย่างถึงที่สุดชายผมหยิกกับเฉินฝานยืนอยู่เบื้องหน้ากรงใหญ่ ภายในกรงมองเห็นเพียงหัวและขาของไก่กับกระต่ายเท่านั้นชายผมหยิกกระดกนิ้วมือทั้งสิบไปมา พูดพึมพำในปาก ส่วนเฉินฟานก็ชี้นิ้วไปยังไก่และกระต่ายในกรงเช่นกัน แต่ว่าการเคลื่อนไหวของเขาช้ากว่าชายผมหยิกมากฉินเย่ว์เหมยไม่กล้าดูแล้ว ปากของอ๋องตวนก็พึมพำตลอด ถึงแม้ลูกเขยของข้าจะไม่ค่อยเก่งเรื่องการคำนวณ แต่เขาเดาตัวเลขเก่ง เดาเลขเก่งก็เป็นลูกเขยที่ดีของเขาแล้ว“ผ่านไปครึ่งถ้วยชา”เสียงแหลมของหลี่เต๋อฉวนดังขึ้นความจริงแล้วเวลาหนึ่งถ้วยชาก็คือประมาณสองนาที ตอนนี้เวลาผ่านไปหนึ่งนาทีแล้วเฉินฝานมองไปทางชายผมหยิกที่อยู่ด้านข้างอย่างเบื่อหน่ายเล็กน้อย อีกฝ่ายยังคงกระดกนิ้วมืออย่างว่องไว ริมฝีปากขยับรวดเร็ว“พวกท่านดูเขาสิ ไม่ค
“ข้าไม่ยอม ชาวต้าชิ่งอย่างพวกท่านจะต้องโกงเป็นแน่ ต้องมีคนบอกคำตอบให้เฉินฝานล่วงหน้าอย่างแน่นอน”ชายผมหยิกส่งเสียงดังหากให้เขาขอโทษเฉินฟาน เช่นนั้นชื่อเสียงของเทพคำนวณอันดับหนึ่งในใต้หล้าของเขาจะไม่หายไปเหรอ?เขาอาศัยชื่อเสียงนี้ทำให้กิจการใหญ่โตขึ้นมานะ“พอได้แล้ว!” โอวหยางน่าหลันตวาดด้วยความโมโห “เจ้าแพ้ก็คือแพ้ คุกเข่าขอโทษท่านอัครเสนาบดีเสีย!”ในฐานะที่เป็นผู้กุมอำนาจที่แท้จริงของแคว้นหลู่ โอวหยางน่าหลันพบเจอคนนับไม่ถ้วน และจัดการเรื่องราวมานับไม่ถ้วนนางรู้ว่าเฉินฝานไม่ได้โกงเฉินฝานชนะแล้ว ในใจของโอวหยางน่าหลัน ความจริงแล้ว...ดีใจมากเลยเนื่องจากเฉินฝานชนะแล้ว พิสูจน์ว่าเขาเป็นคนที่เข้าใจตัวเลข เรื่องการซื้ออาวุธหกล้านชิ้นในเวลาสามเดือนก็เป็นความจริง“ไม่จำเป็นต้องขอโทษหรอกพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมอยากเสนอเงื่อนไขข้อหนึ่งกับองค์หญิงโอวหยาง” เฉินฝานกล่าวเงื่อนไขที่เขากำลังจะเสนอ มีค่ามากกว่าเข่าของชายผมหยิกมากนัก“เชิญท่านพูดมา” โอวหยางน่าหลันตอบรับอย่างตรงไปตรงมามากถึงแม้ชายผมหยิกจะเป็นพ่อค้ารายใหญ่ที่สุดของแคว้นหลู่ แต่ถ้าชื่อเสียงของชายผมหยิกเสียหาย ทำเงินได้น้อยลง แคว้
ครั้งนี้ บรรดาขุนนางต้าชิ่งในท้องพระโรงต่างเงียบกริบอย่างผิดปกติไม่มีการคัดค้านเสียงดัง ยิ่งไม่มีการดุด่าเสียงดัง ทุกคนล้วนก้มหน้า ถอนหายใจด้วยความโศกเศร้าฝ่าบาททรงปล่อยให้เฉินฝานทำตามอำเภอใจ เสิ่นหมิงหยวนก็คอยชมเรื่องสนุกอยู่ด้านข้าง พวกเขาโกรธไปคัดค้านไปจะมีประโยชน์อันใดขุนนางอาวุโสบางคนถึงกับแอบเช็ดน้ำตารากฐานสองร้อยกว่าปีของต้าชิ่งเกรงว่าจะจบสิ้นแล้วโอวหยางน่าหลันแค่นเสียงเบา ๆ “การซื้อขายไม่ใช่แค่ลมปากก็ได้นะ”“องค์หญิงตรัสถูกต้อง การทำการค้าไม่ใช่เรื่องแค่ลมปากก็ได้ ต้องให้ความสำคัญกับความจริงใจด้วย” เฉินฝานหันไปพูดกับเสิ่นหยวนเลี่ยงว่า “เสิ่นหยวนเลี่ยง!”“เจ้าเรียกข้าว่าอะไรนะ?” เสิ่นหยวนเลี่ยงทำหน้าบูดบึ้งมาก เฉินฝานเรียกชื่อเขาตรง ๆ แถมยังต่อหน้าขุนนางนับร้อยด้วยเสิ่นหยวนเลี่ยงยังคงไม่ชินกับการเปลี่ยนสถานะของเฉินฝาน ยังคงมองว่าเฉินฝานเป็นเพียงคนบ้านนอกคนหนึ่ง“เสิ่นหยวนเลี่ยงไง? มีอะไร?” เฉินฝานหัวเราะหยันเบา ๆ “เจ้าเปลี่ยนชื่อแล้วหรือ?” “ข้าเปลี่ยนชื่อที่ไหนกัน? แต่เป็นเจ้าต่างหากที่...”“บังอาจ!”“เพียะ!”ตบหน้าเสิ่นหยวนเลี่ยงไปหนึ่งฉาด“หา!”คนทั้งท้อง
โอวหยางน่าหลันเลิกผมของตัวเอง บิดสะโพกเดินเข้ามาอย่างอ่อนช้อย ร่างอวบอิ่มของเธอแทบจะแนบชิดกับร่างของเฉินฝานแล้วยอดอกคู่นั้นกระเพื่อมเป็นระลอกหลังจากเฉินฝานเอาชนะชายผมหยิกมาได้ ความตั้งใจที่ชิงตัวเฉินฝานของโอวหยางน่าหลันก็ยิ่งแน่วแน่มากขึ้นมือเรียวงามของโอวหยางน่าหลันลูบผ่านหน้าอกของเฉินฝาน ก่อนจะยื่นไปหาภูเขาเงินเบื้องหน้า นางหยิบแท่งเงินขึ้นมาจ่อที่ริมฝีปากแล้วเป่าลมเบา ๆเมื่อโอวหยางน่าหลันวางเงินลงและชักมือกลับมา นางยังไม่ระวังสัมผัสโดนหน้าของเฉินฝานนางไม่ได้ขอโทษ เธอคลี่ยิ้มงดงาม“ท่านอัครเสนาบดีซ้ายตรงไปตรงมาขนาดนี้ ข้าชอบ!”“ได้!” โอวหยางน่าหลันยกมือเรียวสวยขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะเอานิ้วชี้จิ้มหน้าอกเฉินฝานเบา ๆ ริมฝีปากแดงเผยอเล็กน้อย “ภายในสามเดือน จะส่งอาวุธหกล้านชิ้น และวัวหนึ่งหมื่นห้าพันตัวให้แก่ต้าชิ่ง!”เวลานี้ ความรู้สึกของโอวหยางน่าหลันเหมือนกับเสิ่นหมิงหยวนไม่มีผิดต้องรีบทำการค้านี้โดยเร็ว สูบเงินออกจากท้องพระคลังของต้าชิ่งโดยเร็ว จากนั้นเฉินฝานก็จะกลายเป็นผู้ร้ายในสายตาของต้าชิ่งนางแย่งเฉินฝานมาก็ไม่ใช่เรื่องยากแล้ว“แต่...” โอวหยางน่าหลันกล่าวอีกว่า
ตอนแรกเฉินฝานปรากฏตัวขึ้นในสายตาของราษฎรชาวต้าชิ่งในฐานะนายบำเรอของฉินเย่ว์เหมย คนที่ไม่รู้จักเขาดีย่อมดูแคลนเขาอย่างยิ่ง มีผู้คนมากหมายเห็นเขาเป็นคนประเภทเดียวกับนางสนมจอมล่อลวงเมื่อพรรคพวกของเสิ่นหมิงหยวนปลุกปั่นเช่นนี้ ชาวบ้านรอบ ๆ ก็รู้สึกอีกแล้วว่าพวกเขาพูดถูกต้อง เสิ่นหมิงหยวนสมควรถูกจับ เฉินฝานเองก็ควรถูกจับเช่นกัน“ไป่เผยหราน เหตุใดยังไม่ให้คนของเจ้าลงมือจับกุมเสิ่นหมิงหยวนให้เราอีก” ฉินเย่ว์เหมยหัวเสียเล็กน้อยหากเป็นผู้อื่น เมื่อฮ่องเต้มีรับสั่ง ไฉนเลยยังจะสนใจอะไรอีก ย่อมต้องจับกุมทันที แต่ไป่เผยหรานไม่ใช่ผู้อื่น ในใจของเขา กฎหมายและความยุติธรรมอยู่เหนือทุกสิ่ง หลักฐานที่เฉินฝานแสดงออกมาในตอนนี้ทำได้เพียงพิสูจน์ว่าเสิ่นหมิงหยวนวางแผนทำร้ายเขาเท่านั้นจริง ๆ แต่ไม่อาจพิสูจน์ยืนยันได้ว่าเขาไม่ได้วางยาพิษในใจของไป่เผยหรานย่อมเชื่อว่าเฉินฝานไม่มีทางวางยาพิษ แต่ว่าภายใต้สายตาจ้องมองของประชาชน หากจับกุมเพียงเสิ่นหมิงหยวนแต่ไม่จับกุมเฉินฝาน เขาทำไม่ได้เมื่อมองฉินเย่ว์เหมยที่โกรธเกรี้ยว แล้วมองไป่เผยหรานที่ทำหน้าลำบากใจ เสิ่นหยวนเลี่ยงก็ลอบปีติยินดีในใจ นับถือบิดาของตนมากยิ่ง
“ขุนนางต่ำต้อยอย่างกระหม่อมไม่มีอะไรจะพูดพ่ะย่ะค่ะ เรื่องที่จางทงและจางสิงทำเป็นคำสั่งของกระหม่อมจริง กระหม่อมเป็นคนทำเพียงผู้เดียวพ่ะย่ะค่ะ”เสิ่นหมิงหยวนเงียบไปครู่เดียวเท่านั้นก็ยอมรับทันที ไม่เพียงแต่เฉินเย่ว์เหมยที่ประหลาดใจ แม้แต่เสิ่นหยวนเลี่ยงก็ประหลาดใจเช่นกันผู้คนทั้งต้าชิ่งต่างรู้ว่าอัครเสนาบดีเบื้องซ้ายและเบื้องขวาเป็นศัตรูคู่อาฆาตกันมาโดยตลอด ทั้งสองฝ่ายขับเคี่ยวกันไม่ยอมปล่อย และรู้ว่าเรื่องการวางยาพิษในครั้งนี้จะต้องเกี่ยวพันกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอย่างแน่นอน แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าเสิ่นหมิงหยวนจะยอมรับอย่างตรงไปตรงมาถึงเพียงนี้“ท่านพ่อ...”เสิ่นหยวนเลี่ยงเบิกตาโตมองเสิ่นหมิงหยวน แต่เสิ่นหมิงหยวนกลับก้มหน้าลงครึ่งหนึ่ง ไม่มีใครมองเห็นสีหน้าของเขาได้อย่างชัดเจน“ดูท่าเสิ่นหมิงหยวนคิดจะสู้จนตกตายไปด้วยกัน”เฉินฝานพูดเสียงเบา เขาเอ่ยคำพูดนี้จบ เสียงเย็นชาเคร่งขรึมของฉินเย่ว์เหมยก็ดังมาจากด้านหน้าว่า “ขุนนางต่ำต้อย? ตอนนี้เจ้าเป็นขุนนางผู้กระทำผิดไม่มีสิทธิ์เรียกขานตนเองว่าขุนนางต่ำต้อยแล้ว ไป่เผยหราน จับกุมเสิ่นหมิงหยวนเสีย!” เสิ่นหมิงหยวนเบนศีรษะเล็กน้อย เสิ่นหยวนเลี่ยงม
ครึ่งชั่วโมงต่อมา สีหน้าของจางทงและองครักษ์ของเสิ่นหมิงหยวนไม่ได้ซีดเผือดเหมือนเมื่อครู่นี้แล้ว จางทงได้รับพิษสองครั้ง เขาดูอ่อนแอเล็กน้อยส่วนองครักษ์ของเสิ่นหมิงหยวนมีสีหน้าปกติ ราวกับไม่ได้รับพิษเลยการล้างท้องเป็นวิธีการช่วยชีวิตผู้ได้รับพิษในทางศัลยแพทย์ เป็นวิธีการรักษาที่ธรรมดาอย่างยิ่งในยุคปัจจุบัน แต่ในสายตาคนโบราณเหล่านี้เป็นเรื่องที่น่าตกตะลึงจริง ๆ “ช่วยชีวิตได้แล้ว ใต้เท้าเฉินช่วยชีวิตทั้งสองคนได้จริง ๆ!” “กินสารหนูแล้วยังช่วยชีวิตกลับมาได้ด้วย? ใต้เท้าเฉิน นั่นเป็นวิชาแพทย์จริง ๆ หรือ?” “ไฉนเลยวิชาแพทย์จะร้ายกาจถึงเพียงนี้ เป็นวิชาเซียนต่างหากเล่า” “ใต้เท้าเฉินเป็นเทพสวรรค์จุติลงมา!” นี่ก็คือชาวบ้านทั่วไป ในสายตาของพวกเขามีแค่ดำสุดโต่งและขาวสุดโต่งเมื่อพวกเขาโดนฝ่ายเสิ่นหมิงหยวนหลอกลวง ก็ด่าทอเฉินฝานด้วยคำพูดที่โหดร้ายสุดขีด ตอนนี้พบว่าเฉินฝานเป็นคนดีแล้ว พวกเขาก็สรรเสริญเฉินฝานอย่างดีที่สุดโดยไม่ตระหนี่เลย พวกเขาไม่เพียงสรรเสริญเฉินฝาน แถมยังเริ่มด่าทอสงสัยเสิ่นหมิงหยวนด้วย “พวกเจ้าดูองครักษ์ผู้นั้นสิ หากเมื่อครู่นี้ไม่ได้เห็นกับตาตนเอง ข้าไม่อยากจ
“ท่านพี่!” จางสิงร้องเสียงดัง โน้มตัวไปกอดจางทง “ใต้เท้า รีบช่วยพี่ชายของข้าด้วยขอรับ”แม้ว่าจะเตรียมใจไว้แล้ว แต่ตอนที่จางทงกินสารหนูลงไปจริง ๆ จางสิงก็รู้สึกตื่นตระหนกในใจไม่ไหวแล้วเฉินฝานสามารถช่วยพวกเขากลับมาจากประตูผีได้ครั้งหนึ่ง ไม่ได้หมายความว่าจะช่วยได้เป็นครั้งที่สองพิษสารหนูออกฤทธิ์ไวมาก เวลานี้ใบหน้าของจางทงไม่มีสีเลือดเลยสักนิดเดียว ร่างกายเริ่มชักกระตุก มีเลือดไหลออกมาจากมุมปาก“เฮ้อ!” เฉินฝานถอนหายใจ “นี่เจ้าจะลำบากลำบนทำไมกัน?”“ใต้เท้า ข้าน้อยไม่ได้ลำบาก เพราะนี่เป็นโอกาสเดียวที่ข้าน้อยจะได้เป็นคนขอรับ” จางทงฝืนข่มกลั้นความเจ็บปวดอย่างรุนแรง ฝืนยิ้มให้เฉินฝาน “รบ...กวนท่าน...ช่วยข้าน้อยอีกสักครั้ง...” เมื่อพูดจบ ร่างกายของจางทงก็เริ่มชักกระตุกอย่างรุนแรง ตาขาวเริ่มเหลือกขึ้นมาเช่นกัน เลือดที่ไหลออกมาจากมุมปากเยอะขึ้นเรื่อย ๆ“เร็วเข้า หามเขาไปที่โรงเตี๊ยม!”จางทงถูกหามเข้าไปในโรงเตี๊ยมได้ไม่นาน องครักษ์ของเสิ่นหมิงหยวนก็ถูกหามเข้ามาด้วยเช่นกันในขณะที่เฉินฝานสั่งให้คนหามจางถงเข้าไปในโรงเตี๊ยม เสิ่นหมิงหยวนก็ให้คนกรอกสารหนูใส่ปากองครักษ์ผู้นั้น เสิ่นหมิงห
“ให้เขากิน!”เสิ่นหมิงหยวนผลักองครักษ์คนนั้นไปตรงหน้าเฉินฝานทันที“ใช่แล้ว จะปล่อยให้เฉินฝานเลือกคนกินสารหนูไม่ได้” พรรคพวกของเสิ่นหมิงหยวนพากันสนับสนุน“ไม่เพียงไม่อาจให้เฉินฝานเลือก สารหนูก็ต้องให้ใต้เท้าเสิ่นหาคนไปนำมาด้วยเช่นกัน” เฉินฝานไม่มีความเห็นอะไรกับข้อเสนอนี้ของเสิ่นหมิงหยวนเลย คนของเสิ่นหมิงหยวนกินสารหนู นี่เป็นข้อเสนอที่ไม่อาจดีไปกว่านี้แล้วองครักษ์ที่โดนผลักออกมาหน้าซีดเผือด ร่างกายสั่นเทา หากไม่ใช่เพราะมีคนพยุงอยู่ข้าง ๆ เกรงว่าตอนนี้เขาคงจะตกใจกลัวจนล้มไปกองกับพื้นแล้ว “สั่นทำไม ใต้เท้าเลี้ยงดูเจ้ามานานถึงเพียงนี้ ก็ถึงเวลาที่เจ้าต้องตอบแทนแล้ว” รองแม่ทัพข้างกายเสิ่นหมิงหยวนตะคอกใส่องครักษ์ผู้นั้นเบา ๆ “ข้าน้อย...”“วางใจได้ หากเจ้าตาย ครึ่งชีวิตที่เหลือของมารดา ภรรยาและบุตรสาวของเจ้าจะมีเงินให้ใช้ไม่หมดไม่สิ้น ได้ใช้ชีวิตที่ดีเหนือผู้อื่นตลอดไป หากเจ้าสั่นอีก เช่นนั้นก็อย่าโทษว่าข้าไม่เกรงใจ ให้พวกเจ้าทั้งครอบครัวไปเจอกันที่ปรโลก” รองแม่ทัพของเสิ่นหมิงหยวนใช้ทั้งบุญคุณและความเข้มงวดกับองครักษ์ผู้นั้น องครักษ์ผู้นั้นค่อย ๆ เลิกดิ้นรน สองตาว่างเปล่า ยืนอยู
“เช้ง!”เสียงกระบี่คมกริบออกจากฝักดึงขึ้นในอากาศหน้าประตูโรงเตี๊ยม“พูดมา!” หลี่ชิ่งชักกระบี่ออกจากเอวแล้วจ่อไปที่คอของจางทง “พวกเจ้ารับผลประโยชน์จากเฉินฝานใช่หรือไม่ ถึงได้ใส่ร้ายใต้เท้าเสิ่น”“พวกเราจะรับผลประโยชน์จากใต้เท้าเฉินได้อย่างไร เขาช่วยชีวิตพวกเราไว้” จางทงกล่าว“ยังจะบอกว่าเฉินฝานไม่ได้ให้ผลประโยชน์กับพวกเจ้าอีก เขาช่วยชีวิตพวกเจ้าไว้ก็เป็นผลประโยชน์แล้ว”พรรคพวกของเสิ่นหมิงหยวนยิ่งพูดก็ยิ่งบิดเบือน จางทงร้อนใจไม่ไหวแล้ว แต่กลัวว่าหากไม่ระวังคำพูดของตนเอง พวกพ้องของเสิ่นหมิงหยวนจะนำมาเล่นงานได้แต่ว่าไม่แก้ตัวก็ไม่ได้อีก ทำให้เขาร้อนใจจนหน้าแดงก่ำไปหมดแล้ว “นี่จะนับเป็นผลประโยชน์ได้อย่างไร ใต้เท้าเฉินแค่มีเมตตา...”จางสิงที่อยู่ข้าง ๆ รีบเอ่ย แต่เขายังไม่ทันพูดจบ พรรคพวกของเสิ่นหมิงหยวนก็เอ่ยตัดบทเขา“มีเมตตา บนโลกนี้จะมีเมตตาโดยไม่มีเหตุผลหรือ หากไม่ใช่เพราะเดิมทีพวกเจ้าเป็นองครักษ์ของตระกูลเสิ่น เจ้าคิดว่าเขาจะช่วยพวกเจ้าหรือ?” “เรื่องนี้...”เมื่อเห็นจางทงกับจางสิงลังเลใจ พรรคพวกของเสิ่นหมิงหยวนก็ฉวยโอกาสโจมตีต่อทันที “เห็นหรือไม่ พวกเจ้าเองก็คงคิดว่าไม่มีท
“เหลวไหลสิ้นดี!”พวกพ้องของเสิ่นหมิงหยวนเอ่ยโต้แย้งจางทงและจางสิงทันที “พวกเขาสองคนเป็นคนเลวย่อมพูดแต่เรื่องเลว ๆ ผู้คุ้มกันและบ่าวอาศัยครอบครัวเจ้านายไปวางอำนาจบาตรใหญ่ข้างนอกก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรือ? หากบอกว่าพวกเจ้ากระทำผิดเพราะใต้เท้าเสิ่นสั่งการ เช่นนั้นใต้เท้าหรือว่าเชื้อพระวงศ์ทั่วทั้งเมืองหลวง แต่ละคนก็สั่งการแบบนี้เช่นกันหรือ? สบคบคิดทำเรื่องที่สร้างความเสียหายต่อต้าชิ่งเช่นนี้ด้วยหรือ?” “ใต้เท้าเฉิน บ้านของท่านก็มีบ่าวเลวเช่นนี้เหมือนกันกระมัง” พวกพ้องของเสิ่นหมิงหยวนถามเฉินฝานเฉินฝานไม่อาจปฏิเสธได้เลยขณะที่สนทนาเล่นกับฉินเย่ว์เจียวเมื่อคืน ฉินเย่ว์เจียวบอกเขาว่ามีองครักษ์ในบ้านถูกใจภรรยาที่งดงามของชาวบ้านคนหนึ่ง จึงบังคับแย่งชิงตัวมาตรง ๆ องครักษ์คนนั้นถูกฉินเย่ว์เจียวจับมัดส่งเข้าคุกกรมอาญาด้วยตนเองไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้สถานการณ์ของต้าชิ่งไม่สู้ดีนัก กอปรกับบุรุษน้อยสตรีมาก บุรุษมีค่าดั่งทองคำ ขอเพียงบุรุษไม่ได้กระทำความผิดใหญ่หลวงอะไรก็จะไม่ได้รับการลงโทษอะไรเลย ก็เหมือนกับจางทงและจางสิงที่ข่มเหงสตรีดีงามกลางถนน แค่โดนลงโทษไล่ออกจากเมืองหลวงเท่านั้น อย่าว่าแ
“พวกเจ้าหมายถึงขุนนางเสิ่นหรือ? พวกเจ้าควรรู้เอาไว้ว่าหากไม่มีหลักฐาน การพูดให้ร้ายขุนนางขั้นหนึ่งของราชสำนักมีโทษถึงตายนะ!” ฉินเย่ว์เหมยเน้นคำว่าโทษถึงตายเป็นพิเศษ พูดให้จางทงกับจางสิงฟัง และพูดให้เสิ่นหมิงหยวนกับเสิ่นหยวนเลี่ยงฟัง รวมถึงพูดให้ผู้คนมากมายฟังด้วย“ฝ่าบาท!” เสิ่นหมิงหยวนพลันเดินมาข้างหน้า “อย่าทรงถูกหลอกนะพ่ะย่ะค่ะ พวกเขาจะต้องไม่ได้กินสารหนูอย่างแน่นอน บนโลกนี้ไม่มีผู้ใดกินสารหนูแล้วรอดชีวิตต่อไปได้พ่ะย่ะค่ะ”“โอ้?” ฉินเย่ว์เหมยเลิกคิ้วขึ้น “ขุนนางเสิ่นรู้ได้อย่างไรว่าพวกเขาไม่ได้กินสารหนู?” “เพราะว่าเดิมทีพวกเขาอยู่ในตระกูลเสิ่นของกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ” เสิ่นหมิงหยวนกล่าว“นี่ขุนนางเสิ่นยอมรับว่ารู้จักสองคนนี้หรือ?”“ใช่พ่ะย่ะค่ะ เดิมทีพวกเขาเป็นผู้คุ้มกันตระกูลเสิ่นของกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ"“ดังนั้น ข้อกล่าวหาของพวกเขาเป็นความจริงหรือ?” ฉินเย่ว์เหมยเอ่ยถามเสียงเย็นชาเสิ่นหมิงหยวนยอมรับว่าจางทงกับจางสิงเป็นคนของเขารวดเร็วถึงเพียงนี้ ทำให้ฉินเย่ว์เหมยประหลาดใจมาก การเปิดเผยตรงไปตรงมาของเสิ่นหมิงหยวนกลับทำให้ฉินเย่ว์เหมยไม่สบายใจเล็กน้อย เสิ่นหมิงหยวนมีแผนการรับมือที
เมื่อฉินเย่ว์เหมยถามจางทงกับจางสิงว่าผู้ใดบงการพวกเขา ทั่วทั้งบริเวณก็เงียบลงอีกครั้งทั้ง ๆ ที่มีคนยืนอยู่นับล้าน แต่กลับเงียบงันจนได้ยินแม้กระทั้งเข็มตกลงบนพื้น...เสิ่นหมิงหยวนกับเสิ่นหยวนเลี่ยงสบตากันอันที่จริงแล้วไม่เรียกว่าสบตากัน แต่เสิ่นหมิงหยวนกำลังปลอบใจเสิ่นหยวนเลี่ยง ไม่ให้เขาตื่นตระหนกมากกว่าจางทงกับจางสิงเองก็สบตากันแวบหนึ่ง“ท่านพี่ พูดไปเถิด” จางสิงกล่าว“ปึก!”จางทงโขกศีรษะลงกับพื้นอย่างแรงจางสิงก็ทำตามเช่นกัน“ฝ่าบาท ผู้ที่บงการพวกกระหม่อม ก็คือ...”“พวกเขา!”จางทงและจางสิงชี้ไปที่พ่อลูกตระกูลเสิ่นพร้อมกันคำตอบที่ได้นี้ทำให้ชาวเมืองลู่ตูตกตะลึงเกินไปแล้ว ถึงขนาดที่พวกเขาไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบกลับใด ๆ ในตอนที่จางทงกับจางสิงชี้ไปยังพ่อลูกตระกูลเสิ่น ชาวบ้านทั่วไปตะลึงงัน เสิ่นหมิงหยวนกับเสิ่นหยวนเลี่ยงก็ตะลึงงันเช่นกันจางทงกับจางสิงเป็นนักรบกล้าตายที่ตระกูลเสิ่นของพวกเขาเลี้ยงดูสั่งสอนมาตั้งแต่เล็ก จงรักภักดีต่อพวกเขาอย่างถึงที่สุด จางทงกับจางสิงไม่มีทางหักหลักพวกเขาเพราะเฉินฝานช่วยชีวิตจางทงกับจางสิงไว้เป็นอันขาดเดิมทีจางทงกับจางสิงจงรักภักดีต่อต