ชายผู้นี้ ช่างประหลาดมากจริง ๆเงื่อนไขที่เขาเสนอมายิ่งเกินจะคาดเดาโอวหยางน่าหลันที่ดำเนินการอย่างรวดเร็วเด็ดขาดและไม่เคยพ่ายแพ้มาตลอด กลับไม่อาจตัดสินใจได้อยู่ชั่วขณะ “ท่าน... จะซื้ออาวุธหกล้านชิ้นจากแคว้นหลู่ของข้าภายในสามเดือนจริง ๆ หรือ?” โอวหยางน่าหลันยังคงไม่อยากจะเชื่อเฉินฝานก้าวเดินอย่างมั่นคง ยืดตัวตรง พุ่งไปหาโอวหยางน่าหลันอย่างน่าเกรงขามและเด็ดเดี่ยวแน่วแน่แววตาของเขาราวกับคบไฟ เสียงดังก้องกังวาล “สุภาพบุรุษเมื่อเอ่ยวาจา สี่ม้ายากจะตามกลับคืน!”โอวหยางหน่าหลันถอยหลังไปหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัวทั้ง ๆ ที่บุรุษผู้นี้หน้าตาดูสะอาดสะอ้าน แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะมีความน่าเกรงขามมากถึงเพียงนี้ริมฝีปากแดงร้อนรุ่ม ก่อนจะขยับเล็กน้อย “เช่นนั้น...”“องค์หญิง!” มีคนในคณะทูตเตือนโอวหยางน่าหลันเสียงดัง “พระองค์อย่าทรงโดนเขาหลอกลวงนะพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมคิดว่าเขาแค่อยากถ่วงเวลาเท่านั้น”“ไม่ใช่!” อีกคนในคณะทูตส่งเสียงกล่าว คนผู้นั้นมีผมหยิก สวมสร้อยทองคำเส้นใหญ่บนคอแค่เห็นแวบแรกก็รู้ว่าเป็นพ่อค้าชายผมหยิกเดินเข้ามาหา ก่อนจะมองเฉินฝานอย่างพิจารณารอบหนึ่งแล้วกล่าวกับโอวหยางน่าหลันว่
“จริงๆ แล้วเรื่องรบราฆ่าฟัน ข้าก็ไม่ค่อยชอบเช่นกัน พวกเขาบอกว่าท่านนับเลขไม่เป็นสินะ”โอวหยางน่าหลันจ้องเฉินฝาน ก่อนจะพูดไปเรื่อยด้วยรอยยิ้ม “ข้าเองก็หาใช่คนไร้เหตุผล จะให้โอกาสท่านสักครั้ง”โอวหยางน่าหลันพูดพลางหันหน้าไปหาพ่อค้าผมหยิกผู้นั้น “เมื่อครู่เจ้าบอกว่า ท่านอัครเสนาบดีนับเลขไม่เป็นไม่ใช่หรือ? เช่นนั้นเจ้าคงกล้าประลองกับท่านอัครเสนาบดีสักรอบสินะ”“องค์หญิง!” ชายผมหยิกตบหน้าอก “ขอเพียงท่านอัครเสนาบดีผู้นี้กล้าประลองกับกระหม่อม กระหม่อมก็ประลองเป็นเพื่อนได้ทันทีพ่ะย่ะค่ะ!”“เช่นนั้น...” โอวหยางน่าหลันหันมายิ้มพลางถามเฉินฝาน “ท่านกล้าหรือไม่?”ในใจโอวหยางน่าหลันอยากให้เฉินฝานประลองกับชายผมหยิกอย่างยิ่งยวดหากเฉินฝานไม่สามารถนับได้แม้กระทั่งตัวเลข เช่นนั้นนางก็ไม่มีแรงจูงใจให้ชิงตัวแล้วเล่นในต้าชิ่งได้ แต่ไม่มีความจำเป็นต้องชิงตัวกลับไปที่แคว้นหลู่แล้วเฉินฝานยิ้มแย้มเช่นกัน “เจรจาการค้าขายนั้น มักต้องมีอุปสรรคสักเล็กน้อยเพื่อเรียกน้ำย่อย ลดความน่าเบื่อของการเจรจาการค้า เพียงแต่ไม่ทราบว่า... องค์หญิงจะให้พวกเราประลองกันอย่างไรเล่า?”โอวหยางน่าหลัน “ก็ประลองโจทย์ไก่กระต่า
เรื่องที่ชายผมหยิกโด่งดังที่สุดคงหนีไม่พ้นที่เขาเคยใช้เวลาเพียงหนึ่งก้านธูปนับแกะวงใหญ่ แกะพวกนั้นมีมากถึงสามพันกว่าตัว พวกเสิ่นหมิงหยวนยืนชมความครึกครื้นอยู่ทางด้านข้างพวกเขาชอบเห็นเฉินฝานอับอายขายหน้า“รู้แล้ว ๆ จะไว้หน้าแน่นอน” ชายผมหยิกเอ่ยพลางหัวเราะลั่น จะต้องทำให้อัครเสนาบดีผู้นี้อับอายขายหน้าอย่างถึงที่สุดชายผมหยิกกับเฉินฝานยืนอยู่เบื้องหน้ากรงใหญ่ ภายในกรงมองเห็นเพียงหัวและขาของไก่กับกระต่ายเท่านั้นชายผมหยิกกระดกนิ้วมือทั้งสิบไปมา พูดพึมพำในปาก ส่วนเฉินฟานก็ชี้นิ้วไปยังไก่และกระต่ายในกรงเช่นกัน แต่ว่าการเคลื่อนไหวของเขาช้ากว่าชายผมหยิกมากฉินเย่ว์เหมยไม่กล้าดูแล้ว ปากของอ๋องตวนก็พึมพำตลอด ถึงแม้ลูกเขยของข้าจะไม่ค่อยเก่งเรื่องการคำนวณ แต่เขาเดาตัวเลขเก่ง เดาเลขเก่งก็เป็นลูกเขยที่ดีของเขาแล้ว“ผ่านไปครึ่งถ้วยชา”เสียงแหลมของหลี่เต๋อฉวนดังขึ้นความจริงแล้วเวลาหนึ่งถ้วยชาก็คือประมาณสองนาที ตอนนี้เวลาผ่านไปหนึ่งนาทีแล้วเฉินฝานมองไปทางชายผมหยิกที่อยู่ด้านข้างอย่างเบื่อหน่ายเล็กน้อย อีกฝ่ายยังคงกระดกนิ้วมืออย่างว่องไว ริมฝีปากขยับรวดเร็ว“พวกท่านดูเขาสิ ไม่ค
“ข้าไม่ยอม ชาวต้าชิ่งอย่างพวกท่านจะต้องโกงเป็นแน่ ต้องมีคนบอกคำตอบให้เฉินฝานล่วงหน้าอย่างแน่นอน”ชายผมหยิกส่งเสียงดังหากให้เขาขอโทษเฉินฟาน เช่นนั้นชื่อเสียงของเทพคำนวณอันดับหนึ่งในใต้หล้าของเขาจะไม่หายไปเหรอ?เขาอาศัยชื่อเสียงนี้ทำให้กิจการใหญ่โตขึ้นมานะ“พอได้แล้ว!” โอวหยางน่าหลันตวาดด้วยความโมโห “เจ้าแพ้ก็คือแพ้ คุกเข่าขอโทษท่านอัครเสนาบดีเสีย!”ในฐานะที่เป็นผู้กุมอำนาจที่แท้จริงของแคว้นหลู่ โอวหยางน่าหลันพบเจอคนนับไม่ถ้วน และจัดการเรื่องราวมานับไม่ถ้วนนางรู้ว่าเฉินฝานไม่ได้โกงเฉินฝานชนะแล้ว ในใจของโอวหยางน่าหลัน ความจริงแล้ว...ดีใจมากเลยเนื่องจากเฉินฝานชนะแล้ว พิสูจน์ว่าเขาเป็นคนที่เข้าใจตัวเลข เรื่องการซื้ออาวุธหกล้านชิ้นในเวลาสามเดือนก็เป็นความจริง“ไม่จำเป็นต้องขอโทษหรอกพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมอยากเสนอเงื่อนไขข้อหนึ่งกับองค์หญิงโอวหยาง” เฉินฝานกล่าวเงื่อนไขที่เขากำลังจะเสนอ มีค่ามากกว่าเข่าของชายผมหยิกมากนัก“เชิญท่านพูดมา” โอวหยางน่าหลันตอบรับอย่างตรงไปตรงมามากถึงแม้ชายผมหยิกจะเป็นพ่อค้ารายใหญ่ที่สุดของแคว้นหลู่ แต่ถ้าชื่อเสียงของชายผมหยิกเสียหาย ทำเงินได้น้อยลง แคว้
ครั้งนี้ บรรดาขุนนางต้าชิ่งในท้องพระโรงต่างเงียบกริบอย่างผิดปกติไม่มีการคัดค้านเสียงดัง ยิ่งไม่มีการดุด่าเสียงดัง ทุกคนล้วนก้มหน้า ถอนหายใจด้วยความโศกเศร้าฝ่าบาททรงปล่อยให้เฉินฝานทำตามอำเภอใจ เสิ่นหมิงหยวนก็คอยชมเรื่องสนุกอยู่ด้านข้าง พวกเขาโกรธไปคัดค้านไปจะมีประโยชน์อันใดขุนนางอาวุโสบางคนถึงกับแอบเช็ดน้ำตารากฐานสองร้อยกว่าปีของต้าชิ่งเกรงว่าจะจบสิ้นแล้วโอวหยางน่าหลันแค่นเสียงเบา ๆ “การซื้อขายไม่ใช่แค่ลมปากก็ได้นะ”“องค์หญิงตรัสถูกต้อง การทำการค้าไม่ใช่เรื่องแค่ลมปากก็ได้ ต้องให้ความสำคัญกับความจริงใจด้วย” เฉินฝานหันไปพูดกับเสิ่นหยวนเลี่ยงว่า “เสิ่นหยวนเลี่ยง!”“เจ้าเรียกข้าว่าอะไรนะ?” เสิ่นหยวนเลี่ยงทำหน้าบูดบึ้งมาก เฉินฝานเรียกชื่อเขาตรง ๆ แถมยังต่อหน้าขุนนางนับร้อยด้วยเสิ่นหยวนเลี่ยงยังคงไม่ชินกับการเปลี่ยนสถานะของเฉินฝาน ยังคงมองว่าเฉินฝานเป็นเพียงคนบ้านนอกคนหนึ่ง“เสิ่นหยวนเลี่ยงไง? มีอะไร?” เฉินฝานหัวเราะหยันเบา ๆ “เจ้าเปลี่ยนชื่อแล้วหรือ?” “ข้าเปลี่ยนชื่อที่ไหนกัน? แต่เป็นเจ้าต่างหากที่...”“บังอาจ!”“เพียะ!”ตบหน้าเสิ่นหยวนเลี่ยงไปหนึ่งฉาด“หา!”คนทั้งท้อง
โอวหยางน่าหลันเลิกผมของตัวเอง บิดสะโพกเดินเข้ามาอย่างอ่อนช้อย ร่างอวบอิ่มของเธอแทบจะแนบชิดกับร่างของเฉินฝานแล้วยอดอกคู่นั้นกระเพื่อมเป็นระลอกหลังจากเฉินฝานเอาชนะชายผมหยิกมาได้ ความตั้งใจที่ชิงตัวเฉินฝานของโอวหยางน่าหลันก็ยิ่งแน่วแน่มากขึ้นมือเรียวงามของโอวหยางน่าหลันลูบผ่านหน้าอกของเฉินฝาน ก่อนจะยื่นไปหาภูเขาเงินเบื้องหน้า นางหยิบแท่งเงินขึ้นมาจ่อที่ริมฝีปากแล้วเป่าลมเบา ๆเมื่อโอวหยางน่าหลันวางเงินลงและชักมือกลับมา นางยังไม่ระวังสัมผัสโดนหน้าของเฉินฝานนางไม่ได้ขอโทษ เธอคลี่ยิ้มงดงาม“ท่านอัครเสนาบดีซ้ายตรงไปตรงมาขนาดนี้ ข้าชอบ!”“ได้!” โอวหยางน่าหลันยกมือเรียวสวยขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะเอานิ้วชี้จิ้มหน้าอกเฉินฝานเบา ๆ ริมฝีปากแดงเผยอเล็กน้อย “ภายในสามเดือน จะส่งอาวุธหกล้านชิ้น และวัวหนึ่งหมื่นห้าพันตัวให้แก่ต้าชิ่ง!”เวลานี้ ความรู้สึกของโอวหยางน่าหลันเหมือนกับเสิ่นหมิงหยวนไม่มีผิดต้องรีบทำการค้านี้โดยเร็ว สูบเงินออกจากท้องพระคลังของต้าชิ่งโดยเร็ว จากนั้นเฉินฝานก็จะกลายเป็นผู้ร้ายในสายตาของต้าชิ่งนางแย่งเฉินฝานมาก็ไม่ใช่เรื่องยากแล้ว“แต่...” โอวหยางน่าหลันกล่าวอีกว่า
“ชิ้ง!”เฉินฝานเพิ่งมาถึงตำหนักไท่เหอมินาน ก็มีมีดเล่มหนึ่งมาจ่อที่คอไว้ เดิมทีคิดว่าฝ่ายตรงข้ามต้องการเพียงขู่ขวัญเขาเท่านั้น มิคิดว่า...“ชิ้ง ๆ ๆ ๆ!”มีเงาดาบเงินที่จ้องจะเอาชีวิตพุ่งมาใส่เขาอย่างรวดเร็วโชคดีที่เฉินฝานมีทักษะพื้นฐานที่ดี มิเช่นนั้นวิญญาณคงจะหลุดออกจากร่างไปนานแล้ว“ว้าว เจ้าจริงจังหรือ!” เฉินฝานเบี่ยงตัวหลบดาบที่พุ่งมาหาตนไปมา “หากยังมิยั้งมือ ข้าจะถูกเจ้าแทงตายจริงเข้าแล้ว เจ้าคิดจะสังหารสามีตนเองงั้นหรือ!”“ตายก็ช่างเจ้าสิ!”ดาบอ่อนในมือของฉินเย่ว์เหมยกวัดแกว่งอย่างมิหยุดหย่อนทว่าตอนที่ดาบสัมผัสกับเฉินฝาน ก็หันคมดาบออกทันทีเฉินฝานอาศัยจังหวะนี้จับข้อมือของฉินเย่ว์เหมยดึงนางเข้ามากอด“เจ้าหึงข้างั้นรึ?”เฉินฝานยิ้มพลางจ้องใบหน้างดงามเยือกเย็นนั้น“ใครหึงเจ้ากัน? ชายมักมาก!”ฉินเย่ว์เหมยปั้นสีหน้าเคร่งขรึม ผลักเฉินฝานออกไปทันทีหลังจากที่ผลักเฉินฝานออกไปแล้ว ฉินเย่ว์เหมยก็เดินตรงเข้าไปในตำหนัก เดินออกมาพร้อมกับชุดลำลองหนึ่งชุดกล่าวเป็นชุดลำลองก็มิเชิง คล้ายกับชุดอยู่เรือนเสียมากกว่า“ท่านจะไปอาบน้ำงั้นหรือ จะพาข้าน้อยไปอาบด้วยสินะ?” เฉินฝานยิ้มหน
“กล่าวหากันชัด ๆ”“โอ้โห!” เฉินฝานตกใจอย่างมาก “นี่เป็นการกล่าวหาข้าชัด ๆ!”เมื่อก่อนเคยเห็นแต่ในโทรทัศน์ ตอนนี้ได้มาเจอของจริง เฉินฝานรู้สึกแปลกใหม่อย่างมาก “ไหนข้าดูสิมีใครกล่าวหาข้าบ้าง?”เฉินฝานกวาดสายตาอ่านต่อ“หลิวเกาจัว!” เฉินฝานชี้ชื่อของหลิวเกาจัว “เจ้าคนที่พูดจาเหน็บแนมข้า คอยดูเถอะ”“มิได้มีเพียงหลิวเกาจัวเสียหน่อย” ฉินเย่ว์เหมยชี้นิ้วไปทางโต๊ะ “กองเหล่านี้ล้วนใช่ทั้งหมด!”เฉินฝานผินสายตาขึ้นจากสาสน์กราบทูลของหลิวเกาจัว มองไปทางฉินเย่ว์เหมยสามกองพะเนิน“โอ้โห เยอะเพียงนั้นเชียวรึ!”“มาถึงเพียงนี้แล้วไฉนเจ้ายังทำตัวเป็นทองมิรู้ร้อนได้อีก? คนมหาศาลกำลังใส่ความเจ้าอยู่ หากท้ายที่สุดเจ้าผลาญเงินท้องพระคลังจนหมดสิ้นจริง ๆ ต่อให้ข้ายอมสละบัลลังก์ ก็ปกป้องเจ้าไว้มิได้”ใบหน้าเย็นชาของฉินเย่ว์เหมยพลันหม่นหมองนางรู้สึกผิดหวังในท่าทีของเฉินฝานเฉินฝานเป็นคนที่ได้รับความสำเร็จเพียงเล็กน้อย ก็ลำพองใจ มิรู้จักแยกแยะความสำคัญอย่างที่พวกหลิวเกาจัวพูดงั้นหรือ?เฉินฝานสังเกตเห็นความหม่นหมองและความผิดหวังของฉินเย่ว์เหมยได้ทั้งหมด เขาวางสาสน์กล่าวหาของหลิวเกาจัวลง เดินมาด้าน
ไป่ชงซานที่ตาเปล่งประกายได้ไม่นาน พลันหม่นหมองไปอย่างรวดเร็วเขากล่าวว่าตอนนี้เขาทำผิดบาปใหญ่หลวง ไม่ควรคู่กับการรักษาคนแล้วเฉินฝานพูดตอบกลับเขาไปว่า สำหรับการรักษาไม่มีคำว่าสายไปหรอก หรือว่าเจ้าอยากให้จะหุบเขาร้อยบุปผาของเจ้าเป็นเพียงแค่หุบเขาแห่งพิษงั้นรึ?ไป่ชงซานยังคงยืนนิ่ง เฉินฝานถอนหายใจอย่างเสียดาย ช่างน่าเสียดายยิ่งนักที่วิธีการถอนพิษของเขาไม่ได้ถ่ายทอดให้คนที่เหมาะสมเฉินฝานรู้สึกเสียดายจริง ๆ ไป่ชงซานปรุงพิษได้และเข้าใจเรื่องพิษอย่างดี หากเขาเรียนรู้วิธีการล้างกระเพาะที่เป็นวิชาการแพทย์ในยุคปัจจุบัน คนจำนวนมหาศาลก็จะพลอยได้รับผลดีไปด้วยได้ยินดังนั้น ดวงตาไป่ชงซานเปล่งประกายเต็มที่ เขากล่าวถามเฉินฝานด้วยความเหลือเชื่อว่า เขายินยอมที่จะถ่ายทอดวิธีการถอนพิษของเขาจริงหรือเฉินฝานยิ้มออกมาทันที กล่าวว่าไป่ชงซานไม่อยากเรียนไม่ใช่รึ?ในตอนนั้นเขายังพูดไม่ทันจบ ไป่ชงซานก็คุกเข่าเรียกเขาว่าท่านอาจารย์ทันทีเงื่อนไขของเฉินฝานในการสอนวิธีการล้างกระเพาะยุคปัจจุบันให้ไป่ชงซานมีเพียงข้อเดียวคือ ต่อจากนี้หุบเขาบุปผาจะต้องถอนพิษให้กับชาวบ้านที่ยากไร้โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเงื่อนไ
ตอนที่ไป่ชงซานกำลังจะวางยาพิษ เฉินฝานกลับส่งแว่นสายตายาวหนึ่งอันให้กับเขาปีนี้ไป่ชงซานอายุหกสิบสี่ปีแล้ว ตั้งแต่ตอนที่อายุห้าสิบก็เริ่มมีอาการสายตายาวตามอายุแล้ว ตลอดสิบสีปีที่ผ่านมามองสิ่งต่างๆด้วยสายตาขมุกขมัวเสมอ เมื่อได้สวมใส่แว่นตา ไป่ชงซานดีใจกล่าวขอบคุณเฉินฝานอย่างไม่หยุดหย่อนดีใจก็ส่วนดีใจ ไป่ชงซานยังจำเป้าหมายครั้งนี้ได้ เขากล่าวขอบคุณเฉินฝานไปพลางวางยาพาไปด้วย เขาใส่พิษรุนแรงชนิดที่ไม่มีสีไม่มีกลิ่นลงไปในชาของเฉินฝานเฉินฝานรับชาจากเขามา ตอนที่เขากำลังจะดื่มชา จู่ ๆ ก็วางถ้วยชาลง ถามว่าเขาเป็นใครเมื่อได้ยินคำพูดของเฉินฝาน ถึงแม้ในใจของไป่ชงซานจะตื่นตระหนกอย่างมาก ทว่าภายนอกก็คงทำท่าทางใจเย็นไว้ได้ ยังคงทำท่าทีเป็นสาวใช้อาวุโสต่อไปเฉินฝานอมยิ้มมองไป่ชงซานที่กำลังแก้ตัวสุดกำลัง เขาชี้ไปที่แว่นสายตายาวที่บนจมูกของไป่ชงซาน พูดสองสามคำด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ถึงแม้ยายซุนคนเดิมจะอายุมากแล้ว ทว่าสายตายังชัดแจ๋วสามารถร้อยเส้นด้ายลอดผ่านรูเข็มได้อยู่เฉินฝานเรียกหวงหวั่นเอ๋อร์ นางกระชากหนังหน้าปลอมของไป่ชงซานออกทันที ไป่ชงซานที่ถูกเปิดโปงแล้วก็ทำเหมือนพวกจางทง ดื่มชาที่มีพ
โดยปกติ เมื่อเสิ่นหมิงหยวนกล่าวเช่นนี้แล้ว ไป่ชงซานก็จะรีบไปหาทันที ดังนั้นเสิ่นหมิงหยวนจึงมองไป่ชงซานด้วยท่าทีโอหัง ราวกับเจ้าของที่รอให้สุนัขวิ่งกลับมาหาไป่ชงซานที่เพิ่งจะลุกขึ้นคุกเข่าเสียงดังตึงอย่างรุนแรงลงไปอีกครั้ง“ห่างเกินไปแล้ว”เสิ่นหมิงหยวนที่ยืนมองจากที่สูง ท่าทางและคำพูดยังคงโอหัง ทว่าเขาไม่ทันกล่าวจบ...“ฝ่าบาท ข้าน้อยยอมรับผิด พิษหญ้าไส้ขาดที่มาจากแหล่งน้ำแคว้นหลู่ข้าเป็นคนทำเอง และคนที่บงการข้าคือ...” จู่ ๆ ไป่ชงซานก็หยุดพูด ยกมือชี้ “ก็คือเขา อัครเสนาบดีเบื้องขวาเสิ่นหมิงหยวน!”ไป่ชงซานพูดจบไปจวนจะหนึ่งนาทีแล้ว เหล่าชาวบ้านทั่วบริเวณแตกตื่นสุดขีด เสิ่นหมิงหยวนและผู้อื่นยังไม่ทันมีการตอบสนองใดคนที่สนิทสนมกับเสิ่นหมิงหยวนและไป่ชงซาน ล้วนไม่อยากเชื่อว่าไป่ชงซานจะทรยศเสิ่นหมิงหยวนตอนที่ไป่ชงซานอายุสามสิบก็เป็นที่ปรึกษาที่เสิ่นหมิงหยวนเลี้ยงไว้ หากไร้ซึ่งการสนับสนุนมหาศาลของเสิ่นหมิงหยวน ไป่ชงซานย่อมจะยิ่งใหญ่แบบทุกวันนี้ไม่ได้“ไป่ชงซาน!” เสียงดุดันของเสิ่นหยวนเลี่ยง ทำลายความเงียบงันทางเสิ่นหมิงหยวน “เจ้ารู้ตัวหรือไม่ว่ากำลังพูดอันใดอยู่ หากไม่มีพ่อข้า ตอนที่
คนที่เดินออกมาจากกลุ่มฝูงชนคือ ไป่ชงซาน!ช่วงที่ผ่านมานี้ไป่ชงซานอยู่กับเสิ่นหมิงหยวนมาโดยตลอด คนส่วนใหญ่ล้วนรู้จักเขา“ไฉนจึงเป็นเขา เขาเป็นกุนซือของใต้เท้าเสิ่นไม่ใช่รึ?”“ดูเหมือนจะไม่ใช่กุนซือ เหมือนจะเป็นเพื่อนของใต้เท้าเสิ่นเสียมากกว่า”“โอ้ เช่นนั้นคนที่ใต้เฉินกล่าวถึงคงจะไม่ใช่เขา”ไม่ได้มีเพียงแต่สายตาของราษฎรที่มองข้ามไป่ฉงซานไปด้านหลัง สายตาของพวกเสิ่นหมิงหยวนก็มองข้ามไปด้านหลังเช่นกัน ต้องการดูว่าคนที่เฉินฝานกล่าวถึงเป็นผู้ใดกันแน่ตลอดระยะทางที่ไป่ชงซานเดินมา เขาเดินค่อนข้างใกล้กับฉินเย่ว์เหมย ตอนที่ถูกทหารรักษาพระองค์ขวางไว้ เขาจึงหยุดฝีเท้า “ผู้เฒ่าไป่ นับวันเจ้ายิ่งไร้ประโยชน์เสียจริง พวกเราอยู่ทางนี้”ทางเสิ่นหมิงหยวนมีคนตะโกนเรียกเขา ไป่ชงซานอายุหกสิบห้าปีแล้ว ในยุคโบราณที่อายุเฉลี่ยไม่ถึงห้าสิบปี เขาก็ถือว่าอายุยืน มีอาการสายตายาวตามอายุตั้งนานแล้ว และอาการสายตายาวค่อนข้างรุนแรงอีกด้วยราวกับไป่ชงซานไม่ได้ยินคำพูดของคนผู้นั้น เขาคุกเข่าลงไปทันทีและหยิบถุงผ้าเล็ก ๆ ออกมาจากกระเป๋าอก ถุงผ้าเล็กๆอัดแน่นไปด้วยสิ่งของ จนแทบจะทะลักออกมาแล้วหลังจากที่หยิบถุงผ้า
ตอนแรกเฉินฝานปรากฏตัวขึ้นในสายตาของราษฎรชาวต้าชิ่งในฐานะนายบำเรอของฉินเย่ว์เหมย คนที่ไม่รู้จักเขาดีย่อมดูแคลนเขาอย่างยิ่ง มีผู้คนมากหมายเห็นเขาเป็นคนประเภทเดียวกับนางสนมจอมล่อลวงเมื่อพรรคพวกของเสิ่นหมิงหยวนปลุกปั่นเช่นนี้ ชาวบ้านรอบ ๆ ก็รู้สึกอีกแล้วว่าพวกเขาพูดถูกต้อง เสิ่นหมิงหยวนสมควรถูกจับ เฉินฝานเองก็ควรถูกจับเช่นกัน“ไป่เผยหราน เหตุใดยังไม่ให้คนของเจ้าลงมือจับกุมเสิ่นหมิงหยวนให้เราอีก” ฉินเย่ว์เหมยหัวเสียเล็กน้อยหากเป็นผู้อื่น เมื่อฮ่องเต้มีรับสั่ง ไฉนเลยยังจะสนใจอะไรอีก ย่อมต้องจับกุมทันที แต่ไป่เผยหรานไม่ใช่ผู้อื่น ในใจของเขา กฎหมายและความยุติธรรมอยู่เหนือทุกสิ่ง หลักฐานที่เฉินฝานแสดงออกมาในตอนนี้ทำได้เพียงพิสูจน์ว่าเสิ่นหมิงหยวนวางแผนทำร้ายเขาเท่านั้นจริง ๆ แต่ไม่อาจพิสูจน์ยืนยันได้ว่าเขาไม่ได้วางยาพิษในใจของไป่เผยหรานย่อมเชื่อว่าเฉินฝานไม่มีทางวางยาพิษ แต่ว่าภายใต้สายตาจ้องมองของประชาชน หากจับกุมเพียงเสิ่นหมิงหยวนแต่ไม่จับกุมเฉินฝาน เขาทำไม่ได้เมื่อมองฉินเย่ว์เหมยที่โกรธเกรี้ยว แล้วมองไป่เผยหรานที่ทำหน้าลำบากใจ เสิ่นหยวนเลี่ยงก็ลอบปีติยินดีในใจ นับถือบิดาของตนมากยิ่ง
“ขุนนางต่ำต้อยอย่างกระหม่อมไม่มีอะไรจะพูดพ่ะย่ะค่ะ เรื่องที่จางทงและจางสิงทำเป็นคำสั่งของกระหม่อมจริง กระหม่อมเป็นคนทำเพียงผู้เดียวพ่ะย่ะค่ะ”เสิ่นหมิงหยวนเงียบไปครู่เดียวเท่านั้นก็ยอมรับทันที ไม่เพียงแต่เฉินเย่ว์เหมยที่ประหลาดใจ แม้แต่เสิ่นหยวนเลี่ยงก็ประหลาดใจเช่นกันผู้คนทั้งต้าชิ่งต่างรู้ว่าอัครเสนาบดีเบื้องซ้ายและเบื้องขวาเป็นศัตรูคู่อาฆาตกันมาโดยตลอด ทั้งสองฝ่ายขับเคี่ยวกันไม่ยอมปล่อย และรู้ว่าเรื่องการวางยาพิษในครั้งนี้จะต้องเกี่ยวพันกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอย่างแน่นอน แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าเสิ่นหมิงหยวนจะยอมรับอย่างตรงไปตรงมาถึงเพียงนี้“ท่านพ่อ...”เสิ่นหยวนเลี่ยงเบิกตาโตมองเสิ่นหมิงหยวน แต่เสิ่นหมิงหยวนกลับก้มหน้าลงครึ่งหนึ่ง ไม่มีใครมองเห็นสีหน้าของเขาได้อย่างชัดเจน“ดูท่าเสิ่นหมิงหยวนคิดจะสู้จนตกตายไปด้วยกัน”เฉินฝานพูดเสียงเบา เขาเอ่ยคำพูดนี้จบ เสียงเย็นชาเคร่งขรึมของฉินเย่ว์เหมยก็ดังมาจากด้านหน้าว่า “ขุนนางต่ำต้อย? ตอนนี้เจ้าเป็นขุนนางผู้กระทำผิดไม่มีสิทธิ์เรียกขานตนเองว่าขุนนางต่ำต้อยแล้ว ไป่เผยหราน จับกุมเสิ่นหมิงหยวนเสีย!” เสิ่นหมิงหยวนเบนศีรษะเล็กน้อย เสิ่นหยวนเลี่ยงม
ครึ่งชั่วโมงต่อมา สีหน้าของจางทงและองครักษ์ของเสิ่นหมิงหยวนไม่ได้ซีดเผือดเหมือนเมื่อครู่นี้แล้ว จางทงได้รับพิษสองครั้ง เขาดูอ่อนแอเล็กน้อยส่วนองครักษ์ของเสิ่นหมิงหยวนมีสีหน้าปกติ ราวกับไม่ได้รับพิษเลยการล้างท้องเป็นวิธีการช่วยชีวิตผู้ได้รับพิษในทางศัลยแพทย์ เป็นวิธีการรักษาที่ธรรมดาอย่างยิ่งในยุคปัจจุบัน แต่ในสายตาคนโบราณเหล่านี้เป็นเรื่องที่น่าตกตะลึงจริง ๆ “ช่วยชีวิตได้แล้ว ใต้เท้าเฉินช่วยชีวิตทั้งสองคนได้จริง ๆ!” “กินสารหนูแล้วยังช่วยชีวิตกลับมาได้ด้วย? ใต้เท้าเฉิน นั่นเป็นวิชาแพทย์จริง ๆ หรือ?” “ไฉนเลยวิชาแพทย์จะร้ายกาจถึงเพียงนี้ เป็นวิชาเซียนต่างหากเล่า” “ใต้เท้าเฉินเป็นเทพสวรรค์จุติลงมา!” นี่ก็คือชาวบ้านทั่วไป ในสายตาของพวกเขามีแค่ดำสุดโต่งและขาวสุดโต่งเมื่อพวกเขาโดนฝ่ายเสิ่นหมิงหยวนหลอกลวง ก็ด่าทอเฉินฝานด้วยคำพูดที่โหดร้ายสุดขีด ตอนนี้พบว่าเฉินฝานเป็นคนดีแล้ว พวกเขาก็สรรเสริญเฉินฝานอย่างดีที่สุดโดยไม่ตระหนี่เลย พวกเขาไม่เพียงสรรเสริญเฉินฝาน แถมยังเริ่มด่าทอสงสัยเสิ่นหมิงหยวนด้วย “พวกเจ้าดูองครักษ์ผู้นั้นสิ หากเมื่อครู่นี้ไม่ได้เห็นกับตาตนเอง ข้าไม่อยากจ
“ท่านพี่!” จางสิงร้องเสียงดัง โน้มตัวไปกอดจางทง “ใต้เท้า รีบช่วยพี่ชายของข้าด้วยขอรับ”แม้ว่าจะเตรียมใจไว้แล้ว แต่ตอนที่จางทงกินสารหนูลงไปจริง ๆ จางสิงก็รู้สึกตื่นตระหนกในใจไม่ไหวแล้วเฉินฝานสามารถช่วยพวกเขากลับมาจากประตูผีได้ครั้งหนึ่ง ไม่ได้หมายความว่าจะช่วยได้เป็นครั้งที่สองพิษสารหนูออกฤทธิ์ไวมาก เวลานี้ใบหน้าของจางทงไม่มีสีเลือดเลยสักนิดเดียว ร่างกายเริ่มชักกระตุก มีเลือดไหลออกมาจากมุมปาก“เฮ้อ!” เฉินฝานถอนหายใจ “นี่เจ้าจะลำบากลำบนทำไมกัน?”“ใต้เท้า ข้าน้อยไม่ได้ลำบาก เพราะนี่เป็นโอกาสเดียวที่ข้าน้อยจะได้เป็นคนขอรับ” จางทงฝืนข่มกลั้นความเจ็บปวดอย่างรุนแรง ฝืนยิ้มให้เฉินฝาน “รบ...กวนท่าน...ช่วยข้าน้อยอีกสักครั้ง...” เมื่อพูดจบ ร่างกายของจางทงก็เริ่มชักกระตุกอย่างรุนแรง ตาขาวเริ่มเหลือกขึ้นมาเช่นกัน เลือดที่ไหลออกมาจากมุมปากเยอะขึ้นเรื่อย ๆ“เร็วเข้า หามเขาไปที่โรงเตี๊ยม!”จางทงถูกหามเข้าไปในโรงเตี๊ยมได้ไม่นาน องครักษ์ของเสิ่นหมิงหยวนก็ถูกหามเข้ามาด้วยเช่นกันในขณะที่เฉินฝานสั่งให้คนหามจางถงเข้าไปในโรงเตี๊ยม เสิ่นหมิงหยวนก็ให้คนกรอกสารหนูใส่ปากองครักษ์ผู้นั้น เสิ่นหมิงห
“ให้เขากิน!”เสิ่นหมิงหยวนผลักองครักษ์คนนั้นไปตรงหน้าเฉินฝานทันที“ใช่แล้ว จะปล่อยให้เฉินฝานเลือกคนกินสารหนูไม่ได้” พรรคพวกของเสิ่นหมิงหยวนพากันสนับสนุน“ไม่เพียงไม่อาจให้เฉินฝานเลือก สารหนูก็ต้องให้ใต้เท้าเสิ่นหาคนไปนำมาด้วยเช่นกัน” เฉินฝานไม่มีความเห็นอะไรกับข้อเสนอนี้ของเสิ่นหมิงหยวนเลย คนของเสิ่นหมิงหยวนกินสารหนู นี่เป็นข้อเสนอที่ไม่อาจดีไปกว่านี้แล้วองครักษ์ที่โดนผลักออกมาหน้าซีดเผือด ร่างกายสั่นเทา หากไม่ใช่เพราะมีคนพยุงอยู่ข้าง ๆ เกรงว่าตอนนี้เขาคงจะตกใจกลัวจนล้มไปกองกับพื้นแล้ว “สั่นทำไม ใต้เท้าเลี้ยงดูเจ้ามานานถึงเพียงนี้ ก็ถึงเวลาที่เจ้าต้องตอบแทนแล้ว” รองแม่ทัพข้างกายเสิ่นหมิงหยวนตะคอกใส่องครักษ์ผู้นั้นเบา ๆ “ข้าน้อย...”“วางใจได้ หากเจ้าตาย ครึ่งชีวิตที่เหลือของมารดา ภรรยาและบุตรสาวของเจ้าจะมีเงินให้ใช้ไม่หมดไม่สิ้น ได้ใช้ชีวิตที่ดีเหนือผู้อื่นตลอดไป หากเจ้าสั่นอีก เช่นนั้นก็อย่าโทษว่าข้าไม่เกรงใจ ให้พวกเจ้าทั้งครอบครัวไปเจอกันที่ปรโลก” รองแม่ทัพของเสิ่นหมิงหยวนใช้ทั้งบุญคุณและความเข้มงวดกับองครักษ์ผู้นั้น องครักษ์ผู้นั้นค่อย ๆ เลิกดิ้นรน สองตาว่างเปล่า ยืนอยู