“ก็ได้ ข้าจะเชื่อใจเจ้า!”ถึงแม้น้ำเสียงของฉินเย่ว์เหมยจะแผ่วเบา ทว่าความตั้งใจหนักแน่นอย่างมากนางเชื่อมั่นเฉินฝานอย่างแท้จริงนางมิรู้ว่าสงครามการค้าที่เฉินฝานกล่าวถึงคือสิ่งใดกันแน่ รู้เพียงว่าแค่มีเฉินฝานอยู่ นางก็สบายใจแล้วจันทราด้านนอกหน้าต่าง ปรากฏอยู่บนท้องนภาแล้วในค่ำคืนที่สิบห้าจันทราเต็มดวงเป็นพิเศษ แสงจันทร์เย็นยะเยือกส่องมาที่ใบหน้าเย็นยะเยือกแบบเดียวกันของฉินเย่ว์เหมยทว่ามิทำให้ผู้คนรู้สึกหนาวเหน็บหัวใจ กลับขับความเย็นชาชวนหลงใหลของฉินเย่ว์เหมยให้เด่นชัดขึ้นปอยผมที่ปลิดปลิว ใบหน้าอันยลโฉม ทำให้นางดูเป็นความงดงามของชนชั้นสูงลมพัดลอดผ่านทางหน้าต่างมาทำให้ผมตรงหน้าผากของฉินเย่ว์เหมยยุ่งเหยิงเฉินฝานเอื้อมมือไปจัดผมให้ฉินเย่ว์เหมยอย่างแผ่วเบาหาได้ยากที่ฉินเย่ว์เหมยจะมิผลักเฉินฝานออกไปความรู้สึกลึกซึ้งในใจของทั้งสองคนหยั่งรากลึกขึ้นเรื่อย ๆในตอนที่สติหลุดลอย ริมฝีปากของเฉินฝานก็ไปอยู่ใกล้ริมฝีปากของฉินเย่ว์เหมยแล้ว...“ฝ่าบาท!”หงอิงเดินมาที่ทางเข้าตำหนักหย่งเหอด้วยท่าทางรีบร้อน“ข้า ข้าน้อยมิเห็นอันใดทั้งสิ้น!”หงอิงมิอยากรบกวนพวกเฉินฝาน จึงรีบหันหน้า
ปรากฏว่าหมอหลวงสวีกลับเข้ามาอย่างกะทันหัน หากหมอหลวงสวีอยู่ การที่เสิ่นหมิงหยวนคิดที่จะให้เสิ่นไต้มั่นแสร้งตั้งครรภ์ก็แทบจะเป็นไปมิได้แล้วตอนนี้ต่อให้เขาจะหาสตรีที่ตั้งครรภ์มาได้แล้ว ก็ต้องให้เสิ่นไต้มั่นตั้งครรภ์ให้ได้เสียก่อนหลังจากที่เฉินฝานออกไปปราบก่อกบฏแล้ว ฉินเย่ว์เหมยก็อ้างว่ารู้สึกกระวนกระวายใจอย่างมากจึงปฏิเสธมิเข้าวังหลังกองกองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งแสนสามหมื่นนายบุกเข้าโจมตีเมืองหลวง ฉินเย่ว์เหมยมิเข้าวังหลัง เสิ่นหมิงหยวนก็พูดอะไรมากมิได้ตอนนี้กำจัดกองกำลังกบฏได้แล้ว เสิ่นหมิงหยวนจึงให้แม่ของเสิ่นไต้มั่นเข้าวัง เพื่อที่ให้นางทำทุกวิถีทางพยายามเอาอกเอาใจฉินเย่ว์เหมย และตั้งครรภ์รัชทายาทก่อนปีใหม่ให้จงได้หลังจากที่ขึ้นปีใหม่ ท้องพระคลังก็จะถูกเฉินฝานผลาญจนหมดสิ้นถึงตอนนั้น เฉินฝานก็ถูกตราหน้าว่าเป็นคนขายชาติกิน อย่าว่าแต่ตำแหน่งอัครเสนาบดี แม้แต่ชีวิตเขาก็คงจะรักษาไว้มิได้!เมื่อเฉินฝานตายแล้ว เสิ่นหมิงหยวนก็จะเนรเทศฉินเย่ว์เหมยออกไปทันที ถึงตอนนั้น เขาจะมิรีรอ ผลักดันให้เสิ่นไต้มั่นที่กำลังตั้งครรภ์ขึ้นบัลลังก์ทันทีความปรารถนาที่โค่นล้มบัลลังก์ของเสิ่นหมิงหยว
“ตอนนี้แคว้นต้าชิ่งของพวกเจ้าเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่สุดของพวกเราแล้ว ข้าต้องมาส่งสินค้าด้วยตนเองอยู่แล้ว”ตอนที่โอวหยางน่าหลันกล่าว ก็ยื่นมือออกมาคิดจะฉวยโอกาสแตะตัวเฉินฝาน ทว่าเฉินฝานก็สามารถเบี่ยงตัวหลบได้ทันท่วงทีอีกครั้งโองหยางน่าหลันใช้มือจับคางพลางหรี่ตามองเฉินฝานหลบได้ก็หลบไปเถอะ ดูสิว่าเจ้าจะหลบได้สักกี่น้ำตอนที่มาส่งสินค้าครั้งหน้า ข้าจักต้องทำให้เจ้ายอมขึ้นเตียงปล่อยตัวให้ข้าเล่นสนุกตามใจให้จงได้เมื่อเดินไปส่งโอวหยางน่าหลันเรียบร้อยแล้ว เฉินฝานที่เพิ่งเดินมาถึงจวนอัครเสนาบดีของตน ก็เห็นว่ามีคนผู้หนึ่งเดินออกมาต้อนรับ“สามัญชนหลี่ซานทำความเคารพท่านอัครเสนาบดี!”คนที่เดินออกมารับคือหลี่ซานการปรากฏตัวของหลี่ซานมิใช่เรื่องบังเอิญ เป็นเพราะเฉินฝานเรียกเขามาต่างหาก“พี่หลี่ ระหว่างพวกเรามิจำเป็นต้องพูดจาตามมารยาทเพียงนั้นหรอก เจ้ารีบตามข้ามาเถิด”เฉินฝานและหลี่ซานพูดคุยกันอยู่ในห้องหนังสือตั้งแต่หัววันจนดึกดื่น-เรื่องที่ต้าชิ่งกว้านซื้ออาวุธจากแคว้นหลู่เพียงในพริบตาเดียว ทำให้แคว้นโดยรอบแตกตื่นทันทีล้วนพากันคาดเดาว่าต้าชิ่งกำลังเตรียมทำสงคราม จ้องที่จะโจมตีแคว้นใด
ราชทูตต่างแคว้นที่มาแย่งซื้ออาวุธของแคว้นหลู่ยังคงทยอยมาที่เมืองหลวงแคว้นหลู่อย่างมิขาดสายเข้าสู่วันที่เจ็ด“องค์หญิง!”“เลขาธิการฝ่ายพิธีการ!” โอวหยางน่าหลันที่นั่งอยู่รถเข็นโบกมืออย่างเหนื่อยหน่าย “ราชทูตแคว้นใดมามาก็มิต้องกราบทูลแล้ว พวกเจ้าฝ่ายพิธีการจัดการตามสะดวกเถิด!”“องค์หญิง กระหม่อมมิใช่เลขาธิการกรมพิธีการ เป็นเลขาธิการกรมคลังขอรับ!”“โอ้ กรมคลังนี้เอง!” โอวหยางน่าหลันเพิ่งจะรู้ตัวว่าแท้จริงแล้วคนที่เข้ามามิใช่เลขาธิการฝ่ายพิธีการ รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที“เจ้ามีเรื่องอันใด? รีบกราบทูลมา!”โอวหยางน่าหลันร้อนรนใจนางอยากจะรีบจัดการราชกิจในสำนักให้เสร็จโดยเร็ว จากนั้นจะรีบมุ่งหน้าไปโรงทำอาวุธเร่งเร้าให้เหล่าช่างตีเหล็กทำอาวุธให้เสร็จโดยเร็วนางมิอยากรอจนถึงหนึ่งเดือน อยากจะรีบทำอาวุธชุดแรกของต้าชิ่งให้เสร็จสิ้นโดยเร็วนางอดใจรอที่จะพบเฉินฝานอีกครั้งมิไหวแล้วเรือนร่างและใบหน้าของเฉินฝานติดตรึงอยู่ในใจของนางแล้วเฉินฝานเป็นดาวนำโชคของนางจริง ๆ นางไปต้าชิ่งเพียงครั้งเดียว มิเพียงแต่มีโอกาสที่จะได้ครอบครองเขตแดนของต้าชิ่ง และยังทำเงินได้จำนวนมหาศาลอีกด้วย“อง
เฉินฝานเดินเข้ามาในพระราชวังก็ได้กลิ่นสาบเนื้อวัวที่รุนแรงทันทีขุนนางในราชสำนักส่วนใหญ่เป็นขุนนางขั้นสามขั้นสี่ มิมีที่นาและร้านค้า โดยเฉพาะนักว่าการที่มิคดโกงเหล่านั้น ปกติก็สามารถใช้เบี้ยหวัดรายเดือนใช้ชีวิตได้อย่างมิต้องกังวล เมื่อมิได้เบี้ยหวัดรายเดือนจึงมีปัญหาเรื่องปากท้องทันทีเพื่อที่จะแก้ปัญหานี้ ฉินเย่ว์เหมยจึงจำใจซื้อเนื้อวัวจากแคว้นหลู่มาแจกจ่ายให้เหล่าขุนนางหากอยากปรุงเนื้อวัวให้เลิศรส ต้องอาศัยฝีมือในการปรุงรสอย่างมากโดยปกติคนต้าชิ่งมิชอบรับประทานเนื้อวัวเท่าใดนัก คนส่วนใหญ่มิได้ชำนาญในการปรุงรส ผนวกกับที่เนื้อวัวแคว้นหลู่กลิ่นสาบรุนแรงอย่างมากกลิ่นสาบเนื้อวัวนี้ตลบอบอวลไปทั้งพระราชวังจนทำให้เฉินฝานสำลักจนแทบอยากอาเจียนออกมา เขาใช้มือปิดจมูกตามสัญชาตญาณท่าทางของเขาทำให้เหล่าขุนนางทุกคนจ้องมองด้วยความเดือดดาลตอนนี้เฉินฝานเป็นอัครเสนาบดีเบื้องซ้าย พวกเขาจึงทำได้เพียงเก็บความเดือดดาลไว้ในใจปิดจมูกงั้นรึ เจ้ายังมีหน้ามาปิดจมูกอีกหรือ ที่ต้องเป็นเช่นนี้ล้วนเป็นความผิดของเจ้ามิใช่รึ?หากสายตาสามารถฆ่าคนได้ เกรงว่าตอนนี้เฉินฝานคงถูกแทงเป็นรูพรุนไปนานแล้วฉินเย่
เฉินฝานหอบกองสาสน์กราบทูลเดินมานั่งข้างฉินเย่ว์เหมย “เรื่องอันใดรึ?”“จักรพรรดินีอีจี๋แคว้นเหมี่ยน จะมาถึงเมืองหลวงในอีกสองวัน”“อีจี๋จะมาถึงแล้วงั้นรึ?”เฉินฝานยินดียิ่ง ก่อนหน้าที่เขาเรียกหลี่ซานมาเพื่อที่จะให้เขาไปแคว้นเหมี่ยนคิดมิถึงว่าฉินเย่ว์เหมยจะรู้เรื่องที่ว่าอีจี๋จะมาก่อนเขาเสียอีก“แต่...” เฉินฝานขมวดคิ้ว “ไฉนนางเดินทางมาด้วยตนเองล่ะ? ตอนนี้ตั้งครรภ์จวนจะเก้าเดือนใกล้คลอดแล้ว มิควรเดินทางไกล!”“เจ้า...” ฉินเย่ว์เหมยกล่าวถามเฉินฝานด้วยเสียงเยือกเย็น “ไยเจ้าจึงรู้ว่าจักพรรดินีอีจี๋ตั้งครรภ์และใกล้จะถึงกำหนดคลอดด้วย...เจ้า!”ฉินเย่ว์เหมยหน้านิ่วคิ้วขมวด “หรือว่าเด็กในท้องเป็นลูกของเจ้ารึ?”มิต้องรอให้เฉินฝานกล่าวตอบ ฉินเย่ว์เหมยใช้สาสน์กราบทูลฉบับหนึ่งฟาดไปที่ศีรษะเฉินฝานทันที “ช่างเป็นชายเสเพลมักมากเสียจริง!”ฉินเย่ว์เหมยโกรธเป็นฟืนเป็นไฟจนลุกขึ้นเดินเข้าไปในตำหนักด้านในเฉินฝานคิดว่าฉินเย่ว์เหมยคงเข้าไปประเดี๋ยวเดียวก็ออกมาเหมือนเคย ปรากฎว่าผ่านไปนานแล้วก็ยังมิออกมาเฮ้อเฉินฝานยักไหล่ สตรีช่างเอาแต่ใจเสียจริง“ฝ่าบาท!” เฉินฝานเดินเข้าไปตำหนักในเพื่อแสดงความเคา
“จักรพรรดินีแคว้นเหมี่ยนมีความเกี่ยวข้องอันใดกับสงครามการค้าระหว่างพวกเราต้าชิ่งและแคว้นหลู่?”ฉินเย่ว์เหมยงุนงงอย่างมาก“แคว้นเหมี่ยนมีพื้นที่น้อยกว่าแคว้นหลู่เสียอีก จำนวนผู้ชายก็มิได้มากมาย หากจักรพรรดินีแคว้นเหมี่ยนจะประกาศสงครามกับแคว้นหลู่เพื่อพวกเราต้าชิ่ง ข้าคิดว่า...”ฉินเย่ว์เหมยจ้องแววตาของเฉินฝานอย่างจริงจัง น้ำเสียงหนักแน่น “ราษฎรแคว้นเหมี่ยนจะต้องมิยินยอมเป็นแน่ หรือเจ้าคิดที่ให้จักรพรรดินีแตกหักกับราษฎรแคว้นเหมี่ยนเพียงเพราะเจ้าคนเดียวรึ?”อย่างไรก็ตามตอนนี้ฉินเย่ว์เหมยก็ยอมแตกหักกับทุกคนในต้าชิ่งเพื่อเฉินฝานแล้วความกดดันที่จับต้องมิได้เช่นนั้น นางเข้าใจเป็นอย่างดีเฉินฝานส่ายหน้า กล่าวอย่างจริงจัง “จะมิเป็นเช่นนั้นอย่างแน่นอน แคว้นเหมี่ยนเป็นของอีจี๋ ถึงแม้ตอนนี้ข้าจะเป็นสามีของนาง ทว่าข้ามิเคยคิดอยากได้ของของนาง”ฉินเย่ว์เหมย: “หากมิมี ไฉนเจ้าต้องเรียกให้จักรพรรดินีมาตอนหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้?”“เพราะอีจี๋ร่ำรวยไงเล่า!”เฉินฝานกลับมีท่าทียิ้มแย้มแจ่มใสมิเคร่งขรึมมากนักดังเดิมแล้ว“มิได้จ่ายเบี้ยหวัดรายเดือนนานแล้ว ครอบครัวข้าแร้นแค้นแทบจะมิมีอันจะกินแล้ว”“อ
“ตอนนี้ร้านสิ่งทอขาดแคลนผ้า ร้านฟืนก็มิมีฟืนแล้ว ถึงแม้ร้านข้าวจะยังพอมีข้าวอยู่บ้าง ทว่าข้าวที่คุณภาพแย่ก็ยังราคาแพง เมื่อสอบถามพบว่าตอนนี้ทางการเก็บภาษีสูงลิ่ว เหล่าเจ้าของร้านมิมีเงินซื้อสินค้ามาขายแล้ว”“โอ้ เมื่อก่อนข้ายกย่องใต้เท้าเฉินอย่างมาก เขาสามารถฝึกกองกำลังลาดตระเวนห้าหมื่นคนให้เป็นผู้กล้าได้ และยังสามารถกำจัดกองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งแสนสามหมื่นคนให้ราบเป็นหน้ากลองได้อีก อายุยังมิเยอะก็สามารถเป็นอัครเสนาบดีเบื้องซ้ายได้แล้ว มิคิดเลยว่าเขาจะกลายเป็นแบบนี้ ข้ามิเข้าใจว่าเหตุใดเขาต้องซื้ออาวุธมากมายเพียงนั้น”“ข้าว่าเขาหลงระเริงแล้วกระมัง คิดว่ากองกำลังลาดตระเวนห้าหมื่นคนของตนสามารถเอาชนะกองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งแสนสามหมื่นคนได้ คงจะคิดแผนจะไปโจมตีแคว้นใดแคว้นหนึ่งอยู่กระมัง”“นี่เป็นความอันตรายของคนที่อายุน้อยแต่ได้รับตำแหน่งสูง อายุน้อยเกินไปก็ทำให้โอหังและหลงระเริงได้ง่าย!”“หลงระเริงเกินไปแล้วกระมัง มิเห็นค่าชะตาชีวิตของพวกเราชาวบ้านเลยงั้นรึ?”“ข้าว่าตอนนี้เขาก็คงมิได้ใส่ใจพวกเราอยู่แล้ว!”“เหอะ ขุนนางจัญไร!”เสียงด่าประณามเฉินฝานของฝูงชนเริ่มทวีความรุนแรงขึ้นเรื่
“ได้เลย หมูน้ำแดง ซี่โครงหมูเปรี้ยวหวาน จัดให้เลยพรุ่งนี้” เฉินฝานตอบเสียงดัง“หมูน้ำแดง ซี่โครงหมูเปรี้ยวหวาน!”ทหารทุกคนล้วนเข้าใจจุดประสงค์ที่เฉินฝานให้พวกเขากินดื่มกันยกใหญ่บนภูเขา ดังนั้นจึงพร้อมใจกันทวนชื่ออาหารเสียงดัง“ใต้เท้า!”ขณะที่เฉินฝานกำลังเตรียมตัวจะกลับไปพักผ่อน ทันใดนั้นเหอจื่อหลินก็พาสตรีนางหนึ่งมาหาเขาสตรีผู้นั้นเป็นคนที่มาจากด้านล่างหุบเขา นางคือสาวใช้คนสนิทของโอวหยางหน่าหลัน“ข้าขอพบใต้เท้าเฉิน อัครเสนาบดีฝ่ายซ้ายของพวกท่าน!” สาวใช้ผู้นั้นเอาแต่กล่าวเช่นนี้ซ้ำ ๆ “ข้านี่แหละ” เฉินฝานกล่าวสาวใช้ผู้นั้นมองเฉินฝานอย่างพิจารณาพลางเอ่ยพึมพำในปากว่า “ใบหน้าขาวสะอาด รูปร่างกำยำ เสียงทุ้มนุ่มลึก”“เช่นนั้นข้าตรงกับเงื่อนไขหรือไม่?” เฉินฝานเอ่ยด้วยรอยยิ้ม“ยิ้มแล้วดูซื่อ ๆ” สาวใช้มองเฉินฝานแล้วเอ่ยพึมพำกับตนเองอีกครั้ง“อ้อ!” เฉินฝานยิ้มพลางพยักหน้า “ที่แท้ในสายตาองค์หญิงของพวกเจ้าข้ามีภาพลักษณ์เช่นนี้เอง!”“องค์หญิงของเราตรัสว่าพวกเรายอมจำนนก็ได้!” สาวใช้ผู้นั้นกล่าว“นี่เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องยิ่งนัก องค์หญิงของพวกเจ้าควรทำเช่นนี้ตั้งนานแล้ว”“แต่ว่าพระ
เฉินฝานกล่าวจบไปได้พักใหญ่แล้ว เหอจื่อหลินยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม“พี่จื่อหลิน มิใช่ว่าอยากรีบจบเรื่องนี้โดยเร็วหรอกหรือ? เหตุใดพี่ยังมัวอึ้งอยู่ที่นี่เล่า? รีบลงมือสิ!” เฉินฝานเร่งเหอจื่อหลิน “ทราบดีว่าท่านมีคำถามอยู่เต็มสมอง ตอนนี้ไม่อาจอธิบายให้ท่านฟังโดยละเอียด ท่านไปจัดการก่อน อีกไม่นานข้าจะมา”หลังจากที่เหอจื่อหลินจากไปแล้ว เฉินฝานก็พาฉินเย่ว์เจียวเข้าเมืองลู่ตูทันทีไม่นาน เขาก็พาคนออกมาจากเมืองลู่ตู มุ่งหน้าสู่เนินเขากงจียามที่เฉินฝานไปถึง พ่อครัวทหารของกองทัพต่าง ๆ กำลังขนย้ายเครื่องครัวมาถึงพอดี ขณะเดียวกันเจ้าเมืองลู่ตูก็นำไก่หนึ่งพันตัวมาส่งให้เช่นกันเฉินฝานให้พ่อครัวทหารของกองทัพต่าง ๆ ตั้งเตาหลายสิบเตาของแต่ละกองทัพตรงสถานที่ที่มีลมโกรก ต้มน้ำเดือด หั่นไก่ที่เชือดเรียบร้อยแล้วเป็นชิ้น ๆ แล้วเคี่ยวลงในหม้อผ่านไปไม่นานนัก น้ำแกงไก่ในหม้อเหล็กใบใหญ่ก็เดือดปุด ๆ กลิ่นหอมของน้ำแกงไก่เข้มข้นอบอวลไปทั่วหุบเขาอย่าว่าแต่ทหารหลู่ที่หิวจนท้องร้องโครกครากเลย ต่อให้เป็นกองทัพลาดตระเวนที่เพิ่งกินข้าวอิ่มเมื่อครู่นี้ต่างก็น้ำลายไหลถึงพื้นแล้ว เฉินฝานกล่าวเสียงดังว่า “เหล
มองทหารที่อยู่ในหลุมหลบภัย ถูกไฟคลอกทั้งตัว เกลือกกลิ้งไปมาด้วยความเจ็บปวด รวมถึงน้ำมันสนที่ยังคงไหลไม่หยุด ทหารหลู่ที่ยังไม่กระโดดลงไปในหลุมหลบภัย ไม่กล้ากระโดดลงไปแล้วทหารหลู่ที่เดิมทีจะฝ่าวงล้อมออกไปได้แล้วนั้น ถูกขังด้วยเพลิงไฟ“เหี้ยมโหดยิ่งนัก!”โอวหยางหน่าหลันตะโกนด้วยความโมโหหลังจากนั้น เฉินฝานทำเพียงอย่างดีซึ่งก็คือขุดหลุมรอบทหารหลู่ แล้วเทน้ำมันสนลงไปเรื่อยๆตอนทหารหลู่ย้อนกลับไปทางเดิม ไปถึงหุบเขาต้าถัง หลี่จื้อใช้วิธีการเดียวกัน อีกทั้งเขายิ่งสบายกว่าหุบเขาต้าถังมีเพียงทางเดียว เขาสั่งให้คนขุดหลุมยาว เทน้ำมันสนปริมาณมากลงไป เมื่อทหารหลู่มาถึง เปลวไฟในหลุมลุกโชนทหารหลู่อยากฝ่าออกไปโดยใช้เส้นทางบนหุบเขา กองทัพลาดตระเวนประจำการอยู่ที่นั่น ยิ่งง่ายในการต่อสู้ยิ่งไปกว่านั้น ทหารหลู่ไม่มีอะไรตกถึงท้องมาหนึ่งวันแล้ว ต่อสู้ตลอดทั้งวัน พวกเขาแทบจะใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีจนสิ้นแล้วหฃังจากปิดล้อมทหารหลู่ เฉินฝานก็สั่งให้หยุดโจมตีตอนนี้เพียงปิดล้อมไม่ต้องโจมตีแล้ว ไม่จำเป็นต้องสิ้นเปลืองอาวุธและชีวิตอันล้ำค่าของกองทัพลาดตระเวนอีกต่อไป“ใต้เท้า ส่งคนเข้าไปสามรอบแล้ว
“สหายทั้งหลาย ลุย! อย่าให้ทหารหลู่ไปถึงหลุมหลบภัยที่สามของทหารหญิงเด็ดขาด”เวลานี้ ทหารกองกำลังที่สามจากหุบเขาเสี่ยวถังมาถึงแล้วเมื่อทหารกองกำลังที่สามถึง ซุนลี่ก็ออกคำสั่งทันที“ทหารทั้งหลาย กองทัพลาดตระเวนต้าชิ่งเริ่มปิดล้อมแล้ว เหลืออีกเพียงหนึ่งแนวป้องกันเท่านั้น ก็จะฝ่าออกไปจากการปิดล้อมได้แล้ว!”ทางด้านทหารหลู่ โอวหยางน่าหลันก็ฉีดยาให้กำลังใจทหารหลู่“อย่ายอมตายอย่างอดอยากเด็ดขาด ฝ่าออกไป!”ทหารหลู่ราวกับเครื่องจักรที่ไร้ความรู้สึก ไม่ว่าข้างกายจะมีคนล้มลงมากน้อยเพียงใด พวกเขาล้วนมองไม่เห็น เป้าหมายของพวกเขามีเพียงหนึ่งเดียว ซึ่งก็คือไปถึงหลุมหลบภัยที่สามของทหารหญิง แล้วฝ่าวงล้อมออกไปเวลานี้ เหอจื่อหลินที่มาจากหุบเขาต้าถังมาถึงแล้วทหารกองกำลังที่ห้าของเหอจื่อเฝ้าหุบเขาต้าถัง เพื่อป้องกันทหารหลู่ถอยกลับไปทางด้านเหอจื่อหลินนำทัพกองกำลังที่สองเร่งเดินทางมา“ใต้เท้า ขืนเป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ช้าก็เร็วทหารหลู่ต้องฝ่าออกไปได้แน่นอน ข้ารีบเข้าเมืองลู่ตูตอนนี้ นำทหารเฝ้าเมืองห้าหมื่นนาย ไปเมืองลู่ตูเพื่อปิดกั้นเส้นทางการออกไปของทหารหลู่”“นี่ไม่ใช่วิธีการที่ดี!”เฉินฝานขมวดคิ
“ฝ่าออกไป ไม่อาจเป็นผีหิวตายเด็ดขาด!”โอวหยางน่าหลันลากเท้าที่บาดเจ็บ พุ่งตัวไปด้านหน้าหลังจากถูกยิงไปแล้วหนึ่งครั้ง ทหารรักษาพระองค์ล้อมโอวหยางน่าหลังทั้งสองสี่ด้าน คุ้มกันนางอย่างแน่นหนาลูกธนูของฉินเย่ว์เจียวยิงถูกคน ทว่าไม่อาจยิงโดนโอวหยางน่าหลัน“ฝ่าออกไป! ไม่อาจอดตายกลายเป็นผีได้!”คล้ายตอนอยู่นอกประตูเมืองลู่ตู จู่ๆ ทหารหลู่พุ่งตัวไปด้านหน้าอย่างไม่คิดชีวิตครั้งนี้ พวกเขาไม่วิ่งขึ้นหุบเขาอีกแล้ว พุ่งตัวไปหาทหารหญิง“ลุย จัดการพวกมันซะ!” มั่วเซินรีบออกคำสั่งทันทีทหารกองกำลังที่หนึ่ง รวมถึงทหารกองกำลังที่สามซึ่งรีบเดินทางมา ระดมกำลังต่อสู้ ช่วยคลายความกดดันให้ทหารหญิงบนพื้นดิน ทหารหลู่ล้มกองแล้วกองเล่า ศพกองเป็นภูเขาแต่พวกเขากลับไม่สนใจคนข้างกาย ยิงธนูใส่พวกสตรี อย่างบ้าคลั่งพร้อมกับพุ่งตัวไปด้านหน้าลูกธนูด้านหน้าถูกยิงมาราวกับสายฝน พวกทหารหญิงถึงขั้นไม่อาจเงยหน้าขึ้น“พี่น้องทั้งหลาย!” เย่ว์หนูร้องตะโกนเสียงดัง “ลงไปเร็วเข้าๆ ทหารหลู่มาใกล้เกินไปแล้ว สุ่มโยนได้เลย!”ทหารหญิงกระโดดลงจากเก้าอี้ ยืนอยู่ในหลุมหลบภัยแล้วสุ่มโยนระยะทางใกล้เช่นนี้ การสุ่มโยนระเบิดทห
“เจ้าค่ะ!”ฉินเย่ว์เจียวขึ้นสายเกาทัณฑ์ทันที “รับประกันว่าเพียงหนึ่งดอกก็คร่าชีวิตนางได้แล้ว”“อย่าสังหารนาง เพียงให้นางตกลงจากก้อนหินก็พอ ให้นางไม่กล้าเสนอหน้าอีกก็พอ” เฉินฝานรีบพูด“นายท่าน ท่านชมชอบนางหรือเจ้าคะ?”นี่เป็นครั้งแรกที่ฉินเย่ว์เจียว กล่าวถึงสตรีอื่นแล้ว เปี่ยมไปด้วยความหึงหวงนางไม่ชอบโอวหยางน่าหลัง สตรีที่คิดอยากจะเป็นผู้หญิงของนายท่าน นางไม่เคยกีดกัน แต่ว่าโอวหยางน่าหลันคนนี้ ไม่เพียงอยากแต่งงานกับนายท่าน ยังอยากแย่งนายท่านไปอีก ทำเกินไปแล้วจริงๆเฉินฝานยิ้ม “โอวหยางน่าหลันมีประทุมอวบอิ่มสะโพกผาย ทั้งยังร่ำรวย ชายใดบ้างที่จะไม่ชอบ?”รับรู้ได้ว่าสตรีข้างกายแทบจะเบิดอารมณ์แล้ว เฉินฝานรีบหุบยิ้ม พูดด้วยความจริงจัง “ข้าล้อเล่น ตอนนี้โอวหยางน่าหลันยังตายไม่ได้!”ต้องไว้ชีวิตนางเพื่อทำการต่อรองดวงหน้างดงามของฉินเย่ว์เจียวเปี่ยมไปด้วยความโมโห “ข้าต้องการให้นางตาย!”แม้จะพูดด้วยความโมโห แต่ตอนมือของฉินเย่ว์เจียวขึ้นสายเกาทัณฑ์ นางเบี่ยงมือเล็กน้อย“โอ๊ย~”สิ้นเสียงโอดครวญ โอวหยางน่าหลันที่ยืนอยู่บนก้อนหินขนาดใหญ่ตกลงไป“องค์หญิง!”“คุ้มกันองค์หญิง!”หลังจากโอวห
“หลุมลึกเช่นนั้น หากไม่มีเก้าอี้ พวกนางปีนป่ายขึ้นมาต้องใช้แรงมหาศาลทหารหลู่ที่วิ่งเร็วที่สุด เข้าสู่วงล้อมโจมตีของเนินเขากงจีแล้ว“ระวัง ด้านหน้ามีทหารต้าชิ่ง!”สายตาเฉียบแหลมของเขาพบว่าเส้นทางด้านหน้า มีโคลนหลายกอง อยู่บนถนน“เอ๊ะ เหตุใดข้าจึงรู้สึกว่านั่นเป็นพวกผู้หญิง?”“ไม่ใช่รู้สึก แต่พวกนางเป็นผู้หญิงจริงๆ”“ข้าได้ยินมาโดยตลอดว่าต้าชิ่งมีทหารหญิง คิดไม่ถึงว่าจะมีจริงๆ!”เมื่อเห็นว่าเป็นสตรี พวกทหารหลู่ผ่อนคลายลงมาก“เฮ้อ พวกเจ้าอย่าประเมินศัตรูต่ำเกินไป ข้าได้ยินว่าทหารหญิงแคว้นต้าชิ่ง ร้ายกาจยิ่งนัก”มีคนเตือน แต่ก็มีคนโต้กลับในทันทีทันใด?”“ใช่ ตอนนี้แข่งเรื่องต่อสู้ ไม่ได้แข่งเย็บปักถักร้อย”หลังจากเห็นทหารหญิงด้านหน้าแล้ว ทหารหลู่ที่หมดอาลัยตายอยากก่อนหน้านี้ กระปรี้กระเปร่าขึ้นมามาก“แม้กระทั่งสตรีก็ถูกสั่งให้มาสู้รบ ต้าชิ่งไม่มีบุรุษแล้วจริงๆ”“สหาย พวกเจ้าเห็นหรือไม่? สตรีต้าชิ่ง งดงามกว่าสตรีแคว้นหลู่ของเรา”“งดงามกว่าสตรีแคว้นหลู่ของเราจริงๆ สหาย ต้าชิ่งเหลือเพียงสตรีแล้ว พวกเรารีบฝ่าออกไป แล้วค่อยโต้กลับทีหลัง”“หลังจากยึดครองต้าชิ่ง สตรีต้าชิ่งทั้งหมดเ
“เฉินฝานเทน้ำชาในกา ทิ้งลงในเตาผิง จากนั้นวางกาน้ำชาเปล่าไว้บนโต๊ะ“ไปกันเถอะ!”“ไปไหนเจ้าคะ?” ฉินเย่ว์เจียวรีบตามไป“เนินเขากงจี เวลานี้ทหารหลู่น่าจะถอนกำลังไปถึงเนินเขากงจีแล้ว”ฉินเย่ว์เจียวกำลังคิดอยากจะถามเฉินฝาน เขารู้ได้อย่างไรว่าทหารหลู่จะถอยทัพไปถึงเนินเขากงจีแล้ว ถังหงชางหัวหน้าผู้ส่งสารกเข้ามาเมื่อเห็นเฉินฝาน ถังหงชางรีบวิ่งตามมา “ใต้เท้า น่าจะใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วยาม ทหารหลู่ก็จะไปถึงเนินเขากงจีขอรับ”“อื้ม!”เฉินฝานที่พยักหน้า รีบเดินออกไปเขาจะไปเนินเขากงจี การดักโจมตีบนเนินเขากงจี คือสิ่งสำคัญที่สุด การต่อสู้ครั้งนี้ตัดสินแพ้ชนะ ทั้งยังตัดสินชะตาแคว้นหลู่และต้าชิ่งการดักโจมตีบนเนินเขากงจี ไม่เพียงโจมตีบนหุบเขา ภาคพื้นดินมีทหารซุ่มโจมตี อีกทั้งระหว่างทาง ก็เป็นสิ่งสำคัญที่สุดเฉียนหงที่ประจำเนินเขายาจุ่ยกลับมาพร้อมกับทหารหลู่แล้ว...“ขุดเร็วเข้า ไม่ได้ ขุดลึกอีกหน่อย!”“ที่เจ้าขุดยังไม่ถึงแปดฟุตแปดนิ้ว ขุดอีก!”เฉินฝานยังไปไม่ถึง ก็ได้ยินเสียงเคร่งขรึมของเย่ว์หนูแล้วหลังจากทหารหลู่ผ่านเนินเขากงจี เฉินฝานให้คนไปส่งข่าวบอกเย่ว์หนู สั่งให้นางขุดหลุมตรงกลางถ
“เจ้า...”โอวหยางน่าหลันโมโหจนสั่นเทาไปทั้งตัว“องค์หญิง โปรดรับสั่งให้ถอยทัพในทันทีพ่ะย่ะค่ะ!” อวิ๋นเต๋อพูดซ้ำอีกรอบ อีกทั้งครั้งนี้แววตาของเขาลุ่มลึก“ถอยทัพ!”โอวหยางน่าหลันกัดฟันพูดหลังจบสิ้นสงครามนี้ คนพวกนี้ นางจะจัดการทีละคน“ทหารหลู่ของเรามีแปดแสนกว่านาย กองทัพลาดตระเวนมีหนึ่งแสนนาย เหตุใดต้องถอย?”ระหว่างทางถอยทัพ โอวหยางน่าหลันเจ็บแค้นใจมาโดยตลอด ถามอวิ๋นเต๋อซ้ำครั้งแล้วครั้งเล่า“องค์หญิง ตอนนี้พวกเรามีกำลังทหารไม่ถึงแปดแสนนายแล้วพ่ะย่ะค่ะ” อวิ๋นเต๋อตอบตอนโจมตีเมือง ทหารหลู่แลกด้วยชีวิต บวกกับโจมตีหุบเขาต้าถังเมื่อครู่ ตอนนี้ไม่มีเวลานับจำนวนคนแล้ว แต่ประสบการณ์ที่เคยนำทัพมาหลายปีของอวิ๋นเต๋อบอกกับเขาว่า ตอนนี้ทหารหลู่เหลือไม่ถึงหกแสนนายแล้ว“แม้จะเป็นเช่นนี้ ฝืนสู้เสียหน่อย ระเบิดไหสุราของพวกเขาก็หมดลงแล้ว”“องค์หญิง องค์หญิงพูดถูกพ่ะย่ะค่ะ หากพวกเรายืนหยัดอีกเสียหน่อย กองทัพลาดตระเวนต้องใช้ระเบิดจนหมดแน่นอน”“แล้วเหตุใดเจ้าจึงยังถอยทัพ?”“องค์หญิง ด้วยวิธีการขององค์หญิง สามารถคว้าชัยชนะมาได้ แต่ความสูญเสียนั้นมากเกินไป อีกทั้งเห็นชัดว่าเป็นกับดัก เสบียงอาหาร